การถอดจิตมี3วิธี

อิฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรมันคือถูกผิด
แต่การถอดกายทิพย์โดยยังมิได้เจริญ สมาธิวิปัสนาอย่างแข็งแรงแล้ว
จิตก็ยังหวั่นไหวไปตามสภาวการณ์ของจิตคือไม่คงที่ ดังนั้น การแยกรูปและนามออกจากกันนั้นเป็นเรื่องที่คนที่มีความเพียรทำมาดีแล้วทำได้ง่ายไม่
นอกจากขณะจิตตอนนั้นกระเจิดกระเจิง จิตอ่อนจากกายที่ป่วย จิตฟุ้ง
กายอ่อนส่งผลให้จิตอ่อนตามมา ฯลฯ
ธรรมะ = ธรรมดา และ ธรรมชาติ

เพราะ อรหัตหรือนิพพานนั้น ไม่ใช้เพียงแค่ นิ่ง หรือสมาธิเท่านั้น แต่ต้องแท่งทะลุด้วยปัญญา คือการรู้แจ้ง
ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่ารู้ถูกหรือผิดนะ ว่าเพียงหลักธรรมเพียงข้อใดข้อหนึ่งหากรู้แจ้งด้วยปัญญาแล้ว ตามแต่บุคคลก็สามารถสำเร็จลุด้วยนิพพานได้เช่นกัน
ดังนั้น วิชชากับอวิชชาย่อมบังเกิดขึ้นด้วยความไม่รู้ หรือรู้ในสิ่งผิดเช่นกัน
การฝึกขณะจิตนั้น จึงต้องมีจิตแน่วแน่ ดูตามสภาวะการณ์ของจิต เห็นแล้วรู้ รู้แล้วละ แล้วค่อยเพียรใช้ปัญญาไตร่ตรองให้เห็นถึงเหตุนั้นเช่นกัน การควบคุมจิต โดยใช่สมาธิจึงเป็นหลักเบื้องต้น
ไม่ต้องถึงถอดกายทิพย์หรอก เพราะเพียงแค่เพ็งให้เกิดการถอดกายทิพย์แล้วนั้น ก็มีกิเลส อวิชชา คือความอยาก อยากรู้ อยากเห็น ฯลฯ

 

อ่านดูกระทุ้นี้แล้ว อยากจะแสดงความคิดเห็นบ้างครับ เรื่องการถอดจิต
อยากจะบอกถึงเรื่องที่คุณ กระเจียว นำบทความมาลงให้อ่านกัน บทความนั้นมาจากหนังสือที่ผมเคยอ่านมานานๆๆๆ มากแล้ว และหนังสือเล่มนั้นยังอยู่ที่บ้านผม (พอดีมาอ่านเจอกระทุ้นี้พอดี ไม่ได้เตรียมหลักฐานมา ว่าหนังสือเล่มนั้นชื่ออะไร ใครเป็นคนแต่ง ถ้าผมกลับบ้านไปจะแสกน ปกหนังสือมาให้ดูกัน )

เรื่องที่ว่า เอาบทความนี้มาลงแล้วจะทำให้มีการเสื่อมศรัทธา อะไรทำนองนี้เหมือนที่คุณ telwada พูดนั้นค่อนข้างจะ เวอร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากไปหนะครับ มันไม่ได้ทำให้เสื่อมขนาดนั้นนะ มีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เสื่อม (ดูทีวีสิ ว่ามีไรมั้ง)

เรื่องการถอดจิต ถอดได้จริงไหม ต้องลองพิสูจน์กันดูครับ แต่ว่าไม่ใช่ว่าใคร จะลองทำแล้วจะได้ทุกคน (แต่ไม่ใช่ว่า ต้องบรรลุโสดาก่อนแล้วจะถอดได้เหมือนที่คุณ telwada พูดนะ) ถอดได้กันทุกคนครับไม่ต้องบรรลุก็ได้ครับ แต่ว่าต้องมีพื้นฐานสักเล็กน้อยครับ พอมีฐานพื้นที่แข็งแกร่งแล้วจะทำได้ครับ พื้นฐานที่ว่าคือ
1. ศีล (ต้องมีให้ครบ และให้บริบูรณ์นะครับ ไม่มีด่าง ไม่ทราบว่าเข้าใจเรื่องศีลบริบูรณ์ หรือบริสูทธิ์ กันหรือยัง เช่น ศีลข้อ 4 คือไม่มุสา คำว่าไม่มุสา รวมถึง ไม่พูดคำหยาบ พูดเท็จ พูดสอดเสียด พูดเพ้อเจ้อ ทั้งกาย และใจครับ)
2. สมาธิ
3. ปัญญา

อืม....วันนี้มีแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้ค่อยมาพูดคุยกันไหม

 

ลุภาวะจิตว่างเปล่าเป็นสุญญตา ภาวะสุญญตาเป็นภาวะของจิตที่ว่างเปล่าไร้สิ่งใดๆ

รักษาศีล เจริญฌานสมาบัติ เมื่อจิตเป็นสมาธิย่อมลุภาวะจิตว่างเอง
บุคคลเมื่อตาย วิญญาณจะถูกบังคับให้ออกจากร่างไม่มีความอิสระ

ส่วนนักปฏิบัติที่เข้าฌานสมาบัติถอดกายทิพย์ออกจากร่าง หรือเข้าร่าง เป็นไปอย่างอิสระเสรีไม่ถูกบังคับ

ทุกคนถ้าตั้งใจบำเพ็ญ ก็สามารถถอดกายทพิย์ ลุถึงธรรมะได้ ไม่ได้จำกัดว่าใครที่สามารถถอดได้ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และเมื่อรู้แจ้งแล้วก็สามารถหลุดพันจากการเวียนว่ายตายเกิดได้

 

ระวังการสับสนระหว่าง ทิพยจักษุและการถอดจิตนะ
เรื่องของการถอดจิต เรายังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้หนักไปทาง "ไม่เชื่อ" มากกว่า นัยหนึ่งอาจจะเป็นแบบที่ cmessage ว่า คือเป็นการส่งจิต

ที่เราไม่ค่อยเชื่อก็เพราะว่า เราเพิ่งมาเอะใจว่า กายทิพย์นั้น "ใส่เสื้อผ้า" ทุกคน กายทิพย์อะไรมีเสื้อผ้าด้วย ? เราจึงคิดว่า สิ่งที่เราเห็นๆ กันนั้น ไม่ใช่กายทิพย์แต่อย่างใด แต่เป็นการส่งจิตไปถึงกัน เสื้อผ้าและร่างกายที่เห็นก็คือการจำแลงรูปของจิตในขณะนั้น (ทางพระคงเป็นว่า ตามสัญญาในขณะนั้น) ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่

ตามความเข้าใจในขณะนี้ กายทิพย์เป็นเนื้อเดียวกับกายเนื้อ ไม่สามารถแยกจากกันได้
รูปกายที่ไปปรากฎในจิตสมาธิทั้งหลาย คือ 1. ชีวิตในภูมิอื่น และ 2.การส่งจิตของมนุษย์ในฌานสมาธิ
ผู้คนทั่วไปไม่มีกำลังเพียงพอที่สามารถส่งจิตได้ จะมียกเว้นในกรณีเดียวคือ ผู้ที่กำลังจะจากไป...

 

อยากรู้ประโยชน์ของการถอดจิตมั้ยครับ

เคยอ่านสงครามพลังจิต มีฝรั่งคนนึง ถอดจิตไปนอกโลก ไปเห็นอะไรซักอย่างนี่แหละครับ
ผมอ่านนานมากแล้ว จำไม่ได้ แล้วเอาความรู้นั้นมาบอกเป็นหลักฐานไว้ หลังจากนั้น วิทยาศาสตร์ค่อยมาค้นพบสิ่งที่เค้าเห็นนั้น เป็นเรื่องจริง
...แล้วก็มีการทดลอง ทำร้ายกันข้ามทวีป เป็นการทดลองถอดจิตบีบคอกันข้ามทวีป ของประเทศมหาอำนาจ ตกเก้าอี้เลย
...และกรณียาน ชาเลนเจอร์ระเบิด หลังจากปล่อยขึ้นไม่นาน ผลการสืบสวน มีหลักฐาน ว่าเป็นการโจมตีกันด้านพลังจิต จากรัสเซีย

ต่างชาติก็มีเยอะครับเรื่องพวกนี้
อย่างเช่น หนังสือ THE MIND TRAVELLERS by Brad Steiger คนไทยเอามาแปลแล้วตั้งชื่อว่า การเดินทางด้วยจิต อันนั้น ก็เป็นเรื่องราวของต่างชาติ

... ของไทยก็มีครับ กรณีนึง ผู้ถอดจิต ถอดแล้วไปเจอเจ้ากรรมนายเวรเก่า เป็นหมอผีมีอาคม กักวิญญาณไว้ เกือบหนีออกมาไม่ได้ ที่หนีออกมาได้เพราะ อธิษฐานจิต
ขออำนาจแห่งผลบุญที่ได้เคยเป็นเจ้าภาพกฐิน ช่วยให้รอดพ้นจากตรงนั้น


...ผมว่านะ ถอดจิตนี่ อันตรายพอสมควรถ้าจะถอดคนเดียว ควรถอดกับผู้มีพลังจิตสูง มีวิชาที่จะช่วยปกป้องเราได้ด้วย เพราะโลกวิญญาณ เป็นโลกแห่งพลัง ใครมีพลังมากก็สามารถข่มเหงผู้อ่อนกว่าได้(ก็พวกนักเลงโตในโลกวิญญาณที่ยังไม่ถึงคราวไปรับผลกรรมน่ะดิน่ากลัว และอย่าว่าแต่นักเลงโตโลกวิญญาณเลย โลกมนุษย์เจอคนที่มีอาคมเข้า ก็โดนเขารังแกได้เหมือนกัน ก็เรื่องแบบนี้ตำรวจไม่รับแจ้งความนี่ มันก็ทำร้ายกันได้สบายๆ)

...แล้วถ้าคิดจะถอดก็หาคนมาเฝ้าร่างไว้ด้วยล่ะ ถอดเพลิน ตาสีตาสา ญาติโกโหติกา มาเจอหวังดี นึกว่าไม่สบาย หามร่างไปโรงบาลล่ะยุ่งเลย เอาไปเอามา เอาร่างไปทำพิธีสวดเผาให้อย่างดี คราวนี้จะไปอยู่ไหนล่ะ ..ถอดเพลิน หรือระหว่างถอดเจอปัญหา กลับมาลำบาก พอกลับมา แทนที่จะเอาเรื่องตื่นเต้นมาเล่าสู่พ่อแม่พี่น้องฟัง กลายเป็นว่า มาหาร่างตัวเองไม่เจอ ...ในเมื่อเวลาบนโลกมนุษย์ยังเหลืออยู่ แต่ไม่มีร่างจะอยู่ ก็เป็นสัมภเวสี ดิงั้น

...แล้วจะถอดไปทำไมเนี๊ย

 

อาการคุณ simking น่าจะเป็นอาการที่ชาวบ้านเรียกว่า ผีอำ มากกว่าครับ แต่จริงๆเกิดจากสมองบางส่วนตื่นแล้ว แต่ส่วนที่สั่งให้ร่างกายขยับนั้นยังไม่ตื่นหรือ ชา อยู่ จึงสั่งให้ร่างกายขยับไม่ได้ครับ มักจะเป็นเวลาเรานอนคว่ำเป็นส่วนมากครับ เพราะร่างกายเราไปทับเส้นประสาทบางเส้น ช่วงไหนเป็นก็จะเป็นบ่อยๆครับ

 

เพิ่มเติมหน่อย ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เราคิดว่าขยับตัวเราก็เหมือนเราค่อยๆขยับไปได้ แต่ซักพักก็จะรู้สึกว่ามือเรากลับมาที่เดิม

อย่างที่คุณเป็นมันค่อนข้าง ธรรมดามากๆครับ บางช่วงก็เป็นเพราะขาดวิตามิน B ด้วย อย่าเพิ่งคิดเรื่องการถอดจิตอะไรเลยครับ เชื่อผมเถอะ

ส่วนเรื่องถอดจิตมีจริงไหมนี่ ผมก็ไม่รู้ครับ แต่คิดว่าคงไม่ขนาดที่ว่าถอดจิตระเบิดยาน ชาแลนเจอร์อะไรพวกนั้นหรอกครับ ไร้เหตุผลเกินไป ดู the x file มากเกินแล้ว

 

ธรรมะ นำปัญญา

ผมอ่านแถบทุกกระทู้ยิ่งอ่านยิ่งเคียด
จะเทียงกันทำไม
พูดกันดีๆก็ได้

 

คนกลางไม่อยากยุ่ง
ต่างฝ่าย
ต่าง
มีเหตุผลของ
ตน
แต่ผมสายกลางดีที่สุด

 

อย่าเถียงกันเลยครับ ค้นหาคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำอ่านดูนะครับ เรื่องพวกนี้ต้องศึกษากันให้ละเอียดลึกซึ้ง หลวงพ่อท่านว่าอย่างไรก็เป็นอย่างที่ท่านบอกนั่นแหละครับ ท่านเข้าพระนิพพานแล้ว ไปหาซื้อหนังสือคำสอนที่บ้านสีลมหรือว่าวัดท่าซุงอ่านดีกว่าครับมีความรู้ที่ดีกว่าอย่าทะเลาะกันเลยครับมันไม่มีประโยชน์เลย มีทางออกอีกทางหนึ่งครับไปฝึก มโนมยิทธิ ครับมีประสบการณ์ตรงเลยครับ กลับมาที่บ้านก็ทำเองได้แล้วค่อยๆพัฒนาไปเ็ป็น อภิญญา ๕-๖ครับ ยังมีประโยชน์กว่าครับ

 

" ชีวิตนี้ขอพลีแท้แก่ผ้าขาว
ใสสกาววิสุทธิ์ผุดผ่องใส
จะสละผ้าขาวด้วยเหตุใด
โลกนี้ไซร้มากล้นด้วยกลลวง

ขาวบริสุทธิ์ คือใจได้ชำระ
อริยะเกิดได้ในทุกสรวง
หาจำกัดพันธุ์เผ่าเพศทั้งปวง
หากว่าดวงใจถึงธรรมนำสุญญตา "

อริยะจิต ธรรมรังษี
สมณะเหนือโลก
<!-- google_ad_section_end -->
***มอบพระผงพระบรมมหาจักรพรรดิพระพุทธอมิตาภะพุทธเจ้า***

 

จะถอดจิตกันไปไหนกันหรอครับ ?

สมมุติถ้าถอดจิตได้แล้ว มันจะพาเราข้ามวัฏสงสารได้มั๊ย

อย่างที่ท่านๆเคยอ่านในพุทธประวัติแหละครับ..พระเทวทัตเองท่านก็ได้ฌานสมาบัติเหมือนกัน มีฤทธิ์มีเดช เหมือนกัน สุดท้ายท่านยังต้องตกนรกมหาอเวจีเลย

นั้นเพราะ จะถอดจิต หรือ เล่นฤทธิ์ใดๆ มันเป็นแค่ของแถมจากการเจริญสติ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ต่างหากครับ

มีเพียงเอาปัญญานำทางเท่านั้นที่สามารถพาเราท่านข้ามวัฏสงสารอันเป็นมหาทุกข์นี้ไปได้

เรามาฝึกเจริญสติเพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ อันเป็นจุดหมายที่แท้จริงของพุทธศาสนา กันดีกว่ามั๊ยครับ

อย่าลืมนะครับ ชีวิตเราท่านเหลือกันไม่ถึงร้อยปี ความตายมันไล่หลังเราท่านมาทุกๆขณะจิตแล้ว
จะเสียเวลาตรงนี้ เพื่อเอาของจริง หรือเอาแค่ของแถม ?

ที่จะพูดก็มีเพียงเท่านี้...พิจารณากันเองนะครับ..."ชาวพุทธ"

 

ผมว่า...

****ผมว่าถ้าเราทำคนเดียวอาจจะเจ๋อเสือร้ายในป่าได้นะครับ ถ้าเราไปกับคนที่เคยผ่านเสือมาจะไม่ดีกว่าหร๋อครับ

 

***
ทีแรกเลยอ่ะครับ ที่ผมคิดจาถอดจิต ก็คิดว่าจะเอาไว้ดูสิ่งต่างๆที่เราไม่รู้ ก็อยากถอดจิตไปดู คนที่เราชอบมั้งละ อยากไปดูคนที่ต่อหน้าทำดีๆละเปงยังไง แล้วก้อบางทีก้อคิดร้ายๆบ้าง แต่ตอนนี้ห้องผมไม่ใช่ห้องส่วนตัวอ่ะครับ แค่เอาตู้มากั้นกะพ่อแม่ เลยไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เพราะเวลานั่งก้อระแวงตลอดว่าจะมีคนมาทักเข้า ตอนนี้ที่พยายามมาพอก้ำก่า รู้สึกแค่เหมือนลอยอยู่ในอะไรสักอย่างที่เคว้งคว้าง ไม่รู้สึกเหมือนตนเองนั่งอยู่ด้วยซ้ำ เหมือนไม่รู้ทิ้งทาง แต่ยังไม่ลองรวมจิตเลยครับเพราะยังไม่รู้ จะลองไปทำดูครับ ขอบคุณ คุณกระเจียวมากนะครับ แต่อยากผมคงทำได้ยาก เพราะสาเหตุหลายอย่างเลย คิดไว้ว่ตอนบวชจะตั้งใจจิงๆตอนนั้นนะครับ ช่วงนี้แค่ลองๆดู

 

พระพุทธเจ้าท่านถอดจิตเพื่อช่วยเหลือผู้คนครับ แล้วเพื่อโปรดสัตว์โลกที่อยู่ไกลด้วย ถ้าท่านเหอะไปก็จะเป็นการโอ้อวดจึงใช้วิธีนี้ครับ ถ้าองคุลีมาร พระพุทธเจ้าไม่ถอดจิตไปช่วย ป่านนี้คง...

 

ผมขอลองสรุปแบบนี้ให้ฟังครับ พระพุทธเจ้าท่านบอกวิธีสู่การนิพพานให้เราด้วยการทำวิปัสนากรรมฐาน นั่นคือท่านบอกเราประมาณว่า เราจะเดินทางจาก กรุงเทพ(ปัจจุบัน) ไปสู่ เชียงราย (นิพพาน) ได้อย่างไร ทีนี้การไปสู่เชียงรายนั้น มันมีด้วยกันหลายทาง บางท่านก็บอกว่าเจริญอานาปานสติสิ บางท่านก็บอก สติปัฐฐาน4 บางท่านก็บอกอะไรไปมากมายหลายวิธี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไปเชียงรายด้วยพิกัด GPS เดียวกันทั้งสิ้น แต่อาจจะต่างเส้นทางกัน ยกเว้นบางท่านที่บอกทางผิด ก็อาจไปได้แค่ น่าน เชียงใหม่ หรือแย่กว่านั้นดันผิดทิศไป ปัตตานี ไปเลย(เสียสติไป) ทีนี้ระหว่างทางไปเชียงราย(นิพพาน) ท่านก็ว่าเราจะเจอ วิชชา3 อภิญญา6 อะไรต่างๆก็คือ เหมือนเราจะผ่านจังหวัด ลำปาง ตาก น่าน แพร่ พิษณุโลก(แล้วแต่ไปทางไหนนะ เพราะบางสายก็ไม่ผ่านพิษณุโลก) อะไรพวกนี้ ซึ่งถ้าบางคนได้ อภิญญาขั้นที่2 อาจจะอยู่ที่ ลำปาง ดันติดใจรถม้าและบ้านเมืองแบบลำปาง (ตาทิพย์ หูทิพย์) ก็อาจจะปักหลักอยู่มันที่ลำปางนั่นแหละ ไม่ต้องไปแล้ว เชียงราย(นิพพาน) ซึ่งแท้จริงแล้วความสุขที่ พระพุทธเจ้าท่านปรารถนาให้คนไปพบเจอนั้นคือ "บรรยากาศที่เชียงราย" แต่คนดันไปหลง อยู่กลางทางกันซะมาก มากกว่า เพราะ เชียงใหม่ก็สนุกกว่า และวิวสวยพอๆกับเชียงรายแล้ว แต่ท้ายที่สุด เชียงรายก็คือเชียงราย ถ้ายังไม่เคยไปก็อย่าเพิ่งพูดว่า ใครหรือพระท่านใดอยู่ที่ไหน (ท่านใดเป็นพระอรหันต์บ้าง) เพราะคุณยังไม่เคยเอาตีนไปเหยียบ เชียงราย(เป็นพระอรหันต์)ด้วยตีนคุณเอง

 

รัสเซีย....ใช้การถอดจิตในเรื่องสงคราม และล้วงความลับ ก็ว่ากันไป

 

ขอบคุณมากเรยคร่ะ

ได้ความรู้อีกเยอะเรยนะค่ะ

 

ขอบคุณ คุณกระเจียว

เป็นความรู้ที่น่าสนใจครับ...

 

ว่างเปล่าแต่รับรู้ มุมมองเหมือนดวงแก้ว
(สูญญากาศ ในอากาศ)