พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิด

    IMG_3275.jpeg IMG_3277.jpeg IMG_3276.jpeg IMG_3278.jpeg
    IMG_3274.png

    แหนบหลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต ปี ๒๕๑๕ รุ่นพิเศษ

    ตามข้อมูลส่า สร้างน้อยหายาก สุดยอดประสบการณ์เล่าทั้งวันก็ไม่จบครับ พิธีปลุกเสกสุดเข้มขลัง ใช้แทนเหรียญของท่านที่แพงๆได้เลย

    บูชา 600 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2024
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดครับ

    IMG_3280.jpeg IMG_3279.jpeg IMG_3281.png

    เหรียญสมเด็จโต วัดเทพากร ปี.14.. แจกกรรมการ หมายเลข.. 6420 ไม่ค่อยเจอแน่นอนปกติเจอแต่เหรียญธรรมดา

    บูชา 600 บาท

    พิธีใหญ่ เกจิดังร่วมปลุกเสกมากมาย อาทิเช่น.. หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อกวย สวยๆ ส่งตามรูป รับประกันพระแท้ ตลอดชีพ ครับท่าน..

    เหรียญสมเด็จโต วัดเทพากร หลวงพ่อกวยร่วมปลุกเสก สร้างปีพศ.2514 .. ด้านหลังเป็น9พระพุทธ ที่สำคัญของเมืองไทยดังนี้
    1.พระแก้วมรกต
    2.พระพุทธชินราช
    3.พระพุทธโสธร
    4.หลวงพ่อวัดเทวสังฆาราม
    5.พระพุทธไตรรัตนายก
    6.พระพุทธโคดม
    7.พระพุทธสิหิงค์
    8.พระพุทธมงคลมิ่งเมือง
    9.พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล

    ..... เหรียญ 9 พุทธมงคลหลังสมเด็จโต วัดเทพากร ธนบุรี ..... เนื้อทองแดงรมดำ จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2513 .. ( มีการปลุกเสกตั้งแต่ปี 2513 จนกระทั่งปี 2515 เสกรวม 5 วาระ พร้อมวัตถุมงคลแบบอื่นๆ รุ่นนี้สร้างพร้อม เหรียญ9สังฆราช9มหาราช ) จัดพิธีพุทธาภิเษกอันยิ่งใหญ่ พระคณษจารย์ทั่วฟ้าเมืองไทยร่วมปลุกเสก พิธีพุทธาภิเษกทั้ง 5วาระ .....
    ... วาระที่1 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2513 โดยอาราธนาพระคณาจารย์ 19รูป นั่งปรกบริกรรมปลุกเสก (ไม่ทราบรายนาม)
    ... วาระที่2 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2513 ท่านเจ้าคุณโพธิวรคุณ นั่งปรกบริกรรมปลุกเสก
    ... วาระที่3 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2513 (วันปิยะมหาราช) ไม่ทราบรายนามคณาจารย์
    ... วาระที่4 เมื่อเสาร์ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2515 พระคณาจารย์ 40รูปนั่งปรกบริกรรมปลุกเสก รายนามพระคณาจารย์ที่เข้าร่วมพุทธาภิเษก
    - พระเทพวิริยากรณ์ วัดยานนาวา เป็นประธานจุดเทียนชัย
    - หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    - ท่านเจ้าคุณโพธิวรคุณ วัดโพธินิมิต
    - พระอาจารย์สุพจน์ วัดสุทัศน์
    - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    - หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
    - หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    - หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์
    - ครูบาวัง วัดบ้านเด่น
    - หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    - หลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ
    - หลวงพ่อป่วน วัดโพธิ์งาม เป็นต้น
    ... วาระที่5 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2515 ไม่ทราบรายนามพระคณาจารย์
    ... ปลุกเสกวาระพิเศษ ...
    - หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    - หลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก ปลุกเสกเดี่ยวพิเศษ

    เหรียญดี ปีลึก เกจิดังปลุกเสกมากมาย เป็นอีกหนึ่ง ของดี ราคาเบา .. ครับท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2024
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3336.jpeg IMG_3337.jpeg IMG_3282.png IMG_3283.png

    เหรียญหมอชีวกโกมารภัต วัดญวนสะพานขาว หลวงพ่อบ๋าวเอิง ปี2499 พิมพ์หลังหนังสือ 3แถว เนื้อทองแดง

    บูชา 1,700 บาท

    เหรียญท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ รุ่นแรก หลวงพ่อบ๋าวเอิง วัดสมณานัมบริหาร หรือวัดญวนสะพานขาว สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.2499 เป็นเหรียญยอดนิยมที่หายาก เหมาะสำหรับบูชาไว้ เพื่ออธิษฐานให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเหรียญนี้ผู้ที่นำไปใช้ต่างก็มีประสบการณ์เป็นอันมาก เพราะหมอชีวกฯ ท่านเป็นหมอประจำพระองค์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศในด้านการแพทย์ ซึ่งในยุคสมัยนั้นยังไม่เจริญก้าวหน้า แต่ท่านสามารถรักษาโรคต่างๆให้ผู้เจ็บป่วยหายได้อย่างไม่น่าเชื่อ รวมทั้งท่านยังเคยเป็นหมอผ่าตัดสมองให้ผู้ป่วยสมัยนั้นรอดตายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ท่านยังปฏิบัติธรรมจนได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน
    หลวงพ่อบ๋าวเอิง เจ้าอาวาสวัดญวนสะพานขาว ท่านสามารถติดต่อกับหมอชีวก ฯ ได้ทางจิต ท่านจึงได้สร้างเหรียญหมอชีวก ฯ ไว้ให้ผู้คนบูชา โดยสร้างจากรูปในนิมิตของท่าน นอกจากนั้นหลวงพ่อโอภาสี บางมด และอาจารย์ชุม ไชยคีรี ก็ร่วมพุทธาพิเษกด้วย ซึ่งความเมตตาของท่านนอกจากการให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บแล้ว สิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในยุคสมัยนั้นคือ “การอัญเชิญวิญญาณ” และ “การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ” เช่น เทพ เทวดา วิญญาณของนักบวชที่ล่วงลับไปแล้ว ฯลฯ ท่านเป็นพระที่ได้รับการยอมรับของลูกศิษย์และคนทั่วไปว่ามีความสามารถในการเชิญวิญญาณ ซึ่งท่านเคยเล่าให้ฟังว่าตัวท่านเองมีความสนใจในเรื่องของจิตและวิญญาณ ท่านจึงได้เริ่มค้นคว้าและทดสอบอยู่หลายปี จนท่านสามารถเชิญวิญญาณลงมาประทับบนร่างทรงได้ หลวงพ่อบ๋าวเอิงมักจะถ่อมตนเสมอว่าท่านเองเป็นเพียงนักปฏิบัติและชอบศึกษาค้นคว้าหาความจริงตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ในฐานะที่ท่านเป็นพุทธบุตรของพระพุทธเจ้า

    หากท่านใดต้องการกราบสักการะบูชา รูปหล่อขององค์หมอชีวกฯสามารถไปได้ที่วัดญวนสะพานขาว ตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม (ใกล้ตลาดโบ๊เบ๊) ชาวญวนที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้สร้างขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดสมณานัมบริหาร" กล่าวกันว่า ณ วัดญวน สะพานขาวแห่งนี้ คือจุดกำเนิดของหมอชีวกโกมารภัจจ์ รูปหล่อนี้เกิดจากการที่หลวงพ่อบ๋าวเอิง อัญเชิญให้มาปรากฏบนนิ้วมือเพราะท่านต้องการปั้นพระพักตร์ของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ไว้สำหรับเคารพบูชาในฐานะที่ตัวหลวงพ่อเองท่านเป็นพระที่รักษาโรคแก่คนทั่วไปด้วย ท่านเล่าว่าได้ติดต่อช่างปั้นคนหนึ่งชื่อว่า “นายโชติ สโมสร” ขณะนั้นนายโชติกำลังรับปั้นรูปหล่อหลวงพ่อคง ของสำนักท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี เชื่อกันว่ารูปท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ที่ถือกำเนิดจากฝีมือของนายโชติ สโมสร และอำนาจพลังจิตของหลวงพ่อบ๋าวเอิง ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปว่าเป็น ”รูปหมอชีวกโกมารภัจจ์ที่ปรากฏเป็นลักษณะองค์จริงครั้งแรกของโลก” หลวงพ่อบ๋าวเอิงได้ขนานนามรูปหล่อท่านชีวกโกมารภัจจ์ว่า “บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์”
    ทุกวันนี้จะมีชาวต่างชาติที่ให้ความเคารพท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์แวะเวียนเข้ามากราบไหว้ สักการะ ขอพรกับรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของท่าน ณ วัดญวน สะพานขาวแห่งนี้เสมอๆ

    ตลอดชีวิตของหลวงพ่อ ท่านได้ทุ่มเทกับเรื่องราวของจิต วิญญาณและการปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เรื่องราวที่เกิดขึ้นท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือและมีการพิมพ์เผยแพร่แจกเป็นวิทยาทาน โดยมีจุดมุ่งหมายให้คนอ่านเข้าใจในเรื่องพวกนี้และเชื่อมั่นในเรื่องของ"บาปบุญคุณโทษ" ท่านกล่าวว่า “พูดถึงเรื่องการทำบุญ จะเอาบุญมาล้างบาปเห็นเป็นไม่ได้ ทำกรรมใดกรรมนั้นก็ติดตัวไป ใช้หนี้กรรมเรื่อยไป การทำบุญทุกครั้งไม่ต้องขอร้องวิงวอนให้ผลบุญสนองอย่างนั้นอย่างนี้ผลแห่งการสร้างบุญที่ได้สร้างไปในทางใดก็ให้ผลในทางนั้น และจุดมุ่งหมายหรือทางที่บุญจะให้ผลดีที่สุดคือพระนิพพาน ไม่มีการเกิดมาใช้หนี้กรรมอีกต่อไป”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2024
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดแล้วครับ

    IMG_3286.jpeg IMG_3287.jpeg

    เหรียญเสมาหลวงพ่อทวด หลังขุนพันธ์รักษ์ราชเดช พิมพ์หัวโต เนื้อนวโลหะ ที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพขุนพันธรักษ์ราชเดช ปี 2550 เหรียญนี้ยังอยู่ในซีลเดิมครับ



    ตอกโค๊ตที่หูเหรียญ สร้างแจกในพิธีพระราชทานเพลิงศพขุนพันธ์รักษ์ราชเดช ลักษณะเหรียญเป็นเนื้อทองแดงขัดเงา ตอกโค๊ตที่หูเหรียญทุกองค์ ชนวนมวลสาร พิธีเดียวกับเหรียญมือปราบสิบทิศ เริ่มหายาก พระมีประสพการณ์ มาเลย์ - สิงคโปร์ มาหากัน

    พิธีพุทธาภิเษกทั้งหมด 4 พิธี

    ครั้งที่ 1 เมื่อ 19 ม.ค. 2550 ณ ถ้ำฤาษีเขางู อ.เมือง จ.ราชบุรี
    ครั้งที่ 2 เมื่อ 2 ก.พ. 2550 ณ หอพระวิหารสูง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
    ครั้งที่ 3 เมื่อ 3 ก.พ. 2550 ณ สะดือทะเลปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
    ครั้งที่ 4 เมื่อ 16 ก.พ. 2550 ณ วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

    มวลสารที่ใช้ในการจัดสร้างวัตถุมงคลล้วนสุดยอดทั้งนั้นค่ะ
    1.ปลียอดพระธาตุ
    2. มวลสารจากกริชอะแวซาดอ
    3. ผงว่านหลักเมือง ปี 2530
    4. ศาสตราวุธต่าง ๆ ทั้งหมดของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช
    5. มวลสารจากดาบขุนพันธ์ (เหล็กน้ำพี้)สืบทอดมาจากพระยาพิชัย
    6.หนวดเคราของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช (ฯลฯ)

    เหรียญรุ่นนี้สร้างแจกในงานพระราชทานเพลิงศพท่านขุนพันธ์ ตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 คลื่นมหาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเคลื่อนไหวดั่งกระแสน้ำไหลบ่าท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราช ทุกหัวใจที่เคลื่อนไหวมีจุดหมายเดียวกันคือ ลานพิธีศาลาร้อยปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งถูกใช้เป็นเมรุชั่วคราวในการพระราชทานเพลิงศพจอมขมังเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่นาม พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช
    แน่ละ ไม่อาจปฎิเสธว่า ฝูงชนส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งมาด้วยความเคารพรักใคร่อาลัยในตัวขุนพันธ์ไม่ว่าจะเคยผูกพันกันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ส่วนหนึ่งมาด้วยหน้าที่ และส่วนใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่มากที่สุดมาเพื่อหวังได้รับแจกวัตถุมงคลของขุนพันธ์ซึ่งทายาทของท่านออกข่าวว่าจัดเตรียมไว้พร้อมแล้วถึง 60,000 ชุด

    ความศรัทธาเลื่อมใสในตัวขุนพันธ์ในฐานภาพ "เจ้าพิธี" ซึ่งเป็นผู้ "สร้างแบรนด์" องค์พ่อจตุคามรามเทพ เทพเจ้าผู้ปกปักรักษาพระบรมธาตุเจดีย์และองค์เทพผู้มีมหฤทธานุภาพแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ให้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง จากการจัดสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2530 ด้วยพระผงสุริยัน-จันทราทรงพิมพ์ "น้ำตาลแว่น" ที่ต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของพระเครื่อง "สายจตุคาม" ซึ่งมาแรงที่สุดแห่งยุคนี้ และมีการสร้างต่อกันมานับร้อยรุ่น สารพัดพิธี สร้างกำไรมหาศาลกับทีมงานผู้สร้างพระซึ่งกลายเป็นเศรษฐีไปแล้วหลายคน

    ในค่ำคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 นอกจากรถทัวร์คันใหญ่ๆหลายร้อยคันจะจอดอยู่เต็มลานจอดรถของทุกโรงแรมในตัวเมืองคอนแล้ว ในสวนสาธารณะทุ่งท่าลาดของเทศบาลนครศรีธรรมราชยังคึกคักไปด้วยผู้คนที่เข้าไปปักหลักหาที่ค้างคืนเพื่อรอเวลาเช้าตรู่ รถหลายคันมาจากจังหวัดไกลๆ ในภาคเหนือ บางส่วนจากภาคอีสาน กรุงเทพมหานคร และจำนวนมากๆๆๆ ที่มาจากปักษ์ใต้บ้านเรา หัวใจนับแสนดวงใจ สอดร้อยประสานความต้องการเดียวกัน มิตรภาพยามค่ำคืนในสถานที่อันพลุกพล่าน จอแจ ถูกทำลายความแปลกแยกลงด้วยหัวข้อสนทนาเดียวกัน ...บารมีท่านขุนพันธ์

    กลับมาที่ลานพิธีศาลาร้อยปี แดดเปรี้ยงร้อนแรงของเมืองคอนในห้วงเดือนสาม มิอาจปิดกั้นพลังศรัทธาของมหาชนเรือนแสนที่มุ่งมองเขม้นไปยังเมรุชั่วคราว 9 ยอดแสนอลังการที่ลำเลียงมาจากจังหวัดเพชรบุรี หลายคนมองหมายบันไดทางขึ้นสู่เมรุซึ่งมีอยู่ 4 ด้านเหมือนจะเล็งไว้ในใจว่าจะพาตัวเองเบียดคลื่นฝูงชนไปวางดอกไม้จันท์คารวะศพท่านขุนพันธ์ ณ มุมไหน ก่อนจะได้รับเหรียญที่ระลึกอย่างที่ได้อ่านมาในข่าวหนังสือพิมพ์ แรงเบียดเสียดยัดเยียดจนอึดอัดแทบหายใจไม่ออก คนชราและเด็กหลายสิบคนเป็นลมล้มลงกลางแดดร้อน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจใครเท่าใดนักเวลานี้

    6 โมงเย็น หลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ทรงมีพระปฎิสันฐารกับทายาทของท่านขุนพันธ์ก่อนทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับ ฝูงชนที่ยืนรอคอยอยู่อย่างอดทนเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง เงียบๆ ทว่ารุนแรงปานคลื่นใต้น้ำ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในชุดปกติขาว และแขกผู้มีเกียรติได้รับเชิญให้ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์เคารพศพเป็นชุดแรก ก่อนจะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปขึ้นไปเคารพศพ แรงขับแรงดันจากทุกทิศทุกทางของคลื่นคนเริ่มเบียดเสียดก่อตัวพุ่งเป้าไปยังเมรุตั้งศพจนเจ้าภาพต้องตัดสินใจเอาบันไดทางขึ้นเมรุออกไปถึง 2 ด้าน ด้วยกริ่งเกรงน้ำหนักของฝูงชนที่ขึ้นก้าวขึ้นบันไดไปพร้อมๆ กันหลายๆ คนอาจทำให้เมรุชั่วคราวที่สร้างขึ้นด้วยไม้จะไม่อาจทานน้ำหนักได้และพังครืนลงมา

    ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย เจ้าภาพตัดสินใจอีกครั้ง สั่งให้มีการยกบันไดขึ้นเมรุออกไปทั้งหมด ก่อนใช้วิธีโปรยดอกไม้จันทน์ให้กับฝูงชนที่ต่างรุกคืบเข้ามาสู่เมรุเหมือนคลื่นแล่นเข้าฝั่ง ก่อนประกาศให้นำดอกไม้จันทน์วางในถาดซึ่งจะมีตัวแทนเจ้าภาพนำขึ้นไปวางคารวะศพบนเมรุให้อีกที

    ประมาณ 19.30 น. มีการประกาศชี้แจงให้ไปรับเหรียญที่ระลึกที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ห่างใปประมาณ 1กิโลเมตร ในขณะที่บางส่วนซึ่งเป็นเด็กและคนชราต้องยอม "ถอดใจ" กลับออกไปก่อน หรือไม่ก็ไปเดินตระเวนหาซื้อวัตถุมงคลที่ตั้งแผงวางขายกันทุกตรอกซอกซอยในบริเวณหน้าวัดพระมหาธาตุในสนนราคาตั้งแต่ 99บาทจนถึงราคาแพงๆ นับหมื่นบาทก็มีให้เลือกเช่าบูชา

    หมายเหตุ : ในการจัดสร้างได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
    1.แจกเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช
    2.นำไปถวายวัดต่างๆ ที่มอบมวลสารในการสร้างพระ
    3.ผู้สร้าง คุณฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช เก็บไว้เป็นที่ระลึก

    เหรียญสวยงามมาก น่าเก็บ พิธีดี หายากมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2024
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    จองแล้วครับ

    IMG_3318.jpeg IMG_3319.jpeg IMG_3289.jpeg IMG_3288.jpeg IMG_3295.png IMG_3291.jpeg

    กุมารทอง รุ่น 2 พระครูประสิทธิ์สารคุณ หลวงพ่อพิณ อินทสาโร วัดอุบลวรรณาราม จ.ราชบุรี ปี 2513 เนื้อผงพุทธคุณ



    เป็นกุมารทองที่เนื้อผงมวลสารเข้มข้นมากสร้างปี2513
    ปลุกเสกพร้อมเหรียญศรพรหมมาศและอีกหลายพิธี

    มวลสารการสร้างกุมารทอง ของหลวงพ่อพิณ รุ่น 2

    ท่านได้รวบรวมวัตถุอาถรรพ์จากหมอที่เป็นลูกศิษย์ท่านมีดังนี้

    กระดูกเด็กที่ตายในท้อง​แล้วคลอดออกมา

    กระดูกเด็กตกน้ำตาย

    กระดูกคนตายโหง​ที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร

    จากนั้นท่านได้นำมาทำพิธีเผา เอากระดูกมาแปรธาตุแล้วตำบด ผสม​ด้วยมวลสารผงพุทธคุณของหลวงพ่อพิณ ผสมด้วยหัวว่านกุมารทอง

    และหัวว่านอาถรรพ์อีกหลายอย่าง นำมาตากแห้งบดเป็นผงผสมด้วยกัน

    กุมารรุ่นนี้เนื้อค่อนข้างหยาบกว่ารุ่นแรก เพราะ มีส่วนผสมมากมายหลายอย่าง ซึ่งทุกๆ อย่าง ล้วนแล้วเป็นของอาถรรพ์ที่แรงมาก


    การสร้างนั้น ใช้พิมพ์รุ่นแรกมาถอดปั๊มกดพิมพ์ด้วยมึอ กุมารชุดนี้เป็นของตกค้างมานาน และสร้างไว้น้อยมากๆ


    อดีตเจ้าอาวาส พระปลัดบุญส่งที่มรณภาพไปแล้ว ท่านก็มีเก็บอยู่ 20 กว่าองค์ ท่านหวงมากไม่แจกให้ใครเลย เพราะท่านก็ทันในยุคของหลวงพ่อพิณ และได้เห็นกรรมวิธีการสร้าง ท่านบอกว่าของแรงสร้างยาก จะหามวลสาร ให้ครบเหมือนในยุคหลวงพ่อพิณนั้นยากมากและต้องทำพิธีทุกอย่าง ให้ถูกต้องตามตำรา จึงจะสร้างกุมารทองให้สำเร็จและใช้ได้จริง เหมือนของหลวงพ่อพิณทำ


    พระปลัดบุญส่ง อดีตเจ้าอาวาสวัดอุบลฯก็เคยมาขอแบ่งวัตถุมงคลของหลวงพ่อพิณจากเจ็กอ้วนไปจำนวนนึง ในสมัยท่านมีชีวิตอยู่ ด้วยความนับถือกัน เพราะ ท่านก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพิณเหมือนกัน


    ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก พี่ไล้ บัวงาม เพื่อเผยเเพร่บารมี หลวงพ่อพิณ


    ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2024
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดแล้วครับ

    IMG_3315.jpeg IMG_3316.jpeg

    เหรียญหลวงปู่มั่น เนื้ออัลปาก้าหลังยันต์หลวงปู่บุญหนา ปลุกเสก เลข 1422

    สร้าง 5,000 เหรียญ เพิ่มเติมอีก 300 เหรียญ รวมเป็น 5,300 เหรียญ

    บูชา 900 บาท

    สุดยอดเหรียญดี ยอดนิยม เหรียญ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รุ่น ย้อนยุค 145 ปี ชาตกาล (เหรียญรุ่นนี้ ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "เหรียญมั่นคง" ใครมีไว้บูชา มีแต่ความมั่นคงทุกประการ) ปี 2558 ไม่ผ่านการใช้ หายาก สวยแชมป์ เหรียญนี้หมายเลขสวยมากๆ NO.1422 ใครมีไว้บูชา มีแต่ความเป็นสิริมงคลแน่นอน ครับผม สำหรับเหรียญรุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นพิเศษสุดๆ ออกวัดท่าวังหิน จ.สกลนคร ซึ่งเป็นวัดของเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน ของจังหวัดสกลนคร พระอาจารย์เชาวรัตน์ กมฺมสุทฺโธ ท่านเป็นศิษย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น และท่านเป็นศิษย์อดีตเกจิอาจารย์ดัง หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร และเคยปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัด หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ เป็นต้น รูปเหรียญออกแบบจัดสร้างได้สวยงามมากๆ ลักษณะการจัดสร้างรูปหลวงปู่มั่นเป็นแบบห่มคุมครึ่งองค์ ซึ่งไม่พบบ่อยนักในการจัดสร้างแบบนี้ ดูเข้มขลังสุดๆ มากด้วยอำนาจ และบารมี จำนวนการจัดสร้างชัดเจน ตอกโค๊ต และหมายเลขกำกับทุกเหรียญ เจตนาการจัดสร้างดีเยี่ยม เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงหลวงปู่มั่น อายุครบ 145 ปี (2413-2558) ไว้เป็นที่ระลึก และเหรียญรุ่นนี้ ยังพิเศษสุดๆได้รับการอธิฐานจิตอย่างดีเยี่ยม เข้มขลังสุดๆ ถึง 10 วาระ จากเกจิอาจารย์ดังของจังหวัดสกลนคร และระดับประเทศ หลายองค์ (มีภาพการอธิฐานจิตประกอบ เป็นหลักฐาน) ได้แก่
    วาระที่1.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.พระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาส..วัดประดู่
    พระอารามหลวง..จ.สมุทสงคราม
    วาระที่2.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงพ่อเชย.ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม เจ้า
    อาวาส.วัดระหารไร่.จ.ระยอง
    วาระที่3.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงปู่ฮก เจ้าอาวาส..วัดราฏร์เรื่อง
    สุข.จ.ชลบุรี
    วาระที่4.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงพ่อทอง.เจ้าอาวาส.วัด
    พระพุทธบาทเขายายหอม.จ.ชัยภูมิ
    วาระที่5.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงปู่จือ.เจ้าอาวาสวัดเขาตาเงาะอุดม
    พร.จ.ชัยภูมิ
    วาระที่6.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงปู่บุญหนา..เจ้าอาวาส.วัดป่าโสตถิ
    ผล.จ.สกลนคร
    วาระที่7.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงปู่แก้ว..เจ้าอาวาส..วัดถ้ำเจ้าภู
    ข้า.จ.สกลนคร
    วาระที่8.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.หลวงตาแหวน..เจ้าอาวาส.วัดป่าหนอง
    นกกด.จ.สกลนคร
    วาระที่9.ปลุกเสกอธิฐานจิตโดย.พระอาจารย์เชาวรัตน์..เจ้าอาวาส.วัดท่า
    วังหิน.จ.สกลนคร.

    วาระที่10. พิธีพุทธาพิเษกในวันพระใหญ่ วันวิสาขบูชา

    พุทธคุณเด่นดีทุกทางครบสูตร เหนือคำบรรยาย เหรียญรุ่นนี้ ได้รับความนิยมมากตอนเปิดจอง จองเต็มทุกรายการอย่างรวดเร็ว เมื่อพระออก ยิ่งได้รับความนิยม มีลงบูชาที่ไหนคนเก็บหมด ขอบอก ครับผม และเหรียญรุ่นนี้ มีประสพการณ์ดีมาก และเหรียญรุ่นนี้ มีชื่อเหรียญอีกชื่อว่า "เหรียญมั่นคง" ผู้มีไว้บูชาถือเป็นมงคลสูงยิ่ง จะมีแต่ความมั่นคงในชีวิตทุกประการ เก็บก่อนแรงกว่านี้ ขอบอก ครับผม

    *** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (ปี 2413-2492) ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใสหลายสิบปีมาแล้ว ขอบอก ครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2024
  7. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +916
    จองลป.ทวด/เหรียญลป.มั่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2024
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107

    ขอบคุณครับ
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดครับ

    IMG_3325.jpeg IMG_3326.jpeg IMG_3327.jpeg
    IMG_3328.png IMG_3329.png

    รูปหล่อ หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม รุ่นแรก

    ( รูปหล่อ หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม รุ่นแรก เนื้อ ทองแดง โค๊ด 80 )
    องค์นี้ ตอกโค๊ด 80
    รูปหล่อ มี ทั้งโค๊ด 80 และ โค๊ดขวาน
    รูปหล่อรุ่นนี้ มีเนื้อ ทองแดง นวะ เงิน ทองคำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2024
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดครับ

    IMG_3330.jpeg IMG_3331.jpeg IMG_3332.jpeg IMG_3333.jpeg IMG_3334.jpeg IMG_3335.jpeg

    ลิงrาแกะเก่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2024
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3320.jpeg IMG_3321.jpeg

    องค์นี้องค์จริงเนื้อออกเทา ไม่ใช่สีขาว(ยุคหลวงตาม้า)ที่ในกลุ่มลงประมูลหรือให้บูชากันเป็นแท้ทันหลวงปู่ดู่ครับ

    บูชา 1,500 บาท

    IMG_3247.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2024
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดล็อคเก็ตกรรมการ เหลือ 2 องค์ธรรมดาครับ

    IMG_3343.jpeg IMG_3344.jpeg IMG_3345.jpeg

    ล็อคเก็ตหลวงพ่อกวย บารมีไพศาล ปี 2558 ออกเว็บวัดโฆสิตาราม พร้อมกล่องเดิมรายละเอียดล็อกเก็ตรุ่นปี ๒๕๕๘ ที่ทางเวปสร้าง

    3 ชุดสุดท้าย แบบธรรมดา 2 องค์ และแบบพิเศษกรรมการ 1 องค์

    ขอบคุณพี่ tongn005 คนเขียนเวบวัดโฆสิตาราม ที่แบ่งให้มาครับ หมดแล้วครับ ของดีที่เหลือจากปี2558

    แบบธรรมดา บูชาองค์ละ 2,500 บาท มี 2 องค์


    ค่าบูชาส่วนนึงร่วมบุญกับทางพี่เจ้าของเดิมครับ

    ลักษณะ เป็น ล็อกเก็ตขาวดำ ขนาด ๒ x ๓ ซม. เป็นรูปหลวงพ่อ เเบบใบปลิว หรือรูปส.ส. สุนทร เป็นรูปที่หลวงพ่อนิยมทำมาหลายเเบบ หลายครั้ง โดยใช้รูปต้นฉบับ ออกเเบบคล้ายของเดิม เเต่ทำขึ้นใหม่ เเละเพิ่มคาถาด้านบน เป็นลายมือหลวงพ่อ
    หลังล็อกเก็ต บรรจุผงพุทธคุณเก่า มีผงเก่าสมัยหลวงพ่อ ผงพระรุ่นปี ๓๙ เเละผงจากพระที่วัดทุกรุ่น ผสมรวมกัน เเละผสมทรายเสกของหลวงพ่อ จากนั้น บรรจุของมงคลต่างๆ ที่เป็นของเก่า ของหลวงพ่อทั้งสิ้น

    ๑. ผ้าเเดงเก่า ที่หลวงพ่อสร้าง นำมาตัดเเบ่ง
    ๒. เศษไม้โลง ที่เคยบรรจุร่างของหลวงพ่อ
    ๓.เส้นเกศาของหลวงพ่อ
    ๔.เเผ่นโค้ต

    พิธีปลุกเสก
    ล็อกเก็ตทั้งหมด ได้เข้าเข้าพิธีปลุกเสกของทางวัดในพระอุโบสถเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ และจากนั้น นำเข้าพิธีไหว้ครูประจำปี
    นอกจากนี้
    ทางเวปยังได้นำผ้ายันต์ค่ายกลรุ่นเก่าของหลวงพ่อกวย ซึ่งได้บอกกล่าวขอต่อหลวงพ่อ นำมาตัดอักขระตัวยันต์ค่ายกล นำมาตัดแบ่งออกเพื่อนำมาติดหลังล็อกเก็ตรุ่นนี้ โดยปิดทับด้านหลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2024
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดครับ

    IMG_3353.jpeg IMG_3352.jpeg IMG_3354.jpeg IMG_3350.jpeg

    เหรียญมังกรคู่ บล็อคมหาชัย กะไหล่ทอง ปี 45 ครูบาบุญชุ่ม วัดพระธาตุดอนเรือง

    เป็นรุ่นที่นิยม และมีของเก๊เพียบครับ

    บูชา 800 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2024
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3427.jpeg IMG_3428.jpeg IMG_3355.jpeg

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อชม ปี2517 วัดสุทธาราม จ.ขอนแก่น

    สภาพสวยแชมป์ อยู่ในเลี่ยมเลนส์โบราณเดิมๆ หายากครับ

    #พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานประจำจังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุต)

    #ชีวประวัติพระครูจิตวิสุทธาจารย์
    (หลวงปู่ชม ปภสฺสโร) วัดสุทธาราม "ระหอกโพธิ์”
    อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น (เจ้าคณะชั้นเอกฝ่ายธรรมยุติกนิกาย)

    หลวงปู่ชม ปภสฺสโร ท่านมีนามเดิมว่า (ชม จะเรียมพันธ์ ) เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 15 เม.ย.2464 เป็นบุตรคนที่ 2 ของ คุณพ่อคา/คุณแม่ทา จะเรียมพันธ์ ณ บ้านเลขที่ 35 หมู่ 8 บ้านหัวฝาย ต.บ้านแท่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โดยมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น 9 คนโดยมีรายนามดังต่อไปนี้

    1.นายพรหม จะเรียมพันธ์
    2.พระครูจิตวิสุทธาจารย์(ชม จะเรียมพันธ์)
    3.นายนา จะเรียมพันธ์
    4.นายปรากฏ จะเรียมพันธ์
    5.นางสมบูรณ์ ยัคลา
    6.นางเทา รูปต่ำ
    7.นางเบ้า เพียรี
    8.นายทินกร จะเรียมพันธ์
    9.นางเฉลา ประชากูล

    “วิทยฐานะ”
    จบนักธรรมโท โรงเรียนปอแดงประชานุกูล

    พ.ศ.2479 (บรรพชา)
    ขณะที่อายุ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีบุญเรือง จ.ขอนแก่น ทำหน้าที่เป็นสามเณรอุปฐาก พระอุปัชฌาย์ “เขียว มหานาโม”
    พ.ศ.2483
    ลาสิกสิกขาบทกลับมาช่วยครอบครัว เนื่องจากต้องช่วยบิดามารดาเลี้ยงน้องๆอีก 7 คน (ตามข้อมูลเดิมแจ้งว่าท่านสมัครรับราชการทหาร)
    พ.ศ.2485 (อุปสมบท)
    อายุครบ 21 ปี กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2485 ณ วัดศรีบุญเรือง ต.ชนบท อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น (สมัยนั้น) โดยมี พระครูธรรมประเวที “(เขียว มหานาโม)”เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยพระอาจารย์เขียวฯ ได้ฝากให้ไปจำพรรษากับ พระอาจารย์ทุ่ม ปิยธโร ผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ วัดป่าธรรมวิเวก อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
    พ.ศ.2486
    หลวงปู่ชมฯ ออกเดินทาง ไปศึกษาวิชากรรมฐานกับพระอาจารย์สิงห์ ขันติยาคโม ณ วัดป่าสาละวัน จ.นครราชสีมา ช่วงออกพรรษาหลวงปู่สิงห์ฯท่านเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่ชมฯได้กราบลาออกธุดงค์ต่อ
    พ.ศ.2487- 2489
    หลวงปู่ชมฯ ออกเดินทางไปเรียนวิชากรรมฐานกับ “(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)" พระอาจารย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรมสายป่า ณ เสนาสนะป่าบ้านโคก อ.โคกศรีสุพรรณ ในช่วงพรรษาแรก และได้ไปธุดงค์วิปัสสนากรรมฐานที่วัดป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ในช่วง 2 พรรษาหลัง ปรนนิบัตรรับใช้หลวงปู่มั่นฯเป็นเวลา 3 ปีเศษๆก่อนออกธุดงค์กลับ
    พ.ศ.2490
    ขณะเดินทางกลับภูมิลำเนา ได้พบกับ หลวงปู่คำดี ปภาโส ในงานพิธีฯ ท่านได้นิมนต์ให้หลวงปู่ชมฯ จำพรรษาปฏิบัติพระกรรมฐานอยู่ด้วยกันก่อน ณ วัดหนองคู อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นเวลา 1 พรรษา
    พ.ศ.2491 - 2493
    ก่อนเข้าพรรษาหลวงปู่ชมฯทราบว่า"พระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน" ท่านปักกรดพำนักสอนวิชากรรมฐานอยู่ที่ วัดอุดมคงคาคีรีเขตต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น จึงได้เดินทางไปร่วมการปฏิบัติธรรมและฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มหาสีทนฯ ภายหลังในปีถัดมา "หลวงพ่อผาง จิตตคุตโต" เดินธุดงค์มาสมทบ ในทัพธรรมเมืองขอนแก่นอีกท่านหนึ่ง
    พ.ศ.2493 - 2494
    หลวงปู่ชมฯ เดินทางมาจำพรรษากับ "หลวงปู่นิล มหันตปัญโญ" ที่วัดป่าภูเขาดิน อ.บ้านไผ่ โดยทั้ง 2 ท่านเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน และอุปสมบทกับพระอุปัชฌาย์เดียวกันเป็นดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด ขณะนั้นคุณพ่อคา จะเรียมพันธ์ ท่านมีอาการป่วย จึงมาจำพรรษาใกล้ภูมิลำเนา เพื่อดูแลบิดา ก่อนเข้าพรรษา ชาวบ้านนิมนต์ หลวงปู่นิลฯ ไปจำพรรษาที่วัดป่าสุมนามัย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ส่วนวัดป่าภูเขาดิน ชาวบ้านในพื้นที่นิมนต์หลวงปู่ชมฯ ทำนุบำรุงวัดต่อไป เป็นเวลา 2 ปี
    พ.ศ.2495 -2496
    เนื่องจากขณะนั้นคุณพ่อคา จะเรียมพันธ์ มีอาการป่วยหนักขึ้น หลวงปู่ชมฯได้เดินทางไปเยี่ยมอาการบ่อยครั้งจากวัดป่าภูเขาดิน ถึงภูมิลำเนา ซึ่งในเขตนั้นชาวบ้านไม่มีวัดเพื่อประกอบศาสนพิธี ท่านจึงนำพาญาติโยมสร้างวัดป่าศรีชมชื่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น (บ้านหนองโน)ซึ่งเป็นมาตุภูมิของท่าน โดยปักกลดทางทิศตะวันออกหนองน้ำของหมู่บ้าน
    และจำพรรษาเป็นเวลา 1 ปีเศษๆ ก่อนตัดสินใจออกธุดงค์ปลีกวิเวกลำพังเพียงองค์เดียว
    พ.ศ.2497-2500
    หลวงปู่ชมฯ ออกเดินธุดงค์เท้าเปล่าไปที่ “ถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ” เป็นเวลา 1 ปี ออกเดินธุดงค์ไปที่”ถ้ำน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์” เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นพระเกจิยุคแรกๆที่เดินทางไปที่นั่น และเดินธุดงค์ต่อไปยัง วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย(ขณะนั้นหลวงปู่คำดีฯเป็นเจ้าอาวาส) อีก 1 ปี วาระสุดท้ายของการออกธุดงค์เดินทางกลับภูมิลำเนา ท่านใช้เวลาเกือบ 5 ปี ในการเดินทางแสวงหาหนทางหลุดพ้น เนื่องจากขาดการติดต่อไปหลายปี จึงทำให้ญาติพี่น้อง ออกตามหาและนิมนต์กลับมาพำนักยังภูมิลำเนา
    พ.ศ.2501
    ราวๆเดือน พ.ค.-มิ.ย. ท่านกลับจากธุดงค์มาพำนักที่ วัดป่าสามัคคีธรรม บ้านหัวฝาย อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นวัดเดิมของ "หลวงปู่อินทร์ ถิรเสวี" อดีตเจ้าคณะ จ.ขอนแก่น และเป็นภูมิลำเนาของท่านเอง ขณะนั้นหลวงปู่ชมฯ มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก มีญาติโยมเข้ามากราบฟังธรรมเทศนาไม่ขาดสาย
    พ.ศ.2502
    ฝ่ายญาติพี่น้องฝั่งพ่อของหลวงปู่ชมฯในขณะนั้นมีความเห็นกันว่าควรตั้งวัดเพื่อประกอบศาสนกิจ คุณพ่อเกลี้ยง มาตสร้อย พร้อมครอบครัว ซึ่งเป็นชาวบ้านเปือยใหญ่ ท่านมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัดจำนวน 40 ไร่ พร้อมรับนิมนต์ให้หลวงปู่ชมฯรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ”วัดศรีโพธิ์ทอง” บ้านระหอกโพธิ์ อ.บ้านไผ่จ.ขอนแก่น
    พ.ศ.2513
    ได้รับแต่งตั้งเป็น”พระครูจิตวิสุทธาจารย์ โดยรับพัศยศจาก””สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวฑฺฒโน)””สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 ของกรุงรัตนโกสินทร์(ขณะนั้นเป็นพระราชาคณะ)
    พ.ศ.2515
    อธิบดีกรมศาสนา มีคำสั่งอนุญาตให้ นายเกลี้ยง มาตสร้อย สร้างวัด ณ บ้านระหอกโพ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.15 - 11 ต.ค.20 โดยใช้ชื่อวัด”สุทธาราม”
    พ.ศ.2519
    รับตำแหน่ง เจ้าคณะตำบลโนนศิลา อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น(ธรรมยุต) ในวันที่ 1 ก.ค.2519 ขณะนั้นอายุ 55 ปี พรรษา 34 ท่านอาวุโสสูงสุดในบรรดาพระสงฆ์ ในพื้นที่ยุคนั้น
    พ.ศ.2520
    เป็นพระอุปัชฌาย์ องค์เดียวในพื้นที่ มีผล ณ วันที่ 19 ก.พ.2520 ขณะนั้นพรรษา 35
    พ.ศ.2521
    เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะตำบลชั้นโท(จต.จท) ในพระราชทินนามเดิม ทั้งนี้ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดในพระพุทธศาสนาตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้ชื่อ”วัดระหอกโพธิ์”
    พ.ศ.2522
    เป็นต้นมา ทำหน้าที่พระอาจารย์ใหญ่ สอนวิชากรรมฐานแก่ลูกศิษย์ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส เป็นจำนวนนับหลายร้อยคน และรับผิดชอบปกครองดูแลพระฝ่ายธรรมยุตในเขตพื้นที่
    พ.ศ.2525
    ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
    พ.ศ.2528
    เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะตำบลชั้นเอก (จต.ชอ.) ในพระราชทินนามเดิม และปฎิบัติหน้าที่ในส่วนของ รองเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ ผู้อาวุโสสูงสุด
    พ.ศ.2538-2539
    ขณะนั้นมีผู้ประสงค์อุปสมบทเพื่อร่ำเรียนวิชากรรมฐานกับท่านเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวบ้านและบรรดาศิษย์ทั้งหลายจึงได้ขออภิญญาหลวงปู่ชมฯ สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น เพื่อประกอบศาสนพิธี
    พ.ศ.2543
    ปรับสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นโท (จอ.ชอ.) รับตำแหน่ง เจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น (ธรรมยุต) โดยมีพระครูโกศลสมณกิจ (นิล มหันตปัญโญ)เป็นผู้ช่วย มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.2543 เนื่องจากท่านปลดเกษียณอายุ
    พ.ศ.2544
    จัดพิธีฉลองพระอุโบสถหลังใหม่ พร้อมทั้งมีการอุปสมบทหมู่ มีผู้คนอย่างล้นหลาม ร่วมพิธีในครั้งนี้ ทั้งฝ่ายสงฆ์ และฝ่ายฆราวาส อีกทั้งทางเครือญาติ “จะเรียมพันธ์” ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทางสายงานราชการ หลายท่าน
    พ.ศ.2545
    ประวัติการอาพาธ ขณะนั้นหลวงปู่ชมฯ อายุ 81 ปี ท่านมีโรคประจำตัว คือติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และได้เข้ารักษาตัว ณ รพ.บ้านไผ่ อยู่บ่อยครั้ง โดยมีพระอุปฐากและบรรดาศิษย์รุ่นสุดท้าย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
    พ.ศ.2546
    วันที่ 23 ส.ค.2546 หลวงปู่ชมฯได้สั่งพระ/เณรภายในวัดให้จัดทำเครื่องไทยธรรม เพื่อรำลึกคุณใน”วันครบรอบวันมรณภาพ พระมุนีวราฌาณเถระ (หลวงปู่เขียว มหานาโม) “ ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน
    วันที่ 24 ส.ค.2546 พระครูบริหารสารธรรม “จำเริญ จนฺทโก” (เจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบัน) ผู้เป็นพระอุปฐาก พบหลวงปู่ชมฯที่กุฏิ หมดแรง อวัยวะเคลื่อนไหวไม่ได้ จึงนำส่ง รพ.อำเภอพล แพทย์ส่งต่อ รพ.ศรีนครินทร์ ต่อมา พระครูชัยวัฒน์พิศาล “สุริยา ชวโน” (เจ้าอาวาสวัดป่าภูเขาดิน) ได้นำหลวงปู่ชมฯ มาพักรักษาตัวที่ ร.พ.บ้านไผ่ ระหว่างนั้น
    วันที่ 16 ธ.ค.2546 มีมติให้นำหลวงปู่ชมฯกลับวัด กลางดึก เวลา 22.25 หลวงปู่ชมฯมรณภาพ ในวันเดียวกัน ด้วยอาการสงบ จากโรคชราภาพ สิริอายุ 82 ปี พรรษา 62

    พ.ศ.2551
    หลวงปู่ชม ปภสฺสโร เป็นพระเกจิอีกท่านหนึ่งในตำนานของจังหวัดขอนแก่น ที่”สรีระร่างกายไม่เน่าเปื่อย” มีบางส่วนแปรธาตุ ทางวัดและชาวบ้านได้มีพิธีการปลงผม ปลงเล็บ เป็นเวลา 6 ปีจนกระทั่งได้มีการขอพิธีพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 15 เม.ย.2551

    ทั้งนี้ทางวัดได้จัดสร้างพระเจดีย์สถูปขนาดใหญ่ เก็บธาตุอัฐบริขารและอุปกรณ์ส่วนตัวต่างๆ ของหลวงปู่ชมฯพร้อมรูปปั้นขนาดเท่าองค์จริงโดยมีพระครูโกศลสมณกิจ(หลวงปู่นิล มหันตปัญโญ)เป็นประธานในพิธีเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีให้บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ญาติโยมทั้งหลายเข้าร่วมกราบไหว้สักการะได้ตลอดวัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2024
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3385.jpeg IMG_3384.jpeg IMG_3386.jpeg

    เหรัยญหลวงพ่อกวย ปี2562

    หลังยันต์

    บูชา 700 บาท
     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิดครับ

    IMG_3409.jpeg IMG_3410.jpeg IMG_3412.jpeg IMG_3411.jpeg

    หลวงปู่ทวด วัดประสาท ปี2506

    พิมพ์อาปาเช่ เนื้อดำ แต่แท้ถึงยุค ไขขึ้นให้เห็น รับประกันทุกสนาม สวยๆ แพงกว่านี้ครับ องค์นี้หย่อนสวยนิดๆ

    บูชา 3,800 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2024
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3429.jpeg IMG_3430.jpeg IMG_3431.jpeg IMG_3432.jpeg IMG_3433.jpeg

    ชิ้นส่วน สมเด็จแท้ ไม่ทราบที่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2024
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3440.jpeg IMG_3434.jpeg IMG_3435.jpeg IMG_3436.jpeg IMG_3437.jpeg IMG_3438.jpeg IMG_3439.jpeg IMG_3442.png IMG_3441.png

    พระกริ่งหลวงพ่อติ่ง วัดหอระฆัง รุ่นแรก
    (หลวงพ่อกวย ปลุกเสกจนสายสิญจน์ไฟลุก)

    สภาพเดิมๆองค์ล่ำๆ กริ่งดังกังวาล #ของแท้หายากมาก รับประกันแท้ตลอดชีพ มี 2 องค์

    บูชา องค์ละ 2,400 บาท

    พระกริ่งรูปหล่อหลวงพ่อติ่ง จำนวนจัดสร้างประมาณ 1,000 องค์
    คณาจารย์ที่เข้าร่วมปลุกเสกวัตถุมงคล จำนวน 7 รูป ดังนี้
    - หลวงพ่อพิมพ์ วัดวิหารทอง
    - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    - หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    - หลวงพ่อดัด วัดท่าโบสถ์
    - หลวงพ่อเล็ก วัดบ้านหนอง
    - หลวงพ่อผล วัดดักคะแนน
    - หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดคังคาว
    พิธีปลุกเสกครั้งนั้นร่ำลือกันว่า ชาวบ้านที่อยู่ในพิธีได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเป็นเรื่องเล่าขานมาจนทุกวันนี้
    เหตุเกิดขึ้นหลังจากเสร็จพิธีปลุกเสกตามกำหนดงาน ที่นับได้ว่าหลวงพ่อกวยได้เสกให้ครั้งหนึ่งแล้ว พระคณาจารย์ต่างก็เดินทางกลับกันหมด

    ด้วยความที่สนิทสนม นับถือกันเป็นอย่างสูง พระศรีชาติ เจ้าอาวาส ได้นิมนต์ให้หลวงพ่อกวย ช่วยเสกพระชุดนี้ให้อีกครั้ง บอกขอให้พระชุดนี้ดี พระชุดนี้ดังกันไปเลย

    หลวงพ่อกวย ท่านก็เมตตาเสกให้ เมื่อท่านก้มลงกราบพระพุทธรูปหลวงพ่อติ่งแล้ว ก็หยิบสายสิญน์ที่ใช้ในพิธี(เมื่อสักครู่) ขึ้นมาหลับตานิ่งอยู่ได้สักครู่เดียว ทุกคนที่นั่งอยู่ในพิธีก็เห็นลูกไฟสว่างวาบ จากมือหลวงพ่อวิ่งไปตามสายสิญน์ ไปยังกองวัตถุมงคลต่างๆในพิธีอย่างต่อเนื่อง จนภายหลังต่างพากันมาร่ำลือว่า หลวงพ่อกวยเสกจนไฟลุกสายสิญจน์ ประสบการณ์ของพระรุ่นนี้ ที่ได้ยินมา คือดีทางเเคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และด้านเมตตาค้าขายดีมากๆครับ
    พุทธคุณสูงมากๆ ขนาดหลวงพ่อกวย เสกให้อย่างเต็มที่ถึง 2 ครั้ง แถมสายสิญจน์ไฟลุกอีกด้วย ถ้าไม่ดี ก้อไม่ต้องไปหาพระที่ไหนแล้วครับ
    #ปัจจุบันแท้ๆเริ่มหายากแล้วครับ เก๊ก็มากเช่นกัน แต่ไม่ต้องกลัวครับเก๊ยังทำได้ไม่เหมือน แยกแยะได้ครับ
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปิด

    IMG_3487.jpeg IMG_3488.jpeg IMG_3481.png

    พระผง (ผสมผงอัฐฐิ) หลวงปู่ไข่ วัดบางเลน สุพรรณบุรี

    รุ่นนี้สร้างหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ พระรุ่นรี้จะมีการผสมผงอัฐฐิธาตุของท่านลงไปในเนื้อพระ เสมือนว่าหลวงพ่อท่านอยู่ในติดตัวครับ พุทธคุณในเรื่องเหนียวดังมากครับ ของดีราคาเบา

    บูชา 600 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2024
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,505
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_3581.jpeg IMG_3582.jpeg IMG_3583.jpeg IMG_3584.jpeg IMG_3587.jpeg IMG_3588.jpeg IMG_3480.jpeg IMG_3493.jpeg IMG_3496.png


    แหวน รุ่น ๔ [รุ่นสุดท้าย] เนื้ออัลปาก้า

    " หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค "

    จัดสร้างโดย คุณหมอสมสุข คงอุไร ใช้ทุนส่วนตัว ในการสร้างโดยแหวนรุ่นนี้ เป็นแหวนเนื้ออัลปาก้า [ขาปิ่นโต]
    มีจำนวนการสร้าง เพียง ๕๐๐ วง โดยประมาณ

    คุณหมอสมสุขได้นำเเหวนรุ่นนี้ไปให้หลวงพ่อพรหมท่านปลุกเสก ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.๒๕๑๗
    ก่อนงานต้มยา ต้นเดือนเมษายน ปี พ.ศ.๒๕๑๗

    และได้ถวายแหวนรุ่นนี้ทั้งหมดให้กับหลวงพ่อพรหม โดยมอบให้คุณสำราญรับหน้าที่เป็นผู้ดูแล และเงินรายทั้งหมดได้มอบให้หลวงพ่อพรหมท่านไว้ใช้จ่ายในกิจต่างๆ

    แหวนรุ่นนี้ปัจจุบัน ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ เป็นวัตถุมงคลที่มีเจตนาในการจัดสร้างดี และมากด้วยประสบการณ์ ...

    บูชา 7,***



    ปิดครับ-พระผงสรีระธาตุ หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค

    สรีระธาตุหลวงปู่สี เป็นเศษสรีระธาตุที่ร่วงจากสังขารของหลวงปู่สีที่ไม่เน่าเปื่อย
    พระสรีระ คือ เศษร่างกาย ของหลวงปู่สี ที่แมลงและมอดเข้าไปกัดกินร่างของหลวงปู่ ตอนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนโรงแก้วให้หลวงปู่ ซึ่งร่วงหล่นบนผ้าปูรองร่างของหลวงปู่ ซึ่งถือเป็นของหายากยิ่ง เรียกว่าหายากกว่าพระเครื่องของท่านเสียอีก
    เป็นของวิเศษที่มีคุณค่าทางจิตใจของเหล่าศิษยานุศิษย์ในสายพระคุณเจ้าหลวงปู่สีเป็นที่สุด มีไว้บูชาเป็นศิริมงคลอย่างสูง

    รับประกันแท้สากล ทุกสนาม

    บูชา 1,800 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2024

แชร์หน้านี้

Loading...