การเตรียมการรับมือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ

ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถหมุนเวียนเงินมาใช้ในการบริโภค
โดยเฉพาะผู้ที่มีบัตรเครดิตส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีรายได้สูงและเป็น
นักธุรกิจเสียเป็นส่วนใหญ่ ในบางครั้งมีความจำเป็นจะต้อง
ใช้เงินมาหมุนเวียนในทางธุรกิจเพียงแค่ 3 วัน 7 วัน แต่ต้องมา
เสียค่าธรรมเนียมในการเบิกเงินสดล่วงหน้าถึง 3% หรือร้อยละ
3 บาท ไม่รวมดอกเบี้ยอีกต่างหาก นับว่าก่อให้เกิดความสูญเสีย
ในระบบธุรกิจเป็นอย่างมาก และเมื่อภาครัฐส่งเสริมนโยบายให้
ทุกครัวเรือนมีรายได้ มีการทำธุรกิจเป็นของตนเองแล้วละก็
ควรจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะทำให้
ผู้บริโภคหรือเจ้าของบัตรจะประสบปัญญาอย่างทุกวันนี้

 

คุยอยู่คนเดียวเลยหรือครับคุณไอย วันนี้ผมมาร่วมแจมด้วยหน่อยนึงถึงภัยทางเศรษฐกิจที่ใกล้ตัวเข้ามาทุกวันๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเข้าใกล้ตัวผมเองนี่แหละ

เรื่องของเรื่องคือเมื่อปลายปีที่เพิ่งผ่านมา ในทันทีที่ประเทศสหรัฐมีปํญหาเรื่องเศรษฐกิจ บริษัทฯ ที่คนที่บ้านผมทำงานอยู่ เป็นบริษัทฯ ญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมนวนครได้ประกาศปลดพนักงานทันที่ประมาณ 400 คน จากทั้งหมด 2,000 คน เพราะยอดการสั่งซื้อจากเมืองนอกลดลงเกือบหมดโดยทันที ปีใหม่ที่แล้วให้พนักงานหยุดแบบต่อเนื่อง 19 วัน สิ้นเดือนนี้ก็จะปลดพนักงานประจำออกอีกประมาณ 300 คน ส่วนอีก 3 เดือนข้างหน้า คือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ถึง เมษายน ก็จะประกาศให้พนักงานหยุดอย่างต่อเนื่องอีกเป็นระยะเวลาถึง 3 เดือนต่อเนื่องกัน โดยจะจ่ายค่าจ้างเหลือ 75 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานแต่ละคนที่ได้รับอยู่

ในเวลานี้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในไทยที่มีพนักงานทำงานอยู่เป็นจำนวนมากก็คงจะกำลังอยู่ในระหว่างวางแผนเพื่อเพิ่มปริมาณคนตกงานอีกเป็นจำนวนมากครับ ผลกระทบอื่นที่เห็นได้ชัดคือธุรกิจหอพัก ตอนนี้เจ้าของหอแต่ละแห่งก็คงนอนไม่หลับกันแล้วละครับ

ก็คุยให้กันฟังครับไม่ได้มีอะไรเครียด เพียงแต่อยากสนับสนุนว่าภัยพิบัติทางเศรษฐกิจนี้ มันใกล้ตัวจริงๆ

 

ขอบคุณนะค่ะคุณ No. 9 ที่เข้ามาชวนคุย แหมกลัวจะเหงา
ไม่เหงาหรอกค่ะ เพราะตั้งใจเขียนให้เป็นวิทยาทานกับทุก ๆ คน
ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่เขียนไว้อย่างที่บอกนั่น
คือส่วนหนึ่ง คุณจะทำได้หรือไม่ได้ คุณต้องหาหนทางแก้ไข
ด้วยตัวของคุณเอง เพราะปัญหาของคุณ คุณย่อมรู้ดีกว่าใครทั้งสิ้น

คุณ No.9 มาเล่าเรื่องคนงานที่ จ. อยุธยา โดนปลด
นั่นแค่ส่วนน้อย อีกหน่อยจะมีมากกว่านี้เยอะ อย่างที่บอก
ทุนต่างประเทศต่างเิริ่มทยอยออกไป เพราะประเทศตัวเอง
ก็กำลังย่ำแย่ การที่เขาถอย เพื่อเขาจะได้ไปตั้งหลักที่ประเทศ
ของเขาเองก่อน จะไปโทษ ไปว่าเขานั่นไม่ใช่เหตุผล
เป็นใคร ใครก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ในเมื่อเขาถอยไปตั้งหลัก
แล้วคุณเองจะถอยไปตั้งหลักอย่างไร ต้องคิดและพิจาณากันแล้ว
ถึงได้บอกอยู่เสมอว่า ตนนั้นเป็นที่พึ่งแห่งตน

เมื่อยืมจมูกคนอื่นหายใจ ยามเจ้าตัวเขาไม่อยู่
แล้วคุณจะหายใจได้อย่างไร เพราะฉะนั้น
คุณต้องหายใจและยืนอยู่ด้วยตัวคุณเองให้ได้ และทำได้อย่างมีสติ

การที่ไอยเขียนเรื่องราวเล่านี้ขึ้นมา เพื่อต้องให้ให้สติทุกคน
ที่มีปัญหาว่า อย่าไปกล่าวโทษคนนั้น คนนี้ บริษัทนั้น รัฐบาลนี้
แต่คุณต้องโทษตัวเองว่า ทำไมไม่รู้จักคิดการณ์ไกล
มองไปข้างหน้าทำอย่างไรถึงจะพึ่งตัวเองได้
ใช้สิ่งที่ไอยได้เขียนมาเป็นแนวทาง
และก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองสูงสุดให้ได้
(ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คน ให้ค้นพบทางเดินของตัีวเองนะค่ะ)

 

3. ปัญหาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
ถ้าพิจารณาจากผลต่างในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้วนั้น
จะเห็นได้ว่าผลต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขั้นต่ำอยู่ที่ 0.50 บาท
กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำอยู่ที่ 7.00 บาท สำหรับเงินกู้รายย่อย
ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชีขั้นต่ำอยู่ที่ 10.00 บาท นั้น
จัดได้ว่าเป็นการคิด Rate ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินไป

 

เมื่อสมัยก่อน IMF สัก 10 ปีมาแล้ว สถาบันการเงินจะให้ดอกเบี้ยเงินฝาก
กันค่อนข้างสูง แต่เมื่อเผชิญปัญหา IMF ทำใ้ห้สถาบันการเงินต่าง ๆ
ลดดอกเบี้ยเงินฝากลงมาต่ำมาก แต่พอเศรษฐกิจฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ย
กลับไม่ปรับเพิ่ม จวบจนมาถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกกำลังตกต่ำ
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็ยิ่งมีอัตราต่ำลงไปด้วย ซึ่งสวนทางกับดอกเบี้ยเงินกู้
โดยเฉพาะรายที่ผิดนัดชำระหนี้แล้ว อัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นไปอีก
ทำให้ลูกหนี้สถาบันการเิงินต่าง ๆ เหล่านี้เกิดปัญหาขึ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ย
เงินกู้สูง ก็จะทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการไม่มีความสามารถใน
การชำระหนี้ ก็ก่อให้เกิดปัญหาหนี้เสีย หนี้สูญ กลายเป็นปัญหาของ
ประเทศซ้ำเติมเข้าไปอีก

 

ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการในเรื่องนี้
โดยธนาคารของรัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่างให้สถาบันการเงินเอกชน
เห็นว่า รัฐบาลมีความจริงใจและช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง
ถ้าฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เิีริ่มต้นก่อน โดยใช้ธนาคารที่รัฐบาลสนับสนุนแล้ว
ในที่สุด สถาบันการเงินภาคเอกชน จะเป็นฝ่ายปรับเปลี่ยนไปตาม
นโยบายของรัฐบาลแทน

 

4. จัดตั้งหน่วยงานช่วยเหลือเรื่องหนี้สินให้กับภาคประชาชนและเอกชน
หรือศูนย์กลางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชุมชน โดยให้ผู้นำชุมชน
ประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการในชุมชนนั้น ๆ รวบรวมรายชื่อ
ประวัติการเป็นหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เข้ามาอยู่ในสารบบทั้งหมด
เพื่อจะได้ทราบปัญหาของประชาชนและผู้ประกอบการ โดยรัฐมีหน้าที่
วางนโยบายและออกกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาเหล่านี้
อย่างเป็นรูปธรรม

 

เหตุที่มาของปัญหานี้ เพราะว่าความเจริญทางเทคโนโลยี การสื่อสาร ทีวี คอมพิวเตอร์
วิทยุ โทรสับมือถือ ชี้นำ มอมเมา ยั่วยุให้คนเกิด กิเลส ตัณหา ในการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว..
ทั้งนโยบายภาครัฐบาล และธนาคาร ก็สนับสนุน ส่งเสริม ให้ประชาชน กู้หนี้ยืมสิน
ใช้บัตรเครดิต แปลงทรัพย์สินเป็นทุน กันอย่างเมามันในการนำเงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า
มาซื้อบ้าน ซื้อรถ และอื่นๆอีกมากมาย เป็นหนี้กันดอกเบี้ยบานไปทั่วถึง ทั้งครู ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐ และเอกชน รวมทั้งชาวบ้านตามชนบท..

..ผลประโยชน์ตกที่คนรวยๆนักธุรกิจ นักการเมืองกลุ่มเล็กๆ ไม่กี่คน ที่ร่วมกันแสวงหากำไรจากธุรกิจการค้า การเงิน การธนาคาร เสวยสุขบนคราบน้ำตาประชาชนและความหายนะทางเศรษฐกิจของประเทศ และของโลก ณ ปัจจุบันนี้..

..ธรรมชาติของมนุษย์ที่เกิดมาบนโลกกลมๆใบนี้ ก็ดิ้นรน ไขว่ขว้า แสวงหา ตกเป็นทาสกิเลส ตัณหา ให้กับ ความรัก โลภ โกรธ หลง กันทั้งชีวิตอยู่แล้ว อยากมี อยากได้ อยากเป็น กันอย่างไม่เคยรู้จักอิ่มจักพอ.. คงไม่มีใครสามารถห้ามใครได้ นอกจากตัวคุณเองจะมีสติเตือนตนเอง.. ว่าคุณรู้จัก... พอ.. หรือยัง.. เอวัง..

**** การไม่เป็นหนี้.. เป็นลาภอันประเสริฐ ****

**** อย่าจมทุกข์อยู่กับอดีต.. อย่าฝากความสุขไว้กับอนาคต ****

**** ปัจจุบัน ปัจจุบัน ณ วันนี้ คุณกำลัง สุข หรือทุกข์ ****

 

สิ่งที่ภาครัฐควรทำ

3. นโยบายเรื่องปัญหาอาชญากรรม
ในยามภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมมากขึ้น
ซึ่งแต่เดิมก็มีมากอยู่แล้ว จนเรือนจำไม่มีสถานที่ ที่จะรองรับนักโทษ
ได้มากเพียงพอ จนทำให้นักโทษต้องแหกคุก ก่อการจราจลขึ้น
ตามที่เป็นข่าวนั้น ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะการณ์ รัฐควรป้องกันและ
แก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ปัญหานี้หนักหนาจนยากเกินกว่า
ที่จะแก้ไขได้

 

3.1 ลดผู้กระทำผิดโดยการสร้างคนดี
โดยการนำผู้กระทำความผิดหรือนักโทษที่ใกล้จะครบกำหนดพ้นโทษ
หรือนักโทษที่ไม่ได้ก่อคดีร้ายแรงอันเป็นภัยต่อสังคมและประเทศชาติ
ที่จะครบกำหนดพ้นโทษในระยะเวลา 1-2 ปีตลอดจนปัญหาเด็กวัยรุ่น
กวนเมืองทั้งหลายนั้น ให้เข้ามาอยู่ในกระบวนการควบคุมความประพฤติ
โดยการปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์กับสังคม

 

โดยภาครัฐออกนโยบายให้ผู้กระทำความผิดเหล่านั้นมาทำหน้าที่
ช่วยเหลือ ดูแล ผู้พิการ เด็กกำพร้า คนชราซึ่งไม่สามารถดูแลตัวเองได้
โดยจัดที่ดินทำกินให้ผู้กระทำความผิด มาทำการเพาะปลูก ทำนา
เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ เป็นต้น โดยนำผลผลิตที่ได้นั้น นำมาเลี้ยงตนเองกับ
ผู้ที่ตนเองต้องดูแล รวมทั้งนำผลิตจากที่ไว้กิน ไว้ใช้ ส่งให้กับภาครัฐ
เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชน

 

3.2 ใช้ธรรมะขัดเกลาจิตใจ
โดยจัดให้ผู้กระทำความผิดได้มาฟังธรรมะทุก ๆ วัน โดยพระภิกษุจากวัดต่าง ๆ
มาอบรม ขัดเกลาจิตใจผู้กระทำความผิด พร้อมทั้งสอนการนั่งสมาธิ เรียนธรรมะ
ภายในเรือนจำ ซึ่งอาจจะสร้างแรงจูงใจให้กับผู้กระทำความผิด โดยอาจจะ
ได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ลดระยะเวลาของการต้องโทษให้น้อยลง,
สิทธิในการปรับลดโทษให้เข้าไปอยู่ในกระบวนการควบคุมความประพฤติ เป็นต้น

 

ประโยชน์ที่ได้รับ

1. ลดปัญหาอาชญากรรมให้น้อยลง
2. ผู้พิการ เด็กกำพร้า คนชรา และผู้ทุพพลภาพ ก็จะมีคนคอยช่วยเหลือ
ดูแล ลดปัญหาและภาระให้กับประเทศเป็นอย่างมาก
3. ผู้กระทำความผิด จะได้มีอาชีพไว้เลี้ยงตนเองเมื่อยามพ้นโทษ
4. ได้รับการขัดเกลาจิตใจ ให้เป็นคนที่มีจิตใจเมตตา ช่วยเหลือคนอื่น
5. สร้างสรรสังคมให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ คนก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
6. ก่อให้เกิดระบบการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

 

เราพัฒนาแบบตามทุนนิยมมากไปจนเกิดช่องระหว่างคนรวยคนจน การแสวงหาผลประโยขน์แบบไม่คำนึงถึงคุณธรรม การศึกษาที่ดำเนินการแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา เราไม่ได้พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างคนดีมีความรู้ให้สังคม แต่เราสร้างหุ่นยนต์เศรษฐกิจที่ทำงานได้ดีแต่ไร้จริยธรรม

 

เรียนคุณไอยม คุณ No.9

เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานอยู่บริษัทญี่ปุ่นในนิคมอุตฯบางปะอิน ได้นำเสนอแนวความคิดทฤษฎี "กบจำศีล" โดยการไม่ปลดพนักงานออก แต่จะลดในส่วนของ โอที ลง แล้วก็ให้ทำงานเป็น 2 กะเหมือนเดิม แต่ละกะจะทำงานอาทิตย์ละ 3 วันหยุด 4 วัน ทั้งสองกะทำงานเช้าถึงเย็นทั้งสองกะ (กะแรกทำวันจันทร์ถึงวันพุธ กะที่สองทำวันพฤหัสถึงวันเสาร์) โดยไมมี่การลดเงินเดือน โดยอธิบายบอกประทานบริษัทว่า จะฝึกคนงานที่มีอยู่ทั้งหมดให้มีความสามารถสูงขึ้นเพื่อที่จะได้รองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอีกสองปีข้างหน้า บริษัทนี้จะทำการผลิตได้ก่อนเจ้าอื่นๆทำให้ได้เปรียบทางการค้าผลกำไรดีกว่าการปลดพนักงานออก และเพื่อนผมก็ได้ทำข้อมูลค่าใช้จ่ายทางการเงินทั้งหมดให้ประธานบริษัทดู ผลปรากฏว่าประธานบริษัทเห็นด้วยกับทฤษฎีนี้และให้บริษัทอื่นๆในเครือทั้งหมดไปทำการศึกษาในรายละเอียดในทุกๆด้านเพื่อนำเสนอแผนต่อไป

ทำไมเราไม่เอาไอเดียนี้ไปนำเสนอท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทางรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาช่วยในส่วนของโรงงานบางโรงที่ประสบปัญหา เพื่อให้คนงานยังไม่ต้องถูกปลดออกจากงานแต่อาจจะรายได้ลดลงบ้างแต่ก็ยังมีงานทำอยู่แล้วให้คนงานฝึกวิทยายุทธเพื่อรอเศรษฐกิจฟื้นตัวในอีกสองปีข้างหน้า แล้วก็เสริมการทำงานในภาคเกษตรกรรมให้มากขึ้นเพื่อเป็นน้ำหล่อเลี้ยงประเทศในช่วงเศรษฐกิจขาลงนี้

ไม่ทราบว่าทางคุณไอย คุณ No.9 เห็นด้วยหรือเปล่า

 

รอฉบับรวมเล่มจ๊ะ
อิ อิ อิ แซว

 

ขอบคุณค่ะ คุณ tossapornk ที่เสนอแนะ อย่างที่่ได้เขียนอธิบายไปนั้น
เป็นแค่แนวทางให้ทุกฝ่ายไปปฏิบัติ โดยเราต้องเริ่มจากที่ตัวเองก่อน
แล้วค่อยขยายไปสู่กลุ่ม สู่สังคม ถ้าเราเิริ่มต้นจากการช่วยเหลือตัวเอง
โดยปรับเปลี่ยนวิธีการต่าง ๆ พูดง่าย ๆ หาวิธีที่ให้ตนเองอยู่รอด
โดยสุจริตไม่เอาเปรียบใคร และไม่เบียดเบียนใคร การยอมถอย
ก้าวหนึ่งในวันนี้ เพื่อให้ตัวเองตั้งหลักได้ในวันหน้า บางคนอาจจะ
พูดว่า ผมอายุ 50-60 ปีแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปตั้งหลักกับเขา
อย่าลืมสิค่ะ เราพูดถึงเรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียง อย่าหวังรวย
แค่พอมีกิน เหลือก็เก็บ ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ บางคนโอกาสน้อยกว่า
เราเขายังอยู่ได้เลย อย่าลืมสัญชาติญาณของมนุษย์ ว่าในที่สุดแล้ว
ก็ต้องหาวิธีให้ตัวเองอยู่รอด ใช้สัญชาติญาณนั้นให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด

ไอยเองยินดีนะค่ะ ที่จะให้คำปรึกษากับทุก ๆ คน โดยเฉพาะกับ
ชุมชนใด ๆ ก็ตาม ว่าจะทำอย่าไรที่จะให้ตัวเองมีรายได้ และอยู่ได้
ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รายละเอียดต่าง ๆ ยังมีอีกมากมาย
ที่ยังไม่ได้เขียน เพราะตัวไอยเอง งานทางโลกและงานทางธรรม
เข้ามาพร้อม ๆ กันเลยไม่ค่อยได้เข้ามา up date ข้อมูลต่าง ๆ
อีกทั้งต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่ใหม่อีกต่างหาก ใจจริงถ้ามีเงินก็
จะแจกให้ทุก ๆ คน เหมือนรัฐบาลที่กำลังแจกอยู่ทุกวันนี้ แต่ว่า
ถ้าไอยแจกเงินให้คนไทยทุกคน เพียงแค่คนละ 1 บาท
ทั้งหมด 60 กว่าล้านคน ไอยก็แย่แล้ว ถ้าอย่างนั้น ขอใช้ความรู้
ความสามารถ และประสบการณ์ที่มี เขียนบทความเหล่านี้
เพื่อกระตุ้นเตือนจิตสำนึกของทุก ๆ คน ตลอดจนรัฐบาล ให้ตระหนัก
ถึงความสำคัญของการแบ่งปันน้ำใจกัน เมื่อยามเราเดือดร้อน
ยอมขาดทุนกำไรลงไปบ้าง เพื่อทุก ๆ คน จะได้อยู่รอดได้
การมีธรรมะอยู่ในหัวใจ จะทำให้ทุกคนรอดพ้นจากปัญหาและ
อุปสรรคต่าง ๆ ได้ ไอยเองรู้จักคนหลาย ๆ คนที่มีชีวิตย่ำแย่
เละเทะ ขอยกตัวอย่างน้องชายคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ชีวิตมีแต่
ความล้มเหลว โดนหลอกเป็นประจำ แต่พอหันหน้าเข้าวัด
หันหน้าเข้าหาธรรมะ เขาบอกกับไอยเองเลยว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เคย
ติดขัด ไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว กลับกลายจากหน้ามือเป็น
หลัีงมือ ช่วงหลัง ๆ ชีวิตดีขึ้น งานที่ทำก็ประสบความสำเร็จใน
ทุก ๆ งาน ซึ่งตัวไอยเองก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราทำในสิ่งที่ดี ๆ
คุณงามความดี ก็จะดึงดูดเข้าหาตัวเราเอง และสิ่งไม่ดี คนไม่ดี
คนโกหก หลอกลวง ก็จะห่างไป การที่ไอยได้เขียน ได้อธิบาย
ไปทุก ๆ อย่าง ถ้าตัวเราเองไม่มีธรรมะในหัวใจ ก็ยากที่จะ
ประสบผลสำเร็จได้ ขอเอาใจช่วยทุก ๆ คน ให้รอดพ้นจาก
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปให้ได้นะค่ะ

 

อนุโมทนาด้วยครับคุณไอย ขอให้คุณไอยทำในสิ่งใฝ่ฝันไว้ให้สำเร็จบรรลุผลทุกประการนะครับ และให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

อนุโมทนาค่ะ ขอให้ผลบุญกุศลใด ๆ ที่ลูกได้ทำ
ขอให้ผลบุญนั้นส่งผลต่อกัลยณมิตรของลูกทุก ๆ คน
เฉกเช่นเดียวกันทุกประการเทอญ