สมเด็จลพ มหาโพธิ์เหรียญพระแก้วมรกตวพ่อท่านเขียววัดหรงบลเสก พระสมเด็จคะแนนลพ.คำวัดสุวรรณ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    1740585523875.jpg 1740172896768.jpg

    หลวงตาสงค์โดนโจรใจบาปใช้ปืนยิง!!!!
    แม่ชี ลูกสาวหลวงตาที่อุปฐากหลวงตาเล่าไว้ว่า
    สมัยก่อนที่วัดมีพระรูปหนึ่งมาผูกคอเสียชีวิตที่ใต้ต้นไม้ ทางญาติพระรูปนั้นได้มากล่าวหาหลวงตาสงค์ ว่าท่านเป็นคนฆ่า จึงได้นำหมอพรทิพย์ที่กรุงเทพ ลงมาชันสูตรศพ และผลออกมาพบว่าเป็นการฆ่าตัวตายเอง ทางญาติยังคงแค้นหลวงตา จึงหวังเอาปืนมายิงหลวงตาที่กุฏิ ท่านก็บอกท่านบริสุทธิ์ ท่านนั่งให้ยิง ปรากฏว่ายิง 3 นัด ไม่ออก!!!! หลวงตาไม่เป็นไร โจรยิ่งแค้นว่าทำอะไรหลวงตาไม่ได้ จึงเตะแม่ชีทั้ง 5 คน เชื่อว่าหลวงปู่สรวงคุ้มครองหลวงตาอยู่เสมอ
    #หลวงตาสงค์มรณะแล้วฟื้นคืน
    หลวงปู่สงค์ ปสุโต ชาวบ้านรู้จักท่านในนามที่ชื่อว่า หลวงตาสงค์ ในเวลานี้ท่านคือครูอาจารย์องค์หนึ่งในสายศิษย์หลวงปู่สรวง ที่น่ากราบไว้ได้อย่างสนิทใจอย่างแท้จริง เราทั้งหลายอาจจะไม่เคยรู้จัก หรือรู้จักบ้างเล็กน้อย แต่ในแถบพื้นที่รู้จักเกียรติประวัติท่านเป็นอย่างดี ท่านมีชื่อเสียงมากในครั้งสมัยหลวงปู่สรวงยังมีชีวิต ในด้าน รดน้ำมนต์ เป่าเสกคาถา รักษาคนป่วย ด้วยว่านยาสมุนไพร รักษาคุณไสย์ ดูดวง สะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตา เสริมบารมีต่าง ๆ พักหลัง ๆ ท่านหายเงียบไปนานกว่าสิบปี อันเนื่องมาจาก ท่านถูกรถชนและมรณะ 5 วัน หลวงพ่อนรินทร์ (พระครูไพโรจน์อินทสาร) เจ้าอาวาสวัดขะยูง
    ในปัจจุบัน ท่านเล่าว่า ในระหว่างที่ทางวัดเตรียมงานทำบุญ อยู่ๆ ท่านฟื้นขึ้นมา ในขณะที่มรณะไปแล้ว
    5 วัน นั้นเอง พอท่านฟื้นขึ้นมาแล้วความจำ (สัญญา) เดิมหลาย ๆ อย่างของท่านเสื่อมไป แต่ตอนพักหลัง มานี้หลวงปู่ท่านฟื้นสัญญาเดิมได้มากเลยทีเดียว มีเพียงตัวยาสมุนไพรที่ท่านมองไม่ออกว่าเป็นยาอะไร เพราะตาของท่านมองไม่ชัด และเสีย (บอด) ข้างหนึ่งแล้ว ที่ท่านฟื้นขึ้นมาได้นั้นท่านบอกว่าหลวงปู่สรวงช่วยพาท่านกลับคืนมาเอง
    #พระมหาเถระที่ถือว่าใกล้ชิดหลวงปู่สรวงมากที่สุดในศรีสะเกษ ครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดคาถามหามงคลของหลวงปู่สรวง ให้กับแม่ค้า
    หลวงปู่สงค์ ปสุโต วัดบ้านขะยูง เทวดาผู้รัตตัญญูแห่งวัดขะยูงอีสานใต้!!!
    พระอริยสงฆ์แห่งดินแดนอีสานใต้ โดยเฉพาะหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ชาวบ้านเรียก หลวงตาสงค์
    ท่านมีชื่อจริงว่า " สา " นามสกุลเดิม " โต๊ะทอง "
    เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ มิ.ย. ๒๔๙๓ บิดา ชื่อ นายป้อม มารดา ชื่อ นางจันทร์ หลวงตาสงค์ (สา ปสุโต) ครูบาอาจารย์ใหญ่สายศิษย์หลวงปู่สรวงที่เก็บตัวเงียบ ซึ่งท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพกราบไหว้บูชา มีความเป็นอยู่อย่างสมถะสันโดษ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน เป็นที่พึ่งทางใจแก่ชาวบ้านมาโดยตลอด สมัยที่ท่านสุขภาพแข็งแรงใครป่วยไข้ไม่สบายก็ไปให้ท่านช่วยรักษาด้วยว่านยาสมุนไพร ใครโดนของไสยศาสตร์ก็ให้ท่านช่วยถอนของ ใครโชคลางไม่ดีก็มาให้ท่านรดน้ำมนต์ สะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตาเสริมบารมีต่าง ๆ บางคนได้โชคลาภถูกหวยรวยเบอร์มาสร้างกุฏิถวายท่านก็มี จึงพอกล่าวสรุป ๆ ได้ว่า ท่านเก่งทางด้านว่านยาสมุนไพร ถอนหรือแก้คุณไสยด้วยคาถาอาคม สวดสะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตา สวดเสริมบารมี ทำนายทายทัก เป็นการอนุเคราะห์ด้วยความเมตตาของท่านที่มีต่อเหล่าสานุศิษย์ทั้งหลายที่กำลังมีทุกข์ หลวงตาสงค์ เป็นครูบาอาจารย์ผู้รัตตัญญูต่อหลวงปู่สรวงอย่างแท้จริง เพราะหลวงปู่สงค์ท่านเป็นผู้สืบทอดคาถา วิชาอาคม พร้อมทั้งกับจดจำแนวปฏิบัติ กิจกรรมปริศนาธรรมต่าง ๆ เช่น การขึ้นว่าวปริศนาธรรม
    แม้หลวงปู่สรวงจะละสังขารไปนานกว่า ๑๔ ปี หลวงตาสงค์ท่านก็ยังคงจดจำคาถาที่หลวงปู่สรวงเคยสอน และนำคาถาเหล่านั้นมาใช้สวดโปรดอนุเคราะห์แก่เหล่าสานุศิษย์ทั้งหลาย ท่านได้กราบระลึกถึงบูชาหลวงปู่สรวงโดยมิได้ขาด ท่านจะทำพิธี ทำบายศรีบูชาครูหลวงปู่สรวง ในวันพฤหัสบดีเป็นประจำ โดยท่านให้เหตุผลว่า วันพฤหัสบดีเป็นวันครูจึงทำถวายบูชาหลวงปู่สรวงครูอาจารย์ของท่าน และนอกจากนั้นท่านก็จะทำพิธีขึ้นว่าวบูชาหลวงปู่สรวง ซึ่งหลวงปู่สรวงท่านเคยพาทำอย่างไรหลวงตาสงค์ท่านก็จดจำและยังคงปฏิบัติเพื่อระลึกถึง เพื่อบูชาหลวงปู่สรวงอย่างสม่ำเสมอ ณ วัดขะยูง ต.ห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
    #หลวงตาสงค์มรณะแล้วฟื้นคืน
    หลวงปู่สงค์ ปสุโต ชาวบ้านรู้จักท่านในนามที่ชื่อว่า หลวงตาสงค์ ในเวลานี้ท่านคือครูอาจารย์องค์หนึ่งในสายศิษย์หลวงปู่สรวง ที่น่ากราบไว้ได้อย่างสนิทใจอย่างแท้จริง เราทั้งหลายอาจจะไม่เคยรู้จัก หรือรู้จักบ้างเล็กน้อย แต่ในแถบพื้นที่รู้จักเกียรติประวัติท่านเป็นอย่างดี ท่านมีชื่อเสียงมากในครั้งสมัยหลวงปู่สรวงยังมีชีวิต ในด้าน รดน้ำมนต์ เป่าเสกคาถา รักษาคนป่วย ด้วยว่านยาสมุนไพร รักษาคุณไสย์ ดูดวง สะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตา เสริมบารมีต่าง ๆ พักหลัง ๆ ท่านหายเงียบไปนานกว่าสิบปี อันเนื่องมาจาก ท่านถูกรถชนและมรณะ 5 วัน หลวงพ่อนรินทร์ (พระครูไพโรจน์อินทสาร) เจ้าอาวาสวัดขะยูง
    ในปัจจุบัน ท่านเล่าว่า ในระหว่างที่ทางวัดเตรียมงานทำบุญ อยู่ๆ ท่านฟื้นขึ้นมา ในขณะที่มรณะไปแล้ว
    5 วัน นั้นเอง พอท่านฟื้นขึ้นมาแล้วความจำ (สัญญา) เดิมหลาย ๆ อย่างของท่านเสื่อมไป แต่ตอนพักหลัง มานี้หลวงปู่ท่านฟื้นสัญญาเดิมได้มากเลยทีเดียว มีเพียงตัวยาสมุนไพรที่ท่านมองไม่ออกว่าเป็นยาอะไร เพราะตาของท่านมองไม่ชัด และเสีย (บอด) ข้างหนึ่งแล้ว ที่ท่านฟื้นขึ้นมาได้นั้นท่านบอกว่าหลวงปู่สรวงช่วยพาท่านกลับคืนมาเอง
    ......" ออมพุทโธ ยอมมงคล จะลอ จะนัง จะสะ "........
    เป็นคาถาหลวงปู่สรวง ที่แม่ค้าได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่สงค์ ปสุโต สวนธรรมโพลวพลือ
    บ้านขะยูง ดีทางโชคลาภ หาเงินหาทอง คล่องมือ
    .......ของดีที่เคยได้จากหลวงตา

    ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้วครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่น๑ สมประสงค์ หลวงตาสงค์ วัดบ้านขะยูง
    ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250226_224717.jpg IMG_20250226_224811.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740504952539.jpg
    ตะกรุดคู่เหรียญลป.ฤทธิ์
    อัตชีวประวัติ หลวงปู่ฤทธิ์ รตุนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ไปไกล ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐฯ เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่างๆ
    ประวัติ หลวงปู่ฤทธิ์ รตุนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์
    หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปี ฃลจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
    เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้หลวงปู่ฤทธิ์ได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนังจนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    ในปี พ.ศ.2535 หลวงปู่ฤทธิ์ จึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน
    เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ฤทธิ์ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า
    หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงได้ยากท่านนึง หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆ ไปกราบท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากท่านแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ยังจะปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้
    บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆ ก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก
    บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น
    แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ตะกรุดคู่พร้อมเหรียญ หลวงปู่ฤทธิ์
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    FB_IMG_1740504955208.jpg FB_IMG_1740504962112.jpg FB_IMG_1740504958995.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2025 at 09:36
  3. Chayot

    Chayot สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2020
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +62
    ตะกรุดคู่พร้อมเหรียญ หลวงปู่ฤทธิ์
    ขอจองค่ะ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740796551102.jpg
    ๑ ในครูบาอาจารย์ที่อธิษฐานจิตปลุกเสกพิธีเหรียญจตุรพิธพรชัย
    ประวัติหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อยุธยา ปัจจุบันนี้มีหลวงพ่อดี ๆ ดังๆ อยู่หลายองค์ด้วยกัน ที่อำเภอบางปะหัน จ. พระนครศรีอยุธยา ยังมีคณาจารย์อยู่รูปหนึ่งทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ในเรื่องวิชาไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง คณาจารย์ที่จะกล่าวถึงรูปนี้คือหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยกิตติศัพท์ในด้านพุทธาคมของท่านอาจารย์หน่าย อินฺทสีโล วัดบ้านแจ้ง ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ดังขจรขจายไปทั้งใกล้และไกลทุกทิศานุทิศมาเนิ่นนานแล้วแต่ของท่านดังแบบไฟสุมขอน ค่อยเป็นค่อยไป ผู้ประสบพบเห็นเหตุการณ์อันเต็มไปด้วยอภินิหารนานาประการ ต่างโจทย์จรรย์กันไปแบบปากต่อปาก ไม่มีการประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด ดังนั้น คณะผู้จัดทำหนังสือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ – พระพุทธรูปพระเครื่อง จึงได้เดินทางไปหาประวัติความเป็นมาแต่ภูมิหลังของท่าน ท่านเป็นอาจารย์ ที่มีศีลจริยาวัตรงดงาม ตั้งอยู่ในสมณรูปโดยครบถ้วน ไม่ด่างพร้อยแต่ประการใด หลวงพ่อหน่าย อินฺทสิโล นามเดิมชื่อ หน่าย มีความดี วันที่เกิดจำไม่ได้จำได้แต่ พ.ศ. 2446 เกิดที่ตำบลหันสังข์ อำเภอบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นายหลาบ มารดาชื่อ นางพลอย จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัด ในสมัยนั้นการศึกษายังไม่ค่อยเจริญ พออ่านออกเขียนได้ เมื่อหลวงพ่อจบการศึกษาแล้ว ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่กับบ้าน หลวงพ่อบวชเณรเมื่ออายุ 12 ปี ที่วัดบ้านแจ้ง มีพระครูพัด เป็นพระอุปัชฌายะ ในขณะที่เป็นเณรได้ศึกษาธรรมวินัยและวิชาไสยศาสตร์บ้างเล็กน้อยเพราะตอนนั้นอายุยังน้อยอยู่ เมื่ออายุครบ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้างแจ้ง โดยมีพระครูพัด เป็นพระอุปัชฌายะ ได้ฉายาว่า อินฺทสิโล พอหลวงพ่อบวชเป็นพระหลังพรรษาแรก ก็เริ่มออกเดินธุดงค์ไปในป่า ในเขาตามภาคต่าง ๆ ซึ่งมีสัตว์ดุร้ายที่ชุกชุม หลวงพ่อหามีความเกรงกลัวกับสัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่ หลวงพ่อเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งขณะที่เดินธุดงค์เข้าไปในป่าได้พบช้างยืนขวางหน้าอยู่ เมื่อหลวงพ่อเดินเข้าไปใกล้มันได้ใช้งวงของมันมาเกี่ยวจีวรที่หลวงพ่อครองอยู่ไปพันกับงวงมันหลวงพ่อจึงก้มลงแล้วหยิบดินขึ้นมาก้อนหนึ่งเสกแล้วโยนไปที่ช้าง ช้างจึงได้วางจีวรลงแล้วได้เดินหายเข้าไปในป่า มิได้ทำร้ายหลวงพ่อเลย เมื่อหลวงพ่อเดินธุดงค์อยู่ในป่าเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้กลับมายังวัดแจ้ง เพื่อเยี่ยมญาติโยม กลับมาอยู่วัดบ้างแจ้งได้ 3 เดือน หลวงพ่อได้เดินทางไปศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่หลวงพ่อเรียนวิชาไสยศาสตร์ อยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้พบกับท่านกรมหลวงชุมพร ได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับท่านบ้างพอควร ส่วนมากหลวงพ่อจะได้วิชาจากหลวงพ่อศุข เป็นส่วนใหญ่ ยังไม่ทันที่หลวงพ่อหน่ายจะได้วิชาแขนงสุดท้าย จากหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อท่านก็ได้มรณภาพไปเสียก่อน หลวงพ่อหน่าย จึงไปศึกษาวิชาเครื่องรางของขลัง และวิชาไสยศาสตร์ต่อ กับอาจารย์ย่ามแดง อาจารย์ย่ามแดงองค์นี้ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่หลวงพ่อศุข ยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อศุข ได้ถ่ายทอดวิชาให้อาจารย์ย่ามแดงจนหมดสิ้นเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อหลวงพ่อหน่ายเรียนวิชาไสยศาสตร์เครื่องรางของขลังจากอาจารย์ย่ามแดง จนแก่กล้าดีแล้ว จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ยังวัดบ้านแจ้ง เมื่อตอนที่หลวงพ่อหน่ายมาอยู่ ที่วัดบ้านแจ้งในขณะนั้นได้มี พระครูอนุวัติสังฆกิจ(เคลือบ) เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อหน่ายได้ไปจำพรรษาอยู่ ในป่าช้านานถึง 20 ปี ไม่ยอมขึ้นมาจำพรรษาอยู่บนกุฏิ หลวงพ่อบอกว่าในป่าช้าเงียบและสงบดี เหมาะแก่การวิปัสสนากัมมัฎฐาน ขณะที่หลวงพ่อบวชเป็นพระอยู่ ได้ช่วยพระครูสังฆกิจ(เคลือบ) พัฒนาวัดได้สร้างอุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญที่วัดบ้านแจ้ง เมื่อพระครูสังฆกิจมรณภาพแล้ว ญาติโยมมีศรัทธาในตัวหลวงพ่อ จึงได้นิมนต์หลวงพ่อหน้ายขึ้นเป็นเจ้าอาวาส แทนเจ้าอาวาสองค์ที่มรณภาพไป เมื่อ พ.ศ. 2512 ปัจจุบันนี้หลวงพ่อมีอายุได้ 71 ปี พรรษาที่ 59 หลวงพ่อไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น ขออยู่อย่างพระธรรมดา หลวงพ่อหน่ายท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังไว้หลายอย่างด้วยกัน อาทิ เช่นมีตะกรุดโทน ตะกรุดมหาอุด พระโมคคัลลา มีแบบใหญ่ แบบเล็ก พระพุทธโคดมแบบใหญ่ แบบเล็ก และเหรียญรุ่นต่างๆ อีกหลายรุ่น ถ้าท่านผ่านไปทางวัดบ้านแจ้ง ลองแวะคุยกับหลวงพ่อดูบ้างท่านจะได้รับแจกวัตถุมงคลต่าง ๆ จาหลวงพ่อ ถึงแม้หลวงพ่อจะชราภาพมากแล้ว แต่ท่านยังแข็งแรงดี ท่านจะนั่งคุยกับโยม ที่ไปเยี่ยมท่านได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกเหนื่อย มีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ บางท่านที่ยังไม่เคยได้พบหลวงพ่อ ได้ยินแต่เพียงเกียรติศัพท์ของหลวงพ่อเท่านั้น ยังเกิดศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่ออย่างมากมาย ถ้าท่านได้พบพูดคุยกับหลวงพ่อ ท่านจะเกิดศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อมากยิ่งขึ้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่ลูกศิษย์ลูกหานำไปใช้มักจะเจอกับประสบการณ์ต่าง ๆ หลายรายด้วยกัน เช่น รายที่หนึ่ง นายอุบล อยู่ที่แปดริ้ว เขาเองได้ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ที่สัตหีบ ซึ่งคนร้ายจะปล้นเอาทรัพย์สิน แต่คนร้ายไม่อาจที่จะเอาทรัพย์สินของเขาไปได้ เกิดการต่อสู้กันเขาไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด โดยมีเหรียญ หลวงพ่อหน่าย ติดตัวเพียงเหรียญเดียว รายที่สอง นายตี๋ อยู่บ้านที่ตำบลบ้านบึงถูกยิงด้วยปืนจุด 38แต่ไม่เข้า เพราะมีเครื่องรางของขลัง ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ ผู้ใดต้องการพระเครื่องไว้บูชา ติดต่อได้ที่ หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อ.บางประหัน จ.พระนครศรีอยุธยา (ข้อมูลจากหนังสือเก่าสมัยหลวงพ่อหน่ายยังมีชีวิตอยู่ หลวงปู่ได้มรณภาพ ในปี พ.ศ. 2531) หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้งได้รับการ คัดเลือกและยกย่อง จากหลวงปู่ดู่ วัดสะแกให้ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิ จตุรพิธพรชัย ตามคำปรึกษาของ ท่านเรียน นุ่มดี จึงเป็นที่มาของเหรียญ จตุรพิธพรชัย หลวงปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง จะสังเกตุว่าเนื่องจากท่านเป็น ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลอง ท่านจึงได้รับการนิมนต์มาปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่ศุข ในหลายๆรุ่น

    1740791833448.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาเนื้อผงใบลานไม้พญางิ้วดำ ปี๒๕๒๑ หลวงปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง ออกวัดถ้ำตะเพียนทองลพบุรี
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250301_093024.jpg IMG_20250301_093045.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740842489200.jpg

    ครั้งหนึ่งในงานพิธี
    พุทธาภิเษกเกิดปาฎิหารย์เทียนชัยในพิธีลุกไหม้คล้ายเทียนชัยระเบิด
    ประวัติ
    1740843739416.jpg
    พระครูไพศาลสมณกิจ(หลวงปู่ดี อัตตะทันโต) ท่านเกิดเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ที่บ้านเลขที่ 51ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา บิดาของท่านชื่อ นาย อินทร์ มุ่งนากลาง มารดาของท่านชื่อ นาง มุข มุ่งนากลาง ท่านมีพี่น้องรวมกัน 5 คน ท่านเป็นคนแรก ในวัยเด็กของท่านได้ช่วยบิดาและมารดาของท่านประกอบอาชีพทำนา และได้เล่าเรียนหนังสือจนในปีพ.ศ. 2481 ท่านสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2493 อายุ 24 ปี ท่านได้ทำการอุปสมบท ที่วัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา โดยมีพระอุปัชฌาย์นามว่า พระครูพนมวนาภิรัต (หลวงพ่อบุญ) วัดพนมวันท์ พระกรรมวาจาจารย์นามว่า พระอธิการอ๊อต โอภาโส พระอนุสาวนาจารย์นามว่า พระอธิการวัน โชตโก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัด ลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 ท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองจอก ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา ในปีพ.ศ. 2500 ท่านสอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษา วัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา ในปีพ.ศ. 2501 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศาสนศึกษา วัดลองตอง ในปีพ.ศ. 2510 ท่านได้สร้างพระอุโบสถวัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2514 ท่านได้สร้างกุฏิสงฆ์ที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2519 ท่านได้สร้างกุฏิกัมมัฏฐานและหอฉันที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2521 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูชั้นประทวน ในปีพ.ศ. 2523 ได้ทำการขุดลอกสระน้ำที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2524 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระธรรมทูตอบรมศีลธรรมวัฒนธรรม ในเขตตำบลบ้านโพธิ์ ในปีพ.ศ. 2525 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล บ้านโพธิ์ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2526 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ในปีพ.ศ. 2527 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีในราชทินนาม พระครูไพศาลสมณกิจ ในปีพ.ศ. 2528 ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2530 ท่านได้สร้างห้องสมุดที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2532 ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดหนองจอกและได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะชั้นโท ในราชทินนามเดิม(พระครูไพศาลสมณกิจ) ในปีพ.ศ. 2536 ท่านได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร ในด้านการส่งเสริมศึกษาสงเคราะห์ ในปีพ.ศ. 2540 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกในราชทินนามเดิม (พระครูไพศาลสมณกิจ) ท่านเป็นที่พึ่งทางการศึกษา กายและใจ ของประชาชน พระ เณร ตลอดจนการที่ท่านเป็นนักพัฒนา นอกจากนี้มีประชาชนจำนวนมากที่มาหาท่านขอให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ให้ท่านได้ทุ่มเทกายและใจของท่านให้กับพระพุทธศาสนาเรื่อยมา จนกระทั่งท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2546 รวมอายุ 78 ปี 54 พรรษา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกหลวงพ่อดีวัดหนองจอก ปี๒๕๒๒
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250301_222741.jpg IMG_20250301_222808.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740938319552.jpg FB_IMG_1740938312825.jpg

    เหรียญพระไตรยภพ บรมโพธิสัตว์เจ้า มารสยบ พ.ศ.๒๕๒๘ สร้างและปลุกเสกโดยอาจารย์บุญเพ็ญ แขวัฒนะ ฆราวาสผู้ทรงคุณอันวิเศษ เหรียญรุ่นนี้เน้นไปทางด้านปราบทุกข์เข็ญ ปราบศัตรูผู้คิดร้าย เป็นไปตามชื่อรุ่น “มารสยบ”
    อาจารย์บุญเพ็ญ แขวัฒนะ เกิดเมื่อ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๗๗ ที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ครับ ท่านเป็นบุตรแฝดคนสุดท้องของคุณพ่อสิน-คุณแม่แดง แขวัฒนะ
    อาจารย์บุญเพ็ญ เริ่มรับราชการที่กรมตำรวจเมื่อ ๓ มกราคม ๒๕๐๔ ตำแหน่งสุดท้ายได้รับพระราชทานยศเป็น พ.ต.อ.(พิเศษ) ตำแหน่ง รอง ผบก.(กอ.รมน.) กพ. ทำหน้าที่นายตำรวจปฏิบัติราชการพิเศษ กอ.รมน. ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๑ ท่านได้เริ่มบุกเบิกสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ที่บ้านลาดหญ้า ฝั่งธนบุรี โดยท่านได้รักษาคนเจ็บไข้และทุกข์ร้อนสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ยกเว้นวันพระ
    ในปี ๒๕๑๙ ท่านได้ปิดสำนัก และมาเปิดใหม่ที่ลาดพร้าวและที่บ้านถนนวิภาวดีรังสิต
    ลูกศิษย์รุ่นเก่า (ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้เล่าให้ผมฟังว่า นอกจากอาจารย์บุญเพ็ญจะรักษาโรคให้หายได้อย่างอัศจรรย์ใจแล้ว ท่านยังสามารถติดต่อและทำพิธีเชิญเจ้ากรรมนายเวร ให้เข้ามารับการขอขมาและขออโหสิกรรมในอดีตกาลได้อีกด้วย แกว่ามีลูกศิษย์ของอาจารย์บุญเพ็ญหลายท่านที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยพิธีกรรมดังกล่าวข้างต้น แกว่าบางคนได้เป็นใหญ่เป็นโตในประเทศ เอ่ยชื่อไปรับรองต้องร้องเสียงหลง และแม้กระทั่ง มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมท ก็ยังให้ความเคารพนับถือในตัวของท่าน
    อาจารย์บุญเพ็ญถึงแก่กรรมเมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๒ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สิริรวมอายุได้ ๕๕ ปี ตรงตามที่ท่านเคยบอกกับกลุ่มลูกศิษย์ของท่านเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ ว่าท่านจะไปเมื่ออายุ ๕๕ ปี
    ในส่วนวัตถุมงคลของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรมนั้น ต้องบอกว่าทุกครั้งที่สร้างจะมีการกำหนดและมีการประกอบพิธีกรรมที่ลึกล้ำและยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ที่ดูและเห็นด้วยตา อย่างการกำหนดฤกษ์ (ตามภาพประกอบ) หรือจะเป็นเรื่องเหนือโลก อย่างการเปิดตาที่สามเพื่อติดต่อหรืออัญเชิญ ล้วนมีส่วนส่งเสริมให้พุทธคุณของเหรียญแต่ละรุ่นโดดเด่นและแตกต่างกันอย่างชัดเจน ประมาณว่าเลือกแขวน เลือกใช้ได้ตามสถานการณ์เลยครับ
    ปัจจุบัน “เหรียญองค์ประธานแห่งไตรภพ ปี ๒๕๑๓” ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ถูกจัดเป็นของหายากและได้รับความนิยมค่อนข้างสูงมากครับ
    เหรียญมารสยบ ถ้ำพระโพธิสัตว์
    หนึ่งในตำนานฆราวาส
    อาจารย์ พันตำรวจเอก( พิเศษ)
    บุญเพ็ญ แขวัฒนา
    สื่อญาณ พระพรหม ช่วยเหลือ คนมานักต่อนัก
    พระพรหม มา แล้ว เสด็จมา ยก หนุน ดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ ดวงดีแล้วจะ ร่ำรวย ดวงชะตาโดดเด่น เกิด ตบะเดชะ มหาอำนาจ บารมี พ้นปัญหาอุปสรรค มากีดกั้นขัดขวาง
    โบราณว่า “ คนลิขิต ไม่เท่าฟ้าลิขิต ” พลังฟ้าประทาน อยู่ในองค์ พระพรหม อมตมหาเทพ...องค์นี้ พระพรหม โบราณย้ำ นักหนาว่า ใครใช้ จะได้พรอันประเสริฐ ลิขิตดวงชะตา ลิขิตอำนาจ วาสนา พาไปเจอแต่สิ่งดีๆ
    พระพรหม...เอาไว้เสริมดวง เสริมหน้าที่ การงาน เอาไว้กันไว้แก้ดวงตก ไว้ยกดวงแตก ดวงไม่ดี ดวงชง ทำมาหากินไม่เจริญก้าวหน้า
    เหรียญพระพรหม นี้ ที่ อ.บุญเพ็ญ แขวัฒนา ทำพิธี อัญเชิญมา เพื่อสงเคราะห์ ดวงชะตา ยก หนุน ค้ำจุน ดวงชะตาให้ ดีเลิศประเสริฐศรี เมื่อดวงดีแล้ว ทำอะไรก็สำเร็จ จับอะไรก็สมหวัง มีแต่ เกิด สิริมงคล เพิ่มทรัพย์สมบัติ ยศ อำนาจ
    พระพรหม จะช่วย ตัดกรรมหนักที่มาลิดรอนให้ลดทอนอำนาจลงไปก่อน ให้ผู้บูชา ได้ทำบุญ ทำกุศลก่อน ได้เสวยผลแห่งบุญ ทานที่ทำไว้ก่อน เมื่อกรรมไม่มารอน ได้เสวยบุญทาน ที่ทำที่สร้าง ย่อมเป็นมานะให้ สร้างบุญดี กรรมดี ต่อไป กรรมเก่าที่จะมา ก็ไม่มีทางจะซ้ำ ไม่มีช่องจะโผล่ให้ผล
    แต่พระพรหม จะช่วยยก
    ดวงศิษย์ที่แตก ที่ตก ให้ขึ้นมาอยู่เหนือคนอื่นดุจยืนอยู่บนแผ่นดินที่ทับถม สูงกว่าเขา
    ท้าวมหาพรหมธาดาวิมเหศวร ท่าน
    อ.บุญเพ็ญ แขวัฒนา ชุด พระพรหม , สยบมาร สำเร็จ สมปรารถนา ท่าน อ.บุญเพ็ญ แขวัฒนา ฆราวาสสายเทพ สำเร็จวิชาพรหมศาสตร์ รักษาโรค รู้กรรม คลายทุกข์ อาจารย์ของ เหล่า ไฮโซ นักการเมือง คนดัง สมัยนั้น ขลังจริงไม่อิงนิยาย
    พันตำรวจเอก (พิเศษ) บุญเพ็ญ แขวัฒนะ
    ผู้เพ่งเสียงค่ำครวญ จากสรรพสัตว์
    สำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม
    (ตอนที่ ๑)
    อาจารย์บุญเพ็ญ แขวัฒนะ
    เป็นอาจารย์ฆราวาส
    ร่วมยุคสมัยเดียว กับ อาจารย์ชุม ไชยคีรี,
    อาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ ฯลฯ
    สมัยที่อาจารย์ยังมีชีวิต ท่านได้รับคำยกย่องและความเชื่อถือในเรื่องของ
    คุณธรรมและ ความมหัศจรรย์ทางจิต
    ในส่วนคำสอน อาจารย์บุญเพ็ญได้เน้นปฏิบัติจนตกผลึกออกมาเป็นบทความทางศาสนาหลายต่อหลายเรื่อง อย่างเช่น การปฏิบัติอานาปานสติสมาธิ,คุณค่าชองสติ ฯลฯ
    ในด้านความมหัศจรรย์ของจิต ท่านสามารถรักษาโรค,รักษาคุณไสย ร่วมไปถึงการหยั่งรู้อดีต อนาคต ความเป็นไปต่างๆ ตลอดจนการเปิดตาทิพย์หรือตาที่สามให้กับสานุศิษย์ผู้นับถือใช้ติดต่อกับวิญญาณไปจนถึงพวกเทพพวกพรหมครับ
    เรื่องราวความสามารถเฉพาะตัวของ
    อาจารย์บุญเพ็ญ ข้างต้น ทำให้มีผู้คนมากมายต่างตรงเข้าไปปฏิบัติธรรม และขอความช่วยเหลือจากท่านครับ
    พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช (ยศในสมัยนั้น) ได้เขียนบันทึกเรื่องราวของตัว ท่านกับ
    อาจารย์บุญเพ็ญ
    ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมว่า
    บทความของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ อันนี้ถือเป็นการบอกเล่าตัวตนของอาจารย์บุญเพ็ญ
    และบริบทในสมัยนั้นได้ดีมาก
    บทความนี้อาจจะยาว แต่เชื่อเถอะครับ ว่าประโยชน์มีกับท่านที่สนใจแน่นอน
    เรื่องมีอยู่ว่า
    ผม (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) ได้รู้จักกับ
    อาจารย์บุญเพ็ญมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
    นับตั้งแต่วันที่รู้จักก็ได้มีความเคารพนับถือรักใคร่ในตัวอาจารย์บุญเพ็ญ ตลอดมา
    มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่เขาเคารพนับถืออาจารย์บุญเพ็ญ เอามากๆ เพราะเขาเห็นว่า
    "อาจารย์บุญเพ็ญเป็นผู้วิเศษสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แสดงอิทธิ ปาฏิหาริย์ต่างๆ อีกได้มาก"
    คนที่นับถืออาจารย์บุญเพ็ญ เช่นนี้มิใช่เพียงคนสองคน แต่จะมีเป็นจำนวนร้อยหรือพันอย่างไร
    ผมก็คะเนไม่ถูก ทราบได้แต่ว่ามากเหลือเกิน
    คนที่นับถืออาจารย์บุญเพ็ญ
    ในแบบนี้ เวลาพบกับอาจารย์บุญเพ็ญ
    ก็มักจะลงหมอบกราบ และหมอบคลานเหมือน
    อยู่กับพระภิกษุผู้เป็นพระอาจารย์
    หรือต่อหน้าเจ้านายที่เขาเคารพนับถือ
    ผมเอง (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) รู้จักอาจารย์บุญเพ็ญ
    ด้วยเหตุที่ธรรมดาสามัญ ไม่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ หรือมิได้ตั้งใจที่จะไปขอให้
    อาจารย์บุญเพ็ญแสดงอิทธิ ปาฏิหาริย์เพื่อรักษาโรคให้ผม หรือเพื่อเหตุอื่นใดก็ดีแต่อย่างใดทั้งสิ้น เป็นการพบปะระหว่างคนสองคนที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อกัน มีความหวังดีเจตนาดีต่อกันเป็นอย่างยิ่ง
    คึกฤทธิ์ ปราโมทย์
    ของมงคลคู่คนมีบุญ
    ....
    ....
    ศิษย์กวง
    26 ธันวาคม 2019 ·
    พันตำรวจเอก (พิเศษ) บุญเพ็ญ แขวัฒนะ
    สำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม
    (ตอนจบ-ผู้เพ่งเสียงคร่ำครวญมวลสรรพสัตว์)
    ต่อหน้าลูกศิษย์และคนที่นับถืออีกเป็นจำนวนมากมายหลายร้อยคนนั้น อาจารย์บุญเพ็ญจะแสดงตัวหรือแสดงกิริยาท่าทางอย่างไรผมไม่ทราบ เพราะไม่เคยเห็น
    เรื่องด้วยวันที่อาจารย์บุญเพ็ญกำหนดให้มีคนเข้าไปหาเพื่อแก้โรคหรือทุกข์ร้อนให้ได้นั้นเป็นวันที่ผมไม่เคยไปพบกับอาจารย์บุญเพ็ญสักครั้ง ผมไปพบแต่เมื่ออาจารย์บุญเพ็ญว่างการงานในทางนี้ได้อยู่อย่างสบายใจ จึงจะไปคุยกันด้วยความสบายใจทั้งสองฝ่าย
    สิ่งที่ผมรักและนับถืออาจารย์บุญเพ็ญมากก็คือความบริสุทธิ์ในวาจาและความคิดเห็น อาจารย์บุญเพ็ญเป็นคนง่ายไม่มีเรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรทั้งสิ้น จะพูดจากับอาจารย์บุญเพ็ญไม่ต้องระแวงว่าอาจารย์บุญเพ็ญจะโกหกหรือมีความหมายอย่างอื่นใดเกินไปกว่าที่พูด และก็สบายใจอีกอย่างหนึ่งที่ตัวผมเองไม่ต้องแม้แต่คิดว่า จะต้องโกหกอาจารย์บุญเพ็ญด้วยเรื่องใดๆ เป็นอันว่าพบกันครั้งใดคุยกันครั้งใด ก็คุยกันด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่องในใจทั้งสองฝ่าย
    คนที่มีฤทธิ์อำนาจมาก มีคนนับถือมากมายอย่างอาจารย์บุญเพ็ญนั้น ท่าทางกิริยาก็จะต้องเปลี่ยนไปบ้างให้ผิดจากคนธรรมดาหรือไม่เหมือนธรรมดา แต่อาการเช่นนี้ไม่มีในตัวอาจารย์บุญเพ็ญเลย
    อาจารย์บุญเพ็ญเป็นคนที่มีการศึกษาแผนปัจจุบัน เพราะเคยไปร่ำเรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียถึงสิบปี เวลาจะพูดอะไรกับผม อาจารย์บุญเพ็ญก็เป็นคนอย่างนั้นมิได้มีสิ่งอื่นเข้ามาแทรกแซงทำให้ผิดปกติไป ที่สำคัญก็คือเวลาผมไปคุยกับอาจารย์บุญเพ็ญนั้น ผมสามารถที่จะพูดจาได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องปิดบังเคลือบแฝงหรือเสแสร้งทำให้ตัวผมเองกลายเป็นคนอื่นไป
    ด้วยเหตุนี้ผม (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) จึงมีแต่ความสบายใจทุกครั้งที่ได้พบกับอาจารย์บุญเพ็ญ
    พลตรี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช✍️
    อาจารย์บุญเพ็ญ เกิดเมื่อ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๗๗ ที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ครับ ท่านเป็นบุตรแฝดคนสุดท้องของคุณพ่อสิน-คุณแม่แดง แขวัฒนะ
    อาจารย์บุญเพ็ญ เริ่มรับราชการที่กรมตำรวจเมื่อ ๓ มกราคม ๒๕๐๔ ตำแหน่งสุดท้ายได้รับพระราชทานยศเป็น พ.ต.อ.(พิเศษ) ตำแหน่ง รอง ผบก.(กอ.รมน.) กพ. ทำหน้าที่นายตำรวจปฏิบัติราชการพิเศษ กอ.รมน.
    ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๑ ท่านได้เริ่มบุกเบิกสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ที่บ้านลาดหญ้า ฝั่งธนบุรี โดยท่านได้รักษาคนเจ็บไข้และทุกข์ร้อนสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ยกเว้นวันพระ
    ในปี ๒๕๑๙ ท่านได้ปิดสำนักและมาเปิดใหม่ที่ลาดพร้าวและที่บ้านถนนวิภาวดีรังสิต
    ลูกศิษย์รุ่นเก่า (ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้เล่าให้ผมฟังว่า นอกจากอาจารย์บุญเพ็ญจะรักษาโรคให้หายได้อย่างอัศจรรย์ใจแล้ว ท่านยังสามารถติดต่อและทำพิธีเชิญเจ้ากรรมนายเวร ให้เข้ามารับการขอขมาและขออโหสิกรรมในอดีตกาลได้อีกด้วย
    แกว่ามีลูกศิษย์ของอาจารย์บุญเพ็ญหลายท่านที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยพิธีกรรมดังกล่าวข้างต้น แกว่าบางคนได้เป็นใหญ่เป็นโตในประเทศ เอ่ยชื่อไปรับรองต้องร้องเสียงหลง
    อาจารย์บุญเพ็ญถึงแก่กรรมเมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๒ ณ โรงพยา
    บาลสมิติเวช สิริรวมอายุได้ ๕๕ ปี ตรงตามที่ท่านเคยบอกกับกลุ่มลูกศิษย์ของท่านเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ ว่าท่านจะไปเมื่ออายุ ๕๕ ปี
    ในส่วนวัตถุมงคลของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรมนั้น ต้องบอกว่าทุกครั้งที่สร้างจะมีการกำหนดและมีการประกอบพิธีกรรมที่ลึกล้ำและยอดเยี่ยม
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ที่ดูและเห็นด้วยตา อย่างการกำหนดฤกษ์ (ตามภาพประกอบ) หรือจะเป็นเรื่องเหนือโลก อย่างการเปิดตาที่สามเพื่อติดต่อหรืออัญเชิญ ล้วนมีส่วนส่งเสริมให้พุทธคุณของเหรียญแต่ละรุ่นโดดเด่นและแตกต่างกันอย่างชัดเจน ประมาณว่าเลือกแขวน เลือกใช้ได้ตามสถานการณ์เลยครับ
    ปัจจุบัน “เหรียญองค์ประธานแห่งไตรภพ ปี ๒๕๑๓” (ตามภาพประกอบ) ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ถูกจัดและได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
    ผมถามคุณลุงคู่สนทนาว่า “คิดถึงท่านอาจารย์ไหม” แกว่าคิดถึง ทุกวันนี้ยามว่างไม่มีคนกวนใจแกก็จะนึกทบทวนธรรมะที่อาจารย์บุญเพ็ญได้เคยสอน
    แกว่านำมาไตร่ตรองแล้วใช้ประโยชน์ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรมจริงๆ เช่น
    “การปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมนั้น ต้องศึกษาในสัจธรรมอันถูกต้อง คือเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและต้องนำมาปฏิบัติด้วย
    ถ้าไม่ยอมปฏิบัติ คิดนอกลู่นอกทาง เชื่อในทรงเจ้าเข้าผี การนับถือแบบนั้น เรียกว่านับถือแต่ปาก ใจไม่ได้นับถืออะไรเลย”

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250303_015933.jpg IMG_20250303_020006.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 08:14
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740940489811.jpg 1370962-17f2a.jpg

    อ.ทองแถม ศาสตระรุจิ เจ้าตำหรับวิชาพรหมศาสตร์
    ในบรรดาวิชาไสยศาสตร์ เมื่อเรียนกันไปมากๆแล้ว ก็จะต้องไปสื่อกับครูบาอาจารย์ และมหาเทพและเทพยดาทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ในอดีต ที่มีเรื่องเกี่ยวกับเทวดา เช่น อ.ชุม ไชยคีรี พ่อพราหมณ์สุทโธ ก็มีประวัติเกี่ยวข้องกับเทวดาเบื้องบน
    อ.ทองแถม ศาสตระรุจิ ว่ากันว่า วิชาพรหมศาสตร์ของท่าน ได้มาจาก องค์สมเด็จปรมาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์ หลังจากนั้นไม่นาน ท่านสามารถสร้างตัว เป็นมหาเศรษฐีได้ จนทำให้ผู้ไปพบท่านที่ที่บ้าน เกิดความเคลือบแคลงไม่ได้ ว่าท่านเป็นของจริงหรือเปล่า เพราะเฉพาะเสาบ้าน ขนาดสองคนโอบ แต่เมื่อได้ฟังคำอ.ทองแถม กับทำให้เกิดศรัทธายิ่งขึ้นอีก เพราะท่านพูดว่า เราเป็นอาจารย์ แต่ช่วยตัวเองให้รวยไม่ได้ แล้วเราจะไปช่วยใครเขา ให้เขารวยได้
    พอดีแอดมินไปอ่านเจอเกร็ดประวัติอ.ทองแถม จึงได้คัดลอกให้แฟนเพจได้ทัศนา
    เนื่องในพิธีพรหมาภิเศก “องค์พรหมเทพปฏิมา” เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 3 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2506 นี้นั้น พิธีได้กระทำขึ้น ณ เทวสถานโบสท์พราหมณ์ เสาชิงช้า พระนคร เมื่อวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีหลายฝ่ายด้วยกัน อาทิ ฝ่ายสงฆ์มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ฝ่ายวิปัสสนาธุระมีท่านเจ้าคุณราชสิทธิ์ วัดมหาธาตุฯ เป็นประธาน ฝ่ายพราหมณ์มีพระราชครูวามเทพมุนี เป็นประธาน และฝ่ายพรหมศาสตร์มีอาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ เป็นประธาน ซึ่งผู้เข้าร่วมพิธีทุกฝ่ายต่างก็ประกอบพิธีกรรมตามลัทธิของตน เพื่อความขลัง และศักดิ์สิทธิ์ของ "องค์พรหมเทพปฏิมา" เป็นสำคัญ ...
    ปรากฏว่าในระหว่างพิธีกรรมตลอดเวลา 3 วัน 3 คืนนั้น ผู้เข้าร่วมพิธีแต่ละฝ่ายต่างได้คัดตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาทำการปลุกเสกทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายสงฆ์นั้นได้นิมนต์พระอาจารย์ชื่อดังจากวัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรมาร่วมปลุกเสกโดยพร้อมเพรียง นอกจากนั้นยังนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ซึ่งวุฒิเปรียญ 9 ประโยคอีก 9 รูป มาเจริญพระพุทธชัยมงคลคาถาตลอดเวลา...
    พิธีพรหมาภิเศก "องค์พรหมเทพปฏิมา" ครั้งนี้เป็นพิธีที่ใหญ่ยิ่งพิธีหนึ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งบรรดาผู้เข้าร่วมพิธีทุกท่านต่างได้กล่าวยืนยันว่า นอกจากพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายต่าง ๆ จะมาเข้าร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ยังมีวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระภิกษุผู้สำเร็จซึ่งมรณภาพไปแล้วกับเทพเจ้าและองค์พรหมบนสวรรค์เสด็จมาเป็นประธานในพิธีนี้ด้วยจำนวนมาก ...
    เพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียดว่าในพิธีพรหมาภิเศก "องค์พรหมเทพปฏิมา" ดังกล่าวนี้ได้มีวิญญาณของภิกษุรูปใดเทพเจ้าองค์ใด และพระพรหมองค์ใดเสด็จมาร่วมพิธีบ้างนั้น จึงได้นัดพบกับพ.อ. สมาน วีระไวทยะ (ยศในขณะนั้น) วศบ. ทบ. หัวหน้ากองนโยบายและแผน กรมส่งกำลังบำรุงทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นเจ้าตำรับ “วิทยาศาสตร์ทางจิต” ที่ชาวไทยและต่างประเทศรู้จักดี กับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนั่งตรวจทางใน เพื่อนำเหตุการณ์ในวันประกอบพิธีพรหมาภิเศกมาเสนอ ดังนี้ ...
    พ.อ. สมาน วีระไวทยะ เล่าว่า ความจริงท่านไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพิธีพรหมาภิเศกในครั้งนี้เลย แต่ในระหว่างพิธีวันที่ 19 พ.ย. นั้น ท่านได้รับคำขอร้องจากอาจารย์ชาญไชย ถาวรธารนายช่างพิเศษกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นท่านหนึ่งที่ไปร่วมพิธีในทางด้านฝ่ายพรหมศาสตร์ ขอให้ช่วยนั่งทางในตรวจดูว่ามีวิญญาณของผู้ใดรวมทั้งเทพเจ้าและพระพรหมองค์ใดมาเข้าพิธีบ้าง ท่านจึงได้ไปนั่งตรวจให้ข้าง ๆ พิธีในบริเวณเทวสถานแห่งนั้น ...
    พ.อ. สมาน เล่าว่า เมื่อท่านได้เริ่มนั่งทางในตรวจดูนั้นเป็นเวลาประมาณ 00.30 น. การประกอบพิธีพรหมาภิเษกของเกจิอาจารย์ฝ่ายต่าง ๆ กำลังดำเนินอยู่และในการนั่งตรวจครั้งแรกนั้นพ.อ.สมานได้ตรวจถึงวิญญาณของพระอาจารย์ต่าง ๆ ที่มรณภาพไปแล้วว่าจะมีรูปใดมาในพิธีบ้าง ...
    เมื่อนั่งหลับตาเข้าสมาธิแล้วสักครูก็เห็นว่าภาพในบริเวณเทวสถานมืดสนิทลงแล้วค่อย ๆ มีแสงสว่างจ้าเป็นประกายขึ้นโดยรอบ ทันใดนั้นก็เห็นภาพของพระอาจารย์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นทีละองค์ อาทิ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด หลวงพ่อลี วัดอโศการาม และพระอาจารย์สำคัญองค์อื่น ๆ รวม 15 องค์ด้วยกัน และแต่ละองค์ได้บอกให้นายพันเอกแห่งกองทัพบกทราบว่าท่านจะได้มาร่วมในพิธีนี้ทุก ๆ วันจนเสร็จสิ้นพิธี
    ภายหลังจากได้ตรวจดูพระอาจารย์ต่าง ๆ จนทั่วถึงแล้ว พ.อ. สมานจึงได้เปลี่ยนเป็นตรวจดูเทพเจ้าที่มาในพิธีบ้าง หลังจากนั่งสมาธิก็ได้เห็นภายในบริเวณเทวสถานกลับมืดสนิทลงเหมือนครั้งที่แล้ว ชั่วครู่ต่อมาก็ปรากฏเป็นแสงสีเขียวรุ่งโรจน์ขึ้น แต่ไม่ปรากฏร่างของเทพเจ้าองค์ใดให้เห็น แต่จากแสงสีเขียวนี้ พ.อ.สมานทราบว่า เป็นแสงประจำองค์เทพเจ้าชั้นสูงหลายองค์ อาทิ
    ... พระนารายณ์ พระพิฆเณศวร์ และสมเด็จพระอัมรินทราธิราช ...
    ดังนั้นเพื่อจะขอทราบว่าเทพเจ้าองค์ใดในสามองค์นี้จะเป็นผู้เสด็จมา นายพันเอกจึงตั้งอธิษฐานขอให้ท่านเจ้าของแสงปรากฏพระองค์ให้เห็นด้วย ครั้นอธิษฐานเสร็จก็ค่อย ๆ ปรากฏร่างของเทพเจ้าองค์หนึ่งขึ้นราง ๆ และค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นจนเห็นได้ถนัด เทพเจ้าองค์นี้มีทั้งหมด 4 กร จึงทราบได้ว่าเจ้าของแสงสีเขียวรุ่งโรจน์ที่เสด็จมานั้นคือ "องค์พระนารายณ์" หรือ "พระวิษณุเทพ" นั่นเอง พร้อมกันนั้นองค์พระนารายณ์ก็ได้ตรัสให้ พ.อ. สมานทราบเช่นเดียวกับพระอาจารย์องค์อื่น ๆ ...
    ในการตรวจทางในขั้นสุดท้าย พ.อ.สมาน ได้ตรวจว่าเทพเจ้าขั้นพรหมนั้นจะมีองค์ใดเสด็จมาบ้าง ครั้นได้ทำสมาธิและปรากฏความมืดสนิทขึ้นมาแล้ว ก็ปรากฏแสงสีขาวนวลคล้ายสีของไข่มุกเป็นประกายรุ่งโรจน์ และพร้อมกับแสงสีที่ปรากฏขึ้นนั้น นายพันเอกแห่งกองทัพบกก็ได้เห็นภาพของพระพรหมองค์สมเด็จปรมาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์เสด็จมาเอง...
    เมื่อได้นั่งทางในตรวจเห็นบรรดาพระอาจารย์ต่าง ๆ รวมทั้งเทพเจ้าและพระพรหมองค์ใดที่เสด็จมาในพิธีแล้ว พ.อ.สมานจึงได้เขียนบันทึกมอบให้อาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ ประธานฝ่ายพรหมศาสตร์เก็บไว้เป็นหลักฐาน
    ทั้งหมดนี้คือบันทึกที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2506 เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่การเห็นการรู้ของหลาย ๆ ท่านตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งท่าน พลโท สมาน วีระไวทยะ และอาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิแม้แต่การสร้างพระมหาเทพทั้งสามของวัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ซึ่งหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ เป็นผู้ปลุกเสก พระผงรูปพระนารายณ์ก็ยังใช้ "ผงสีเขียว" ในการสร้าง ซึ่งตรงกับสีรัศมีกายของพระองค์พอดี นับว่าผู้จัดทำมีความรอบคอบยิ่งนัก ...
    แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้น ไม่ได้แปลว่าไม่มี และบางสิ่งที่เราไม่เชื่อ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอยู่จริงเช่นกัน ...
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าเรื่องและภาพ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพระพรหม ปี๒๕๑๙ที่ระลึกเปิดโรงงานทอกระสอบ
    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250303_013158.jpg IMG_20250303_013226.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 07:13
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740942835704.jpg
    พระสมเด็จหลวงพ่อบุญเทียมวัดลาดหลุมแก้วปทุมธานีหลังยันต์ตรีนิสิงเห หลวงพ่อบุญเทียมวัดลาดหลุมแก้วปทุมธานีสมเด็จองค์นี้ท่านสร้างเองครับและปลุกเศกหลายครั้ง สร้างในปี2521โดยใช้ดินดำผสมกับผงพุทธคุณต่างๆ และเนื้อกล้วยหอม โดยให้ศิษฐ์วัดเด็กๆ รวมทั้งพระช่วยกันกดพิมพ์ทีละองค์แล้วหลวงพ่อจะปลุกเศกแต่หลวงพ่อท่านจะสร้างพระสมเด็จในช่วงท่านยังแข็งแรงอยู่ คุณเก็บไว้ให้ดีเถอะครับ พุทธคุณหายห่วงเมตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันจากภูมิผี สิ่งชั่วร้าย มีคนได้ประสบการตรงหลายครั้ง หลวงพ่อเป็นพระที่มีจิรวัตรน่าเลื่อมใส และท่านเป็นพระที่สมถะไม่หยิบจับเงินทอง มีวิชาอาคมมาก ท่านเป็นพระที่เก็บตัว ในช่วงท่านมีชีวิตอยู่ ถนนหนทางมาวัดลำบากมาก แต่ก็มีผู้คนพยามเข้ามาให้ท่านช่วยเหลือทุก ๆ วัน เหมือนมีงานเทศกาล ทั้งที่ในสมัยนั้นความเจริญบริเวณนั้นกล้าบอกได้ว่ายังเข้าไม่ถึง ยังไม่มีไฟฟ้า ปะปา โทรศัพท์แต่ไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใด ที่ท่านทำก่อนจำวัดคือต้องไปนั่งสมาธิในอุโบสภทุกวัน ซึ่งประวัติหลวงพ่อนั้นดังถึงขนาดมี บุคคลที่มีชื่อเสียงมาพบท่านมากมายเช่น นักการเมืองดารานำฟิลมหนังที่ท่านสร้างมาให้หลวงพ่อเจิม
    หลวงพ่อบุญเทียม เกจิรามัญแห่งลาดหลุมแก้ว
    หลวงพ่อเทียม วัดลาดหลุมแก้ว เดิมชื่อ บุญเทียม เอกเอี่ยม เป็นบุตรคุณพ่อเมฆ-คุณแม่ควด ชาตะ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2461 ที่บ้านหมู่ 1 ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดลาดหลุมแก้ว เมื่อ พ.ศ.2483 มีพระอธิการปลื้ม วัดบัวเกษร ต.บ้านระแหง เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงพ่อเทียมท่านเป็นพระนักศึกษามาก่อน แต่เมื่อมีเวลาว่างท่านจะไปศึกษากัมมัฏฐานในสำนักต่างๆ ที่มีพระวิปัสสนาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเป็นเจ้าสำนัก จึงทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานในเรื่องของกัมมัฏฐาน
    การเป็นเจ้าอาวาสวัดในสมัยก่อนไม่ใช่ของง่าย เพราะนอกจากจะต้องเป็นนักปกครองภิกษุ-สามเณรในวัด และเด็กวัดจอมเกเรที่พ่อ-แม่เอามาพึ่งวัดดัดสันดานแล้ว ยังต้องเป็นหมอยากลางบ้าน เป็นพระเกจิที่สามารถกำราบพวกนักเลงหัวไม้ให้อยู่ในตำแหน่งไม่ล้ำเส้นออกไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องเป็นผู้ไล่ภูตผีปีศาจ เรียกง่ายๆ ว่าต้องเก่งครอบจักรวาล จะมาเทศนาลูกเดียวท่านว่าไปไม่รอด
    หลวงพ่อเทียมท่านได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากหมอสุด หมอสุดผู้นี้มีฉายา หมอเทวดา เพราะเมื่อมีคนไข้มาหา หมอสุดดูแล้วหากจัดยาให้ละก็หายแน่นอน แต่ถ้าหมอสุดดูแล้วบอกว่าเอายาไปประทังตัวหมดหม้อแล้วไม่ต้องมาหาอีก อย่างนี้บอกใบ้ว่ายาหมดก็กลับบ้านเก่า? ถ้าหมอสุดจัดยาให้แล้วบอกให้มาเอายาใหม่ ร้อยทั้งร้อยหายดีแน่นอน? หมอสุดได้ครอบวิชามอบตำราครูให้หลวงพ่อเทียมทั้งหมด เมื่อหมอสุดถึงแก่กรรม หลวงพ่อเทียมต้องทำหน้าที่แทนหมอสุดช่วยชีวิตญาติโยมไว้มากมาย
    หลวงพ่อเทียมท่านได้ไปเรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์สองรูปด้วยกัน คือ หลวงพ่อชื่น วัดตำหนัก เรียนตรีนิสิงเหมอญ และวิชาอาคมด้านรามัญ? หลวงพ่อทองสุก วัดตาล เรียนตรีนิสิงเหแบบไทยคืออักขระขอม? ทั้งสองพระเกจิถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเทียมจนหมดความรู้ ได้ตำราอาคมรามัญมาจากหลวงพ่อชื่นเป็นมรดกตกทอด โดยหลวงพ่อชื่นบอกว่าสิ้นท่านแล้วก็ขอให้ใช้ตำราช่วยประชาชน ช่วยทหารหาญที่ไปรบให้แคล้วคลาดอันตราย
    อันยันต์ตรีนิสิงเหเป็นยันต์ครอบจักรวาล จะลบผง ลงตะกรุด โดยแบ่งยันต์ออกเป็นตาราง แต่ละตาราง ใช้เลขแทนอักขระ
    หลวงพ่อเทียมออกตะกรุดโทนรุ่นแรกด้วยตะกั่ว มีสองขนาด ยาวประมาณ 7 ซม. แจกผู้ชาย กับขนาด 4 ซม. แจกผู้หญิง ท่านลงอักขระเอง รุ่นแรกนี้มีเนื้อทองแดงด้วยแต่ไม่มากนัก ก่อนม้วนท่านได้ใช้สิ่วตัดมุมแผ่นตะกรุด เพื่อเวลาม้วนจะได้เห็นรอยตัดที่ปลาย ถือเป็นเอกลักษณ์ของท่านตลอดมา
    ต่อมาตะกรุดของท่านไปดังด้วยประสบการณ์ ทั้งด้านมหาอุด คงกระพัน และในสงครามเวียดนามตะกรุดของท่านก็ดังระเบิด ทำให้ท่านต้องสร้างตะกรุดเพิ่มมากขึ้นท่านจึงต้องใช้แกะแม่พิมพ์ปั๊มเป็นตะกรุดสำเร็จ ตัดมุมแล้วท่านสอนให้พระ-เณรช่วยกันม้วน ส่วนท่านปลุกเสกเอง ก็ปรากฏว่าขลังเป็นอย่างยิ่ง จนหลายคนได้ไปแล้วไปดูถูกว่าเป็นตะกรุดโหล ใช้ปั๊มแทนการลงด้วยมือ ทดลองยิงดูปรากฏว่าไม่ออก กระบอกบวมปืนเสียไปเลย จึงเพิ่มคำเล่าลือให้มากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
    หากใครได้เห็นหลวงพ่อเทียมปลุกเสกตะกรุดจะรู้สึกว่าแปลก ท่านจะเอาตะกรุดที่ลงแล้วม้วน แล้วลงไปแช่ในน้ำมนต์ เมื่อถามท่าน ท่านตอบว่า
    ฉันปลุกเสกด้วยเตโชกสิณ (ธาตุไฟ) หากปลุกเสกโดยไม่เอาน้ำมาเป็นฉนวนละก็ ตะกรุดตะกั่วจะเยิ้มติดกันหมด ส่วนทองแดงก็จะละลาย แล้วจะแจกกันอย่างไร?
    เนื่องจากตลอดชีวิตของหลวงพ่อท่านต้องปลุกเสกวัตถุมงคล ต้องสูดดมควันธูปและควันเทียน จนกระทั่งปอดของท่านมีจุดและขยายใหญ่ จนที่สุดก็ทำให้ท่านต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ แต่พอออกจากโรงพยาบาลแล้วท่านก็ไม่หยุด ยังคงรดน้ำมนต์ ปลุกเสกของ ดมควันธูปอย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อตรากตรำอยู่จนถึง วันที่ 4 สิงหาคม 2529 หลวงพ่อก็ถึงแก่มรณภาพ
    ปัจจุบันร่างท่านยังอยู่ในโลงแก้ว ใครผ่านไปลองไปกราบท่านดู เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลังยันต์ตรีสิงเห
    หลวงพ่อบุญเทียมวัดลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250303_021742.jpg IMG_20250303_021656.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 07:13
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    1740949791039.jpg

    พระสมเด็จปรกโพธิ์สายเขาอ้อ
    พระรุ่นนี้เป็นพระที่ทางวัดเขาอ้อได้จัดสร้างขึ้นโดยแจกไห้ที่มาทำบุญที่วัดในสมัยนั้น อ.กลั่น ท่านเป็นชาวนครที่มาบวชเรียนและก็มาศึกษากรรมฐาน มีสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐานทั้งพระเวทวิทยาคมต่างๆที่วัดเขาอ้อในยุคต้นๆ ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์อยู่กับพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน อยุ่นานหลายปี ภายหลังได้ร่ำเรียนตำราวิชาเขาอ้อกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวน หลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ และเรียนตำรับเขาอ้อแบบครูพักลักจำกับพระอาจารย์อาวุโสสายเขาอ้ออีกหลายองค์ อาทิ พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา และหลวงพ่อเล็ก วัดประดู่เรียง จนมีความเชี่ยวชาญแตกฉานด้านวิทยาคมแห่งสำนักวัดเขาอ้อยิ่ง ท่านเป็นพระนักพัฒนา ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อที่ไม่ไห้มีกรรมการวัดเลย และจะไม่ไห้กรรมการวัดมาเกี่ยวข้องกับการสร้างวัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น ท่านสร้างวัตถุมงคลแต่ละครั้งแต่ละคราวมีเจตนาดี และสิ่งที่ท่านทำไปนั้น ทำไห้วัดเขาอ้อ พัฒนาแบบพริกเลยครับ เพราะเงินที่ได้จากการทำบุญจากผู้ที่มีจิตศรัทธาเป็นจำนวนมาก ท่านนำมาพัฒนาวัดหมด เพื่อส่วนรวม ถือว่าในการสร้างวัตถุมงคลของท่านในยุคแรกๆนั้นล้วนแล้วแต่เจตนสดีทั้งสิ้น และมาถึงยุคที่รุ่งเรืองคือยุคปี44-45 ยุคนั่นแรงมาก วัตถุมงที่ท่านสร้างมา ต่างเป็นที่นิยมและยอมรับจากต่างประเทศ หลวงพ่อกลั่น อคฺคธมฺโมนำวิชาความรู้มาสร้างตะกรุด และสีผึ้งซึ่งมีประสบการณ์เด่นชัดทางด้านเมตตามหานิยมสูงในช่วงปรายปี พ.ศ. 2530 ท่านได้สร้างพระปิดตาครั้งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ขึ้น 3 พิมพ์ พิมพ์ละ1000องค์ คือ พระปิดตามหายันต์ มหาอุจ พระปิดตามหาลาภ และพระปิดตาเนื้อผงผสมแร่เขี้ยวหนุมาน สร้าง1200องค์ วัตถุมงคลของท่านปรากฎว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สูงด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม และมหาลาภค้าขายดี เป็นที่นิยมเสาะหาอย่างกว้างขวาง และต้นปี พ.ศ. 2534 หลวงพ่อกลั่น วัดเขาอ้อ สร้างพระสมเด็จมหายันต์เขาอ้อขึ้น 2 พิมพ์ๆละ 3,000 องค์คือ 1.พระสมเด็จมหายันต์(ปั๊ม) เนื้อสัมฤทธิ์รมดำ ขนาดกว้าง 2.3 ซ.ม. x สูง 3.5 ซ.ม. ประกอบด้วยชนวนโลหะอาถรรพ์ต่างๆที่เหลือจากการสร้างพระปิดตา เป็นโลหะที่ได้จากพระอ.ศรีเงิน และตะกรุดของอาจารย์เก่าๆมาผสมในพระปิดตารุ่นแรกของท่านเหลือจากนั้นก็ได้เอามาทำเหรียญปั้ม ในปี34 2.พระสมเด็จมหายันต์ เนื้อผงผสมแร่เขี้ยวหนุมาน ขนาดกว้าง 2.3 ซ.ม. x สูง 3.5 ซ.ม.ประกอบผงวิเศษที่อาถรรพ์ และศักดิ์สิทธิ์สารพัดทั่วพื้นภาคใต้ผสมแร่เขี้ยวหนุมานที่ศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง หลวงพ่อกลั่น อคฺคธมฺโม ประกอบพิธีปลุกเสก “สมเด็จมหายันต์” ทั้ง 2 พิมพ์ภายในถ้ำศักดิ์สิทธิ์เขาอ้อเป็นเวลาแรมเดือน นอกจากนี้ยังนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในหลายๆพิธีเพื่อความเข้มขลังอีกหลายครั้ง จึงมั่นใจได้ในด้านพุทธคุณ โดยมี อ.ศรีเงิน พระครูกาชาด และขุนพันธ์ฝ่ายฆราวาส มาร่วมด้วยทุกครั้งและทำตามตำรับเขาอ้ออย่างถูกต้อง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จปรกโพธิ์พ่อท่านกลั่นวัดเขาอ้อ เนื้อสัมฤทธิ์ บางข้อมูลก็เรียกสัตตโลหะ
    ตามสูตรเขาอ้อ
    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250303_023919.jpg IMG_20250303_023948.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 17:06
  10. MATHS

    MATHS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    763
    ค่าพลัง:
    +921
    ขอจองครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    รับทราบครับขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740963796396.jpg FB_IMG_1740963786368.jpg

    หลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย ศิษย์เอก มือซ้ายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    พระใบฎีกาบุญยัง คงฺคสโร วัดหนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มีคุโณปการต่อวงการไสยศาสตร์มาก ตำราคาถาวิชาสายสำนักวัดปากคลองมะขามเฒ่า ของหลวงปู่ศุข เกสโร (พระครูวิมลคุณากร) ที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มาจากบันทึกตำราของท่านทั้งสิ้น
    ในบรรดาศิษย์ที่ครองสมณเพศของหลวงปู่ศุข ที่ได้รับการร่ำเรียนวิชาและถ่ายทอดตำราขั้นสูงจากท่านโดยตรงมีด้วยกันสามรูป ซึ่งทั้งพระทั้งสามรูปเป็นพระฐานานุกรมของหลวงปู่ศุข ประกอบด้วย
    ๑. พระใบฎีกาบุญยัง คงฺคสโร วัดหนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท (ศิษย์เอก มือซ้าย)
    ๒. พระสมุห์กลับ แสงเขียว วัดดอนตาล อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท (ศิษย์เอก มือขวา) ซึ่งพระสมุห์กลับ ได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่อาจารย์กุหลาบ ศิษย์เอกของท่าน โดยอาจารย์กุหลาบได้ถ่ายทอดวิชาต่อให้แก่อาจารย์เล็ก เก้าเฮ (ผจญ น้อยรอด)
    ๓. พระปลัดปั่น วัดหนองบัว
    หลวงพ่อบุญยัง เกิดเมื่อ ปีพ.ศ.๒๔๓๑ ตรงกับปีชวด ที่อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท ได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดหนองพญา ต.มะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ในปีพ.ศ.๒๔๕๑ เป็นพระใบฎีกาตำแหน่งพระฐานานุกรมของหลวงปู่ศุข เจ้าคณะแขวงวัดสิงห์ในสมัยนั้น และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองน้อยเป็นรูปที่ ๕
    หลวงพ่อบุญยัง ท่านเป็นพระเจ้าระเบียบ การเดินบนพื้นกระดานจะเดินลงส้นให้เกิดเสียงแม้แต่น้อยไม่ได้ ท่านจะเรียกมาเคาะตาตุ่มด้วยหินมีดโกน เวลาฉันข้าวก็เช่นเดียวกันต้องเป็นระเบียบ การนุ่งห่มของท่านก็เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยท่านจะห่มดองพาดผ้าสังฆาฏิ แล้วรัดอก การนั่ง การขบฉัน เจ้าระเบียบไม่ผิดจากหลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ และมีอุปนิสัยในทางมัธยัสถ์ เช่น อาหารประเภทน้ำพริก ไม่ว่าน้ำพริกชนิดใดก็ตาม หากเหลือท่านจะให้เทรวมลงในหม้อเดียวกัน แล้วท่านจะนำไปตั้งไฟคนให้เข้ากันแล้วเก็บไว้กินต่อไปได้ ในกุฏิของท่านจะมีควายธนูที่สานด้วยตอกไม้ไผ่อยู่เต็มไปหมด เวลากลางคืนท่านจะเอาวัวธนูมาเสกให้ชนกันให้เด็กวัดดู ท่านสามารถเสกผ้าอาบน้ำฝนได้เหมือนหลวงปู่ศุขฯ และสำเร็จวิช นะ ฤาชา มาอีกด้วย
    เรื่องการสงเคราะห์ญาติโยมนั้น ท่านเก่งหลายด้าน คนศรัทธาท่านมาก ในแต่ละวันมาไม่ได้ขาด โดยเฉพาะช่วงฝีห่าระบาด เกวียนที่ใช้บรรทุกคนป่วยจอดกันแน่นลานวัดเกือบทุกวัน ถ้าใครเริ่มมีอาการ ท่านจะลงอักขระที่เล็บของผู้ป่วยโดยที่ไม่ต้องใช้ยา รักษาแต่ประการใด แต่ถ้ามีอาการถึงขนาดที่ขึ้นเป็นตุ่มมากแล้ว หลวงพ่อท่านจะทำน้ำมนต์แล้วอาบให้ก็ปรากฏว่าหายทุกราย แต่สำหรับป้องกันท่านจะทำเป็นตะกรุดไม้ไผ่จารอักขระผูกข้อมือ เด็กวัดผูกกันทุกคนและก็ไม่ปรากฏว่าเด็กวัดหนองน้อยจะเป็นโรคฝีดาษเลย วิชากระสุนคดของท่านก็ฉมังนักเด็กวัดเกรงลูกกระสุนท่านกันนักหนา
    ตะกรุดของท่าน บูชาดอกละ ๑๐ บาท เป็นเนื้อทองแดง ขนาดยาวประมาณ ๓ นิ้ว และมีตะกรุดสังวาลย์ คือตะกรุดในเส้นเดียวกัน แต่มีแยกออกไปอีกหลายสาย เมื่อสวมลงไปแล้ว จะคล้องที่คอสายหนึ่ง พาดเฉวียงบ่าซ้ายเส้นหนึ่ง เฉวียงบ่าขวาเส้นหนึ่ง และสวมลงไปที่เอวอีกสายหนึ่ง ส่วนพระพิมพ์ผู้เฒ่าผู้แก่จำได้ว่าท่านเคยสร้างพระพิมพ์สี่เหลี่ยมประภามณฑล คล้ายๆของหลวงปู่ศุขฯ โดยท่านจะเดินเลือกก้อนกรวดก้อนแร่บริเวณขอบสระภายในวัดนำมาหลอมเข้าด้วยกัน เป็นส่วนผสม นอกจากนั้นยังมีพระผงพิมพ์สมเด็จ ๗ ชั้นอีกชนิดหนึ่ง
    ท่านมีประวัติว่าทำตะกรุดใต้น้ำแบบหลวงปู่ศุขฯ ได้ โดยการจะทำตะกรุดใต้น้ำตำราหลวงปู่ศุขฯ มีอยู่สองลักษณะ ได้แก่
    ๑. ทำเทียนระเบิดน้ำ หลวงปู่ศุขฯ ท่านเคยทำตะกรุดแบบนี้อยู่เพียงสองหรือสามครั้งเท่านั้น แต่ที่กล่าวขาน เป็นการทำตะกรุด ถวายแก่ "เสด็จเตี่ย" กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยที่วิชานี้ไม่มีลูกศิษย์ท่านคนใดที่สามารถทำได้
    ๒. นำเสาไม้ไปปักกลางแม่น้ำ แล้วตอกไม้ขัดไว้ เพื่อกันลอย เมื่อลงคาถาเสกตะกรุดเสร็จ ต้องม้วนให้เรียบร้อย จากนั้นปล่อยให้ตะกรุดลอยน้ำไป จะมีพวกเด็กวัดพายเรือคอยเก็บ เมื่อลงตะกรุดเสร็จหมดแล้ว ผู้ที่ลงจะปล่อยเหล็กจารลอยขึ้นมาด้วย โดยลักษณะนี้คนที่ลงตะกรุดจะตัวเปียก เพราะเป็นการอึดใจดำน้ำเอา
    หลวงพ่อบุญยัง ท่านยังสำเร็จวิชานกถึดทือ เมื่อตอนหลวงพ่อมหาโพธิ์ยังเด็กอยู่ หลวงพ่อบุญยัง ท่านให้เด็กวัดต่อแถวกัน หลายสิบคน ให้ทุกคนต่อคิวมาล้วงขนมในโถเล็กๆ ดูแล้วน่าจะไม่พอ แต่เด็กวัดสิบกว่าคนล้วงไปได้ขนมทุกคน หลวงพ่อบุญยัง ท่านยังเป็นเจ้าตำหรับน้ำมันเดือด สายสำนักวัดปากคลองมะขามเฒ่า ทุกๆปีก่อนวันไหว้ครู วันสุกดิบ ท่านจะทำการเสกน้ำมันเดือด พอวันไหว้ครู เมื่อบวงสรวงเสร็จ ท่านก็จะป้อนน้ำมันเดือด แก่ผู้ร่วมงานทุกคน ว่ากันว่า ใครได้กินน้ำมันนี้ ถือว่าโคตรเหนียว
    ท่านมรณภาพ เพราะโรคริดสีดวงทวาร มีอาการถ่ายเป็นเลือดไม่หยุดหมออ่วมมาทำการรักษา ซึ่งยาที่จะให้ท่านกินนั้นต้องเข้ากระสายเหล้า ท่านได้กลิ่นจึงรู้ว่ามีเหล้าปน ด้วยความเคร่งครัดท่านไม่ยอมฉันยานั้นเลย และท่านก็มรณภาพ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๙ สิริอายุรวม ๕๘ ปี หลังการฌาปนกิจศพ คณะศิษยานุศิษย์จึงร่วมกันหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงขึ้น ในปี พ.ศ.๒๔๙๐

    พระใบฎีกา บุญยัง คงคสโร วัดหนองน้อยเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ศุขคู่กันกับ พระสมุห์กลับ แสงเขียว ซึ่งทั้งสองท่านถือว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิมือซ้ายและมือขวาก็ว่าได้ หลวงพ่อบุญยังสำเร็จวิชาในตำราพุทธคุณของหลวงปู่ศุข 1 ชุด ซึ่งภายหลังท่านก็ถ่ายทอดให้กับหลานชายทายาทโดยตรงของท่านนั่นก็คือ หลวงพ่อมหาโพธิ์ ซึ่งท่านเลี้ยงของท่านมาตั้งแต่เล็ก เหรียญนี้สร้างปี 2532 ถัดจากเหรียญหลวงปู่ศุขที่จัดว่าเป็นอาจารย์ปู่ ในปี 2531 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อยังผู้เป็นอาจารย์ด้านหลังประทับยันต์ครู ยันต์ที่มีคุณวิเศษและสำคัญในสายวัดมะขามเฒ่าอีกอย่างหนึ่ง
    กลับมาอยู่กับท่านอาจารย์
    หลังจากที่รับใช้ชาติครบ 2 ปี ก็ปลดประจำการมาอยู่กับหลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย อยู่ปรนนิบัติและศึกษาหาความรู้จากหลวงพ่อบุญยัง พอมีญาติโยมเจ็บป่วยมาหาหลวงพ่อบุญยัง หลวงพ่อมหาโพธิ์ท่านจะช่วยเก็บยาสมุนไพรให้กับอาจารย ์ ท่านปรุงเป็นยารักษาญาติโยมอยู่บ่อยๆ ยามว่างอาจารย์ของท่านจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับวิชาต่าง ๆ ให้ฟัง เพื่อที่จะให้หลวงพ่อมหาโพธิ์สนใจอย่างไม่รู้ตัว อาทิเช่น วิชาเกี่ยวกับการฝึกธาตุทั้ง 4 ขึ้นมา อาจารย์ของท่านให้เอาโหลแก้วบรรจุน้ำเต็มตั้งไว้และใ ห้เอาขี้ผึ้งมามาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดลูกพอประมาณ ใส่ลงในโหลแก้ว ขึ้ผึ้งจะลอยอยู่บนน้ำ และอาจารย์ท่านได้แสดงให้ดูก่อน โดยบังคับขี้ผึ้งให้ลอยและจมตามจิตบังคับ แล้วหลวงพ่อบุญยังก็พูดว่า ต้องใช้ความเพียรมากๆ ตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อมหาโพธิ์ก็ฝึกวิชาธาตุทั้ง 4 ด้วยความขยันหมั่นเพียรจนสามารถทำได้เหมือนกับอาจารย ์ของท่านเป็นที่ภาคภูมิใจของอาจารย์ยิ่งนัก
    สมัยที่หลวงพ่อบุญยังไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข ที่วัดปากของมะขามเฒ่านั้น
    หลวงปู่ศุขได้ทดสอลความอดทนของท่านต่างๆ นานา ถ้าคนไม่มีความเพียรพยายามก็ต้องท้อเลิกไป แต่หลวงพ่อยุญยังท่านอดทนเพียรพยายามมาก แม้แต่กลางคืนหลวงปู่ศุขให้ไปฝึกวิชาที่โบสถ์ พอเดินออกไปก่อนจะถึงโบสถ์ฝนก็ตกน้ำท่วมถึงเอวต้องลุ ยน้ำไป จนเดินเลยโบสถ์กลับไปกลับมาตั้งหลายเที่ยวกว่าจะขึ้น โบสถ์ได้ วิชาต่างๆ ที่เรียนไปต้องฝึกให้สำเร็จและต้องแสดงต่อหน้าหลวงปู ่ศุขว่าทำได้แล้ว จึงจะขอเรียนวิชาอื่นๆ ต่อไปได้ เป็นระยะเวลาหลายปีทีเดียวที่หลวงปู่ศุขได้ถ่ยทอดวิช าต่างๆ ด้านพุทธคุณให้แก่หลวงพ่อบุญยัง และมอบคัมภีร์ไสยศาสตร์ทางพุทธคุณให้รักษาไว้สืบพระศ าสนาต่อไป จนตกมาถึงหลวงพ่อมหาโพธิ์ได้รับมอบคัมภีร์พุทธคุณจาก อาจารย์ของท่าน เป็นคัมภีร์ด้านพุทธคุณ ที่ประกอบด้วยอักขระ เลข ยันต์ต่างๆ ทั้งสูตรวิชาลบผงพุทธคุณในวิชา ปถมัง, อิทธิเจ, มหาราช, อิธิเจภาคพิศดาร หลวงพ่อมหาโพธิ์ได้ฝึกตามคัมภีร์จนเจนจบทุกวิชา การลบผงมหาราชจะต้องขึ้นต้นด้วยการตั้งชื่อนามให้ได้ 5 ชื่อ แล้วลบมาบังเกิดเป็น นะโมพุทธายะ จากนั้นก็ลบต่อไปเรื่อยๆ มาเป็นองค์พระ 5 องค์ มาเป็น มะอะอุ แล้วมาบังเกิดเป็นนะต่างๆ เป็นยันต์ต่างๆ จนถึงยันต์ครูองค์พระ และสิ้นสุดด้วยมหาสูญ, นิพพานสูญ, ทุกวิชาปถมัง, อิทธิเจ, มหาราช จะมีหลักเกณฑ์ต่างๆแนวเดียวกัน ทุกสูตรจะต้องมีตัวตั้งก่อเกิดขึ้นและนมัสการสูตรยัน ต์ต่างๆ ทุกขั้นตอนกว่าจะเสร็จสิ้น 1 กระดานการลบผงต้องใช้เวลาทั้งวัน ผงพุทธคุณต่างๆ จะเก็บไว้เพื่อนำผงมาผสมทำพระเครื่องต่างๆ หรือจะนำมาผสมแป้งเจิม
    ฝึกวิชา
    พระอาจารย์บุญยังได้พยายามถ่ายทอดวิชาต่างๆ ด้านพุทธคุณให้ ตอนแรก ๆ หลวงพ่อไม่สนใจ แต่เมื่ออยู่กับท่านนาน ๆ ไปหลวงพ่อเริ่มมีความสนใจขึ้น เห็นพระอาจารย์ท่านทำอะไร ๆ แปลกๆ ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ เช่น ทำควายธนูด้วยตอกสาน โดยสานมือเดียวแล้ววางไว้ ควายธนูก็มีการขยับเขยื้อนได้ เสกน้ำมันจนเดือดเหมือนน้ำร้อน ฟองเดือดขึ้นมา แต่เมื่อไปสัมผัสด้วยมือกลับไม่ร้อน ทำให้ท่านอยากจะเรียน พระอาจารย์ของหลวงพ่อก็ถ่ายทอดให้ทั้งคาถาปลุกเสก และวิธีฝึก
    วิชาเกราะเพชร
    วิชาหนึ่งที่ท่านชอบและฝึกมาตั้งแต่ต้น คือ “ยันต์เกราเพชร” หรือตาข่ายเพชร โดยหลวงพ่อบุญยังได้เล่าให้ท่านฟังว่าสมัยหลวงปู่ศุข ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ลองวิชาเกราะเพชรกับพระะรูปหนึ่ง ที่แก่กล้าวิชาที่เดินทางผ่านวัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยบอกหลวงปู่สุขว่าจะขี่ม้าพยนต์เข้ามาในโบสถ์ให้ดู หลวงปู่ศุขท่านได้เอาผ้ายันต์เกราะเพชรขึงไว้หน้าประ ตู ปรากฎว่าม้าพยนต์ไม่สามารถผ่านยันต์เกราะเพชรหรือตาข ่ายเพชรไปได้ พระรูปนั้นเมื่อแพ้วิชาของหลวงปู่ศุข ก็ได้เดินทางกลับไปจากวัดปากคลองมะขามเฒ่าเมื่อหลวงพ ่อมหาโพธิ์ได้ฟังจากหลวงพ่อบุญยังเล่าท่านจึงสนใจและ เล่าเรียนวิชาเกราะเพชรลงตระกรุด และผ้ายันต์เกราะเพชรมาตลอดอายุของท่าน
    การลงยันต์เกราะเพชร ต้องท่องสูตรคาภาพระอิติปิโสรัตนมาลา ๕๖ บาท ให้ได้จนขึ้นใจทั้งเดินหน้า และถอยหลังได้รวมทั้งบทปลีกย่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ในการลงยันต์เกราะเพชร ท่านบอกว่ายันต์เกราะเพชร เป็นยันต์ที่ค่อนข้างยากผู้เรียกจะต้องมีความขยันหมั ่นเพียร กับความอดทน และการประสิทธิ์ประสาทจากครูบาอาจารย์ น้อยคนนักที่จะลงยันต์เกราะเพชรได้ บางคนมาขอเรียนเห็นพระคาถา ๕๖ บาท ก็ท้อแล้วไม่อยากจะท่องจำ ความเพียรพยายามไม่มี การลงยันต์ก็ต้องหายใจลงตามสูตรพระคาถา ๕๖ บาท ผู้ที่ฝึกฝนใหม่ ๆ ต้องใช้เวลาเรียนเกือบทั้งวันกว่าจะลงยันต์เสร็จ อย่างตัวของหลวงพ่อเองใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่งโมง ถือว่าลงได้เร็วมากแล้วเพราะท่านฝึกมา ตั้งแต่อายุยังรุ่นอยู่
    ในสมัย ก่อนยามว่าง ท่านมักลงตระกรุดเกราะเพชรและทำผงพุทธคุณเกราะเพชรทั ้งชนิดป้องกันตัว และถอนคุณถอนของคนที่ถูกผีเข้า ท่านจะเอาตะกรุดเกราะเพชรที่เป็นแผ่นแบบยังไม่ได้ม้ว นเป็นตะกรุด ตบหัวคนถูกผีเข้า ผีจะทรุดลง และออกจากตัวคนไข้ไปทันที ตะกรุดส่วนใหญ่ท่านจะใช้แผ่นทองแดงมาลงยันต์เกราะเพช ร ยกเว้นแผ่นถอนของท่านจะใช้แผ่นตะกั่ว ส่วนตะกรุดเนื้อเงินท่านจะลงให้เฉพาะกับศิษย์ใกล้ชิด เท่านั้น เกี่ยวกับประสบการณ์ในตะกรุดเกราะเพชร มี ส.ส.ท่านหนึ่งใน จ.ชันนาท ที่เคารพนับถือหลวงพ่อมากได้ขอตะกรุดท่านไปใช้พกติดต ัว ขณะหาเสียงถูกผู้ที่ปองร้ายใช้ระเบิดปาใส่ ปรากฏว่า ส.ส.ท่านนั้นไม่เป็นอะไรเลย วิชาลงตะกรุดใต้น้ำ
    หลวงพ่อบุญยังได้เรียนวิชาตะกรุดใต้น้ำจากหลวงปู่ศุข โดยสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ลงให้กับลูกศิษย์ทุกปี แม้กระทั่งพระสมุห์กลับ แสงเขียว ก็ยังขอให้ท่านช่วยลงตะกรุดใต้น้ำที่วัดดอนตาลให้ โดยก่อนที่จะประกอบพิธีจะต้องตั้งเครื่องบูชาครูริมแ ม่น้ำ และต้องตอกเสาหลักไว้ในน้ำสำหรับผู้ที่จะลงตะกรุดเกา ะไว้ ไม่อย่างนั้นจะถูกน้ำพัดลอยไปตามกระแสน้ำ ตะกรุดจะลง และปลุกเสกใต้น้ำเสร็จแล้วจะปล่อยให้ลอยขึ้นมาบนผิวน ้ำ พวกลูกศิษย์ก็จะแจวเรือคอยเก็บอยู่ข้างบน หลวงพ่อบุญยังเล่าให้หลวงพ่อบุญยังฟังว่าน้ำที่
    วัดดอนตาลน้ำเย็นเหลือเกิน หลวงพ่อมหาโพธิ์เล่าว่า ท่านเคยขอเรียนวิชาตะกรุดใต้น้ำนี้จากท่านอาจารย์บุญ ยัง ซึ่งอาจารย์ท่านก็รับปากถ่ายทอดให้แต่ต้องเรียนในวัน เพ็ญเดือน ๑๒ แต่ยังไม่ทันถึงเดือน ๑๒ หลวงพ่อบุญยังก็มรณะภาพลงเสียก่อนเมื่ออายุได้ ๕๕ เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก ที่หลวงพ่อท่านเรียนจากพระอาจารย์ไม่ทันจึงทำให้วิชา นี้สูญไป
    เกี่ยวกับวันที่หลวงพ่อบุญยังมรณภาพ ชาวบ้านแถบวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้เห็นลูกๆไฟดวงใหญ่ลอยเดินทางไปยังวัดหนองน้อย และได้ลอยกลับมาโดยมีลูกๆไฟดวงเล็กตามมาด้วยเป็นที่ตื อันตาตื่นใจแก่ผู้คนในสมัยนั้นมากเล่าขานกันมาจนถึงปัจุบันนี้

    เหรียญหลวงพ่อยัง(บุญยัง) เป็นเหรียญที่ปลุกเสกโดย หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ จ.ชัยนาท สร้าง ปี 2532 เนื้อทองแดง
    หลวงพ่อยัง(บุญยัง) คงคสโร วัดหนองน้อย ท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิใกล้ชิดหลวงปู่ศุข วักปากคลองมหาเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อบุญยังท่านสำเร็จวิชาในตำราพุทธคุณของหลวงปู่ศุข โดยภายหลังท่านก็ถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆของท่าน
    เหรียญรุ่นนี้ หลวงพ่อมหาโพธิ์ สร้างใน ปี 2532 โดยสร้างต่อจากเหรียญหลวงปู่ศุขซึ่งสร้างมาก่อน ใน ปี 2531 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อยังผู้เป็นอาจารย์ ด้านหลังประทับยันต์ครู ยันต์ที่มีคุณวิเศษและสำคัญในสายวัดมะขามเฒ่า
    กล่าวได้ว่า หลวงพ่อมหาโพธิ์ ท่านเป็นศิษย์สายตรงรูปสุดท้าย ของ หลวงปู่ศุข วักปากคลองมหาเฒ่า

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อบุญยัง วัดคลองมอญหลวงพ่อมหาโพธิ์ปลุกเสกอธิษฐานจิต

    ให้บูชาเหรียญละ
    270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ มี เหรียญ ให้เลือก
    พิจรณาครับ

    เหรียญที่ 1
    (ปิดรายการ)

    IMG_20250303_100751.jpg IMG_20250303_100846.jpg


    เหรียญที่ 2

    IMG_20250303_100911.jpg IMG_20250303_100940.jpg

    เหรียญที่ 3

    IMG_20250303_101037.jpg IMG_20250303_101106.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 15:42
  13. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +1,197
    โอนแล้วครับ 03/03/68 จำนวน 200 บ.เวลา 08.16 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740966338520.jpg FB_IMG_1740966342925.jpg

    สมเด็จพิมพ์คะแนนหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านให้ความเคารพนับถืออีกองค์หนึ่งและหลวงพ่อเคยเขียนเรื่องของท่านไว้ในหนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน ลองไปหาอ่านกันดูครับ

    FB_IMG_1740966363442.jpg

    วิธีสร้างพระของพระปฐมเจติยาทร หรือหลวงพ่อบุญธรรม ท่านสร้างตามแบบฉบับตำรับพิธีสมัยโบราณ คือ สร้างเนื้อเอง กดพิมพ์เอง ปลุกเสกเอง ในกุฏิที่ท่านพักอาศัยอยู่ ท่านจะไม่ยอมทำนอกวัดเหมือนการสร้างพระในปัจจุบัน โดยท่านจะเริ่มต้นตั้งแต่สร้างผงวิเศษด้วยการเขียนอักขระยันต์คาถาลงบนแผ่นกระดานดำด้วยดินสอพองกำหนดจิตเขียนทีละตัวจนครบสูตรของท่าน แล้วลบออกเก็บผงเลขยันต์ไว้ทำผงวิเศษ (เขียนแล้วก็ลบกระทั่งได้ผงตามที่ต้องการ) ในตัวยันต์ที่เขียนนั้นจะต้องมียันต์สำคัญของอาจารย์ท่าน เช่น ยันต์เกราะเพชร ที่ท่านร่ำเรียนถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อปาน อยุธยา เลขยันต์ของท่านเจ้าคุณธรรมวโรดม (โชติ) พระอุปัชฌาย์ของท่านเป็นต้น ขั้นตอนต่อไปท่านใช้หัวว่าน ๑๐๘ ชนิดมา บดให้เป็นผงละเอียดรวมทั้งผงธูปหน้าพระประธานในพระอุโบสถและรอบ ๆ องค์พระปฐมเจดีย์ทั้ง ๔ ทิศ ผงธูปที่ท่านจุดบูชาพระอาจารย์ นำมาผสมรวมกับน้ำมนต์ตั้งอิ้วเมื่อเข้ากันดีแล้วได้ฤกษ์ดีแล้ว ท่านก็นำเนื้อนี้ลงแม่พิมพ์กดเป็นรูปพิมพ์พระตามพุทธลักษณะต่าง ๆ คือ พิมพ์พระสมเด็จปางสมาธิ ฐานสามชั้น ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ พระสมเด็จแบบพระพุทธกวัก พระพิมพ์พระนางพญา พิมพ์พระพุทธโสธร ลักษณะรูปสามเหลี่ยม ฯลฯ ที่ด้านหลังจะกดด้วยตัวอักษร “ธ” จมลงในเนื้อหมายความว่า “หลวงพ่อบุญธรรม” (ถ้าท่านผู้อ่านไม่มีพระเนื้อดินของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จะใช้พระผงของหลวงพ่อบุญธรรม แทนรับรองพุทธคุณไม่แพ้กัน เพราะสร้างตามแบตำราเดียวกัน )
    นอกจากพระเครื่องเนื้อผง ท่านยังได้ทำสิ่งมงคลสำหรับบูชาประจำบ้านเรือนที่ลูกศิษย์นิยมกันมากในสมัยนั้นคือ ผ้ายันต์ประจำบ้านเรือนหรือโรงงานป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ผ้ายันต์สามเหลี่ยมชายธงที่หลวงพ่อสักอักขระเลขยันต์ด้วยลายมือท่านเอง ทางด้านเมตตามหานิยมก็มี สาลิกา และเทียนสีผึ้งสำหรับทาริมฝีปาก เพื่อความมีเสน่ห์ในการเข้าหาพบปะผู้ใหญ่ เป็นต้น ส่วนบทพระคาถาต่าง ๆ ที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียนไป เพื่อไว้อธิษฐานใช้ประจำตัวนั้น ผู้ที่นำไปใช้ห้ามลักขโมย ไม่ให้ปล้น ไม่ให้ดื่มเหล้า จึงจะมีคุณต่าง ๆ ตามความประสงค์
    ในช่วงที่หลวงพ่อบุญธรรมท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านยังได้ทำเหรียญเนื้อโลหะรูปเหมือนของท่านด้วยตามความปรารถนาของบรรดาลูกศิษย์รวม ๓ รุ่น เป็นเนื้อทองแดงกะไหล่ทองทั้งหมด และสิ่งที่จะขาดเสียมิได้นั้นคือการลงจารตัวยันต์เกราะเพชรลงในแผ่นเงิน แผ่นทอง หลอมละลายเป็นชนวนสำคัญในเนื้อเหรียญทั้ง ๓ รุ่น
    สิ่งมงคลวัตถุมงคล และพระเครื่องต่าง ๆ ของหลวงพ่อบุญธรรม เมื่อเวลาท่านนำมาแจกให้แก่ลูกศิษย์ หรือผู้ที่นับถือท่านหลวงพ่อจะเสกเป่าประสิทธิ์ประสาทมอบให้กับมือเองอีกครั้งหนึ่ง และไม่มีการตั้งราคาว่าจะต้องทำบุญองค์ละเท่าไร! เพราะหลวงพ่อท่านถือว่าสร้างขึ้นเพื่อแจก นอกจากว่าท่านที่รับพระเหล่านั้นจะทำบุญเองตามความสมัครใจของแต่ละคน ก็สุดแต่ความศรัทธา ด้านพระพุทธคุณ ของ ๆ ท่านดีเด่นทางเมตตามหานิยม ให้โชค ให้ลาภ แคล้วคลาดจากภัยพิบัติอันตรายใด ๆ ทั้งปวง และโดยเฉพาะในทางมหาเสน่ห์ด้วยแล้วหากปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม นับว่าของของท่านเป็นที่เชื่อถือได้ มีความนิยมกันมากในหมู่บรรดาลูกศิษย์และคนที่ทราบประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อบุญธรรม
    สมเด็จพิมพ์หลัง “ธ ” หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ทางเลือกของคน ที่อยากมีพระผงยันต์เกาะเพชร ดีๆ ไว้ใช้สักองค์ หรือ คนที่อยากใช้ผงยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งหลวงพ่อบุญธรรม ได้รับมอบจากหลวงพ่อปานมาเยอะมาก เพื่อทำพระเครื่องชุดนี้
    หลวงพ่อบุญธรรม นับได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในเรื่องของความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆไว้มากมาย จากหลากหลายอาจารย์ และท่านยังเป็นผู้ที่ระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ต่างๆโดยเสมอ ดังนั้นเมื่อถึงวันเสาร์แรกของเดือนห้า ทุกๆปี ท่านจะจัดงานไหว้ครู ขึ้นโดยที่จะมีลูกศิษย์ของท่านเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทุกปี นอกจากจะเป็นที่พึ่งให้บรรดาชาวบ้านทางด้าน ยาแผนโบราณ และทางเวทย์มนต์คาถาแล้ว ท่านก็ยังเป็นหัวแรงในการพัฒนาชุมชนและวัดวาอารามต่างๆที่ขัดสน อีกด้วย ซึ่งก็ปรากฏหลักฐานเป็นอาคารต่างๆ ทั้งในวัดและโรงเรียนในท้องที่ต่างๆทั้งในจังหวัดนครปฐมเองและที่อื่น
    พระเครื่องที่ท่านสร้างไว้มีหลายพิมพ์ เช่น พระพิมพ์สมัยทวาราวดี ซึ่งท่านได้แม่พิมพ์ของเก่าจากในวัดพระปฐมเจดีย์นั่นเอง พระพิมพ์สมเด็จ มีหลายขนาด ท่านสร้างขึ้นด้วยผงสีขาว โดยมีผงยันต์เกาะเพชรที่ท่านทำขึ้นจากวิชาที่เรียนมาจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ( หรือบางตำราว่าท่านได้รับผงยันต์เกาะเพชร จากหลวงพ่อปาน มาเป็นส่วนผสมจำนวนมาก ) เป็นมวลสารสำคัญ ด้านหลังพระพิมพ์สมเด็จของท่านมักจะมีตัวอักษร ธ กดจมลงในเนื้อ ซึ่งคงจะหมายถึง หลวงพ่อบุญธรรม นั่นเอง
    สมเด็จ หลัง "ธ" สร้างโดยพระปฐมเจติยาทร (หลวงพ่อบุญธรรม ธมฺมาราโม) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ศิษย์เอกและหลานของหลวงพ่อปาน โสนนฺโทวัดบางนมโคอ.เสนาจ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สืบทอดต้นตำรับวิชาเป่ายันต์เกราะเพชร พุทธคุณครอบจักวาล โดยเฉพาะพระสมเด็จหลัง ธ ของหลวงพ่อบุญธรรม คุณสุธี
    สูงกิจบูลย์ เคยเล่าให้พระมหาวัดพระปฐมเจดีย์ฟังว่าได้มีเพื่อนที่รู้จักกันกับแกเคยรอดตายจากการถูกงูเห่ากัดในขณะอยู่ในป่า แต่นึกขึ้นได้ว่ามีพระสมเด็จหลัง ธ อยู่ที่ตัวด้วยความเชื่อและศรัทธาในพุทธคุณของพระสมเด็จเลยตัดสินใจเคี้ยวกินพระสมเด็จเนื้อผงหลัง ธ ไปครึ่งองค์จึงรอดตายมาได้ ส่วนอีกครึ่งองค์ได้นำไปเลี่ยมทองขึ้นคอ นี่คืออานุภาพของพระสมเด็จหลัง ธ ผสมผงยันต์เกราะเพชรและทุกวันเสาร์ 5 แรกจะมีพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นประจำจนหลวงพ่อบุญธรรมมรณภาพจากไป นี่แหละสุดยอดพระเครื่องพุทธคุณที่ควรหามาบูชาติดตัวทั้งเมตตามหาลาภป้องกันคุณไสย คุณผี อันตรายต่าง ๆ ที่สำคัญคนนครปฐมเก็บเงียบเป็นพระใช้ประจำกาย
    " อานุภาพพุทธคุณสมเด็จหลัง ธ "หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์เรื่องราวนี้กระผมผู้เขียนได้ฟังเรื่องเล่า จากหลวงพ่อสายันต์ วัดไทร
    ท่านเล่าให้ฟังว่า ครั้งสมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่วัดใหญ่กับหลวงพ่อทิม ศิษย์หลวงพ่อบุญธรรม คนสมัยนั้นมักจะมีหลายท่านรู้ว่า หลวงพ่อทิมท่านนั้นเป็นพระที่มีวิชาดีเก่งทั้งเรื่องดูดวงและไล่ของได้เหมือนหลวงพ่อบุญธรรม ซึ่งท่านได้สืบวิชาการสับเขียงไล่ผี(ตามตำหรับหลวงปู่ปานวัดบางนมโค) โดยการสับเขียงไล่ผีนั้น ท่านกล่าวไว้ว่ากำลังจิตนี้สำคัญคนทำแป๊บเดียว ของที่เข้าตัวคนโดนทำมาก็ออกจากตัว ได้อย่างรวดเร็ว
    (อย่างหลวงพ่อบุญธรรมสับเขียงไล่ผีแหละครับ) วิชานี้เขาว่า ใช้เขียงที่ทำครัวเรียกว่าป่าช้าร้อยศพเป็นการข่มว่าสัตว์ต้องมาตายที่เขียงนี้และนำมีดหมอมาสับเรียกชื่อนามของคนที่โดนของเข้า ใส่ไปในเขียงและท่องคาถาภาวนาไปเลื่อย บ้างก็ว่าในสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคบางครั้งท่านก็ยังเคยนำเขียงขึ้นไว้เหนือบนศรีษะแล้วสับเขียงบนศรีษะ(เขาว่ากันอย่างนั้นก็ไม่สามารถมีอะไรยืนยันได้) เมื่อคนที่โดนทำมาของออกแล้วก็ให้ไปรดน้ำมนต์(เพื่อประสานเนื้อหนัง) ถือว่าเป็นเสร็จพิธีส่วนเรื่อง อานุภาพพุทธคุณของสมเด็จหลัง"ธ" หลวงพ่อบุญธรรมนั้น สมัยก่อนท่านจะลบผงเกราะเพชรเพื่อทำพระให้ลูกศิษย์ได้นำไปใช้พกติดตัว
    แต่เรื่องสมเด็จหลังธ นี้ มีอยู่ว่า คราวที่หลวงพ่อสายันต์ท่านอยู่กับหลวงพ่อทิม อาจารย์สำราญท่านเคยพาโยมคนนึงมาหาหลวงพ่อทิม โยมคนนี้เป็นคนจีน อาศัยอยู่ในตลาดนครปฐมแถวห้วยจระเข้ พามาหาหลวงพ่อทิม โดนของผีเข้า มาให้ท่านรักษา ท่านจึงพูดคุยกันและทำการเอามีดหมอไล่ผี จิ้มไล่ผีก็แล้ว รดน้ำมนต์ก็แล้ว อะไรก็แล้ว จึงได้สับเขียงไล่ของไล่ผี คนที่โดนของนั้นก็ดิ้นทุรนทุราย ไปไหนก็ไม่ได้ ดิ้นไปดิ้นมาอยู่กับที่(เพราะหลวงพ่อทิมท่านสะกดผีไว้ให้อยู่) จนหลวงพ่อสายันต์เห็นว่าผีไม่ยอมออกสักที จึงได้เปิดประตูเดินออกมาจากกุฏิ สักพักต่อมาท่านจึงคิดว่าจะเข้าไปดูอีกรอบ ปรากฏว่า คราวนี้คนจีนที่โดนของผีเข้าคนนี้ ธุรนธุรายดิ้นคลานหนีด้วยอาการความเจ็บปวดนี้ออกไปจากประตูกุฏิหลวงพ่อทิม ขณะหลวงพ่อสายันต์เปิดประตู ลงจากชั้นบนสู่ชั้นล่างของกุฏิ(ซึ่งแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือจริงๆคนที่คลานไปแบบทุนรนทุรายนั้นต้องมีร่องรอยขีดข่วนตามร่างกายแต่คนๆนี้กลับไม่มีอะไร) หลวงพ่อทิมท่านจึงสั่งให้ลูกศิษย์จับคนๆนี้กลับมาแล้วทำพิธีรดน้ำมนต์ ให้เสร็จปรากฏว่าอาการก็ดีขึ้น
    ต่อมาประมาณ อีกสองวันหลวงพ่อทิม ท่านจึงใช้ให้อาจารย์สำราญ ไปดูอาการโยมคนจีนคนนั้นว่าหายหรือยังอาจารย์สำราญ จึงชวนหลวงพ่อสายันต์ซึ่งเป็นสามเณรไปด้วยที่บ้านแถวห้วยจรเข้ อาจารย์สำราญจึงนำเอาพระสมเด็จเล็กหลัง ธ. หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ มาฝนกับน้ำ เพื่อทำน้ำมนต์ประพรมคนป่วยที่โดนของคนนั้น แกก็หลบไม่ให้พรมน้ำมนต์ถูกตัวแก อาจารย์สำราญจึงให้ญาติคนป่วยจับตัวไว้ แล้วนำเอาน้ำมนต์กรอกปากส่วนที่เหลือก็ให้เอาไว้ให้กินน้ำมนต์อีก ต่อมาอีกสองวันญาติจึงพาคนป่วยที่ถูกของซึ่งมีอาการหน้าตาสดใสพามาไหว้หลวงพ่อทิม ที่กุฏิคณะบูรณานนท์และบอกกล่าวว่า อาการนั้นได้หายดีขึ้นแล้ว
    โดยที่ไม่มีอาการอะไรอีกเลย แต่ก็เป็นที่อานุภาพพุทธคุณสมเด็จหลังธ และบารมีของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ที่ช่วยรักษาคุ้มครองให้โยมคนนั้นหายจากอาการโดนของ(ที่เรียกกันว่า คุณไสยมนต์ดำของที่ไม่เห็นตัวตน)
    เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลและเป็นความเชื่อที่คนไทยเชื่อถือกันมานานนะครับ
    ข้อมูลที่มา
    พระครูวิสุทธิ์ธรรมโฆส(หลวงพ่อสายันต์)
    วัดไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    FB_IMG_1740966342925.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จพิมพ์คะแนนหลัง ธ หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์
    ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ (ปิดรายการ)

    IMG_20250303_085328.jpg IMG_20250303_085356.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 15:48
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740972767949.jpg

    พระนางเสน่ห์จันทร์ หลวงพ่อไซร้ วัดช่องลม จ.อุตรดิตถ์ สร้างปี๒๕๐๓ (หลังยันต์ตรี) เนื้อดินผสมผงเหล็กน้ำพี้ และผงพุทธคุ
    สำหรับพระชุดนี้หลวงพ่อไซร้ ได้ปลุกเสกร่วมกับ หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย
    ส่วนเนื้อหาเป็นเนื้อดินผงพระกรุต่าง ๆ นำมาบดผสมรวมกับผงเหล็กน้ำพี้ ส่วนยันต์ด้านหลังมีทั้ง ยันต์ตรี และ ยันต์กงจักร
    พุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี, แคล้วคลาดปลอดภัย, เมตตามหานิยม ดีนักแล พระประสบการณ์สูง
    ประวัติหลวงพ่อไซร์ วัดช่องลม จ.อุตรดิตถ์ พระเถราจารย์ชื่อดังในอดีต
    พระครูนิกรธรรมรักษ์ ติสฺสโร นามเดิม ไซร้ ทิพยาวงษ์ เป็นบุตรคนที่ 5 ของขุนนิกรรักษา กับนางแท่น ทิพยาวงษ์ ถือกำเนิด วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2436 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเส็ง ที่บ้านหนองเหี้ยตำบลหาดงิ้ว อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม 7 คน หลวงพ่อไซร้ในสมัยหนุ่มหน้าตาดีมีสง่าราศี รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาด อัธยาศัยดี สงบเสงี่ยม กิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย มีเมตตาธรรมต่อผู้อื่นเสมอ
    ก่อนอุปสมบทได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์วัดอยู่กับหลวงพ่อฮวบ เจ้าอาวาสวัดสามัคคยาราม และได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาไทย
    และภาษาขอมจาก หลวงพ่อฮวบ จนมีความรู้แตกฉาน และยังมีความชำนาญนำไปใช้ในการศึกษาธรรมะได้เป็นอย่างดี
    ต่อมาได้ออกจากวัดหาดงิ้ว กลับไปอยู่บ้านช่วยเหลือบิดามารดา ในการประกอบอาชีพทำนาทำไร่อยู่ได้ระยะหนึ่ง
    จนกระทั่งอายุได้ 16 ปี ด้วยนิสัยใฝ่เรียนรู้ด้านธรรมะ และมีความรักความศรัทธาเลื่อมใสในสมณเพศ จึงได้ขอบรรพชาเป็น
    สามเณรกับ พระอธิการก้อน เจ้าอาวาสวัดช่องลม เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2452
    การบรรพชาอุปสมบท หลังจากบวชเป็นสามเณรจนกระทั่งอายุครบ 20 ปี จึงได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
    ณ พัทธสีมาวัดช่ิองลม ต.หาดงิ้ว อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 มี พระอธิการขีด วัดกุมภีร์ทอง
    ต.บ้านด่าน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการจ้อน เป็นกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการป้อม เป็นอนุสาวนาจารย์
    บำเพ็ญสมณะธรรม.....
    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อไซร้ตั้งใจบำเพ็ญสมณะธรรมเอาใจใส่กิจวัตร เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง
    ไม่ยอมละทิ้งการงานของพระภิกษุและสามเณร ซึ่งในพระพุทธศาสนามีอยู่ 2 อย่างคือ 1.คันถะธุระ การศึกษาพระธรรมวินัย
    อันเป็นส่วนปริยัติ 2.วิปัสสนาธุระ การเรียนพระกัมมัฎฐาน ทั้งที่เป็นสมถะและวิปัสสนา อันเป็นสายปฏิบัติและปฏิเวช ซึ่งท่าน
    สนใจเป็นพิเศษเพราะเป็นเหตุให้เจริญทางด้านจิตใจ ท่านได้อยู่ปฏิบัติพระอุปัชฌาย์ที่วัดกุมภีร์ทองเป็นเวลา 4 พรรษา
    หลังจากนั้นจึงได้ย้ายไปจำพรรษาต่อที่วัดดอยแก้ว ต.แสนตอ อ.เมือง และที่วัดหาดงิ้ว ได้ศึกษาพระเวทย์พุทธาคมกับหลวงพ่อฮวบ ที่วัดหาดงิ้ว จนมีความรู้อย่างแตกฉาน จึงได้ย้ายไปอยู่วัดช่องลมในเวลาต่อมา ซึ่งพระครูวิเชียรปัญญามหา
    มุนี(เรือง) เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดท่าถนนในสมัยนั้น ได้พิจารณาเห็นว่าหลวงพ่อไซร้ เป็นที่เคารพนับถือของ
    บรรพชิตและคฤหัสถ์ จึงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องลม ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2462 สืบต่อมา
    การทำนุบำรุงศาสนา....
    ภายหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องลม ท่านได้เอาใจใส่ในการก่อสร้าง และปฏิสังขรณ์
    เสนาสนะ วางระเบียบแผนผังของวัดที่ท่านพำนักจนเป็นที่เรียบร้อย ดังปรากฏหลัฐานมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น หอไตร
    กุฏิเจ้าอาวาส อุโบสถ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ พระวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กำแพงรอบวัด โรงเรียน
    ปริยัติธรรม และโรงเรียนประชาบาลวัดช่องลม การก่อสร้าง และการปฏิสังขรณ์ดังกล่าว รวมทั้งอุโบสถของวัดหาดงิ้ว
    ศาลาการเปรียญวัดสามัคคยาราม และอุโบสถของวัดดอยท่าเสา เป็นต้น
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อไซร้.....
    เงินทุนที่ท่านได้มาใช้จ่ายในการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์นี้ ส่วนใหญ่เกิดมาจากการจำหน่ายวัตถุมงคลของท่าน
    เช่น เหรียญ รูปเหมือน แหวนรูปท่าน ตะกรุด ฯลฯ ให้กับประชาชนเช่าบูชา เงินที่ชาวบ้านบริจาคทำบุญก็มีแต่เป็นส่วนน้อย
    วัตถุมงคลของท่านที่ทำขึ้นเองก็ดีหรือมีผู้อื่นนำมาถวายให้ท่านปลุกเสกให้ก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นของที่มีอาุนุภาพศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่ปรากฏต่อลูกศิษย์และชาวบ้านทั่วไป แม้แต่คนที่นับถือศาสนาอื่นๆยังแขวนพระเครื่องและตะกรุดของหลวงพ่อไซร้
    ติดตัวตลอด เพราะท่านเป็นพระที่มีสมาธิจิตสงบนิ่งมั่นคงมากในเวลาปลุกเสก ประกอบกับผู้รับไปบูชามีจิตใจเชื่อมั่นเคารพนับถือในวิทยาคุณของท่านด้วย
    หลวงพ่อไซร้หรือพระครูนิกรธรรมรักษ์ ท่านมีเมตตาธรรมเป็นอุปปัญญาประจำใจไม่เลือกชั้นวรรณะใครมีธุระก็ติดต่อได้ทุกเวลา อัธยาศัยกว้างขวางเคารพในการปฏิสันถาร วาจาอ่อนน้อมน่าบูชายิ่งนัก ใครจะขอให้ปลุกเสกเลขยันต์ทำน้ำมนต์ ท่านทำให้ทุกอย่าง จนหาเวลาว่างของตนเองไม่ได้แม้แต่ยามอาพาธท่านยังยอมเสียสละเวลาและชีวิตเพื่อผู้อื่นโดยถือคติธรรมตามรอยพระพุทธองค์ว่า ผู้เสียสละ คือ ผู้ชนะแล้ว หมายถึง การเอาชนะใจตนเองถือเป็นการชนะเลิศเพราะว่าไม่มีทางกลับมาแพ้ได้อีกต่อไป
    หลวงพ่อไซร้ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2507 สิริอายุรวม 71 ปี พรรษา 51 ปี
    ดูภาพเหรียญหลวงพ่อไซร์ ใต้โพสต์
    เพจ:ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญาครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระนางพญาเสน่ห์จันทร์หลังยันต์
    ตรีนิสิงเห ปี ๒๕๐๓ หลวงพ่อไซร้วัดช่องลม

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250303_101316.jpg IMG_20250303_101252.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2025 at 15:43
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    1740978560879.jpg 1740978562445.jpg 1740978558923.jpg หลวงปู่โต๊ะ.jpg 1148943-567bb.jpg

    วัดชิโนรสารามวรวิหาร (วัดชิโนรส) ตั้งอยู่ริมคลองมอญ ติดถนนอิสรภาพ
    ตรงข้ามกับกรมอู่ทหารเรือ ฝั่งธนบุรี สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโรรส เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ทรงสร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2379 ในสมัยรัชกาลที่ 3 จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญและได้รับแต่งตั้งเป็นพระอารามหลวง ในปี 2512
    วัดชิโนรสมีพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่หลายวาระและปีนี้มีวันเสาร์ห้าด้วย
    จุดประสงค์การสร้างวัตถุมงคลเพื้อหาเงินมาบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด
    ได้มีการสร้างพระเครื่องอยู่หลายพิมพ์ เช่น พระผงหลายสิบพิมพ์ เหรียญ รูปหล่อ เป็นต้น
    หัวแรงใหญ่ในการจัดสร้างพระเครื่องต่างๆนี้เท่าที่ทราบมี 3 ท่านคือ
    1) พระมหาประดับ แน่นหนา เป็นชาวสรรคบุรี จ.ชัยนาท มีความนับถือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตารามเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อกวยได้รับนิมนต์มาปลุกเสกวัตถุมงคล
    2) พระปลัดมานพ เป็นศิษย์ของหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จึงนิมนต์หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง มาร่วมปลุกเสก
    3) พระอาจารย์แก้ว มณีงาม วัดชิโนรส เป็นพระอารามหลวงดังนั้นการจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่ละครั้ง จึงต้องทำอย่างดี
    และงานนี้มีพระเกจิดังๆในสมัยนั้นมาร่วมมากมาย เช่น
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง
    อาจารย์นำ วัดดอนศาลา เป็นต้น
    องค์นี้พระสมเด็จอาจารย์แก้ว ปลุกเสกพิธีใหญ่ พระพิมพ์มาตรฐานมีลงในหนังสือรวมเล่มหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    พระสมเด็จ อาจารย์แก้ว วัดชิโนรส กรุงเทพฯ ปี 2512 ชนวนมวลสาร พระสมเด็จวัดระฆังเก่าและชนวนผงตะไบพระกริ่งเก่ามากมาย
    ประวัติการจัดสร้าง พระเครื่องวัดชิโนรส ปีพ.ศ. 2512
    วัดชิโนรสารามวรวิหาร (วัดชิโนรส) ตั้งอยู่ริมคลองมอญ ติดถนนอิสรภาพ
    ตรงข้ามกับกรมอู่ทหารเรือ ฝั่งธนบุรี
    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโรรส
    เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส
    ทรงสร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2379 ในสมัยรัชกาลที่ 3
    จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญ และได้รับแต่งตั้งเป็นพระอารามหลวง
    ในปี พ.ศ. 2512 วัดชิโนรส มีพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่หลายวาระ
    และปีนี้มีวันเสาร์ห้าด้วย โดยมีจุดประสงค์การสร้างวัตถุมงคล
    เพื่อหาเงินมาบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด ได้มีการสร้างพระบูชา
    และพระเครื่องอยู่หลายพิมพ์ เช่น
    พระผงหลายสิบพิมพ์ เหรียญ พระกริ่ง รูปหล่อ ฯลฯ เป็นต้น
    หัวแรงใหญ่ในการจัดสร้างพระเครื่องต่างๆ นี้เท่าที่ทราบมี 3 ท่านคือ
    1. พระมหาประดับ แน่นหนา เป็นชาวสรรคบุรี จ.ชัยนาท
    มีความนับถือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เป็นอย่างยิ่ง
    และได้นิมนต์ หลวงพ่อกวย มาร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล เป็นกรณีพิเศษ
    2. พระปลัดมานพ เป็นศิษย์ของ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง
    จึงนิมนต์ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง มาร่วมปลุกเสก
    3. พระอาจารย์แก้ว มณีงาม
    เนื่องจากวัดชิโนรส เป็นพระอารามหลวง ดังนั้น
    การจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่ละครั้ง จึงต้องทำอย่างดี
    และในงานนี้ มีพระเกจิดังๆ จากทั่วประเทศในยุคนั้น
    มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกมากมาย (มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน) เช่น
    1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    2. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์
    3. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท
    4.หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง บุรีรัมย์
    5. พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง
    6.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ระยอง
    7. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ฯ กทม
    8. หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี
    9. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
    10. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม กาญจนบุรี
    11. หลวงพ่อเสมียน วัดหนองกระทุ่ม ชลบุรี
    12. พระอาจารย์เชื้อ หนูเพชร วัดสะพานสูง กทม.
    13. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ฉะเชิงเทรา
    14. หลวงพ่อทอง วัดหมอสอ กาญจนบุรี
    15. หลวงพ่อแสน วัดท่าแหน ลำปาง
    16. หลวงพ่อสุข วัดบันไดทอง เพชรบุรี ฯลฯ เป็นต้น
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเสร็จพิธีแล้ว
    หลวงพ่อกวย ท่านได้เมตตานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวให้กับวัตถุมงคลชุดนี้เป็นพิเศษ
    จนใกล้สว่างเลยทีเดียว ถือว่า วัตถุมงคลชุดนี้ ใช้แทนวัตถุมงคลของท่านได้เป็นอย่างดี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 550 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250303_101405.jpg IMG_20250303_101428.jpg
     
  17. นายสุดจินดา

    นายสุดจินดา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +11
    รับเหรียญที่ 1 ครับ
     
  18. นายสุดจินดา

    นายสุดจินดา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +11
    รับครับ
     
  19. นายสุดจินดา

    นายสุดจินดา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +11
    รับครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,880
    ค่าพลัง:
    +21,362
    FB_IMG_1740990573477.jpg FB_IMG_1740990031360.jpg FB_IMG_1740990034180.jpg
    ประวัติของหลวงพ่อสำเนียง อยู่สภาพร ท่านเกิดวันที่ 5 ตุลาคม 2460 ตรงกับวันศุกร์ปีมะเส็ง แรม 4 ค่ำ เป็นบุตรของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และหม่อมทองหุ่น เมื่อตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ฯ ได้รับพระราชโองการจากรัชกาลที่ 6 ให้ไปซื้อเรือพระร่วงที่ประเทศอังกฤษ จึงนำหม่อมทองหุ่น ไปฝากหลวงปู่สุขวัดมะขามเฒ่า เมื่อคลอดเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ มีงูรัดรอบพระอู่(เปล) หลวงปู่สุข จึงตั้งนามว่า “สำเนียง” แปลว่าเสียง โดยมี “ง” สะกดไว้ เมื่อเสด็จพ่อทรงทราบจึงพระราชทานนามว่า “หม่อมเจ้าสถาพร อาภากร” ประสูติได้ 7 วัน หม่อมทองหุ่นสิ้นชีพพิตักษัย จนมีพระชนม์ได้ 6 พรรษา เสด็จพ่อก็สิ้นพระชนม์ ในวังเริ่มระส่ำระสาย นายเอมพระสหายของเสด็จพ่อนำไปฝากไว้พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรองค์อรรคยุพา พระขนิษฐาของเสด็จพ่อ ได้ส่งให้ไปศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก จบมัธยมปีที่ 8 ต่อมาศึกษาโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร. เข้ารับราชการทหารที่กรมสื่อสารทหารบก ยศร้อยเอกดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองต่างประเทศในหน้าที่แปลข่าวสารต่างประเทศ และได้ร่วมรบในสงครามอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา ต่อมาสงครามนั้นเป็นโมฆะหลวงพ่อสำเนียงได้ทูลลาในหลวงรัชกาลที่ 8 ว่าจะบวช 15 วันที่วัดกัลยาปากคลองบางหลวง ฝั่งธนบุรี บวชได้ 3 วัน ทราบข่าว รัชกาลที่ 8 สิ้นพระชนม์ จึงได้คิดว่า การเป็นฆราวาสเหมือน “ไม้นั่งร้านสร้างตึก เมื่อตึกเสร็จเขาก็รื้อไม้นั่งร้านทิ้ง ยังไม่มีที่จะเก็บกองเพราะหมดความสำคัญ” จึงเกิดความเบื่อหน่าย และเห็นว่าทางบรรพชิตเป็นทางสายที่แท้จริง และนึกถึงผู้ยากจนจึงมุ่งสู่ชนบท ก่อนมาได้เห็นปราสาทลอยตามทิศทางที่มองเห็น ได้เห็นวัดแหลมชะอุย คือวัดเวฬุวนารามในปัจจุบัน ตามศิลาจารึกชื่อว่า “ธรรมานคร”(ข้อความจากแผ่นพับของวัดเวฬุวนาราม)
    ชื่อเสียงของท่านอีกด้านคือการรักษาโรค ที่ท่านสามารถใช้พลังจิตรักษาโรคเช่น คนถูกพิษงูเห่า โดนต่อต่อย หรือคนเป็นโรคจิต ประสาทให้ฟื้นคืนสติ หรือเหยียบเหล็กร้อนแล้วมาเหยียบคนรักษาโรค นอกจากทางด้านอภินิหารย์ แล้วท่านยังเป็นพระนักพัฒนา ได้พัฒนาวัดเวฬุวนาราม และสร้างโรงเรียนสถาพรวิทยา ให้เด็กๆ ในชุมชนได้มีโรงเรียนศึกษา ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กๆกำพร้าจนในปี 2523 รับโล่ห์ “ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติดีเด่นเป็นพิเศษ” ของมูลนิธิสรรพวรรณิต จากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ปี 2527 รับโล่ห์สดุดี “นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นประจำปี” จากมูลนิธิศาสตราจารย์ ปกรณ์ อังศุสิงห์ ปี 2528 สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศสดุดีให้พระครูสถาพรพุทธมนต์ เป็น พระดีเด่นประจำชาติ และปูชนียบุคคลที่นั่งอยู่ในหัวใจคนทั้งชาติ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงหลวงปู่ศุขหลังยันต์นะลือชาปี ๒๕๐๕ หลวงพ่อสำเนียงอยู่สถาพร
    วัดเวฬุวนาราม นครปฐม ยันต์ ประทับ ลป.ศุข ปลุกเสกอธิษฐานจิต

    ให้บูชา 900 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250303_135651.jpg IMG_20250303_135718.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...