พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ย้อนไปเมื่อ ๑๑๔ ปี ที่แล้ว ตรงกับวันที่ ๘ สิงหาคม
    พุทธศักราช ๒๔๔๓ วันเสาร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด

    เด็กชายทองมา ได้ถือกำเนิดที่บ้านท่าสี จ.ร้อยเอ็ด บิดาชื่อ นายแก่นท้าว มารดาชื่อ นางทา(หา) บิดามารดาของท่านเป็นชาวลาว ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิตทั้งหมด ๗ คน หลวงปู่ทองมา เป็นบุตรคนที่ ๒ ตอนเป็นเด็ก เด็กชายทองมา ก็มีนิสัยเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่ต่างกันตรงที่ชอบเข้าวัด ช่วยหลวงพ่อกวาดใบไม้ ถูศาลาเป็นประจำ จนเป็นที่รักของพระสงฆ์ในวัด นิสัยอย่างหนึ่งคือเป็นเด็กที่กลัวผี และจะมาอ้อนวอนให้หลวงพ่อที่วัดช่วยสอนวิชากันผีให้ เด็กชายทองมา เป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง พอครบอายุ ๑๕ ปี โรงเรียนบ้านเชียงใหม่ เลยได้มาทาบทามให้ไปเป็นครูสอนที่โรงเรียน เพราะสมัยนนั้นครูหายากมาก ขาดแคลนครู นายทองมาเลยรับอาสาไปเป็นครูช่วยสอนเด็กนักเรียน ด้วยความเต็มใจ

    หลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ตั้งแต่เป็นสามเณร ตอนอายุได้เพียง ๑๖ ปี ท่านเป็นสามเณรที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างมาก ท่านเรียน สวดมนต์น้อย สวดมนต์กลาง และสวดมนต์ใหญ่ จนสำเร็จ สามเณรทองมาท่านมีความในสนใจอักขระธรรม หรือโตธรรม เป็นอย่างมาก เมื่อมีโอกาสท่านจะออกเดินทางไปเรียนมูลกัจจายน์ที่อุบลราชธนี ซึ่งเป็นเมืองที่มีการสอนธรรมะที่รุ่งเรืองมากในสมัยนั้น สามเณรทองมาเป็นสามเณรที่เคารพเชื่อฟังผู้เป็นครูบาอาจารย์อย่างยิ่ง จนเป็นที่เอ็นดูของอาจารย์และญาติโยมทั่วไป

    ในปี พุทธศักราช ๒๔๖๓ ครบอายุ ๒o ปีหลวงปู่ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดท่าม่วง ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พระครูสีลาจารวิสุทธ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

    หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควบคู่กับการปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว หลวงปู่ก็คิดว่าหากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริง ก็คงจะยากและใช้เวลานาน หลวงปู่จึงได้กราบลาขออนุญาติเจ้าอาวาส ออกเดินทางจาริกธุดงค์ ไปศึกษา ร่ำเรียนวิชา จากสำนักต่างๆ ทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างการเดินธุดงค์ หลวงปู่ได้กราบตัวเป็นศิษย์ ของพระอริยเจ้าอีกหลายรูป คือ "หลวงปู่มั่น ภูริทัติโต" ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว และได้เดินธุ์ดงค์ไปฝากตัวเป็นศิษย์ ของ "สมเด็จลุน" แขวงจำปาศักดิ์ประเทศลาว อันเป็นบ้านเกิดของบิดามารดาของท่านเอง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับท่านก็ได้กราบตัวเป็นศิษย์ ของ"หลวงปู่เงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร" อีกด้วย

    การเดิน ธุดงค์ ของหลวงปู่ไม่ได้ เดินธุดงค์ภายในประเทศเพียงเท่านั้น หลวงปู่ยังเดินธุงค์ไปทั่วทุกทิศ เช่น ในไทย ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศเขมร ประเทศเวียดนาม และที่สำคัญหลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปยังดินแดนพุทธภูมิ นั้นคือ ประเทศอินเดีย นั่นเอง
    ในช่วงระหว่างการเดินธุดงค์ของหลวงปู่ไม่มีใครคอยติดตาม รายละเอียดต่างๆ เช่น เดินธุดงค์ไปไหนบ้าง เจออะไรบ้าง ฝากตัวเป็นศิษย์ของใคร หลวงปู่ก็จะไม่ค่อยเล่าให้ฟังมากนัก นอกจากจะมีคนมาถามอยากจะรู้ หลวงปู่ถึงเล่าให้ฟัง เพราะหลวงปู่เป็นพระที่พูดน้อย สุขม เยือกเย็น แต่น่าเกรงขาม

    ในระหว่างการเดินธุดงค์หลวงปู่ได้ผจญ กับอันตรายต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายต่างๆนา เช่น เสือ งู และช้างป่า จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หลายครั้ง แต่ด้วยชีวิตอุทิศให้พระธรรมแล้วไซร์ ถ้าจะตายก็ขอให้เรา ตายเพื่อพระธรรม เถิด (หลวงปู่ปารภอยู่ตลอดการเดินทาง) ตลอดการเดินธุดงค์ของหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตั้งมั่นในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อย่างแท้จริง ชนิดที่เรียกว่า ไม่รู้ไม่เห็นไม่หลุดพ้น ก็จะไม่ยอมออกจากป่าเขาเลย หลวงปู่ทรงโปรด ผู้คนในป่าเขาเลาเนาไพร ให้หันมานับถือพระรัตนตรัย เทศนาสั่งสอนเทวามิจฉาทิฐิ โปรดภูตผี ปีสาจ วิญญาณสัมพเวสี ให้รู้แจ้งในธรรม...มากมาย โดยที่หลวงปู่มีเพียง"ธรรมาวุธ"
    และจิตที่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย อันเป็นสิ่งเดียวที่หลวงปู่ ยึดถือเอา

    ธุดงค์อยู่ในป่า ก็หลายปีแล้ว หลวงปู่จึงตัดสินใจก็เดินทางกลับมาจำพรรษาที่ จังหวัดร้อยเอ็ด รวมเวลาที่หลวงปู่ ท่องเที่ยวธุดงค์ในวิเวก ป่าเขาลำเนาไพร ก็เป็นเวลาหลายปีเลยทีเดียว หลวงปู่ได้นำพาชาวบ้าน ในการพัฒนาวัดวาอาราม สร้างโบสถ์วิหาร เทศนาให้ชาวบ้านให้หันมานับถือพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง ห้ามนับถือผี สาง นางไม้ ช่วยผู้คนที่มีทุกข์ เช่น คนที่โดน ผีเจ้าเข้าสิง ผีบอป ผีกองกอย หลวงปู่โปรดพวกผีเหล่านี้โดยใช้ "ธรรมะ" รวมทั้งรักษาคนบ้า คนวิกลจริต ทั้งที่โดน คุณไสย์ มนต์ดำ หรือ บ้าเพราะความเครียด หลวงปู่ก็ช่วยพวกเขาเหล่านั้น ด้วยความเมตา ไม่เลือกคนรวยคนจน ไม่เลือกปฎิบัติ หลวงปู่มีความเมตตา ญาติโยมทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่แยกแยะว่าจะเป็นคนไกล้ชิดหรือเป็นญาติโยมที่เดินทางมาจากต่างถิ่นแดนไกล

    ในบั้นปลายชีวิต ที่ท่านล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ร่างกายของหลวงปู่ในวัยชรานั้นอ่อนแรงมาก หลวงปู่ผอมมากไม่เหมือนเก่า จะลุกจะเดินเหินไปไหนก็ยากลำบาก บางครั้งท่านต้องนั่งรถเข็น และบางครั้งลูกหลานทั้งหลายต้องช่วยประคองพยุงกายช่วยท่านหลวงปู่ อยู่เสมอๆ และหลวงปู่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดินเหินไปมา ทุกๆมื้อเพิ่นจะนั่งอยู่บนกุฏิไม้เก่าๆ คอยโปรดญาติโยมที่แวะเวียนมากราบนมัสการท่านอยู่เสมอๆ ซึ่งแวะเวียนกันมาจากคนละทิศ เหนือใต้ออกตก มาทุกมื้อไม่เว้นเลย

    แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลวงปู่ของหมู่เฮา...เพิ่นก็ไม่เคยเบื่อ ไม่เคยบ่น ไม่เคยหนีไปไส คอยโปรดญาติโยม ที่เข้ามากราบนมัสการ อย่างนี้ทุกวัน สมกับที่เพิ่นเคยบอกไว้ว่าอยู่เสมอ "ว่าเพิ่นเป็นคนของชาวบ้าน" จริงๆ

    "โพ่นล่ะหลังจากญาติโยมเมือกลับหมดแล้ว ตอนค่ำๆ ท่านจึงค่อยไปสรงน้ำทำกิจวัตรส่วนตัว ไหว้พระสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา และสุดท้ายท่านก็แผ่เมตตาให้ ลูกหลาน ลูกเผิ่งลูกเทียน แล้วจึงนอนพักผ่อน หลวงปู่ทองมา ถาวโรเป็น พระอริยเจ้า ที่น่าเคารพนับถือ ศรัทธา น่ากราบไหว้ อย่างยิ่ง สมควรแล้วที่ชาวบ้าน เรียกเพิ่นว่า พระนักบุญ "พระโพธิสัตว์มาโปรด"

    หลวงปู่ทองมา ละสังขาร เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๔ รวมอายุ ๙๑ ปี พรรษา ๗๑ / ๓ พรรษาสามเณร


    รูปถ่ายนี้ ถือเป็นยุคต้นๆของวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกให้แน่นอนครับเลี่ยมวินเทจเก่า ลงสอบถามในกลุ่มเฟสหลวงปู่ท่านบอกว่าออกประมาณปี2518-2519 รับประกันแท้ .ทันท่านปลุกเสก

    บูชา 750 บาท


    line_632212861046450.jpg line_632205279714065.jpg line_632208788614296.jpg
     
  2. เด็กบางบัว

    เด็กบางบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +3,478
    ขอทราบราคาด้วยครับ
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091

    แจ้งทางข้อความแล้วครับผม
     
  4. เด็กบางบัว

    เด็กบางบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +3,478
    ขอจองเหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง รายละเอียดตามข้อความครับ
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    พระเนื้อว่านหลวงปู่ทวดปี2524

    ล.ป.ทวดเนื้อว่านปี2524 สร้างกันเอาไว้ตั้งแต่ปี 2522 แล้ว แต่เนื่องด้วยการกดพิมพ์เมื่อครั้งแรก (ปี 2522) พระที่กดออกมาไม่ค่อยสวยเนื้อพระบิ่นบ้างและไม่มีกล่องใส่ เวลาโดนมือจับก็มักจะบิ่นหัก ทำให้ทางวัดได้สั่งทำกล่องใส่พระรุ่นนี้ขึ้นมา แต่ทางโรงงานได้พิมพ์หน้ากล่องว่า ปี 2524 ทำให้ส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นพระปี 2524 และปี 2524 นี้ได้มีการบูชากันอย่างแพร่หลาย จนเป็นที่รู้จักและมากด้วยประสบการณ์

    หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 2524 ที่จัดทำขึ้น แยกออกเป็น 4 พิมพ์ คือ
    1.พิมพ์ใหญ่
    2.พิมพ์กลาง
    3.พิมพ์พระรอด
    4.พิมพ์กรรมการ

    จำนวนการสร้างพิมพ์กรรมการ จำนวน 2000 องค์ ส่วนพิมพ์อื่นๆ รวมกันประมาณ 2-3 แสนองค์


    พิมพ์กลาง
    สำหรับพิมพ์กลางองค์หลวงปู่จะนั่งอยู่บนฐานบัว สังเกตฐานบัวจะมี 9 คู่ พิมพ์หน้าจะดูสงบนิ่ง เหมือนอมยิ้มนิดๆ(ไม่รู้คิดเอาเองหรือเปล่านะครับ) ขนาดองค์จะมีขนาดเล็กกว่าพิมพ์ใหญ่เล็กน้อย และพิมพ์กลางเองแต่ละองค์ก็อาจมีขนาดไม่เท่ากัน เนื่องมาจากการหดตัวของเนื้อ บางองค์ที่เคยเห็นดูต้อๆ จนเซียน(เขาบอกว่าเขาเป็นเซียน) เรียกว่าพิมพ์กลางต้อ ก็มีครับ อาจจะเรียกให้ดูแตกต่างเพื่อกำหนดราคาเหมือนรุ่นปี 97 ที่มีพิมพ์ต้อ พิมพ์ชะลูด ก็เป็นได้ครับ

    พิมพ์พระรอดครับ
    สำหรับพิมพ์พระรอด มีขนาดเล็กสุด องค์หลวงปู่จะนั่งอยู่บนฐานบัว สังเกตฐานบัวจะมีเพียง 5 คู่
    มีส่วนผสมของ ว่านและผงที่เหลือจากการสร้างพระเนื้อว่านปี97

    หลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี24 จัดเป็นเนื้อว่านรุ่น3ของวัดช้างให้
    รุ่นแรกคือ หลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี97
    รุ่นที่สองคือรุ่นพินัยกรรม

    รุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่สาม
    แต่หากดูจากพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ ครบสูตร รุ่นนี้จะถือเป็นรุ่นที่สองที่มีพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ พิธีดี เทียบเท่ารุ่นแรกในปี 2497 หรืออาจจะใหญ่กว่าก็ได้ พิธีปลุกเสกรุ่นนี้ยิ่งใหญ่ ครบสูตร ดำเนินการจัดสร้างโดยท่านพระครูอนุกูลปริยัติกิจ

    ส่วนผสมของพระรุ่นนี้ได้แก่
    1.ว่านและผงที่เหลือจากการสร้างพระเนื้อว่านปี97จำนวน1ลังใหญ่
    2.ดินกากยายักษ์ (ยกเว้นพิมพ์กรรมการ)

    คณาจารย์ที่เข้าร่วมพุทธาภิเษก
    1.หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง พัทลุง
    2.หลวงพ่อวัดคลองท่อม พัทลุง
    3.หลวงพ่อสอน วัดปิยาราม ปัตตานี
    4.หลวงพ่อวัดโคกหมัน ปัตตานี
    5.หลวงพ่อวัดทุ่งคา ยะหริ่ง ปัตตานี
    6.อาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานี
    7.หลวงพ่อดำ วัดตุยง จุดเทียนชัย
    8.ท่านเจ้าคุณวัดนาประดู่ ดับเทียนชัย

    เมื่อก่อนหน้านี้ 2-3ปี บางกลุ่มหรือบางคนยังไม่มั่นใจในข้อมูลการสร้างที่คลุมเครือ จนถึงตอนนี้ ข้อมูลการสร้างชัดเจนประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ พระรุ่นนี้จึงกลายเป็นพระที่นิยมไปแล้วครับ ในกลุ่มเฟสบุ๊คผู้นิยมพระเนื้อว่านปี2524โดยเฉพาะมีการเช่าหากันค่อนข้างแรงราคาสูงไปตั้งแต่ครึ่งหมื่นถึงหลายหมื่น ตามพิมพ์และบล๊อคนิยมไปแล้วครับ

    2องค์นี้ เป็นพิมพ์กลาง องค์แรกถือเป็นบล๊อคนิยม มีบอล (มีก้อนกลมๆใกล้แก้มซ้ายองค์พระ) อีกองค์เป็นบล๊อคธรรมดา ผ่านการตรวจเช็คในกลุ่มหลวงปู่ทวดปี2524แล้วว่า แท้ แน่นอน สวยๆ รับประกัน เช่าไปแล้ว สามารถนำไปตรวจเช็คความแท้,เก๊ได้ อีกกี่ครั้งก็ได้ครับ พระหลักเช่าไปเก็บหรือบูชา เหมือนเป็นเงินเก็บ คราวใหนต้องการใช้เงินสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ ทันที

    บูชา 9,500 บาท

    องค์นี้มีบอล


    1613822842257.jpg 1613822848662.jpg 1613822847070.jpg 1613822845812.jpg 1613822844080.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2021
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    องค์นี้ไม่มีบอลครับ

    บูชา 8,500 บาท

    1613822855936.jpg 1613822854635.jpg 1613822853175.jpg 1613822858459.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2021
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ขอเปิดให้บูชาใหม่ครับ คนจองไม่พร้อม

     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    พระปรมัตถ์ หลวงพ่อผินะวัดสนมลาว
    พระปรมัตนี้หลวงพ่อผินะท่านนำมาห่อกับผ้าเช็ดหน้าแล้วม้วน เอาไว้ตีไล่ไข้ไล่โรค ปัดโรคภัยต่างๆ รวมไปถึงไล่คุณไสยศาสตร์ ขับผีสิงกันผีพลายเสนียดจัญไรทั้งหลาย และเด่นในเรื่องเมตตาและอำนาจบารมีมากครับ พระรุ่นนี้หลวงพ่อบอกว่าใช้ได้ทั้งชายและหญิง แต่ไม่ควรยืมใช้กัน

    คาถาบูชา
    พุธ ธัง กัน ตัง สะ ระ ณัง ฮ่า
    พุธ ธัง กัน ตัง สะ ระ ณัง แฮ่
    พุธ ธา นะ โม ยะ
    คาถาสมหวัง(ปลุกเสกให้ขลัง)ถือสัจจะอธิษฐานทำใจให้นิ่งอยู่ที่ของ นะเตสุเต (สวดเท่าอายุ) ปิดท้ายด้วย มหาสุเตนะชา

    คาถาบูชาหลวงปู่ผินะ ปิยธโร
    จุดธูป 5 ดอก พวงมาลัยดอกมะลิหอม บุหรี่กรุงทอง
    ตั้งนะโม 3 จบ อะหังสุขโต ผินะ ปิยธโร นามะเต อาจาริโยเม ภันเตโหหิ 3จบ

    เมื่อสำเร็จตามที่ขอให้ทำบุญอุทิศให้องค์หลวงพ่อและเทวดาที่รักษาวัตถุมงคลของหลวงพ่อ

    หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว เป็นพระอริยะผู้มากด้วยบารมี ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิตั้งแต่ปี 2545 วัตถุมงคลของท่านจึงมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ล่ำลือกันในหมู่ลูกศิษย์ สายตรงมาเป็นเวลานานแล้วครับ และในเดือนตุลาคมปีนี้ 2555 มีเรื่องเล่ากันว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ตามคำบอกของหลวงพ่อเมื่อละสังขารครบ 10 ปี จะมีฟ้าผ่าลงมาที่สุสานผินะ แล้วมาดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลวง พ่อผินะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสนมลาว ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ทางใจเป็นอัศจรรย์ ท่านสำเร็จกสิณ 10 สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆได้ ตามประสงค์ รู้วาระจิตของคนอื่น ปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นมาเหมือนมีชีวิตจิตใจ สามารถบนบอกได้ ขอได้ พูดกันรู้เรื่อง ขอให้มีของท่าน อะไรก็ได้ ใช้ได้เหมือนกัน วัตถุมงคลของท่านสร้างปาฏิหาริย์มากมายครับ หลวง พ่อผินะ ปิยธโร สมัยที่ท่านดำรงธาตุขันธ์อยู่ ท่านได้แสดง อิทธิปาฏิหาริย์ ให้ลูกศิษย์ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แก่สายตาอยู่บ่อยครั้ง เช่น ไม่ว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะขอรับวัตถุมงคลจากหลวงพ่อ ต้องนอนภาวนาเอาวัตถุมงคลกำไว้ในมือ หลวงพ่อจะมอบคาถาให้ท่อง แล้วท่านก็จะนำทรายประมาณหนึ่งกำมือ มาโรยใส่ตาผู้นั้น ระยะห่างจากตาเพียง 7-8 นิ้วเท่านั้นทันทีที่ทรายถูกโรยใส่ตา มันน่าแปลกมหัศจรรย์ ทรายนั้นไม่ว่าจะมีปริมาณมากสักเท่าใด แม้เพียงอณูเม็ดเดียวที่โรยวิ่งตรงมายังดวงตา ของผู้ที่นอนภาวนาอยู่ ก็หาได้เข้าถึงตาไม่ กลับกระเด็นออกไปจนหมดสิ้น เหมือนมีอะไรมาปิดบังตาไว้

    หลายคนเคยได้ยินหรือเห็นเรื่องราวของ หลวงพ่อผินะ มาบ้างแล้ว ซึ่งชื่อนี้เพิ่งเริ่มมาปรากฏขึ้นตามสื่อต่างๆเมื่อสามปีที่แล้ว เพราะท่านเป็นพระที่นั่งสมาธิถอดจิตมรณภาพ และสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย ท่านได้รู้วันมรณภาพของท่านก่อน อีกทั้งยังได้สั่งว่า “ จงเก็บร่างของฉันไว้ตรงนี้สิบปี อีกสิบปีข้างหน้าฟ้าจะผ่าที่นี่ แล้วให้ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ในเมืองไทยนั้นมีพระที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อยมากมาย แต่ที่นั่งสมาธิมรณภาพเหมือนหลวงพ่อผินะแล้วสังขารไม่เน่านั้นมีไม่กี่รูป หลวงพ่อผินะได้มรณะภาพตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 เป็นการนั่งสมาธิมรณภาพถอดจิตออกจากร่าง ในสมัยก่อนนั้นได้เคยมีรายการทีวีไปขอสัมภาษณ์ท่านแต่ท่านก็ปฏิเสธ การสร้างวัดของท่านก็ไม่เคยไปรบกวนญาติโยมให้เป็นที่เหนื่อยใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ที่สำคัญท่านได้สร้างตามนิมิตที่เกิดขึ้น เหมือนดั่งจำลองสรวงสวรรค์ลงมาบนโลกมนุษย์ และได้ทำให้เป็นปริศนาธรรมเพื่อให้คนเรานั้นได้คิด มีแต่ว่าใครศรัทธาก็มาทำบุญกันไปตามกำลังอันควร แนวทางการสอนธรรมะของท่านก็เน้นเรื่องการแก้ไขสัญญาวิปลาสที่ยึดติดอยู่ในรูปร่างกายที่มักเห็นว่าเป็นของสวยงาม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยรังแห่งโรค เป็นที่น่าสกปรก เน่าเสียเปลี่ยนแปลงไปทุกวันไม่คงที่ ซึ่งที่เราเรียกว่าอสุภกรรมฐาน นอกจากนี้ท่านยังได้แผ่บารมีช่วยเหลือลูกศิษย์ตามเรื่องเดือดร้อนของคนนั้นๆเป็นรายๆไป จนมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ลูกศิษย์ของท่านมีตั้งแต่ตำรวจทหารที่มียศมีตำแหน่ง นายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ข้าราชการและพ่อค้า รวมไปถึงผู้ที่นิยมชมชอบเรื่องการนั่งกรรมฐาน หลวงพ่อผินะท่านได้เดินธุดงค์ไปห้าประเทศในเอเซียเป็นเวลาหลายสิบปี ได้เคยไปกราบท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระผู้เป็นแม่ทัพธรรมแห่งแดนอีสาน ได้รับคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรมจากครูบาอาจารย์หลายท่าน เชื่อกันว่าหลวงพ่อผินะนั้นเป็นผู้ที่สำเร็จกสิณต่างๆ เป็นผู้ที่มีจิตเข้มแข็งล่วงรู้อดีตและอนาคตได้ สามารถอธิษฐานจิตช่วยเหลือผู้ที่มีเคราะห์กรรมให้ผ่านพ้นไปได้ ที่สำคัญหลวงพ่อผินะได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังได้อย่างศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอย่างมาก วัตถุมงคลและเครื่องรางของท่านนั้นผู้ที่ได้ไปบูชาติดตัวอยู่ต่างก็รับรู้ถึงประสบการณ์ที่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุ้มครองแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี กันเสนีดจัญไรคุณไสย์ต่างๆ เรียกได้ว่าครอบจักรวาลไม่เป็นที่สองรองใคร

    องค์นี้แท้รับประกัน สีเคลือบเดิมๆ เก่าถึงยุค

    บูชา 1,450 บาท

    1613832300022.jpg 1613832298303.jpg 1613832296536.jpg
     
  9. เด็กบางบัว

    เด็กบางบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +3,478
    ขออภัยด้วยครับ ต้องขอยกเลิกการจองก่อนนะครับ มีเหตุต้องใช้ปัจจัยด่วน เสียดายเหรียญนี้มากเลยครับรอยจารหลวงปู่ชัดมากเลย
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091

    ไม่เป็นไรครับ ยินดีที่สนใจครับ
     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ประวัติท่านพระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร)
    (อ้างอิงจากหนังสืออนุสรณ์ในงานบำเพ็ญกุศล พระครูอาทรพัฒนคุณ)

    ชาติภูมิ : ท่านพระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร) เกิดเมื่อ วันที่ 10 กันยายน 2453 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ เกิดในสกุล แสงเขียว เชื้อสายทางบิดา ท่านเกิดอยู่ที่นี่บ้านสำโรง
    เชื้อสายทางมารดา ท่านเกิดอยู่ที่บ้านนาทม บิดา – มารดา มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 8 คน


    · 1. นายพูน แสงเขียว

    · 2. นางหมูน พินธุรักษ์

    · 3. นางเข็ม แสงเขียว

    · 4. นางหลวย แสงเขียว

    · 5. พระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร)

    · 6. นายนวล แสงเขียว

    · 7. นางอ้วน สมเพราะ

    · 8. นางทองสี บุดดี

    ชีวิตตั้งแต่เยาว์วัย ท่านเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย สุภาพอ่อนโยน อุปนิสัย ชอบรักความสงบ มีใจใฝ่ในทางพระพุทธศาสนา มาตั้งแต่เด็กๆ จึงเป็นที่รักใคร่ของบิดา มารดา เป็นอันมาก เมื่อท่านเจริญเติบโตขึ้นชีวิตย่างเข้าสู่วัยรุ่นท่านเป็นผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีช่วยเหลือการงานบิดา มารดา ในการทำไร่ทำนา ด้วยความขยันขันแข็ง ด้วยอุปนิสัยที่ท่านเป็นผู้ที่มีความสุภาพอ่อนโยนมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้น จึงทำให้ท่านเป็นคนที่มีความสุขุม เยือกเย็น นุ่มนวล เป็นผู้ที่มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อเพื่อนฝูงอีกทั้งยังมีความเสียสละต่อส่วนรวมเสมอ จึงทำให้ท่านเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง และบุคคลทั่วไป

    จะด้วยบุพกรรมเก่าที่ท่านเคยสร้างสมมาเมื่อครั้งในอดีต ก็มิอาจจะทราบได้ท่านกลับไม่มีความลุ่มหลง นิยมชมชอบ หรือจรรโลงใจกับชิวิตแห่งการครองเพศฆราวาส อันหาแก่นสารสาระไม่ได้ จึงทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย จริตของท่าน กลับมีความนิยมชมชอบในศีลาจารวัตร อันสมถะเรียบง่ายของพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา

    ท่านมีความครุ่นคิดที่อยากจะออกบวช แต่ด้วยความเกรงใจ และสำนึกในพระคุณของบิดา มารดา ท่านจึงต้องอยู่ช่วยงานบิดา มารดาทำไร่ทำนา เพื่อแสดงความกตัญญู ตอบแทนพระคุณบิดา มารดา เมื่ออายุย่างเข้า 20 ปี บริบูรณ์ ท่านจึงตัดสินใจกราบอ้อนวอนบิดา มารดา เพื่อที่จะขออนุญาตออกบวช เพื่อแสวงหา สัจธรรม ปรากฏว่า บิดา มารดา ของท่านปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะความจริงแล้ว บิดามารดาของท่านก็มีความประสงค์จะให้ท่านออกบวชอยู่แล้ว

    เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ครั้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมพุทธศักราช 2473 ท่านจึงได้ตัดสินใจ เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ในบวรพระพุทธศาสนา ณ วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.พิบูลมังสาหาร (ในขณะนั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็น อ.นาตาลแล้วในปัจจุบัน) โดยมีพระอธิการพรมมา วัดบ้านระเว ต.ทรายมูล (ปัจจุบัน ต.ระเว) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระดี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ ฉันทโร” ซึ่งแปลว่า “ ผู้ทรงไว้ซึ่งความพอเพียง ” ผู้พอใจ กับความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สำเร็จเป็นพระภิกษุสงฆ์ในเวลา 18.08 น.

    เมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุสวน ฉันทโร แล้วท่านได้พำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ อยู่ในสำนักของเจ้าอธิการส่วน ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนาอุดม ซึ่งสมัย นั้นวัดนาอุดมเป็นแหล่งพำนักและศึกษาธรรมะของพระภิกษุสามเณร จำนวนมาก ท่านได้ศึกษาธรรมะอยู่ ณ วัดนาอุดม เป็นเวลา 3ปี จากนั้นท่านจึงย้ายไปศึกษาเพิ่มเติม ที่วัดบ้านคำหว้า เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน เมื่อพุทธศักราช 2478 ท่านจึงย้ายไปศึกษาต่อที่วัดสำโรงใหญ่ ซึ่งในสมันนั้นก็เป็นแหล่งศึกษาธรรม เช่นกัน ขณะนั้น อาจารย์หม่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส พระภิกษุสวนท่านได้ศึกษาวิชามูลกัจจายน์ และวิชาวิปัสสนากรรมฐาน ณ สำนักแห่งนี้ ท่านเล่าว่า อาจารย์หม่อนท่านเคร่งครัด ระเบียบวินัยมาก ผู้ที่จะมาศึกษาเล่าเรียนที่สำนักแห่งนี้ จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร และต้องมีความขยันอดทนเป็นอันมาก พระอาจารย์หม่อนท่านมีอุปนิสัยค่อนข้างดุมาก พระที่คอยอุปัฏฐากรับใช้ท่าน หลายรูป ที่ขาดความอดทน ทนอยู่ไม่ได้ต้องหนีไปก็มี จนไม่มีใครกล้าจะไปอุปัฏฐากรับใช้ท่าน

    อยู่มาวันหนึ่งพระอาจารย์หม่อนจึงได้เรียกพระภิกษุสวนเข้าไปพบและมอบหน้าที่พระอุปัฏฐากแทนพระที่หนีไป หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า ท่านถูกพระอาจารย์หม่อนใช้งานอย่างหนัก เช่น ให้เลื่อยไม้ เพื่อสร้างเสนาสนะภายในวัด ท่านทำจนมือไม้แตกไปหมด เลือดก็ออก ทั้งเจ็บทั้งระบม แต่ก็ต้องทน จะทำอย่างไรได้เมื่อได้รับคำสั่งจากครูบาอาจารย์ บางทีท่านก็จะดุ จะว่าโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะวันไหนที่มีญาตโยมมากันมากวันนี้แหละที่ท่านทำอะไรก็ไม่ถูกใจเอาไปเสียหมดบางทีท่านก็ ดุว่าเสียงดัง บางครั้งถึงขนาดต้องอับอายญาติโยม จนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ท่านก็ไม่หนี ท่านบอกว่าต้องใช้ความขันติ อดทนเป็นอย่างมาก เพื่อต้องการปฏิบัติครูบาอาจารย์ จนในที่สุดพระอาจารย์หม่อนเกิดความเมตตาสงสารเห็นว่าพระภิกษุสวน มีความอดทนขันติ มีความเพียรพยายาม มีความมุมานะไม่เคยปริปากบ่นสักคำอาจจะเป็นด้วยว่าพระอาจารย์หม่อนท่านต้องการทดสอบจิตใจ ความอดทนหรืออย่างไรไม่ทราบ อยู่มาวันหนึ่งท่านได้เรียกพระภิกษุสวนเข้าไปหาและบอกว่าจะสอนกรรมฐานให้ ทำให้พระภิกษุสวนท่านดีใจมาก พระอาจารย์หม่อนยังได้พาพระภิกษุสวนไปฝึกกรรมฐานในป่าช้า สองต่อสองโดยการแยกปฏิบัติคนละที่ หลวงปู่ญาท่านสวนท่านเล่าให้ฟังว่าพระอาจารย์ หม่อนท่านจะมีอาสนะพิเศษ ทำด้วยหนังหมี หอบหิ้วไปทุกครั้งที่ท่านสอนกรรมฐานในป่าช้า

    การที่ฝึกกรรมฐานท่านอาจารย์หม่อนให้ฝึกวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อฝึกปฏิบัติจนเป็นที่พอใจแล้วท่านก็ให้กลับไปฝึกปฏิบัติเอง ถ้าหากติดขัดประการใดก็ให้มาถามท่าน นอกจากวิชากรรมฐานแล้ว พระอาจารย์หม่อนยังได้สอนวิชาเวทมนตร์คาถาต่างๆให้อีกด้วย การฝึกกรรมฐานท่านเล่าว่าไม่เคยออก ธุดงค์เลย แต่ท่านตั้งใจฝึกฝนเพียรพยายาม ตามครูบาอาจารย์ท่านสอนต้องไม่ขี้เกียจ พยายามค้นคว้าหาความรู้ในแนวปฏิบัติตามตำราต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านบันทึกเอาไว้ นอกจากนั้น ท่านได้ศึกษาเรียนรู้วิธีการเขียน การอ่านอักษร ขอม เขมร และอักษรธรรมอีสาน จนเกิด ความชำนิชำนาญ สามารถอ่านออกเขียนได้จนคล่องแคล่ว การศึกษาทางด้านวิทยาคมนอกจากการศึกษาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานและสรรพวิชาเวทมนต์คาถาต่างๆจากพระอาจารย์หม่อนแล้วต่อมาท่านคิดว่าจะเดินทางไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับท่านสำเร็จลุน ที่วัดเวินไชย เมืองปากเซ นครจำปาศักดิ์ท่านสำเร็จลุน ถือว่าเป็นพระปรมาจารย์ผู้ทรงอภิญญา มีกฤษดาอภินิหารมากมายเป็นที่เลื่องลือในแถบลุ่มแม่น้ำโขงมีคนเคยเห็นท่านยืนสรงน้ำกลางแม่น้ำโขงท่านสามารถบังคับให้เรือรบของทหารฝรั่งเศสหยุดได้ และเคยเหยียบเรือรบของทหารฝรั่งเศส เอียงวูบ จนเกือบจะล่ม เมื่อคราวที่ทหารฝรั่งเศสให้คนมานิมนต์ ให้ท่านลงไปในเรือรบ แต่ท่านบอกว่าท่านไม่อยากลงท่านกลัวเรือจะล่ม แต่ไม่มีใครเชื่อท่าน จึงก้าวเท้าไปเหยียบปรากฏว่าเรือเอียงวูบทันที จนไม่มีใครกล้าคะยั้นคะยอให้ท่านลงและมีอยู่คราวหนึ่ง ท่านสำเร็จลุนบอกให้ลูกศิษย์ปลอกมะละกอและหาเครื่องตำส้มตำเอาไว้ ส่วนท่านจะไปเอาน้ำปลาจาก กรุงเทพฯมาให้ ปรากฏว่าท่านเดินคล้อยหลังไปแว๊บเดียว แล้วกลับมาพร้อมกับถือเอาขวดน้ำปลายี่ห้อแปลกๆที่ไม่เคยมีในแถบนี้มาให้ลูกศิษย์ ท่านพระภิกษุสวนเดินทางไปแต่น่าเสียดายที่ท่านไม่พบกับสำเร็จลุนท่านจึงได้เดินทางกลับ ต่อมาท่านได้ทราบว่า ยังมีศิษย์ของท่านสำเร็จลุนอีกรูปหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆเอาไว้และมีกฤษดาอภินิหารมากเช่นกัน พระภิกษุรูปนี้ก็คือ ญาท่านกรรมฐานแพง แห่งวัดสะพือ อ.พิบูล จ.อุบลราชธานี ท่านจึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของญาท่านกรรมฐานแพง การเรียนสรพพวิชา เวทมนตร์คาถาต่างๆในสายของสำเร็จลุน ญาท่านกรรมฐานแพงท่านกล่าวว่าผู้ที่จะมาเรียนวิชาในสายนี้จะต้องตั้งสัจจะคือเมื่อเรียนเสร็จแล้วจะต้องบวชไม่สึก
    วิชาที่เรียน ท่านพระภิกษุสวน ท่านได้ศึกษาวิชากรรมฐาน วิชาการเดินธาตุต่างๆเช่นแม่ธาตุอันได้แก่ นะ โม พุท ธา ยะ ธาตุ 4 ได้แก่ นะ มะ พะ ทะ ธาตุกรณีได้แก่ จะ ภะ กะ สะ แก้ว4 ดวงได้แก่ นะ มะ อะ อุ ท่านได้เรียนรู้การปลุกเศกวัตถุมงคล ให้เกิดฤทธิ์ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาการลงตะกรุดต่างๆ เช่น ตำแหน่งหน้าที่ และสมณศักดิ์

    - ตะกรุดโทน ตะกรุดสายรกพระพุทธเจ้า ตะกรุดอุปคุต ตะกรุดกันระเบิด
    - ตะกรุดสามกษัตริย์ ตะกรุดห้ากษัตริย์ ตะกรุดมหานิยม ตะกรุดรัตนบัลลังก์
    - ตะกรุดสาลิกา ตะกรุดสาลิกาตอมแห่ว ตะกรุดธรณีไหว ตะกรุดไก่โตนคอน
    - ตะกรุดเข้าตา ทำจากเงินปากผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร ตะกรุดโภคทรัพย์
    - ตะกรุดผูกข้อมือเด็ก ตะกรุดกันผี และอื่นๆ

    วิชาอื่นๆ เช่น

    -เสื้อยันต์
    –ถักเชือกมงคล
    -การทำสีผึ้งเมตตามหานิยม
    –การสร้างปลัดขิก ทำจากสากกระเบือแม่หม้ายแก่นไม้มะขามไม้คูณ
    -ตายพราย กัลปังหา ไม้มะยมตายพราย
    –การสร้างลูกปะคำ108 การสร้างลูกปะคำ 108
    –การสร้างลูกปะคำโทน
    –การสร้างพระราหูอมจันทร์
    –การฝังเข็มทองคำซึ่งมีกลุ่มเข็ม 32 เล่ม และเข็มโทน 1 เล่ม
    –การเข้าแผ่นทองคำเปลว
    –วิชาการทำน้ำมนต์เข้าหม้อ เพื่อเสริมดวง เสริมบารมี ต่อดวงชะตา
    –วิชาการเสกข้าวสารใส่กระบอกไม้ไผ่เพื่อต่อดวงชะตา
    –วิชาการทำน้ำพระพุทธมนต์ 7 บ่อ และอื่นๆ

    สรรพวิชาต่างๆในสายของสำเร็จลุน ที่ญาท่านกรรมฐานแพงได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านสำเร็จลุน ท่านได้ถ่ายทอดให้พระภิกษุสวนจนหมดสิ้นยกเว้นวิชาสุดท้าย เป็นวิชชาที่สุดยอดทางเมตตา ก็เพราะว่าผู้ที่จะเรียนวิชานี้จะต้องไปหารังผึ้งร้างรังมาทำเป็นเสื้อปูรองนั่งให้ได้ 2 คนคือ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาและลูกศิษย์ผู้รับการถ่ายทอดวิชา จึงจะสามารถถ่ายทอดวิชากันได้ พระภิกษุสวนใช้เวลาหารังผึ้งอยู่นานหลายปี แต่กว่าจะหาได้ญากรรมฐานแพงก็มรณภาพไปเสียก่อนนอกจากเรียนจากครูบาอาจารย์แล้วพระภิกษุสวนยังได้ศึกษาวิชาตามคำภีร์ใบลานซึ่งเป็นของครูบาอาจารย์ต่างๆที่บันทึกไว้นอกจากนี้ภายหลังพระภิกษุสวน ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสำโรงแล้วยุคหลังยังมีอาจารย์ฆราวาสผู้มีอาคมขลังท่านหนึ่งได้ไปมาหาสู่กับท่าน ซึ่งอดีตอาจารย์ท่านนี้เคยบวชปรนนิบัติรับใช้สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เทพวนาราม กรุงเทพฯ อยู่นานหลายสิบปี เข้าใจว่าท่านมาถ่ายวิชาให้ ด้วยศีลาจริยธรรมอันงดงาม พร้อมด้วยจิตที่มีความมุ่งมั่นในการทะนุบำรุง และพัฒนาวัดวาอารามให้เจริญรุ่งเรือง ถาวรสืบไป ด้วยวัยวุฒิ และคุณวุฒิ จากพระภิกษุสวน ณ บัดนี้หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโรที่ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านทั้งหลายให้ความเลื่อมใสและเคารพศรัทธาเป็นอันมาก ท่านได้สร้างเสนาสนะ ภายในวัดบ้านสำโรง จนมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ แต่ท่านหาได้ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ไม่ นอกจากวัดสำโรงใหญ่แล้วท่านยังไปเป็นประธานในการบูรณวัดเก่าที่บ้านสำโรงใต้ ต่อมาเมื่อพ.ศ. 2524 ท่านได้เริ่มไปบูรณะสำนักสงฆ์ที่บ้านหนองโน จากนั้นเมื่อ พ.ศ.2525 ท่านได้ย้ายไปอยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านหนองโนและได้เริ่มพาชาวบ้านบูรณะสำนักสงฆ์แห่งนี้ต่อมาจึงกลายเป็นวัดหนองโนในปัจจุบันนี้ ต่อเมื่อปี พ.ศ.2534 ท่านได้กลับไปวัดนาอุดม บ้านนาทมซึ้งเป็นวัดที่ท่านได้อุปสมบทครั้งแรก ทำให้เกิดความสังเวชใจที่เห็นสภาพวัดที่ทรุดโทรม เกือบจะเป็นวัดร้าง ท่านจึงได้ตัดสินใจกลับมาจำพรรษาที่วัดนาอุดม เพื่อต้องการบรูณะฟื้นฟูวัดนาอุดมขึ้นใหม่ซึ้งขณะนั้น อาจารย์ยอดท่านดำรงค์ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ญาท่านสวนท่านไปอยู่ในฐานะพระลูกวัด


    ท่านได้สร้างเสนาสนะขึ้นมาใหม่แทนเสนาสนะเดิมที่เก่า กำลังพังทรุดโทรม เช่นโบสถ์ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอระฆัง เมรุเผาศพ ศาลาพักศพ โรงครัว และถังเก็บน้ำ ห้องน้ำ ห้องส้วมโดยไม่มีสิ่งก่อสร้างเก่าหลงเหลืออยู่เลย แทบจะเรียกว่าท่านกลับมาสร้างวัดใหม่ ทำให้วัดนาอุดมเจริญขึ้นตามลำดับ



    เมื่อปีพุทธศักราช 2517 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นตรีที่ราชทินนาม พระครูอาทรพัฒนคุณ

    เมื่อปีพุทธศักราช 2525 ได้เลื่อนสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นตรีเป็นชั้นโทที่พระนามเดิม พระครูอาทรพัฒนคุณ

    ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะตำบลสำโรง ตลอดมา

    เมื่อปีพุทธศักราช 2548 ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์สัญญาบัตรยศชั้นโท เป็นชั้นเอก ที่นามเดิมพระครูอาทรพัฒนคุณ

    ปฏิปทา และศีลาจารวัตร

    พระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร) ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังแห่งความเมตตา ออกโปรดญาติโยมและศิษยานุศิษย์ท้งหลายโดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ท้อถอย ถึงแม้จะได้รับคำทัดทานจากลูกศิษย์ลูกหาว่า ขอห็หลวงปู่พักผ่อนดูแลสุขภาพของท่านเองบ้าง ท่านก็ได้แต่ยิ้มถึงแม้ท่านจะเจ็บป่วยท่านก็ไม่เคยแสดงให้ผู้อื่นที่มากราบท่านทราบ ท่านก็ยังคงสงเคราะห์ญาติโยมต่อไปไม่หยุดหย่อน จนลูกศิษย์เขียนป้ายห้ามรบกวนท่าน เพื่อต้องการให้ท่านพักผ่อนบ้าง เมื่อท่านเห็นท่านก็จะให้เอาออกทันที ท่านได้บอกกับลูกศิษย์ว่า บางคนเค้าอาจจะเดินทางมาไกล เขาอาจจะมีเรื่องเดือดร้อนให้เราช่วยเหลือ หรือเขาอาจจะต้องรีบกลับเพราะเขาอยู่ไกล ส่วนเราอยู่ที่นี่จะพักผ่อนเมื่อไรก็ได้นี่ ท่านสอนให้เรารู้จักเมตตา เห็นอกเห็นใจ ในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รู้จักเสียสละ ความสุขส่วนตัวไม่เห็นแก่ความสุขสบาย เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ท่านให้การสงเราะห์โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ท่านให้ความเสมอภาคเท่ากันหมด ไม่ว่าคนจน คนรวย เศรษฐีมั่งมี ยาจก เด็กหรือผู้ใหญ่ ท่านเต็มใจสงเคราะห์ให้ทั้งหมด

    ท่านมีความเป็นอยู่อย่างสันโดษ สมถะ เรียบง่าย ประหยัด มัธยัสถ์ ใช้สิ่งของที่ญาติโยมนำมาถวายอย่างคุ้มค่า ไม่มีความยินดีในการเป็นอยู่อย่างสุขสบาย หากแต่มีความยินดีในความเป็นอยู่อย่างทุรกันดาร แบบชนบท ซึ่งเป็นการส่วนกระแสของโลกโลกาภิวัตน์ อันเป็นสังคมที่มีแต่การแข่งขัน พัฒนาการเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่โลกมนุษย์ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดกิเลสของความไม่รู้จักพอเป็นโลกแห่การช่วงชิงอำนาจ เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน จนทำให้โลกในขณะนี้ มีความสับสนวุ่นวาย เกิดภัยพิบัติทั้งปวง ก็อันสืบเนื่องมาจากตัวกิเลสอุปทาน ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกู ของกู กอดรัดฟัดเหวี่ยงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย...ไม่ยอมวาง...

    ด้วยเหตุนี้หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร ท่านจึงรู้เท่าทันกิเลส ไม่ยอมลุ่มหลงอยู่ในความสุขสบาย หากแต่ต้องการอยู่ใกล้ชิดกับความทุกข์ยากลำบาก เพื่อเอาความทุกข์ยากลำบากมาเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส เพราะท่านรู้ว่าสรรพสิ่งในโลกนั้นล้วนแต่เคลื่อนไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ทุกสรรพสิ่งทั้งหลาย ในโลกนี้เคลื่อนไปสู่ความเสื่อมสลายในที่สุด ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข สิ่งเหล่านี้ ละได้ย่อมสงบ ท่านเป็นพระเถระผู้มีความสงบ เรียบร้อย ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน แม้กระทั่งเวลาฉันเป็นผู้มีความนอบน้อม อ่อนโยน ถ่อมตน ไม่โอ้อวดดังคำที่ว่า

    “ ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้ง ไม่อวดตน ”

    “ คนดีย่อม ไม่ยกตน ข่มท่าน ”

    “ คนเก่ง ย่อมทะนงอยู่ อย่างเงียบ ”

    “ คนโง่ อวดรู้ดี มีทั่วภพ ”

    ท่านเคย ปรารภว่า “อย่างเรามันต้องเสือซ่อนเล็บ ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดคนอื่นเขาหรอก....”





    ท่านสอนคนให้รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อกำจัดความเห็นแก่ตัวต้องการให้ศิษยานุศิษย์ มีความรักใคร่สามัคคีปรองดองกัน ไม่อิจฉาริษยากัน ท่านสอนให้รู้จัก เป็นผู้มีอัธยาศัยไมตรีจิตที่ดี เอาใว้ใส่แขกญาติโยมผู้มาเยือนจะเห็นได้ว่า ถ้ามีญาติโยมมากราบท่าน ท่านจะลุกขึ้นไปหยิบเอาสาดเสื่อมาปูให้จัดหาน้ำหาท่า ผลหมากรากไม้ตามที่มีมาให้รับประทาน นับเป็นความอบอุ่นและความประทับใจ แก่ญาติโยมผู้มากราบท่านโดยทั่วหน้ากัน ท่านเป็นแบบอย่างของนักพัฒนา นักก่อสร้างสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์เพื่อประกอบกิจในทางพระพุทธศาสนา ในวัดวาอารามต่างๆอย่างมากมาย ตามแต่สถานภาพของความจำเป็น เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป แต่ท่านหาได้ยึดติดกับสิ่งเหล่านั้นไม่ หากแต่ท่านมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ปล่อยวางกับสิ่งที่เรียกว่าวัตถุ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น





    ปฏิปทาที่กล่าวมาเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในช่วงประวัติของท่าน เมื่อท่านยังดำรงสังขารธรรมอยู่นั้น ท่านไม่ได้ตั้งตัวเป็นอาจารย์สอน ท่านไม่ได้สอนด้วยคำพูดแต่เป็นการสอนให้ด้วยการลงมือทำให้ดูให้เป็นตัวอย่าง



    วาระแห่งการมรณภาพ

    เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2548 สุขภาพของหลวงปู่เริ่มอ่อนเพลียเพราะท่านฉันอาหารไม่ค่อยได้ ปลายเดือนมกราคม 2549 ท่านมีอาการปวดท้อง คณะศิษย์จึงได้นิมนต์ท่านไปโรงพยาบาล ปรากฏ

    ว่าอาการป่วยของท่านเป็นลำไส้อุดตัน เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้วคณะแพทย์จึงได้อนุญาตให้ท่านกลับวัดได้ ต่อมาเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ท่านมีอาการอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง เพราะท่านฉันอาหารไม่ได้คณะศิษย์จึงได้นิมนต์ท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว คณะแพทย์จึงอนุญาตให้ท่านกลับวัดได้ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อมาท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายสุธี มากบุญ ท่านทราบว่าหลวงปู่มีอาการอ่อนเพลียไม่ค่อยสบาย ท่านจึงได้มีคำสั่งให้คณะแพทย์โรงพยาบาลตาลสุม มาเฝ้าดูแลอาการของหลวงปู่ที่วัดนาอุดม ตลอด 24 ช.ม.

    เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2549 ท่านมีอาการอ่อนเพลียชีพจรเต้นอ่อนลง คณะแพทย์ผู้เฝ้าดูอาการ

    จึงได้ตัดสินใจนำท่านไปรักษาอาการ ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ คณะแพทย์ต้องให้อาหารทางสายยางและใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่สามารถพลิกตัวเองได้



    วันที่ 9 -10 -11-12 มีนาคม ท่านไม่มีอาการตอบสนอง(วันที่ 11 มี.ค.2549 คณะแพทย์ได้อนุญาตคณะผ้าป่าจากกรุงเทพฯเข้าเยี่ยมดูอาการหลวงปู่)



    เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 เวลาช่วงประมาณบ่ายโมงท่านรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมองเพดานไปมา ก็พอดีลูกศิษย์ที่เฝ้าอยู่มองเห็นอาการดีขึ้นและมีอาการตอบสนองยังมีสติสัมปชัญญะ เหมือนท่านพยายามบอกอะไรบางอย่างให้ลูกศิษย์ทราบ แต่มันติดอยู่ที่สายยางที่แพทย์สอดไว้ในปากของท่าน ลูกศิษย์ก็พากันดีอกดีใจและกราบเรียนท่านว่า หลวงปู่หายเร็วๆนะ จะได้พาหลวงปู่กลับวัด ท่านมองด้วยดวงตาที่ใสเป็นประกายพร้อมกับยักคิ้วให้ทั้ง 2 ข้างอย่างที่ท่านเคยยักคิ้วให้ลูกศิษย์ตอนที่ท่านยังดำรงสังขารตามปกติ ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนที่ได้ทราบข่าวอาการของท่านดีขึ้น ก็พากันดีอกดีใจไปตามๆกัน



    แต่แล้วในเช้าวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2549 เวลา 6.30 นาฬิกา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ วังอังคาร (เป็นวันครูของท่าน) หลวงปู่ญาท่านสวน ได้ปล่อยวางสังขาร ด้วยอาการอันสงบยังความเศร้าโศกเสียใจและอาลัยอาวรณ์แก่ศิษยานุศิษย์ บัดนี้หลวงปู่ญาท่านสวนของเรา ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่ที่แพร่กิ่งก้านสาขา คอยปกคลุมให้ความชุ่มชื่น ร่มเย็น เป็นที่พักพิงแก่เหล่าสรรพสัตว์และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ท่านได้ปล่อยวางสังขารจากเราเสียแล้ว ท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่ล้มด้วยอายุกาลเวลาที่ตรากตรำ ทนแดดทนฝนมานาน ไม่ได้ล้มด้วยเพราะโรคาพยาธิเบียดเบียน เป็นการล้มไปตามกฎของธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมโทรมและก็ดับไปเป็นธรรมดา ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ การยกเว้น ไม่มีเส้น ไม่มีสาย ไม่มีพวกเราพวกเขาทุกคนมีสิทธิ์และความเสมอภาคเท่าเทียมกันทั้งหมด แม้กระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นศาสดาเอกของโลก เมื่อครั้งที่ท่านยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ท่านก็ปฏิบัติตนไปตามกฎของธรรมชาติ ท่านมิได้หลีกหนีความตาย ท่านเผชิญหน้ากับความตายอย่างองอาจ ท่านเป็นดั่งวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ท่านได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติ เรื่องของโลก จนในที่สุดท่านก็รู้ทันธรรมชาติ รู้ทันโลก และท่านก็รู้วิธีการเอาชนะธรรมชาติเอาชนะโลก เป็นผู้อยู่เหนือโลก อยู่เหนือวัฏฏะสงสารท่านได้ตัดกิเลสอุปาทานจากขันธ์ 5 ตัดจากความยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งเครื่องพันธนาการผูกมัดชาวโลกทั้งหลายเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ เมื่อท่านตัดกิเลส อุปาทานลงได้อย่างราบคาบแล้ว ท่านก็หาได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัวไม่ท่านกลับมีความสงสารชาวโลก ที่ยังมีความโง่หลงงมงายนับเป็นพระมหากรุณาและเมตตาอันใหญ่หลวงที่พระองค์ท่านได้นำเอาธรรมะ ซึ่งพระองค์ท่านได้รู้แจ้งเห็นจริง นำมาเผยแผ่พร่ำสอน ชี้แนะให้แก่ชาวโลกเหล่าสาวก พุทธบริษัททั้งหลาย ได้มองเห็นโลกอันแท้จริง ดั่งที่ท่านมองเห็น เราอยู่กับโลกต้องเข้าใจในโลกมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เหล่าศิษยานุศิษย์พึงแสดงความเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์ต่อการจากไปของหลวงปู่อย่างไม่มีวันกลับ ก็เนื่องจากว่าเมื่อครั้งท่านยังดำรงสังขารอยู่นั้นท่านได้ประกอบคุณงามความดีอันทรงคุณค่าทางธรรมอย่างมากมายมหาศาลมีความเมตตาต่อศิษยานุศิษย์เหมือนพ่อที่มีต่อลูกอย่างหาที่สุดไม่ได้ ด้วยคุณงามความดีและปฏิปทานี้แหละมันคือทรัพย์สมบัติอันมหาศาลที่ท่านได้ทิ้งไว้ให้พวกเราเหล่าศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้น้อมนำเอาไปประพฤติปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตต่อครอบครัว ต่อหน้าที่การงาน ต่อสังคมหลวงปู่ท่านมิได้หายไปไหน หลวงปู่ท่านยังสถิตอยู่ในหัวใจของศิษยานุศิษย์อยู่ตลอดเวลา สถิตตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกับท่าน และจะสถิตต่อไปชั่วนิรันดร์

    หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร สิริอายุได้ 95 ปี 6 เดือน 6 วัน 75 พรรษา


    IMG_25640221_113545.jpg IMG_25640221_113535.jpg IMG_25640221_113448.jpg IMG_25640221_113420.jpg IMG_25640221_113510.jpg IMG_25640221_113506.jpg IMG_25640221_113459.jpg IMG_25640221_113454.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2021
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิด

    เหรียญมหาลาภหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลังหลวงพ่อบัวเผื่อน วัดพรหมน ิมิต(วัดหลังเขา)ลูกศิษย์หลวงพ่อพรหม เนื้อกะไหล่เงิน

    ออกปี2535 พิธีดีครับ หลวงโอดปลุกเสก รับประกันแท้

    บูชา 400 บาท

    IMG_25640221_174048.jpg IMG_25640221_174036.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2021
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิด

    แกะออกแล้วครับ ตะกรุดทองแดงด้านในมีรอยจารยันต์ชัดเจน ตะกั่วด้านนอกขึ้นไขแล้ว แท้แน่นอน สวยดีครับ


    บูชา 600 บาท



    IMG_25640222_073706.jpg IMG_25640222_073755.jpg IMG_25640222_073751.jpg IMG_25640222_073747.jpg IMG_25640222_073724.jpg IMG_25640222_073804.jpg IMG_25640222_073801.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2021
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    หลวงปู่เจือ เกิดวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2461 ในรัชกาลที่ 6 เป็นพระเกจิ 5 แผ่นดิน มีอายุมากเกิน 100 เพียงรูปเดียวของจังหวัดกำแพงเพชร เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวกำแพงเพชรอย่างมาก โดยหลวงปู่เจือ เคยเปิดเผยว่า เดิมเป็นคน อ.หันคา จ.ชัยนาท แต่ย้ายมาอยู่กำแพงเพชรนานแล้ว ก่อนบวชที่วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่และเป็นวัดร้าง มีชาวบ้านไปนิมนต์พระมาจำพรรษาอยู่ได้ 2-3 วัน ก็หนีหมด เป็นแบบนี้มาตลอด ในช่วงนั้นหลวงปู่ อายุเกือบ 60 ปีแล้ว ครอบครัวทางบ้านไม่มีภาระอะไรแล้ว จึงได้ไปบวชแล้วมาอยู่ที่วัดแห่งนี้เป็นเวลา 39 ปี

    สำหรับวัตถุมงคลเพิ่งสร้างได้ประมาณ 20 รุ่นเท่านั้น รุ่นเก่าๆไม่มีหลงเหลือแล้ว หลวงปู่เจือเปิดเผยว่า อ่านหนังสือไม่ออกเพราะสมัยนั้นไม่มีโรงเรียน แต่สามารถสวดมนต์ได้ และท่องคาถาปลุกเสกวัตถุมงคลได้ เนื่องจากคาถาที่ใช้ปลุกเสกจะลอยมาให้จำเอง จึงใช้พระคาถานี้ปลุกเสกวัตถุมงคลทุกรุ่นเหมือนกันหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชานหมากที่หลวงปู่เคี้ยว จะถูกขอไปหมดไม่มีเหลือ ถ้าปลอดคนนำไปตากไว้ปรากฏว่าหายหมดเพราะถูกขโมย ซึ่งผู้ที่เคารพศรัทธาเชื่อว่าชานหมากของหลวงปู่ มีพุทธคุณวิเศษยิ่ง เนื่องจากทุกคนที่ศรัทธาต่างเชื่อว่าหลวงปู่เจือเป็นจอมขมังเวทย์ จึงเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์มาก และทันทีที่ข่าวหลวงปู่เจือมรณภาพ ปรากฏว่าวัตถุมงคลที่มีให้บูชาในวัด ถูกประชาชนพากันมาบูชาไปจนหมดเกลี้ยงทุกรุ่น

    พระขุนแผนแขนอ่อน ปี2562 พร้อมกล่องเดิม รับประกันแท้

    บูชา 350 บาท


    line_270923547653531.jpg line_270915611219453.jpg line_270900368553145.jpg line_270890444381990.jpg line_270882446337297.jpg
     
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

    เพราะประสบการณ์ของรูปหลวงพ่อกวยรุ่นนี้ จึงมีคนเสาะหามาแขวนและสะสมกันมาก ของเก๊,เลียนแบบจึงตามมามากมาย แต่สังเกตุุง่ายๆว่า ของแท้ ตั้งแต่แขนซ้ายลงไปถึงพื้นโค้งขึ้นกึ่งๆแขนขวาหลวงพ่อกวยท่านต้องออกสีดำ คล้ายๆตัว U. ของเก๊เลียนแบบนำของแท้ไปสำเนาจึงขาว ไม่ดำเหมือนของแท้

    ใบนี้เลี่ยมพร้อมแขวนบูชาจากวัด ด้านหลังเป็นสายสิจณ์

    บูชา 650 บาท

    IMG_25640223_071153.jpg IMG_25640223_071158.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2021
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดแล้วครับ

    ลูกแก้วกายสิทธิ์ หลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เชียงราย

    ( ที่สุดของวัตถุ มงคล ที่หายากมากๆ พุทธคุณ ร่มเย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรือง เรียกเงิน เรียกทอง ป้องกันภัยทั้งปวง )

    ถามว่าวัตถุมงคล อันดับหนึ่งของท่านคือ อะไร คำตอบก็คือ " ลูกแก้ว " นี่เองครับ ....

    พุทธคุณของลูกแก้ว ครอบจักรวาลจริงๆ สุดยอดที่สุด เป็นกายสิทธิ์ มีพระอยู่ข้างใน เป็น

    " องค์พระปางจักรพรรดิ์ทรงเครื่อง กายแก้ว รัศมีสว่างมากๆ... "

    ...ถ้า ผู้ที่ปฏิบัติธรรมไปด้วยจะดีมากๆ เพราะกายสิทธิ์จะช่วยในการปฏิบัติได้มาก.

    บทสรุป เกี่ยวกับลูกแก้วกายสิทธิ์


    1. ลูกแก้วนี้ หลวงปู่ดาบส ท่านอธิษฐานให้เป็น " แก้ว มณีรัตนะ แก้วจักรพรรดิ์"

    ดวงแก้วนั้นมีรัตนะเจ็ด คือ แก้ว ๗ ประการ ดังต่อไปนี้

    จักรแก้ว ๑
    ช้างแก้ว ๑
    ม้าแก้ว ๑
    ดวง แก้วมณี ๑
    นางแก้ว ๑
    คฤหบดี (ขุนคลัง) แก้ว ๑
    ขุนพลแก้ว ๑

    ใน แก้ว ๗ ประการนี้ จักรแก้วเป็นใหญ่ เป็นประธานในแก้ว ๗
    ประการ ทั้งหลายเหล่านั้น ในแก้ว ๗ ประการ เป็นตัวอำนาจ
    มีสิทธิให้สำเร็จ อำนาจและเกิดการน้อยใหญ่ ดุจดังมหา
    อำมาตย์ผู้ใหญ่ เป็นผู้สำเร็จราชการทั้งปวง เพราะเหตุนี้
    แหละ จักรทั้ง ๓ นั้นจึงได้นามว่า “จักร”...

    2. ท่านบรรจุวิชชาพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นกายสิทธิ์ ลงไปในพระสมเด็จ ที่เรียกว่า บรมจักรพรรดิ์ ( สายวัดปากน้ำ รู้จักกันดี ).

    บรม จักร มีพระบรมเดชาศักดานุภาพและมีฤทธิ์มีอำนาจ ใหญ่ยิ่งสูงสุดกว่า จุลจักร และมหาจักร มีแก้วกายสิทธิ์ชั้น บรมจักรนี้เป็นบริวารอเนกอนันตัง ปริมาณังเหลือที่จะนับจะ ประมาณได้ มีอำนาจเหนือ และเป็นผู้บังคับบัญชาใช้สอยจุล จักร,มหาจักรพร้อมทั้งบริวารจุลจักร มหาจักรด้วย เป็นผู้มีหน้า ทีเลี้ยงและรักษาดูแล ให้สมบัติและความสุขความเจริญ พร้อม ด้วยอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค เครื่องใช้สอย เครื่อง อุปกรณ์ความสุขต่าง ๆ นานา ไม่ให้เบียดเบียนหมู่มนุษย์ คอย พิทักษ์รักษาดูแลหมู่มนุษย์ และทรัพย์สมบัติของมนุษย์ไม่ให้ เป็นอันตราย คอยให้ความสุข ป้องกันความทุกข์ต่าง ๆ ของ มนุษย์เช่นเดียวกันกับแก้วจุลจักรและมหาจักร แต่ทว่าทำหน้าที่ ประณีตกว่า อุดมกว่า สูงสุดกว่าละเอียดกว่าเลิศประเสริฐกว่า ยิ่งใหญ่กว่าแก้วจุลจักรและแก้วมหาจักรทั้ง ๒ ประการนั้น..

    3. ท่านบรรจุวิชา " ดวงแก้วพระสีวลี " ให้เป็นพิเศษ มีผลเรื่อง ลาภ วาสนา เป็นอย่างยิ่ง.

    4. ท่านเชิญ เทวดา ชั้นสูง ให้สถิตในองค์พระ ดูแลรักษาผู้บูชา ให้มีแต่ความสุขความเจริญ.

    5. ผู้ที่ได้เจริญธรรม สวดมนต์ ภาวนา อยุ่เสมอ จะยิ่งทำให้ลูกแก้ว ทรงอานุภาพสูงยิ่งขึ้นไปๆ จนกระทั่งเป็น " แก้วจักรพร รดิ์ "

    6. ท่านอฐิษฐานธรรม บรรจุวิชชา ของพระพุทธเจ้า บันทึกลงไป เหมือนพระำไตรปิฎกเคลื่อนที่..

    7. หลวงปู่จาม วัดป่าวิเวกวัฒนาราม พระโพธิสัตว์ อีกท่านหนึ่ง ท่านได้เล่าไว้ว่า " ลพ.ดาบส สุมโน เป็นสมเด็จโต ลงมาสร้างบารมี " ..

    มี อานุภาพสูงสุด เรื่อง โชคลาภ วาสนา ส่งเสริมให้คนบูชาร่ำรวยด้วยทรัพย์สิน บริวาร เจริฐลาภ เจริญยศ ส่งเสริมให้ชีวิตไม่มีวันตกต่ำ..

    หลวง พ่อเป็นพระบุญฤทธิ์ และ อิทธิฤทธิ์ ยากจะหาพระเกจิองค์ใดมาเทียบได้..

    วัตถุมงคลของท่าน มีผู้ที่ได้รับไปบูชา ล้วนแล้วแต่ร่ำรวยและมีวาสนาดีมากๆ ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ไปตามๆกัน ...

    สำหรับ หลวงปู่ดาบส ท่านเป็นพระอริยะเจ้า ที่บำเพ็ญพระโพธิญาน บารมีท่านสูงมากๆ ครูบาอาจารย์หลายท่าน ให้ความยกย่อง บางท่านให้ศิษย์ไปกราบไว้ ไปทำบุญ ไปเรียนวิชากับท่าน เช่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่เกษม เขมโก หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก เป็นต้นครับ..

    ขนาดหัวใจของท่าน ยังเผาไม่ไหม้ แถมยังแปรสภาพเป็น สีเขียวมรกต อีกด้วย พระระดับนี้ในเมืองไทยไม่ค่อยเจอนะครับ.

    ลูกแก้วแบบนี้ท่านให้สร้างเพื่อแจกลูกศิษย์ปี2519 ลูกแก้วนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ทางโรงงานทำขึ้นมาเพื่อให้แตกต่างจากลูกแก้วทั่วไปคือ มีรอยโค๊ต เป็นรูปคล้ายๆหนวดมังกร 2 ที่ บนลูกแก้ว จำนวนไม่เป็นที่ทราบว่าจำนวนเท่าไหร่ มีทั้งที่ลูกที่หุ้มเชือกเพื่อแขวนบูชา และไม่ถัก ลูกนี้ไม่ถักครับ รับประกันแท้



    IMG_25640223_085720.jpg IMG_25640223_085146.jpg IMG_25640223_085135.jpg IMG_25640223_085111.jpg IMG_25640223_085057.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2021
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิด

    รูปหล่อหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่

    หลวงปู่หลิว วัดไทรทอง สร้างปี พ.ศ. 2539 จัดสร้างพร้อมพญาเต่าเรือนรุ่นเปิดโลก ขนาด 1.3 x 2.7 ซม. สร้างน้อย หายาก สภาพสวยสมบูรณ์ ส่วนใหญ่คนจะรู้แค่ว่าเหรียญเต่า แต่รุ่นนี้จัดสร้างมีทั้งพระ5พี่น้อง ไม่ค่อยพบเจอเท่าไหร่ครับ รับประกันแท้ สวย

    บูชา 650 บาท

    IMG_25640223_100618.jpg IMG_25640223_100612.jpg IMG_25640223_100625.jpg Screenshot_25640223_100813.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2021
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,316
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดแล้วครับ

    เหรียญเสมาหลวงพ่อทวด รุ่นใต้ร่มเย็น เสาร์ 5 ปี 2526 วัดช้างให้ จ.ปัตตานี

    *** ประสบการณ์ *****
    เมื่อเร็วๆ นี้กลายเป็นข่าวฮือฮาในอินเตอร์เน็ต "ส.อ.พัฒนพร ต้นจันทน์" ช่างเครื่องที่ 2 รอดตายราวปาฏิหาริย์จากกรณีที่เครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกรุ่นเบลล์ 212 ตกกลางป่าใกล้ไร่ของชาวบ้าน หมู่ 7 บ้านหนองเกต ต.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ข่าวว่าในคอห้อยพระเครื่องทั้งหมด 3 องค์ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ "เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นใต้ร่มเย็น เสาร์ 5" ปี 2526 วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รอดตายราวปาฏิหาริย์

    ***** วัตถุประสงค์การจัดสร้าง *****
    รุ่นนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกและเก็บรักษาบูชา หลังจากกำลังทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน และประชาชนชาวบ้าน ผนึกกำลังกันเป็นกองทัพแห่งชาติ โดยการนำของ "พลโทหาญ ลีนานนท์" ซึ่งในขณะนั้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ช่วงปี 2524-2526
    ทำการปราบปราม กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้ ขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน และโจรคอมมิวนิตส์มาลายา จนหมดสิ้นนำความสงบสุขร่มเย็นกลับสู่ดินแดนถิ่นใต้ทั้ง 14 จังหวัด ร่วมสองทศวรรษ 2526-2547
    หลวงพ่อทวด รุ่นใต้ร่มเย็น จัดสร้างและทำพิธีปลุกเษก ในวันเสาร์ห้า ปี 2526 ที่วัดช้างให้ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และมี "พระอาจารย์นอง" วัดทรายขาว จ.ปัตตานี รวมถึงพระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ทวดทั้งหมดในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงในสมัยนั้นร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก นำมาแจกจ่ายแก่ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน
    และข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไว้เป็นที่ระลึก ประสบการณ์ ทุกคนที่มีเหรียญหลวงพ่อทวดติดตัวบูชา สม่ำเสมอ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของตนและครอบครัว

    คาถาบูชาหลวงพ่อทวด

    ให้บูชาด้วยธูปแขก 9 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึงท่าน ขอบารมีต่างๆ ตามต้องการ แล้วสวดพระคาถา ดังนี้

    ***** นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ***** (สวด 3 จบ)

    ***** ข้อมูลรายละเอียดการสร้าง *****

    ........การสร้าง มี 2 บล็อก.......

    ลักษณะเป็นเหรียญเสมาล้อพิมพ์เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ปี 2508 ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ด้านหลังเป็นรูปพระอาจารย์ทิม อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้

    1.บล๊อกกองกษาปณ์(ตัวหนังสือเป็นเหลี่ยมตรงคล้ายๆ ตัวพิมพ์สวย) มี 2 พิมพ์ 1.พิมพ์ ณ (ใต้หู 2 ขีด)(นิยม) 2.พิมพ์ น

    2.บล๊อกวัด (ตัวหนังสือคล้ายๆตัวเขียน) มี 3 พิมพ์ 1.พิมพ์ หน้าใหญ่ (นิยม) 2.พิมพ์ หน้าเล็ก (หน้าแก่) 3.พิมพ์ เสาร์ห้า
    ทั้ง 2 พิมพ์ เป็น พิมพ์ น (โสภน)

    ...........ลักษณะเหรียญ ..........

    – เป็นเหรียญรูปเสมา มี 2 เนื้อ คือ
    1.ทองแดง ผิวไฟ – ชุบนิกเกิ้ล
    2.อัลปาก้า ชุบนิกเกิ้ล

    ......ลักษณะเหรียญ ด้านหน้า........

    -เป็น เหรียญเสมา กนกข้าง มีรูปหลวงปู่ทวด(นูน)นั่งสมาธิเต็มองค์ บนฐานบัวหงาย - บัวคว่ำ มีพิมพ์ หน้าแก่ (หน้าเล็ก)
    กลีบบัวแหลม – หน้าหนุ่ม(หน้าใหญ่)นิยม กลีบบัวเหลี่ยม
    - ใต้หูห่วง เหนือศีรษะ มีคาถา (นูน) พระเจ้า ๕ พระองค์ “นะ โม พุท ธา ยะ” กำกับอยู่
    - ข้างแขนขวา มีอักษร (นูน) คำว่า “หลวงพ่อทวด” กำกับอยู่
    - ข้างแขนซ้าย มีอักษร (นูน) คำว่า “เหยียบน้ำทะเลจืด” กำกับอยู่
    - ใต้ฐานบัว มีอักษร (นูน) คำว่า “วัดช้างให้” กำกับอยู่

    .........ลักษณะเหรียญ ด้านหลัง........

    - มี รูปหลวงปู่ทิม (นูน)ครึ่งองค์
    - ใต้หูห่วง เหนือศีรษะ มี คาถา(นูน) นะ มะ พะ ทะ กำกับอยู่ (หมายถึงธาตุทั้ง ๔ คือ น้ำ ดิน ไฟ ลม หนุนให้เกิดความขลัง
    เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่ต้องมีธาตุ ๔ เป็นองค์ประกอบ)
    - ข้าง หู ขวา มีอักษร (นูน) คำว่า “ใต้ร่มเย็น” กำกับอยู่
    - ข้าง หู ซ้าย มีอักษร (นูน) คำว่า “เสาร์ห้า ๒๕๒๖” กำกับอยู่ (บล็อกกษาปณ์ โสภ(ณ) ถ้าใต้ หู มี 2 ขีด)( นิยม)
    - ใต้ รูปหลวงปู่ทิม มีอักษร (นูน) คำว่า “พระครูวิสัยโสภณ” หรือ “โสภน” “(ทิม)” กำกับอยู่

    .........มีบางพิมพ์ด้านหลังในรุ่นนี้.........

    - มี รูปหลวงปู่ทิม (นูน)ครึ่งองค์
    - ใต้หูห่วง เหนือศีรษะ มี คาถา(นูน) นะ มะ พะ ทะ กำกับอยู่
    - ใต้ รูปหลวงปู่ทิม มีอักษร (นูน) คำว่า “พระครูวิสัยโสภน(ทิม)” “เสาร์ห้า ๒๕๒๖” กำกับอยู่.....

    เหรียญนี้บล๊อกกองกษาปณ์ ทองแดงชุบนิเกิ้ลเลี่ยมพร้อมใช้ รับประกันแท้ครับ



    IMG_25640223_120106.jpg IMG_25640223_120059.jpg IMG_25640223_120007.jpg IMG_25640223_115137.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2021

แชร์หน้านี้

Loading...