ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ขอบคุณ คุณทางสายธาตุมากค่ะที่นำเรื่องราวดี ๆ ของพระองค์ท่านมาเผยแพร่
เคยไปวัดวรเชษฐ์มาแล้วค่ะ ที่ไปเพราะทราบเรื่องราวบางอย่างมา และครูบาอาจารย์สายปฏิบัติก็พูดว่าใช่ ประกอบกับหลักฐานต่าง ๆ ทำให้เชื่อค่ะ ดิฉันรับราชการทหารค่ะ มีเรื่องแปลกค่ะมักจะได้ไปในสถานที่ ๆ พระองค์เคยเสด็จ ครั้งแรกที่ไปวัดวรเชษฐ์ได้อธิษฐานต่อพระองค์ท่านว่าถ้าเป็นที่ไว้พระบรมอัฐิของพระองค์ท่านจริง ขอให้พระองค์แสดงอะไรก็ได้ให้เห็นค่ะ แล้วก็ถ่ายรูปหน้าพระปรางค์องค์ใหญ่ค่ะปรากฏว่ามีรูปเป็นหมอกควันเต็มหน้าพระปรางค์เลยค่ะทั้งที่ตอนถ่ายไม่เห็นมีหมอกควันที่ไหนเลย
ตอนนั้นรู้สึกปิติจนน้ำตาซึม ขนหัวลุกซู่ไปหมด เสียดายที่คอมโดนไวรัสเล่นงานจนภาพที่เก็บไว้หาย เสียดายมาก ๆ ค่ะ ไม่งั้นจะนำมาลงให้ทุกคนชมกัน เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ไปด้วยก็เชื่อค่ะ แล้วจะมาอ่านต่อนะคะ ดีใจค่ะที่มีคนยังระลึกถึงพระองค์ท่าน

 

ดีใจด้วยค่ะ ขนลุก ทหารสมเด็จพระนเรศวรจะมารวมกันที่นี่อีกมิใช่น้อยค่ะ สาธุ ขอให้ความเป็นศิริมงคลจงเกิดกับพวกเราทุกคนและคนไทยทุกคนด้วยค่ะ

 

ชัดเจนดีค่ะ....คุณทางสายธาตุ

ไม่ว่าจะข้อมูล เนื้อหา หลักฐานอ้างอิงจากหลายสำนัก.... ตลอดจน ความเปนมาของคุณในการเข้ามาเล่น web นี้ด้วย หลายท่าน... กล้าเอาความลับสวรรค์มาเปิดเผยกันอย่างครึกโครม แต่กลับมิกล้าเปิดเผยตัวเอง...เมื่อพิจารณาดูก็น่าแปลกหนอ...

 

เจดีย์น้อยเจ้าแม่ดุสิต ในบริเวณวัดไชยวัฒนาราม

​

สังเกตุที่พระปรางค์น้อยๆทางทิศเหนือของพระปรางค์ประธาน อยู่มุมซ้ายมือที่มีเงาต้นไม้ทาบ​

วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านฝั่งตะวันตก หรืออยู่ตรงกันข้ามกับพระตำหนักสิริยาลัย ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตามประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2173 เพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศพระราชกุศล ถวายพระราชมารดา มีนามว่า "นางอิน" โดยจำลองแบบปราสาทนครวัต ประเทศกัมพูชามาก่อสร้าง เมื่อครั้งที่เคยรบชนะกัมพูชา ​

วัดไชยวัฒนาราม มีปรางค์ประธาน (รัตนมหาธาตุ) สูง 35 เมตร และปรางค์มุมอยู่บนฐานทักษิณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยระเบียงคต ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ลงรักปิดทองจำนวน 120 องค์ ตามแนวระเบียงคต มีเมรุทิศทั้ง 8 ภายในเมรุทิศประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องจำนวน 12 องค์ ภายในซุ้มเรือนแก้วล้วนลงรักปิดทอง ที่ฝ้าเพดานทำด้วยไม้ประดับลวดลายลงรักปิดทอง ผนังภายในเมรุทิศมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนผนังด้านนอกของเมรุมีภาพปูนปั้นเรื่องพุทธประวัติจำนวน 12 ภาพ ​

พระอุโบสถอยู่ทางด้านทิศตะวันออกนอกระเบียงคต ทางด้านซ้ายขวามีเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ด้านริมนอกมีกำแพงล้อมรอบ 3 ชั้น ที่ริมกำแพงด้านเหนือ มีปรางค์น้อยหรือศาลเจ้าแม่ดุสิต และที่ด้านข้างของระเบียงคต มีเจดีย์ทรงระฆัง หรือที่เรียกว่า เจดีย์เจ้าฟ้ากุ้ง เป็นที่บรรจุพระอัฐิของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งทั้งสองถูกสมเด็จพระเจ้าบรมโกศลงพระอาญาเฆี่ยน จนสิ้นพระชนม์ชีพ แล้วถวายพระเพลิงที่นี่ นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ​

วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่ง ซึ่งได้รับอิทธิพลตามความเชื่อของพราหมณ์และฮินดูว่า ปรางค์ประธานที่วัดไชยวัฒนารามเปรียบเสมือนยอดเขาพระสุเมรุ ที่เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจักรวาล ฉะนั้นการที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองนำอัฐิของพระราชมาดามาไว้ที่พระปรางค์ ก็เท่ากับว่าไว้บนยอดเขาพระสุเมรุเป็นการถวายพระราชกุศลอันสูงสุด ส่วนเมรุทิศทั้ง 8 นั้น ก็เปรียบเสมือนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ​

พ.ศ. 2310 พม่าล้อมกรุงศรีอยุธยา วัดไชยวัฒนารามถูกดัดแปลงเป็นค่ายรบ หลังจากนั้นก็ถูกทิ้งร้าง มีคนร้ายขโมยเศียรพระ ลักลอบขุดหาสมบัติและขนอิฐไปขาย ​

พ.ศ. 2534 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดไชยวัฒนาราม ถึง 4 ครั้ง ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ได้สนพระทัยเป็นพิเศษ พร้อมมีรับสั่งให้บูรณะปฏิสังขรณ์ ทำให้หน่วยงานหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระชนมายุ 60 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ปี พ.ศ. 2535 ​

ในปี พ.ศ. 2539 สมเด็จพระนางเจ้าควีนอลิซาเบธที่ 2 แห่งประเทศอังกฤษ ได้เสด็จทอดพระเนตรการแสดง ชนช้างของสมเด็จพระสุริโยทัย เรื่องคนดีศรีอยุธยา ทำให้ภาพวัดไชยวัฒนารามปรากฏในสื่อทั้งทางโทรทัศน์ สิ่งตีพิมพ์ และคอมพิวเตอร์ จึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก​

http://www.free-webboard.com/look.php?nm=ayutthayanews&qid=2

น่าสังเกตุว่า เจ้าแม่ดุสิตพระนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีความสัมพันธ์กับพระอัฐิในพระปรางค์ ถ้านางอินคือนามแฝงของพระอัครมเหสีสุวัฒน์มณีรัตนาหรือเจ้าขรัวมณีจันทร์ เจ้าแม่ดุสิตก็คือพระธิดาของพระนางนั่นเอง

พระปรางค์น้อยอยู่บนบริเวณเดียวกับเจดีย์เจ้าฟ้ากุ้ง บอกถึงพระยศของเจ้าแม่วัดดุสิตเทียบที่ชั้นเจ้าฟ้านะคะ

 

Pagode de la Reine (เจดีย์ขององค์พระอัครมเหสี)

​

เมื่อดู Google Earth แล้วพระปรางค์น้อยติดกำแพงฝั่งทิศเหนือ ไม่อยู่ติดกับพระปรางค์ประธาน จึงมาหารูปใหม่ให้ถูกต้องแล้วนะคะ อยู่บนลานประทักษิณาชั้นเดียวกับพระเจดีย์เจ้าฟ้ากุ้ง/เจ้าฟ้าสังวาลย์

วัดไชยวัฒนารามนี้ พระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้รับการถวายพระเพลิงที่นี่

เจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) ลุงของเจ้าขรัวเงิน (เพราะป้าของเจ้าขรัวเงินแต่งงานกับท่านเจ้าพระยา) ก็จัดพิธีศพและเผาที่วัดนี้ ได้รับการเทิดเกียรติจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศให้เป็นพระศพ เสมอเจ้านาย

สมกับที่วัดไชยวัฒนารามนั้นเป็น Pagode de la Reine มิฉะนั้นเจ้านายชั้นราชวงศ์ในสมัยอยุธยาจะทรงมาจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงกันที่นี่อย่างสมพระเกียรติยศของแต่ละพระองค์หรือ

หากเจ้าแม่วัดดุสิต ไม่มีความเกี่ยวพันกับพระอัฐิในพระปรางค์แล้ว จะมาสร้างพระปรางค์น้อยเพื่อเป็นอนุสรณ์ไว้ร่วมกันในอาณาบริเวณเดียวกันได้อย่างไร

น่าคิด น่าติดตามนะคะ

 

แวะมาอ่านค่ะ

 

ศิลปะย่อมุมไม้สิบสองโยงใยสายสัมพันธ์

สวัสดีค่ะ คุณมัชฌิมา วันนี้ขอเป็นวัดไชยวัฒนารามอีกสักความเห็นนะคะ


ชี้ให้เห็นถึงความโยงใยของศิลปะช่องกระจกย่อมุมไม้สิบสองแบบจีนมีอิทธิพลต่อแบบแปลนฐานวัดไชยวัฒนาราม

ศิลปะย่อมุมไม้สิบสองนี้มีปรากฏที่ช่องกระจกรอบลานประทักษิณรอบพระปรางค์ประธานวัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ)

และศิลปะย่อมุมไม้สิบสองนี้เป็นลายเขียนประกอบภาพดอกไม้ ที่เสาโบสถ์วัดชุมพลนิกายารามวรวิหาร บางปะอิน

และได้กลายเป็นทรงพระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบของพระเจ้าปราสาททองนั่นเอง

ข้อมูลเอามาจากกระทู้ครูแผนในบล็อค Okanation นำเพลงมาวางพร้อมภาพโบราณๆ ผู้อ่านจะได้คิดถึงบรรยากาศโบราณ นุ่งโจงห่มแถบกันนะคะ


ผมติดอกติดใจกับความสวยงามของวัดแห่งนี้มากครับ “วัดไชยวัฒนาราม” เป็นวัดเก่าแก่ที่จัดได้ว่าสมบูรณ์และสวยงามในอันดับต้น ๆ ของจังหวัดอยุธยา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้เคยมาถ่ายภาพ และมาเขียนภาพที่นี่ จนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ มุมก็ซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่เคยเบื่อเลยกับสถานที่นี้


วัดนี้ออกนอกเกาะเมืองอยุธยาไปทางตะวันตก ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (วัดกษัตรา) แล้วเลี้ยวซ้ายที่ตีนสะพานไปอีกประมาณ ๓ กิโลเมตร ก็จะถึงตัววัด อัตราค่าเข้าชมของคนไทย ๑๐ บาทเองครับ เดินเที่ยวได้ทั้งวัน

​

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]แผนผัง วัดไชยวัฒนาราม อยุธยายุคปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง[/FONT]



วัดไชยวัฒนาราม หรือ วัดชัยวัฒนาราม เป็นวัดที่อยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา แต่ก็มีความสำคัญมาก วัดหนึ่งในพระนครศรีอยุธยา

วัดไชยวัฒนาราม ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๑๗๓ โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์ เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงละแวก (พนมเปญ) โดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด

วัดไชยวัฒนาราม มีปรางค์ประธานและปรางค์มุมอยู่บนฐานเดียวกัน พระปรางค์ประธานนำรูปแบบของพระปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้าง แต่ปรางค์ประธานที่วัดไชยวัฒนารามทำมุขทิศยื่นออกมามากกว่า

บนยอดองค์พระปรางค์ใหญ่อาจเคยประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็ก สื่อถึงพระเจดีย์จุฬามณีบนยอดเขาพระสุเมรุ รอบพระปรางค์ใหญ่ล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตที่เดิมนั้นมีหลังคา ภายในระเบียงคตประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่เคยลงรักปิดทองจำนวน ๑๒๐ องค์ เป็นเสมือนกำแพงเขตศักดิ์สิทธิ์

ตามแนวระเบียงคตตรงทิศทั้งแปดสร้างเมรุทิศ และ เมรุมุม (เจดีย์รอบๆพระปรางค์ใหญ่) ภายในเมรุทุกองค์ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ภายในซุ้มเรือนแก้วล้วนลงรักปิดทอง ฝ้าเพดานทำด้วยไม้ประดับลวดลายลงรักปิดทองเช่นกัน

เมรุทิศเมรุราย ตั้งล้อมรอบพระปรางค์อยู่ทั้งสิ้น ๘ องค์ โดยผนังภายในเมรุเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปใบไม้ใบกนก ซึ่งลบเลือนไปมากแล้ว ผนังด้านนอกของเมรุมีภาพปูนปั้นพุทธประวัติ จำนวน ๑๒ ภาพ ซึ่งในปัจจุบันเลือนไปแล้วเช่นกัน แต่เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้วยังสามารถเห็นได้ชัด

เมรุเป็นทรงปราสาท ซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป ๗ ชั้น รองรับส่วนยอดที่ ชื่อที่มานั้นนำมาจากเมรุ พระบรมศพพระมหากษัตริย์สมัยพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีแนวความคิด มาจากคติเขาพระสุเมรุอีกต่อหนึ่ง

พระอุโบสถ สร้างอยู่ทางด้านหน้ากำแพงเมรุทิศเมรุราย นอกระเบียงคต ปัจจุบันเหลือแต่ฐาน ข้างๆมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง มีกำแพงล้อมรอบโบราณสถานสำคัญแหล่านี้ถึง ๓ ชั้น และ มีปรางค์เจดีย์ขนาดย่อมอีกจำนวนหนึ่งซึ่งสร้างเพื่อในภายหลัง

วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดหลวงที่บำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์สืบต่อมาหลังจากนั้นทุกพระองค์ จึงได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชสมัย เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสิ้นพระชนม์ก็ได้ถวายพระเพลิงที่วัดนี้

ก่อนกรุงแตก พ.ศ. ๒๓๑๐ วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก และเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา วัดไชยวัฒนารามจึงได้ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง ผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ เศียรพระพุทธรูปถูกตัดขโมย มีการรื้ออิฐที่พระอุโบสถ และกำแพงวัดไปขาย แต่ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๓๕

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

ขอขอบคุณข้อมูลครูแผนแห่งบล็อค Oknation

 

รูปแทนตัวคุณมัชฌิมาคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือคะ

ทรงพระโฉมมากค่ะ มีรูปใหญ่ไหมคะ ตาไม่ค่อยดีเวลาค่ำจะมองลายละเอียดไม่ได้ดีเท่าที่ควรค่ะ ^^

ถ้ามีรูปใหญ่เอามาโพสให้ยลหน่อยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามด้วยค่ะ

 

เจอคุณโมเยด้วยดีใจจัง จะส่งรูปให้ดู ทางPM แต่ว่าส่งไม่เป็นค่ะ

อยู่บน Hi 5 ใส่เสื้อแดงตรุษจีนไปเที่ยว ถ่ายรูปมาวางบน hi 5

คนเสื้อแดงมา add เป็นเพื่อนเต็มเลย อิอิ ^^

 

สวัสดีค่ะ คุณทางสายธาตุ แวะมาอ่าน และมาให้กำลังใจค่ะ

อิอิ ดี ที่โมเยใส่เสื้อสีม่วง ในไอไฟ นะเนี่ย รอดตัวไป

แอดมาเลยค่ะ

 

แผนที่อยุธยา สมัยปัจจุบันเทียบกับสมัยโบราณ

แผนที่เก่าวาดสายแม่น้ำอยู่ทางด้านใต้เกือบทั้งหมด ตามจริงจะต้องกระจายไปอยู่ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดไชยวัฒนารามนั่นเอง

วัดไชยวัฒนารามนี้มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 2 องค์อยู่หน้าวัด เป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างวัดนี้โดยอุทิศพระราชกุศลให้กับพระราชบิดาและพระราชมารดา (ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันว่าอุทิศพระราชกุศลให้พระราชมารดาเท่านั้น)

คุณโมเยใช้ชื่ออะไรในไฮไฟ ทางสายธาตุใช้ชื่อจริง ที่สะกดเป็นภาษาอังกฤษค่ะ หรือจะ เอ็มเอสเอ็น ก็แอดอีเมลล์ที่ปรากฏอยู่ใน Profile

คุณโมเยงามแต้ๆนะเจ้า ^^

​

 

รูปของพระองค์ท่านได้จากท่านอาจารย์ศุภรัตน์ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ดู่วัดสะแกค่ะ ภาพนี้เผยแพร่ที่เว็บวัดถ้ำเมืองนะ เป็นบุญตาที่ได้เห็นค่ะ ท่านสง่างามมากค่ะ ที่วัดถ้ำเมือง อำเภอเชียงดาว ลูกศิษย์ลูกหาหลวงตาม้าจะเป็นที่รู้ว่าสถานที่ ที่วัดถ้ำเมืองนะเคยเกี่ยวเนื่องกับ
พระองค์ท่านค่ะ ท่านเป็นเอกลักษณ์ของความรักชาติ ซึ่งอยากให้ลูกหลานไทยเป็นเช่นพระองค์ท่าน



ภาพของพระองค์ท่านทำเป็นหน้า Desktop หน้า Notebook ตั้งแต่ได้รูปพระองค์ท่านมาน่ะคะ








จัดให้หลายรูปเลยค่ะ หวังว่าคงชอบนะคะ

 

ในรูปนี้เขียนจนได้เห็นพระองค์ท่านทรงยิ้มอยู่ในทีด้วยนะคะ ทรงสมาร์ทมากเลย

ทางสายธาตุเคยสงสัยเกี่ยวกับพระเกศาของสมเด็จพระมหาธรรมราชา(พระราชบิดาของสมเด็จฯท่าน) เมื่อทำพระเกศาทรงนี้จะต้องไว้ผมยาวสักเท่าใด

เพราะเกศาของคนท้องถิ่นนี้ เหมือนจะแข็งเอาการอยู่ คงต้องไว้ยาวๆ จึงจะทำทรงเกล้าขึ้นได้นะคะ

โดยส่วนใหญ่พวกเราชาวไทยจะเห็นสมเด็จฯท่านในทรงผมมหาดไทย ทรงทะมัดทะแมง ปราดเปรียว

เป็นรูปภาพที่โสภามากๆค่ะคุณมัชฌิมา

พี่จงรักภักดีคงกลับจากทำบุญหลายๆแห่ง ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

 

สาธุ เป็นบุญตาจริงๆ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จ

ท่านที่แตกต่างไปจากเดิมๆ ได้เคยไปที่วัดถ้ำเมืองนะหลายครั้ง

ก็ไม่เคยได้เห็น เข้าใจว่าคงจะแสดงไว้เฉพาะในเว็บไซท์ ขอบพระคุณ

ที่นำมาให้ได้ชื่นชมกันครับ อนุโมทนา

 

ที่วัดถ้ำเมืองนะ ไม่มีรูปของพระองค์ท่านรูปนี้หรอกค่ะ เผยแพร่ในเว็บถ้ำเมืองนะ
แต่ตอนนี้เว็บได้ปิดแล้วค่ะ ดีใจค่ะที่ชอบ

 

ถนนโบราณนอกเกาะกรุงศรีอยุธยา ของหมอแกมเฟอร์

ภาพล่างแผนที่กรุงศรีอยุธยาของหมอแกมเฟอร์ ชาวเยอรมัน ที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยาสมัยสมเด็จพระเพทราชา

เมื่อวานจับหนังสือ กรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฝรั่ง อ่านไปอ่านมา หน้า 90 ขยายด้านตะวันตกของเกาะเมือง

ชัดค่ะ เป็นถนนตรงจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไปยังวัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) อีกทั้งแนวถนนยังเลยไปกว่าที่เราเข้าใจว่าสุดแค่ที่วัดวรเชษฐ์

เป็นลายมือเขียนเป็นภาษาเยอรมันกำกับที่แนวถนนด้วย พยายามแกะตัวอักษรแล้วค่ะ แต่สุดความสามารถก็ไม่อาจเข้าใจตัวอักษรนั้นได้

หมอแกมเฟอร์เขียนร่าง เฉพาะ 3 สถานที่สำคัญในด้านตะวันตกเท่านั้น
หนึ่งคือ เจดีย์ทุ่งภูเขาทอง
สองคือ เจดีย์วัดวรเชษฐ์
สามคือ เจดีย์วัดไชยวัฒนาราม

แนวถนนชัดเจนมากค่ะ ถ้าคนไม่คุ้นเคยจะนึกว่าวาดเป็นแม่น้ำ จึงจะมองข้ามไป ไม่รู้ว่าแผนที่ของหมอแกมเฟอร์แผ่นนี้จะช่วยอะไร เกี่ยวกับวัดวรเชษฐ์ได้บ้างค่ะ เผื่อผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแผนที่จะนำไปใช้เป็นประโยชน์ช่วยวัดวรเชษฐ์ได้บ้าง​

 

Engelbert Kaempfer

From Wikipedia, the free encyclopedia

Jump to: navigation, search
<!-- start content -->​

Engelbert Kaempfer​

Engelbert Kaempfer (September 16, 1651 – November 2, 1716) was a German naturalist, traveller and physician.

หาภาพแผนที่ด้านตะวันตกของกรุงศรีอยุธยายังไม่ได้ เจอแต่แผนที่ที่ฝรั่งเขียนไว้ว่าเป็นแผนที่เปล่า ไม่มีอักษรของกรุงศรีอยุธยา เหมือนพิมพ์ไว้หลายๆแผ่นเพื่อนำไปทำอะไรนั้นไม่ทราบ

แต่ทิศตะวันตกนั้น ตอนแรกคิดว่าเป็นแม่น้ำ แต่เมื่อไปเทียบแผนที่ถุงย่ามแผ่นอื่นๆและเทียบกับแผนที่แกมเฟอร์แล้ว ด้านตะวันตกนี้คือแนวถนนโบราณค่ะ

อ้างอิงภาพแผนที่เปล่าที่ http://www.ssplprints.com/image.php?id=93302&idx=2&keywords=&filterCategoryId=1470&fromsearch=true​

 

สาธุ เป็นบุญตานักที่ได้เห็น ลูกขอกราบแทบเบื้องพระยุคลบาทพระพุทธเจ้าข้า

 

โมเย ขอนำภาพมงคล มาให้ชมค่ะ




รูปปั้น สมเด็จพระนเรศวร หลั่งทักสิโนทก

ในภาพปรากฏเป็น ดวงธรรม หลั่งลงมาตรงกลางศรีษะของโมเย


ภาพนี้เป็นภาพ ในพิธีเวทาภิเศก รูปปั้น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ. วัดโลกโมฬี

ปัจจุบันรูปปั้นของ สมเด็จพระนเรศวร ประดิษฐาน

อยู่ที่ กองพันพัฒนาที่ 3 อ. แม่ริม จ.เชียงใหม่


หลังจากวันนั้น โมเย จึงได้อธิฐานจิต แต่งเพลง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เพื่อเป็นการประกาศ พระเกียรติของพระองค์ให้ก้อง ให้คนไทยได้แซ่ซ้อง สดุดี ค่ะ

ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม

เมื่อฟังเพลง ที่แต่งเสร็จเมื่อไหร่ ก็นั่งร้องไห้ทุกที...ด้วยปิติใจ




คุณทางสายธาตู คะ อีเมล์ของโมเย ค่ะ moyea_siri@hotmail.com

 

เป็นมงคลจริง ๆ ค่ะคุณโมเย