เรื่องเด่น เราจึงควรที่จะทำสมถะสลับกับการพิจารณาวิปัสสนา

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 กรกฎาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    09C30955-597F-48B0-8F3A-0336F6521F65.jpeg

    สำหรับพวกเราทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมกันนั้น มักจะมีความถนัดในด้านของสมถกรรมฐาน คือ การกำหนดภาวนา นึกถึงลมหายใจเข้าออก หรือนึกถึงภาพพระที่เรารักเราชอบ ในส่วนของวิปัสสนากรรมฐานนั้น เรามักจะบกพร่อง สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานนั้น เหมือนกับคนที่ผูกขาติดกัน ต้องผลัดกันก้าวถึงจะได้ระยะทางตามที่เราต้องการ

    ถ้าเราทำสมถกรรมฐานโดยประการเดียว ไม่ได้พิจารณาวิปัสสนากรรมฐานประกอบไปด้วย เมื่อถึงเวลาถ้าสมาธิคลายตัวออกมา ก็จะมาฟุ้งซ่านไปตามกำลังใจที่ตัวเองชอบ ให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง ยิ่ง ๆ ขึ้น จนบางคนรู้สึกว่าทำไมยิ่งปฏิบัติยิ่งกิเลสมาก ก็เพราะว่าเราเอากำลังที่ปฏิบัติได้ไปใช้ในทางที่ผิด แทนที่จะคิดเพื่อละกิเลส ก็กลายเป็นคิดฟุ้งซ่านเพิ่มเติมกิเลสเข้าไป

    ในส่วนของการปฏิบัติเพื่อละกิเลสนั้น เมื่อเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวเต็มที่แล้ว ก็ให้คลายกำลังใจออกมา แล้วพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ให้ยึดถือมั่นหมายตัวตนเราเขาได้ ถ้าหากว่าท่านสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็ยังต้องพิจารณาบ่อย ๆ ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก จะเบื่อจะหน่ายไม่ได้

    ในส่วนของวิปัสสนาญาณส่วนอื่น ๆ นั้น เราจะพิจารณาเห็นความเกิดความดับก็ได้ เห็นเฉพาะความดับก็ได้ หรือเห็นว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์เป็นภัย เป็นที่ควรจะละทิ้ง เป็นต้น

    ถ้าหากว่าสาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้การภาวนาและพิจารณาสลับกันไปสลับกันมา ก็จะทำให้การปฏิบัติของเราสามารถที่จะก้าวหน้าขึ้นไปได้ แต่ถ้าท่านทั้งหลายปฏิบัติแต่สมถภาวนา คือ การระลึกถึงลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว และโดยเฉพาะตัวคนเดียว การที่เราพินิจพิจารณาก็เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง ผ่อนคลายจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนเราเขา จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ปล่อยวาง หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

    เราจึงควรที่จะทำสมถะสลับกับการพิจารณาวิปัสสนา คนที่ผูกขาติดกันก็ต้องผลัดกันก้าว ถ้าหากว่าขาซ้ายเป็นสมถภาวนาก้าวแล้ว ขาขวาที่เป็นวิปัสสนาภาวนาก็ก้าวตาม สลับกันไปสลับกันมาแบบนี้ จึงจะบังเกิดผลดีแก่ท่านทั้งหลาย

    ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
    วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...