เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพต้องวิ่งไปวัดดงพระเจดีย์ หมู่ที่ ๖ ตำบลกุดจอก อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท กว่าจะไปถึงก็เกือบจะ ๑๐ โมงเช้า แล้วที่คิดไม่ถึงก็คือหลวงพ่อเจ้าคุณยุวชน - พระราชวชิรกิจจาทร (ยุวชน เขมปญฺโญ ป.ธ.๖) เจ้าคณะจังหวัดชัยนาทท่านมาถึงก่อนแล้ว หลังจากกราบทักทายกันแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังปรารภว่า "ปกติจะได้เจอหลวงพ่อก็เฉพาะในงานปลุกเสกต่าง ๆ พอมาเจอในงานตรวจประเมินศีล ๕ แบบนี้ รู้สึกว่าไม่ค่อยจะคุ้นเคย" แล้วกระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเข้าไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ

ทางด้านวัดดงพระเจดีย์แห่งนี้ สร้างพระเจดีย์โดยมีเสมาล้อมรอบ ภายในเป็นอุโบสถทำสังฆกรรมได้ คำว่า "ดงพระเจดีย์" ก็คือ "ป่าที่มีพระเจดีย์อยู่ข้างใน" ไม่ได้หมายความว่ามีพระเจดีย์มากมายจนเหมือนกับเป็นป่า บริเวณนี้อยู่ที่หมู่บ้านศรีพัฒนา ซึ่งเป็นหมู่บ้านลาวครั่ง

กระผม/อาตมภาพเห็นบรรดาคุณย่าคุณยายใส่ชุดลาวครั่งพาดสไบ โดยที่ผ้าสไบก็ดี ผ้าถุงที่นุ่งอยู่ก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นผ้าทอยกดอก ตลอดจนกระทั่งผ้าตีนจกทั้งสิ้น โดยเฉพาะเสื้อที่สวมใส่อยู่ ทุกคนยืนยันว่าเป็นผ้าทอมือ แต่เจ้าประคุณเถอะ..ดูเนื้อแล้วแน่นมาก เหมือนทอด้วยเครื่องเลย..!

หลังจากที่พูดคุยทำความคุ้นเคยแล้ว บรรดาคุณย่า คุณยาย คุณตาก็มีการแสดงวัฒนธรรมชาวลาวครั่งให้ชม กระผม/อาตมภาพขอให้หยุดไว้ก่อน บอกว่ารอแสดงตอนที่คณะใหญ่ตามมาถึง แต่ว่าทั้งหมดก็มีศรัทธา ไม่ยอมที่จะหยุดการแสดง ว่ายาวไปจนกระทั่งจบทีเดียว..!

บรรดาลาวครั่งนี้โดนกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ก่อนหน้านี้ให้อยู่บริเวณบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ว่าในระยะหลังเมื่อมีการเก็บภาษีแล้ว บรรดาคนลาวชุดนี้ไม่สามารถที่จะจ่ายภาษีให้ครบถ้วนได้ เนื่องเพราะว่าพื้นที่ซึ่งไปอยู่อาศัยนั้นค่อนข้างแห้งแล้ง ไม่สามารถที่จะทำมาหากินได้อย่างเต็มที่ ในเมื่อทางการบีบบังคับเอาจึงอพยพหนีมา โดยส่วนหนึ่งก็หนีไปอยู่ทางด้านด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี มีส่วนนี้ที่ข้ามมาจนกระทั่งถึงบ้านศรีพัฒนา อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท

อีกสักครู่หนึ่ง พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสุนทร (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รองประธานคณะกรรมการบริหารกลาง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็ติดตามมาถึง ยังได้ปรารภพูดคุยกันว่า วันนี้น่าจะภาระหนักมาก เนื่องเพราะว่าองค์ประธานขับเคลื่อนหนกลางก็ไม่มา รองประธานทั้ง ๒ รูปก็ไม่มา เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการก็ไม่มา ยังดีที่พวกเรานั้นส่วนใหญ่แล้วอยู่ในประเภท "เขี้ยวลากดิน" ก็คือสามารถที่จะตรวจประเมินได้ทุกหมวด ในเมื่อเจ้าของงานไม่มา คนที่มาก็ทำหน้าที่แทนกันไป

 

ในส่วนที่ภาคภูมิใจที่สุดก็คือผู้ตรวจประเมินในหมวดที่ ๓ ที่กระผม/อาตมภาพรับผิดชอบอยู่ ประกอบไปด้วยท่านเจ้าคุณกิติชัย - พระเดชพระคุณพระเทพวชิรกิตติ วิ. (กิตติชัย อภิชโย ป.ธ.๕) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัส ราชวรวิหาร ท่านเจ้าคุณทินน์ (พระโสภณพัฒนคุณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๓ เจ้าอาวาสวัดพุน้อย และตัวกระผม/อาตมภาพนั้นมาแบบ "เต็มแม็กฯ" แสดงให้เห็นชัดเจนว่า บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นบุคคลที่มีสัจจบารมีที่มั่นคงมาก ถ้าหากว่ารับงานใครไว้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปตอกย้ำซ้ำเติม ต้องไปทำตามหน้าที่ตามเวลาอย่างแน่นอน

ไม่เหมือนกับญาติโยมทั้งหลาย ที่ในปัจจุบันนี้กำลังสร้างความรำคาญให้กับผู้รับโทรศัพท์ของวัดท่าขนุนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าข้อมูลการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ไม่ว่าจะในเว็บไซต์วัดท่าขนุน เฟซบุ๊กวัดท่าขนุน หรือว่าอินสตาแกรมวัดท่าขนุน ล้วนแล้วแต่มีอยู่โดยครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ท่านไม่ยอมอ่านกัน มีความพากเพียรในการค้นหาเบอร์โทรศัพท์วัดท่าขนุน เพื่อที่จะโทรศัพท์มาสอบถาม แต่บังเอิญว่าผู้ตอบกำลังขับรถอยู่ ก็ต้องบอกว่าให้ไปดูข้อมูลในวัดท่าขนุน หรือว่าเฟซบุ๊กวัดท่าขนุน เป็นต้น

แต่ว่าท่านทั้งหลายก็คงทำอย่างที่มีผู้วิจัยมา ก็คือคนไทยอ่านหนังสือปีละไม่เกิน ๘ บรรทัด..! กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็เกิดอาการ "น้ำตาจิไหล" เนื่องเพราะว่าท่านมีความเพียรในการหาเบอร์โทรศัพท์ แต่การหาข้อมูลแค่นั้นกลับไม่ยอมหา พูดง่าย ๆ ว่า "ขี้เกียจอ่าน ขอฟังดีกว่า..!" ถ้าหากว่าประเภทนี้ แปลว่าวิริยบารมีของท่านใช้ผิดทาง

ขณะเดียวกัน ขันติบารมี สัจจบารมีของท่านก็ไม่มี เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าเป็นผู้ที่มีขันติบารมี ก็ต้องมีความอดทนในการที่จะค้นหาข้อมูล สุดความสามารถแล้วจึงจะสอบถามผู้อื่น ในส่วนของสัจจบารมีที่ไม่มี ก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเป็นบุคคลที่พูดครั้งเดียว หมายความว่าถ้าบอกว่าจะทำอะไรก็คือทำสิ่งนั้น แต่ท่านทั้งหลายก็โทรมาถามว่า "จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจ

เมื่อได้เวลา ทางได้ญาติโยมทั้งหลายก็นิมนต์ให้ฉันเพล ซึ่งข้าวปลาอาหารก็เป็นไปตามวัฒนธรรมลาวครั่ง ก็คือมีปลาร้าสับ มีลาบ เหล่านี้เป็นต้น โดยเฉพาะส้มตำและซุปหน่อไม้อร่อยมาก กระผม/อาตมภาพเอง นอกจากเป็นคนฉันเร็วแล้ว ยังเป็นคนประมาณในการฉันด้วย จึงมักจะอิ่มก่อนคนอื่นอยู่เสมอ เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยจากโต๊ะอาหารแล้ว พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสุนทรก็ชวนพวกเราให้เข้าอุโบสถ ไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระประธาน และถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกันเลย

 

หลังจากนั้นก็ออกเดินชมนิทรรศการ ซึ่งบรรดาคณะกรรมการต่าง ๆ นั้นได้พากันเหมาสินค้าไป แจกจ่ายให้กับคณะกรรมการเองบ้าง แจกจ่ายให้บรรดาส่วนราชการที่มาร่วมงานในวันนี้บ้าง พูดง่าย ๆ ว่าจ่ายไปคนละพันสองพันบาท กระผม/อาตมภาพนั้นไปติดใจผ้าทอยกดอกลายของลาวครั่ง จังหวัดชัยนาทนี้ จึงได้ซื้อไป ๑ ผืน ในราคา ๖,๐๐๐ บาท..!

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านเจ้าคุณปัญญา (พระปริยัติวรานุกูล) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๒ และเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการขับเคลื่อนหมู่บ้านศีล ๕ หนกลาง ก็ได้ส่งสลิปธนาคารเข้ามา บอกว่าได้โอนเงินสนับสนุนคณะกรรมการของปีนี้จำนวน ๒๕,๐๐๐ บาทเข้าบัญชีให้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยิ่งออกอาการ "น้ำตาจิไหล" หนักขึ้น เนื่องเพราะว่าการตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบไปนี้ ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่ง กระผม/อาตมภาพก็จ่ายไปเกิน ๒๕,๐๐๐ บาทตั้งนานแล้ว..! พวกเราก็เลยช่วยกันซื้อ ช่วยกันเหมา จนกระทั่งแทบจะไม่มีสินค้าอะไรเหลืออยู่เลย..!

แม้แต่ท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์ - พระเดชพระคุณพระราชมหาเจติยาภิบาล (ต่อศักดิ์ สุนฺทรวาที ป.ธ.๓) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร หยิบเอากระเป๋าสานขึ้นมา บอกว่า "หลวงพ่อ..ผมอยากได้" กระผม/อาตมภาพถามว่า "เท่าไร ?" ท่านบอกว่า "ใบละ ๕๐๐ บาท" กระผม/อาตมภาพก็เลยหยิบส่งไปให้ ๒ ใบ บอกว่า "เอาไปเลย..ผมถวาย" ว่าแล้วก็ควักปัจจัยจ่ายให้เจ้าของร้านที่ยิ้มหน้าบาน..!

เนื่องเพราะว่ากรรมการช่วยกันซื้อคนละหนุบคนละหนับ โดยเฉพาะในส่วนของผ้าทอนั้นแม้ว่าจะแพง ก็ยังมีกระผม/อาตมภาพและท่านเจ้าคุณทินน์ (พระโสภณพัฒนคุณ) ช่วยกันซื้อไปคนละชิ้น พูดง่าย ๆ ว่าไม่เสียทีที่มาตั้งเต็นท์นิทรรศการออกงานในครั้งนี้

แล้วพวกเราก็เข้าสู่ศาลาการเปรียญเพื่อทำการตรวจประเมิน กระผม/อาตมภาพรับผิดชอบในหมวดเดิม แต่ว่าวันนี้ได้ถามท่านวัฒนธรรมจังหวัดชัยนาท และประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดชัยนาท ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจก่อนว่า วัฒนธรรมจังหวัดนั้นเป็นตำแหน่งทางราชการ ที่ทำงานก็คือสำนักงานวัฒนธรรมประจำจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้อำนวยการส่วนต่าง ๆ อย่างน้อยก็ ๓ ส่วน มีส่วนส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ส่วนกิจการพิเศษ เหล่านี้เป็นต้น

 

ส่วนประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนั้น เป็นส่วนงานที่เรียกว่าเป็นเอกชนก็ได้ ก็คือตั้งขึ้นมาโดยมีระเบียบของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมรองรับ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นบุคคลที่ชอบงานในด้านวัฒนธรรม แล้วก็รวมตัวขึ้นมาเป็นคณะกรรมการ มีตั้งแต่ระดับสภาวัฒนธรรมตำบล สภาวัฒนธรรมอำเภอ สภาวัฒนธรรมจังหวัด เป็นต้น

ดังนั้น..ทั้งสองส่วนนี้จึงเป็นคนละส่วนงานกัน แต่กระผม/อาตมภาพถามในปัญหาเดียวกันก็คือว่า "จะมีการสนับสนุนส่งเสริมอย่างไร ให้ต้นทุนวัฒนธรรมลาวครั่งที่แสนจะงดงามนี้ แปรเป็นมูลค่าเพื่อที่จะให้ชาวบ้านมีรายได้ ช่วยส่งเสริมในการรักษาศีล ๕ ให้ดียิ่งขึ้น ?" ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ แล้วกระผม/อาตมภาพก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมไป ทั้งท่านปลัดจังหวัด และท่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยนาทว่า ในส่วนของราชการถ้ามีงบประมาณ ก็ช่วยเจียดออกมาให้ทางวัดดงพระเจดีย์นี้ เพื่อที่จะได้มีความคล่องตัวในการจัดงานต่าง ๆ มากขึ้น

ในส่วนของวัฒนธรรมจังหวัด ตลอดจนกระทั่งประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนั้น ให้ช่วยกันสนับสนุนในการยกบ้านศรีพัฒนา วัดดงพระเจดีย์แห่งนี้ ขึ้นเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ เมื่อได้เป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบแล้ว จากศักยภาพที่มีอยู่ สามารถส่งเข้าชิง ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ตามโครงการเที่ยวชุมชน ยลวิถี ซึ่งต้องไปถึงได้อย่างแน่นอน

ครั้นเสร็จการประเมินแล้ว นายปัญญา ใช้เฮง ปลัดจังหวัด ทำหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ท่านก็ได้นำส่วนราชการและผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปฏิญาณตนใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาและศีล ๕ เป็นเครื่องดำเนินชีวิต จากนั้นก็มีการถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน แล้วก็แยกย้ายกันไปด้วยความสดชื่นรื่นรมย์ เนื่องเพราะว่ามีเสียงพิณ เสียงแคนของบรรดาพี่น้องชาวลาวครั่ง ส่งอยู่ทางด้านหลัง

กระผม/อาตมภาพต้องวิ่งเข้ามาทางจังหวัดอุทัยธานี เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้จะมีการตรวจประเมินที่อำเภอหนองขาหย่าง จึงต้องมาหาที่พักบริเวณใกล้เคียงนี้ก่อน เมื่อเข้าที่พักแล้ว จึงได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รับฟังอยู่ในขณะนี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)