ขอเชิญร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อตั้งกองทุนเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 3 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ
    ตอบ
    มีผลทางใจนะ แล้วมันก็ไหลไปมีผลทางด้านอื่นด้วยทันที

    คือเมื่อใจดี ปลอดโปร่ง โล่งสบาย การกระทำก็จะออกมาดี

    วาจาก็จะพ่นออกไปดี ผลรับที่ได้กลับมาก็จะดีตามไปด้วย

    เพราะรอบด้านไม่ขัดใจผลที่ได้กลับมาก็ย่อมดีตามไปด้วยเช่นกัน

    หลายคนจึงมักหลงเชื่อว่า เป็นเพราะไปทำพิธีต่างๆมา

    ทำให้ได้รับผลดีจากการทำพิธีนั้น

    คนทั้งหลายก็พลอยเชื่อตามคำบอกกล่าวนั้น

    ต่างสรรหาไปทำพิธีตามๆกันเพื่อหวังจะให้เกิดผลดี

    สุดท้ายคนฉลาดด้านพิธีจึงเกิดมีขึ้นมากมาย

    กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างงาม

    หมอดูจึงร่ำรวยบนความโง่ของคนนั่นเอง

     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ขอแจ้งรายการวัตถุมงคลสำหรับท่านที่สนใจพระกรุโบราณแท้น่าสะสมเพิ่มเติมเพื่อร่วมกันทำบุญกับทิพยสถานธรรมนะเจ้าค่ะ

    พระรอดกรุวัดอุโมงค์ (วัดไผ่ ๑๑ กอ) อายุกว่า ๘๐๐ ปี ให้บูชาองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท (สอบถามผู้คว่ำหวอดในวงการพระเครื่อง ท่านบอกว่า วงการเล่นกันที่หมื่นต้นๆ ค่ะ)

    จากการที่ยายผีป่าเชิญผู้เก่งด้านการขอชมพลังพระนะคะ ท่านบอกว่า เน้นเรื่องเมตตา และป้องกันภัยครอบคลุมทุกด้าน ยายผีป่าเลยลองขออธิษฐานขอพลังมาช่วย ท่านก็เมตตาค่ะ คือช่วยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงกลางคืนขณะอยู่บนถนน ยายเน้นขอท่านโดยตรง รถที่พุ่งเฉียงมาเฉี่ยวท้ายเรา เสียงดังมาก ลูกสาวยายเห็นกะตาว่ามันชน แต่พอเราลงไปดูรถไม่มีร่องรอยอะไร แต่รถของเขาสิกันชนยุบไป เขาผิดเรากลับไม่เอาเรื่องเขา

    ยายอธิษฐานจิตว่า ขออย่าให้รถมีรอบ อย่าให้รถไปชนเขา ถ้าโดนชนขอให้รถไม่เป็นอะไร คนไม่เป็นอะไร แปลกไหมคะ หรือรถของเราแกร่ง
     
  3. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    @ เราจะเห็นพระอรหันต์ได้อย่างไร?
     
  4. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ
    ตอบ เราจะเห็นพระอรหันต์ได้ก็ต่อเมื่อ เราได้เป็นพระอรหันต์เองแล้วนั่นแหละ หรือปฏิบัติเพื่อการเจริญรอยตามพระอรหันต์เท่านั้น เพียงแค่การดูด้วยตา พูดคุยด้วยปาก ฟังด้วยเสียงนั้นยังไม่ทำให้เราได้เห็น ได้รู้จักกับพระอรหันต์หรอก พระอรหันต์แต่ละท่านก็มีกิริยาท่าทาง รวมทั้งวาจาที่แสดงออกมาก็ไม่เหมือนกันด้วย แต่ที่เหมือนกันคือจิตใจของท่านพระอรหันต์เหมือนกันคือ ไม่ยึดถือยึดมั่น รู้การเกิดดับของสภาวะรอบด้านและในจิตใจตน รับรู้การกระทบอารมณ์ เสพอารมณ์แต่ไม่ติดในอารมณ์ที่เข้ามากระทบ พระอรหันต์มีมากแต่ยากที่คนจะเห็น และก็ยากที่คนจะเป็นได้ด้วย แต่ก็ไม่ยากเช่นกัน
    ดูตัวอย่างของกามนิตหนุ่มที่หลงรักวาสิฏฐีผู้มีความงามสุดจะพรรณนา จึงเป็นที่หมายปองของหนุ่มทั้งหลาย ด้วยฐานะที่แตกต่างกันของกามนิตและวาสิฏฐี ราวฟ้ากับดิน กามนิตหนุ่มจึงอกหักไม่สมหวังเพราะพิษของความรัก เป็นทุกข์ทรมานทางจิตใจ จึงแสวงหาหนทางดับทุกข์ทางใจด้วยการออกตามหาพระพุทธเจ้า เนื่องจากกิติศัพท์อันเลื่องลือในการปลอบประโลมใจด้วยการแสดงธรรมอันซาบซึ้ง สามารถระงับทุกข์ทางใจของผู้ฟังได้ ดังนั้นกามนิตหนุ่มผู้ผิดหวังจากความรักจึงดั้นด้นตามหาพระพุทธเจ้า เย็นวันหนึ่งได้เข้าไปอาศัยพักค้างแรมในโรงปั้นหม้อร้างแห่งหนึ่ง สักครู่ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้เข้ามาพักแรมในโรงปั้นหม้อร้างนั้นด้วย ทั้งคู่ต่างสนทนากันจนค่อนคืน กามนิตระบายความทุกข์ทรมานใจให้กับพระภิกษุรูปนั้นฟัง ซึ่งพระภิกษุรูปนั้นก็ได้แสดงธรรมให้กามนิตหนุ่มฟังจนรุ่งเช้า จากนั้นกามนิตรีบขอตัวเพื่อจะเดินทางตามหาพระพุทธเจ้าให้เจอต่อไป เมื่อเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง มีวัวบ้าคลั่งตัวหนึ่งวิ่งฝ่าฝูงชนมา กามนิตไม่ได้ระวังตัวเนื่องจากจิตใจมุ่งหวังที่จะตามหาพระพุทธเจ้าให้ได้ จึงถูกวัวขวิดตายอย่างน่าอนาถ กามนิตหนุ่มไม่มีวันได้รู้เลยว่า พระภิกษุที่ตนได้นั่งสนทนาด้วยทั้งคืนนั่นแหละ คือ พระพุทธเจ้า
    นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่ได้เป็นอริยะหรืออรหันต์จึงไม่มีวันได้เห็นพระอริยะหรือพระอรหันต์เลย ผนวกกับความเสียใจ ทุกข์ใจทำให้ขาดสติในการระมัดระวังตน ความประมาทจึงเกิดขึ้นจนถึงขั้นเสียชีวิต
    ฉะนั้นบุคคลควรเรียนรู้และปฏิบัติตนให้ดีงาม หมั่นชำระล้างจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์จากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย ด้วยการคิด ทบทวน พิจารณาเรื่องต่างๆด้วยเหตุผล หมั่นสร้างสมาธิเพื่อการมีสติสัมปชัญญะ หากทำได้เช่นที่ว่ามานี้ เราก็จะได้เป็นอริยบุคคลจนถึงขั้นพระอรหันต์ได้ และเมื่อนั้นการเห็นพระอรหันต์จึงไม่ยากเลย เอาใจช่วยแล้วกัน...
     
  5. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    @ พ่อแม่ กับพระพุทธเจ้าใครมีบุญคุณมากกว่ากัน?
     
  6. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    ตอบ
    พ่อแม่มีบุญคุณต่อลูกมากกว่าผู้ใด
    ส่วนพระพุทธเจ้านั้นพระองค์ท่านมีบุญคุณต่อคนทั้งโลก
    พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำให้หนูเกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้
    แต่พ่อแม่เป็นผู้ทำให้หนูเกิดมาเห็นโลกใบนี้
    และเลี้ยงดูให้หนูเติบโตขึ้นโดยลำดับ

    ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกทางบอกวิธี
    ให้ทั้งพ่อและแม่รวมทั้งหนูให้ประพฤติตนเป็นคนดี
    ให้สร้างสิ่งที่ดีเพื่อชีวิตที่ดีและมีความสุข
    พระพุทธเจ้าบอกทางให้คนทั้งโลก

    ส่วนพ่อแม่บอกทางและสอนสั่งเฉพาะหนู
    พ่อแม่ก็มีบุญคุณกับหนูมากกว่าใคร
    เพราะท่านเป็นผู้สร้าง เป็นผู้ให้ชีวิตแก่หนู
    เป็นผู้เนรมิตสรรพสิ่งทั้งหลายให้
    ท่านทั้งสองจึงเป็นพระประจำชีวิต
    เป็นพระอรหันต์ เป็นพระพรหม
    เป็นพระเจ้าของหนู เพราะท่านประทานพร
    และคุ้มครองผองภัยแก่หนูโดยเฉพาะ

    การตอบสนองคุณของพ่อแม่จึงยากนักที่จะหมด
    คงมีแต่พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์เท่านั้น
    ที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า เอาขึ้นตาชั่ง
    แล้วเสมอคือมีน้ำหนักเท่าๆกัน

    ก็ที่พระท่านสวดในงานศพนั่นแหละ
    ลูกๆและคนทั้งหลายจึงคิดว่า รอให้พ่อแม่ตายก่อน
    แล้วกันค่อยนิมนต์พระมาสวดให้ฟัง
    การคิดแบบนั้นผิดค่ะ รู้ไหมว่าทำไม
    จึงให้ลูกบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่
    (ต่อพร่งนี้เพราะคำตอบยาว......)
     
  7. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    รูปพระรอดที่ยายให้บูชาค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC08312.JPG
      DSC08312.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      110
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2008
  8. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ
    ตอบ(ต่อจากวันก่อน)

    จะขอยกตัวอย่างของเพลงมาอธิบายให้ฟังแล้วกัน...
    บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย...หมายความว่าลูกบวชมาแล้วร่ำเรียนพระธรรมจนแตกฉานก็ยังสู้และทดแทนบุญคุณของแม่ไม่หมดและไม่ได้เลย
    จะทดแทนคุณท่านหมดก็ต่อเมื่อ แตกฉานในพระธรรมนั้นแล้ว นำเอาพระธรรมนั้นมาสอนสั่ง พ่อแม่ให้ท่านมีจิตเลื่อมใสศรัทธาและเข้าใจในพระธรรมมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งพ่อแม่นำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ นั่นแหละจึงจะทดแทนบุญคุณท่านได้พอๆกันกับที่ท่านได้ให้กำเนิดเรามา
    อยากให้ทุกท่านกลับไปศึกษากับพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์สักนิดเพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
    จำไว้นะเวลาที่สำคัญที่สุดคือ เวลาปัจจุบันหรือเดี๋ยวนี้ อย่ามัวผลัดวันประกันพรุ่งเลย เพราะเวลาจะฆ่าเราได้ รีบฆ่าเวลาเสียแต่บัดนี้เถิด
    ความตายคืบคลานเข้ามาสู่เราทุกเวลานาที จงอย่าคิดว่าจะไม่ตายหรือยังไม่ถึงเวลา ท่านรู้หรือว่าเวลาตายของท่านนั้นตอนไหน?
    ส่วนพระพุทธเจ้านั้นพระองค์ท่านมีบุญคุณต่อมวลมหาชน ที่พระองค์ไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆเลย เพราะพระองค์ท่านทำได้และหลุดพ้นได้แล้วนั่นเอง
    ส่วนพ่อแม่ของเรานั้นท่านยังหลุดพ้นไม่ได้ อยู่ที่ลูกๆทั้งหลายต้องช่วยและทำให้เรารวมทั้งพ่อแม่หลุดพ้นจากความทุกข์ให้ได้นั่นเอง
    ลูกบางคนคิดว่าตนเก่งกว่าพ่อแม่ ดูถูกพ่อแม่ของตน ปัดโธ่...เพิ่งอายุ ๑๔ปี เอง จะเก่งกว่าผู้ที่อายุมากกว่าได้อย่างไร?
    จำไว้เถิดว่า ถ้าหนูเก่งกว่าพ่อแม่ก็อย่าเรียนหนังสือสิ ออกมาทำงานเลี้ยงตัวเองก็แล้วกัน แหม...ยังโง่อยู่เลย แถมยังอวดเก่งเกินตัวอีก ผ่านโลกมาก็น้อยกว่าพ่อแม่ ถ้าเก่งกว่าแล้วมาเกิดเป็นลูกทำไม?
    อย่าอวดดีนะ…ขอบอก... ลูกที่คิดว่าดีและเก่งกว่าพ่อแม่ฟังหน่อย
    หนูยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลย
    เลี้ยงตัวเองก็ยังไม่ได้ยังไม่รอด
    ระวังนะดูถูกพ่อแม่จะผิดหวังและจะเกิดอุบัติเหตุ
    เป็นโรคร้ายที่หมอรักษาและวินิจฉัยไม่ได้
    ที่สำคัญจะอกหักทุกเรื่องเลยนะจะบอกให้
    ไม่ได้ขู่...เรื่องจริงทั้งนั้นที่กล่าวมา
    ฉะนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน
    นั่นแหละ คือผู้ประเสริฐและมีคุณมากโดยแท้

     
  9. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สวัสดีจ๊ะพี่น้องจ๋า

    คืนหนึ่งฝันไปจ๊ะว่าท่านปู่ฯ มาเตือนเรื่องการสร้างบารมีของพวกเราผู้เคยเกื้อหนุนกันมา โดยเฉพาะที่ทิพยสถานธรรม ท่านห่วงเรื่องการป่วยของแม่ชี และเรื่องการชำระค่าที่ดิน เกรงว่าจะมีปัญหากันในวันข้างหน้า (อิอิ...เรียกท่านให้คนเข้าใจว่ายายผีป่าเนี่ยเชื้อผู้ดีเก่า เอิ๊กๆ)

    ท่านจึงให้ลูกหลานช่วยกันอย่างแน่วแน่ แต่เนื่องด้วยภาวะยุคเศรษฐิกิจบอบช้ำ ลูกหลานก็แน่ แหะๆ เงินทองก็ร่อยร่วง ท่านปู่บอกว่า

    ให้พระแม่ธรณีมาช่วยนะ

    อันดับแรก

    ให้บูชาขอพรจากพระแม่ธรณี (บีบมวยผม)เป็นกรณีพิเศษ

    ขอพรด้วยการพูด ห้ามบนบาลติดสินบนใดๆ นะคะ

    เครื่องไหว้ที่ถวายพระแม่ท่านก็มี

    ส้มสีทอง ๔ ผล

    ธูป ๙ ดอก เทียนเล่มขาว ๑ บาท ๑ เล่ม

    สัปรดลูกเล็ก(ภาคใต้มีพันธุ์นี้เยอะจ๊ะ) ๑ ผล

    ดอกแคขาว ๕ ดอก อ้อยควั่น ๑๕ ข้อ(สมัยยายผีป่าเด็กๆ ยายของยายผีป่าแกเอาน้ำตาลปี๊บจ๊ะ ปั้นเป็นก้อน และกล้วยน้ำว้าสุก)

    บอกท่านให้ช่วยอย่างทันใจนะคะ

    ทำบุญด้วยการสร้างหลังคาวัด โบสถ์ (สถานปฏิบติธรรมก็เหมือนวัดเช่นกัน)

    สอบถามเพิ่มเติมนะคะ ขอตัวก่อน
     
  10. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    @ อภิญญา คืออะไร?
     
  11. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    ตอบ
    คำว่าอภิญญา ในพจนานุกรมกล่าวเอาไว้สั้นๆว่า

    ความรู้อันพิเศษสูงยิ่ง มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้เป็นต้น

    อธิบายให้กระจ่างตามความนั้นคือ อะ หมายถึง ไม่มีรูป

    ภิญญา คือ ความพิเศษอันเหนือปุถุชน

    รวมความคือ ผู้ที่มีความพิเศษหยั่งรู้เปรียบเหมือนผู้มีตาทิพย์วิเศษ

    หูทิพย์วิเศษในตน อันบุคคลธรรมดาไม่มี

    อภิญญา เป็นความสามารถพิเศษภายใน

    อันได้แก่สามัญสำนึกหรือความนึกคิดที่ดี ที่เรียกว่า คุณธรรม

    แล้วระเบิดความพิเศษนั้นออกมาเป็นการกระทำที่ดี

    ที่ถูกที่ต้องที่ควรทางกาย ทางวาจา

    เกิดเป็นความสำเร็จของการงานแก่ตนและคนส่วนรวม

    เรียกว่า จริยธรรม หรือจรรยาบรรณที่ดีงาม

    บุคคลผู้นั่งแต่นึกคิดเอาผลประโยชน์ใส่ตนฝ่ายเดียวนั่น

    ไม่เรียกว่า ผู้มีอภิญญา แต่เรียกว่า เป็นผู้มีความโลภมาก

    บุคคลผู้ได้แต่คิดอยู่ภายในโดยไม่ทำอะไรออกมา

    ให้เป็นประโยชน์แก่ตนและคนรอบข้าง นั่นเรียกว่าเป็น คนดีหรือ?

    (ตอบ ต่อพรุ่งนี้)

     
  12. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    อภิญญาจึงเป็นภาษาอภินิหารอันอัศจรรย์ซึ่งเกิดมีภายในตน

    โดยการฝึกฝน อดทน เพียรพยายามกระทำสิ่งที่ดีงาม

    ให้มี ให้เกิดขึ้นในตนโดยลำดับ

    จนกระทั่งสั่งสมเป็นคุณสมบัติพิเศษอันเยี่ยมยอด

    ในตนโดยครบถ้วน เช่น พระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    พระอริยะทั้งปวงและแม้แต่พระเจ้าอยู่หัวฯ พ่อของแผ่นดินไทย

    ที่ได้ระเบิดความพิเศษนี้ออกมาในรูปแบบของงาน

    เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชน จนแพร่หลายไปสู่สายตาของชาวโลก

    และเกิดเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่มวลสาธารณชนเป็นอย่างมาก

    อย่ามัวแต่ติดตำรา ยึดตำรา แบกตำราและภาษา

    รวมทั้งมุมมองเดียวเลย ตำราเป็นที่มาของความรู้

    จงพัฒนาความรู้ให้กลายเป็นความฉลาดหรือเป็นผู้มีปัญญา

    ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ที่เรียกว่า บรรลุธรรมเถิด

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่อธิบายมาจะเป็นประโยชน์
    ห้ท่านทั้งหลายเข้าใจและเป็นผู้มีปัญญาอย่างสมบูรณ์
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post1678258 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 04:38 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #24651 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>hongsanart<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1678258", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 05:10 PM
    วันที่สมัคร: Jun 2005
    ข้อความ: 447
    <IF condition="">
    </IF>ได้ให้อนุโมทนา: 7,860
    ได้รับอนุโมทนา 5,148 ครั้ง ใน 442 โพส
    พลังการให้คะแนน: 349 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1678258 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->วันนี้ได้รับพระสมเด็จวัดระฆัง 20 องค์ ,สมเด็จหลังเบี้ย 200 องค์ ซึ่งคุณหนุ่มส่งให้ เพื่อถวายแม่ชีณัฐทิพย์ ตนุพันธ์ โดยจะมอบให้แก่ผู้ที่ร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ตามที่คุณหนุ่มได้ระบุไว้ พรุ่งนี้พี่จะเป็นตัวแทนคุณหนุ่ม นำไปถวายท่านที่เกาะยอค่ะ

    ขอโมทนาบุญกับคุณหนุ่มทุกประการค่ะ
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ------------------------------------------------------

    รายนามผู้ถวาย ผมแจ้งทางอีเมล์แล้วนะครับพี่อ้อย

    โมทนาสาธุครับ<!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    @ ขอให้อธิบาย ความพอเพียง
    ให้กระจ่างกว่าที่ได้เคยฟังมาหรืออ่านมาครับผม?
     
  15. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ
    ตอบ
    ความพอเพียง
    เป็นคำกล่าวสั้นๆหรือเป็นอภิปรัชญาที่นักปราชญ์ทั้งหลายใฝ่หา
    พระเจ้าอยู่หัวฯของเราทรงเข้าใจธรรมะอย่างกระจ่างแจ้งครบถ้วน
    และได้นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนใหม่
    โดยใช้ภาษาตามประเทศด้วยคำกล่าวว่า พอเพียง
    แต่คำกล่าวสั้นๆนั้นสามารถขยายความออกไปได้อีกมากมาย

    ความพอเพียง
    เป็นภาษาของประเทศไทย แต่สอดคล้องกับภาษาธรรมที่พระพุทธเจ้า
    กล่าวด้วยภาษาของประเทศพระองค์ว่า มัชฌิมาปฏิปทา
    คือ การดำรงตนในชีวิตด้วยความพอดี เป็นทางสายกลาง
    ที่ไม่โอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ที่เรียกว่า มรรค ๘
    เป็นวิถีวิธีในการดำเนินชีวิตด้วยการพึ่งตนเองก่อน (Self-Sufficiency)
    แล้วค่อยขยายไปสู่องค์กรและสังคมประเทศต่อไป

    ในทางภาษาอังกฤษนั้นใช้คำว่า Sufficiency Economy
    คือแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งไม่มีในตำราที่ผู้อื่นเขียนไว้
    เพราะถ้ามีในตำราก็หมายความว่า ไปลอกของเขามา
    โดยไม่ได้คิดเองอันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจจึงคิดเองไม่ได้
    มรรค ๘ จึงเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันกับความพอเพียง
    หรือความพอดี พอประมาณอย่างมีเหตุมีผล
    และมีการสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย มรรค ๘ได้แก่

    (ตอบต่อพรุ่งนี้แล้วกัน คำตอบยาววววววว)

     
  16. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    - ๑.สัมมาทิฐิ
    หมายถึง มีความนึกคิดจากภายในที่ดีงาม ถูกต้องตามความเป็นจริงของสังคมโลก นำมาใช้ให้เหมาะสมเป็นประโยชน์กับตนและบริบทของสังคมประเทศนั้นๆ เรียกว่า มีความรู้ในเหตุและผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน

    - ๒.สัมมาสังกัปปะ
    หมายถึง การนึกคิดได้จากการมีสัมมาทิฐิแล้ว จึงดำริภายในอันถูกต้องว่าจะไม่สั่งสมความอยากมาก เรียกง่ายๆว่า จะไม่โลภมากอันเป็นที่มาของความเดือดร้อนทั้งหลายจนกลายเป็นความเบียดเบียนผู้อื่น ไม่โกรธจนกลายเป็นความพยาบาท ใฝ่หาความรู้เพื่อพัฒนาจิตใจไม่ให้ติดอยู่ในความหลงผิด

    - ๓.สัมมาวาจา
    หมายถึง เมื่อรู้ถึงเหตุผลอันเกิดจากความนึกคิด วาจาที่กล่าวออกมาจึงงดงามตามความนึกคิด อันได้แก่ รู้กาลเทศะของการพูด ไม่พูดเท็จอันจะเป็นผลร้ายแก่ตนและบุคคลอื่น ไม่พูดหาประโยชน์ใส่ตนแต่ฝ่ายเดียว คือไม่พูดเท็จ ,ไม่พูดคำหยาบ , ไม่พูดส่อเสียด , ไม่พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ

    - ๔.สัมมากัมมันตะ
    หมายถึง การงานที่ถูกต้องในที่นี้หมายถึงการกระทำหรือพฤติกรรมทางกาย ที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ผู้อื่น เช่น ไม่ฆ่า , ไม่ลักทรัพย์ , ไม่ประพฤติล่วงเกินในสามีภรรยาหรือเด็กหญิงชายที่ผู้ปกครองและเจ้าตัวไม่ยินยอม

    - ๕.สัมมาอาชีวะ
    หมายถึง การเลี้ยงชีพชอบ คือประกอบอาชีพที่ไม่ผิดต่อกฎหมายและบัญญัติของสังคม รวมทั้งต้องไม่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงามด้วย รู้จักประมาณในการแสวงหา รู้ประมาณในการรับและรู้ประมาณในการบริโภค

    - ๖.สัมมาวายามะ
    หมายถึง มีความเพียรที่ถูกต้อง กล่าวคือมีความเพียรระวังไม่ก่อสร้างบาปกรรมชั่วให้เกิดขึ้นในตน , เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เกิดขึ้นใหม่อีก , เพียรสร้างกุศลที่ดีใหม่ให้เกิดขึ้นเป็นประจำสม่ำเสมอ , เพียรรักษากุศลดีที่ทำนั้นไว้ให้มั่นคง

    - ๗.สัมมาสติ
    หมายถึง ความระลึกนึกคิดได้ในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ เช่น นึกคิดรู้ได้ในสิ่งที่เข้ามากระทบกาย ทำให้เกิดเป็นอารมณ์ความรู้สึก ระงับอารมณ์ความรู้สึกนั้นได้และหายไปในที่สุด

    - ๘.สัมมาสมาธิ
    หมายถึง ความตั้งใจมุ่งมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ตั้งใจสงบระงับซึ่งความฟุ้งซ่านด้วยการเจริญสมถะ คือความสงบแห่งจิตชั่วขณะด้วยอุบายต่างๆ และพิจารณาชีวิตสังขารทั้งหลายนั้นเป็น อนิจจัง คือไม่เที่ยง ทุกขัง หากยึดย่อมเป็นทุกข์ อนัตตา จับต้องไว้นานไม่ได้ นี่คือกฎไตรลักษณ์ที่ผู้พิจารณาได้ย่อมเกิดเป็นองค์ปัญญา

    มรรค ๘ นี้เป็นสามัคคีธรรมที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืนและลงตัวหากบุคคลนำไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ ย่อมอยู่เป็นสุขทุกเมื่อทั้งปัจจุบัน คือชาตินี้และอนาคต คือชาติหน้า รวมทั้งติดตามไปในชาติต่อๆไป คือพรุ่งนี้ของพรุ่งนี้ไปเรื่อยๆ ตราบเข้าสู่พระนิพพานถาวรในที่สุดนั่นเอง

    สรุปโดยรวมของความพอเพียง คือ
    มีเหตุมีผล
    รู้จักประมาณในความพอดี
    มีภูมิคุ้มกันตนเอง
     
  17. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    ความพอเพียงเป็นแนวคิดทฤษฎีใหม่ของพระเจ้าอยู่หัวฯ
    ที่ให้คนสามารถดำรงตนอยู่ได้ด้วยตนเอง
    เรียกว่า มีตนเป็นที่พึ่งและพึ่งตนเอง
    ด้วยมันสมองและสองมือสองเท้าของตนเองก่อน
    เป็นการช่วยประเทศในด้านหนึ่งด้วย

    หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาไปสู่องค์กรชุมชน และขยายตัวไปสู่ประเทศ
    เรียกว่าต้องมีการกระจายความรู้สู่ผู้อื่น ทำให้ทุกฝ่ายเข้มแข็ง
    การดำรงตนอยู่ได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยเศรษฐกิจ คือการแลกเปลี่ยน

    ไม่ได้บอกว่าครอบครัวต้องมีที่ดินและหันมาปลูกผักทำไร่ทำนากันทุกครอบครัว
    หากแต่ครอบครัวไหนมีที่ดินก็ให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น
    ให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวให้มากที่สุด

    เมื่อพอเพียงในครอบครัวแล้ว ที่เหลือก็ขยายออกสู่ชุมชน
    เป็นการสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกทางหนึ่ง
    และเมื่อแต่ละครอบครัวมีมากก็จัดตั้งเป็นรูปแบบต่างๆ
    ขยายไปสู่เมืองและประเทศต่อไป

    นครอบครัวที่ไม่มีที่ดิน แต่มีรายได้จากการทำงานประจำ
    หรือทำธุรกิจก็สามารถนำแนวคิดนี้มาใช้ได้
    โดยการรู้จักควบคุมรายจ่าย
    ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้จ่ายอะไร
    แต่ให้ควบคุมการจ่ายแบบสุรุ่ยสุร่าย
    มีการเพิ่มรายได้ด้วยการงานอดิเรก
    เพื่อเพิ่มรายได้ใหม่เสริมและควบคู่กันไป
    มีการทำบัญชีและออมไว้ และนี่คือความพอเพียง

    ถามมาสั้นนิดเดียวตอบเสียยาว
    จะขยายให้ยาวกว่านี้ก็ได้
    แต่พอแค่นี้ดีกว่าเดี๋ยวเกินความพอดีไป
    กลายเป็นน้ำท่วมทุ่งยุ่งกันใหญ่ไปเปล่าๆ
     
  18. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    @ หนูมักร้องไห้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ
    อย่างนี้เรียกว่าบ้าหรือไม่คะ?
     
  19. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สวัสดีค่ะ ทราบจากคุณอ้อยว่า หลวงพี่เล็กได้แวะไปเยี่ยมเยือนที่เกาะยอฯ และได้มอบเงินบางช่วยเหลือโครงการด้วย อนุโมทนาเจ้าค่ะ

    ท่านที่ไปที่ทิพยสถานธรรม เชิญเช่าหาวัตถุมงคลได้นะคะ มีหลากหลายจริงๆ ทั้งของเก่าแท้ และสร้างใหม่ (ครูบาอาจารย์สร้างค่ะ ไม่ใช่ของทำเลียนให้เหมือน)

    เชิญนะคะอนุโมทนาจ๊ะ
     
  20. viroj

    viroj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +2,846
    คำถามที่ต้องตอบ

    ตอบ
    คนบ้าไม่รู้ว่าร้องไห้และหัวเราะ

    ทำไม หนูรู้ว่าร้องไห้เพราะเสียใจ

    หัวเราะเพราะดีใจอย่างนี้จะเรียกว่าบ้าได้อย่างไรกัน?

    น้ำตาและเสียงหัวเราะบางครั้งก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด

    ในยามที่เราผิดหวังว้าเหว่ และดีใจ

    ยังไม่มีใครตายเพราะร้องไห้และหัวเราะเลย

    ทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ

     

แชร์หน้านี้

Loading...