เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 กุมภาพันธ์ 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ก่อนอื่นกระผม/อาตมภาพก็ต้องขอขอบคุณขอบใจทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันไปทำแนวกันไฟ เรื่องของไฟป่าเป็นความมักง่ายของคน นอกจากมักง่ายแล้ว บางคนยังเห็นแก่ตัวแบบสุด ๆ แล้วก็มีบางประเภทที่สมควรตายเป็นอย่างยิ่ง ก็คือเห็นใบไม้แห้งไม่ได้ เห็นแล้วต้องจุด..!

    ถ้าหากเป็นชาวบ้านทั่วไป ที่บอกว่าเห็นแก่ตัวก็เพราะว่า ถ้ารอคนอื่นเผาไฟอาจจะเข้าไร่ตัวเอง กูก็เลยชิงเผาก่อน..! ส่วนพวกล่าสัตว์ไม่ต้องการให้มีใบไม้แห้งมาก เพราะว่าเหยียบแล้วเสียงดัง ทำให้สัตว์รู้ตัว หรือว่าต้องการให้หญ้าใหม่ขึ้น เพื่อให้สัตว์ที่ต้องเองต้องการล่ามากินหญ้าระบัดใหม่ในบริเวณนั้นก็เผา

    สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังสังกัดในส่วนเผยแผ่จริยธรรมของกรมป่าไม้ ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แก้ปัญหาไฟป่าได้ แต่ว่าหลังจากนั้นแล้วก็ไม่มีผู้สานต่อ ก็คือใช้วิธีซื้อไม้ผล อย่างพวกเงาะ ทุเรียน ลองกอง ลิ้นจี่ ลำไย ฝรั่งเวียดนาม เอาไปแจกชาวบ้าน ขออย่างเดียวว่าให้ปลูกติดแนวชายป่า ซึ่งบรรดาต้นไม้ต่าง ๆ เมื่อซื้อรวมกันมาก ๆ เฉลี่ยแล้วต้นละประมาณ ๒๐ บาทเท่านั้น

    ในเมื่อมีไม้ผลของไร่ตนเองอยู่ติดกับชายป่า เขาก็ต้องทำแนวกันไฟโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถแก้ปัญหาไฟป่าไปได้ แต่พอเปลี่ยนผู้มีอำนาจใหม่ เขาคงเห็นว่าไอ้เรื่องที่อยู่ดี ๆ ไปเสียสตางค์แบบนั้น ทำให้ "เงินทอน" น้อยลง เขาก็เลยไม่ทำโครงการนี้ต่อ

    ต้องบอกว่าบ้านเราขาดความจริงใจในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง และสามารถที่จะหาผลประโยชน์จากโครงการทุกโครงการได้เสมอ เป็นความสามารถที่ประเทศอื่นเลียนแบบได้ยากมาก ตรงนี้ปล่อยเขาไปเถอะ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อครู่ก็เพิ่งจะว่ากันไปใช่ไหม ? กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ ดีหรือชั่วก็ตาม เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมต้องรับผลกรรมนั้นแล..!

    ส่วนที่อยากจะบอกกล่าวก็คือว่า แม้กระผม/อาตมภาพจะไปช่วยพวกเราในการทำแนวกันไฟ นิ้วมือก็โดนหนามไผ่ไป ๒ จุด เลือดออกมานิดหน่อย แต่ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่าโดนแค่ที่มือ เพราะว่าที่เท้ามีรองเท้าใส่ ส่วนลำตัวไม่โดนอยู่แล้ว
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    หลายท่านก็โดนหนามไผ่เกี่ยวบ้าง ขีดบ้าง ข่วนบ้าง ลายไปทั้งตัว เลือดซิบ ๆ นั่นก็ไม่ถือว่าเข้านะครับ โบราณเขาเรียกว่า "ยางบอน" คือเวลาเราตัดต้นบอนหรือใบบอนแล้วจะมียางซึมออกมาจุด ๆ แบบนั้น แต่พวกเรากำลังใจมักจะตก ถ้าลักษณะอย่างนั้น ของดีแค่ไหนก็กันไม่ได้

    เราต้องคิดถึงว่า คนโบราณที่รบกัน ถือหอกถือดาบเงาวับ วิ่งเข้าใส่กัน ถ้ากำลังใจไม่มั่นคงจริง ๆ ทำไม่ได้นะครับ เหตุที่กำลังใจมั่นคงก็เพราะว่ามีวัตถุมงคลที่ท่านมั่นใจอยู่กับตัว เพราะฉะนั้น..ความมั่นใจจึงเป็นหลักสำคัญที่สุดของการใช้วัตถุมงคลแต่ละอย่าง ลังเลสงสัยแม้แต่นิดเดียวก็ไม่รอดแล้ว

    แบบที่กระผม/อาตมภาพแนะนำหลายท่านไปเรื่องคาถากันฝน พอเห็นเมฆดำย้อยมาจะติดหัว ท่านก็กำลังใจเสียแล้ว ฝนตกเปาะแปะลงมาไม่กี่เม็ดก็ฝ่อแล้วว่าเจ๊งแน่..! ถ้าลักษณะอย่างนั้นไม่มีประโยชน์เลย เพราะกำลังใจของเราไม่มั่นคง แต่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าไม่ตก ถึงเวลาเดินบิณฑบาตตั้งแต่ต้นจนปลาย ก็ไม่เห็นว่าฝนจะตก ก็เพราะว่าความมั่นคงของกำลังใจนั้นต่างกัน

    แต่คราวนี้วัตถุมงคลสายหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ท่านยืนยันว่านอกข้อกันไม่ได้ ก็คือข้อมือข้อเท้าออกมา ก็แปลว่าตั้งแต่ข้อออกมาถึงปลายนิ้ว โดนเมื่อไรก็เรียบร้อยเมื่อนั้น หลายท่านจะเห็นว่าเวลาเดินบิณฑบาต
    กระผม/อาตมภาพเหยียบเศษแก้วแล้วก็ไปนั่งแคะเป็นประจำ

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวิชาการสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านไม่กันเรื่องมือเท้าให้ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านให้เหตุผลว่า ลูกศิษย์ท่านส่วนใหญ่มาสายพระโพธิสัตว์ พวกนี้กำลังใจเกินคน ถ้าไม่มีจุดอ่อนไว้บ้าง ก็จะเป็นโจรกันหมด..!

    แต่ว่าวิชาการของอีกหลายสาย เขาบอกว่ากันนอกข้อไม่ได้เหมือนกัน ท่านบอกว่านอกข้อมือ ข้อเท้า เป็นส่วนที่พ่อแม่แช่งเอาไว้ ความจริงพ่อแม่ไม่ได้แช่ง แต่คำพูดของพ่อแม่นั้นศักดิ์สิทธิ์มาก "ระวังมีดบาดมือนะลูก" "ระวังหนามตำตีนนะลูก" เรียบร้อย..เท่ากับพ่อแม่ไปเปิดทางให้แล้วว่าสองอย่างนี้ของแหลมของคมต้องเล่นงานได้..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    โดยเฉพาะไม้ไผ่กับดินกระสุนธรรมดา ๆ นี่แหละ ตัวปราบความอยู่ยงคงกระพันได้ดีที่สุด ไม้ไผ่เป็นไม้ล้างอาถรรพ์ เหนียวเท่าไรก็เสร็จ ท่านจะเห็นว่าเหนียวระดับแสนตรีเพชรกล้า ที่เขาระบุเอาไว้ว่า "แต่เกิดมาอาวุธไม่พ้องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว" ยังโดนหอกไม้ไผ่สวนทวารตาย..!

    ส่วนเรื่องของดินกระสุนนั่นเป็นอำนาจของพระแม่ธรณี ถ้าหากว่าท่านใดศึกษาคาถาอาคม หรือวิชาเกี่ยวกับอยู่ยงคงกระพันมา จะเห็นว่าเรื่องพวกนี้ต้องอาศัยปฐวีธาตุ ก็คือธาตุดิน ถ้าใครเล่นกสิณก็ต้องอาศัยปฐวีกสิณ ในการอธิษฐานป้องกันให้เกิดความอยู่ยงคงกระพัน

    แล้วคราวนี้จะไปกันตัวเองได้อย่างไร ? เพราะไอ้ที่เขายิงกบาลเราก็คือกระสุนดิน โดยเฉพาะคันกระสุนสมัยโบราณนี่ แรงกว่าหนังสติ๊ก ๔ - ๕ เท่า..! ใครเคยเล่นก็จะรู้ ถามว่าแรงแค่ไหน ? ก็ขนาดยิงกระบอกไม้ไผ่แตก..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เวลาที่เกิดบาดแผลกับเราในส่วนที่ป้องกันไม่ได้ แล้วเราไปกำลังใจเสีย จะทำให้ป้องกันไม่ได้ทั้งตัวเลย แปลว่าต่อให้เกิดแผล กำลังใจก็ต้องไม่ลดลง

    เราจะเห็นว่าเรื่องของวัตถุมงคล ความมั่นใจนั้นสำคัญที่สุด อย่างที่เขาเล่ากันว่า มีชายคนหนึ่งที่อมพระไว้ในปากแล้วก็ต่อสู้ โดนเขารุมตี ปรากฏว่าพอหกล้ม พระหลุดจากปาก คว้าใส่ปากใหม่ คราวนี้พระดิ้น ก็เลยเกิดกำลังใจคิดว่าหลวงพ่อจะช่วย หลังจากที่ลุยคู่ต่อสู้กระจายไปทั้งกลุ่มแล้ว คายพระออกมา ปรากฏว่าเป็นลูกเขียด ขาดใจตายแหงแก๋ไปแล้ว โดนอมนานไปหน่อย..!

    นั่นก็คือเรื่องของกำลังใจที่บาลียืนยันไว้ว่า มโนมยา เป็นเรื่องที่สำเร็จด้วยใจ เพราะฉะนั้น..การที่พวกเราโดนหนามเกี่ยวบ้าง โดนอะไรบ้างทั้ง ๆ ที่พกวัตถุมงคลอยู่ แล้วจะไปกำลังใจเสียไม่ได้นะครับ

    กระผม/อาตมภาพเองนี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด โดนเมื่อไรก็นอกข้อเมื่อนั้น ส่วนอื่นไม่ได้กินหรอก โดนหมาลุงเพชร กลีบบัว ที่วัดท่าซุง กัดน่อง กระชากตกบันไดลงมาเลย ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าปวดขัดไปเป็นอาทิตย์ แต่พออีกครั้งหนึ่ง ไอ้เจ้านี่รู้แล้วว่ากัดสูงแล้วไม่เข้า จึงเล่นเอ็นร้อยหวายพอดี รูโบ๋เลย..! เพราะเป็นเอ็นร้อยหวายช่วงที่ต่ำกว่าข้อเท้า ทั้ง ๆ ที่วันก่อนโดนกัดไม่เข้า แต่วันนี้โดนแล้วเข้า จึงเป็นเรื่องที่เราเองใจเสียไม่ได้ เราต้องเข้าใจด้วยว่าจุดอ่อนนั่นคืออะไร
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    โดยเฉพาะในเรื่องของคาถาอาคมต่าง ๆ ที่เขาจำเป็นต้องให้มีจุดอ่อนอยู่ ก็เพื่อที่ว่าอย่างน้อย ๆ จะได้มีคนปราบได้ ไม่ใช่ชั่วไปสามโลก หาคนปราบไม่ได้ เหมือนหิรัณยกศิปุขอพรพระอิศวร ไม่ให้ตายกลางวัน ไม่ให้ตายกลางคืน ไม่ให้ตายในบ้าน ไม่ให้ตายนอกบ้าน ไม่ให้ตายในน้ำ ไม่ให้ตายบนบก ไม่ให้ตายด้วยอาวุธ ยุ่งไปหมด

    แต่พระนารายณ์แก้ได้ครับ แปลงเป็นนรสิงห์ในปางนรสิงหาวตาร จับหิรัณยกศิปุไปยืนคร่อมธรณีประตูไว้ ไม่ใช่ในบ้าน แล้วก็ไม่ใช่นอกบ้าน รอจน ๖ โมงเย็นเป๊ง ก็ใช้กรงเล็บแหกอก ไม่ใช่กลางวัน ไม่ใช่กลางคืน ไม่ได้ใช้อาวุธ

    คาถาบางอย่าง อย่างเช่นโองการมหาทมื่น ก็ระบุเอาไว้ชัด กันหอกข้อเงิน หอกข้อทอง หอกสัมฤทธิ์ กริชทองแดง ให้ยุ่งไปหมด แล้วคุณไปเจอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวลสิครับ ท่านฝังโลหะล้างอาถรรพ์เอาไว้ สามกษัตริย์ ๓ ชุด ๙ แห่ง คือ แน่จริงมึงกันให้ครบสิ..!

    ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่กันและแก้ไปในตัว โดยเฉพาะวิชาการต่าง ๆ ถ้าเรามีความมั่นใจ เราก็สามารถที่จะรักษาตัวเองได้
    กระผม/อาตมภาพเคยเจอมา มีโยมบางท่านยุงกัดไม่เข้า แล้วยุงก็ตายด้วย อันนั้นแสดงว่าประเภทแผ่กำลังใจมหาสะท้อนเอาไว้กับตัวเองเลย พระเราทำไม่ได้ เพราะว่าเท่ากับฆ่าสัตว์ บางท่านตัดผมไม่ได้ ผมเหนียวเป็นเส้นลวดเลย จะมีดโกน จะกรรไกรอะไร ก็หั่นไม่เข้าทั้งนั้น จนต้องไว้ผมยาวลากดินไปเลย ถ้าหากว่ามั่นใจตัวเองและถือขึ้นขนาดนั้น ก็จะอยู่ยงคงกระพันถึงขนาดชิ้นส่วนร่างกายมีดยังไม่ได้กินเลย

    ฉะนั้น..วันนี้ที่พวกเราไปช่วยกันดับไฟป่า ก็ไม่ใช่ไปดับหรอก อย่างเก่งก็แค่กันไม่ให้เข้ามา แต่ปัญหาพวกนี้ ตราบใดที่คนเรายังไม่มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ก็ยังคงทำแบบเห็นแก่ตัวกันต่อไป คาดว่าเกรตา ธันเบิร์ก อีหนูที่อุตส่าห์เลิกเรียนเพื่อที่จะไปรณรงค์ป้องกันโลกร้อน รณรงค์จนเป็นคุณย่าคุณยายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกันได้สำเร็จหรือเปล่า ?!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...