ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ตอนนี้คงคิดได้เวลา กลับ ที่พักที่ลาดกระบังแล้ว อิอิ เพราะหิวข้าว + เหนื่อย พอสมควร เพราะ เมื่อวานซืนนอน ๓ ชั่วโมง เมื่อวาน นอน ๒ ชั่วโมง แล้วก็นอน ในรถตู้บ้างนิดหน่อย ตอนไม่นอนก็ จะสวดบทขมากรรมตลอด อิอิ
ส่วนเรื่องเล่านั้น ไว้กลับ ภูเก็ตก่อนล่ะกัน งานเข้า ซะ...เง้อออ
วันนี้ก็ได้พาญาติมาที่เขากะลา ๒ แล้ว รู้สึกพอใจ แต่ เสียดายนิดๆ ที่ ญาติกลับก่อน ส่วนตัวเราก็อยู่ช่วย ร้อยประคำ นิดหน่อย

ส่วนรูปก็ได้เห็นกันไปแล้ว และได้ขอเบอร์ คุณนาคาจากพี่ โสภณ แล้ว (ไม่รู้พิมชื่อถูกรึเปล่า)ไม่รู้เกิดอยากอะไรต้องไปขอ สงสัยระบบ จัด ไว้เผื่อมีงาน อาจจะต้องทำร่วมกันที่ ภูเก็ต

แหม...ทามปายได้

 

ไม่ทราบว่าหมออนาคต รักษาโรคสะเก็ดเงินได้ไหมครับ

พอดีพ่อเป็นนะครับ ถ้าได้อยากลองไปรักษาดู

เด๋วมาดูวันหลังนะครับมาเที่ยวบ้านแฟนไม่มีอินเตอร์เนตนะ

 

Sample วันนี้เสร็จเท่านี้ พรุ่งนี้มาทำต่อครับ
เผื่อคุณชยุตจะช่วยออกแบบ stargate ด้านบนครับ

 

วันนี้ พี่สมจิตรได้เดินทางไปที่เขากะลา เพื่อดูการเกรดดินและทำทางขึ้นเขากะลา วันนี้งาน

ดำเนินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางขึ้นเขาเราสามารถขับรถเก๋ง หรือ รถกระบะ ขึ้นไปบนยอดเขา

ได้แล้ว "เขากะลา 1" พร้อมจะต้อนรับ "เขากะลา 2" ได้แล้วค่ะ

 

ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และรวดเร็วทันใจ
ขอขอบคุณท่านอาวุโสเขากะลา 1 ทุกท่าน ที่เตรียมพร้อมต้อนรับ
ยุวชน เขากะลา 2 ในการครั้งนี้ด้วยครับ
;k04chearr

 

สถานที่เขากะลา 1 พร้อมรับสมาชิกเขากะลา 2 ประมวลพลังแล้ว

วันนี้แผนกพื้นที่ คุณสมจิตร ได้ไปดำเนินการจัดจ้างผู้รับเหมาปรับปรุงทางขึ้นเขากะลา จนแล้วเสร็จในส่วนหลัก ๆ ที่สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปบนเขาได้แล้ว

ยังคงเหลือในส่วนที่รองลงมา คือปรับปรุงห้องน้ำ และปรับพื้นที่ ถางหญ้าในส่วนที่ยังเหลืออีกเพียงเล็กน้อย ก็สามารถต้อนรับสมาชิกเขากะลา 2 ได้แล้ว

 

คุณธนิตศักดิ์ (ufo no.356) เดินทางกลับจากอิตาลี และวันนี้ ได้เดินทางมาที่เขากะลา 2 อาคารฝักข้าวโพด และแวะมาสนทนากับผู้อาวุโสที่ชั้น 8

 

รีบไปเขากะลาก่อนหญ้าจะขึ้นสูงอีก ดีไหมคะ

 

เอาของเขามาให้ดูกันครับ

สถานฑูตโลกขององค์กรลาแอลเลี่ยนี่ยน

สถานฑูตสำหรับผู้ที่มาเยือนจากนอกโลก

"Iการค้นหาข้อพิสูจน์ความสัตย์จริงไม่ได้ ย่อมไม่ได้หมายความว่านั่นคือข้อผิดพลาด"
- คาณธี

หากมีการติดต่อระหว่างประเทศที่มีสาระสำคัญในโลกปัจจุบัน ย่อมกระทำกันโดยวิธีทางการฑูต วิธีการนี้คือวิธีที่ถูกต้องและดีที่สุด เพราะทางการฑูตเปรียบเสมือนเกราะเหล็กคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประเทศนั้นๆ มีการถกเถียงกันบ่อยครั้งเรื่องสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นและก็มีประชา ชนจำนวนมากที่ลงความเห็นว่ามันเป็นไปได้มากทีเดียว และหากทางการวิทยาศาสตร์มีการค้นคว้ามากกว่านี้ ก็จะพบกับความจริงเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับพวกเราที่อยู่ในโลกปัจจุบันได้แต่เฝ้ารอคอยและไ้นอนาคตอันใกล้นี้ความจริงต่างๆ ก็จะถูกเปิดเผย แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราต้องเตรียมการวางแผนการสร้างสถานฑูตโลกขึ้นก่อนวาระนั้นจะมาถึง เป็นการป้องกันเรื่องวุ่นวายหลายประการที่อาจเกิดขึ้นได้(หากมีมนุษย์จากดวงเคราะห์อื่นมาเยือนเรา).



<CENTER>เหุตใดมนุษย์จากโลกอื่นต้องการสถานทูตโลก
</CENTER>ปัจจุบันไม่มีทางเป็นไปได้ หากมีมนุษย์จากโลกอื่นมาเยือนโลกเราโดยไม่ผิดต่อกฎหมายโลกหรือกฎหมายนานาชาติ แค่ผ่านน่านฟ้าของเราลงมายังโลกโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดแล้ว เพราะเหตุนี้พวกเขาถึงต้องการให้เราสร้างสถานฑูตโลกขึ้น เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันความเสี่ยงต่อการปะทะกันระหว่างพวกเขากับทางการทหารโลกอย่าลืมว่าพวกเขา หรือจะเรียกให้ถูกต้องคือ พวกผู้สร้าง “ELOHIM”
มีความต้องการอย่างสูงส่งที่จะมาเยือนแบบสันติสุขทุกๆ ประการ หากการมาเยือนแล้วเกิดสร้างความวุ่นวายระหว่างประเทศ ระหว่างชนชาติและองค์การทหารโลก การมาเยือนก็จะลมเหลวโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นสิ่งเดียวที่พวกเราชาวโลกต้องการเห็นก็คือ การสร้างสถานฑูตโลกอย่างเป็นทางการ และเมื่อนั้นมาถึงการมาเยือนก็จะเกิดขึ้นได้อย่างสันติสุข พร้อมทั้งเทคโนโลยีอันสูงส่งของพวกผู้สร้างที่จะมอบให้กับประชากรโลกอย่างทั่วถึง
บริบท

องค์กรราแอลเลี่ยน ตามที่ได้บอกกล่าวไว้แล้วคือองค์กรนานาชาติและเป็นองค์กรเดียวในโลกที่ไม่นึกถึงผลกำไร จุดมุ่งหมายของเราชาวราแอลเลี่ยนก็คือ สร้างสถานฑูตโลกให้สำเร็จตามเป้าหมายกองทุนของเราต้องการความร่วมมือจากท่านทั้งหลาย เพื่อเป้าหมายของเราและท่านด้วย ให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว วิวัฒนาการเหล่านี้ก่อตั้งขึ้นโดยนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อว่า คลอด์ ราแอล เป็นชาวฝรั่งเศสและเป็นบุคคลเดียวที่ได้ถูกคัดเลือกให้เผชิญกับองค์ท่านเอโลฮา(ผู้มาจากฝากฟ้าอันแสนไกล)เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1973 ณ ออเวิร์กเน และการพบปะอันระทึกใจครั้งนั้นองค์ท่านเอโลฮา


ได้บอกกล่าวมายังผู้นำของเรา ศาสดา ราแอลมีใจความว่า

• พวกเรา(ELOHIM ในรูปพหูพจน์ของคำว่าELOHA) คือผู้ที่สร้างสรรพสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกในอดีตกาล
• มนุษย์โลกเชิดชูพวกเราว่าเป็นพระผู้เป็นเจ้า
• พวกเราคือผู้ที่สร้างศาสนาขึ้นบนโลก เพื่อมนุษย์โลกจะได้มีผู้นำศาสนาอย่างถูกต้องในแต่ละทวีป แต่ละสมัย
• บัดนี้ พวกคุณเข้าใจเราดีขึ้น ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจำเป็ฯต้องสร้างสถานฑูตโลกเพื่อการเยือนของพวก เราองค์ท่าน เอโลฮีมไดกล่าวไว้ว่า การก่อตั้งสถานฑูตโลกจะเป็นผลประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติอย่างมหาศาลในทุกภาคทุกแขนง จนถึงบัดนี้มนุษย์เราสามารถโคลนนิ่งสัตว์ได้เป็นผลสำเร็จ อีกไม่นานเราก็จะพบความสำเร็จในด้านการ

โคลนนิ่งมนุษย์อย่างเช่นองค์ ELOHIM ได้สร้างมนุษย์และสรรพสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกเราในอดีตกาล ประชากรชาวโลกก็จะเข้าใจทุกอย่างได้ดีขึ้น ว่าไม่มีพระจ้าในจักรวาลนี้ มีแต่พวกผู้สร้างที่มาจากฝากฟ้า “ELOHIM” เท่านั้นเมื่อ ศ.ราแอล ถามพวกผู้สร้างว่าเหตุใดจึงไม่ติดต่อโดยตรงไปยังคณะรัฐบาล ก็ได้รับคำตอบว่าพวกผู้สร้างไม่เห็นด้วยกับวิธีการปกครองประเทศของคณะรัฐบาลในปัจจุบัน และจะต้องเกิดการโต้เถียงในเรื่องต่างๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่เป็นผลดีกับแต่ละฝ่าย พวกผู้สร้าง “ELOHIM” ได้กล่าวย้ำไว้ว่า พวกเขาพึงประสงค์อย่างยิ่งที่จะเห็นสถานฑูตโลกก่อตั้งขึ้นใกล้กับเมืองเยรูซา เลมให้มากที่สุด และองค์ท่าน ELOHIM พร้อมศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทุกๆ องค์ อาทิเช่น พระพุทธเจ้า พระเยซูเจ้า องค์ศาสดามะหะมัด ฯลฯ จะได้พร้อมใจกันมาเยือนโลกอีกครั้งหลังจากที่ได้จากโลกเราไปเป็นเวลาสองพันกว่าปี ณ สถานฑูตโลกนี้ องค์ศาสดาทุกองค์จะได้พบปะกับสื่อมวลชนจากทั่วทุกมุม โลก และประชากรโลกทุกคนที่ให้ความสนใจและยอมรับอุดมการณ์ขององค์ท่านผู้สร้าง ณ สถานฑูตแห่งนี้ องค์ท่านทั้งหลายสามารถที่จะไปหรือมาเยือนโลกเราได้ตามอำเภอใจ

ผลประโยชน์ที่มนุษย์ชาติพึงได้รับ

เนื่องด้วยองค์คณะ ELOHIM มีความรอบรูก้าวหน้าไปไกลกว่ามนุษยชาติเราหลายพันปี ฉะนั้น องค์คณะ ELOHIM ย่อมรู้ดีเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่วงการวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา วงการแพทย์ วงการเมือง ไปจนถึงการดำรงชีพ ฯลฯ จุดประสงค์ขององค์คณะ ELOHIM ก็คือ อยากจะเห็นมนุษย์ชาติ
ก้าวหน้าไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ในทุกๆ ด้าน นั่นก็หมายความว่าในอนาคตมนุษย์ชาติเราไม่จำเป็น
ต้องตรากตรำทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกต่อไป เพราะมีวงการวิทยาศาสตร์อันล้ำยุคเข้ามาเสริมสร้าง เพื่อผ่อนคลายแรงกายของประชากรโลก มนุษย์โลกอาจจะไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเพื่อใช้กับยานพาหนะ
หรืออุตสาหกรรมอีกต่อไป มลภาวะก็จะหมดไปวงการแพทย์ก็จะก้าวไกล โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็จะหมดไปโดยปริยาย มนุษย์ชาติจะอยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้า โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งเสพติดต่างๆ ทางด้านศาสนก็เช่นกัน ศาสดาในอดีตแต่ละองค์อาทิ องค์โมเซส องค์พุทธเจ้า องค์เยซูคริสต์ องค์มะหะมัด ฯลฯ ก็ได้ถูกส่งลงมาโดยองค์คณะ ELOHIM เพื่อสั่งสอนมวลมนุษย์ให้ปฏิบัติในศีลในธรรมอย่างถูกต้อง แต่แล้ว วิธีการสอนการปฏิบัติธรรมได้ถูกบิดเบือนไปมากในอดีตกาล เป็นผลทำให้เกิดสงครามระหว่างศาสนาขึ้น ในที่สุดองค์คณะ ELOHIM รับทราบเรื่องนี้อย่างดีมาโดยตลอด ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่องค์คณะ ELOHIM จะต้องทำก่อนที่จะเกิดกลียุคขึ้นระหว่างศาสนา และนั่นก็คือการมาเยือนพร้อมองค์ศาสดาทุกองค์ในอดีตกาล เพื่อประจักษ์ต่อสายตามวลมนุษย์ทั้งปวง ให้รวมใจเป็นหนึ่งเดียว ศาสนาเดียว คือ ศาสนาโลก สงครามระหว่างศาสนาก็จะสิ้นไปโดยปริยาย
ผลประโยชน์ที่เมืองเยรูซาเล็มพึงได้รับ

ลูกหลานของอาบราฮัมคือ ผู้ที่สืบทอดเชื้อสายขององค์คณะ ELOHIM มาในอดีตกาล และทางองค์คณะ ELOHIM ได้มีการติดต่อและให้ความรู้กับลูหลานของอาบราฮัมเพื่อส่งทอดความรู้ให้สืบทอดเรื่อยมา และเหตุนี้เองทุกๆศาสนาถึงได้มีการรอคอยการกลับมาของศาสดา ณ เมืองเยรูซาเลม ซึ่งในปัจจุบันองค์ศาสดาทุกองค์ยังพำนักอยู่กับองค์คณะ ELOHIM ณ ดวงดาวแห่งอมตะหรือที่เราเรียกกันว่า “สวรรค์” นั่นเอง
ในอดีตกาลวิหารของกษัตริย์โซโลมอน(SOLOMON) คือ สถานฑูตสำหรับเป็นที่ต้อนรับหัวหน้าองค์คณะเอโลฮีมคือองค์ท่านยาห์เวห์(YAHWEH)ผู้ซึ่งเปรยีบเสมือนราชาธิปไตย แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือ เป็นใหญ่ที่สุดในจักรวาลก็ว่าได้ ฉะนั้นการสร้างสถานฑูต ณ เมืองเยรูซาเล็ม
ก็เปรียบเสมือนองค์วิหารที่สามหรือสถานฑูตโลกแห่งที่สามนั่นเอง และหากทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ดีทุกประการ ความสงบสุขของประชาชนในตะวันออกกลางก็จะเกิดขึ้นแน่-นอน คณะรัฐบาลโกก็จะถูก
ก่อตั้งขึ้นในละแวกนั้น รวมทั้งวิทยาลัยนานาชาติซึ่งจะเป็นที่เผยแพร่วิทยาการอันล่ำเลิศในทุกๆ แขนง พร้อมทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางของศาสนาทั้งปวงที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียว ศาสนาเดียวไว้เป็นที่เคารพบูชา
ของประชากรโลก ผลประโยชน์ทเมืองเยรูซาเล็มจะได้รับมีอีกมากมายมหาศาล เศรษฐกิจจะเฟื่องฟูโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ประชาชนชาวเยรูซาเล็มจะอยู่อย่างร่วมเย็นเป็นสุขตลอดกาลนาน

สิ่งที่กรมการสถานฑูตต้องการ



สิ่งที่ต้องการก็คล้ายกับสถานฑูตอื่นๆ :

• สภาพของอาณาเขตพื้นที่ที่สำหรับผู้มาเยือนจากนอกโลกต้องการคือ การรับรองความปลอดภัยของพื้นที่สำหรับสร้างสถานฑูตในประเทศนั้นๆ และนั่นก็หมายความว่าบุคคลภายนอกที่ไม่ได้อนุญาตหรือเชื้อเชิญจากภายใน จะไม่อนุญาตให้เข้าไปโดยเด็ดขาด และองค์ท่าน ELOHIMต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อประกอบภาระกิจต่างๆ ตามความประสงค์ของท่าน
  
  ​
• น่านฟ้าที่อยู่เหนือสถานฑูตจะต้องเป็นอาณาจักรที่เป็นกลาง นั่นก็หมายความว่า องค์คณะ ELOHIM สามารถใช้จานบินบินขึ้นลงได้อย่างอิสระเสรีในทุกเมื่อทุกเวลา

<CENTER>ลักษณะภูมิประเทศที่ต้องการ

หากเป็นไปได้สถานที่ที่จะก่อตั้งสถานฑูตจะต้องอยู่ใกล้กับกรุงเยรูซาเล็มให้มากที่สุด พื้นที่สำหรับก่อสร้างจะต้องมีพื้นที่ทั้งหมด347 เฮคแท(HECTARES) หรือ 3,470,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถตีวงรัศมีภายในพื้นที่ได้ 1,050 เมตร

</CENTER>อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดนี้ทางองค์กรเราไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลอิสราแอลเลยแม้แต่น้อย และเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1997 องค์คณะ ELOHIM ก็ได้ส่งกระแสโทรจิตมายัง ศ.ราแอลว่านับแต่นี้ไปเราจำเป็นต้องหันไปแสวงหาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจากประเทศใดก็ได้หากประเทศนั้นสนใจในจุดมุ่งหมายขององค์กรเรา ถึงแม้ว่าพื้นที่สำหรับก่อสร้างสถานฑูตโลกจะถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญจะต้องมีความกว้างใหญ่ในวงรัศมี 1,050 เมตร วัดจากึ่งกลางของตัวอาคารและจะต้องไม่มีการเดินเรือในขอบเขตนั้น​

ข้อแนะนำจากองค์คณะ ELOHIM ​

ในระหว่างการพบปะครั้งแรกกับ ศ.ราแอล เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.1973 องค์คณะ ELOHIM ได้กล่าวเน้นว่า​

<DIR>“ที่พักอาศัยที่จะสร้างให้องค์คณะอยู่ควรจะสร้างในประเทศที่มีบรรยายกาศ เย็นสบายตลอดปี มีห้องรับแขก 7 ห้องไว้สำหรับต้อนรับบุคคลภายนอก และทุกๆ ห้องต้องมีห้องน้ำพร้อม มีห้องประชุมสัมมนาสำหรับ 21 ที่นั่ง มีสระว่ายน้ำ และห้องนั่งเล่นสามารถรับแขกได้ 21 คน สบายๆ ที่พักอาศัยนี้ควรจะสร้างอยู่ใจกลางสวนดอกไม้ที่ขึ้นเป็นพุ่มใหญ่ที่สามารถปิดบัง สายตาของผู้ชอบแอบมอง รอบๆ อาณาจักรสถานฑูตต้องปิดล้อมด้วยกำแพงที่สูงพอที่จะป้องกันสายตาจากบุคคล ภายนอกที่อาจมองข้ามเข้ามาเห็นบริเวณภายใน โดยเฉพาะสระว่ายน้ำ สถานที่พักของพวกเราควรจะอยู่ห่างจากกำแพงอย่างน้อย 1,000 เมตร ส่วนสูงของกำแพงจะต้องมีความสูงเทียบเท่ากับตึก 2 ชั้น ส่วนด้านนอกบริเวณกำแพงจะต้องล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้สูงพอที่จะ เป็นฉากกำบังบริเวณด้านนอกกำแพงอีกทีหนึ่งยกเว้นบริเวณ

ประตูทางเข้าออก บานหนึ่งจะต้องอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนอีกบานหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ เช่นเดียวกับที่พักอาศัยของพวกเรา ส่วนด้านบนของตัวอาคารที่พักอาศัยจะต้องทำเป็นลานไว้สำหรับจอดของจานบินซึ่งแต่ละลำมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เมตร โดยเฉพาะบริเวณลาดจอดที่เชื่อมต่อเข้าตัวอาคารก็สำคัญมากเช่นกัน บริเวณน่านฟ้าที่อยู่เหนือตัวอาคารที่พักจะต้องปราศจากการเฝ้าจับดูการเคลื่อน ไหวโดยระบบเรดาร์ของหน่วยทหารทุกๆ หน่วย หากท่าสามารถหาพื้นที่ที่มีขนาดกว้างใหญ่กว่าที่กำหนดไว้ให้ก็จะเป็นประโยชน์
ให้กับคณะเรามากยิ่งขึ้น โปรดจำไว้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานฑูตของเราบนโลกใบนี้"
“พื้นที่สำหรับสร้างห้องจำนวน 7 ห้อง จะต้องอยู่ด้านล่างของลานจอดจานบิน และที่สำคัญจะต้องแยกให้ห่างจากห้องพักของพวกคุณ โดยมีประตูที่ทำด้วยเหล็กกล้าอย่างหนาที่สามารถล๊อคจากด้าน
​

</DIR>

"บทความนี้ ดูได้จากหนังสือเรื่อง “THE MESSAGE GIVEN BY EXTRA-TERRESTRIALS”(หน้า 90) ซึ่งองค์ท่านประมุขสูงสุด YAHWEH ELOHIM ได้ส่งกระแสโทรจิตมายัง ศ.ราแอล เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1973​

องค์คณะพวกผู้สร้างยังได้บอกต่อไปว่า​

<DIR>“ทุกๆ ปี ณบนภูเขาใกล้ที่พักในอนาคตของเรา จงรวบรวมประชาชนทุกคณะจากทั่วทุกมุมโลกที่มีความเชื่อมั่นในตัวเรา และมีความประสงค์อยากให้พวกเรามาเยือน รวบรวมพวกเขาให้ได้มากที่สุด และบอกทุกคนให้ทำสมาธิตั้งสติให้มั่นและสำรวมใจนึกถึงพวกเราและสร้างความหวังอันแรงกล้าให้กับการมาเยือนของพวกเรา โดยห้ามมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องเร้นลับในทางศาสนามาเกี่ยวข้องเป็นอันขาดเพียงแต่สำนึกในใจและเชื่อมั่นว่าพวกเราคือผู้สร้างสรรพสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะชักจูงให้พวกเรามาเยือนพวกคุณอย่างเปิดเผย พร้อมนำของฝากที่ล้ำค่ามามอบให้คุณนั่นก็คือ ทฤษฎีวิทยาศาสตร์อันล้ำยุคของพวกเรา แต่ก่อนอื่นพวกคุณต้องลดความกระหายสงครามในจิตใจของพวกคุณในขณะ เดียวกันให้สร้างจิตใต้สำนึกในตัวคุณให้รักชีวิตตัวเองและบุคคลรอบข้างตัวคุณให้มากขึ้น เมื่อทำเช่นนี้ได้ พวกเราก็จะมาอย่างเปิดเผย พวกเรากำลังรออยู่”

​

</DIR>บทความนี้ ดูได้จากหนังสือเรื่อง “THE MESSAGE GIVEN BY EXTRA-TERRESTRIALS” (หน้า 91) ซึ่งองค์ท่านประมุขสูงสุดแห่งจักรวาล YAHWEH ELOHIM ได้ส่งกระแสโทรจิตมายัง ศ.ราแอล เมื่อวันที่13 ธันวาคม ค.ศ.1973

เราควรจะวางแผนรวบรวมประชาชนให้ได้ 144,000 คน ให้อยู่ภายในบริเวณพื้นที่สถานฑูตโลกเพื่อต้อนรับการมาเยือนขององค์คณะ ELOHIM บริเวณพื้นที่ภายในสถานฑูตมีเนื้อที่ทั้งหมด 3,470,000 ตารางเมตร เฉลี่ยแล้วก็จะได้ประมาณ 20 ตารางเมตรต่อ 1 คน ซึ่งเพียงพอสำหรับการตั้งแคมป์ของแต่ละคน ที่ขาดไม่ได้เราต้องสร้างอาคารพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 1
แห่งเพื่อรักษาผู้ป่วยกระทันหัน พร้อมทั้งห้องสำหรับเก็บอาหาร/น้ำดื่ม และเครื่องมือสื่อสารที่จำเป็น ฯลฯ​

<CENTER><CENTER><CENTER>

</CENTER></CENTER></CENTER>​

​

 

<table class="tborder" style="border-bottom: 0pt none;" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr class="titlebg"><td style="padding-left: 6px;" valign="middle" width="15%">ผู้เขียน </td> <td style="padding-left: 6px;" id="top_subject" valign="middle" width="85%"> หัวข้อ: คีอานู(คีนูรีฟ) รับบรรยาย พุทธศาสนาให้ลามะทิเบต (อ่าน 151 ครั้ง) </td> </tr> </tbody></table> <table style="table-layout: fixed;" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td rowspan="2" style="overflow: hidden;" valign="top" width="16%"> มดเอ๊ก buddhayan
Hero Member

กระทู้: 1137





</td> <td valign="top" width="85%" height="100%"> <table border="0" width="100%"><tbody><tr> <td valign="middle"></td> <td valign="middle"> คีอานู(คีนูรีฟ) รับบรรยาย พุทธศาสนาให้ลามะทิเบต
« เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2008, 06:07:33 PM »
</td> <td style="font-size: smaller;" align="right" valign="bottom" height="20">
</td> </tr></tbody></table> <hr class="hrcolor" size="1" width="100%">





" === มาฟัง"คีอานูรีฟ" บรรยายธรรม === "


คีอานู(คีนูรีฟ) รับบรรยาย พุทธศาสนาให้ลามะทิเบต


องค์กร สอนศาสนาพุทธนิกายมหายาน "The Foundation for the Preservation of the Mahayana Tradition" หรือ FPMT โดยเหล่าลามะทิเบต อย่างน้อย 3 ท่าน คือ Lama Tsongkhapa, Lama Thubten Yeshe และ Lama Zopa Rinpoche ได้จัดทำวีดีโอ ชุด Discovering Buddhism ด้วยความมุ่งหวังให้คนที่ดูวีดีโอชุดนี้ เข้าใจและปฎิบัติตามหลักคำสอนในศาสนาพุทธ

ใน เมื่อทิเบตไม่มีพระนักพูดที่ดึงดูดคนอย่างพระพยอม ก็เลยต้องอาศัยคนดังระดับดาราฮอลลีวู้ดมาเรียกความสนใจซะหน่อย จะเป็นใครเสียมิได้ นอกจากดาราหนุ่มที่นับถือศาสนาพุทธ 2 คน อย่าง ริชาร์ด เกียร์ และคีอานู รีฟส์ ....ทั้งสองคนจะสลับกันบรรยายหลักคำสอนที่มีอยู่ 13 ข้อ ....อ้อ ! ต้องบอกก่อนนะว่า สองหนุ่มนี่เค้าบรรยายตามที่เขียนไว้ให้ ไม่ได้สู่รู้แต่ประการใด


(ส่วนหนึ่งของคำบรรยาย)

" ถ้าคุณอยากเรียนอะไรสักอย่างให้ กระจ่าง คุณต้องค้นหา ครูที่เป็นผู้รู้แจ้งในเรื่องนั้น โดยเฉพาะในเรื่องหาวิธีพ้นทุกข์ การอ่านหนังสือเอง อาจไม่สามารถตอบข้อสงสัยทุกข้อของคุณได้ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรกในตอนนี้ คือการเปิดใจเข้าหาครูของคุณ Lama Tsongkhapa ที่ คุณจะได้พบต่อไปนี้ ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้สอนที่อุทิศตัวให้งานและฝึกฝนวิธีการสอนมาอย่างดี เปิดใจเข้าหาท่าน แล้วคุณจะพบสิ่งนั้น



พวกเราทุกคนล้วนอยากมีความสุข หากเราคิดว่า ชีวิตเราถูกลิขิตมาตั้งแต่แรกเกิด เราก็จะคิดว่า เราไม่สามารถสร้างสิ่งดีๆให้ตัวเราได้ แต่ในศาสนาพุทธ ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น พุทธบอกให้เรามองสิ่งที่เกิดบนโลกนี้ในรูปแบบของความจริง (Fact) ที่เรียกว่า กรรม (Karma) ซึ่งขึ้นกับ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ( action body speech and mind) ซึ่งทั้งหมดจะรวมกันเป็น กรรม ที่หมายถึงการรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณเอง ในบทนี้ เราจะเล่าเรื่องง่ายๆที่จะทำให้ กรรมของคุณเป็นสิ่งดี เรียนรู้วิธีที่จะสร้างอนาคตที่ดีต่อตัวคุณเอง


มื่อเรามีทุกข์ เรามักหาที่พักพิง สิ่งที่เราใช้กันประจำคือ เหล้า เซ็กส์ ยา อำนาจหรือเงินตรา แต่ในที่สุด มันก็ไม่ยั่งยืนจนเราไม่รู้ว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริงกันแน่ ในปรัชญาแห่งพุทธ ที่พึ่งที่ดีที่สุด คือ พระรัตนตรัย ซึ่งประกอบไปด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ , พระพุทธ คือองค์พระศาสดา ผู้เปรียบเหมือนนายแพทย์ที่ค้นพบวิธีพ้นทุกข์ พระธรรม คือตัวยาที่จะฆ่าเหตุแห่งทุกข์ออกไปจากเรา และ พระสงฆ์ คือคณะแพทย์ที่รู้ว่าเราเหมาะกับยาใด เรียนรู้พระรัตนตรัย จะทำให้เราพบกับความสุขที่ยั่งยืน "


คัดลอกจากกระทู้พันธ์ทิพย์
เขียนโดย aunemaek2
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6702077/Y6702077.html

เข้าไปอ่านเจอในเวบ buddhayan.com ถูกใจมากเลยนำมาฝากค่ะ
ขออนุโมทนากับท่านคีอานู รีฟ ด้วยค่ะสาธุ สาธุ

</td> </tr> <tr> <td class="smalltext" valign="bottom" width="85%"> <table style="table-layout: fixed;" border="0" width="100%"><tbody><tr> </tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

ใครน่ะ...เห็นแต่ด้านหลัง ห้อยตุ๊กตาพวงกุญแจหมีพลู คิกขุ น่ารัก

 

ว่างๆจะแวะไปเที่ยวอีกเด้อหนุกดีมีอะไรสนุกๆวูบๆวาบๆเล่นตลอด5555

 

อนุโมทนาบุญคุณ luckyfriday ชาวระนองค่ะ
เข้าใจว่าถึงบ้านที่ระนองเรียบร้อยแล้ว
พักนี้มีสมาชิกชาวใต้มากันหลายท่าน ฟากอันดามัน

ยังไม่เห็นแถบสงขลามาเยี่ยมเลยค่ะ.. เดี๋ยวแพ้เขานะ...

 

ทำทางขึ้นเขากะลา 1 เรียบร้อยแล้ว ดีใจ เย้! จะได้ขึ้นไปแล้ว (รอคอยอยู่ค่ะ) ^^

อนุโมทนาค่ะ

 

พี่สุดใจ และผู้อาวุโสอีก 2 ท่าน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย

กลับถึงนครสวรรค์แล้ว เมื่อเวลาประมาณ 04.00 นาฬิกา วันนี้

ก็ได้สนทนากับแผนกพื้นที่ และได้รับทราบขั้นตอนทำทางขึ้นเขากะลา จึงขอนำภาพมาให้ชมกันอีกครั้งตามขั้นตอนการดำเนินการที่ผ่านมา

รถแบ็คโฮ มาทำการปรับทางที่เป็นหลุมลึก ๆ โดยการนำดินมาใส่ตามร่องที่ลึก และทำการปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอ เพื่อที่จะให้รถวิ่งขึ้นไปบนเขากะลาได้

 

ทำทางขึ้นเขากะลาเสร็จแล้วในส่วนที่จ้างเหมาปรับปรุง

 

ปรับปรุงทางเข้าด้านล่าง ที่มีต้นไม้ปกคลุมไม่เห็นทางขึ้นเขา มีการเกรดดินขยายทางขึ้นให้กว้างออกไป