วิธีการทำบุญกุศลอุทิศ ให้เจ้ากรรมนายเวร

​

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เข้ามาในเว็ปนี้ เมื่ออ่านการตอบจดหมายของคุณอโนทัยแล้วรู้สึกดีมากเลยคะ ได้ความรู้เยอะมาก อย่างเช่นในเรื่องของการสวดมนต์ เพราะว่าดิฉันเพิ่งเริ่มคิดที่จะสวดมนต์คะ ดิฉันมีข้อสงสัยอยากจะรบกวนเรียนถามคุณอโนทัยดังนี้คะ

1. การสวดมนต์ การใส่บาตร การถวายสังฆทาน การปล่อยสัตว์ เมื่อเราทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเราอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวร อย่างไหนเจ้ากรรมนายเวรจะได้รับมากกว่ากันคะ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรคะว่าเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นท่านได้รับผลบุญที่เราทำไปให้ แล้วเมื่อไหร่เราจะหมดกรรมกับท่านเหล่านั้นคะ แล้วที่เรากรวดน้ำ ถ้าเรากรวดให้แต่เจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียวโดยไม่มีผู้อื่นมารับผลบุญด้วย เจ้ากรรมนายเวรก็จะได้ผลบุญนั้นเต็มๆ ใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราอุทิศให้ทุกอย่างเลย ทั้งเจ้ากรรมนายเวร พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกหลาน บริวาร ฯลฯ ทุกสิ่งที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญคละกันไปหรือเปล่าคะ

2. ถ้าเราทำบุญทำกุศลแล้วเราหวังผลตอบแทน อย่างเช่นเราสวดมนต์ไหว้พระ เพราะอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เราใส่บาตรเพราะเราอยากได้บุญ ถ้าเราคิดอย่างนี้เราจะได้บุญไหมคะ

3. ถ้าเราคิดหรือพูดว่าพรุ่งนี้เราจะใส่บาตร แต่ว่าเราไม่ทำ อย่างนี้เราบาปไหมคะ แล้วจะมีคนมารอรับผลบุญไหมคะ

4. บ้านที่อยู่อาศัยมีผลกับชีวิตของคนเราหรือเปล่าคะ การที่เราต้องอยู่ที่ ที่เดิมแบบไม่สามารถย้ายไปที่อื่นได้ ทั้งๆที่เราอยากจะไป แต่ไม่สามารถไปได้ เป็นเพราะว่าที่ตรงนั้น หรือบ้านหลังนั้น มีเจ้ากรรมนายเวรของเราอยู่แล้วเขาไม่ให้เราไปไหนใช่หรือเปล่าคะ

ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่เขียนมารบกวนยาวไปหน่อย แต่ว่าดิฉันอยากรู้มากเลยคะ ขอคุณอโนทัยช่วยแนะนำ และให้ความรู้ด้วยนะคะ

ขอบคุณมากคะ





ตอบ


1.การที่เจ้ากรรมนายเวรจะได้รับผมบุญกุศลจากคนอุทิศให้นั้น ไม่ได้อยู่ที่ชนิดของบุญกุศลแต่เพียงอย่างเดียว ชนิดของบุญกุศลไม่สำคัญเท่า.........

- การที่คุณทำบุญทำกุศลนั้น คุณมีบุญกุศลจริงหรือไม่ หรือแค่เอ่ยปากอุทิศให้ แล้วไม่มีบุญกุศลจริงๆ หรือเวลาที่คุณทำบุญทำกุศล คุณมีความตั้งใจจริง หรือมีความบริสุทธิ์ใจจริงหรือไม่ในการทำบุญกุศล

- คุณมี " สมาธิ" ดีขนาดไหน เวลาที่อุทิศบุญกุศลให้ คุณต้องมี "จิต" ที่นิ่งและสงบ เพื่อให้เป็น "สมาธิ" เป็น "กำลังส่ง" ที่ดี

- วิญญาณนั้นมี "กรรม" ใดบ้างที่สามารถมาบดบังการรับผลบุญผลกุศลได้ ถ้าตกนรกขุมลึกๆ หรือทำบาปมหันต์ โอกาสจะมารับบุญกุศลนั้น ก็ยาก ต้องรอให้ใช้ "กรรม" ที่หนักๆ นั้นก่อน ถึงจะได้เวลามารับผลบุญผลกุศล (ซึ่งถ้าเป็นกรรมหนัก ก็ต้องใช้เวลานาน)


อย่าไปสนใจเลยว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า เจ้ากรรมนายเวรจะได้รับผลบุญกุศลจากเราหรือไม่ ? ตั้งใจทำบุญกุศลบ่อยๆ ดีที่สุด

ถ้าอยากรู้จริงๆ ว่าได้รับหรือไม่ ให้ฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน ให้มากๆ มีทางที่จะรู้ได้ การหมดกรรมเมื่อไหร่ ? ตอบไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่ว่า คุณเคยทำ "กรรม" นั้นหนักหนาแค่ไหน ? และเจ้ากรรมนายเวรมีความอาฆาตคุณมากน้อยแค่ไหน ?

การกรวดน้ำเป็นเพียงแค่ "รูปแบบ" ในการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลเท่านั้น ได้หรือไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่การกรวดน้ำ

การกรวดน้ำเป็นแนวทาง (จะเรียกว่ากุศโลบายก็ได้) ในการทำ "จิต" ให้เป็นสมาธิ (เวลาที่น้ำโดนนิ้ว จิตเราก็จะไปจับที่นิ้วที่กำลังโดนน้ำ นั่นคือ "สมาธิ") เมื่อจิตเป็นสมาธิ กำลังส่งในการส่งหรืออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลก็มีมาก

คุณอย่าไปกังวลเลยว่า การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนั้น คนตายหรือคนที่เราอุทิศส่วนกุศลไปให้ จะได้รับหรือไม่ ? เพราะถ้าจิตเรายังกังวล ยังมีความเคลือบแคงสงสัย การส่งก็จะติดขัด ไปได้ไม่ลึกไม่ไกล ควรทำบุญทำกุศลให้มากๆ บ่อยๆ ด้วยความศรัทธา เชื่อมั่นในการทำบุญทำกุศล ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนั้นด้วยจิตที่เป็นสมาธิ ด้วยความตั้งใจ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

2.ความอยากได้ผลตอบแทน การหวังผล มันเป็น "ธรรมชาติ" ของมนุษย์ที่ยังไม่หมดกิเลส การทำบุญแล้วหวังผลนั้น ย่อมได้บุญอย่างแน่นอน แต่จะได้ไม่มากเท่าการทำบุญทำกุศลที่ไม่หวังผลตอบแทน

3.ท่านพ่อลี ธัมมธโร แห่งวัดอโศการาม เทศน์ไว้ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด (2500) ว่า ........การที่จิตตั้งมั่นว่าจะทำความดี ทำบุญทำกุศลนั้น ก็เป็น " กุศลอันแท้จริง " แล้ว.." แต่ถ้าคุณไม่ทำ (จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม) กุศลนั้นก็ไม่เกิด เหมือนคุณบอกกับคนหิวข้าวว่า น่าสงสารจัง อยากให้คุณกินข้าว อย่างนี้คุณก็ได้กุศลแล้ว แต่ได้แค่นี้ เท่านี้ ถ้าคุณทำคือเอาข้าวปลาอาหารไปให้คนนั้นกิน คุณก็ได้กุศลเพิ่มเต็ม คุณอยากได้กุศลเพียงเริ่มต้น หรืออยากได้กุศลเต็มล่ะครับ และถ้าคุณบอกว่า พรุ่งนี้จะเอาข้าวมาให้กิน คนที่อยากกิน คนหิว คนขาดอาหาร คนหิวข้าว เค้าจะรอคุณมั้ยล่ะครับ ???

4.ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนเรา
ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตเราทั้งนั้น จะมากจะน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เหตุที่เราเป็นอย่างนี้ ก็เพราะเราได้เคยทำสิ่งเหล่านี้ คล้ายสิ่งเหล่านี้ หรือมีผลอย่างนี้ มาแล้วในอดีต

ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นมาโดยไม่มี " เหตุ "
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วเกิดมาจาก " เหตุ " ทั้งนั้น




ที่มา
http://www.thaidoweb.com/freeboard/w...73189542f4#top <!-- / message --><!-- sig -->​

 

ประทับใจมากค่ะ

ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วนนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

กัมมุนา วัตตติโลโก : สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม