เจาะลึก"วัฏจักรไนโตรเจน" ไขปริศนากำเนิดบั้งไฟพญานาค

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 4 เมษายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174

    A132p1x1.jpg


    มหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย ก็คือปรากฏการณ์ที่มีลูกไฟแดงอมชมพูพุ่งขึ้นจากผิวน้ำแม่น้ำโขง สู่ท้องฟ้าในวันออกพรรษา ที่บริเวณเขต อ.โพนพิสัย และเรียกสิ่งนี้ว่า "บั้งไฟพญานาค"

    ลูกไฟที่ว่านี้เป็นลูกไฟสีแดงอมชมพู ไม่มีเสียง ไม่มีควัน ไม่มีเปลว ขึ้นตรง ไม่โค้งและตกลงมาแบบโปรเจ็คไทล์เหมือนลูกไฟทั่วไป จะดับกลางอากาศ สังเกตได้ง่ายแตกต่างจากลูกไฟทั่วไป แต่ไม่มีผู้ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากสิ่งใด มีความเชื่อกันว่าพญานาคเป็นผู้ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้

    โครงการ GLOBE (Global Learning and Observations to Benefit the Environment) เป็นโครงการวิทยาศาสตร์ระบบโลก โดยบูรณาการมุมมองด้านสิ่งปกคลุมดิน ด้านบรรยากาศ ด้านชลศาสตร์ และด้านดิน ในอนาคตอันใกล้ GLOBE จะเริ่มบูรณาการการศึกษาทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เข้าในการศึกษาอย่างจริงจัง


    1051.jpg


    สำหรับเรื่องบั้งไฟพญานาคได้มีมุมมองในการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ โดยเริ่มต้นโดยการทำความเข้าใจทางอุทกศาสตร์และภูมิศาสตร์ของสายน้ำโขง ก่อนที่เราจะมาดูสภาพพื้นที่ของจังหวัดหนองคาย และดู "วัฏจักรไนโตรเจน" ซึ่งเป็นวัฏจักรที่สำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่น้ำท่วมถึง สุดท้ายจะมาดูกระบวนการเกิดการเรืองแสงทางเคมีจากผลผลิตหนึ่งของวัฏจักรไนโตรเจน

    ในการอบรม GLOBE International Train the Trainer Workshop ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จังหวัดหนองคาย จัดโดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เมื่อเดือนมกราคม 2549 ที่ผ่านมา ได้ทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง 2 บริเวณ คือ บริเวณหาดจอมมณี ริมฝั่งโขงใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กับบริเวณหนองกอมเกาะ ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ น้ำจากสายน้ำโขงมีค่าความขุ่นใส (26, 37, 51 ซ.ม.) ต่ำกว่า (ใสกว่า) หนองกอมเกาะ (9.5, 9.8 ซ.ม.) ซึ่งเป็นน้ำผิวดินที่มีอนุภาคดินเหนียวลอยอยู่ อย่างไรก็ดี น้ำในน้ำโขงนั้นยังคงมีความขุ่นมาก

    สุดท้ายเรามีการตรวจวัดไนเตรตด้วยแต่ตรวจไม่พบ ข้อมูลมีหลายค่าตามกลุ่มที่ทำการตรวจวัด โดยแต่ละกลุ่มทำ 3 ซ้ำ ขอเน้นว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจากการฝึกอบรม ถ้าต้องการข้อมูลที่เชื่อถือได้กว่านี้ต้องมาทำวิจัยกันอีกครั้ง โดยสรุปน้ำที่หนองกอมเกาะเป็นน้ำที่ผ่านการเกษตรกรรมจากการชลประทานจากแม่น้ำโขง

    สำหรับการตรวจวัดอากาศ ไม่มีฝน ในช่วงต้นของการอบรมมีมวลอากาศเย็นแผ่เข้ามา วันที่ 6-8 มกราคม 2549 ทำให้ค่าความชื้นสัมพัทธ์เปลี่ยนแปลงลดลงเมื่อเทียบกับวันต่อๆ มา โดยเฉพาะวันที่ 8 อากาศแห้งมากจนค่าความชื้นสัมพัทธ์ไม่ถึง 100% ทำให้ไม่เกิดหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิอยู่ในช่วง 11 องศาเซลเซียว ถึง 34 องศา ซึ่งแตกต่างกันมากพอควร ค่าโอโซนผิวพื้น วัดที่จุดศึกษาบรรยากาศ บริเวณเสาธง หน้าอาคารบริหาร วิทยาเขตหนองคาย พบว่ามีค่า 63 ppbv เวลา 14.00-15.00 น. ของวันที่ 16 มกราคม ส่วนค่าละอองอากาศ มีค่า 0.5 สำหรับแสงสีเขียว และ 0.4 สำหรับแสงสีแดง อันหมายถึงฟ้าหลัวค่อนข้างมาก
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    โดยสรุปสภาพอากาศของหนองคายในช่วงฤดูหนาว และอาจเลยไปถึงฤดูร้อน มีลักษณะแห้งแล้ง และการที่ฟ้าหลัวมากแสดงว่ามีกิจกรรมเผาชีวมวลสูงและไม่มีฝนช่วยในการกำจัดละอองอากาศ อีกทั้งละอองเหล่านี้น่าจะมาจากอนุภาคดินที่ลอยขึ้นไปจากการพัดพาของลม

    การตรวจวัดดิน พบว่า ดินในบริเวณวิทยาเขตหนองคายเป็นดินทราย (sand) 53.24% ดินทรายแป้ง (silt) 16.16% เป็นดินเหนียว (clay) 30.62% มีความเป็นลูกรังสูง ทำให้จับตัวเป็นก้อนแข็ง ด้วยมีธาตุเหล็กสูงมาก ความอุดมสมบูรณ์ (NPK) ต่ำ ยกเว้นโพแทสเซียมกับฟอสฟอรัสที่พบในระดับปานกลางในชั้นดิน (30-60 ซ.ม.) อันเป็นลักษณะของดินตะกอนแม่น้ำ สอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าในจังหวัดหนองคายมีปริมาณแร่โพแทสเซียมมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ถ้าพิจารณาคุณภาพแล้วจัดเป็นอันดับ 1 ของโลก

    ส่วนผลการศึกษาจากสิ่งปกคลุมดิน พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ประกอบด้วย บริเวณที่อยู่อาศัยและชุมชน บริเวณน้ำจืด เป็นที่ลุ่มเป็นหนองต่างๆ กระจัดกระจายอยู่ด้านใต้ของแม่น้ำโขง หนองคายมีสายน้ำโขงเป็นแหล่งน้ำหลัก และมีการใช้น้ำบาดาล พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปกคลุม ส่วนบริเวณป่ามีส่วนน้อยเป็นป่าที่ขึ้นทีหลัง มีขนาดไม่สูงนัก จากการวิเคราะห์พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบริเวณแห้งแล้ง

    พื้นที่ชุ่มน้ำทั้งตามริมฝั่งโขงนั้นและที่อื่นๆ มีกระบวนการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ดิน ตะกอน ซากพืชและสัตว์ที่น้ำโขงพามาเป็นทรัพยากรอันอุดม ที่จะผ่านวัฏจักรที่สำคัญๆ หลายวัฏจักร ที่เราสนใจ ณ ที่นี้คือ "วัฏจักรไนโตรเจน" กระบวนการที่สำคัญในวัฏจักรไนโตรเจนนั้น องค์ประกอบสำคัญมีดังต่อไปนี้

    fertilizer คือปุ๋ยหรือสารอาหารที่เติมลงไปในดินเพื่อการเกษตร

    animal wastes คือสิ่งปฏิกูลที่มาจากสัตว์ที่เติมลงไปในดิน

    Plant Matter คือซากพืชที่อยู่ในดิน

    Fixation by nitrogen-fixing bacteria หรือ nitrogen fixation คือ ปมรากพืชตระกูลถั่ว (legume root nodules) สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศ เนื่องจากมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ในปม แบคทีเรียได้รับอาหารในรูปคาร์โบไฮเดรตจากพืช ในทางกลับกันแบคทีเรียใช้ไนโตรเจนเปลี่ยนไปให้อยู่ในรูปสารอินทรีย์ ซึ่งพืชสามารถใช้ได้ และกระบวนการปลดปล่อยไนโตรเจนสู่บรรยากาศ หรือ denitrification คือการไนเตรต ถูกเปลี่ยนไปในรูปก๊าซไนโตรเจน, ไนตรัสออกไซด์, ไนตริกออกไซด์ โดยแบคทีเรียในดิน <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อดินเปียก ในกระบวนการ nitrification มีปฏิกิริยาออกซิเดชั่น จากแอมโมเนียที่ถูกใช้โดยแบคทีเรียไปเป็นไนไตรท์ (NO2-) หรือไนเตรต (NO3-) พืชและแบคทีเรียสามารถกำจัดทั้งสองตัวได้โดยเอนไซม์ไนไตรท์ หรือไนเตรต รีดักเตส แอมโมเนียจะเปลี่ยนรูปไปเป็นกรดอะมิโนโดยพืชนั่นเอง สัตว์ก็จะกินพืชเพื่อเป็นแหล่งของโปรตีน เมื่อสิ่งมีชีวิตตายโปรตีนเหล่านั้นก็จะกลับมาเป็นแอมโมเนียในดิน

    องค์ประกอบที่เราสนใจก็คือก๊าซ "ไนตริกออกไซด์" (NO) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไวต่อปฏิกิริยาอย่างยิ่ง ก๊าซตัวนี้ถูกสังเคราะห์ขึ้นในเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย มีบทบาทที่สำคัญในการควบคุมความดันเลือด ในการสื่อสารกันของเซลล์ประสาทในการทำลายเชื้อโรค และเป็นกระบวนการอีกมากมายที่เรายังไม่เข้าใจ

    นอกจากนี้ NO ยังเป็นก๊าซที่เป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ด้านบรรยากาศ เพราะเป็นสารมลภาวะที่เกิดจากการเผาไหม้ในห้องเครื่องของรถยนต์ เพราะฉะนั้นเคมีของก๊าซ NO จึงเป็นที่รู้จักและเข้าใจกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะปฏิกิริยาของมันกับออกซิเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในรูปของโอโซน (O3)

    ปรากฏการณ์การเรืองแสงโดยเคมี (Chemical Luminescence-Chemiluminescence) ของ NO Luminescence เป็นปรากฏการณ์ที่มีการเรืองแสง ในภาษาฟิสิกส์เราเรียกว่ามีการปลดปล่อยโฟตอนในกระบวนการระดับควอนตัม เราสามารถพบปรากฏการณ์นี้ได้ในธรรมชาติ เช่น แสงจากหิ่งห้อย แสงจากแมงกะพรุน และอื่นๆ ถ้าเกิดปรากฏการณ์นี้ในระบบชีวภาพ หรือสิ่งมีชีวิต เราเรียกว่า Bioluminescence

    แต่ในสำหรับบั้งไฟพญานาค ไม่มีการยืนยันว่าพบสิ่งมีชีวิตใดเรืองแสงในขณะที่เกิด ทำให้เราคิดว่าน่าจะเกิดจากกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า Chemiluminescence มากกว่า ในขณะที่โมเลกุลทั้งหลายมีสถานะเป็นก๊าซ

    ความประจวบเหมาะของปรากฏการณ์เรืองแสงที่ใช้ NO เป็นองค์ประกอบตั้งต้นอีกอย่างก็คือ กระบวนการนี้ต้องการ "โอโซน" และโอโซนบนผิวโลกนั้นเกิดได้จากกระบวนการไม่กี่อย่าง เช่น ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ การจุดประกายไฟฟ้า การเผาไหม้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งออกมาจากเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน นั่นคือ ในการจุดระเบิดจะมีการจุดประกายไฟฟ้าโดยหัวเทียน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโอโซนเป็นอย่างดี

    นี่จะเป็นคำอธิบายว่า ปรากฏการณ์บั้งไฟสามารถเกิดขึ้นได้มากถ้าเมืองหนองคายมีการขยายตัวมาก หรือมีฝนฟ้าคะนอง มีฟ้าผ่า แต่อย่างไรก็ดี กระบวนการนี้ยังขึ้นกับความเข้มข้นของ NO เป็นหลัก ถ้าความเข้มข้นของ NO ไม่เพียงพอ การเรืองแสงก็จะไม่ชัดหรือมองไม่เห็นนั้นเอง

    ถ้าบั้งไฟพญานาคเรืองแสงโดยกระบวนการนี้จริง ปริมาณก๊าซโอโซน ณ วันเวลาดังกล่าวจะลดลง ในขณะที่ก๊าซออกซิเจนจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท่านผู้ชมก็จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ขณะชมบั้งไฟ เพราะปกติโอโซนบริเวณผิวโลกนั้นเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

    ความรู้เกี่ยวกับการเรืองแสงโดยกระบวนการทางเคมีที่ให้ไว้ก็เพื่อเป็นการให้การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ โดยดึงปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคมาเป็นพระเอก ถึงแม้ว่าบั้งไฟพญานาคจะเรืองแสงโดยกระบวนนี้ (ซึ่งอาจจะไม่ใช่ เพราะเรายังไม่ได้ทำการพิสูจน์ นี่เป็นเพียงข้อสังเกต) ก็ไม่ได้หมายความว่าวิทยาศาสตร์จะบอกว่าเงื่อนไขต่างๆ นั้นมาได้อย่างไร มาจากไหน

    วิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นคำตอบของทุกอย่าง ดังเช่นที่นักวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงกำลังทำให้คนส่วนใหญ่คิดแบบนั้นกัน

    สำหรับเรื่องช่วงวันเดือนที่เกิดนั้น น่าจะอธิบายโดยอาศัยความเกี่ยวพันกับฤดูกาลได้ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 น่าจะมีความสัมพันธ์กับสภาวะน้ำในลำโขง

    ถ้าลำโขงมีน้ำน้อยในปีนั้นๆ ตะกอนก็จะน้อย ปริมาณ NO ก็จะน้อยทำให้มองบั้งไฟได้ไม่ชัด และยิ่งถ้าลำน้ำโขงมีมลภาวะ แบคทีเรียที่อยู่ในกระบวนปลดปล่อยไนโตรเจนกลับสู่บรรยากาศก็จะแพ้แบคทีเรียที่ปล่อยก๊าซมลภาวะตัวอื่นๆ บั้งไฟก็จะไม่เกิดเช่นกัน ความสม่ำเสมอของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นมาจากการเคลื่อนที่ของระบบโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กล่าวคือเป็นผลจากดาราศาสตร์นั่นเอง

    สำหรับแรง "ไทด์" จากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะส่งผลให้เห็นชัดก็ต่อเมื่อมวลของคู่กรณีมีขนาดใหญ่ เช่น มวลน้ำในทะเลจีนใต้ ทะเลอันดามัน ขนาดมวลน้ำขนาดนั้นยังยกระดับให้สูงได้เพียงขนาดเป็นเมตรเอง

    โดยสรุปบั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่เราสามารถนำเอามาใช้เป็นตัวจุดชนวนในการศึกษาโลกอย่างเป็นระบบที่มีการเชื่อมโยงกันของสิ่งปกคลุมดิน (ลักษณะพื้นที่) ชลศาสตร์ (น้ำ) บรรยากาศ (ก๊าซต่างๆ) และดิน ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สุดมหัศจรรย์นี้

    ในความคิดของทีมเรานั้น บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่สุดยอดมหัศจรรย์ เกิดในสถานที่ที่สุดยอดมหัศจรรย์ เกิดในจังหวะเวลาที่สุดยอดมหัศจรรย์ มีประวัติและความเกี่ยวพันกับสิ่งต่างๆ ที่สุดยอด


    ข้อมูลจากการค้นคว้าสามารถสรุปได้ว่า บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่ควรค่าแก่การไปชม เป็นความภูมิใจของชาวหนองคาย เป็นสิ่งที่ทำให้เรารำลึกถึงความดีงามเมื่อศึกษาประวัติศาสตร์ และควรอนุรักษ์สายน้ำนี้ไว้อย่างดีที่สุด



    มติชน
     
  2. yeen

    yeen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +3,656
    น้ำในแม่น้ำโขงเป็นกระแสน้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่น้ำนิ่ง และเพราะเป็นแม่น้ำ จึงไม่ใช่แ่อ่งปิด เหมือนบึง หรือสระ ที่ลุ่มที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งน้ำเป็นน้ำนิ่ง .......ซึ่งลักษณะตะกอนที่ทับถมกันในแม่น้ำโขงก็จะทับถมลงไปยังก้นแม้น้ำ ทั้งซากพืชซากสัตว์ แต่จะทับกันไม่ได้อยู่นาน เพราะจะถูกกระแสน้ำพัดไปเรื่อยๆ ผมจึงเชื่อว่าซากพืชซากสัตว์ไม่น่าจะมีเวลาพอในการย่อยสลายจนกลายเป็นแก็สไนโตรเจนได้ ถึงจะเป็นก็ไม่น่าจะขึ้นมาได้ถึงผิวน้ำอยู่ดี เพราะไต้ท้องน้ำมีความดัน แก็สไนโตรเจนต้องมีระดับความดันมากกว่า จนเอาชนะแล้วขึ้นมาถึงผิวน้ำได้ แล้วแก็สที่คนเห็นขึ้นมาเป็นดวงเป็นฟองใหญ่ๆ ที่ละฟอง แต่ละฟองใช้เวลาห่างกันเนี่ย .......ผมคิดว่าไม่น่าจะมีความดันขนาดนั้นได้เลยครับ .........เหมือนเราเป่าสบู่ผ่านหลอดที่เด็กๆเขาเล่นกันน่ะ แล้วเราลองเป่าไต้ระดับน้ำที่มีความสูงเท่าซักแก้วๆนึงแล้วกัน ฟองสบู่นั้นมันจะมีโอกาสขึ้นมาที่ผิวน้ำด้านบนได้หรือเปล่า ลองคิดดู อันนี้เป็นความคิดของผมนะครับ ู
     
  3. tapi431

    tapi431 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    สงสัย

    ขอเรียนถามผู้รู้หรือผู้ที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดว่า ในปีที่มีเดือน 8 สองหน (เดือนไทย) ช่วงเดือน 11 จะยืดออกไปใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ปรากฏการนี้ยังคงเกิดตรงกับ 15 ค่ำเดือน 11 หรือเปล่า หรือเกิดในช่วง 15 ค่ำเดือน 10 (ร่นเวลาเข้ามาเพื่อจะได้ครบรอบ 1 ปี) ถ้าเกิดในช่วงหลัง เหตุผลการวิเคราห์ทางวิทยาศาสตร์ก็พอฟังได้ คือครบรอบ 1 ปี ก็เกิดทีหนึ่ง แต่ถ้ามันยืดออกไปตามระยะเวลาที่มีเดือน 8 สองหนล่ะ จะอธิบายว่าอย่างไรจ๊ะ
     
  4. จอกแหน

    จอกแหน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +873
    ไปดูเองเลยดีกว่าครับ
     
  5. oill

    oill Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +88
    "พญานาค" เป็นสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของหนองคายค่ะ ทุกครั้งที่มีพิธีบวงสรวงท่านจะขึ้นมาให้พร และบอกกล่าวทั้งรางดี และรางร้าย (ซึ่งก็แนะวิธีแก้) และก็เป็นจริงทุกครั้ง ขอร้องว่าท่านได้ที่ไม่รู้จริง หรือพิสูทธิ์ยังไม่ได้ อย่าลบหลู่หรือสรูปเอง
    *** ฝรั่งที่ว่าแน่ เก่งนักเก่งหนา ยังหาข้อสรุปไม่เจอ***
    --*-**- ไม่ได้ค้านข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ค่ะ แต่จะรอวันที่พิสูจน์ได้ (แต่จะอีกนานแค่ไหน) ถ้าคิดว่าแค่ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ขนาดดวงดาวยังไปเหยียบมาแล้ว ใต้น้ำไมไม่ไกลขนาดนั้นนี่ -*-*-


    /// จากคนหนองคาย///
     
  6. mungkorn

    mungkorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +367
    วิทยาสศาสตร์พิสูจน์นะดีแล้วครับ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็อย่าหาว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ถ้าวิทยาศาสตร์พิสูจน์บั้งไฟพญานาคได้ ก็คงพิสูจน์อัฐิกลายเป็นพระธาติได้ แต่ผมว่าคนที่พิสูจน์ จะบ้าเสียก่อน
     
  7. Namwarn

    Namwarn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +27
    ค่ะ

    เราชื่อว่าพญานาคมีจริงนะ
    ในเมื่อพยายามที่จะพิสูจน์ก็ไม่ผิดหรอก
    แต่ว่าเรายังนับถือและเชื่อเรื่องพระพญานาคอยู่น่ะค่ะ
     
  8. sahawat999

    sahawat999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +37
    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นะคับ
    ส่วนตัว ผม ว่าเชื่ออ คับ
     
  9. khochpaak

    khochpaak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,727
    ใครที่ยังไม่เคยไปดูให้ไปที่หน้าวัดไทย

    ที่อำเภอโพนพิสัยครับ ไปดูให้เห็นกับตา จะมีรอยพญานาคมาปรากฏบนรถของผู้ไปชมงานเกือบทุกปี กลิ่นจะคาวแรงมาก และที่สำคัญ ถ้าไปแล้วลองไปถามคนแถวหน้าวัดไทยดูว่า เมื่อปี 2546 มีทีมสำรวจใต้น้ำจากสารคดี Discovery channel 4 คนได้ดำน้ำลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ พร้อมกับนาวิกโยธินจากจังหวัดชลบุรี จำนวน 2 นาย นั้น ได้กลับขึ้นมาอีกหรือป่าว ลองไปถามกันดูครับ และยิ่งกว่านั้น ถ้ามีใครสักคนพูดว่าบั้งไฟไม่ใช่พญานาคทำเกิดจากธรรมชาตินั้น ก็ต้องถามกลับครับว่า แล้วพญานาคนั้นคือธรรมชาติหรือไม่ ก็ในเมื่อมนุษย์ก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่ง แล้วสิ่งที่มีมาแต่พุทธกาล มีตัว มีตน อย่างพญานาคทำไมจะไม่ใช่ธรรมชาติ ถ้าไม่ใช่ งั้น คำพูดของหลวงปู่มั่นก็ดี หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่คำคะนิง และอีกหลาย ๆ หลวงปู่ก็คงจะไม่จริงใช่มั๊ยครับ เพราะท่านเหล่านั้นก็ยืนยันว่าเคยไปพบเจอพญานาค บางองค์ไปถึงเมืองบาดาลด้วยซ้ำไป สิ่งเหล่านี้ถ้าเป็นคนพุทธแล้วควรตรองด้วยปัญญาว่าสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็น แต่มีพระอริยะเจ้าหลายๆ ๆ องค์ยืนยันให้นั้นสมควรแก่กาลเชื่อหรือไม่ หรือจะต้องพิสูจน์กันอีก แค่ใจตนมีศีล 5 ครบถ้วนแล้วหรือยังนั้น ยังพิสูจน์กันไม่รู้เรื่องเลย แล้วจะไปพิสูจน์อะไรกันได้กับเรื่องของพญานาค ฝากไว้แค่นี้ครับ
     
  10. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    คิดว่า น่าจะเป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาตินะ
    แต่ คนสมัยก่อนอธิบายไม่ได้ เลยเล่ากันเป็น ตำนานไป
     
  11. Bank Chelsea

    Bank Chelsea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +140
    อย่างนี้พญานาคก็ไม่ได้ทำจิครับ
     
  12. demonicus

    demonicus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +314
    เรื่องตลกน่ะครับ เขาก็คิดของเขาไปเรื่อย ไนโตรเจนน่ะมีอยู่ในอากาศถึง 78% นะครับ หากจะให้ไนโตรเจนเปร่งแสงได้น่ะ จะต้องใช้ไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูงมาก อย่างฟ้าผ่า ฟ้าแลบน่ะ เป็นแสงที่เราเห็นจากการลุกใหม้ของไนโตรเจน แล้วหากเป็นการเปลี่ยนระดับวงโคจรของอิเลคตรอนเพื่อลดพลังงานจากการชาร์จด้วยประจุไฟฟ้าแล้วล่ะก็ ไนโตรเจนจะคายพลังงานออกมาในรูปของ UV มากกว่าแสงสีม่วงอมฟ้า ลอง serch ในgoogle ดูก็ได้ครับ ใช้คำว่า nitrogen laser แล้วคุณจะรู้ว่า ไอ้ที่นักวิชาการเขาว่าน่ะ โม้ทั้งเพ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาว่า ลองสร้างปรากฏการณ์นั้นขึ้นมาให้ดูหน่อยสิ ไนโตรเจนแบบบรรจุถังมีเยอะแยะไป
     
  13. skyboy

    skyboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +592
    สิ่งที่เรามองไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ
     
  14. Hurahara

    Hurahara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +106
    เป็นธรรมดาของมนุษย์อะคับ อะไรที่ยังพิสูจย์ไม่ได้ก็จะต้องตั้งสมมุติฐานก่อน ฟังไว้ก็ไม่ได้เสียหาอะไรนิคับ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คนคับ อย่างสมัยก่อนนะตอนที่ยังไม่มีเครื่องบินคนก็คิดว่ามนุษย์เราไม่มีทางบินได้ ใครที่คิดว่ามนุษย์จะบินได้ก็จะถูกคนกล่าวหาว่าบ้า แต่พอมาถึงตอนนี้ละครับเราสามารถที่จะบินกันได้แล้ว พูดแค่นี้คงจะพอเข้าใจความหมายนะคับ
     
  15. seberton

    seberton เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2006
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +655
    คือว่า ผมอยู่จังหวัดหนองคาย แต่ไม่อยู่โพนพิสัย (แต่ก็ไปดูทุกปี)
    เชื่อครับๆ เพราะก็เคยเห็นกับตาแต่เด็กๆโน้น แล้วความเชื่อที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ามาก็เยอะมาก
    และยังมีผีสางเฝ้าเมือง (ศาลปู่ตา) ก็ยังบอกว่ามีจริง
     
  16. thaana

    thaana สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +16
    แล้วคนสมัยปัจจุบันอธิบายได้แล้วหรือครับ ก็ยังสรุปไม่ได้
    เห็นด้วยกับคุณdemonicus ทำไมไม่ทดลองสร้างปรากฎการณ์นั้นขึ้นมาล่ะ
    หรือว่าไปทดลองแล้วไม่สำเร็จ เลยเงียบไป
     
  17. รสิตา

    รสิตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +475
    สิ่งที่วิทยาศาตร์ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนได้ ????
    อยาไปเห็นของจริงจังเลยค่ะ เห็นบางท่านบอกไว้ว่าในวันเดียวกันกับที่ทางอิสานเกิดบั้งไฟ ฯ นี้ ที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต และทางกลางทะเล แถบมหาสมุทรอินเดีย ก็มีคนเห็นว่าเกิดเหมือน ๆ กัน จำนวนไม่น้อยด้วย
     
  18. กัสสปะ

    กัสสปะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +51
    คิดมากทำไมเดี๋ยวก็เช้าแล้วค่ะ
     
  19. EvilWit

    EvilWit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +15
    อะไรๆในโลกยังไม่สามารถพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ได้ทั้งหมด ดังนั้นทำไมเราไม่ลองฟังความเห็นในแนวอื่นที่มันนอกเหนือดูหละครับ ก็ในเมื่อวิทยาศาสตร์ตอนนี้อธิบายไม่ได้ พิสูจน์ไม่ได้แล้ว เราก็ควรจะเปิดกว้างกัน เพราะมนุษย์เราก็ยังค้นพบอะไรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ บางคนบอกว่า อย่าไปฟังเรื่องพวกนี้เลย งมงาย ถ้าเราลองคิดกลับกันแล้วจารู้ครับว่า คนที่รับฟังกับไม่รับฟัง ใครสมควรถูกเรียกว่า คนงมงาย มากกว่ากัน
     
  20. Bank Chelsea

    Bank Chelsea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +140
    วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทุกอย่างจริงไหมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...