จิบชา...กินขนม...ชมจันทร์...ในวันไหว้พระจันทร์

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 27 กันยายน 2009.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จิบชา...กินขนม...ชมจันทร์...ในวันไหว้พระจันทร์
    Metro Life - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กันยายน 2552 16:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=166 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=166>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ปีนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม ช่วงนี้เราจึงเริ่มเห็นขนมไหว้พระจันทร์อันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้ เริ่มวางขายกันเต็มไปหมด ไม่รู้จะเลือกกินของยี่ห้อไหนดี ?

    ความเป็นมาของเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้น มีตำนานหลายเรื่อง แต่หัวใจสำคัญของเทศกาลคือ การสร้างความสามัคคีกลมเกลียว เพราะสมาชิกของครอบครัวจะมาอยู่พร้อมหน้ากันในวันสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวและเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงสวยที่สุด

    ชาวจีนจะให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้ เป็นอันดับสองรองจากเทศกาลตรุษจีนเลยทีเดียว หลายๆ ประเทศที่มีชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จะฉลองเทศกาลนี้กันอย่างสนุกสนาน มีทั้งการเชิดสิงโตตามท้องถนนเพื่อความเป็นสิริมงคล การไหว้เจ้า ซึ่งจะต้องมีของไหว้คือ ขนมไหว้พระจันทร์ และกระดาษ ส่วนตอนกลางคืนสมาชิกของครอบครัวจะมาอยู่พร้อมหน้ากันเพื่อกินขนมพร้อมจิบชาภายใต้แสงจันทร์ ส่วนเด็กๆ ก็จะถือโคมไฟกระดาษที่ทำเป็นรูปต่างๆ เดินเรียงแถวกันไปตามถนน เป็นบรรยากาศที่สนุกสนาน



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับเมืองไทยนั้น ช่วงหลังๆ จะลดทอนพิธีการต่างๆ ลงไปมาก คงเหลือให้เห็นเพียงขนมไหว้พระจันทร์ที่ผุดขึ้นมาหลากหลายกลาย เป็นสีสันของเทศกาลนี้

    “ขนมไหว้พระจันทร์” เป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งในเทศกาลนี้ มีความหมายถึงความพรั่งพร้อม ความสมบูรณ์ และความสมหวัง ขนมก้อนเล็กๆ ชิ้นนี้มีกำเนิดที่ประเทศจีนเมื่อ 600 ปีมาแล้ว แต่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่เมืองไทยเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 70 ปีที่ผ่านมา ขนมไหว้พระจันทร์ดั้งเดิมมีเพียงไส้ลูกบัว ถั่วแดง โหงวยิ้ง จนถึงปัจจุบันขนมก้อนนี้ถูกพัฒนารสชาติให้เข้ากับยุคสมัยและรสปากของคนรุ่นใหม่มากขึ้น

    เรามาอัพเดตขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ว่า แต่ละยี่ห้อจะมีลูกเล่นอะไรแปลกใหม่มาสนองตอบคนกินกันบ้าง

    เริ่มจาก ร้านกอกใจ (ร้านเดิมชื่อกกจีเหลา เยาวราช) ใช้สโลแกนสืบสานรสชาติแท้แบบดั้งเดิม ที่พิถีพิถันกับไส้ลูกบัวต้องใช้ลูกบัวสดๆ มานึ่งและบดเอง เพื่อให้ได้รสและกลิ่นหอมของลูกบัวแท้ๆ ปีนี้ค่ายกอกใจออก 2 ไส้ใหม่คือ ไส้ลูกบัว-ลูกพรุน-ลูกเดือย เน้นสุขภาพ เพราะลูกพรุนมีวิตามินบี 1 แถมมีไฟเบอร์สูง ส่วนลูกเดือยนอกจากมีทั้งวิตามินมากมายแล้วยังเป็นยาเย็นแก้ร้อนใน บำรุงไต ม้าม ตับ และมีกรดอะมิโนที่กระตุ้นให้เซลล์สมองหลั่งสารที่ทำให้นอนหลับ ส่วนไส้ “นพเก้า” ออกมาเพื่อเอาใจวัยรุ่น ประกอบด้วยผลไม้อบแห้ง 9 ชนิด อาทิ แอปเปิล ลูกพรุน ลูกเกด ฯลฯ



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับปีนี้ทางค่ายกอกใจปรับแพคเกจใหม่ สั่งกล่องผ้าแมกเนติกสวยงามจากประเทศจีนทั้งกล่องและใหญ่ และที่พิเศษคือกล่องผ้าไหมที่ดูดีมีราคาสำหรับบรรจุขนม 9 ชิ้นเพื่อเป็นของกำนัลแก่ผู้หลักผู้ใหญ่

    ภัตตาคารเชียงการีลา เจ้าของสูตรเปลือกบาง เนื้อนุ่ม ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากว่า 40 ปี เสนอไส้มังคุดและไส้เกาลัด-แมคคาเดเมีย พร้อมบรรจุภัณฑ์ใหม่สวยเก๋เป็นกล่องชุดมิตรสหาย กล่องโชคลาภ ชุดดาวล้อมเดือน สำหรับซื้อเป็นของฝาก ส่วนไส้อื่นๆ ก็มีให้เลือกอร่อยกว่า 20 ไส้ โดยเฉพาะขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำรับอย่างไส้ทุเรียนหมอนทองไข่ 1 , ไส้ลูกบัวไข่ 1 , ไส้พุทราจีนไข่ 1 และไส้ทุเรียนไม่มีไข่ หาซื้อได้ที่ เชียงการีลาทุกสาขา และ เดอะมอลล์ ทุกสาขา



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ขนมไหว้พระจันทร์โคคา” มีให้อร่อยหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นไส้ถั่วแดง ลูกบัว ลูกบัวขิง ทุเรียน โหงวยิ้ง คัสตาร์ด และใหม่ล่าสุดกับ ไส้ “คัสตาร์ดชาเขียว” โดยคัดสรรวัตถุดิบและส่วนผสมคุณภาพทั้งในประเทศและฮ่องกง มาเป็นสูตรต้นตำรับของโคคา ที่สืบทอดมามากกว่า 50 ปี รสชาติเป็นเอกลักษณ์ บรรจุในกล่องไม้ฉลุทำมือ (Handmade) ที่สวยงาม คงทน จำหน่ายที่ โคคาทั้ง 6 สาขา สุรวงศ์ สยามสแควร์ สุขุมวิท 39 ไทม์สแควร์ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามเซ็นเตอร์ และร้านไชน่าไวท์ ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-5123-4575


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=202 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=202>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ร้านอาหารสีฟ้า เจ้าแรกที่ทำขนมไหว้พระจันทร์ปิดทอง Golden Mooncake เพิ่มมูลค่าให้กับขนมหวานห่อแป้งให้ดูเริ่ดหรูอลังการกว่าเดิม ทำเป็นโฮมเมดสูตรต้นตำรับฮ่องกงที่อบวันต่อวัน มีหลายไส้ให้เลือก อาทิ ทุเรียนทอง โหงวยิ้งแฮมยูนาน และลูกบัว บรรจุในกล่องสีทอง สลับฝาสีแดงดีไซน์สวยทันสมัย เพื่อสื่อถึงความสุขและความเป็นศิริมงคล เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญ หรือของฝากสำหรับผู้ใหญ่ ญาติมิตรและบุคคลใกล้ชิด

    พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม รับฟรีทันที 1 ชิ้นเมื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์ครบ 4 ชิ้น หรือเลือกรับส่วนลดสุดคุ้มถึง 20% ทุกวันจันทร์ และพิเศษ สำหรับผู้ถือบัตร Seefah Family Card สามารถรับส่วนลด 10 – 15% ได้ทุกวัน สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถเลือกซื้อขนมไหว้พระจันทร์ปิดทองที่ร้านสีฟ้าทั้ง 19 สาขา หรือใช้บริการสีฟ้า ดิลิเวอรี่ 02 800 8080



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>บ้านกอไผ่ เป็นอีกรายหนึ่งที่สร้างสีสันให้กับวงการขนมไหว้พระจันทร์ ที่มักจะออกรสชาติแปลกใหม่เอาใจทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ปีนี้ขอเกาะกระแสไข้หวัด 2009 ด้วยการนำเสนอไส้ฟ้าทะลายโจร ที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการหวัด หลอดลมอักเสบ แต่ปกติฟ้าทะลายโจรจะเหม็นเขียว แต่ไส้ฟ้าทะลายโจรลูกนี้นำลูกบัวมากวนกับฟ้าทะลายโจรและดับกลิ่นด้วยชายอดน้ำค้าง

    ไส้เก็กฮวยหล่อฮังก้วย นำเม็ดบัวมากวนกับสารสกัดดอกซากุระหรือดอกเก็กฮวยที่เป็นเหมือนยาของตระกูลดอกไม้ ช่วยให้ชุ่มคอ นอกจากนี้ ยังมีหล่อฮั่งก้วย สมุนไพรจีนนับร้อยปีที่ให้สรรพคุณดับพิษร้อน และไส้ทีรามิสุ เป็นการนำเค้กช็อกโกแลตแท้ มาห่อด้วยกาแฟเอสเพรสโซกับแป้งนุ่มลิ้นของบัวหิมะ ให้ความแปลกใหม่ฉีกแนวเดิม (ลูกละ 85 บาท )



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=195 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=195>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากนี้ยังมี ไส้แปะก้วยรังนก ( ขนาด 60 กรัม กล่องละ 4 ลูก ราคา 220 บาท ) ไส้ลำไยสีทองรากบัวจีน ลูกละ 95 บาท ไส้เกาลัดลูกพลับญี่ปุ่น ลูกละ 95 บาท ไส้โหงวยิ้งแฮมแมคคาดิเมี่ยนัท ลูกละ 90 บาท สนใจซ้อชิมได้ที่ห้างเดอะมอลล์ทุกสาขา โลตัส เซ็นทรัล ท็อป คาร์ฟูร์ เอ็มโพเรียม พารากอน หรือซื้อจำนวนมากติดต่อคุณธรรมนูญ 087-515-9969

    ขนมไหว้พระจันทร์สูตรสตาร์บัคส์ ปีนี้มี 4 รสชาติให้เลือกอร่อยกันคือ ไส้กาแฟสตาร์บัคส์เอสเพรสโซ ไรสท์ สูตรต้นตำรับหอมของกาแฟ ไส้ทุเรียนหมอนทอง ไส้ชาเขียวสตาร์บัคส์และถั่วแดง และไส้โหงวยิ้ง

    สำหรับแพคเกจของสตาร์บัคส์ปีนี้เป็นกล่องบรรจุดีบุกและสีเงิน(สำหรับบรรจุ 2 ลูกรสใดก็ได้) หรือจะทานร่วมกับกาแฟหรือเครื่องดื่มสตาร์บัคส์ทั้งกาแฟดำ คาปูชิโนหรือลาเต้ จะช่วยให้กาแฟขมกับขนมหวานอร่อยยิ่งขึ้น



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=176 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=176>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วกเข้าโรงแรมที่เชฟห้องอาหารจีนเกือบทุกแห่งคิดค้นสูตรเด็ดทำขนมไหว้พระจันทร์ออกมาขาย เริ่มที่ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท 11 ต้นตำรับบัวหิมะที่ใช้แป้งขนมโก๋สีขาวและสีเขียวมาห่อขนมแทนแป้งสีน้ำตาล อันเป็นที่นิยมในฮ่องกง ปีนี้ เชฟเหล่า ชิ หว่อง แนะนำบัวหิมะลูกพรุน บัวหิมะขิง และขนมไหว้พระจันทร์ทุเรียน-งาดำ ส่วนไส้เดิมๆ ที่ขายดี อาทิ บัวหิมะครีมใบเตย เป็นต้น

    พบโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 10 กล่อง ฟรี 1 กล่อง (เฉพาะที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ) หรือสั่งซื้อตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ฟรี! บัตรรับประทานอาหารที่ฮ่องเต้มูลค่า 500 บาท



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ นำไส้คัสตาร์ดไข่แดง ดั้งเดิมที่ใช้ไข่เค็มแดงผสมกับคัสตาร์ดรสชาติหวานมันห่อด้วยแป้งพาสทรีบางนุ่ม อันเป็นสูตรลับเฉพาะที่โด่งดังของโรงแรมเพนนินซูล่า ฮ่องกง นอกจากนี้ ยังมีไส้เม็ดบัวและไส้อื่นๆ บรรจุในกล่องสวยงามที่สั่งพิเศษจากฮ่องกงในราคากล่องละ 480 บาท และระหว่างวันที่ 2-4 ตุลาคม ห้องเหม่ยเจียง มีเซ็ตเมนูพิเศษต้อนรับครอบครัวที่จะมาฉลองเทศกาลนี้ ในราคาคนละ 1,280 บาท ( สลัดไก่เย็นกับแมงกะพรุนซอสพริก , ซุปหูฉลามน้ำแดงเนื้อปู , เป็ดปักกิ่ง, หมูสันในผัดซอสพริกไทยดำ ,ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว,ข้าวผัดหยางโจว,สาคูครีมลูกบัวอบ,ขนมไหว้พระจันทร์เพนนินซูล่า )


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หรือราคาคนละ 1,880 บาท ( หมูหันกับปลาเงิน, ซุปหูฉลามน้ำแดงเยื่อไผ่ , กุ้งผัดซอสพริกเอ็กซ์โอ,ผักกาดขาวห่อเห็ดรวมราดซอสแฮมบด,ปลาหิมะทอดซอสพริกเกลือ,บะหมี่กรอบราดหน้าไก่ซอสเต้าซี่,สาคูครีมลูกบัวอบ,ขนมไหว้พระจันทร์เพนนินซูล่า)

    เชฟวิเชียร จากครัวดิ เอมเพรส โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำรับ ที่อบสดใหม่ทุกวันจากเตา มีหลายรสให้เลือก อาทิ ทุเรียน เกาลัด ลูกบัว ถั่วดำ พุทราจีน และชาเขียว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=190 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=190>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เชฟหว่อง กั๋ม เหยา จากครัวจีนโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นำทีมพ่อครัวผลิตขนมไหว้พระจันทร์ ตำรับกวางตุ้งใหม่สดทุกวันจากเตาอบ ซึ่งมี 8 ไส้ยอดนิยม และแบบ East meets West ได้แก่ ไส้ครีมคัสตาร์ด ถั่วแดง ทุเรียน เม็ดบัว เกาลัด โหงวยิ้ง ช็อกโกแลต และพุทราจีน ในราคากล่องละ 289-1,500 บาท จำหน่ายที่ห้องอาหารจีนหลิว ชั้น 3 และร้านขนมเดลี ชั้น 2 ตึกซีอาร์ซี ออลซีซั่นส์ เพลส หรือ เซ็นทรัล ชิดลม, สยามพารากอน

    เชฟอูสร์ โรห์บาซ หัวหน้าพ่อครัวสวิส โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ที่ผ่านโรงแรมระดับห้าดาวที่ฮ่องกง และจีนมาแล้ว ได้ตระเตรียมขนมไหว้พระจันทร์ที่ผสมผสานรสชาติแบบดั้งเดิมและรสชาติแบบตะวันตก อาทิ Hilton Signature cheese Moon Cake with Snow skin เป็นไส้ครีมเนื้อนุ่มในแบบบัวหิมะ ทั้งไส้ชีสชาเขียว และเม็ดบัว ไส้วอลนัท และคาราเมล หรือไส้ลูกพีชและครีมชีส เป็นต้น ในราคาลูกละ 90 บาท หรือกล่องละ 360 บาท (4 ชิ้น)



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>พิเศษ ! สำหรับคนรักช็อกโกแลต เชฟอูสร์เตรียม Hilton Chocolate Moon Cake สารพัดไส้ช็อกโกแลต ทั้งช็อกโกแลตสอดไส้ครีมรสส้ม และแกรนด์มาเนียร์ มิลค์ช็อกโกแลตสอดไส้คาราเมลบลูเล่ ไวท์ช็อกโกแลตสอดไส้ราคาเมลถั่วฮาเซลนัท หรือลองชิมเรดช็อกโกแลตสอดไส้ถั่วพิตาชิโอ และแมคคาเดเมีย ในราคาชิ้นละ 70 บาท นอกจากนี้ ยังมีไส้มาตรฐานทั่วไปจำหน่ายด้วย

    ชอบรสไหนเจ้าไหนก็ลองไปหาชิมกันได้ และขอให้อร่อยกับเทศกาลไหว้พระจันทร์กันถ้วนหน้า


    ***ก่อนจะหยิบขนมหวานชิ้นอร่อยนี้เข้าปาก ลองมาทำความรู้จักกับความเป็นมาของขนมไหว้พระจันทร์กันก่อน**
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผ่าไส้ขนมไหว้พระจันทร์ หลายเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผย
    Metro Life - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กันยายน 2552 17:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ปีนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันอังคารที่ 18 กันยายน แต่ตลาดขนมเปี๊ยะกลับเริ่มโหมโรงคึกคักกันมาตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมาแล้ว เสน่ห์ของขนมชิ้นเล็ก ๆ นี้ไม่เพียงแต่ความหวานอร่อยในรสชาติเท่านั้น แต่กลับเป็นตำนานขนมที่เดินทางมานานกว่า 600 ปีซึ่งไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะกว่าจะมาเป็นแป้งห่อด้วยไส้สวยงามเช่นนี้มีเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์บอกเล่าได้อย่างสนุกสนาน ถ้าอยากรู้ต้องลองไปผ่าไส้ขนมกันดู……

    “ขนมไหว้พระจันทร์” มีความหมายถึงความพรั่งพร้อม ความสมบูรณ์ และความสมหวัง ขนมก้อนเล็ก ๆ ชิ้นนี้มีกำเนิดที่ประเทศจีนเมื่อ 600ปีมาแล้ว แต่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่เมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ 70 ปีที่ผ่านมา ในยุคที่เยาวราชเฟื่องฟูและเป็นแหล่งอาหารการกินอันลือชื่อที่สุดของเมืองกรุง ตอนนั้นมี 5 เสือภัตตาคารที่ขายอาหารจีนเลิศรสที่บรรดาเศรษฐีเชื้อสายจีนในเมืองไทยจะต้องแวะเวียนไปชิมอยู่เป็นประจำคือ กก จีเหลาหรือสากลภัตตาคาร , ห้อยเทียนเหลาหรือภัตตาคารหยาดฟ้า , ไล้กี่ภัตตาคาร , ภัตตาคารเยาวยื่น และภัตตาคารซาเยี๊ยะ
    อนันต์ อธินันต์พันธุ์ ทายาท "กก จีเหลา" ( ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น”กอกใจ” ) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เปิดตำนานขนมไหว้พระจันทร์ของเมืองไทยเล่าว่าเมื่อเกือบ 70 ปีที่ผ่านมาภัตตาคารจีนเกือบทุกแห่งในเวลานั้นต่างก็เริ่มทำขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกันเพราะแต่ละที่จะมีกุ๊กเป็นชาวฮ่องกงประจำทั้งนั้น
    สำหรับทางภัตตาคารกกจีเหลานั้นได้เชิญอาจารย์โหลวอึ่ง ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านขนมไหว้พระจันทร์มาเมืองไทยเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 “เฮียฮ้อ” ซึ่งเป็นเถาชิ้วเก่าแก่ของกกจีเหลาเล่าว่า
    “ ผมจำได้ว่าตอนอาจารย์โหลวมาเมืองไทยเพื่อทำขนมนั้นเมืองไทยยังมีโรงฝิ่นอยู่เลย พออาจารย์นวดแป้งขนมเสร็จเรียบร้อยก็จะต้องแวะไปสูบฝิ่นก่อน พวกเราก็ต้องนั่งเฝ้าแป้งจนกว่าอาจารย์จะสูบฝิ่นเสร็จค่อยกลับมาทำขนมได้”

    **กำเนิดขนมไส้ทุเรียน**
    สมัยก่อนถ้าอยากจะกินขนมไหว้พระจันทร์นั้นจะต้องอดใจรอให้ถึงช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เสียก่อนเพราะปีหนึ่งจะทำขายกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น บรรดาชาวไทยเชื้อสายจีนจะเดินทางมาซื้อขนมไหว้พระจันทร์ที่ย่านเยาวราชเพราะถือเป็นแหล่งขายขนมชนิดนี้ที่ใหญ่ที่สุดและคึกคักที่สุดด้วย แต่ละร้านค้าจะตั้งตู้โชว์ไว้หน้าร้านขณะที่หลังร้านก็จะทำขนมไหว้พระจันทร์กันอย่างชุลมุนวุ่นวายทีเดียว



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในยุคแรก ๆ นั้นไส้ขนมมีเพียงไม่กี่ไส้ตามแบบเมืองจีนคือ ไส้ลูกบัว ไส้โหงวยิ้ง ไส้โอวเต่าซา( ไส้ถั่วดำ) ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีไส้ทุเรียนแต่มีอยู่ปีหนึ่งถือว่าคุณอาของอานันต์เป็นคนแรกที่ให้กำเนิดขนมเปี๊ยะไส้ทุเรียน สืบเนื่องจากมีคนนำทุเรียนกวนจากภาคใต้มาให้กิน แต่คุณอากลับมีความคิดว่าปกติคนไทยชอบกินทุเรียนมาก ถ้าเอาไปทำเป็นขนมไหว้พระจันทร์น่าจะอร่อย จึงทดลองทำขึ้นมาแล้วไปแจกพวกลูกค้าที่เล่นไพ่นกกระจอกให้ช่วยชิมหน่อย ปรากฏว่าทุกคนชมว่าอร่อยจึงเป็นเจ้าแรกที่ทำไส้ทุเรียนออกมาขาย
    ปรากฏว่าเมื่อนำขนมไส้ทุเรียนออกมาขายเป็นครั้งแรกนั้นขายดีมาก ๆ ขนาดลูกค้าแย่งกันซื้อจนเกือบจะตบดีกันทีเดียว ทางร้านจึงต้องขอจัดระเบียบด้วยการวางกฎให้ซื้อได้คนละ 5 กล่องเท่านั้น

    **“น้ำเชื่อม”สุดยอดเคล็ดวิชา**
    ถ้าจะถามว่าขนมไหว้พระจันทร์ก้อนเล็ก ๆ นี้ ขั้นตอนไหนในการทำขนมให้อร่อยและยากที่สุดนั้น เชฟทุกคนจะตอบเหมือนกันคือ”น้ำเชื่อม”
    “น้ำเชื่อม” ที่จะนำมาทำเป็นเปลือกสำหรับห่อขนมนั้นจะมีสูตรลับพิเศษที่คนจีนโบราณไม่ค่อยจะยอมถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้ให้แก่คนอื่นยกเว้นลูกหลานเท่านั้น เพราะน้ำเชื่อมที่ดีจะทำให้ขนมที่อบออกมาสีสวยงามสม่ำเสมอ สามารถปั้นแป้งให้บางจนเห็นไส้ข้างในชวนให้น่ารับประทานยิ่งนัก
    ส่วนผสมหลัก ๆ ของการทำน้ำเชื่อมนั้นมีน้ำตาลและน้ำนำไปเคี่ยวกับไฟประมาณ 5 ชั่วโมง จากนั้นใส่ไข่ขาวและน้ำมะนาวเข้าไป เหตุผลที่ต้องใส่ส่วนผสมอีก 2 อย่างนั้นถือเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณโดยไข่ขาวจะช่วยฟอกสีของน้ำเชื่อมให้ขาวและยังทำให้สิ่งสกปรกที่อยู่ในน้ำเชื่อมตกตะกอน ส่วนน้ำมะนาวจะทำให้น้ำเชื่อมไม่คืนตัวเป็นเกร็ดน้ำตาล
    สูตรนี้ถ้าจะให้อร่อยสุดยอดแล้วจะต้องทำแบบค้างปี คือต้มน้ำเชื่อมปีนี้แล้วเก็บเพื่อนำไปทำขนมในปีหน้า โดยน้ำเชื่อมนี้จะไม่บูดหรือเสียเลย
    “ ทางร้านจะทำน้ำเชื่อมแต่ละปีเสร็จแล้วจะเก็บใส่โอ่งมังกรสิบกว่าโองแล้วนำไปเก็บไว้ที่ชั้น 3 ของภัตตาคาร พออีกปีจึงจะนำมาทำขนม” เฮียฮ้อกล่าว

    **ลาวปั้นจีนกิน**
    เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงซึ่งเป็นที่รู้กันในวงการทำขนมไหว้พระจันทร์ว่า แม้ขนมชนิดนี้จะนำสูตรมาจากประเทศจีน แต่กลุ่มคนที่ทำขนมไหว้พระจันทร์นี้เป็นกลับเป็นคนหมู่บ้านพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นว่ากันว่าในหมู่บ้านนี้เหลือเพียงคนแก่และเด็กเท่านั้น เพราะหนุ่มสาวจำนวน 300 – 400 คนจะพากันเดินทางเข้ากรุงเทพฯกันหมดเพื่อไปทำขนม
    เหตุผลที่มาของปรากฏการณ์นี้เริ่มในยุคแรก ๆ ที่กก จีเหลาเริ่มทำขนมไหว้พระจันทร์นั้นจะต้องใช้คนงานเป็นจำนวนมาก จึงต้องจ้างลูกจ้างชั่วคราวเกือบ 100 คนมาช่วยทำขนมในช่วงเทศกาล และเริ่มแรกก็มีคนจากหมู่บ้านพิบูลมังสาหารมาช่วย จากนั้นเมื่อถึงวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี บรรดาคนหมู่บ้านนี้ก็จะรู้ว่าถึงเวลานัดหมายกันโดยไม่ต้องส่งจดหมายหรือโทรศัพท์ไปบอกกล่าว บรรดาชาวบ้านกลุ่มนี้ก็จะรวมตัวกันเดินทางมารับจ้างทำขนมไหว้พระจันทร์ตามร้านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=225 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=225>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ ยุคแรกที่เราทำขนมไหว้พระจันทร์นั้นขายดีมาก ๆ ต้องใช้คนงานผู้หญิงกวางตุ้ง 40 – 50 คนมานั่งแกะเม็ดบัวโดยเฉพาะ ที่เหลือก็ใช้คนงานประจำอีก 50 – 60 คน แล้วก็ต้องเรียกคนงานพวกที่มาจากหมู่บ้านพิบูลมังสาหารมาช่วยอีก 60 กว่าคน รวมแล้วต้องใช้คนทำไม่ต่ำกว่า 200 คน สำหรับขนมเปี๊ยะ 4 แสนลูกต่อปี “ เฮียฮ้อกล่าว

    **“มือเคาะ” มือทอง**
    ขนมไหว้พระจันทร์ทุกลูกนั้นไม่ว่าจะไส้อะไรหรือสูตรอร่อยแค่ไหน แต่ถ้า”คนเคาะ” ทำหน้าตาของขนมออกมาไม่สวยก็ทำให้ขนมชิ้นนั้นไร้เสน่ห์ได้เช่นกัน ดังนั้นคนทำหน้าที่เคาะขนมจึงสำคัญมาก คือเป็นผู้ที่จะต้องนำขนมที่ห่อไส้แล้วเป็นก้อนกลม ๆ เหมือนลูกบอลนำมากดลงบนพิมพ์แล้วใช้วิธีการเคาะ 3 จังหวะคือซ้าย ขวาและกลาง จากนั้นคว่ำพิมพ์ลงขนมก็จะหลุดออกจากพิมพ์ออกมาเป็นลูกกลมหรือเหลี่ยมอย่างสวยงาม
    ฟังดูอาจจะคิดว่าทำง่าย แต่ความจริงแล้วคนที่ทำหน้าที่เคาะขนมที่ชำนาญในยุคนี้แทบจะนับตัวได้เลย เพราะจะต้องใช้คนที่ชำนาญจนรู้จังหวะที่จะลงน้ำหนักมือให้เท่ากันไม่เช่นนั้นขนมจะเบี้ยวออกมาไม่สวยหรือทำให้ขนมชิ้นนั้นเสียไปเลย
    คนเคาะขนมนั้นจะได้ค่าตัวที่แพงกว่าทุกตำแหน่งอย่างปัจจุบันจ้างกันที่ราคา 500 – 600 บาทต่อวัน ดังนั้นใครที่มีความสามารถทางด้านนี้ก็จะถูกจองตัวผูกขาดจากร้านทำขนมเปี๊ยะพระจันทร์และจะต้องทำงานหนักตลอดเทศกาล เพราะหลังจากนี้ไปแล้วแต่ละคนก็ต้องกลับไปทำนา เป็นมอเตอร์ไซน์รับจ้าง หรือไปรับจ้างทาสี เลี้ยงชีพรอไว้ปีหน้าจึงจะเดินทางมาตามเวลานัด
    แต่ปัจจุบันคนนิยมกินขนมไหว้พระจันทร์มากขึ้น ความต้องการในช่วงเทศกาลมีหลายหมื่นลูกทำให้บางรายนำเข้าเครื่องทำขนมไหว้พระจันทร์สำเร็จรูป ที่ใช้แรงลมแทนการเคาะขนมออกจากพิมพ์ และสามารถผลิตได้ครั้งละ 8 ลูกจึงทำให้ขนมไหว้พระจันทร์สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของลูกค้า




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>**“พิมพ์ไม้” นิยายคลาสสิก**
    จะมีใครสังเกตบ้างไหมว่าขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นสวย ๆ นั้นมีลวดลายอะไรและมีตัวหนังสือเขียนว่าอะไรบ้าง???
    บนหน้าขนมไหว้พระจันทร์นั้นนิยมทำเป็นรูปดอกไม้ ใบไม้ มังกร ยี่ห้อของร้าน เป็นต้น คนทำขนมรุ่นใหม่ ๆ จะไปหาซื้อพิมพ์เหล่านี้ได้ตามย่านพาหุรัดที่เป็นพิมพ์ไม้บ้าง พลาสติกบ้าง แต่ถ้าเป็นพิมพ์ขนมยุคเก่าดั้งเดิมนั้นจะต้องใช้พิมพ์ไม้เท่านั้นและที่สำคัญจะต้องไปสั่งแกะสลักกันที่ประเทศจีน
    อนันต์ เล่าถึงความเป็นมาของพิมพ์ขนมว่าในยุคแรกนั้นทางภัตตาคารกกจีเหลาจะสั่งทำพิมพ์ไม้มาจากฮ่องกง จนเมื่อประเทศไทยเปิดความสัมพันธ์กับประเทศจีนแล้วอนันต์จึงได้บุกไปที่มณฑลกวางเจาสืบเสาะจนพบตระกูลหนึ่งที่รับจ้างแกะสลักพิมพ์ไม้เพื่อใช้ทำขนมไหว้พระจันทร์สืบทอดต่อกันมากว่า 3 ชั่วอายุคนแล้ว
    “มีเพียงร้านเดียวเท่านั้นตั้งอยู่ในเมือง พอได้พบและพูดคุยกันแล้วถึงได้รู้ว่าพิมพ์เก่า ๆ ของที่ร้านกกจีเหลาที่เราสั่งทำที่ฮ่องกงนั้นก็ส่งมาให้เขาแกะเช่นกัน “ อนันต์กล่าว
    พิมพ์ไม้แกะสลักของร้านนี้ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่งเพราะรุ่นปู่เขาจะเก็บไม้เนื้อแข็งเป็นชิ้น ๆ กว่าหมื่นชิ้น และไม้แต่ละชิ้นจะต้องเก็บเกือบ20ปีจึงจะนำมาใช้แกะได้เพราะไม้จะแข็งและไม่มีการหดตัว โดยจะเก็บไม้มาเป็นรุ่น ๆ ตามอายุของไม้ เมื่อมีการว่าจ้างให้แกะก็จะใช้ไม้รุ่นที่เก็บนานที่สุดมาใช้
    ฝีมือและเคล็ดวิชาการแกะสลักของตระกูลนี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพราะเป็นการแกะสลักไม้ที่ไม่ธรรมดาเช่นกันคือแกะลึกเป็นหลุมลงไปและด้านในจะแกะเป็นหน้าของขนมเปี๊ยะ ซึ่งจะต้องใช้ฝีมือและความชำนาญ เช่นถ้าแกะไม่เสมอกันเวลาเคาะแป้งก็จะไม่หลุดออกจากพิมพ์ หรือถ้าแกะลายคมเกินไปทำให้ขนมมีขอบเวลาอบแล้วจะไหม้ เป็นต้น
    ปกติพิมพ์ไม้ที่ดีแต่ละอันแม้จะถูกใช้เคาะทั้งวันแต่จะมีอายุการใช้งานเป็น 10 ปีเช่น กัน ซึ่งขณะนี้ทางร้านกกจีเหลายังเก็บพิมพ์ไม้รุ่นเก่าไว้จำนวนหนึ่ง บางอันเป็นพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 50 ปี ซึ่งในปัจจุบันคงจะหาไม่ได้อีกแล้วเพราะไม่มีไม้ขนาดใหญ่ให้ใช้อีกแล้ว



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=210 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=210>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>**“บัวหิมะ” ชิ้นแรกของเมืองไทย**
    ถ้าใครเป็นนักชิมขนมไหว้พระจันทร์คงจะเคยเห็นขนมชนิดหนึ่งที่หน้าตาแปลกไปตรงที่ใช้แป้งขนมโก๋เป็นสีขาวและสีเขียวห่อไส้แทนแป้งสีน้ำตาล ซึ่งขนมนี้ที่เมืองจีนที่เรียกขานกันว่า “ บัวหิมะ”
    “บัวหิมะ”เป็นขนมที่นิยมของคนฮ่องกงมาก สำหรับเมืองไทยนั้นรายแรกที่นำขนมเปี๊ยะบัวหิมะมาเผยแพร่ในเมืองไทยนั้นคือโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯในยุคของชวลิต ทั่งสัมพันธ์ เจ้าของโรงแรมฯที่ได้ชื่อว่าชอบเสาะหาแต่ของอร่อย ๆ มาไว้ในโรงแรม เมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ฟูเก๋ง เชฟชาวฮ่องกงที่มาทำขนมประจำโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ได้นำสูตรขนมเปี๊ยะบัวหิมะจากฮ่องกงมาทำขายเป็นครั้งแรกที่โรงแรมแห่งนี้
    “ ก่อนหน้านั้นเราเป็นโรงแรมแห่งแรกที่ทำขนมไหว้พระจันทร์ออกมา และประมาณปี 2526 เราก็ทำบัวหิมะออกมาขายปรากฏว่าขายดีมาก ๆ เพราะแปลกและไม่มีใครทำมาก่อน ลูกค้ากินแล้วชอบบอกว่าเย็นชื่นใจดี “ ป้าณี-ภารุณี ปิ่นถาวรลักษณ์ เชฟขนมไหว้พระจันทร์ของโรงแรมฯกล่าว
    แม้ว่าปัจจุบันจะมีหลายรายที่ทำ”บัวหิมะ” ขึ้นมา แต่ก็ไม่มีใครทำแป้งที่ห่อได้เหนียวนุ่มและอร่อยได้เท่ากับเจ้าตำรับแบบโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ บัวหิมะสูตรดั้งเดิมสมัยฟูเก๋งยังคุมอยู่นั้นจะมีแป้งสีขาวและสีเขียวจากใบเตย แต่ปัจจุบันจะมีสีแดงที่ทำจากน้ำหวานสละมาเป็นอีกทางเลือกให้แก่ลูกค้า โดยป้าณีเล่าว่าก่อนจะถึงช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นจะต้องเตรียมตัวประมาณ 2 เดือน และจะทำขนมไหว้พระจันทร์แบบสดใหม่ทุกวัน ขนมบัวหิมะจะมียอดขายดีที่สุด

    **S&P จุดประกายตลาด**
    ยุคก่อนนั้นถ้าอยากจะกินขนมไหว้พระจันทร์จะต้องรอให้ถึงเทศกาลเสียก่อนและต้องไปหาซื้อตามย่านเยาวราชที่เป็นแหล่งใหญ่ซึ่งจะมีขนมยี่ห้อเก่าแก่ที่ล้วนแต่เป็นชื่อภาษาจีนทั้งนั้น เช่นกก จีเหลา( ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นกอกใจ) ไล้กี่ , ท่องกี่ , แต้เล่าจิ้นเส็ง เป็นต้น
    แต่เดี๋ยวนี้อยากจะกินขนมไหว้พระจันทร์ไม่ยากเย็นอีกแล้ว ไปเดินตามห้างสรรพสินค้าก็จะมีซุ้มที่รวบรวมขนมไหว้พระจันทสารพัดยี่ห้อมาเรียงรายให้เลือกซื้อเลือกกินกันสะดวกสบาย ผู้ที่จุดประกายความเปลี่ยนแปลงนี้คงต้องยกให้ค่าย S&P
    และต้องยอมรับว่าค่ายS&P เป็นผู้สร้างตำนานขนมไหว้พระจันทร์หน้าใหม่ขึ้นมาเมื่อ 6 – 7 ปีก่อน เมื่อค่ายนี้หันมาเปลี่ยนโฉมขนมไหว้พระจันทจากสไตล์โฮมเมดแบบเดิม ๆ ให้กลายมาเป็นแบบแมสโปรดักส์ที่นำเครื่องมือมาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้ปริมาณเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเปลี่ยนพฤติกรรมคนกินให้ซื้อขนมไหว้พระจันทร์ไม่เพียงแต่ซื้อเพื่อนำไปไหว้ตามประเพณีเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นขนมที่ซื้อฝากผู้ใหญ่โดยใช้การออกแบบกล่องให้สวยงามเพื่อดึงดูดจนถึงขนาดบางปีการแข่งขันเรื่องกล่องใส่ขนมเพื่อแย่งชิงลูกค้านั้นเข้มข้นดุเดือดยิ่งกว่ารสชาติของขนมเสียอีก
    จนถึงขณะนี้ขนมไหว้พระจันทร์มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 200 กว่าล้านบาท โดยใช้เวลาขายเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น มีคนนิยมลิ้มลองรสชาติหวานอร่อยของขนมนี้ตั้งแต่คนจีนรุ่นเก่า ลูกหลานคนจีนรุ่นใหม่ จนถึงหนุ่มสาวรุ่นใหม่ และมีผู้ที่โดดเข้ามาทำขนมไหว้พระจันททั้งรายเล็กรายใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 10 ราย

    **ขนมไหว้พระจันทสำหรับคนรุ่นใหม่**
    จนถึงวันนี้วัฒนธรรมของขนมไหว้พระจันทร์เริ่มถูกสั่นคลอนด้วยคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาจับธุรกิจนี้เพื่อปูฐานสินค้าเข้าสู่คนรุ่นใหม่ที่มีนิสัยต้องการสัมผัสความแปลกใหม่ ไส้เดิม ๆ ที่เคยมีอยู่เพียง 3- 5 อย่างให้เลือกนั้นก็เริ่มมีไส้แปลก ๆ ใหม่ ๆ เพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้น อย่างเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนนั้นกระแสชาเขียวเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงก็มีหลายรายที่นำชาเขียวมาทำเป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์ซึ่งก็ขายดิบขายดีเช่นกัน
    ส่วนเมื่อปีที่แล้วกระแสลูกพรุนเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงก็มีหลายรายที่หันมาทำไส้ลูกพรุน และที่แหวกแนวคงเป็นค่ายเชียงการีล่าที่คว้าสาหร่ายสไปรูไรน่าที่มีสรรพคุณเพื่อสุขภาพมาทำเป็นไส้ขนมด้วย
    ธรรมนูญ สุภานุรัตน์ คนหนุ่มรุ่นใหม่เจ้าของขนมไหว้พระจันทร์ยี่ห้อร้านบ้านกอไผ่ เพิ่งจะเปิดตัวขนมไหว้พระจันทร์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีจุดเด่นที่ฉีกแนวเดิมอย่างสิ้นเชิงคือ “ไส้ขนม” แปลกใหม่ที่จับตลาดทั้งคนรุ่นเก่าที่ห่วงใยสุขภาพ โดยมีไส้ที่แปลกแหวกแนวคือ ลูกบัวแปะก๋วย งาดำเม็ดแตง ชาเขียวญี่ปุ่น เกาลัดลูกพลับญี่ปุ่น ลำใยรากบัว ลิ้นจี่จักรพรรดิ์รากบัว ลูกพรุนบีทรูท ชาอู่หลง และไฮไลท์แบบอลังการคือไส้โสมตังกุย ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ที่นำมาเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อาทิ ม็อคค่าโอริโอ ช็อคโกแลตบราวนี่ กาแฟคาปูชิโน เป็นต้น
    สำหรับปีนี้ร้านบ้านกอไผ่นำเสนอรสใหม่ อาทิ ขิงหอมผสมน้ำผึ้ง , งาขาวแม็คคา , ทุเรียนก้านยาว เป็นต้น
    และแทบไม่น่าเชื่อว่าค่ายสตาร์บัคส์ กาแฟชื่อดังของอเมริกาก็ดีเดย์ชักธงรบเข้าสู่ตลาดขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ในเมืองไทยเช่นกัน หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากที่ไต้หวันและฮ่องกงมาแล้ว
    “ สตาร์บัคส์เริ่มทำขนมไหว้พระจันทร์ครั้งแรกที่ไต้หวันและฮ่องกงเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และไม่น่าเชื่อว่าจะขายดีมาก ๆ” สุมลพินทุ์ โชติกะพุกกะณะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์กล่าว
    ทั้งนี้ค่ายสตาร์บัคส์ในเมืองไทยได้เปิดตัวขนมเปี๊ยะไส้กาแฟเอสเพรสโซ่ โรส์ในราคาชิ้นละ 95 บาท โดยได้สูตรมาจากสตาร์บัคส์ที่ไต้หวัน และนำมาดัดแปลงให้เข้ากับลิ้นคนไทย โดยส่วนผสมหลักของไส้จะมีถั่วแมคคาเดเมีย เม็ดบัว และไข่แดงและที่ขาดไม่ได้คือกาแฟเอสเพรสโซ โรสท์ ที่เพิ่มกลิ่นหอมของรสกาแฟเข้าไป สำหรับปีนี้ค่ายสตาร์บั๊คมีไส้ใหม่มาเอาใจคอกาแฟด้วยไส้ทุเรียน
    ตำนานการเดินทางของขนมไหว้พระจันทร์ของเมืองไทยยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณอยากที่จะรู้จักกับขนมนี้ให้มากขึ้นคงต้องลองชิมดูจะดีกว่า ส่วนจะเป็นยี่ห้อไหนบ้างนั้นแล้วแต่ใจของคุณเถอะ


    หมายเหตุ...บทความนี้เคยตีพิมพ์ในผู้จัดการรายวันเมื่อวันที่10 กันยายน 2547

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,714
    ค่าพลัง:
    +43,529
    จะได้กินขนมไหว้พระจันทร์อีกแล้ว ดีใจจัง....
     
  4. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,023
    ซื้อของ เอสแอนด์พี กะ ของเชียงการีล่ามากินแล้วค่ะ อร่อยดี
     
  5. หนึ่ง99999

    หนึ่ง99999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,369
    ค่าพลัง:
    +1,922
    บ้านผมทำเองครับ
    ที่สุด
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. linjin

    linjin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +81
    พระจันทร์ไม่เห็นเคยได้กินเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...