วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ข้อความของคุณชนะมารค่ะ

    [​IMG]

    จงทำตัวเหมือนผ้าขี้ริ้ว แม้คนอื่นมองไม่มีค่า..แต่เบื้องหลังนั้น ทำคุณประโยชน์มากมาย ..คำสอนคุณยายตอนหนึ่งท่านสอนว่า เราควรทำตัวเหมือนแผ่นดิน ใครจะเทของหอม ของเสียใส่ ก็เฉยๆ ...
     
  2. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
  3. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
  4. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    <TABLE class=tborder id=post1791393 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->teporrarit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1791393", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2008
    สถานที่: เทพออรฤทธิ์ พลังจิต-พุทธศาสนา สำหรับผู้เริ่มต้น
    อายุ: 22
    ข้อความ: 3,398
    Groans: 3
    Groaned at 18 Times in 15 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 476
    ได้รับอนุโมทนา 32,425 ครั้ง ใน 2,442 โพส
    พลังการให้คะแนน: 429 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1791393 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ยังมีชีวิตอยู่ อย่าหนีปัญหา<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]
    [​IMG]


    ยังมีชีวิตอยู่ อย่าหนีปัญหา

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค. 2536 สมเด็จองค์ปฐมทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้<O:p
    1.ในเมื่อพวกเจ้ายังมีร่างกายอยู่ในโลก เรื่องที่จักหนีปัญหาต่างๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นหมดอารมณ์ 2 ที่ครองใจเมื่อใดนั้นแหละ มิใช่ว่าปัญหาของโลกจักหมดไป หากแต่จิตของพวกเจ้าจักยอมรับนับถือว่า ปัญหาของโลก เหล่านี้มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก อารมณ์จิตจักไม่ยึดถือปัญหาเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ที่ขุ่นข้องหมองใจ เห็นแต่ปัญหานั้นๆ ดูเป็นปกติธรรดาของโลกใบนี้
    <O:p
    <O:p

    2.จิตของพวกเจ้ายังตัดอารมณ์ 2 ยังไม่ได้ ก็พึงคิดว่าเหตุการณ์อดีตที่เป็นปัญหานั้นผ่านไปแล้ว ไม่ควรจักยึดถือนำมาคิดให้ติดข้องอยู่ในอารมณ์ และอนาคตที่ครุ่นคิดว่าจักมีปัญหาที่เกิดขึ้นมาก็ยังมาไม่ถึง จึงไม่ควรจักนำมาครุ่นคิด ให้ติดข้องอยู่ในอารมณ์เช่นกัน เพราะการคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง โดยยกเหตุแห่งปัญหาขึ้นมาเป็นหลักเกาะยึด นั่นเป็นความทุกข์ของจิต<O:p</O:p
    <O:p


    3.ทางที่ดีสมควรจักอยู่ในธรรมปัจจุบัน ขณะนี้ปัญหาในธรรมปัจจุบันนั้นยังไม่มี ก็จงรักษาอารมณ์จิตให้เป็นสุข สุขในขณะนั้น ๆ ให้อาหารธรรมแก่จิตที่ต้องการความสงบหรือต้องการอารมณ์คิด<O:p</O:p
    <O:p


    4.การย้อนพิจารณาถึงปัญหาทางโลกไม่ควรคิด เพราะจักทำให้จิตเป็นทุกข์ แต่การย้อนพิจารณาถึงหลักธรรมปฏิบัติที่ผ่านมาแล้วควรทำ เป็นหลักอนุโลม ปฏิโลม (พักหรือเพียร , สมถะหรือวิปัสสนา) ถอยหน้าถอยหลังทบทวนมรรคผล จุดนี้เพื่อความมั่นคงของจิต จักเห็นได้ง่าย
    <O:p

    5. อย่างในทางโลก หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นเป็นที่กระทบกระเทือนใจมาก จิตจักครุ่นคิดแต่เรื่องนั้นระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่ยอมปล่อยวาง จนอารมณ์จิตนั้นจดจำเหตุการณ์เหล่านั้น จนนำจิตไปสู่ภพสู่ชาติตามอารมณ์นั้นจนขึ้นใจ จนในบางครั้งร่างกายตายไปแล้ว จิตมันสภาพจำเหตุการณ์เหล่านั้น จนนำจิตไปสู่ภพชาติตามอารมณ์นั้น ก็มากในบุคคลชาวโลกทั่วไป<O:p
    <O:p

    6.จากกำลังจิตจุดนี้ พวกเจ้าจักนำมาใช้ในทางธรรมปฏิบัติ ย้อนต้นปลายเหตุการณ์ ทบทวนคำสอนครุ่นคิดไม่ว่าง ระลอกแล้วระลอกเล่า จิตมันก็จักมีสภาพจำคำสอนนั้นๆ จิตไม่วางพระธรรม ก็สามารถทำปัญญาให้เกิดจากสัญญาความจำที่มั่นคงนั้นๆ (แบบวิปัสสนาข้อ 9 สัจจานุโลนิกญาณ) ในที่สุดเมื่อจิตเกิดปัญญามากขึ้นๆ ตามลำดับ จนกระทั่งถึงปัญญาวิมุติเกิดขึ้นกับจิต จิตก็จักมีกำลังตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปาหานได้

    <O:p
    7.จิตติดปัญหาทางโลก คิดมากเท่าไหร่ ยิ่งโง่มากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่มีใครจักเอาปัญญาส่วนตนไปแก้ปัญหาของโลกให้ไหมด ตถาคตหรือพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็แก้ปัญหาของโลกให้หมดไปไม่ได้ (พระองค์ยกเว้นไม่โปรดสอนพวกปทปรมะ คือไม่ศรัทธาในพระองค์ ) โลกทั้งโลกตกอยู่ในไตรลักษณาญเป็นปัญหา เพราะโลกมีความพร่องอยู่เป็นนิจด้วย กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ความพอดีของโลกไม่มี โมหะ โทสะ ราคะ ครองโลกอยู่ ทำให้ความพอดีไม่เกิดแก่โลก ทุกอย่างมีปัญหาด้วย อนิจฉา ทุกขัง อนัตตา เป็นปกติ

    <O:p
    8.บุคคลผู้ฉลาดเป็นบัณฑิตจักยกจิตตนให้พ้นจากปัญหาทางโลก คิดแต่จักหาธรรมวิมุติ เพื่อยกจิตตนให้พ้นจากโลกเพิ่มพูนปัญญาให้เกิดในโลกุตธรรม แก้ปัญหาส่วนตนเป็นหลัก ไม่ผูกมัดจิตให้ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหาอุปาทาน และอกุศลกรรม โมหะ โทสะ ราคะ มีอำนาจก็ทำร้ายจิตได้น้อยเต็มที

    <O:p
    9.บุคคคลผู้เป็นบัณฑิตย่อมชำระอารมณ์ไม่ให้ตกเป็นทาสแห่งกิเลสตัณหานั้น ทำความพอดีให้เกิดแกจิตของตนเป็นหลักใหญ่ เมื่อจิตเกิดความพอดีแล้ว คำว่าโยกคลอนไปในปัญญหาย่อมไม่มี มิใช่เพียงสักแต่ว่าปัญหาโลกภายนอกจักโยกคลอนจิตของบุคคลผู้นั้นมิได้ แม้แต่ปัญหาได้ เพราะเนื่องจากความพอดีที่ถึงแล้วในจิต และคิดตกแล้ว (หมดความหวั่นไหว) จากเหตุแห่งปัญหาที่เกิดเป็นปกติในโลก ทั้งภายในและภายนอกนั้น

    <O:p
    10.เพราะฉะนั้น พวกเราจงหมั่นรักษาอารมณ์จิตให้อยู่ในธรรมปัจจุบันเป็นดีที่สุด เห็นธรรมทั้งหลายในโลกที่เข้ามากระทบจิตเป็นเรื่องธรรมดา เป็นไตรลักษณ์เกิดดับอยู่เป็นปกติ ไม่มีใครหลีกพ้นไปได้ จึงไม่ควรจักยึดธรรมที่มีความเที่ยง ปรวนแปรอยู่เป็นปกติ หมั่นพิจารณาธรรมนั้นให้ถึงจุดอนัตตา จิตจักคลายจากอารมณ์ที่เกาะยึดติดอยู่ในธรรมของชาวโลกนั้นๆ ทำความเบื่อหน่ายและปล่อยวางลงได้ในที่สุด<O:p</O:p
    <O:p

    11.ตายแล้วไปไหน จุดนี้ควรจักโจทย์ถามจิตเอาไว้ให้มาก ๆ เพื่อป้องกันความประมาทในอารมณ์ เมื่อเกิดความฟุ้งซ่านติดในปัญหาของโลก คิดสรุปเอาตรงที่ไม่ช้าไม่นาน เมื่อร่างกายนี้ตายแล้ว ก็จักทิ้งปัญหานี้จากไปแต่ถ้าหากตัดไม่ได้ จิตก็จักนำปัญหานี้เกาะติดไปสู่ภพสู่ชาติมันดีนะหรืออย่างนี้

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    12 .อย่าลืมความตายเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย การปล่อยอารมณ์จิตให้ติดปัญหาของโลก ล่วงเวลามากไปเท่าไหร่ เท่ากับประมาณต่อความตายมากขึ้นเท่านั้นการไม่รับรู้ปัญหาเลยนั้นก็เป็นไปไม่ได้ อยู่ในโลกก็จำเป็นต้องรับรู้ แต่รู้ก็ให้เพียงแต่สักว่ารู้ อย่าผูกจิตให้เกาะติดปัญหานั้นมากเกินไป ต้องพยายามระงับ ตัดปัญหาปล่อยวางปัญหานั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จักมีกำลังทำได้

    <O:p</O:p
    13.จุดนี้แหละ พึงถามจิตตนเข้าไว้ ตายแล้วจักไปไหน เกาะอยู่ในโลกตามนั้นไปพระนิพพานได้ไหม ถามให้บ่อยๆจิตจักคลาย ปล่อยวางปัญหาของโลกไปได้ตามลำดับแก้ไขได้ก็แก้ไขไป แก้ไขไม่ได้ก็ช่างมัน อีกมิช้านานร่างกายนี้มันก็จักตายไปเสียจากโลกนี้แล้ว พวกเจ้าก็จักต้องรักษาอารมณ์ของจิตให้ตายไปจากโลกนี้แล้ว อย่าให้จิตเกาะติดโลกอีก ไม่ว่าโลกใด ๆ พรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก อบายภูมิ 4 ตัดเด็ดขาดมุ่งจิตตัดตรงพระนิพพานจุดเดียวเท่านั้น คิดไว้ตามนี้ จักได้ไม่หลงลืมปล่อยอารมณ์ให้ฟุ้งซ่านกับปัญหาของทางโลกจนเกินไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    14.สุขทุกข์อันเกิดแก่อารมณ์ บัณฑิตย่อมฉลาดป้อนอาหารธรรมทำให้จิตเป็นสุขได้ แต่ในบุคคลผู้โง่เขลา ย่อมป้อนยาพิษร้านทำร้ายจิตให้รับทุกข์อยู่เป็นประจำ ไม่มีใครทำร้ายเราได้มากกว่าที่จิตเราทำร้ายตัวเราเอง ขอให้พวกเจ้าคิดดูให้ดี ไม่ต้องโทษใคร กฎของกรรมมันเป็นอย่างนั้น ปัญหาเป็นเรื่องปกติของโลก โลกธรรมเป็นเช่นนั้น จักไปยึดถือมาเป็นอารมณ์ทำร้ายจิตเพื่อประโยชน์อันใด<O:p
    <O:p</O:p


    15.ปัญหาของรวมอยู่ในโลกธรรม 8 ทั้งสิ้น ไม่ว่าโลกภายนอกหรือโลกภายใน มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุขก้เพราะร่างกาย มีเสื่อม - ลาภ เสื่อม- ยศ มีนินทา

    “ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ”<O:p</O:p
    โดย พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)

    <O:p</O:pรวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[​IMG]นัดวันร้อยผ้ากฐินที่ซอยสายลม ที่ตึกถวายสังฆทานชั้น 2ใน(ครั้งสุดท้าย)วันที่ 10,11ต.ค ตั้งแต่11.00 โทร.. 0820909-432ใกล้เสร็จแล้วนะครับ สาธุ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสร้างตึกฝึกกรรมฐานและผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัลวันที่ 24-25 ตุลาคม พ.ศ.2552
    ณวันที่ 28 ก.ย.2552
    ยอดร่วมทำบุญกฐินจากบัญชี vanco 24,879.00
    ยอดร่วมทำบุญผ้ากฐินสีเงิน 12,685.93
    ยอดทำบุญค่าเหมารถกฐิน 88ที่นั่งไปฟรี 2 คัน56,600.00
    ยอดทำบุญซื้อพระไตรปิฎกเพื่อร่วมในกฐิน 1ชุด91เล่ม25,000
    ยังสามารถร่วมทำบุญกันกฐินกันได้เรื่อยๆๆๆจนถึงวันงานนะครับ โมทนาอย่างยิ่งครับ สาธุ
    ประกาศเลื่อนกฐินวัดป่าศิริสมบูรณ์ มาเป็น วันที่ 24-25ตุลาคม 2552 อีก2 เดือนผ้าห่มพระจะเสร็จแล้วนะครับผมทำบุญกันไว้เถิด บุญจะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะนิพพาน สาธุ http://palungjit.org/images/misc/paperclip.gif เชิญร่วมทำบุญแจกอาหารผู้มาทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่บ้านสายลม วันที่11ต.ค.52<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    <TABLE class=tborder id=post1822462 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->teporrarit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1822462", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2008
    สถานที่: เทพออรฤทธิ์ พลังจิต-พุทธศาสนา สำหรับผู้เริ่มต้น
    อายุ: 22
    ข้อความ: 3,398
    Groans: 3
    Groaned at 18 Times in 15 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 476
    ได้รับอนุโมทนา 32,426 ครั้ง ใน 2,442 โพส
    พลังการให้คะแนน: 429 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1822462 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ทุกคนในโลก...ไม่มีทุกข์นั้นไม่มี<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]
    [​IMG]

    ทุกคนในโลก...ไม่มีทุกข์นั้นไม่มี<O:p</O:p

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 2536 สมเด็จองค์ปฐมทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
    <O:p</O:p1.จงมองคนทุกคนในโลก จักเห็นว่าไม่มีทุกข์นั้นไม่มี <O:p</O:p
    ทุกข์ของร่างกาย ทุกข์ของการเบียดเบียนซึ่งกันและกันทุกข์ด้วยอารมณ์จิตที่เบียดเบียนตนเอง การมีชีวิตทรงอยู่ในโลก จึงเต็มไปด้วยความทุกข์
    <O:p</O:p

    2.เมื่อเจ้าเป็นประการนี้ ก็จงดูชาวโลกุตรชน จักเห็นความเป็นผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน อยู่ในจิตที่สงบของทุกท่านในที่นี้ อย่าว่าแต่เพียงตถาคตหรือพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์หรืออรหันต์สาวกเลย แม้ พรหม-เทวดา-นางฟ้าผู้ล่วงเข้าสู่โลกุตรชน ก็ทำการตัดกิเลสให้จิตได้สุข สงบตามลำดับแห่งบารมีธรรมของตนเองนั้นๆ

    <O:p</O:p
    3.เพราะฉะนั้นพวกเจ้าเองก็เช่นกัน วันทั้งวัน คืนทั้งคืน จงหมั่นตัดกิเลสตามกำลังของตน เพื่อทำให้จิตสุขสงบขึ้นมาตามลำดับเถิด หากกรรมใดทำแล้ว จิตเศร้าหมอง ปราศจากสุขสงบ จงหมั่นหนีเลี่ยงการกระทำธรรมนั้น ทุกอย่างต้องใช้ปัญญาอันเป็นสัมมาทิฏฐิเข้ามาพิจารณา และใคร่ครวญ อย่าคิดอะไรที่ขาดสติ และนำมาซึ่งการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเป็นอันขาด

    <O:p</O:p
    4. อยากมานิพพาน จงทำกิจเพื่อพระนิพพานให้เข้มแข็งจริงจังด้วย ทำกันที่จิตนี่แหละ เป็นประการสำคัญ เพราะการจะมานิพพานเราใช้จิต มิใช่ใช้ร่างกายมา ร่างกายเป็นสมบัติของโลก ในที่สุดก็ต้องคืนสู่โลกไป

    <O:p</O:p
    5. อย่าห่วงร่างกายให้มาก เพียงแต่ทำให้มันตามหน้าที่ ที่มีร่างกายตามความจำเป็นเท่านั้น เห็นทุกข์เห็นโทษของการมีร่างกายให้ชัดเจน เพื่อความเป็นประโยชน์อันจักนำมาซึ่งการตัดร่างกายทิ้งไปได้ในที่สุด เมื่อถึงวาระของการดับแห่งร่างกายนั้นได้เกิดขึ้น

    <O:p</O:p
    6. การทรงอารมณ์สังขาเบกขาญาณ ต้องใช้ปัญญารอบรู้ตามความเป็นจริง รู้ปกติของร่างกาย ทำทุกอย่างตามปกติธรรมนั้น ร่างกายมีโรคะเบียดเบียนตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา จิตของพวกเจ้าต้องไม่เบียดเบียนตนเองตามอาการของร่างกายนั้นๆ หิวก็รู้ว่าหิว หาให้กินตามหน้าที่ร้อนหนาวก็รู้อยู่ ป่วยก็รู้อยู่ หาหยูกหายารักษา แต่รู้ด้วยความไม่กังวล เห็นเป็นปกติธรรมของร่างกายว่ามันเป็นอย่างนี้ เอง รักษาอารมณ์ใจเข้าไว้ ให้ยอมรับกฎของธรรมดา จิตก็จักไม่ดิ้นรน ฝืนสภาวะร่างกาย จิตก็จักสงบสุขได้ไม่ยากเย็น

    ที่มาของข้อมูล.......

    ธรรมะที่นำไปสู่ความหลุดพ้นเล่มที่ 6
    พระราชพรหมยานมหาเถระ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    วัดท่าซุง

    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
    จากหนังสือ ธรรมที่นำสู่ความทุกข์

    <O:p</O:p

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[​IMG]นัดวันร้อยผ้ากฐินที่ซอยสายลม ที่ตึกถวายสังฆทานชั้น 2ใน(ครั้งสุดท้าย)วันที่ 10,11ต.ค ตั้งแต่11.00 โทร.. 0820909-432ใกล้เสร็จแล้วนะครับ สาธุ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสร้างตึกฝึกกรรมฐานและผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัลวันที่ 24-25 ตุลาคม พ.ศ.2552
    ณวันที่ 28 ก.ย.2552
    ยอดร่วมทำบุญกฐินจากบัญชี vanco 24,879.00
    ยอดร่วมทำบุญผ้ากฐินสีเงิน 12,685.93
    ยอดทำบุญค่าเหมารถกฐิน 88ที่นั่งไปฟรี 2 คัน56,600.00
    ยอดทำบุญซื้อพระไตรปิฎกเพื่อร่วมในกฐิน 1ชุด91เล่ม25,000
    ยังสามารถร่วมทำบุญกันกฐินกันได้เรื่อยๆๆๆจนถึงวันงานนะครับ โมทนาอย่างยิ่งครับ สาธุ
    ประกาศเลื่อนกฐินวัดป่าศิริสมบูรณ์ มาเป็น วันที่ 24-25ตุลาคม 2552 อีก2 เดือนผ้าห่มพระจะเสร็จแล้วนะครับผมทำบุญกันไว้เถิด บุญจะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะนิพพาน สาธุ http://palungjit.org/images/misc/paperclip.gif เชิญร่วมทำบุญแจกอาหารผู้มาทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่บ้านสายลม วันที่11ต.ค.52<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีคำถามส่งมาคาดว่าจะมีประโยชน์ในการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานครับ

    --------------------------------------------------------
    มีคำถามมาขอคำแนะนำคะ รบกวนพี่เล็กช่วยแนะนำเกี่ยวกับการซักฟอกมโนธาตุในความหมายแบบเบื้องต้นไปจน ถึงเชิงลึก (เอาของสาวกภูมินะคะ ไม่เอาพุทธภูมิ อิอิ) เบื่อเกิดเต็มทีแล้ว บางทีตอนเผลอและหน่ายก็อดคิดไม่ได้ว่า ลงมาเกิดทำไมเนี่ย ไม่น่าเลย แต่พอสติมาก็รู้หน้าที่ ว่าลงมาเพื่อทำงานสร้างบารมีสั่งสมบุญ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานสั่งสมบุญต่อไป
    เป็นมนุษย์สร้างบุญง่ายกว่า แต่สู้กับกิเลส ตัณหาและอุปทานยากกว่า ตอนนี้เลยอยากตัดภพชาติแล้วแต่ภาระผูกพันทางโลกรัดแน่นเกินไป จะหันหลังให้ก็จะกลายเป็นกรรมขึ้นมาไม่จบสิ้น
    เลยอยากได้ข้อมูลมาไว้เป็นกำลังใจและเตือนจิตตัวเอง

    ------------------------------------------------------------



    "การซักฟอก มโนธาตุ" ก่อนอื่นเรา ต้องเข้าใจก่อนว่า มโนธาตุนั้นหมายความ ถึง ธาตุแห่งจิต เพราะมโนแปลว่าจิต


    ดังนั้นการซักฟอกมโนธาตุก็คือการขัดเกลาจิตใจในให้ใสสะอาดปราศจากกิเลส จนเข้าถึง นิพพานธาตุ ปราศจากกิเลสอันเป็นเครื่องพอกฉาบทาจิตใจให้เศร้าหมอง และสังโยชน์ทั้งสิืบประการอันเป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้หลงอยู่ในสังสารวัฏ ฏ์

    การซักฟอกมโนธาตุก็ดี การชำระล้างธาตุธรรมก็ดี จะประกอบไปด้วยการใช้ฌานสมาธิและญาณเครื่องรู้เป็นเครื่องประกอบการปฏิบัติ และการพิจารณา

    การใช้สมาธิโดยเฉพาะมโนมยิทธินั้น เรากำหนดใช้ได้ทันที แบบง่ายๆ(สำหรับคนที่ได้มโนมยิทธิและมีความคล่องตัวอยู่แล้ว)

    -ตั้งกำลังจิตพิจารณาให้เห็นความทุกข์ ความไม่เที่ยงในกายจนจิตเกิดความสะอาด ปราศจากการยึดในร่างกาย ในภาพและการเวียนว่ายตายเกิด

    - ทรงภาพพระพุทธเจ้าให้ใสสะอาดเป็นแก้วเป็นเพชรประกายพรึกส่องสว่าง

    -อธิฐานกำหนดจิตขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านทรงสงเคราะห์ขึ้นไป ปรากฏกายเนื้อของเรา(เน้นว่ากายเนื้อก่อน)บนพระนิพพาน ต่อหน้าพระพุทธเจ้า

    -จากนั้นเราใช้กายในที่ลักษณะเหมือนกายเนื้อทุกอย่างนี้ นอบน้อมกราบพระพุทธเจ้าด้วยจิตด้วยใจที่เคารพต่อพระองค์ท่านสุดจิตสุดใจ

    -จากนั้นกราบขอพุทธบารมี ขอธาตุธรรม และนิพพานธาตุของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะเจ้าทุกพระองค์ ทรงเมตตาแผ่ฉัพพรรณรังสี มายังกายในที่เป็นกายเนื้อของเรา ทั้งที่นั่งอยู่บนพระนิพพาน

    และกายเนื้อที่อยู่บนโลกมนุษย์ด้วยเป็นแสงสว่าง ชำระล้างฟอกกายเนื้อธาตุหยาบของเรา ไล่ไปตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

    ทำให้ละเอียดชัดเจน จนเห็นทุกส่วนถูกฟอกธาตุจนใสไปแก้ว

    จากนั้นไล่ไปในอาการ สามสิบสองหรืออย่างง่ายก็ พิจารณาในเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก อวัยวะต่างๆไล่ไปจนใสเป็นแก้ว ทำความสะอาดธาตุหยาบเป็นธาตุธรรม ธาตุนิพพาน

    จนกายในบนพระนิพพาน

    กายเนื้อบนโลกกลายเป็นแก้วใสสะอาด เป็นแก้วประกายพรึก เป็นกายพระวิสุทธิเทพ สะอาดบริสุทธิ์

    จากนั้น มาพิจารณาจิต กำหนดเห็นจิตในกายแก้วเป็นดวงแก้วใส

    กราบขอบารมี พระพุทธเจ้าท่านทรงสงเคราะห์ แผ่ฉัพพรรณรังสี มาชำระล้างฟอกมโนธาตุ ให้มโนธาตุเราสะอาดด้วยนิพพานธาตุ

    เห็นดวงจิตเรายิ่งสะอาด สว่างใสเป็นแก้วประกายพรึก ส่องสว่าง จิตเราชุ่มเย็น ชุ่มชื่น

    จากนั้นพิจารณาชำระล้างมโนธาตุด้วยวิปัสนาญาณ โดยพิจารณาตัดสังโยชน์สิบไปทีละข้อไล่ตั้งแต่

    - ตัดความเป็นตัวตน ความยึดติดในกายเนื้อ ในร่างกายของเราก็ดี กายบุคคลอื่นก็ดี ชำระล้างความติดความหลงไปจากจิต ดูว่าจิตใสขึ้นสะอาดขึ้นอีก จากนั้น


    -น้อมจิตให้นอบน้อมอ่อนโยนเคารพในพระรัตนไตร อย่างมั่นคง เปลื้องความลังเลสงสัยในพระรัตนไตรและสัมมาทิฐิออกไปจากดวงจิตของเรา

    -เจริญเมตตาจิต พรหมวิหารธรรมจนจิตเราใสสะอาดชุ่มเย็นเป็นเมตตา มีการให้การเกื้อกูล ชะโลมล้างดวงจิต จนจิตนุ่มนวลด้วยเมตตา จนจิตที่คิดละเมิดศีลทั้งห้าประการไม่มีในดวงจิตของเรา

    -ล้างความปฏิฆะ ความโกรธ ความพยาบาท ออกไปจากดวงจิตของเราด้วยเมตตาจิต

    -ล้างความหลง ยึดติดในกามฉันทะ กามคุณห้าอันประกอบไปด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทางกาย ออกไปจากดวงจิต ขึ้นชื่อว่า กามภูมิภพเราไม่ปรารถนา ล้างไปจากจิตของเรา

    -ล้างความยึด หลงในฌานก็ดี ภพแห่งพรหมก็ดีว่าไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์

    -ล้างความยึด หลงในอรูปฌานก็ดี ภพแห่งอรูปพรหมก็ดีว่าไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์

    -ล้างความฟุ้งซ่าน อารมณ์จิตที่ฟุ้งวุ่นวายออกไปจากจิตเป็นอารมณ์ที่ตั้งมั่น มั่นคงเป็นหลักเอาไว้

    -ล้างทิฐิ มานะ ความถือดี ความยกตนออกไปจากจิต เป็นความนอบน้อมอ่อนโยนนิ่มนวลคารวะในความดี ในธรรมต่อผู้อื่น

    -ล้างจิตที่ยึดหลง ในการเวียนว่ายตายเกิด ในภพภูมิทั้งปวง คงมั่นในพระนิพพานเพียงจุดเดียว

    อธิฐานฟอกมโนธาตุให้เป็นนิพพานธาตุ ขอบารมีพระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าทุกท่าน ทรงสงเคราะห์ หากดวงจิตที่สะอาดบริสุทธํ์ิ เพียงใด ขอให้ลูกทรงอารมณ์จิต ตั้งมั่นในอารมณ์พระนิพพานเป็นปกติได้เพียงนั้น ด้วยเทอญ

    ประคับประคอง ทรงอารมณ์จิตในอารมณ์พระนิพพานเอาไว้ ทุกเวลา สบายๆ ทำงานอยู่ พูดอยู่ก็ประคองเอาไว้เป็นปกติ

    เมื่อใดที่เรารู้สึกว่าจิตเศร้าหมองเราก็ อธิฐานฟอกมโนธาตุ

    และเจริญจิตเอาไว้ทุกวัน โดยเฉพาะทุกเช้าช่วงตื่นนอน ทรงเอาไว้ตลอดวัน และพิจารณาละเอียดอีกครั้งก่อนนอน เราทำเป็นปกติ
    ไม่ช้าภูมิธรรมก็จะก้าวหน้าขึ้น อารมณ์จิตแนบในอารมณ์พระนิพพาน

    "ขอธรรมมะแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ จงแผ่ไพศาลกลางใจ ผู้ใฝ่ธรรม ให้ร่มโพธิ์แห่งวิมุติญาณทัศนะจงบังเกิดกลางดวงจิตทุกดวง จนก้าวเข้าสู่กระแสแห่งพระโลกุตรธรรมเจ้า มีพระนิพพานเป้นที่สุดด้วยเทอญ"
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ดอกขจร <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2007
    ข้อความ: 902
    Groans: 2
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 10,890
    ได้รับอนุโมทนา 11,434 ครั้ง ใน 901 โพส
    พลังการให้คะแนน: 251 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <center>ดอกบัว แห่งความดี

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> [​IMG]


    ดอกบัวแห่งความดี นั้นเมื่อบานในดวงจิตของสาธุชนแล้ว ย่อมไม่แปดเปื้อนในจิตความคิดอันเป็นอกุศลกรรม โดยเฉพาะความชั่วของผู้อื่น

    บัวเกิดแต่ตมก็จริงแต่ความงามสะอาดพิสุทธิ์ก็ย่อมเบิกบานงดงามอยู่โดยไม่ปรากฏร่องรอยแห่งการแปดเปื้อนเป็นมลทินแต่น้อยก็หาไม่


    ดวงจิตของสาธุชน วิญญูชนผู้เป็นสัมมาทิฐิก็เช่นกัน พึงน้อมนำเอา บุญ กุศลแลเมตตาจิต มาหล่อเลี้ยงใจให้งดงาม เบิกบานในสายธารแห่งธรรม

    ยังความหอมแห่งศีลให้ปรากฏ

    ยังสมาธิจิตอันแผ่ไปไม่มีที่สุดไม่มีประมาณด้วยมหาเมตตาจิต

    จนปรากฏปัญญาอันวิสุทธิ ในวิปปัสสนาญาณจนกิเลสทั้งหลายปราศนาการออกไปดวงจิต ปรากฏดอกบัวแก้วแห่งแสงธรรมที่ส่องสว่างท่ามกลางดวงจิตอันงดงาม


    คณานันท์ ทวีโภค
     
  9. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    [​IMG]
    เมื่อวานนี้ 06:13 AM
    cmhadtong

    [​IMG]
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีคำถามมาครับ
    คือ ตอนนี้ผมพยายามฝีกหนักไปทางวิปัสสนา เเต่คิดว่ายังทําได้ไม่ดีเท่าไหร่ พอดีได้ไปอ่านข้อความในหนังสือของหลวงปู่เเหวน มีตอนหนึ่งในหนังสือกล่าวถึงการพิจารณาอวัยละทั้ง 32 ของเราเเต่ละส่วน ในหนังสือบอกว่าอย่าไปพิจารณาหมดทีเดียว ให้เ้น้นไปที่จุดใดจุดหนึ่งไปเลย คือถ้าผมจะพิจารณาเเบบเป็นจุดๆไปโดยการนั่งสมาธิหลับตา ผมต้องนึกถึงภาพยังไงครับ ? เเนะด้วยครับ อนุโมทนาครับทุกท่าน

    คือเวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะนึกภาพศพของตัวเองค่อยๆเน่าเปื่อยผุพังไปโดยมีพระุพุทธรูปอยู่ข้างหน้า ศพเราครับ เเต่พอไปอ่านจากหนังสือของหลวงปู่เเหวน ในหนังสือให้พิจารณาเป็นจุดๆไป คือให้วิปัสสนาเป็นจุดๆไป อย่าวิปัสสนาเเบบโดยรวมทั้งหมดทีเดียว ผมเลยอยากรู้ว่าต้องทํายังไงครับให้มองเป็นจุดๆไป หมายถึงว่า วันนี้ให้เราพิจารณาเเต่ลูกตา วันถัดไปปาก วันถัดไปหน้าอก อะไรเเบบนี้รึเปล่าครับ ? รบกวนท่านผู้รู้ชี้เเนะด้วยครับ ผมจะได้นําไปปฏิบัติได้ เจริญในธรรมครับ


    ----------------------------------------------------------

    ค่อยๆพิจารณา ไล่ไปทีละกอง คือ อาการสามสิบสอง ไล่ดูอวัยวะแต่ละชิ้น ให้เ็ห็นความไม่สะอาด ให้เห็นความเศร้าหมอง ให้เห็นว่าเมื่อมันมารวม มาประกอบเป็นกาย เราก็สมมุติเป้นเรา เมื่อแยกออกเราก็เห้นเป้นชิ้นส่วน เป็นซากเป็นปฏิกูล จนจิตเรารู้เท่าทันในความเป็นไปในร่างกายทั้งของเราและบุคคลอื่นจนละจากความ ยึดมั่นถือมั่น ในกายจนหมดสิ้น

    เกิดนิพพิทาญาณในสังขารทั้งปวง

    จุดสำคัญคือพิจารณา ทีละอวัยวะ ทีละส่วนอย่างละเอียด จนหมดตัวหลง หมดยินดี ในกาย เรียกว่าจิตเห็นอาการหยิบจับมาดูมาพิจารณาทุกแง่ทุกมุม ทั้งกลิ่นทั้งสี ทั้งสัมผัส

    เมื่อจิตรู้เท่าทันในอาการทั้งสามสิบสองแล้วก็ย่อมปล่อยวางจาก กายได้มากขึ้นลึกขึ้นตามลำดับครับ

    ขอให้วิปัสสนาญาณของทุกท่านชัดเจนแจ่มใส จิตสะอาดบริสุทธิ์ในดอกไม้ของพระอริยะเจ้าด้วยเทอญ
     
  11. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    <TABLE class=tborder id=post298837 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 15-08-2006, 08:33 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #128 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_298837", true); </SCRIPT>
    หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: May 2006
    ข้อความ: 8,702
    Groans: 10
    Groaned at 16 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 36,696
    ได้รับอนุโมทนา 164,775 ครั้ง ใน 8,749 โพส
    พลังการให้คะแนน: 9735 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_298837 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องเบาๆแต่มีความสำคัญมากๆ ก่อนครับ
    ในการที่เราเป็นเราอยู่ในทุกวันนี้นั้น สิ่งที่ประกอบกันเป็นเรา นอกเหนือจากร่างกายแล้ว ยังมีสิ่งสำคัญที่สุดคือจิตครับ จิตนั้นแตกต่างกันในแต่ละบุคคลอย่างสิ้นเชิง แต่ในความเป็นจริงนั้น จิตทุกๆดวงมีสภาวะเหมือนกันหมด คือจิตที่ประภัทสรครับ ได้แก่จิตที่ปราศจากกิเลส สะอาดบริสุทธิ์งดงาม แต่เมื่อมีสิ่งเร้า แรงกระตุ้น จะด้วย กิเลส สัญชาติญาณ ธรรมชาติก็ตาม ก็เป็นตัวฟอกย้อมให้จิตใจของเราปนเปื้อน หม่นหมองทุกข์ใจ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่มีของวิเศษ และงดงาม อยู่กับตัวเองอยู่แล้วแท้ๆ และ จิตดวงนี้ก็มีพลานุภาพมากมายมหาศาลครับถ้าเราใช้พลังงานของมันในเชิงสร้างสรรค์ครับ แต่การจะใช้พลังแห่งจิตนี้ได้เราต้องทำให้มันบริสุทธิ์ที่สุดซะก่อน โดยการชะล้างจิตให้เบาบางปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองไปทีละน้อย และเติมพลังงานให้แก่จิตใจด้วยความเมตตา ข้อพิสูจน์นี้ก็คือเมื่อไรที่เราแผ่เมตตาเราจะรู้สึกสัมผัสได้เลยว่า จิตเรามีพลังและขยายกว้างใหญ่จนสุดจักรวาล แต่เมื่อไรที่เรารู้สึกเห็นแก่ตัวจิตของเราจะหดเล็กเหมือนถูกขังอยู่ในกล่องเล็กๆ แคบๆมืดๆ เมื่อเราได้รู้จักแล้วว่า แท้ที่จริงเรามีจิตใจที่งดงาม และทรงพลานุภาพ อยู่อันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา แต่เรานั้นจะรู้จักคุณค่าของมันอย่างแท้จริงได้หรือไม่ เราใช้เวลาในการเรียนรู้ในบางสิ่งบางอย่างมาตลอดชีวิตแต่เมื่อตายไปความรู้นั้นก็ดับสูญไปพร้อมๆกับร่างกายของเรา แต่ ความรู้ในการทำจิตใจให้บริสุทธิ์นั้นกลับติดตัวเราไป ทุกภพชาติ ตลอดการเดินทางอันนานแสนนานในสังสารวัฏอันยาวไกลไม่สิ้นสุด
    ----ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าใน จิตใจที่ดีงาม ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เลวร้าย มีคนที่มาทำร้ายจิตใจเราให้ชอกช้ำ เจ็บช้ำ เพียงไร เราก็จะไม่ยอมสูญเสียจิตใจที่ดีงามของเราไปเด็ดขาด เราจะรักษามันไว้และดูแลมันอย่างดีที่สุด เพราะมันคือจิตวิญญานที่เป็นหนึ่งเดียวกับเรานั่นเอง ความงดงามของจิตใจ จะดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาสู่ชีวิตของเราเสมอ สำหรับผม แล้ว มีปาฏิหารย์เกิดขึ้นกับตัวผมเองและคนที่เชื่อมั่นในจิตใจที่ดีงามในทุกๆวันครับ และผมไม่เคยแปลกใจเลยแม้แต่น้อยว่าสิ่งมหัศจรรย์ทุกสิ่ง ที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ การที่ครูบาอาจารย์ท่านมาเมตตาสงเคราะห์ การที่ผมได้มีจิตเข้าใจในธรรมเพียงเล็กน้อยขนาดนี้ ในทุกๆความสุขที่เกิดขึ้นกับผมในทุกเวลา ทุกนาที ทุกสถานที่ นั้นเป็นเพราะจิตใจที่ดีงามที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธาครับ
    ----และ ณ บัดนี้ ผมขออธิฐานให้เมล็ดพันธุ์แห่งความรักความเมตตาของจิตใจที่งดงามนี้ ได้งอกงามในจิตใจของท่านทุกคน และค่อยๆผลิดอกใบอันงดงามในไม่ช้าครับ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    " จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "

    วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
    แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย

    บัญชี เพื่องาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภค
    บัญชี ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
    บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และ การสร้างพระเจ้าองค์แสน
    ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    [​IMG]


    พุทโธอัปมาโณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2009
  13. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    อาจารย์คะรบกวนอาจารย์สอนวิธีการใช้เมตตาอัปปมาณฌาณแบบระดับสูงสามารถครอบคลุมใช้ร่วมกับในชีวิตประจำวันทุกๆด้านค่ะ
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมตตา ในทุกความคิด

    เมตตา ในทุกวาจา ที่เปี่ยมไปด้วยกำลังใจให้ผู้อื่น

    เมตตา ในทุกการกระทำที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจอันอบอุ่น

    เมตตา ไปในทุกก้าวย่างที่สัมผัสผืนแผ่นดิน

    เมตตา ไปในทุกสัมผัส

    เมตตาไปในทุกครั้งที่เรารินน้ำ ที่เราดื่มเองก็ดี รินให้ผู้อื่นก้ดี ใจเรารินดั่งการกรวดน้ำแผ่เมตตาไปในอาการแห่งการรินหลั่งสายน้ำไปในทุกหยาดด้วยเมตตา

    เมตตาให้ล้นหัวใจเราได้ในทุกครั้งที่ เรารำลึกได้เองเป็นธรรมชาติ

    เมตตาโดยไร้สิ่งขวางกั้น ขัดขวางใด ไม่ว่าเป็นระยะทาง เวลา มิติ ภพ จนจิตเรามีเมตตาไม่มีประมาณ

    เมตตาอย่างไม่หมดสิ้น ไม่เหือดหายไปจากใจ มีแต่ความสุข ความชุ่มฉ่ำใจสุขเย็นไม่สิ้นสุด

    จนทุกเวลาเราดำรงทรงอยู่ในพรหมวิหารสี่เป็นปกติ
     
  15. Fluffy (New)

    Fluffy (New) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +1,228
    เก็บกระทู้เอาไว้เป็นปีแล้วแต่ไม่เคยได้เข้ามาอ่านจริง ๆซักที แต่ก็มีความรู้สึกว่าอยากเก็บเอาไว้ วันนี้เพิ่งได้เข้ามาอ่านจริง ๆจัง ๆ มีประโยชน์มากมายเหลือคณานับเลยค่ะ วันนี้อ่านได้ 20 หน้า เริ่มจากหน้าแรก และขออนุญาตก็อปปี้เอาไปเซฟไว้อ่านและปฏิบัติด้วยค่ะ แต่คงอีกนานกว่าจะอ่านถึงหน้าสุดท้ายเพราะล้าหลังอย่างไกลริบเลย แต่อย่างไรก็ขอบคุณเจ้าของกระทู้อย่างที่สุดเลยค่ะที่มีเมตตามาเปิดกระทู้และมีความอุตสาหะในการเขียนอธิบายและแนะนำ ไม่ง่ายเลยค่ะ สาธุ อนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2009
  16. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    กราบขอบพระคุณค่ะอาจารย์ พอทำตามคำแนะนำของอาจารย์ทำให้มีความรู้สึกเหมือนการแผ่เมตตามีพลังมากขึ้นและมีความสุขมากค่ะ

    [URL="http://palungjit.org/media/p.23569/full ?dl=1236327670[/IMG][/URL]
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    และก็ไม่ยากเกินกำลังใจของทุกๆท่านครับ ในการที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงความดี กัน สาธุ
     
  18. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    โมทนาบุญด้วยครับ _/\_

    เมตตาด้วยกาย วาจา และใจ ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ^^
     
  19. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    คนเราถ้าไม่ทรงพรหมวิหาร ก็จะกลายเป็นทรงพรหมสังหารแทน อันได้แก่ อิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท ^^
     
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อนุโมทนาค่ะ
    การทรงพรหมวิหาร อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    คือการนำพรหมวิหารมาใช้ทั้งกับตนเอง และผู้อื่นด้วย

    ซึ่งหลายคนลืมตนเองไปในหลายๆ ครั้ง นั่นคือ
    ปรารถนาให้ตัวเรามีความสุข
    ปรารถนาให้ตัวเราพ้นทุกข์
    ยินดีกับตนด้วยที่ได้ทำสิ่งดีๆ
    และต้องรู้จักและเข้าใจกฎของกรรมด้วย

    หลายคนติดตรงนี้แก้ไม่หลุด แม้ว่าจะใช้พรหมวิหารกับผู้อื่นเพียงใด
    แต่ขาดซึ่งการนำพรหมวิหารมาใช้กับตนเอง มันก็ยังไม่พ้นสักที

    เมื่อใจตนเองยังไม่พ้น ยังทำร้ายตนเอง ยังกล่าวโทษตนเอง
    ยังไม่รู้จักให้อภัยตนเอง ไม่ยอมรับในกฎของกรรม
    แล้วเราจะหลุดพ้นได้อย่างไร

    ฉะนั้นหากเราสามารถนำพรหมวิหารมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์
    ทั้งกับตนเองและคนอื่นแล้ว
    เมื่อนั้นเราจะยิ้มได้ตลอด เมตตาได้ตลอดจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...