ชาวพุทธอินโดฯจี้ปิด "บุดดา บาร์"

ใช้พระพุทธรูปตกแต่งขายเหล้า

องค์กรชาวพุทธในอินโดนีเซียจี้ทางการปิด "บุดดา บาร์" เปิดขายเครื่องดื่มและอาหาร ออกแบบร้านเป็นวิหารใช้พระพุทธรูปตกแต่ง ระบุไม่เหมาะสม องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นจวกซ้ำมีฉ้อฉล-ผลประโยชน์ขัดกัน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายเอโค นูโกรโฮ ผู้ประสานงานเครือข่ายที่เรียกตัวเองว่า "ชาวพุทธต่อต้านบุดดา บาร์" เปิดเผยว่า ทางกลุ่มเตรียมเพิ่มความเข้มข้นในการชุมนุมประท้วงและดำเนินการต่อ "บุดดา บาร์" บาร์และภัตตาคารที่มีแฟรนไชส์ในหลายประเทศ แต่เพิ่งมาเปิดในกรุงจาการ์ตาเป็นแห่งแรกในภาคพื้นเอเชีย เพื่อให้ทางการตัดสินใจปิดกิจการบาร์แห่งนี้ เนื่องจากมีความไม่เหมาะสมหลายประการ ตั้งแต่การออกแบบสถานที่เลียนแบบวิหารในพุทธศาสนา มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สูง 5 เมตร ตกแต่งเพื่อให้มองดูคล้ายกับองค์พระประธาน นอกเหนือจากนั้นยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่น้อยอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งตราธรรมจักรตกแต่งประดับประดาไปทั่วทั้งร้าน

องค์กรต่อต้านดังกล่าวได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงจาการ์ตากล่าวหาว่า การดำเนินกิจการของบาร์แห่งนี้เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนาพุทธ เป็นการนำพระพุทธรูปและสัญลักษณ์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธไปใช้ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม นายเอโคกล่าวว่า แฟรนไชส์ทำนองนี้ไม่มีวันที่จะเปิดกิจการได้ในประเทศอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือว่าในไทย การนำมาเปิดกิจการในจาการ์ตาถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ขาดความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ซึ่งรัฐบาลควรเป็นผู้ถูกตำหนิฐานเป็นผู้ออกใบอนุญาตให้เปิดกิจการได้ดังกล่าว

ทั้งนี้ "บุดดา บาร์" เป็นกิจการบาร์และภัตตาคารในเครือข่ายบริษัท "จอร์จ ไฟว์ เอนเทอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป" ของฝรั่งเศสที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปารีส โดยสาขาในจาการ์ตาเป็นการลงทุนร่วมของบุตรีของนางเมกาวตี ซูการ์โน บุตรี อดีตประธานาธิบดี ผู้มั่งคั่งกับนาย ซูติโยโซ อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาตกเป็นเป้าการชุมนุมประท้วงแทบทุกสัปดาห์นับตั้งแต่เปิดกิจการเมื่อ 3 เดือนก่อน และเคยมีการประท้วงใหญ่ถึงกับต้องปิดร้านชั่วคราวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นอกจากจะตกเป็นเป้าของการประท้วงหนักหน่วงของชาวพุทธแล้ว นายอากุส สุนาริยันโต ผู้ประสานงานองค์กรจับตาคอร์รัปชั่นแห่งอินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย คอร์รัปชั่น วอตช์) ระบุว่า กรณีนี้อาจกลายเป็นเครื่องคอร์รัปชั่นและการขัดกันของผลประโยชน์ได้ เพราะสถานที่ดังกล่าวเดิมเป็นอาคารสำนักงานเก่าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่นายซูติโยโซใช้อำนาจของผู้ว่าการสั่งการให้มีการปรับปรุงอาคารใหม่หมด หมดเงินงบประมาณไปถึง 30,000 ล้านรูเปียะห์ (ราว 88.2 ล้านบาท) ก่อนที่จะปล่อยให้เช่าในเชิงพาณิชย์ และนายซูติโยโซเองกลับมาร่วมทุนเพื่อเช่าอาคารดังกล่าวดำเนินกิจการ "บุดดา บาร์" ในเวลาต่อมา

ทางด้านนายเรงมงด์ วีซอง เจ้าของจอร์จ ไฟว์ เอนเทอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป ยืนยันว่า บุดดา บาร์ ในจาการ์ตาไม่ได้ทำผิดอะไร และยืนกรานจะไม่เปลี่ยนชื่อหรือนำพระพุทธรูปออกจากร้านเด็ดขาด โดยอ้างว่าพระพุทธรูปมีอยู่ทั่วไปในบาร์ทุกแห่ง เพื่อให้ทุกคนได้คารวะและนำโชคลาภมาให้ บาร์ของตนเพียงแค่มีองค์ใหญ่และจัดแสดงไว้ชัดเจนเท่านั้น (เอเอฟพี)

หน้า 32

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01for01230352&sectionid=0104&day=2009-03-23

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>

 

ไร้สามัญสำนึก

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

แล้วแต่กรรม

 

ทำไปได้ไม่กลัว บาป กรรม จริงๆ

 

ศาสนาหรือความเชื่อใด ๆ หากมีผู้มาหยามหมิ่นก็มีเรื่อง ๆ วุ่นวายทั้งนั้นแหละ ทำไม่ชั่งโง่เขลาเบาปัญญากันอย่างนี้ อย่างอื่นมีตั้งมากมาย กลับเอาเรื่องศาสนาเข้ามา เจ้าของก็ต้องเดือดร้อน สำหรับชาวพุทธรู้สึกว่ามากไปจริง ๆ

 

สาธุ เมื่อตอนที่เหล่าชาวพุทธทั้งหลายยังไม่ประท้วง เจ้าของกิจการบุดด้าบา ก็ยังมีบาปยังไม่หนักถึงมหานรกอเวจี (แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีบาปเลย) เพราะความไม่รู้บวกกับความอยาก จึงทำให้เขากระทำอย่างนั้นไป แต่ถ้าหากเจ้าของกิจการนั้นรู้ทั้งรู้และตั้งใจกระทำเพื่อหวังการทำลาย ย่อมบาปเต็มๆ บาปแบบไม่มีที่เว้นช่องว่างให้เลยเทียว

วิสัยธรรมดาของคนดี หากเขาเหล่านั้นเป็นคนดีไม่หวังได้ เมื่อได้รับคำทัดทานจากผู้อื่น เขาย่อมเลิกกิจการนั้นไปอย่างแน่นอนเลยเทียว แต่ที่เขาไม่เลิกนี้ก้ด้วยเพราะเขายังไม่ดีจริงนั่นเอง

และผลต่อมาเมื่อภายหลังที่มีผู้ทัดทานแล้ว เขายังไม่เลิกล้มการกระทำนี้ เขาทั้งหลายเหล่านั้นย่อมมีมหานรกอเวจีเป็นอันต้องหวังเลยเทียว

สาธุ สาธุ สาธุ