เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,501
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,501
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อก่อนเพลกระผม/อาตมภาพบวชสามเณรหน้าไฟไป ๕ รูป ส่วนที่หนักใจมากที่สุดก็คือเด็กทุกคนไม่มีสมาธิเลย แค่บอกว่าให้ว่าตามไม่กี่คำ ยังว่าไม่ได้ สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ว่าไม่ได้ ต้องบอกว่า "สุจิระ..ปะรินิพ..พุตัมปิ" แบ่งเป็นสามท่อน ขนาดนั้นก็ยังได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะว่าสภาพจิตไม่ได้มีความเป็นสมาธิจดจ่ออยู่กับการบวชตรงหน้า หากแต่ฟุ้งซ่านพล่านไปหมด..!

    ในเมื่อกำลังใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า โอกาสที่จะทำอะไรออกมาได้ดีจึงเป็นไปไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเยาวชนของเราในปัจจุบันนี้ อยู่ในลักษณะนี้เกือบทั้งหมด ในเมื่อขาดสมาธิ การที่จะทำสิ่งหนึ่งประการใดให้เกิดผลดีย่อมเป็นไปได้ยากมาก

    อาตมภาพเคยบอกไว้ว่า "ต้องโทษรีโมตคอนโทรล" ก็คือถึงเวลาดูโทรทัศน์ ช่องนี้ไม่ชอบใจ กดเปลี่ยนไปช่องโน้น ช่องโน้นไม่ชอบใจ กดเปลี่ยนอีกช่องหนึ่ง สภาพจิตของเด็กก็เลยรับรู้อะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

    แต่พอมายุคนี้สมัยนี้ก็ต้องโทษในเรื่องของโทรศัพท์มือถือ ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ ที่ลงในยูทูบก็ดี หรือว่า TikTok ก็ดี หรือว่าอินสตาแกรมก็ตาม ลงยาวไม่ได้ ถ้ายาวสัก ๕ นาที ๑๐ นาที แทบจะไม่มีใครดูเลย เราจะเห็นว่าคลิปใน TikTok ที่คนนิยมมากก็คือนาทีหรือสองนาที นั่นคือการระบุอย่างชัดเจนว่า คนเรายุคนี้สมาธิไม่เพียงพอที่จะรับรู้อะไรยาว ๆ

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เคยบอกเอาไว้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ยิ่งนานไป สัญญากับปัญญาของคนยิ่งทรามลงไปเรื่อย ๆ สัญญาคือความจำ ปัญญาคือความรู้แตกฉาน เราลองมาคิดดูว่า พระพุทธศาสนาของเรามีอายุ ๕,๐๐๐ ปี ตอนนี้ผ่านมาแค่ ๒,๕๖๖ ปี สภาพของบุคลากรของเราน่าเป็นห่วงจนขนาดนี้แล้ว

    อาตมภาพขอกล่าวถึงครอบครัวตัวเอง โยมพ่อเป็นคนจีนมาจากแผ่นดินใหญ่ อพยพมาแบบที่สมัยที่คนเขาเรียกว่า "คนต่างด้าว" โยมแม่เป็นลูกของตากับยายที่เป็น "คนต่างด้าว" เพียงแต่ว่าโยมแม่เกิดในเมืองไทย ทั้งโยมพ่อและโยมแม่ไม่ได้เรียนหนังสือทั้งคู่ ดังนั้น..ถึงแม้ว่าโยมแม่ของอาตมภาพจะมีลูกถึง ๑๓ คน แต่สิ่งหนึ่งที่โยมแม่พร่ำกรอกหูลูก ๆ อยู่เสมอก็คือ "พ่อแม่ไม่รู้หนังสือ ทำอะไรก็เสียเปรียบเขา เพราะฉะนั้น..พวกแกต้องเรียน..!"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,501
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    โยมพ่อไม่รู้หนังสือแต่ทำบัญชีได้ เพราะว่าโยมพ่อตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทยก่อนพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายปี มาหักล้างถางพง จับจองที่ดินได้ก่อนเขา พอถึงเวลาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงจากเมืองจีนได้ข่าวคราวว่า บุคคลนี้ไปตั้งหลักปักฐานในสยามได้แล้ว ก็หวังจะมาพึ่งพา

    สมัยก่อนเขาจะนั่ง "เรือฉลอม" มากันแบบ "เสื่อผืนหมอนใบ" พวกเราเกิดไม่ทัน ไม่รู้หรอกว่าเรือฉลอมหน้าตาเป็นอย่างไร ? มาขึ้นที่ "ท่าจีน" พวกเรารู้จักแม่น้ำท่าจีนใช่ไหม ? ทำไมถึงได้ชื่อว่าท่าจีน ? ก็เพราะว่าคนจีนมาจอดเรือตรงนั้นมากเป็นพิเศษ ทั้งที่มาค้าขาย ทั้งที่มาส่งคน

    เมื่อญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาขออาศัยอยู่ด้วย เขาก็มาช่วยงาน โยมพ่อตอนนั้นทำไร่ยาสูบ ซึ่งต้องใช้แรงงานมาก ก็มีพรรคพวกเพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งคนจีนด้วยกันมาเป็นลูกน้อง ยอมให้ใช้งาน เพื่อที่จะได้มีข้าวกิน มีที่พัก รวมทั้งหมด ๔๐ กว่าคน

    ปรากฏว่าโยมพ่อทำบัญชีได้ว่า ๔๐ กว่าคนนี้ใครทำอะไร ? ที่ไหน ? เป็นเวลากี่วัน ? เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตได้ ก็แบ่งปันเงินทองให้เขาตามมากน้อยที่ได้ทำมา อาตมภาพเคยดูบัญชีของโยมพ่อแล้วดูไม่รู้เรื่อง เพราะว่าเป็นจุด ๆ ขีด ๆ อะไรก็ไม่รู้ ..!? แต่ท่านทำเอาไว้ลักษณะที่เข้าใจอยู่คนเดียว นั่นคือคนไม่รู้หนังสือ แต่สามารถทำบัญชีได้ว่าเพื่อนฝูงคนนี้ทำงานอะไร ? ทำไปกี่วัน ?

    ส่วนโยมแม่หนักกว่านั้นอีก คนงาน ๔๐ กว่าคน โยมแม่จำได้หมดว่าใครทำอะไร ? กี่วัน ? ไม่ต้องจดเหมือนกับโยมพ่อ แม้กระทั่งตอนหลัง สมัยที่พี่มุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) เรียนชั้นประถมปีที่ ๕ ช่วงก่อนที่จะเรียนนั้น ทางอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สร้างฐานทัพอากาศ ก็คือสนามบินกำแพงแสน ทั้งคนงานทั้งครอบครัวทหารอากาศ ที่โดนดึงมาจากฐานทัพต่าง ๆ ทั่วประเทศมีหลายร้อยคน

    โยมแม่เข้าไปขายกับข้าว มีผัก มีหมู มีไก่ มีอะไรรับจากตลาดเข้าไปให้เขา "เชื่อ" ก็คือเซ็นไว้ก่อน พอถึงเวลาสิ้นเดือน เงินเดือนออกถึงไปเก็บเงินกันทีหนึ่ง โยมแม่ไม่รู้หนังสือ แล้วคนเป็นร้อยแบบนั้น จำได้อย่างไรอาตมาก็บอกไม่ถูก แต่รู้ว่าคนรุ่นนั้นสมาธิดีมาก ถามว่าทำไมถึงสมาธิดีมาก ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,501
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    โยมพ่อเจอพระธุดงค์แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นว่างูตัวใหญ่กว่าลำตาลเสียอีก สามารถที่จะใช้ทรายเสกกำเดียวซัดให้ถอยหนีไปได้ พอถามแล้วรู้ว่าท่านมีคาถาวิเศษ โยมพ่อก็อยากจะเรียนบ้าง ปรากฏว่าพระท่านสอน อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ให้ บอกว่าให้ท่องไว้ทุกวัน แล้วถ้าจะให้ดีก็จัดข้าวนิดหนึ่ง น้ำนิดหนึ่ง กับข้าวนิดหนึ่ง ถวายพระทุกวัน แล้วก็สวดมนต์ จะมีผลคุ้มครองดีมาก คนที่เห็นกับตาว่าพระธุดงค์ท่านมีความสามารถขนาดนั้นก็เชื่อ ตั้งใจเรียนแล้วก็ท่องอยู่ทุกวัน

    แต่โยมต้องเข้าใจว่า พระธุดงค์ท่านบอกครั้งเดียว แล้วท่านก็ถอนกลดไปแล้ว คนไม่รู้หนังสือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ยาวยืด ๓ บท ถ้าเป็นเราจะจำกันได้ไหม ? แต่โยมพ่อจำได้ แล้วสวดอยู่ทุกวัน

    กระผม/อาตมภาพก็ได้อานิสงส์มา พอเริ่มรู้ภาษา โยมพ่อก็อุ้มหลับคอพับคออ่อนสวดมนต์อยู่ทุกคืน เพราะว่าต้องรอจนกระทั่งทำงานเสร็จ เสร็จจากงานไร่ เสร็จจากงานในป่า กลับมาอาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้ว ก็จัดอาหารชุดหนึ่งถวายพระ แล้วก็สวดมนต์

    เพราะฉะนั้น..พระที่บ้าน
    กระผม/อาตมภาพ ฉันอาหารหลังทุ่มครึ่งทุกวัน..! เพราะโยมพ่อไม่ได้ถามไว้ว่าให้ถวายตอนไหน พระธุดงค์ท่านบอกให้ถวายก็ถวาย..! ในเมื่อได้อานิสงส์ตรงนี้มา ก็เท่ากับว่ากระผม/อาตมภาพเองฝึกสมาธิอยู่ทุกวันโดยที่ไม่รู้ตัว ทำให้ความจำค่อนข้างดี ฟังอะไรครั้งเดียวจำได้เกินครึ่ง ถ้าสองครั้งก็จำได้หมด แต่ถ้าเอาให้แน่นอนเลย ขอสักสามครั้ง

    กระผม/อาตมภาพไปวัดครั้งแรกในชีวิต พระท่านให้พร จำได้ว่าเป็นบท "อัคคะโต เว ปะสันนานังฯ" จำได้แล้วท่องได้ด้วยเพราะว่าชอบ หลวงพ่อที่ท่านนำสวด เสียงท่านดังกังวาน น่าเกรงขาม น่าเลื่อมใสมาก พอโยมพ่อตาย มีการสวดพระอภิธรรมที่บ้าน ๗ วัน สมัยนั้นนิยมสวดกัน ๓ จบ พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ พอวันที่ ๓ กระผม/อาตมภาพก็จำบท "สังคะโหฯ" ได้แล้ว ท่องตามได้เลย ครบ ๗ วัน ก็ได้ทั้ง ๗ บทเลย

    เมื่อช่วงประมาณสองเดือนครึ่งที่ผ่านมา มีการอบรมของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เขาเรียกว่าโครงการ Upskill การสอนวิชาพระพุทธศาสนา เพิ่งจะประกาศผลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา พระครูวิลาศกาญจนธรรมได้คะแนนเต็มร้อยเหมือนเดิม..!

    นี่คือคนแก่อายุ ๖๔ แล้วมาเรียนหนังสือนะ..! สมัยก่อนบอกคนอื่นเขาว่า
    กระผม/อาตมภาพเรียนแล้วได้คะแนนเต็มร้อยจนนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีใครเชื่อ แต่สมัยนี้พระเณรท่านเห็นจนเบื่อแล้ว โดยเฉพาะไอ้เด็กรุ่นหลังบอกว่า "หลวงตาน่าเบื่อมาก ไม่มีอะไรแตกต่างเลย มีแต่ A, A, A, A สู้ผมไม่ได้ A, B, C, D มีครบ F ก็ยังได้..!" เขาว่าอย่างนั้น ได้ยินแล้วกระผม/อาตมภาพ "น้ำตาจิไหล..!"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,501
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ที่พูดมาตรงนี้ก็เพื่อที่จะบอกพวกเราว่า การทำแบบนี้ได้ พื้นฐานไม่ได้มากมายอะไรเลย แค่สวดมนต์ทุกวัน ซึ่งก็คือการสร้างสมาธิ การที่เราจะทำสมาธิไม่ใช่มานั่งหลับตาอย่างเดียว ทำอะไรก็ได้ แต่ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับงานตรงหน้า อย่าให้เคลื่อนไปไหน นั่นคือการฝึกสมาธิแล้ว ถ้าหากว่าให้เรานั่งอย่างเดียว บางทีเราก็ไปไม่รอด

    ดังนั้น..ในส่วนนี้จึงทำให้รู้สึกเป็นห่วงมากว่า เด็กสมัยใหม่ขาดการฝึกสมาธิ ที่ขาดก็เพราะว่าพ่อแม่ไม่ได้ทำด้วย ในเมื่อไม่มีใครนำ เด็กก็เลยทำไม่เป็น เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเด็กมักจะเลียนแบบและทำตามผู้ใหญ่

    สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพสอนมโนมยิทธิ ต้องบอกว่ามีความสามารถค่อนข้างสูง ก็คือสอนใครก็มักจะได้เลย แต่ปรากฏว่าไปแพ้เด็ก ๖ ขวบ มีพี่น้องคู่หนึ่งแม่พามาอยู่วัด ตัวพี่อายุ ๖ ขวบ ฝึกมโนมยิทธิได้ ก็นั่งหลับตามีความสุข ขึ้นไปไหว้พระ ขึ้นไปหาญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง ถ้าให้อาตมาสอนเด็กแบบนั้น ก็ต้องประมาณครึ่งค่อนชั่วโมง ถึงจะทำให้เขารู้ได้ว่าจะไปอย่างไร

    แต่ปรากฏว่าเจ้าน้องชาย ๔ ขวบ เห็นพี่นั่งหลับตา ถามว่า "ทำอะไร ?" พี่ก็บอกว่า "ไปเที่ยวสวรรค์" น้องเขาถามว่า "ทำอย่างไร ?" พี่ก็บอกว่า "ก็หลับตาสิ..แล้วไปด้วยกัน" พูดแค่นั้นแล้วน้องชายทำได้เลย..! อาตมาก็ได้แต่นั่งตาปริบ ๆ "กูสอนแทบตายกว่าจะได้สักคน มึงพูดประโยคเดียว น้องทำได้เลย..! นั่นคือบุคคลที่ได้รับการฝึกหัดเพิ่มเติมนอกจากของเก่าของตัวเองแล้ว

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครมีลูกมีหลาน มีญาติมีโยมที่เป็นเด็กสมัยใหม่ ถ้าเป็นไปได้พยายามสอนให้เขาฝึกสมาธิบ้าง ทำอะไรมากไม่ได้ ให้ว่าพุทโธสัก ๓ ครั้ง ๕ ครั้งก่อนนอนก็ยังดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะค่อย ๆ สั่งสมตัวเองไปเรื่อย เหมือนกับน้ำทีละหยด เดี๋ยวก็ได้เป็นแก้ว เป็นขวด เป็นตุ่ม เป็นไหไปเอง

    พอถึงเวลา ถ้าสมาธิเขาดีขึ้น ก็สอนให้สวดมนต์ นะโม ตัสสะฯ ก็ได้ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ก็ได้ จุดมุ่งหมายใหญ่บอกกับเขาว่า อันดับแรกเลย ถ้าใครสวดมนต์ ผีจะไม่กวน อันดับที่สอง ถ้าขยันสวดมนต์จะเรียนเก่ง แล้วเราไม่ต้องเสียเวลาไปหลอกเด็กเลย เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่เป็นจริงตามนั้น
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,501
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ดังนั้น..ด้วยความที่เห็นสามเณรหน้าไฟวันนี้แล้วเกิดความห่วงใย จึงไปนึกถึงว่า จากตัวเองเป็นเด็กมาจนถึงปัจจุบันนี้ ห่างกันแค่ประมาณ ๖๐ ปี สัญญาและปัญญาของคนทรามลงไปได้ขนาดนั้น รุ่นพ่อรุ่นแม่ของอาตมภาพนี้ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ แต่เขากำหนดจดจำได้ทุกเรื่อง ลูกตัวเองมีกี่คน เกิดวันไหน ? เดือนไหน ? ปีไหน ? บอกได้หมด

    คน ๆ นั้นมาหา ก็สามารถบอกได้ว่าปู่ย่าตาทวดของเขาเป็นใคร ไอ้เจ้านี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อแม่แต่งงานกันเมื่อไร นี่คือสิ่งที่คนสมัยก่อนซึ่งมีสภาพจิตใจค่อนข้างสงบ การแย่งชิงในการทำมาหากินมีน้อย ก็เลยทำให้เขาทั้งหลายเหล่านี้มีสมาธิโดยปริยาย

    โดยเฉพาะผู้ชายสมัยก่อนโดนบังคับเลยว่าต้องบวชอย่างน้อย ๑ พรรษา ถ้าใครไม่บวชไม่ต้องไปหาเมีย ไม่มีพ่อแม่คนไหนยกลูกให้ "คนดิบ" เขาว่าอย่างนั้น ในเมื่อได้รับการบวช การฝึกฝนขัดเกลามา จึงกลายเป็นพื้นฐานให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีสมาธิ จะทำสิ่งหนึ่งประการใดก็ได้เปรียบคนอื่น เพราะว่าสภาพจิตจดจ่ออยู่กับงานตรงนั้น

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...