สติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    1f468_200d_1f9b2.png พระเดชพระคุณ พระภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตฺตโม) 1f468_200d_1f9b2.png
    26c5.png พระเดชพระคุณ พระภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตฺตโม) มีความสนใจเรื่องนรก สวรรค์ พระนิพพาน ว่ามีจริงหรือไม่ ท่านได้ปฏิบัติพระกรรมฐานกับหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่ 18 วัน ก็ได้เห็นตามที่อยากรู้นั้น ต่อมาได้บรรพชาอุปสมบทโดยมีพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทรสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นองค์อุปัชฌาย์
    2600.png ท่านเรียนวิชาธรรมกาย, 18 กาย และขั้นมรรคผลพิศดาร และสืบทอดวิชาธรรมกายโดยตรงจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นรองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสนาธุระของวัดปากน้ำภาษีเจริญ มีความเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระศาสนาทั้งและนอกประเทศ
    อ้างอิง: ชีวประวัติ ผลงาน รวมพระธรรมเทศนา ๖๓ กัณฑ์ ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระเดชพระคุณพระเทพมงคลมุนี ( สด จนฺทสโร )
    269c.png 269c.png 269c.png 269c.png 269c.png
    2753.png 2753.png ทำอย่างไร จึงจะได้เห็นดวงปฐมมรรคเร็วๆ 2753.png 2753.png
    1f9d8.png การปฏิบัติธรรมนั้น บางรายก็อาจจะเห็นผลเร็ว บางรายก็อาจจะเห็นผลช้า
    267b.png ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นผู้มีบุญบารมีมาก่อน 2139.png ที่เรียกว่า ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา ซึ่งมีอยู่รวม ๑๐ ข้อด้วยกัน ได้แก่
    30_20e3.png 31_20e3.png ทานบารมี
    30_20e3.png 32_20e3.png ศีลบารมี
    30_20e3.png 33_20e3.png เนกขัมมบารมี
    30_20e3.png 34_20e3.png ปัญญาบารมี
    30_20e3.png 35_20e3.png วิริยบารมี
    30_20e3.png 36_20e3.png ขันติบารมี
    30_20e3.png 37_20e3.png สัจจบารมี
    30_20e3.png 38_20e3.png อธิษฐานบารมี
    30_20e3.png 39_20e3.png เมตตาบารมี
    31_20e3.png 30_20e3.png และอุเบกขาบารมี
    1f3e7.png ที่ได้เคยสร้างสมมาตั้งแต่อดีตจนตราบถึงปัจจุบันมีว่า จะมีมากน้อยเพียงใด
    1f9eb.png 1f380.png บุญบารมี 1f380.png แต่ละประการที่กล่าวมานี้ เมื่อได้สั่งสมขึ้นภายในจิตมากๆเข้า แก่กล้าหนักเข้าก็จะกลั่นตัวเองเป็น 1f380.png อุปบารมี 1f380.png
    1f9eb.png เมื่ออุปบารมีแต่ละอย่างนั้นสั่งสมกันแก่กล้ายิ่งขึ้นไปอีก ก็จากกันตัวเองเป็น 1f380.png ปรมัตถบารมี 1f380.png คือ บุญบารมีที่แก่กล้าที่สุด
    รวม 1f380.png บุญบารมี 1f380.png ทั้ง ๓ ระดับเป็นบารมี ๓๐ ทัศ
    1f9eb.png เมื่อปรมัตถบารมีทั้ง ๑๐ ประการนั้นเต็มส่วนหมดแล้ว จึงจะเป็นพลวปัจจัยที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติธรรมสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด
    1f52c.png แต่ในระหว่างที่ปรมัตถบารมีทั้ง ๑๐ ประการนั้น ยังไม่เต็มส่วนก็ยังจะมีส่วนช่วยในการปฏิบัติธรรม ได้บรรลุผลตามสมควรแก่บุญบารมีของแต่ละบุคคลที่ได้สร้างสมอบรมไว้
    1f9ea.png เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมจึงไม่ควรใจร้อนที่จะเห็นผลในทันใด
    1f4d6.png ขอแต่ให้ตั้งใจฝึกปฏิบัติตามคำแนะนำที่ครูอาจารย์ได้สั่งสอนอบรมต่อไปเรื่อยๆ
    1f4dd.png แล้วก็หมั่นพิจารณาดูที่เหตุสังเกตดูที่ผล ก็ย่อมจะประจักษ์ในผลของการปฏิบัติด้วยตัวของท่านเองตามระดับคุณธรรมที่ปฏิบัติได้
    1f33f.png อย่าลืมว่าต้องให้โอกาสแก่ตนเองตามสมควร
    1f331.png ดังเช่นที่เราปลูกต้นไม้ จะต้องให้เวลาในการเจริญเติบโต และการปลูกต้นไม้ที่จะได้ผลดีก็จะต้องหมั่นดูแลทำนุบำรุงรักษา เมื่อถึงเวลาต้นไม้นั้นก็จะผลิดอกออกผลให้เอง
    1f4ac.png ดังพระพุทธองค์ได้ทรงประทานพระบรมพุทโธวาทไว้ มีปรากฏในติกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ หน้า ๓๐๙ ข้อ ๕๓๒ แปลเป็นใจความว่า
    1f5e8.png "ภิกษุทั้งหลาย ! กิจของคฤหบดีชาวนาที่เขาจะต้องรีบทำมีสามอย่างเหล่านี้ สามอย่างอะไรบ้างเล่า?
    1f3de.png สามอย่างคือ คฤหบดีชาวนารีบๆไถคราดพื้นที่นาให้ดีเสียก่อน, ครั้นแล้ว ก็รีบๆปลูกพืช, ครั้นแล้ว ก็รีบๆไขน้ำเข้าบ้าง ไขน้ำออกบ้าง
    1f33e.png ภิกษุทั้งหลาย ! กิจของคฤหบดีชาวนาที่เขาจะต้องรีบทำมีสามอย่างเหล่านี้แล;
    1f4a5.png แต่ว่าคฤหบดีชาวนานั้น ไม่มีฤทธิ์หรืออนุภาพที่จะบันดาลว่า 'ข้าวของเราจงงอกในวันนี้ ตั้งท้องพรุ่งนี้ สุกมะรืนนี้' ดังนี้ได้เลย
    231a.png ที่ถูกย่อมมีเวลาที่ข้าวนั้น เปลี่ยนแปรสภาพไปตามฤดูกาล ย่อมจะงอกบ้าง ตั้งท้องบ้าง สุกบ้าง;
    1f5e8.png ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้น กิจของภิกษุที่เธอจะต้องรีบทำมีสามอย่างเหล่านี้ สามอย่างอะไรบ้างเล่า?
    1f3de.png สามอย่างคือ การสมาทานการปฏิบัติในศีลอันยิ่ง , การสมาทานการปฏิบัติในจิตอันยิ่ง, และการสมาทานปฏิบัติในปัญญาอันยิ่ง
    ภิกษุทั้งหลาย !
    1f33e.png กิจของสงฆ์ที่เธอจะต้องรีบทำมีสามอย่างเหล่านี้แล;
    1f4a5.png แต่ว่าภิกษุนั้นก็ไม่มีฤทธิ์หรืออนุภาพที่จะบันดาลว่า 'จิตของเราจงหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่มีอุปทาน ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้' ดังนี้ได้เลย,
    231a.png ที่ถูกย่อมมีเวลาที่เหมาะสม, ซึ่งมีภิกษุนั้นปฏิบัติไปแม้ ในศีลอันยิ่ง, ปฏิบัติไปแม้ในจิตอันยิ่ง, และปฏิบัติไปแม้ในปัญญาอันยิ่ง
    จิตก็จะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่มีอุปทานได้เอง
    1f4ac.png ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้พวกเธอทั้งหลาย เพิ่งสำเหนียกใจไว้ว่า 'ความพอใจของเราจะต้องเข้มงวดพอในการสมาทานการปฏิบัติในศีลอันยิ่ง, ในการสมาทานการปฏิบัติในจิตอันยิ่ง, และในการสมาทานการปฏิบัติในปัญญาอันยิ่ง' ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลาย เพิ่งสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล."
    1f4d6.png นี่ก็เป็นบรมพุทโธวาทของพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    1f3de.png เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกท่านจงตั้งหน้าฝึกปฏิบัติธรรมด้วยอิทธิบาทธรรม คือ
    1f331.png ด้วยใจรักในธรรมะ (ฉันทะ)
    1f331.png ด้วยความเพียรไม่ย่อท้อ (วิริยะ)
    1f331.png ด้วยใจจดจ่ออยู่ในธรรม ไม่ทอดทิ้งหรือวางธุระ (จิตตะ)
    1f331.png และด้วยพินิจพิจารณาในเหตุ สังเกตในผล บ้านดูแลแนวทางการปฏิบัติให้ดำเนินไปในทางที่ชอบ ที่เป็นคุณ หลีกเลี่ยงทางปฏิบัติที่ไม่ดี ไม่ชอบ ที่เป็นโทษ (วิมังสา)
    1f4a1.png โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพิ่งให้มีสติสัมปชัญญะพิจารณาเห็นอุปกิเลสของสมาธินิมิต [โปรดดูรายละเอียดในหนังสือทางมรรคผลนิพพาน (ธรรมะปฏิบัติตามแนววิชาธรรมกาย) ตอนที่ 6 ] หรือนิวรณ์ธรรม ทั้งหลายที่อาจเกิดขึ้นภายในจิตแล้ว
    1fa93.png แล้วพึ่งกำจัดเสียด้วยองค์แห่งฌาน [โปรดดูรายละเอียดในหนังสือทางมรรคผลนิพพาน (ธรรมะปฏิบัติตามแนววิชาธรรมกาย) ตอนที่ 7-8 ]
    1f48e.png แล้วท่านจะได้รับผลดีไปเอง
    1f48e.png ขอแต่เพียงอย่าได้ใจร้อน ทะยานอยากที่จะเห็นนิมิตจนจิตใจฟุ้งซ่านและท้อถอย จงมั่นปฏิบัติไปก็แล้วกัน ได้เท่าไหร่ เอาเท่านั้น
    1f469.png 1f9b2.png พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ท่านก็ได้ให้คำรับรองไว้ว่า ถ้าได้ฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอแล้วก็เป็นอันได้เห็นดวงปฐมมรรคในชาตินี้ทุกคน
    เจริญพร
    ที่มา: คำถามที่น่ารู้ก่อนปฏิบัติภาวนา โดย พระเดชพระคุณ พระภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
    จากรายการ "ธรรมสู่สันติ" ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทั่วประเทศ
    อยู่ในเล่ม: หลักการเจริญภาวนา สมถะวิปัสสนากรรมฐาน (เบื้องต้น) โดยพระเดชพระคุณ พระมงคลเทพมุนี ( สด จนฺทสโร ) หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า
    จัดพิมพ์โดย มูลนิธิพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย เพื่อการเผยแผ่ธรรมปฏิบัติใน โครงการธรรมะปฏิบัติเพื่อประชาชน วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และ โครงการพุทธภาวนาวิชาธรรมกาย วัดสระเกศฯ
    พิมพ์ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๓๐
    คำถามที่น่ารู้ก่อนปฏิบัติภาวนา โดย พระเดชพระคุณ พระภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
    yl5s1jk9nG-syJRnlzVqp-Omq4hfo-3Da&_nc_ohc=v7j776qOZBoAX_nc63o&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg

    MBwhjBQBchR6-zl4ipiaGGxMsrCLXM9kg&_nc_ohc=QUxy1MSeMxcAX_2RQdd&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg
    coFf5kmD9FCQJwoRQM1NANhdLVUC8FVyZ&_nc_ohc=eXMUDu8Paq0AX8ieCjf&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk29-2.jpg
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509


     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    (พระสรภังคเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า)
    [๔๘๗] เราได้ใช้มือหักต้นแขม ทำกระท่อมอยู่อาศัย เพราะเหตุนั้น เราจึงได้มีชื่อโดยสมมติว่าสรภังคะ
    [๔๘๘] วันนี้ เราไม่สมควรใช้มือทั้งสองหักต้นแขมอีก เพราะพระสมณโคดมผู้เรืองยศ ทรงบัญญัติสิกขาบททั้งหลายสำหรับพวกเราแล้ว
    [๔๘๙] เมื่อก่อน เราผู้ชื่อว่าสรภังคะไม่เคยได้เห็นโรคครบบริบูรณ์ โรคนี้นั้นเราผู้ทำตามพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพได้เห็นแล้ว
    [๔๙๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี สิขี เวสสภู กกุสันธะ โกนาคมนะ และกัสสปะ ได้ทรงดำเนินไปโดยทางใดแล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดมก็ทรงดำเนินโดยทางนั้น
    [๔๙๑] พระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ปราศจากตัณหา ไม่ทรงยึดมั่น หยั่งถึงความดับ เสด็จอุบัติโดยธรรมกาย ผู้คงที่ได้ทรงแสดงธรรมนี้ คือ
    [๔๙๒] อริยสัจ ๔ อันได้แก่ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และทางที่ดำเนินไปให้ถึงความสิ้นทุกข์ ด้วยทรงอนุเคราะห์เหล่าสัตว์
    [๔๙๓] ทุกข์อันไม่มีที่สุดในสังสารวัฏ
    ย่อมเป็นไปไม่ได้ในนิโรธที่ทรงแสดงไว้
    เพราะกายนี้ดับไป และเพราะชีวิตนี้สิ้นไป ภพใหม่ไม่มีอีก เราเป็นผู้หลุดพ้นดีแล้วจากสรรพกิเลสและภพทั้งปวง
    ..............
    สรภังคเถรคาถา ขุททกนิกาย เถรคาถา พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖
    http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=26&siri=365

    wJUTEcQlij-Ln45ufUW0KNzJgQUOBXfJRo&_nc_ohc=viFesUCx5SMAX9AwpMW&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg



    เครดิตเพจ พระไตรปิฎกศึกษา
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    เป็นไปได้ไหมที่ผู้ปฏิบัติธรรมติดฌาน โดยผู้ปฏิบัติไม่รู้ตัว ?
    เป็นไปได้ไหมที่ผู้ปฏิบัติธรรมติดฌาน โดยผู้ปฏิบัติไม่รู้ตัว คือไม่เคยเห็นดวงเห็นกายเลย นั่งทีไรพบแต่ความว่าง เผลอสติได้ง่าย ทั้งๆ ที่พยายามกำหนดจุดเล็กใสแล้ว จะแก้ไขอย่างไร ?

    ตอบ:

    เรื่องติด ก็คือหลงติดสุขในฌาน แต่ถ้าเราปฏิบัติ หยุดในหยุด กลางของหยุด กลางของกลางๆ กำหนดศูนย์กลางไปเรื่อย เห็นดวง หยุดนิ่งกลางดวงให้ใสสว่าง ละเอียดไปสุดละเอียด เห็นกายในกาย ดับหยาบไปหาละเอียดเรื่อยไป หยุดในหยุด กลางของหยุด กลางของดวงธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ให้ใสละเอียด ทีละกายๆ ไปจนสุดละเอียด อย่างนี้แล้วก็ถูกวิธี อย่างนี้ไม่ติดสุข

    เพราะฉะนั้น เรื่องติดสุขในฌาน ไม่ต้องไปคิดละครับ ให้มีฌานจริงๆ ก่อนแล้วค่อยคิด แล้วถ้าปฏิบัติในวิชชาธรรมกายแลัวง่ายครับ ไม่ต้องคิดละครับ เพราะอะไร ผมจะเรียนเพิ่มเติมนิดหน่อยในเรื่องฌานนี้ ตัวเองไม่ได้เก่งกาจละครับ ครูบาอาจารย์สั่งสอนมานะครับ มีประสบการณ์นิดนึง ไม่มาก ทีนี้จะเรียนให้ทราบ

    ในวิชชาธรรมกายนั้น เราเจริญฌานสมาบัติให้ละเอียดสุดละเอียด มุ่งหมายที่การกำจัดกิเลสนิวรณ์ บางท่านที่จะปฏิบัติให้ละเอียดไปถึงอรูปฌาน แต่ต้องอธิษฐานจิตก่อนว่า ให้ถอยกลับมาเป็นปฏิโลม ถึงเวลาแล้ว ภายในเขาจะบอกเอง เราจะรู้สึกเองว่า ถอยกลับได้แล้ว เมื่อถอยกลับเป็นอนุโลมปฏิโลมแล้ว ไม่ติดอยู่ทีไหน แล้วเที่ยวสุดท้ายโดยอนุโลมแค่จตุตถฌาน ถ้าใครทำได้นะครับ รวมใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางธรรมกายอรหัต ธาตุธรรมเห็น จำ คิด รู้ ของทุกกาย สุดกายหยาบกายละเอียด จะอยู่ตรงกลางธรรมกาย ก็เห็น พอเห็นแล้วจิตหยาบลงมาเลย จากจตุตถฌานโดยอัตโนมัติ เมื่อหยาบลงมาแล้ว เราเอาใจธรรมกายเป็นหลักอีกครั้งหนึ่ง ดับหยาบไปหาละเอียด เป็นแต่ธรรมกายอรหัตในอรหัต ซึ่งจะผ่านศูนย์กลางกำเนิดธาตุธรรมเดิมของทุกกาย สุดกายหยาบกายละเอียด กายหยาบกายละเอียดทั้งหมด 18 กาย จนถึงธรรมกายอรหัตในอรหัต เรียกว่าสุดละเอียดของกายเถา 18 กาย รวมเรียกว่ากายเถา

    เพราะฉะนั้น เรามุ่งอย่างเดียวจะเป็นธรรมกายอรหัตในอรหัต คือให้ผ่องใสสุดละเอียดของธรรมกายอรหัตจากกายเถา กายที่หยาบรองลงมาชื่อว่ากายชุด เพราะแต่ละกายก็มีชุด 18 กายของเขา พิสดารไปสุดละเอียด เป็นธรรมกายอรหัตในอรหัต ชุดเหล่านั้นล้วนแต่มีกิเลสอนุสัยกิเลสของเรา มันเกาะอยู่นับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่รู้เกิดมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นสัตว์โลกมานี่แหละ

    นั้นแหละ มีกายเถา กายชุด กายชุดสุดละเอียดไปแล้วเป็นธรรมกายอรหัตในอรหัต ที่หยาบรองลงมาอีกก็เป็นกายชั้น กายตอน กายภาค ภายพืด ซึ่งจะมีกายในกายที่ยังไม่บริสุทธิ์อีกมาก แต่ก็ละเอียดไป ละเอียดไปจนสุดละเอียดหมด เป็นแต่ธรรมกายล้วนๆ นั่นแหละที่ว่าปล่อยความยินดีในฌานสมาบัติ เพราะไม่พิจารณาลบฌาน แต่ระดับสมาธิที่ละเอียดๆ สมาธิยิ่งหยุดยิ่งนิ่ง สมาธิก็สูงขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ แต่ไม่ต้องคำนึงว่าสูงแค่ไหน ถึงอย่างไรเมื่อสุดละเอียดจนถึงละเอียดหนัก ปล่อยอุปาทานในเบญจขันธ์ได้แม้ชั่วคราว ปล่อยความยินดีในฌานสมาบัติ นั่นเขาทะลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว ภพชาติติดอยู่ในศูนย์กลางธรรมในธรรมของเรา ธรรมในธรรมนั้นแหละ อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ นั่นแหละ ธาตุละเอียดมันอยู่ตรงนั้น ธาตุละเอียดนั้นแหละครับ มันมีทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ เปลี่ยนแปลงไปตามสายปฏิจจสมุปบาทธรรมตลอดเวลา

    เมื่อพิสดารกาย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือทำนิโรธ สุดละเอียดเข้าไปอย่างนั้นแล้ว ศีล สมาธิ ปัญญา ในส่วนละเอียดคือธรรมในธรรมที่เป็นกุสลาธัมมา มันจะเต็มเปี่ยม เป็นมรรคมีองค์ 8 ถ้ายังไม่ถึงอริยมรรค ก็เป็นมรรคในโคตรภูญาณ นั่นมรรคเขารวมกันเป็นเอกสมังคี แต่ในระดับโคตรภูญาณแล้ว เตรียมพร้อม ถ้าบุญบารมีเต็ม ก็พร้อมที่จะ... ประเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่า จิตของธรรมกายที่สุดละเอียดนั้นจะพ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ ซึ่งเป็นภพสุดท้ายที่สุดละเอียด ธรรมกายหยาบจึงตกศูนย์ ธรรมกายที่สุดละเอียดจึงพ้นโลก ไปปรากฏในอายตนะนิพพาน เพราะฉะนั้น ผู้ที่ถึงอายตนะนิพพานใหม่ๆ ที่ไม่เคยชิน รู้สึกมันหวิวนิดๆ นั้นแหละ ธรรมกายที่หยาบตกศูนย์ หยาบในขณะนั้นคือสุดละเอียดแล้วนะ แล้วที่สุดละเอียดก็ยังจะปรากฏในอายตนะนิพพาน เพราะความบริสุทธิ์ของธรรมกาย บริสุทธิ์พอที่จะสัมผัสรู้เห็นอายตนะนิพพานและความเป็นไปในอายตนะนิพพาน กล่าวคือ พระนิพพานธรรมกายตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ทั้งพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้า และของพระอรหันต์ขีณาสพที่ดับขันธ์เข้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ สัมผัสได้ เห็นได้ รู้ได้ ด้วยอาการอย่างนี้นะครับ พ้นเนวสัญญานาสัญญายตนฌานไปโดยอัตโนมัติครับ เมื่อจิตละเอียด สุดละเอียด เหมือนกับยิงจรวดนะครับ ยิงไปด้วยกำลังที่สูง แล้วพ้นแรงดึงดูดของโลก ตัวจรวดที่พ้นคือตัวดาวเทียมที่เขาส่งไป แต่ว่าตัวที่เป็นโลกๆ ก็ยังอยู่ทางโลกนี้แหละ หล่นอยู่ทางโลก แต่ตัวที่เขาต้องการให้พ้น มันก็พ้นออกไป พ้นแนวดึงดูดของโลก พ้นโลกแต่ยังอยู่ในโลกๆ เลยเล่าให้ฟัง

    เพราะฉะนั้น การติดฌาน ในแนววิชชาธรรมกายไม่ต้องพูดถึง ถ้าปฏิบัติถูกจะเป็นอย่างนี้ หรือจะเจริญแม้ถึงอรูปฌานเป็นสมาบัติ 8 ทบไปทวนมา เมื่อจะทวนขึ้นถึงจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานไปได้โดยอัตโนมัติก็หลุดไปได้เหมือนกัน เพราะธรรมกายที่หยาบ เมื่อละเอียดไปสุดละเอียด ตกศูนย์ พ้นจากเนวสัญญานาสัญญายตนะ ธรรมกายที่สุดละเอียดก็ไปปรากฏได้เหมือนกัน นั้นเขามักเรียกว่า เจโตวิมุตติ แต่ว่าจริงๆ ปัญญาวิมุตติด้วย กระผมก็เลยกราบเรียนเพื่อทราบว่าอย่างนี้

    การอบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นที่ 29 6 พ.ค. 2538 โดย หลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    ?temp_hash=1a58d20dbf241d4bada23a4e477a107a.jpg


    ให้ตั้งอยู่ในความเมตตา อย่าดูหมิ่นใคร ๆ

    "... อย่าดูหมิ่นอะไร ๆ เขา ในที่ใด ๆ เลย การดูหมิ่นเขาน่ะ มันมีอยู่ทุกคน ภิกษุก็ดูหมิ่นภิกษุ สามเณรก็ดูหมิ่นสามเณร ภิกษุดูหมิ่นสามเณร สามเณร ดูหมิ่นภิกษุ ดูหมิ่นกัน ดูหมิ่นกันต้องเกิดเรื่อง ไม่ได้รับความสุข

    หรืออุบาสกอุบาสิกาก็ ดูหมิ่นกัน อุบาสกก็ดูหมิ่นอุบาสก ในอุบาสกซึ่งกันและกันเอง หรืออุบาสิกาดูหมิ่นอุบาสิกา ในอุบาสิกาซึ่งกันและกันเอง หรืออุบาสกดูหมิ่นอุบาสิกา หรืออุบาสิกาดูหมิ่นอุบาสก หรือ ชนชาวบ้านดูหมิ่นชาววัด หรือชาววัดดูหมิ่นชาวบ้าน

    1f33f.png การดูหมิ่นกันอย่างนี้แหละปราศจาก เมตตาในกันและกัน ให้กลับใจเสียใหม่ ภิกษุก็ไม่ดูหมิ่นภิกษุ ในชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ สามเณรก็ไม่ดูหมิ่นสามเณร ในชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ หรือภิกษุไม่ดูหมิ่นสามเณร สามเณร ไม่ดูหมิ่นภิกษุ หรือคนมั่งมีดูหมิ่นคนจน หรือคนจนดูถูกคนมี หรือคนชั้นสูงดูถูกคนชั้นต่ำ คนชั้นต่ำดูถูกกันเอง

    1f33f.png บางทีดูหมิ่นเขาไม่รู้ตัวว่าดูหมิ่นเขา ดูหมิ่นเป็นอย่างไร คำ “ดูหมิ่น” น่ะ เขาเล็กกว่าสู้ไม่ได้ พูดเอาตามชอบใจ ว่าเอาตามชอบใจ ไม่ไพเราะ พูดอย่างกักขฬะ ๆ หยาบ ช้ากล้าแข็ง บ้างด่าว่าเขาต่าง ๆ ชอบอกชอบใจ เหล่านี้เรียกว่าดูหมิ่นเขาอยู่แล้ว

    ถึงเขาจนก็ ดูหมิ่น พูดไม่เคารพคารวะในกันและกัน พูดใช้เสียงกระด้างไม่น่าฟังถ้อยคำเหล่านั้น ตวาด ขู่ด้วยประการต่าง ๆ เหล่านี้ดูหมิ่นเขา

    1f33f.png อ้ายลักษณะดูหมิ่นเป็นข้อสำคัญนัก เขาจึงได้ยืนยันไว้ว่า เรือนยอดที่จะทำลายลงด้วยไฟไหม้น่ะเพราะไหม้แต่เรือนย่อยขึ้นไป กระต๊อบ กระท่อม ที่ปลูกอยู่ข้าง ๆ เรือนยอดนั่นแหละ ไหม้เรือนเล็ก ๆ ขึ้นก่อน แล้วก็ไปไหม้เรือนยอดนั่นฉันใด ก็ดี แง่นี้แหละความร้อนเกิดจากชั้นน้อยขึ้นมาไหม้เรือนยอดได้ เจ้าครองประเทศ หรือ ผู้ครองประเทศจะได้รับความอับปาง เกิดปฏิวัติขึ้นก็เพราะผู้ใหญ่ดูหมิ่นผู้น้อย

    1f33f.png หรือไม่ฉะนั้น ผู้น้อยเมื่อถูกดูหมิ่นดูถูกด้วยประการใดประการหนึ่ง ก็จำเอาไว้ได้ สมัครพรรคพวกมากขึ้นก็ ลงโทษผู้ใหญ่เหมือนในคอมมิวนิสต์ บัดนี้ที่จะเกิดลุกลามกันใหญ่โตเช่นนี้ เพราะผู้คนชั้นสูง ดูหมิ่นผู้คนชั้นต่ำ คนมั่งมีดูถูกคนจน เมื่อเป็นเช่นนี้เกิดเข้าปล้นกัน เกิดเป็นคอมมิวนิสต์ขึ้น นี่เพราะเหตุพูดจาไม่เพราะ ดูถูกดูหมิ่นกัน จึงได้เกิดรบราฆ่าฟันกันเช่นนี้

    ถ้าแม้ไม่ดูถูก ดูหมิ่นซึ่งกันและกันแล้ว ไหนเลยจะเกิดรบราฆ่าฟันกันเช่นนี้

    1f33f.png เหตุนี้ ถ้าภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา รู้จักเช่นนี้แล้ว ให้เลิกดูหมิ่นกันเสีย ไม่ดูหมิ่นใคร ๆ ละ เลิกดูหมิ่นเสีย ตั้งอยู่ใน เมตตา เมื่อเจอผู้ใหญ่ก็ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข เมื่อเจอผู้ปานกลางก็ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข เมื่อเจอผู้ต่ำก็ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ปรารถนา จะให้เป็นสุข เมื่อตั้งอยู่เช่นนี้ ตามบาลีว่า น ปโร ปรํ นิกุพฺเพถ แปลว่าผู้อื่นไม่พึงดูหมิ่น ผู้อื่น นาติมญฺเญถ กตฺถจิ นํ กิญฺจิ นี้เรียกว่า ไม่พึงดูหมิ่นอะไร ๆ เขาในที่ไร ๆ ..."

    270d.png คัดลอกบางส่วนจาก 270d.png
    พระธรรมเทศนา เรื่อง กรณียเมตตสูตร
    เทศน์เมื่อ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๗
    โดยพระเดชพระคุณ #พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #หลวงพ่อวัดปากน้ำ


    ศิษย์ หลวงปู่สด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    ?temp_hash=95822b17b37a78038c5660f1cc03b590.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509


    “..... ให้ตั้งใจไว้ตรงกลางกาย ซึ่งเป็นที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม

    อันนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ (วัดปากน้ำ) กำหนดฐานที่ตั้งใจไว้...สำคัญนัก

    เพราะตรงนั้นเป็นที่ตั้งของ ธรรมในธรรม ฝ่ายบุญฝ่ายกุศล

    และก็ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต

    คือ ทั้งธรรม และกาย และใจ...ตั้งอยู่ตรงนั้น

    ณ ภายในมีเท่าไร สุดละเอียดเพียงไหน...อยู่ตรงนั้น ถึงนิพพานทีเดียว


    เพราะฉะนั้น ท่านให้เอาใจไปจรดไว้ตรงนั้น

    ที่นี้ ศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม อยู่เหนือระดับสะดือ ๒ นิ้วมือ

    ถ้าท่านหายใจเข้าออก ท่านจะพบว่า...ลมหายใจเข้าไปจนสุดนั้น

    สุดตรง ศูนย์กลางกายตรงระดับสะดือ พอดี

    และก็ตั้งต้นหายใจออกตรงนั้น เป็น “ต้นทางลม” และก็เป็น “ปลายทางลม” หายใจเข้าออก

    ตรง ศูนย์กลางกายตรงระดับสะดือ พอดี

    ใจหยุดก็ต้องไปหยุดตรงนั้น เขาเรียกว่า “กลางพระนาภี”



    พระพุทธเจ้าทรงสอน “อานาปานสติ”

    เมื่อลมหยุด ก็ไปหยุด... “กลางพระนาภี”

    ถึงให้กำหนดใจกี่ฐานๆ ก็แล้วแต่

    สำหรับผู้ทำอานาปานสติ กำหนดที่ตั้งสติลมหายใจผ่านเข้าออก

    ทาง ปากช่องจมูก หรือ ปลายจมูก

    ที่ ลำคอ

    และที่ กลางพระนาภี

    นี่อย่างน้อย ๓ ฐาน … เขามักจะกำหนดกัน


    กำหนดอานาปานสติ ๓ ฐาน เป็นอย่างน้อย

    กำหนดอะไร กำหนดสติ รู้ลมหายใจเข้าออก...กระทบอย่างน้อย ๓ ฐาน นี้สำหรับผู้ปฏิบัติทั่วไป

    แต่เมื่อลมละเอียดเข้าไป ๆ ๆ แล้ว โดยธรรมชาติลมหายใจมันจะสั้นเข้า ๆ ๆ ละเอียดเข้า

    ทรงสอนว่า ลมหายใจเข้าออก ... พึงมีสติรู้

    ลมหยาบ ลมละเอียด ลมหายใจยาว ลมหายใจสั้น ... พึงรู้ มีสติรู้




    จนถึงลมหยุด ... หยุดที่ไหน ?

    หยุดที่ “กลางพระนาภี”


    หยุดกลางพระนาภี ก็คือ ศูนย์กลางกายนั่นแหละ

    ตรงที่สุดลมหายใจเข้าออก หรือ ที่ตั้งต้น

    หรือจะเรียกว่า “ต้นทางลม” หรือ “ปลายทางลม” ... ก็แล้วแต่จะเรียก



    จริงๆ แล้ว อยู่ตรงกลางกาย...ตรงระดับสะดือพอดี

    ที่หลวงพ่อ (วัดปากน้ำ) เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๖





    แต่ว่า ... ถ้าว่าเอาใจไปจรดตรงนั้นนะ

    จะไม่เห็น ธรรมในธรรม กายในกาย จิตในจิต ได้ชัด



    เพราะเหมือนอะไร ?

    เหมือนเอาตาแนบกระจก ไม่เห็นเงาหรือภาพข้างใน ... ฉันใด



    หลวงพ่อ (วัดปากน้ำ) ก็เลยให้ขยับ “เห็น จำ คิด รู้” คือ “ใจ”

    ที่ตั้ง “เห็น จำ คิด รู้” ให้สูงขึ้นมา ... เหนือระดับสะดือ ๒ นิ้วมือ

    เหมือนเราขยับสายตาเรา...ห่างจากกระจก เราจะเห็นเงาได้ชัดเจน






    ประกอบกับดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายและใจ

    มีธรรมชาติ หรือ อาการเกิดดับ...ตามระดับจิต หรือ ภูมิของจิต

    คือ เมื่อจิตสะอาดยิ่งขึ้นจากกิเลส จิตดวงเดิมก็ตกศูนย์

    จาก “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗” ลงไปสู่ “ศูนย์กลางฐานที่ ๖”

    ธรรมในธรรม ที่ใสบริสุทธิ์ ซึ่งมีจิต หรือ จิตในจิตซ้อนกันอยู่...ที่ใสบริสุทธิ์กว่า

    ก็ลอยเด่นขึ้นมา “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗” ... แล้วก็ทำหน้าที่ของตนไป


    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...

    เมื่อสัตว์จะเกิด จะดับ จะหลับ จะตื่น

    จิตดวงเดิม ... จะตกศูนย์

    จิตดวงใหม่ ... ลอยเด่นขึ้นมาตรง “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗” ... เพื่อทำหน้าที่ต่อไป



    ตรงนี้นักปริยัติบางท่านก็เข้าใจว่า…จิตเกิดดับ

    แต่เกิดดับอย่างไร...ไม่รู้ เพราะไม่เคยเห็น

    และยังมีบางท่าน...ที่ละเอียดเข้าไปกว่านั้นอีก

    บอกว่า จิตเดิมแท้ๆ ไม่ได้เกิดดับนะ

    ที่เกิดดับนั้น มันเฉพาะ...อาการของจิต ที่มีกิเลสของจรมาผสม

    หรือว่า มีบุญเข้ามาชำระกิเลสนั้น จิตก็เปลี่ยนวาระ เป็นอาการของจิต คือถูกทั้งนั้น


    แต่ว่า อาการของจิตที่เกิดดับตรงนั้น มันมาปรากฏตรง “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗”

    หลวงพ่อ (วัดปากน้ำ) ก็เลยกำหนดที่เหมาะๆ

    สำหรับที่ควรเอาใจ ... ไปหยุด ไปจรด ไปนิ่ง ตรง “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗”

    อันเป็น “ที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม”

    เป็นที่ตั้งของ กายในกาย จิตในจิต และ ธรรมในธรรม



    อาตมาพูด “จิตในจิต” ให้พึงเข้าใจว่า

    รวมทั้ง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ...เข้าด้วยกัน


    ที่ หลวงพ่อ (วัดปากน้ำ) กำหนดไว้ เพื่อให้เข้าพิจารณาเห็น

    กาย เวทนา จิต ธรรม ณ ภายใน ... ไปสุดละเอียด

    เป็นตัว “สติปัฏฐาน ๔” ไปจนถึง ... “นิพพาน”

    และเป็นตัวชำระกิเลส ณ ที่ตรงนั้น ด้วยหยุดในหยุด กลางของหยุด

    เพราะ ถูกกลางของกลางธรรมในธรรม

    ดับหยาบไปหาละเอียดเรื่อยไป เป็นการละ หรือ ปหานอกุศลจิตเรื่อยไป

    จึงมีสภาวะที่เป็น “นิโรธ” ดับสมุทัย






    * ที่มา

    นิตยสารธรรมกาย ฉบับที่ ๑๘

    ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๓
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    นั่งสมาธิไปเพื่ออะไร โดย หลวงป๋า วัดหลวงพ่อสด



    การที่มีผู้ปฏิบัติแบบธรรมกายแล้วได้ผลของสมาธิ เห็นดวงเห็นกาย ๑๘ กาย แล้วไปฝึกแบบมโนมยิทธิต่อ ส่งใจไปในที่ต่างๆ ได้ เมื่อปรารถนาดีกับผู้อื่นก็เอาธรรมะไปสอน แบบเอาวิชชาธรรมกายปนผสมกับความรู้ของสายอื่นที่ตนฝึกฝนมา อยากทราบว่าจะมีผลเสียกับผู้ฝึกและผู้สอนไหมครับ ?
    ตอบ: มีผลเสีย บอกซะเลยตรงๆ อย่างนี้ ก็คือว่าวิชชาธรรมกายมีแนววิธีปฏิบัติไปอย่างที่พูดนี่ มันไม่ต้องผสมอะไรอีกแล้ว ถ้าไปผสมจะยุ่งเลย ทำให้ตัวเองไม่ก้าวหน้า และทำให้อาจจะเห็นผิดเพี้ยนได้ ตรงนี้นี่ท่านไม่รู้
    ความเห็นที่ถูกต้องน่ะ มันต้องใจหยุดนิ่งสนิท และก็ดับหยาบไปหาละเอียด หรือเรียกว่าทำ “นิโรธ” ดับสมุทัย คือละอกุศลจิตของกายในภพ ๓ เพื่อกำจัดกิเลสมาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอภิสังขารมาร (บุญ-บาป) ที่ปรุงแต่งในใจ
    คนมีฌานน่ะจะคิดให้เห็นกวางเต็มวัดนี่ก็ยังได้เลย ต้องเข้าใจนะ เพราะฉะนั้นการเห็นนี่ปรุงแต่งได้ จิตกระดิกปรุงแต่งก็เห็นได้ตามใจนึกเลย
    แต่วิชชาธรรมกายสอนให้ไม่ปรุงแต่ง ด้วยการดับหยาบไปหาละเอียดอยู่ตลอดเวลา เป็นนิโรธ คือดับสมุทัย การรู้เห็นสภาวธรรมและสัจจธรรมจึงแม่นยำ
    แต่ถ้าวิธีปฏิบัติเพี้ยนไป ผลคือการรู้เห็นมันก็เพี้ยน แต่ตัวเองไม่รู้ว่ามันเพี้ยน
    มันเหมือนกันอย่างนี้โยม เหมือนว่าเรามีแกงอย่างดีอยู่แล้ว มีคุณค่าของอาหารครบถ้วนดีอยู่แล้ว คือทั้งสมถะวิปัสสนาไปจนถึงนิพพานแล้ว แล้วอยู่ๆ โยมก็ บอกว่า เออ เคยตำส้มตำกินกับข้าว เพราะฉะนั้น ถ้าว่ามารู้วิธีแกงอย่างดี มีอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนแล้ว ถามว่า จะผสมกับส้มตำกิน แล้วก็แจกคนอื่นกินน่ะ ดีไหม อาตมาก็ต้องบอกว่าไม่ดี ยิ่งเป็นส้มตำใส่ปูดองปลาร้าดิบ ที่มันเคยว่าอร่อยน่ะ มันเป็นพิษเป็นภัยได้ เราไม่รู้ตัว
    ถ้าเราเป็นพระอรหันต์แล้ว เราจะสอนอย่างไรก็สอนไปเถอะ ถ้ายังไม่เป็นอรหันต์ อย่าเพิ่งมั่นใจการรู้เห็นว่าเป็นอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์
    ในข้อที่ว่า ถ้าเรายังไม่แจ่มแจ้งถึงที่สุดในเรื่องนั้น ก็อย่าเพิ่งวางใจนั้น อาตมาเองนี่นะจะบอกโยม ไม่ว่าจะรู้อะไร เห็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องการรู้เห็นน่ะ อาตมาไม่เคยเอามาเล่ากันว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้แน่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะไม่มี
    เพราะอะไร? เพราะเรายังไม่ใช่พระอรหันต์ ญาณทัสสนะยังไม่บริสุทธิ์พอ เห็นจึงสักแต่เห็น รู้จึงสักแต่รู้ เอามาเพียงเป็นเครื่องพิจารณาสภาวธรรม ให้จำไว้ ให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เท่านั้น ให้เป็นศีล สมาธิ ปัญญา อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา ธรรมโคตรภู โสดา พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหัต ไปถึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เดินทางนี้ไว้ ไม่ลอกแลกวอกแวกโวเว ไม่ไปดูโน่นดูนี่โดยไม่จำเป็น แต่ว่ามันต้องรู้ต้องเห็น ดูนรก สวรรค์ ดูครั้งเดียวก็รู้แล้ว [ไม่ต้อง]ไปดูอะไรบ่อยๆ ก็รู้อยู่แล้ว
    เพราะฉะนั้นกิจที่อาตมาทำ คือกิจชำระกิเลส
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    BxJh-SGmCe9OPeMdRTy2kgWUtcrXiwIiK&_nc_ohc=IVCVLawzHscAX8PAZ17&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    fMMCEQhwjdvAH7XQIoLSYMizci76n0Lh3&_nc_ohc=T-cb5olSLMcAX-wS6XY&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg

    ?temp_hash=ccd39bf5d8af9f86f9900a900914f692.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,509
    j58CYGF6eGAut2vS0EOtILoKEPKMK_rj_0&_nc_ohc=T9_DNp1tEwMAX8K9sjT&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...