เรื่องเด่น บุคคลที่ไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 กันยายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    FE31A26A-0424-4A98-83B3-D689696E12BE.jpeg
    เรื่องที่เราอธิษฐานไว้ บางอย่างก็เป็นสิ่งที่อันตราย ฟังแล้วแปลก ๆ อย่างเช่น การขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ถ้าทำไม่สมกับที่อธิษฐานไว้ ขอยืนยันว่าอันตรายมาก ในเมื่ออธิษฐานขอจะไปพระนิพพานชาตินี้ ตัวอธิษฐานบารมีจะค้ำอยู่ จะเจ็บป่วยทรมานหรือโดนรถ ๑๘ ทับยับเยินขนาดไหนก็ยังตายไม่ได้หรอก ต้องตัดร่างกายนี้ให้ได้เพื่อไปพระนิพพานก่อน เนื่องจากว่าเราไปตั้งเป้าเอาไว้แล้ว

    ลองนึกดูว่า ถ้ารถยนต์วิ่งแค่สูบเดียวแถมยางแตกอีก ๔ ล้อ จะไปถึงจุดหมายปลายทางอีท่าไหน ก็ต้องลากกันถูลู่ถูกังไป ดังนั้น..ท่านที่อธิษฐานขอพระนิพพานในชาติปัจจุบัน บางท่านสถานการณ์ครอบครัวบีบคั้นมาก แทบจะน้ำตาร่วงอยู่ทุกวัน หารู้ไม่ว่าเป็นเพราะเราทำเอง เพราะบุคคลที่ไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม บุคคลที่ไม่เห็นธรรมจะเข้าสู่พระนิพพานไม่ได้ กลายเป็นเราซ้ำเติมตัวเองให้ลำบาก

    แล้วทำอย่างไรถึงจะแก้ไขได้ ? ก็ต้องพิจารณาให้เห็นจริงว่าการเกิดมานี้มีแต่ความทุกข์ ร่างกายนี้มีแต่ความทุกข์ โลกนี้มีแต่ความทุกข์ ไม่มีอะไรที่อยากได้ใคร่ดี มีความปรารถนาอย่างเดียวคือหลุดพ้นจากกองทุกข์เหล่านี้ไปสู่พระนิพพาน

    พิจารณาให้มั่นคง มั่นใจ ชนิดที่พูดเมื่อไร คิดเมื่อไร อีกใจหนึ่งไม่เถียง บอกว่าร่างกายนี้มีแต่ความทุกข์ก็ไม่เถียงเลย..ยอมรับ บอกว่าเกิดมามีแต่ความทุกข์ สภาพจิตยอมรับ..ไม่เถียงเลย บอกว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์ สภาพจิตยอมรับ..ไม่มีการเถียงเลย ต้องพิจารณาให้ถึงระดับนี้ไว้ทุกวัน แล้วสถานการณ์ความทุกข์ในชีวิตจะคลายตัวไปอย่างมหาศาล เพราะท่านเห็นทุกข์แล้ว บรรดาพี่ป้าน้าอา ปู่ย่าตาทวดก็ไม่จำเป็นต้องบังคับให้เราทุกข์แล้ว

    แต่ถ้าเราไม่ยอมพิจารณาแล้วตั้งใจจะไปพระนิพพาน ขอยืนยันว่าท่านกำลังหาเรื่องเดือดร้อน ในเมื่อจะไปพระนิพพานท่านก็ต้องบังคับให้เห็นทุกข์ เพราะไม่เห็นแล้วไปไม่ได้ อธิษฐานเอาไว้มาก อุทิศส่วนกุศลให้กับเทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า เทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพญายมราช โหย..ทุกคนช่วยซ้ำ จะได้เห็นทุกข์ ก็อยากไปนี่ เหมือนกับเราเลี้ยงวัว ถ้าวัวเดินตรงทางก็ไม่ต้องเฆี่ยนต้องตี วัวตัวไหนแวะข้างทางไม่ยอมกลับขึ้นมาสักที ก็โดนทั้งไม้ ทั้งแส้ ทั้งปฏัก

    วันนี้บอกเคล็ดลับให้แล้ว หมั่นไปพิจารณาไว้ทุกวัน ให้เห็นจริง ๆ ว่าการเกิดมามีแต่ความทุกข์ การดำเนินชีวิตอยู่ของเรานี้อยู่บนกองทุกข์ หมั่นทำอย่างนี้ไว้ทุกวัน ๆ แล้วต่อไปทำอะไรจะสะดวกสบายเหมือนกับอาตมา เห็นแล้วว่าทุกข์เป็นอย่างไร คราวนี้เขากลัวเราหนี ในเมื่อเขากลัวเราหนีมารก็ต้องให้เราทุกอย่าง จะเอาชื่อเสียงเกียรติยศเงินทองอะไรเขาให้หมด เราก็รับไว้ด้วยความยินดี เอาไปทำบุญต่อ ยิ่งให้เราก็ยิ่งหนีห่างออกไปเรื่อย มารจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรน่ากลัว มารไม่ใช่ศัตรู..แต่เป็นครูที่ดีที่สุด เป็นครูที่ขยันทดสอบลูกศิษย์มาก ในเมื่อขยันทดสอบลูกศิษย์มาก ถ้าลูกศิษย์สอบได้ก็จะไม่ตกตรงจุดนั้นอีก

    เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเราคิดในลักษณะนี้ เราก็จะไม่มีศัตรู เราจะมีแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่รอบตัว ไม่มีอะไรที่น่าเสียใจในชีวิต สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราคิดว่าผิดพลาด เอาไว้เป็นบทเรียนแล้วแก้ไข ถ้าเราไม่ได้ทำก็ไม่ผิดพลาด ถ้าเราไม่ผิดพลาดเราก็ไม่ได้บทเรียนดี ๆ อย่างนั้น ถ้าเราทำแล้วถูก เราก็ได้กำไร ถ้าเราทำแล้วผิด เราก็ได้บทเรียน มีแต่ได้ทั้งนั้น แม้แต่ความทุกข์ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าจนประมาณไม่ได้ ตอนนี้เรียกร้องอย่างไรทุกข์ก็ไม่อยากจะมา เหตุที่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าจนประมาณไม่ได้นั้น

    อย่างเช่นเราเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง มีลูกมีหลานหรือเก็บเด็กมาเลี้ยงก็ได้ สมัยก่อนเขาบอกมีลูก ๑ คนจนไป ๗ ปี สมัยนี้อาตมายืนยันว่าจนไป ๒๒ ปี จนกว่าเขาจบปริญญาตรี ถ้าไม่ยอมทำงานจะจนนานกว่านั้นอีก แล้วลองคิดดูว่าต้องเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไร แค่ลูกอายุ ๒๒ ปี อาตมาเรียนปริญญาเอกหมดไปล้านกว่า เรียน ๒ คนหมดไป ๒ ล้านกว่า ตอนนี้วัดท่าขนุนเรียนปริญญาเอก ๕ คน จบ ๒ เหลืออีก ๓ ปริญญาโทเรียน ๙ จบมา ๔ เหลืออีก ๕ ปริญญาตรีเรียน ๗ คน ยังไม่จบสักรายหนึ่ง ยังต้องจนไปอีกนาน

    ทรัพยากรทั้งหลายที่ใช้ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นจำนวนเท่าไร ตีเสียว่า ๑ ล้าน ใช้แบบประหยัดสุด ๆ เลยนะ ใช้แบบชูชก ประหยัด อดออม ๑ ชีวิต ๑ ล้านบาท เราเกิดมากี่ชาตินับได้ไหม ? เกิดจนนับกัปไม่ถ้วนแล้ว ไม่ใช่นับชาติไม่ถ้วน แต่ละกัปเกิดนับชาติไม่ถ้วน คิดเป็นทรัพยากรมหึมามโหฬารขนาดไหน กว่าที่จะเห็นทุกข์ได้ อย่างน้อยก็ต้องสร้างบารมีมา ๒๐ อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป

    บาลีบอกไว้ชัดเลย จิตติตัง สัตตสังเขยยัง การที่คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้านี้ ๗ อสงไขยกัป นวสังเขยยะ วาจะกัง พูดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๙ อสงไขยกัป ปาไป ๑๖ อสงไขยกัปแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๔ อสงไขยกับหนึ่งแสนมหากัป เป็น ๒๐ บวก ๑ ต้องเกิดกันนับชาติไม่ถ้วน ใช้ทรัพยากรไปจนประมาณไม่ได้ว่าเป็นเงินเท่าไรกว่าจะได้เห็นทุกข์

    ทุกข์จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าจนประมาณไม่ได้ ซื้อก็ไม่ได้ จ้างก็ไม่มา ไหว้วานก็ไม่โผล่หัว ยกเว้นท่านที่มีปัญญาถึงจะมองเห็น ความทุกข์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าจนประมาณไม่ถูก ขอร้องเถอะ..รีบมา อยากเห็นมาก ส่งไลน์เรียก จะไลน์เดี่ยวไลน์กลุ่มก็ไม่มา ถ้าหากว่าปฏิบัติธรรมมาถึงตรงท้าย ทุกอย่างเหมือนกับโลกพลิกกลับ สิ่งที่เราเคยเห็นว่าไม่ดี จะกลายเป็นของดีทั้งหมด

    สมัยก่อนอาตมาอยู่กับหลวงปู่ฝั้น ที่เป็นครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หลวงปู่ฝั้นบอกว่า “ถ้าใจดี อะไร ๆ ก็ดีหมด ตัวเองก็ดี ครอบครัวก็ดี เรือนชานบ้านช่องก็ดี ชาวบ้านร้านตลาดก็ดี ประเทศชาติก็ดี” อาตมาฟังไม่รู้เรื่อง ดีได้อย่างไร ? ตอนนี้รู้แล้วว่าถ้าหากปฏิบัติได้อย่างหลวงปู่ว่านี่ทุกอย่างดีหมด ส่วนของพวกเราปฏิบัติมาถึงตรงนี้นะ ทุกอย่างดี..หมด หมดไม่เหลืออะไร เพราะฉะนั้น..เราถึงต้องมาหาดีให้ได้ แต่ของหลวงปู่นั้นดีทุกอย่างแล้ว ของท่านดีหมดคือดีทุกอย่าง ของเราดีหมดคือหมดความดี จึงต้องรีบหาความดีให้ได้

    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...