พลังจิตหยั่งรู้อนาคต...สนธิ-ทักษิณ--การบาดเจ็บนองเลือด--ม๊อบการเมือง

คิดว่าคงไม่ใช่เหตุบังเอิญหรอกครับที้ง2คนหรือ2กลุ่มคงเป็นศัตรูกันแต่ปางก่อน

 

ค่ำนี้คงมีข่าวดี.....นะครับ....

 

ใช่ครับ ใครจะทำอะไรให้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองไว้ก่อน

 

​

<CENTER>โหรฟัน - เลือกตั้งล่ม อภิสิทธิ์วาสนาน้อย เอื้อมไม่ถึงนายกฯ เตือนแม้วไร้แผ่นดิน </CENTER>
<!--detail--><!--images--><!--images-->เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายอภิสรณ์ เงินเจริญกุล กรรมการบริหารสมาคมโหรนานาชาติ และอาจารย์โหราศาสตร์เลข 7 ตัว "ทักษามหาภูติ" กล่าวพยากรณ์ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า
ปัจจุบันนายกฯอายุ 57 ปี ตกเลข 2 (ดาวจันทร์) และดาวจันทร์ปีนี้เป็นโล กาวินาศ ดังนั้นปีนี้นายกฯ ทำอะไรดวงไม่ดีหมด และเรื่องกัมมะคือ "อาชีพ-การงาน" อยู่ไม่ได้ต้อง จากไปในเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม เพราะเป็นเดือนสองของโหราศาสตร์ นอกจากนี้การ งานที่เคยเป็นขุมทรัพย์ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและสัญจรจากไป รวมทั้ง มีโอกาสที่จะจากและแตก แยกกับบริวาร เพราะในดวงตกมรณะและเป็นโลกาบวกกาลีอีกด้วย สำหรับเลข 7 ในดวงเป็นบริ วารจรจะมีปัญหากับศัตรูคนธรรมดาและคนที่มีตำแหน่ง ขณะที่ดวงเดิมของนายกฯเป็นโลกาบวกกาลี ทำให้ตัวเองต้องมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายและเกิดความเสียหาย แต่เลข 2 ในดวงเป็นมนตรี และเคหัง คือมีหลักแหล่งบั้นปลายเตรียมไว้รอแล้วหากต้องจากไป
ทั้งนี้ สถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดือนมีนาคมจะเริ่มหนักขึ้น เพราะ 3 ตั้งบนกำลังเสาร์ ต้องเอาเงินจำนวนมากออกมาสนับสนุนเพื่อใช้ในการวิ่งเต้น และเดือนเมษายน ซึ่งกำหนดเป็นวัน เลือกตั้งนั้น ไม่น่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนด เพราะเดือนเมษายนเป็นกาลีในดวงของ พ.ต.ท .ทักษิณ ด้วยเช่นกัน โดยสรุปดวงเสียงาน(การเมือง)เพราะกัมมะเป็นกาลี ต้องเกิดการเปลี่ยน แปลงโยกย้าย เสียหายเพราะถูกเพื่อนฝูงพี่น้องหลอกให้หลงเดินทางผิดและตกต่ำผิดปกติ นอกจาก นี้ ผลอุบาทว์และนาวัง คือเสียหายแล้วต้องเดินทางไกลออกนอกประเทศ ซึ่งจะไปได้รอดเพราะ ผู้ใหญ่เป็นหญิงและเพศชายที่อายุน้อยกว่า ซึ่งมีอำนาจยิ่งใหญ่ช่วยเหลือแบบลับๆ ให้รอดไปได้
กรรมการบริหารสมาคมโหรนานาชาติ กล่าวต่อว่า ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเริ่มดี ขึ้น แต่ตามกฎหมายการเลือกตั้งดึงเวลาให้ไปถึงเดือนกรกฎาคมคงเป็นไปไม่ได้และในดวงของนา ยกฯช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 จะสบายขึ้น แต่ต้องอาศัยภรรยา ซึ่งคงจะอยู่เมืองไทยได้ยากเพราะ อายุ 58 ปีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตัวเองตั้งบนเคหังและมีบริวารเป็นศัตรูเกาะตัวเอง ทำให้ต้องได้รับ ความเดือดร้อนจากเรื่องเดิมในอดีตที่ตัวเองก่อไว้และศัตรูก็จะปองร้าย กัดไม่ยอมปล่อยด้วย ประกอบกับบริวารเป็นเลข 7 ดังนั้น กรกฎาคมผ่านไปแล้วดวงก็ยังไม่รอดที่จะอยู่ประเทศไทยได้ แต่ ต้องเดินทางไกลออกไปนอกประเทศอย่างถูกสาปแช่ง
นายอภิสรณ์ยังกล่าวทำนายดวงชะตา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและหัว หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า อายุย่าง 42 ปี ดวงเริ่มจะฟื้นและผงาด มีบารมีทางการเมืองมากขึ้น เริ่มมีชื่อเสียงปรากฏต่อสังคมและชาวโลก รวมถึงจะมีลูกน้องและบริวารขยายมากขึ้น โดยแต่ละคนที่เข้ามามีฐานะกำลังการเงินมาก ทำให้บ้านหรือพรรคใหญ่โตขึ้น มีลูกน้องเข้ามาสมทบอีกมาก
อย่างไรก็ตาม การทำงานหน้าที่ทางการเมืองขณะนี้มีศัตรูทางการเมืองปัดแข้งปัดขา เปลี่ยนหน้า กันเข้ามามีอุปสรรคมากก็ตาม แต่นายอภิสิทธิ์ ก็สามารถเอาชนะและนำพรรคให้ยิ่งใหญ่ได้ด้วยมัน สมองของเขาเอง ขณะเดียวกัน ก็มีเพื่อนร่วมพรรค หุ้นส่วนที่สมัครสมานสามัคคีช่วยประคองพรรค ให้มีพลังและมีเกียรติยิ่งใหญ่ เขาจะเริ่มมีความเข้มแข็งทางบารมีการเมืองและแสดงให้เห็นว่า สามารถรับภาระของประเทศได้ โดยจะเริ่มปรากฏชัดในเดือนเมษายนนี้มากขึ้นไปตามลำดับ ซึ่ง ในดวงชะตาของ นายอภิสิทธิ์ ปี 2549 นี้ ถึงจะเห็นว่ามีความรุ่งเรืองและบารมีมากขึ้น แต่ไม่เด่น ถึงขั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
"หากวันใดที่นายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นตำแหน่งนายกฯ ก็คงเป็นได้ไม่ครบเทอม แม้ดวงเป็นเกษตร แต่ตนุเกาะกาลี ทำให้ทำอะไรก็เสียหายไม่ราบรื่นตลอดรอดฝั่ง จะมีคนคอยขัดขวางตลอด ซึ่งแม้ จะได้เป็นผู้นำสูงแล้วก็จะมีคนทำให้เสียหน้าที่-การงานและลาภ ดังนั้น โอกาสเกิดความพลิกผัน ไปไม่ตลอด หรือมีแนวโน้มตกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ หากอยู่ในตำแหน่งก็ไม่ครบเทอมแน่นอน เพราะ ความขัดแย้งกันเองภายในพรรค" นายอภิสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ทฤษฎีกับการปฏิบัติ มันไม่ได้ไปด้วยกันโดยส่วนใหญ่
เมื่อวานที่ท้องสนามหลวงเหมือนไม่มีอะไร ผมยังคงส่งพลัง

 

ผมมีเพื่อนที่ฝึกปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้เคยบอกไว้ว่าก่อนจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ของประเทศไทยจะมีลางบอกเหตุอยู่สองอย่างคือ 1. ลางบอกเหตุก่อนที่ภาคใต้จะจมทะเล เราจะได้เห็นความไม่สงบที่ 4 จังหวัดภาคใต้รุนแรงจนถึงขั้นผู้คนอพยพขึ้นมาภาคเหนือ อิสาน กลาง ตะวันออก กันมากมายและจากนั้นอีกไม่กี่เดือนภาคใต้ก็จะจมทะเล 2. ลางบอกเหตุก่อนที่กรุงเทพและปริมณฑลจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ จะเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในทางการเมืองและเกิดความสับสนทางสังคมจนจริยธรรมและคุณธรรมของคนในสังคมไม่มีเหลือ และนอกจากจะเกิดน้ำท่วมแล้วยังต้องประสบกับโรคร้ายแรงระบาดอย่างหนัก ก็คอยดูกันต่อไป

ขอให้ทุกคนดีจงมีความผาสุขอยู่รอดปลอดภัยทั่วหน้ากันเทอญ

 

อุเบกขา... วางตัวเป็นกลาง ไม่ลำเอียง.. ไม่ยินดี ยินร้าย

 

น่ากลัวจะเกิดการปฎิวัติ

 

...การเมือง การมุ้ง พุ่งเหว
เหลวเป๋ว ติ๊งต๊อง ครองสถาน
คนดี มีอยู่ ลำบากนาน
คนเลว กินบ้าน โกงเมือง

...บาปกรรม มันมี จึงต้องรับ
ยึกยัก สับย้าย ไม่ยอมหนี
บุญหมด สักวัน จะเจอดี
ไอ้พวกนี้ ไม่รู้ จริยธรรม

...ฟ้าใหม่ จะมา หลังจากนั้น
สถาบัน กษัตริย์เจ้า สว่างศรี
ผลบุญ ของชาติ สะอาดดี
คนเลว มีราคี จะปลดปลง

...พระศาสนา คงอยู่ อย่างถาวร
ทรงอมร ประกาศแจ้ง แถลงไข
ประชากร ทรงคุณค่า ชาววิไล
อริยผล ทรงนั้นไซร้ มากมายดี

...จะกล่าวถึง วงจร คนมีบุญ
ต้องมาหนุน เนื่องใน พระศาสนา
มีหลายท่าน หลายหลาก มากอัตรา
ทั้งจะมา บรรลุผล และสะสม

...ประเทศไทย จะคงอยู่ ไม่มีตาย
ประกาศท้าย ขอจงรู้ เป็นสักขี
คนรักชาติ และมีบุญ เป็นคนดี
จะมาช่วย กอบกู้ศรี นิรันดร ....


******ขอได้รับความขอบคุณจาก เครื่องดื่ม ซันสปาร์ค .. และ คลิปวีดีแอนนา(คูนิโคว่า) อิอิ

 

ทีแรกผมพิมพ์คำแช่งตามกรรม มาแล้วนะ...แต่ว่าไม่ควรลงกระทู้ ก็เลยแต่งกลอนให้แปลความเล่นๆ กัน .. กลอนนี่ทำยังไงก็ไม่ผิด เพราะผมแปลให้มันถูกตามอนาคต .. อนาคตเป็นยังไง ผมก็แปลตามนั้น ... แต่ผมไม่รู้อนาคตหรอก ...

ปล. กลอนผิดฉันทลักษณ์นะครับ ถือว่า เป็น กลอนอ้น แล้วกัน ไม่ใช่ กลอนในตำรา

 

อดีตเป็นเรื่องผ่านไป อย่าใส่ใจว่าบรรพบุรุษเคยแช่งใครไว้ ใครแช่งใคร เพราะมีกฎอยู่ว่าโดนทั้งคนแช่งและคนถูกแช่งในเรื่องเดียวกันที่แช่ง ส่วนอนาคตเป็นสิ่งที่มีความหวัง อย่างน้อยดินแดนไทยที่เราท่านอาศัยอยู่นี้ก็เป็นดินแดนแห่งมนุษย์ผู้มีบารมียิ่งใหญ่หลายท่านมาเกิด และยังเป็นดินแดนที่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับหลายพระองค์ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
พระอริยสงฆ์ พุทธสาวกหลายท่านก็ได้ความเป็นพระอรหันต์ ณ ผืนแผ่นดินนี้เช่นกัน<o></o>
ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เป็นอยู่จริง เราท่านทั้งหลายสมควรที่จะหวาดวิตกไปใย นอกจากช่วยกันขวนขวายศึกษาธรรมะให้ถึงแก่นแท้ ไม่ใช่เปลือกกระพี้ หลายท่านสนุกอยู่กับนิมิต หลายท่านสนุกอยู่กับอภิญญา หลายท่านนั่งฝันถึงเรื่องราวตามจินตนาการ เหตุการณ์ทั้งหลายในอนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับเราท่านทั้งหลาย ผู้ที่ได้อภิญญาถ้าท่านสามารถพากเพียรให้เลยขั้นจากฌานสี่เข้าสู่วิปัสสนาญาณโดยมหาสติปัฏฐาน พากเพียรกระทั่งได้เดินล้ำเข้าสู่ดินแดนอริยะ เอาแค่พระโสดาบันเป็นอย่างน้อย หรือผู้ที่ศึกษาธรรมะแค่เปลือกกระพี้ยี้อยู่แค่นิมิตก็หมั่นพากเพียรให้ให้ได้สมาธิขั้นสูงต่อๆไป ช่วยกันสนับสนุนให้เกิดความศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ชนิดไม่ใช่แค่ลมปากตดเหม็น แต่ต้องทำให้จิตใจตนเองสามารถสอนตนเองได้ หมั่นสร้างทาน รักษาศีลชนิดกุศลกรรมบถ 10 เป็นอย่างน้อย ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้จิตเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง เพียงเราท่านทำเช่นนี้ 1 กลุ่มน้อยขยายเป็น 1กลุ่มใหญ่ ขยายเป็นหลายกลุ่ม เรื่องที่เราท่านวิตกกันในขณะนี้ มีหรือจะไม่กลับกลายเป็นในทางที่ดี ทุกข่าวทุกเรื่องที่เราท่านได้ยินได้ฟังได้รับรู้เห็น อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่ต้องรีบเชื่อ ให้พิสูจน์ อยากพิสูจน์ต้องปฏิบัติที่ตนเองให้พร้อมเป็นผู้จะไปพิสูจน์ ทาน ศีล ภาวนา เป็นกฎเตรียมพร้อมตนเองเพื่อการพิสูจน์ทุกเรื่องที่ยังสงสัย เพราะเมื่อถึงขั้นเกิดปัญญาในลำดับแห่งวิปัสสนาญาณ ทุกท่านที่ท่านสงสัยอดใจรอไว้ถามได้เมื่อถึงวาระนั้น ทุกข้อสงสัยจะเปิดแจ้งกระจ่างเอง ใครหนอบอกว่าคนที่มีบุญเป็นอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตมีความปรารถนาพุทธภูมิ เราท่านฟังแล้วจะเชื่อหรือ อย่าด่วนสรุปกล่าวโทษผู้ใด อย่าด่วนโกรธ หรือมีโมหะเข้าข้างผู้ใด เพราะตนเองยังไม่มีการเตรียมพร้อมตนเอง นักววิทยาศาสตร์จะพิสูจน์สิ่งใด เขาก็เตรียมตนเอง ด้วยการศึกษา ค้นคว้าสารพัด แล้วปฏิบัติตามที่ศึกษา เมื่อขยับการเตรียมตนเองมาถึงระดับหนึ่งแล้วจึงลงมือทดลองหรือปฏิบัติขั้นต่อไปให้เกิดปัญญารู้เห็นได้ด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่หมั่นพยากรณ์ใครต่อใคร นอกจากจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระศาสนาและบุคคลผู้ถูกพยากรณ์นั้นเท่านั้น ดังนั้นแม้ท่านทั้งหลายจะขวนขวายอยู่ในการเรื่องของสมาธิ ก็เป็นสิ่งประเสริฐแล้ว สมาธิมีการฝึกหลายแบบ ผลของสมาธิก็เกิดขึ้นได้หลายแบบเช่นกัน แต่ถ้ามัวเพลินอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ไหนเลยจะเกิดปัญญาแท้จริงได้ เพราะล้วนยังมีกิเลสนอนเนื่องตื้นลึกหนาบางอยู่ทั้งนั้น แต่จะประเสริฐยิ่งกว่านั้นถ่า ก้าวล่วงตรงนี้ให้สำเร็จขึ้นสู่วิปัสสนาสร้างปัญญาที่แท้จริง<o></o>

 

อดีตเป็นเรื่องผ่านไป อย่าใส่ใจว่าบรรพบุรุษเคยแช่งใครไว้ ใครแช่งใคร เพราะมีกฎอยู่ว่าโดนทั้งคนแช่งและคนถูกแช่งในเรื่องเดียวกันที่แช่ง ส่วนอนาคตเป็นสิ่งที่มีความหวัง อย่างน้อยดินแดนไทยที่เราท่านอาศัยอยู่นี้ก็เป็นดินแดนแห่งมนุษย์ผู้มีบารมียิ่งใหญ่หลายท่านมาเกิด และยังเป็นดินแดนที่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับหลายพระองค์ พระอริยสงฆ์ พุทธสาวกหลายท่านก็ได้ความเป็นพระอรหันต์ ณ ผืนแผ่นดินนี้เช่นกัน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เป็นอยู่จริง เราท่านทั้งหลายสมควรที่จะหวาดวิตกไปใย นอกจากช่วยกันขวนขวายศึกษาธรรมะให้ถึงแก่นแท้ ไม่ใช่เปลือกกระพี้ หลายท่านสนุกอยู่กับนิมิต หลายท่านสนุกอยู่กับอภิญญา หลายท่านนั่งฝันถึงเรื่องราวตามจินตนาการ เหตุการณ์ทั้งหลายในอนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับเราท่านทั้งหลาย ผู้ที่ได้อภิญญาถ้าท่านสามารถพากเพียรให้เลยขั้นจากฌานสี่เข้าสู่วิปัสสนาญาณโดยมหาสติปัฏฐาน พากเพียรกระทั่งได้เดินล้ำเข้าสู่ดินแดนอริยะ เอาแค่พระโสดาบันเป็นอย่างน้อย หรือผู้ที่ศึกษาธรรมะแค่เปลือกกระพี้ยี้อยู่แค่นิมิตก็หมั่นพากเพียรให้ให้ได้สมาธิขั้นสูงต่อๆไป ช่วยกันสนับสนุนให้เกิดความศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ชนิดไม่ใช่แค่ลมปากตดเหม็น แต่ต้องทำให้จิตใจตนเองสามารถสอนตนเองได้ หมั่นสร้างทาน รักษาศีลชนิดกุศลกรรมบถ 10 เป็นอย่างน้อย ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้จิตเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง เพียงเราท่านทำเช่นนี้ 1 กลุ่มน้อยขยายเป็น 1กลุ่มใหญ่ ขยายเป็นหลายกลุ่ม เรื่องที่เราท่านวิตกกันในขณะนี้ มีหรือจะไม่กลับกลายเป็นในทางที่ดี ทุกข่าวทุกเรื่องที่เราท่านได้ยินได้ฟังได้รับรู้เห็น อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่ต้องรีบเชื่อ ให้พิสูจน์ อยากพิสูจน์ต้องปฏิบัติที่ตนเองให้พร้อมเป็นผู้จะไปพิสูจน์ ทาน ศีล ภาวนา เป็นกฎเตรียมพร้อมตนเองเพื่อการพิสูจน์ทุกเรื่องที่ยังสงสัย เพราะเมื่อถึงขั้นเกิดปัญญาในลำดับแห่งวิปัสสนาญาณ ทุกท่านที่ท่านสงสัยอดใจรอไว้ถามได้เมื่อถึงวาระนั้น ทุกข้อสงสัยจะเปิดแจ้งกระจ่างเอง ใครหนอบอกว่าคนที่มีบุญเป็นอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตมีความปรารถนาพุทธภูมิ เราท่านฟังแล้วจะเชื่อหรือ อย่าด่วนสรุปกล่าวโทษผู้ใด อย่าด่วนโกรธ หรือมีโมหะเข้าข้างผู้ใด เพราะตนเองยังไม่มีการเตรียมพร้อมตนเอง นักววิทยาศาสตร์จะพิสูจน์สิ่งใด เขาก็เตรียมตนเอง ด้วยการศึกษา ค้นคว้าสารพัด แล้วปฏิบัติตามที่ศึกษา เมื่อขยับการเตรียมตนเองมาถึงระดับหนึ่งแล้วจึงลงมือทดลองหรือปฏิบัติขั้นต่อไปให้เกิดปัญญารู้เห็นได้ด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่หมั่นพยากรณ์ใครต่อใคร นอกจากจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระศาสนาและบุคคลผู้ถูกพยากรณ์นั้นเท่านั้น ดังนั้นแม้ท่านทั้งหลายจะขวนขวายอยู่ในการเรื่องของสมาธิ ก็เป็นสิ่งประเสริฐแล้ว สมาธิมีการฝึกหลายแบบ ผลของสมาธิก็เกิดขึ้นได้หลายแบบเช่นกัน แต่ถ้ามัวเพลินอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ไหนเลยจะเกิดปัญญาแท้จริงได้ เพราะล้วนยังมีกิเลสนอนเนื่องตื้นลึกหนาบางอยู่ทั้งนั้น แต่จะประเสริฐยิ่งกว่านั้นถ่า ก้าวล่วงตรงนี้ให้สำเร็จขึ้นสู่วิปัสสนาสร้างปัญญาที่แท้จริง<o></o>
<o> </o>
<o> </o>
<o> </o>

 

อดีตเป็นเรื่องผ่านไป อย่าใส่ใจว่าบรรพบุรุษเคยแช่งใครไว้ ใครแช่งใคร เพราะมีกฎอยู่ว่าโดนทั้งคนแช่งและคนถูกแช่งในเรื่องเดียวกันที่แช่ง <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
ส่วนอนาคตเป็นสิ่งที่มีความหวัง อย่างน้อยดินแดนไทยที่เราท่านอาศัยอยู่นี้ก็เป็นดินแดนแห่งมนุษย์ผู้มีบารมียิ่งใหญ่หลายท่านมาเกิด และยังเป็นดินแดนที่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับหลายพระองค์ พระอริยสงฆ์ พุทธสาวกหลายท่านก็ได้ความเป็นพระอรหันต์ ณ ผืนแผ่นดินนี้เช่นกัน<o></o>
ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เป็นอยู่จริง เราท่านทั้งหลายสมควรที่จะหวาดวิตกไปใย นอกจากช่วยกันขวนขวายศึกษาธรรมะให้ถึงแก่นแท้ ไม่ใช่เปลือกกระพี้ หลายท่านสนุกอยู่กับนิมิต หลายท่านสนุกอยู่กับอภิญญา หลายท่านนั่งฝันถึงเรื่องราวตามจินตนาการ เหตุการณ์ทั้งหลายในอนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับเราท่านทั้งหลาย ผู้ที่ได้อภิญญาถ้าท่านสามารถพากเพียรให้เลยขั้นจากฌานสี่เข้าสู่วิปัสสนาญาณโดยมหาสติปัฏฐาน พากเพียรกระทั่งได้เดินล้ำเข้าสู่ดินแดนอริยะ เอาแค่พระโสดาบันเป็นอย่างน้อย หรือผู้ที่ศึกษาธรรมะแค่เปลือกกระพี้ยี้อยู่แค่นิมิตก็หมั่นพากเพียรให้ให้ได้สมาธิขั้นสูงต่อๆไป ช่วยกันสนับสนุนให้เกิดความศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ชนิดไม่ใช่แค่ลมปากตดเหม็น แต่ต้องทำให้จิตใจตนเองสามารถสอนตนเองได้ หมั่นสร้างทาน รักษาศีลชนิดกุศลกรรมบถ 10 เป็นอย่างน้อย ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้จิตเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง เพียงเราท่านทำเช่นนี้ 1 กลุ่มน้อยขยายเป็น 1กลุ่มใหญ่ ขยายเป็นหลายกลุ่ม เรื่องที่เราท่านวิตกกันในขณะนี้ มีหรือจะไม่กลับกลายเป็นในทางที่ดี ทุกข่าวทุกเรื่องที่เราท่านได้ยินได้ฟังได้รับรู้เห็น อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่ต้องรีบเชื่อ ให้พิสูจน์ อยากพิสูจน์ต้องปฏิบัติที่ตนเองให้พร้อมเป็นผู้จะไปพิสูจน์ ทาน ศีล ภาวนา เป็นกฎเตรียมพร้อมตนเองเพื่อการพิสูจน์ทุกเรื่องที่ยังสงสัย เพราะเมื่อถึงขั้นเกิดปัญญาในลำดับแห่งวิปัสสนาญาณ ทุกท่านที่ท่านสงสัยอดใจรอไว้ถามได้เมื่อถึงวาระนั้น ทุกข้อสงสัยจะเปิดแจ้งกระจ่างเอง ใครหนอบอกว่าคนที่มีบุญเป็นอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตมีความปรารถนาพุทธภูมิ เราท่านฟังแล้วจะเชื่อหรือ อย่าด่วนสรุปกล่าวโทษผู้ใด อย่าด่วนโกรธ หรือมีโมหะเข้าข้างผู้ใด เพราะตนเองยังไม่มีการเตรียมพร้อมตนเอง นักววิทยาศาสตร์จะพิสูจน์สิ่งใด เขาก็เตรียมตนเอง ด้วยการศึกษา ค้นคว้าสารพัด แล้วปฏิบัติตามที่ศึกษา เมื่อขยับการเตรียมตนเองมาถึงระดับหนึ่งแล้วจึงลงมือทดลองหรือปฏิบัติขั้นต่อไปให้เกิดปัญญารู้เห็นได้ด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่หมั่นพยากรณ์ใครต่อใคร นอกจากจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระศาสนาและบุคคลผู้ถูกพยากรณ์นั้นเท่านั้น ดังนั้นแม้ท่านทั้งหลายจะขวนขวายอยู่ในการเรื่องของสมาธิ ก็เป็นสิ่งประเสริฐแล้ว สมาธิมีการฝึกหลายแบบ ผลของสมาธิก็เกิดขึ้นได้หลายแบบเช่นกัน แต่ถ้ามัวเพลินอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ไหนเลยจะเกิดปัญญาแท้จริงได้ เพราะล้วนยังมีกิเลสนอนเนื่องตื้นลึกหนาบางอยู่ทั้งนั้น แต่จะประเสริฐยิ่งกว่านั้นถ้า ก้าวล่วงตรงนี้ให้สำเร็จขึ้นสู่วิปัสสนาสร้างปัญญาที่แท้จริง<o></o>
<o> </o>
<o> </o>
<o> </o>

 

เนี่ยก็ติดตามการเมืองมาตลอด
แต่วันที่5-6 มีนาคม เด๋วรู้กัน
ถ้าดีจิงก็อยู่ให้ได้แล้วกัน

 

ผมเข้ามาดู Webนี้ เพราะต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางธรรม
พื้นฐานของผมเรียนวิทยาศาสตร์ครับและก็รักวิทยาศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ
ผมไม่ค่อยมีความรู้ทางภาษาพระครับ ผมปฏิบัติสมาธิเพราะอยากทราบ
ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร มีอะไรมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง

เมื่อปฏิบัติสมาธิก็ทราบด้วยตัวเองว่า ศาสนาพุทธเป็น pure science
ลึกซึ้งเกินกว่าวิทยาศาสตร์ปัจจุบันจะเข้าถึง ดังนั้นบุคคลทั่วไปในปัจจุบัน
ซึ่งสั่งสมแต่วิทยาศาสตร์กายภาพ วัตถุ อยู่ในจิตใจ ยากที่จะเข้าถึงแก่นแท้
ของวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์อย่างศาสนาพุทธ

ผมเลือกใช้จิตที่จับได้มาเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการ
คอมพิวเตอร์ชั้นสูง เป็นเครื่องมือในการสร้างพลัง วัตถุดิบในการทดลอง
ฯลฯ ระหว่างการทดลอง ก็ได้ผจญมาร ในรูปแบบของการทดสอบจิตใจ
การสอนการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติ การปกครองอยู่ประมาณ 35 วัน
ช่วงนั้น ส่วนใหญ่จิตที่ใช้จะเป็นการสร้างอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ห้ำหั่นกัน
ส่วนใหญ่ผมจะชนะ แต่ชนะด้วยอำนาจทางอาวุธ ตัวกายเนื้อเองก็
ผ่ายผอม ไม่มีเวลากิน เวลานอน วันสุดท้ายผมชนะราบคาบ เบ็ดเสร็จ
กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการรบ สุดท้ายมวลหมู่สัตว์กระหือรือ
ตะโกนด่าสาบแช่งผมว่าเอาชนะด้วยอิทธิฤทธิ์ ทำให้มวลหมู่สัตว์เดือดร้อน
ไม่ได้คิดว่าการรบไม่สามารถรบฝ่ายเดียวได้ และผมก็ไม่ใช่เป็นผู้เริ่มต้น
พอสุดท้ายผมชนะ แทนที่จะเริ่มต้นบูรณะความเสียหาย กลับมาด่าสาบแช่ง

ผมไม่ได้ว่ามวลหมู่สัตว์ผิด เพราะผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความ
เสียหาย

ออกจากสมาธิ พิจารณากายเนื้อ การรบยืดเยื้อ 35 วันโลกมนุษย์
เป็นเวลาอนันต์ในมิติบางมิติ ทำลายธรรมชาติไปมากมาย
พิจารณาทางโลกมนุษย์ ร่างกายผ่ายผอม ความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ฯลฯ พิจารณาอยู่นาน ตัดสินใจอธิษฐานจิต การชนะด้วยพละกำลังไม่ใช่
สิ่งที่ถูกต้อง ขอปลดอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด ถ้าจะตายก็ตาย เชิญมวล
หมู่สัตว์ตัดสินคดีความตามที่ท่านต้องการ

เข้าสมาธิสู่มิติที่สู้รบ หลังปลอดอาวุธ ไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีฤทธิ์เดช
ไม่มีอะไรคุ้มครอง มวลหมู่สัตว์กำลังบ้าคลั่ง วิ่งกรูเข้ามาทุกทิศทุกทาง
ผมหลับตาคิดว่าสิ้นแล้ว แล้วก็หมดพลังสูญสิ้นไป

จบแค่นี้ก่อน ให้ท่านผู้อ่านคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วจะเล่าต่อ

 

พลังจิตหยั่งรู้อนาคต

ในความเป็นเหตุเป็นผล หากเรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นและเราไปทำให้เหตุปัจจัยนั้นเปลี่ยนแปลงไปจะสามารถทำให้อนาคตเปลี่ยนไปได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นอนาคตก็จะไม่เหมือนที่เราไปเห็นมาด้วยฌานหรือสมาธิ และเราก็คงต้องมุ่งมั่นที่จะเข้าไปดูถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจมีขึ้นว่าแล้วที่สุดอนาคตจะเป็นอย่างไรแน่ และเมื่อมีกิเลสเข้าครอบงำ การเข้าถึงซึ่งฌานและสมาธิในระดับนั้นน่าจะมีอุปสรรคเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นขอให้เรายึดมั่นในธรรม และปฏิบัติดีอย่างจริงจังและถูกต้องในขณะนี้ผลในอนาคตก็น่าจะตอบสนองในทางที่ดี สติ และ สัปชัญญะ อย่าให้หลุดออกจากตัว..ปัญญาย่อมจะมีมาเอง

 

เหรียญจะมีสองหน้า แต่ลูกเต๋าจะมีหกหน้าครับ