รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    มีเรื่องนึงถาม คุณชัดนะ ว่า ถ้าหาก เราไม่ได้ยกมือไหว้ ไม่ว่าจะเป็น สารพระภูมิหรือ เจ้าที่เจ้าทางหรือ พระ แต่เรากำหนดจิต เข้าไปกราบท่านแทนได้หรือเปล่าคับ จะเหมือนกับการกราบไหว้ ไหม แต่ก็เข้าใจเรื่อง วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม อยู่บ้าง แต่ มันจะสมควรหรือไม่เพราะ บางครั้งเราลืมไหว้ท่าน แต่ผ่านไปสักพักเราจำได้ก็นึกมโนไปกราบท่าน อันนี้จะผิดรึเปล่า อ่อ ตอนนี้ ผมทรงอารมณ์แผ่เมตตาอยู่คับ แทนการกำหนดลมหายใจ เพราะวันก่อนจิตตกแต่ก็ยัง กำหนดอารมณ์และการแผ่เมตตาได้ จิตมันขึ้นๆลงๆลุ่มๆดอนๆยังไงไม่รู้แต่ก็จะพยายามให้ดี ^^; เพราะ แต่ชาติปางก่อนเคยอยู่ฝ่าย อกุศลกรรม ตอนนี้จะอยู่ฝ่ายดีแล้วคับก็คงต้องปรับตัวเองอยู่บ้าง ตอนนี้ก็ปฏิบัติจิตคงที่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณและอนุโมทนา นะชัด
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอโทษนะครับ

    ช่วงนี้ผมตอบช้านิดนึงนะครับ
    ฝากคำถามเอาไว้ก่อนได้เลยครับ เดี้ยวจะทะยอยมาตอบให้ครับ
     
  3. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    คือมีใครเป็นแบบผมไม๊อะครับนั่งกรรมฐานทั้งแบบหลับตาทั้งตอนทำงานภาวนามันจะมีจิตมารคอยมาแทรกคอยปรามาสอย่างโง้นอย่างงี้ไม่อยากจะบรรยายอะครับบางทีท้อถึงกับอยากเลิกอะครับแต่ก้อได้แต่ด่าไอ้มารในจิตว่าไอ้มารระยำกูศรัทธาในคำสอนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูไฉนเลยมึงจึงมาขวางทางความดีมึงจงไปไกลๆกูหายไปซักพักมันก้อโผล่มาอีกหายไปพลุบๆโผล่ๆหรือว่ามันเป้นครูทดสอบเราอะครับมันเป้นหน้าที่เขามารคอยขวางความดีของผมมันมาในลักษณะนี้ขนาดพึ่งปฎิบัติมาเกือบ2เดือนยังขนาดนี้แล้วถ้าปฎิบัติไปเรื่อยๆจะเจอขนาดไหนสวดมนต์ไหว้พระปรกติอะครับรบกวนผู้ที่มีความรู้มาช่วยตอบหรือช่วยแก้ไขทีอะครับผมจะไม่ท้อครับไม่ยอมลงนรกเด็ดขาดสู้ตายจะตายให้มันตายไปเลยตายในความดีไม่ลงนรกหรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2009
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ center-in-center ครับ

    ขอบคุณสำหรับคำตอบนะงับ ...............หง่าววววววววววววววววว
    การเข้าถึงนิพพานของป๋มคงยากอยู่ ที่จะทำได้ในตอนนี้ เพราะ บารมี 10 ทัศ หรือ 30 ทัศ ยังมะเต็มเลย
    ทำให้กำลังในฌาณยังอ่อน กำลังพิจาณาไตรลักษณ์ยังเขลาอยู่มาก
    การเข้าใจไตรลักษณ์ ขันธ์5 หรือ ธรรมขันธ์ทั้งหลายนั้น อาจเข้าใจได้ระดับหนึ่งด้วยปัญญาระดับโลกียญาน หรือ สมถะภาวนา แต่ การ เข้าถึงไตรลักษณ์ ขันธ์5 หรือ ธรรมขันธ์ทั้งหลายนั้นทำได้ยากพอควรหากกำลังบารมียังไม่สมส่วนพอดี(หรือประจวบเหมาะพอดี) เปรียบเสมือนคนทั่วไปต่างรู้ว่า น้ำบริสุทธิ์ นั้น ไร้สี ไร้กลิ่น เป็น H2O มีความถ่วงจำเพาะเท่ากับ 1 แต่น้อยคนนักที่ได้ดื่มน้ำบริสุทธ์นี้
    ดังนั้น คนที่ เข้าใจ + เข้าถึง รสพระธรรมนั้น มีน้อยมาก
    แต่ คนที่ เข้าใจ + เข้าไม่ถึง รสพระธรรมนั้น มีมากมาย ทำให้มีการโต้เถียง โอ้อวดกัน ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นเพราะไม่เคยดื่มรสพระธรรมที่แท้จริงด้วยตนเองเลย

    ขอให้คุณ Xorce เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเช่นกัน เทอญ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    บารมีแปลว่า กำลังใจครับ

    ถ้าจะให้บารมีเต็ม เราตัดกันแค่ตัวเดียวครับ คือ ร่างกาย
    ถ้าตัดความยึดติดในร่างกายได้ บารมี10ข้อ เราทำได้หมด
    ไม่ยึดติดในร่างกายตัวเองแล้ว แม้จะให้ชีวิตเป็นทานก็ให้ได้
    ไม่ยึดติดในร่างกายของเราเองแล้ว จะยอมตัวตาย ดีกว่าศีลขาด เราก็ทำได้

    ลองไล่ไปให้ครบทั้ง10ข้อ
    พิจารณาดูว่า มีบารมีข้อใดที่เราทำไม่ได้บ้าง หากเราไม่ยึดติดในร่างกาย
    ก็ไม่มี ถ้าเราไม่ห่วงในร่างกาย บารมี10นี่เต็ม

    แล้วเราจะทำยังไงถึงจะตัดร่างกายได้
    ให้เราจะพิจารณาแบบง่ายๆ ไม่ต้อง ใช้ศัพท์ปริยัติมาก ใช้คำง่ายๆ

    เราจับอารมณืให้ชินแบบง่ายๆ ไว้สามข้อ จะยืนพิจารณา ทำงานพิจารณา เดินพิจารณา กินข้าวพิจารณา หรือจะเข้าสมาธิพิจารณา ก็ทำได้ทั้งหมด
    ขอเพียงให้ใจของเราชินกับอารมณ์ทั้งสามข้อ เอาไว้ก็พอ

    1.ร่างกายของเรานี้ ไม่เที่ยง มีความตายเป็นที่ตั้ง
    มันจะตายเมื่อไหร่เราไม่ทราบ แต่ว่าร่างกายนี้จะต้องตายแน่นอน
    และร่างกายนี้ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เราหิวข้าวมากี่ครั้ง ขับถ่ายมากี่ครั้ง อาบน้ำแปรงฟันมากี่ครั้ง
    แล้วมันทุกข์ไหมมันเหนื่อยไหม ต้องคอยทำงานเพื่อหาอาหารมาบำรุงบำเรอร่างกาย
    ต้องคอยทำความสะอาดมันทุกวัน
    ที่เราต้องเรียนหนังสือ ทำงานทุกอย่าง ก็เพียงเพื่อมาประคับประคองร่างกายของเราเท่านั้น

    พิจารณาตั้งแต่เราเป็นเด็กเกิดมา จนถึงตอนนี้ ต้องทุกข์เพราะร่างกายมากี่ครั้ง
    พิจารณาให้เห็นความเป็นทุกข์ อันเป็นธรรมดาของร่างกาย

    เพราะฉะนั้นถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไหร่ เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม ไม่อย่างนั้นจะต้องกลับมามีร่างกายเช่นนี้อีก
    เราจะไปจุดเดียวคือพระนิพพาน นอกจากพระนิพพานนี่เราจะไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น

    2.ร่างกายของเรามีความสกปรกเน่าเหม็น เป็นของธรรมดา
    ดูเข้าไปในร่างกายของเรามีส่วนใดที่สะอาดบ้าง น้ำเลือดน้ำเหลือง น้ำหนอง กระดูก ปอด ตับ ไตนี่ เป็นของที่สะอาดไหม ก็ไม่สะอาด แล้วร่างกายของผู้ใดที่สะอาดบ้าง ก็ไม่มี
    ร่างกายมีความสกปรกเป็นของธรรมดาของมัน การมีร่างกายเช่นนี้เราไม่ปรารถนาอีกต่อไป
    ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม เราก็จะต้องกลับมามีร่างกายเช่นนี้อีก
    เราจะพอใจอยู่เพียงจุดเดียวคือพระนิพพาน เพราะเราจะพ้นจากร่างกายนี้ได้อย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเท่าน้น

    3.ร่างกายนี้ จริงๆ มันไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราจริงๆ คือดวงจิตที่มีความประภัสสร มีความสว่าง งดงามออกมาจากภายใน
    ร่างกายไม่อยู่ในอำนาจที่เราจะควบคุมมันได้ มันจะหิว แก่ เจ็บ ตาย เราก็สั่งมันไม่ได้
    ถ้าร่างกายมันเป็นตัวเราจริงๆ เราจะไม่ให้มันแก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้หิว ไม่ให้ตาย ก็ทำได้

    ในเมื่อร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา ถ้าร่างกายของเราจะต้อง ป่วย เจ็บ ตายขึ้นมาจริงๆ
    เราก็ไม่ควรจะต้องไปหนักใจกับมัน ทำใจให้เห็นความเป็นธรรมดาในความทุกข์ของร่างกาย
    ปล่อยวางจากร่างกาย

    แต่ตราบใดที่ร่างกายยังมีชีวิตอยู่ เราก็ต้องทำงานดูแลมันไปตามปรกติ เพื่อความอยู่เป็นสุข และระงับทุกขเวทนา

    ส่วนถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไหร่ เราจะไม่พอใจทั้งในความเป็นมนุษย์ เทวดา หรือพรหม
    เพราะก็ต้องกลับมามีร่างกาย ที่เป็นภาระให้ต้องดูแลเช่นนี้อีก
    เราจะพอใจอยู่เพียงจุดเดียวคือพระนิพพาน ตายเมื่อไหร่เราไปพระนิพพานเท่านั้น


    พิจารณาให้จิตของเราชินอยู่ในอารมณ์ทั้งสามข้อ
    จิตเราจะไม่ห่วง ไม่อาลัย ไม่ยึดติด เห็นความเป็นธรรมดา และปล่อยวางจากร่างกาย
    แล้วบารมี กำลังใจในการทำความดีของเรา จะเต็มเองครับ

    ขอให้ทุกๆคนสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่ปล่อยวางจากความยึดติดในร่างกาย ได้อย่างฉับพลัยทันใดด้วยเทอญ
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    พี่ชัดครับ ผมอยากทราบว่าความรู้ที่เกิดจากการไตร่ตรองขณะเรามีสมาธิมันถูกรึปล่าวครับ

    การไตร่ตรองในสมาธิ มีความถูกต้องแม่นยำกว่าการไตร่ตรองนอกสมาธิแน่อนครับ
    ดังนั้นพระท่านจะสอนให้ทำสมถะก่อน เพื่อให้จิตสงบ
    แล้วจึงค่อยเจริญวิปัสสนาญาณจากในสมาธิ
    เพื่อให้เราพิจารณาธรรมด้วยความเป็นกลาง ไม่นำทิษฐิของตัวเองเข้ามาใส่ในการพิจารณา


    ผมเริ่มมองเห็นทางแล้วก็เดินตามทางไป ช่วงที่ทำสมาธิ(เดิน)รู้สึกตัวได้ ว่าเรามองเห็นเป็นเส้นทาง ซึ่งเราก็เดินก้าวตามมันไปช้าๆแบบเดินจงกรมได้

    นึกให้เห็นเส้นทางเป็นเพชรประกายระยิบระยับด้วยยิ่งดีครับ เป็นการควบกสิณไปด้วย
    และให้เราตั้งจิตเพิ่มเข้าไปอีก ว่า
    สถานที่ใดก็ตามที่เราได้เดินทางไป ขอให้สถานที่นั้นมีแต่ความสงบ มีแต่ความชุ่มเย็น ด้วยความรักความเมตตาต่อทุกๆดวงจิต ด้วยเทอญ
    แล้วแผ่เมตตาควบไปด้วย ขณะที่เดิน

    ซักพักนึงก็เหมือนกับความอยากรู้ อยากได้ ความโกรธ ความหลง มันหายไป รู้สึกใจโล่งๆ ผมก็เลยยืนนิ่งๆซักพักสำรวจจิตตัวเอง ความรู้สึกบอกว่า พอแล้ว ผมก็รู้สึกถึงธรรมชาติบริเวณนั้นเลย มันอบอุ่น ร่มเย็น เสร็จแล้วผมก็เดินต่อไปอีก3-4ก้าว แล้วก็ออกจากสมาธิ ในหัวมีแต่ความรู้สึกอบอุ่น กับลำแสงสีทอง จากการแผ่เมตตา

    ผมมาถูกทางรึปล่าวครับ???

    ถูกครับ
    ตอนนี้ให้เราเน้นแผ่เมตตาให้ยิ่งๆขึ้นไปอีกครับ ยังมีอารมณ์จิตที่ชุ่มเย็นยิ่งขึ้นไปกว่านี้
    ให้เราแผ่เมตตา จนความสุข ความอิ่มเอิบใจ ท่วมท้นทั้งหัวใจของเรา
    จนจิตของเราแย้มยิ้ม กายของเราแย้มยิ้ม ยิ้มจนแก้มปริได้เลยยิ่งดีครับ
    เน้นเพิ่มเมตตาให้พี๊คขึ้นไปอีกครับ

    ช่วงนี้ผมพยายามเข้าสมาธิทุกช่วงเวลาเลยครับ เริ่มจากพื้นฐานของชีวิต นั่งกินนอนเดิน
    ผมก็มีสมาธิแล้วแม้ว่าจะไม่ตลอดก็ตามนะครับ

    ครับ พยายามประคองเอาไว้แบบนี้ดีแล้วครับ

    แต่พอเหนื่อยๆ มันก็ไม่มีสมาธิแล้วครับจะหลับท่าเดียว

    เวลาร่างกายล้า จะประคองสมาธิได้ยาก เป็นกันทุกคนครับ
    ให้เราพักผ่อนจนหายเหนื่อย สมาธิก็จะกลับมาเป็นปกติ

    จะสังเกตุว่าแม้สมาธิเองก็ยังไม่เที่ยง ในเมื่อสมาธินี้ไม่เที่ยง เราจะพอใจอยู่กับความไม่เที่ยงนี้ก็ยังไม่สมควร
    สมาธินี่จะต้องประคับประคอง ทรงเอาไว้ แต่เราจะไม่คิดว่าฌาณสมาธินี้ เป็นที่สุดแห่งทุกข์แล้ว
    มีเพียงสถานที่เดียวที่พ้นจากความทุกข์ นั่นคือพระนิพพาน
    เราจะพอใจอยู่เพียงจุดเดียวคือ พระนิพพาน ซึ่งมีความเที่ยง เป็นสุขถึงที่สุดตลอดไป
    ดังนั้นเราจะต้องพัฒนาจิตให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก ตราบจนเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    เวลาไปดื่มอะไรกะใครพอมันพอแล้วตัวผมก็สั่งหยุดเองเลย ปฏิเสธไม่ดื่มต่อเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น มองเห็นถึงความพอดี จัดสรรค์เวลาได้มากขึ้น

    จิตของเราละเอียดขึ้น พฤติกรรมของเราก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน เป็นผลจากการปฏิบัติที่เราสามารถสัมผัสได้

    อนุโมทนด้วยครับ

    ขอให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ทั้งทางโลก ทางธรรม และเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่ละเอียดยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    มีเรื่องนึงถาม คุณชัดนะ ว่า ถ้าหาก เราไม่ได้ยกมือไหว้ ไม่ว่าจะเป็น สารพระภูมิหรือ เจ้าที่เจ้าทางหรือ พระ แต่เรากำหนดจิต เข้าไปกราบท่านแทนได้หรือเปล่าคับ จะเหมือนกับการกราบไหว้ ไหม แต่ก็เข้าใจเรื่อง วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม อยู่บ้าง แต่ มันจะสมควรหรือไม่เพราะ บางครั้งเราลืมไหว้ท่าน แต่ผ่านไปสักพักเราจำได้ก็นึกมโนไปกราบท่าน อันนี้จะผิดรึเปล่า

    ได้ จริงๆแล้วเวลาเรายกมือไหว้ เราจะต้องนึกว่าจิตของเราก้มลงกราบท่านด้วยเช่นกันครับ
    ถึงจะกราบโดยสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นบางทีเราเผลอยกมือไหว้เปล่าๆ โดยใจไม่ได้น้อมเคารพจริง
    ที่ทำถูกแล้วครับ

    อ่อ ตอนนี้ ผมทรงอารมณ์แผ่เมตตาอยู่คับ แทนการกำหนดลมหายใจ เพราะวันก่อนจิตตกแต่ก็ยัง กำหนดอารมณ์และการแผ่เมตตาได้ จิตมันขึ้นๆลงๆลุ่มๆดอนๆยังไงไม่รู้แต่ก็จะพยายามให้ดี ^^;

    จริงๆ อารมณ์เมตตานี่มีความละเอียดกว่าการกำหนดลมหายใจนะครับ
    เพราะลมหายใจต้องหยุดไปแล้ว เราจะจึงจะแผ่เมตตาแล้วเย็นได้
    ถ้าลมยังไม่หยุด หรือจิตหนักไป เมตตาของเราจะไม่เย็น
    ให้เราหมั่นประคองเมตตาเอาไว้นะครับ และพัฒนาให้เย็นยิ่งๆขึ้นไปครับ

    เพราะ แต่ชาติปางก่อนเคยอยู่ฝ่าย อกุศลกรรม ตอนนี้จะอยู่ฝ่ายดีแล้วคับก็คงต้องปรับตัวเองอยู่บ้าง ตอนนี้ก็ปฏิบัติจิตคงที่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะเลยครับ

    ถ้าเมตตาเราไม่เสื่อม เราก็ยังเป็นสัมมาทิฏิอยู่
    ถ้าจิตเราเสื่อมจากเมตตา เราจะถูกมิจฉาทิษฐิครอบงำได้
    เมตตาจึงเป็นเหมือนกับโล่ ที่ปกป้องเราจากอกุศลด้วยเช่นกัน
    และให้เราอธิษฐานให้มั่นใน ไตรสรณคม พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ เอาไว้วันละหลายๆครั้งยิ่งดีครับ<!-- google_ad_section_end -->

    ขอให้สามารถรักษาจิตใจให้มีความชุ่มเย็น ได้แบบนี้ตลอดไป ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ therd2499 ครับ

    คือมีใครเป็นแบบผมไม๊อะครับนั่งกรรมฐานทั้งแบบหลับตาทั้งตอนทำงานภาวนามันจะมีจิตมารคอยมาแทรกคอยปรามาสอย่างโง้นอย่างงี้ไม่อยากจะบรรยายอะครับบางทีท้อถึงกับอยากเลิกอะครับแต่ก้อได้แต่ด่าไอ้มารในจิตว่าไอ้มารระยำกูศรัทธาในคำสอนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูไฉนเลยมึงจึงมาขวางทางความดีมึงจงไปไกลๆกูหายไปซักพักมันก้อโผล่มาอีกหายไปพลุบๆโผล่ๆหรือว่ามันเป้นครูทดสอบเราอะครับมันเป้นหน้าที่เขามารคอยขวางความดีของผมมันมาในลักษณะนี้ขนาดพึ่งปฎิบัติมาเกือบ2เดือนยังขนาดนี้แล้วถ้าปฎิบัติไปเรื่อยๆจะเจอขนาดไหนสวดมนต์ไหว้พระปรกติอะครับรบกวนผู้ที่มีความรู้มาช่วยตอบหรือช่วยแก้ไขทีอะครับผมจะไม่ท้อครับไม่ยอมลงนรกเด็ดขาดสู้ตายจะตายให้มันตายไปเลยตายในความดีไม่ลงนรกหรอก<!-- google_ad_section_end -->

    อันนี้เป็นกันแทบทุกคนครับ เกิดจากเรากำลังจะพัฒนาจิต จนเกินจุดที่ เจ้ากรรมนายเวร หรือกิเลส จะดึงเราไว้ได้
    ดังนั้นเขาจะมาแบบนี้ เพื่อให้จิตของเราท้อถอย
    ซึ่งจะทดสอบระหว่างศรัทธาที่เรามีต่อพระรัตนตรัย กับคำปรามาส อันไหนจะชนะ

    ถ้าเราท้ออถอยไม่ก้าวผ่านจุดนี้ เราก็จะถอยเข้าถอยออก ปรามาสอยู่เรื่อยไป
    แต่ถ้าเรารวบรวมกำลังใจสู้มันไปจนชนะ แบบที่กำลังทำนี้ พอซักระยะหนึ่ง ก็จะหายไปเองครับ

    ดังนั้นตอนนี้ให้เรากราบขอขมาพระรัตนตรัยเอาไว้เสมอ
    และปฏิบัติสมาธิต่อไปครับ เดี้ยวจะพ้นไปเองครับ
    มีหลายคนที่เข้ามาถามในกระทู้ ถึงอาการนี้เช่นกันครับ

    แล้วตอนนี้ปฏิบัติแบบใดครับ
    หากเราเพิ่มการทรงภาพพระพุทธรูปเข้าไปด้วย จะยิ่งทำให้ผ่านในขั้นนี้ได้เร็วครับ

    ให้เราเน้นพิจารณาในคุณของพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆเจ้า
    จนกระทั่งจิตของเราเกิดศรัทธา ที่เป็นอจละศรัทธา เป็นศรัทธาแท้ มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อพระรัตนตรัย
    และอธิษฐานไว้ทุกวัน ว่าข้าพเจ้าจะขอถือเอาไตรสรณคมเป็นที่พึ่งสูงสุดตลอดไป ทุกภพทุกชาติ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    ในไม่ช้าอาการนี้จะหายไปแน่นอนครับ

    ขอให้มีไตรสรณคมเป็นที่พึ่งสูงสุดตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  8. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    แจ้งกำหนดกการ สำหรับ ท่านที่ สนใจเข้าร่วม ฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้าน สายลม ค่ะ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กำหนดการฝึกมโนมยิทธิ ณ บ้านสายลม ถนนพหลโยธินรอบที่จะถึงนี้ คือ
    -----------------------------------------------------
    วันเสาร์ ที่ 4 และ วัน อาทิตย์ ที่ 5 กรกฎาคม 2552 นี้ค่ะ
    -----------------------------------------------------

    เริ่มฝึกมโนมยิทธิ เวลา 12 : 30 น. ใช้เวลาในการฝึกประมาณ ชั่วโมงเศษ ๆ
    ควรมาก่อน เวลาฝึก ประมาณ หนึ่ง ชั่วโมง ดอกไม้ - ธูป - เทียน มีจัดไว้ให้ แต่งกายสุภาพ นะค่ะ

    ท่านที่ฝึกใหม่ให้ขึ้นไปที่ ชั้น 3 สำหรับผู้เริ่มต้น สำหรับท่านที่ผ่านการฝึกเบื้องต้นแล้ว
    ให้ไปที่ ชั้น 2 เพื่อฝึก ญาณ 8 โดยประตูห้องฝึกทั้ง 2 ชั้น จะปิดเวลา 11.45 น.



    เชิญคลิกเพื่อ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ
     
  9. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    น้องชัช โพสต์ ได้ เลขสวยดีจัง
    เมื่อวานนี้ 08:44 PM ...... วันนี้ 08:44 AM
     
  10. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ผมก็ไม่ค่อยจะมีอะไรสักถามเยอะเท่ากับเมื่อก่อนแล้วคับเพราะปัญญาเริ่มเกิด เริ่มเพิ่มพูล แต่ ก็ยังมี สิ่งชั่วร้ายอยู่บ้าง เพราะชีวิตยังวนอยู่กับทางโลก


    มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังและก็ถามไปในตัว และอีกอันนึงเป็นแนวคิดที่น่าจะนำไปปรับใช้กันก็ได้นะครับ

    เมื่อวานผมได้นั่งสมาธิจน ตัวเบา จริงๆแล้ว อีกนัยนึงถ้าผมนั่งมันจะตัวเกร็งแต่ผมแผ่เมตตาไปด้วยอาการเกร็งนั้นมันไม่ได้หายแต่มันหยุดการเกร็งและค่อยๆคลายออก ผมรู้สึกได้ และ เมื่อวานนี้ เป็นลักษณะที่แบบว่าตัวเบาและ เหมือนยังกับแรงผลักดันออกไปแต่แรงนั้น มันไม่ใช่แรงของอารมณ์หนักแต่อย่างใด อารมณ์เบาคับ คล้ายๆกับจิตพยายามจะเคลื่อนออกจากร่าง และ ลมหายใจมันไม่ได้จุกแต่ หายใจได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นในทางเดินของลมนั้นรู้สึกเย็นไปทุกส่วนและยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์ตอนนี้ มันไม่ใช่ว่า จะทนไม่ไหวนะครับ ผมก็ มีสมาธิตลอดไม่หลุดเลย ผมลองกลั้นหายใจดู ปรากฏว่า ผมกลั้นหายใจได้ นานกว่า 3 นาที และนานไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นสักพักผมก็หยุด(ผมกะระยะเวลาเอา)หลังจากนั้นโล่งมากๆ และก็ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดเลยเพราะช่วงเข้าสมาธิหลังๆผมจะ นึกถึงขันต์5ไม่เที่ยงคือละสังขารหน่ะคับเราแค่อาศัยร่างกายนี้ชั่วคราวเท่านั้น ครับ เป็นสิ่งที่ผมมาเจอกับตัวเองเลยมาเล่าให้ฟัง

    ส่วนเรื่องที่สอง การที่เราจะทำใจให้สบายๆนั้น มีหลายปัจจัยครับ 1.รูป รส กลิ่ง เสียง สัมผัส อันนี้เป็นปัจจัยอาจจะเป็นปัจจัยหลักด้วยซ้ำ 2.มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เป็นสิ่งที่เรานึก คิด พูด ทำ ถ้าหากทำดีก็รู้สึกสดชื่นใจดีเย็นใจ ถ้าลักขโมยแล้วก็ต้องระแวงกลัวจะโดนจับ อะไรประมาณนี้ครับ 3.และการละสังโยค

    ที่ผมจะพูดต่อไปนี้แค่เรื่อง ง่ายๆใครๆก็ทำได้ และผมคิดว่าใครนำไปใช้และได้อ่านข้อความนี้ผมว่า ท่านได้ประโยชน์จากมันได้มากเลยทีเดียว ผมแนะนำ เสียง คือสิ่งที่ เรา ปรับอารมณ์ได้ดีที่สุด เพราะฉนั้น เสียง สายน้ำ ลำธาร ทำให้ใจเรา เย็นสบายได้โดยน่าอัศจรรย์ครับ กลับมาเหนื่อยๆ เปิดเสียง สายน้ำ ไหล นกร้อง เสียงสายลม ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะมีโทรทัศวิทยุ แม้กระทั้งคอมพิวเตอร์กันหมดแล้วคงไม่มีใครไม่มี (พูดถึงผู้ปฏิบัตินะครับ) ก็นำไฟล์เสียง เดี๋ยวผมจะหามาให้ครับ ต้องรอสักพัก เพราะตอนนี้ งาน ผมก็ยุ้งเล็กน้อย มาต่อกัน ก็คือ ถ้าใคร นั่งแล้วปวดหัว เจ็บคอ ปวด นู๊นปวดนี่ ก็พักก่อน เปิด เสียงน้ำ สายธาร จิบน้ำเย็นๆ แล้วนั่งหลับตาฟังเสียงสาย น้ำดูครับ ใจเราจะชุ่มเย็นขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ คุณชัดจะนำไปใช้ก็ได้นะครับ นี่ผมแค่มาแนะนำสำหรับคนที่ทำอารมณ์ไม่เก่ง หรือ ชอบ เกร็ง ตอนนั่งสมาธิ อ่อ แล้ว เปิด เบาๆคลอ บรรยากาศไปนะครับไม่ต้องเปิดเสียงดัง พอดี นานมาแล้ว ผมเปิดนั่งฟังแล้ว ใจมันชุ่มเย็นมากๆคือแบบว่ารู้สึกดีมากๆเลยนำเกล็ดความรู้มาแบ่งปันเชื่อว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับและอนุโมทนา ทุกท่านที่คิดดีทำดีและปฏิบัติดีขอให้มีโชคมีชัยสุขกายสบายใจไม่เจ็บไม่ไข้ ทุขใจจงหายใจ เถิดสาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กรกฎาคม 2009
  11. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ตอนนี้ปฎิบัติแบบพุทธานุสติควบคู่กับตัดขันธ์5อะครับ
    แบบว่าไม่ยึดติดกับร่างกายหลวงพ่อลิงดำสอนบอกตัดขันธ์5ตัวเดียวไปพระนิพพานเลยแรกๆนึกถึงพระพุทธชินราชกำหนดลมหายใจและภาวนาว่าพุทธโธพอจิตสงบก้อเริ่มวิปัสสนาตัดขันธ์5กะว่าตัดรักโลภโกรธหลงไปเลยและไม่ลืมความตายพิจรณาขันธ์5ว่ามันสกปรกแนวๆนี้อะครับที่ผมปฎิบัติอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2009
  12. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ช่วงพักเที่ยง คับ ผมได้เปิดเว็บไซท์ แต่ เจอ รูปของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้ว จิตก็พุ้งไปยังท่าน แล้วก็เห็นเรื่องราว ที่ท่านทำต่างๆนาๆมา แล้วสักพักผมน้ำตาไหลเลยครับ เช็ดไปสองสามที แนะ คือถ้าผมตั้งจิตนึกถึง อะไรที่บุคคลๆ นึงทำอะไรดีๆ สักอย่างนึงผมก็รู้สึกชื่อใจปลิ่มๆแล้ว รู้สึกเย็นสบาย และมีเมตตาจิตส่งไปให้คนผู้นั้นด้วย คับ แต่ พ่อหลวงของพวกเรา นี่ มากมายล้นพ้นจริงๆ แค่ผมเห็นแว็บเดียวก็ส่งไปถึงแล้ว และรับรู้ได้เลยว่าท่านมีความเมตตามากๆและอบอุ่นอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ผมสัมผัสมันได้

    (ปล. ถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อนที่ผมไม่เคยรู้จัก มโน หรือ พุทธศาสนา ผมก็คิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว)แต่หลังจากที่ได้ศึกษาปฏิบัติ ก็มีอะไร แปลกๆที่เราอธิบายได้ยากเข้ามาให้เรารู้อยู่เสมอ อย่างช่วงก่อน ผมเห็นรูปอาหารต่างๆนาๆในหนังสือเพียงเท่านี้ผมก็สัมผัสได้ถึงรสชาติของอาหารชนิดนั้นๆที่ผมมองเห็น ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นเพียง รูปธรรม นามปธรรม เท่านั้นที่ผมคิดนะ
    อนุโมทนาครับ ^^;
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2009
  13. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ขอบคุณครับสำหรับคำตอบแสดงว่าผมไม่ได้โดนอุปาทานกินไม่ได้บ้า

    แสดงว่ามารเหล่านี้มีจริงช่วงนี้โดนมารเล่นเป็นชุดสู้ตายครับ
     
  14. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    คับเป็นกำลังใจให้คับ อย่าว่าแต่พี่เลยผมก็โดนมันครอบงำอยู่บ่อยๆ ผมก็เคยเป็นแบบพี่มาก่อนครับ ตอนนี้ จิตมันค่อยๆพัฒนาขึ้นครับ อย่าไปหลงกลมันล่ะ แต่ก็ทำบุญมากกว่า ทำบาป ครับ ตอนนี้ รู้สึกสบายทั้งกายทั้งใจ จนเป็นสุขอยู่บ้างถึงจะไม่ได้มากเท่าท่านเกจิทั้งหลายแต่เราสบายใจ ก็ดีมากแล้วคับ ก็มีทั้ง มารเอย กิเลสเอย พยายามดึงเรากลับไปสู่ที่ต่ำ เพราะงั้น ทำไมเราถึงฝึก สมาธิ สติ ปัญญาล่ะคับ คุณพี่ ^^; ก็เพื่อให้พ้นความทุข พ้นกิเลส พ้นมาร ยังไงล่ะครับ สู้ๆคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2009
  15. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอรบกวนถามข้อสงสัยค่ะ ขณะนั่งสมาธิ จิตสงบแล้ว อยู่ก็รู้สึกว่าอยากจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นนะคะ คิดอยู่อย่างนั้นค่ะ แต่ก็ยังคงกำหนดจิตอยู่ เป็นอย่างนี้ 2 ครั้งแล้ว สิ่งนี้เป็นความรู้สึกที่เกิดจากตัวเราเอง หรือเกิดจากสาเหตุใดคะ
     
  16. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    คุณชัดคงจะยุ้งๆกระมังช่วงนี้ ผมขออนุญาติตอบก็แล้วกันนะคับ คือ อาการอยากที่จะลุขขึ้นนี้ ให้เราดูจิต ว่า ทำไมจึงอยากลุก อยากลุกขึ้นเพราะอะไร เหตุใดจึงอยากลุก

    ข้อแรก นั่งไปสักพักนาน เกินไปจึงเกิดอาการเมื่อยล้า ทำให้เรา อยากเปลี่ยนอิริยาบถ ครับ อย่าฟืนครับลองเปลียนอิริยาบถบ้างครับ พักสักพักแล้วค่อยนั่งต่อก็ได้นะครับ เพราะ สมาธิเราไม่ได้นั่งจนขนาดนั้นครับใช้สมาธิแค่เล็กน้อยก็ทำได้ครับ จิต สงบดีแล้วคับ แต่อย่า หนัก ไปนะครับบางครั้งเราจะรู้สึกว่า เราไม่ได้หนักแล้ว บางทีจะหนักเองโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ

    ข้อที่สอง ถ้าหากนั่งไป แล้วลอง กำหนดดูลมหายใจครับ(หายใจเข้า นึกในใจว่า นะมะ หายใจออก ว่า พะทะ จับลมหายใจ ) ภาวนาตอนนั่งสมาธิไปเรื่อยๆครับ ถ้าหากลมหายใจเราละเอียดดีแล้ว จนลมหายใจและคำบริกรรมหายไป เราก็นึกถึง พระ ให้เป็นประกายเพรชครับ

    ขอให้ ปฏิบัติได้ มีความชุ่มใจเย็นสบาย และสำเร็จมักผลโดยเร็ววันด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กรกฎาคม 2009
  17. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  18. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    วันที่ 4-5 นี้ อย่าลืมไปฝึกมโนมยิทธิ ที่ซอยสายลมกันนะครับ
     
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ thippayawan ครับ

    ขอรบกวนถามข้อสงสัยค่ะ ขณะนั่งสมาธิ จิตสงบแล้ว อยู่ก็รู้สึกว่าอยากจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นนะคะ คิดอยู่อย่างนั้นค่ะ แต่ก็ยังคงกำหนดจิตอยู่ เป็นอย่างนี้ 2 ครั้งแล้ว สิ่งนี้เป็นความรู้สึกที่เกิดจากตัวเราเอง หรือเกิดจากสาเหตุใดคะ<!-- google_ad_section_end -->

    เป็นจิตที่อยากจะลุก หรือว่ากายที่อยากจะลุกครับ ร่างกายไม่มีอาการเมื่อยใช่ไหมครับ

    ถ้าจิตอยากจะลุกนี่ จะเป็นลักษณะที่กายทิพย์ของเราจะถอดออกมามากกว่าครับ
    พระที่ท่านฝึกจนชำนาญแล้ว ท่านสามารถจะนั่งปุ้ป แล้วเอากายทิพย์ลุกออกมาจากกายเนื้อได้เลย
    จะไม่ได้ลุกเพราะเมื่อย แต่จะลุกแบบจิตออกมาจากร่างกาย

    ให้เราตั้งจิตขอบารมีพระท่านครับ เสร็จแล้วให้ปล่อยใจสบายๆ ดูไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ
    ถ้าจะออกเดี้ยวจะออกมาเองครับ สำคัญว่าให้เราขอบารมีพระครับ

    ให้ลองนำไปปฏิบัติครับ

    คุณthippayawan มีเกณฑ์เรื่องจะถอดจิตหลายครั้งแล้ว
    ถ้าเป็นไปได้ 4-5 นี้ ลองไปฝึกมโนดูครับ จะได้ไปขึ้นครูพระกรรมฐานด้วย ลองไปดูครับ
     
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ therd2499 ครับ

    ตอนนี้ปฎิบัติแบบพุทธานุสติควบคู่กับตัดขันธ์5อะครับ
    แบบว่าไม่ยึดติดกับร่างกายหลวงพ่อลิงดำสอนบอกตัดขันธ์5ตัวเดียวไปพระนิพพานเลยแรกๆนึกถึงพระพุทธชินราชกำหนดลมหายใจและภาวนาว่าพุทธโธพอจิตสงบก้อเริ่มวิปัสสนาตัดขันธ์5กะว่าตัดรักโลภโกรธหลงไปเลยและไม่ลืมความตายพิจรณาขันธ์5ว่ามันสกปรกแนวๆนี้อะครับที่ผมปฎิบัติอยู่<!-- google_ad_section_end -->

    ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอนได้ถูกต้อง ดีแล้วครับ
    ให้เราเพิ่มการทรงพรหมวิหาร4 แผ่เมตตาออกจากดวงจิตของเรา
    และอธิษฐานก่อนนอนไว้ทุกคืนครับ ว่า
    ถ้าเราตายจากชาตินี้เมื่อไหร่ เราขอไปพระนิพพานเพียงจุดเดียวเท่านั้น
    จิตจะยิ่งตั้งมั่นในอารมณ์พระนิพพานยิ่งๆขึ้นไปครับ

    ถ้าใครได้มโนแล้วก็เอาจิตไปฝากไว้ข้างบนทุกๆคืนด้วยครับ
    ล็อคเอาไว้หลายๆชั้นจะได้ไม่คลาดจากพระนิพพานกันทุกๆคนครับ

    ขอให้ทุกๆคนมีพระนิพพานเป็นที่สุด ในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...