เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 เมษายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ อันดับแรกเลย ขอแจ้งข่าวดีกับสามเณรภาคฤดูร้อนว่า พรุ่งนี้ช่วงเช้าหลวงพ่อไม่มีเวลาสึกให้ เพราะว่าติดงาน อยู่ฉันเพลไปก่อนแล้วกัน กลับมาเมื่อไรจะรีบสึกให้ทันที..!

    พรุ่งนี้หลวงพ่อต้องไปเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดคลีตี้ฯ ชื่อเป็นทางการว่าวัดคลีตี้ผลธรรมาราม หรือวัดทุ่งเสือโทน ห่างจากที่นี่ไม่มากหรอก เกือบ ๆ ๘๐ กิโลเมตรเท่านั้น แล้วไม่ใช่ถนนดี ๆ นะ เป็นถนนลูกรังกระโดกกระเดก กระโดดไปเรื่อย แล้วถ้าฝนตกก็อาจจะติดอยู่ในนั้นทั้งวัน ฟังแล้วชื่นใจไหม ?

    หลังจากนั้นก็ต้องกลับมาเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดชะอี้ ชื่อเป็นทางการคือวัดชะอี้สุวิมลธรรมาราม แล้วถึงไปเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดพุทโธ สามเณรต้องเอาใจช่วยอย่าให้รถติดนะ ถ้ารถติดอาจจะได้สึกกลางคืน..!

    พรุ่งนี้ให้พี่เลี้ยงช่วยกันสอบสามเณรว่าท่องคำอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะได้หรือเปล่า ? ถ้าใครไม่ได้ จะให้มาท่องกับหลวงพ่อเอง..! ถ้ายังไม่ผ่านอีกก็ไม่ต้องสึก อยู่ไปเรื่อย ๆ ก่อน ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"

    วันนี้หลวงพ่อออกไปเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดวังหิน แล้วก็มาวัดหินแหลม วัดเสาหงษ์ ไปสุดที่วัดนพเก้าทายิการาม หมู่ที่ ๖ ตำบลห้วยเขย่ง ปากทางขึ้นบ้านปิล็อก กลับมาทันทำวัตรค่ำพอดี..+

    ถ้าถามว่าทำไมไม่รีบไป ? ก็เพราะว่าต้องเป็นประธานเผาศพ จสต.เฉลิมพล รูปคมสัน หรือจ่าแดง ถ้าประธานไม่อยู่ เดี๋ยวเขาเผากันไม่ได้..! ตอนแรกยังเข้าใจว่าจ่าแดงเป็นตำรวจ แต่ปรากฏว่าวันนี้เขาอ่านประวัติแล้ว เชื่อไหมว่าหลวงพ่อกับจ่าแดงออกชายแดนรุ่นเดียวกัน มิน่าล่ะ..เขาถึงได้อายุ ๖๔ ปี..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ตอนช่วงนั้นหลวงพ่ออยู่ที่บ้านแซออร์ อำเภอวัฒนานคร เป็นกองร้อยหนุน ๓ เดือน บ้านโคกสูง อำเภออรัญประเทศ เป็นกองร้อยหนุนอีก ๓ เดือน แล้วก็ไปอยู่กองร้อยแนวหน้าที่บ้านหนองเสม็ด อำเภอตาพระยา ๕ เดือนกว่า ความจริงเขาเปลี่ยนกันคนละ ๓ เดือน แต่ว่าช่วงนั้นพอดีศึกหนักไปหน่อย ปะทะกันใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๖ ครั้ง เพื่อนตายไป ๒๐ กว่าคน..! ก็เลยเคลื่อนย้ายกำลังไม่ได้ ต้องอยู่ยาวไปเลย..!

    ทหารที่เป็นทหารเกณฑ์ หรือพลทหารรุ่นนั้นก็ "ค้างปลด" คือแทนที่จะได้ปลดเดือนเมษายนอย่างที่เขาทำกันเป็นปกติ ก็ต้องอยู่ต่อแล้วไปปลดเอาเดือนกรกฎาคมโน่น..! ก็คือพอเปลี่ยนกำลังได้ก็ลงมาที่ตั้งปกติ แล้วก็ได้ปลดกันตอนนั้น ก็แปลว่ารับเงินเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเดือน

    คราวนี้ชายไทยทุกคนต้องรับหมายเกณฑ์ เพราะฉะนั้น..จะไปปฏิเสธว่า "ผมไม่ชอบระบบการเกณฑ์..ผมไม่ยอมเกณฑ์อย่างเด็ดขาด" แบบนั้นมึงกำลังหาเรื่องติดคุก..! ส่วนใครที่เขาทำอย่างนั้น เรื่องของมันเถอะ..! การเป็นทหาร ถ้าหากรู้จักไขว่คว้า เราจะได้อะไรมากกว่าที่คิด สามเณรทั้งหลายจะเห็นว่า หลวงพ่ออายุ ๖๔ ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงกว่าหนุ่ม ๆ อีก นี่ก็ได้มาจากการฝึกทหาร

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาเป็นระเบียบ เป็นวินัย เป็นวุฒิภาวะ คำนี้เณรฟังแล้วไม่เข้าใจ ก็คือทำให้เรารู้จักอดกลั้นอดทนต่ออารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะว่าทางทหารเขาฝึกแล้วกดดันเราทุกอย่าง เพื่อที่ถึงเวลาออกไปชายแดนแล้วจะได้รับสถานการณ์จริงได้ เพราะว่าบางคนเสียสติไปเลย อยู่ ๆ เพื่อนโดนปืนโป้งเดียว หัวกระจายอยู่ตรงหน้า..! หรือไม่ก็ปืนใหญ่ลงตูมมา ทั้งหมู่ตายเกลี้ยง ตัวเองรอดอยู่คนเดียว ต้องขวัญหนีดีฝ่อไปตลอดชีวิต..! แต่เป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายไทยจะต้องทำ

    มีคนเขาบอกว่า อยากรู้ว่าสิ่งที่ยากลำบากในชีวิตลูกผู้ชายเป็นอย่างไร ถ้าไม่ไปเป็นทหารก็ให้ไปบวชพระ หลวงพ่อทำทั้งสองอย่างเลย..! สรุปง่าย ๆ ว่าเป็นทหารลำบากกาย ก็คือต้องบังคับเราฝึกความสามารถทุกอย่างเอาไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ไปเป็นปุ๋ยที่ชายแดน เป็นพระลำบากใจ รัก โลภ โกรธ หลง ทุกอย่างมีเท่ากับคนทั่ว ๆ ไป แต่โดนตีกรอบเอาไว้ด้วยศีล ละเมิดไม่ได้

    ก็แบบเดียวกับสามเณรทุกรูปที่บวช แล้วจะสึกในวันพรุ่งนี้ หรือว่าที่จะอยู่ต่อก็ตาม ต่อไปถ้าบอกว่าไปทำงานอะไรแล้วเขาให้ตื่นตี ๓ ครึ่ง "โอ๊ย..สบายมาก เป็นสามเณรผมทำมาแล้ว" โบราณเขาถึงได้บอกว่า "ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ" ก็คือถ้าไม่มีอะไรลำบากกว่านี้ เราจะอยู่ได้สบาย เพราะว่าเราผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    หลวงพ่อเองยังไม่เคยเจออะไรลำบากในชีวิตเลย เพราะว่าไอ้ที่ลำบากเจอมาหมดแล้ว จับไปโยนไว้ในป่าก็ไม่ตาย เพราะว่ารู้จักหากินเอง เอาไปทิ้งไว้ในป่าช้าก็ไม่กลัว เพราะว่าอยู่กับผีมาจนชินแล้ว ถามว่าทำไม ? ก็เพราะว่าถ้าหากว่าใครไปฝึกหลักสูตรจู่โจม จะมีอยู่หลักสูตรหนึ่ง ซึ่งเป็นภาคที่ลุ่ม ต่อด้วยภาคทะเล ภาคที่ลุ่มพวกเราจะฝึกที่วัดเขาสมอระบัง จังหวัดเพชรบุรี ถึงเวลาก็ต้องไปนอนในป่าช้า ครูฝึกก็มักจะเอาแผนที่ซึ่งเราจะต้องไปในจุดต่อไปเพื่อแก้ปัญหา ไปซุกไว้ในโลงศพ แล้วก็มักจะเลือกศพที่เละ ๆ ด้วย..!

    รุ่นของหลวงพ่อนี่รื้อโลงศพจนศพแทบจะหลุดเป็นชิ้น ๆ แต่หาแผนที่ไม่เจอ เหม็นหึ่งไปทั้งตัว..! ขอโทษ..พอกลับถึงที่ตั้งแล้วชุดนั้นต้องทิ้งไปทั้งชุดเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้น้ำเหลืองผีทำไมถึงได้ติดทนติดทานขนาดนั้น อากาศชื้นหน่อยเดียว ก็เหม็นเป็นซากศพเหมือนเดิม หรือเหงื่อออกไปโดนเข้าหน่อยเดียว กลิ่นศพออกมาเลย คนขวัญไม่ดีก็คิดว่าผีหลอกอีกแล้ว เพราะฉะนั้น..! ไอ้ชุดที่ใส่วันนั้นต้องโยนทิ้งไปเลย ซักเท่าไรก็ไม่หายเหม็น โดนเหงื่อหรือโดนความชื้นเมื่อไรจะเหม็นขึ้นมาทันที..!

    ดังนั้น..โบราณเขาถึงได้บอกว่า ของที่เหม็นที่สุดในโลกมีสองอย่าง อย่างที่หนึ่งก็คือขี้อีแร้ง เพราะว่าอีแร้งกินแต่ซากศพเน่า ๆ อย่างที่สองคือจีวรพระ เพราะว่าพระสมัยก่อนต้องไปชักผ้าบังสุกุลจากศพ เพื่อเอามาทำจีวร

    สมัยหลวงพ่อเด็ก ๆ บางบ้านเก็บศพเอาไว้ ๗ วัน ๘ วันแล้ว ให้พระใหม่เข้าไปชักผ้าบังสุกุล ต้องถือไม้ง่ามไปอันหนึ่ง เพราะว่าเขาจะทำเป็นเก้าอี้โยก ถึงเวลาศพจะนอนอยู่บนเก้าอี้โยก มีผ้าบังสุกุลพาดบนแขน เราไปถึงก็ต้องเหยียบเก้าอี้ แล้วศพจะกระดกพรวดขึ้นมาประเคนผ้าให้..! แต่ตอนที่ศพกระดกพรวดขึ้นมานี่ต้องเอาไม้ค้ำคอไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นศพล้มใส่เลย แล้วลองคิดดูว่าศพเน่า ๆ แล้วผ้าบังสุกุลพาดแขนศพอยู่ ไม่รู้ว่าน้ำเหลืองน้ำหนองซึมเข้าไปเท่าไร ? รู้อยู่อย่างเดียวว่าโดนความชื้นเมื่อไรก็เหม็นบรรลัยเลย..!

    แล้วสมัยนั้นเขาจะมี "โรงทึม" ไว้เก็บศพ ถึงเวลาก็เอาโลงไปซ้อน ๆ ๆ กันไว้ ศพไหนญาติมีเงินจะจัดงานเผาแล้วค่อยไปเอาออกมา เดินเข้าไปหัวใจจะวายตาย พวกนกฮูกนกเค้าแมวเต็มไปหมด พวกนี้ไปรอจับหนูกิน เป็นนกแต่ว่าหน้าตาน่ากลัวมาก คืนนี้จะได้นอนกันไหมนี่ !?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    คราวนี้รุ่นของหลวงพ่อรื้อศพจนแทบจะหลุดเป็นชิ้น ๆ แล้วหาแผนที่ไม่เจอ ปากเปิกลิ้นเลิ้นแหกดูหมด เหนื่อยจนหมดสภาพ นอนหงายผลึ่ง ปรากฏว่าเขาเสียบเอาไว้ตรงคบไม้ ตอนนั้นความรู้สึกก็คืออยากจะตบครูฝึกให้สลบคามือ..! รุ่นพี่ทุกคนบอกว่ามึงต้องค้นแผนที่จากศพ พวกเราเห็นโลงศพตั้งอยู่ก็รื้อกันกระจาย คนไหนไม่กลัวผีก็ "มึงเอาเลย..!" พลิกซ้ายพลิกขวาหาไปเรื่อย แต่เขาดันเอาไปเสียบไว้ตรงคบไม้..!

    นี่ถ้าไม่หมดสภาพถึงขนาดนอนแผ่เงยขึ้นไปก็ไม่เห็น..! กลายเป็นว่าพอเจอแบบนั้นเข้าแล้ว ตอนนี้หลวงพ่อถ้าอยากจะได้บรรยากาศน่ากลัว ๆ หน่อย ก็ต้องเอาเรื่องผีไปอ่านในป่าช้า รู้สึกขนลุกนิด ๆ ต้องอ่านตอนเที่ยงคืนด้วยนะ เวลาอื่นก็ไม่ขนลุกเสียอีก..!

    ก็แปลว่า ถ้าพวกเราลำบากก่อน ถึงเวลาทำอะไรก็จะสบาย เพราะว่าเคยชินกับความลำบากมาแล้ว ให้สามเณอดข้าว กินแค่สองมื้อ โอ๊ยสบายมาก ตอนเป็นเณร อดมาแล้ว ให้สามเณรถูบ้าน ซักผ้า ทำได้สบายมาก ตอนเป็นเณรทำมาแล้ว ให้สามเณรสึกช้าหน่อย ไม่ค่อยสบาย..! ทนเอาหน่อยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หลวงพ่อจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด แล้วจะมาจ่ายทุนการศึกษาให้


    ใครที่อยู่ต่อได้ทุนการศึกษาแล้ว ฝากพระพี่เลี้ยงไว้ อย่าให้มีการขโมยกัน ปีที่แล้วเกิดขึ้นแล้ว สองคนนั่นโดนหลวงพ่อขึ้นบัญชีดำไปเรียบร้อย "มึงมาสมัครใหม่กูก็ไม่ให้บวช" เพราะฉะนั้น..เรื่องของการทุจริต หรือว่าผิดศีล ถ้าเราป้องกันได้ ก็ต้องระวังป้องกันไว้ อย่าเปิดโอกาสให้เขา คนเราจะทำความชั่วต้องมีโอกาสด้วย ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขา เขาก็จะทำความชั่วไม่ได้

    สามเณรของพวกเราบวชที่นี่นับว่าดีมาก เพราะว่าทางด้านวัดเสาหงษ์ เขาให้บิณบาตแล้วฉันมื้อเดียว ฉันในบาตรด้วย วันนี้ไปเยี่ยมแล้ว "น้ำตาจิไหล..!" ไม่รู้ว่าต้องอยู่กันอีกกี่วัน ส่วนของพวกเรานี่กินดีอยู่ดี ยิ่งกว่าประเภท "ยกห้าง" มาเอง แม่ชีและญาติโยมก็รักสามเณรเหลือเกิน ทุกมื้อไม่เนื้อก็หมู ไม่หมูก็ไก่ ขนมอีกบานตะเกียง กินเท่าไรก็ไม่หมด ปีหน้าบวชใหม่แล้วสึกตอนสองทุ่มนะ..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...