ปาฏิหาริย์หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด

หินพระธาตุแกะเป็นองค์พระ

 

งานบุญผ้าป่ามหากุศลวัดบ่อเงินบ่อทอง 9 ก.ค.2549

ผมมีข่าวดีมาแจ้งให้ผู้ร่วมบุญ เป็นประธานพิเศษ ทราบว่า
ผมจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะใสเหมือนแก้ว
มอบให้ท่านละ 1 องค์

ผมได้มาครั้งแรกเมื่อ สิบกว่าปีแล้ว จำนวน 5 องค์
หลังจากผมสักการะบูชามาโดยสม่ำเสมอ สัก ปีเศษ
ปรากฏว่ามีพระบรมสารีริกธาตุลักษณะเดียวกันเพิ่มขึ้นมา
นับรวมได้ 15 องค์ ยังความปลื้มปิติ เป็นล้นพ้น

ผมจะขอยกเรื่องปาฏิหาริย์พระธาตุเสด็จเพิ่ม
ที่ผมเคยนำลงในกระทู้ เว็บไซด์โลกทิพย์ เมื่อ ต.ค.48
มาลงให้อ่านเพื่อได้ทราบเรื่องราวในกระทู้นี้
เป็นการบูชาพระคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังนี้.................................

เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ผมได้รับพระธาตุใสเหมือนแก้ว จากคนรู้จัก ตอนเขาให้มาเขาบอกว่ามี 3 องค์ ผมมาเปิดดูที่บ้าน เห็นมีตั้ง 5 องค์ ในใจตอนนั้นคิดว่าคนให้คงแกล้งบอกว่า 3 องค์ เพื่อให้เราเข้าใจว่า มีพระธาตุเพิ่มมาเองเมื่อมาเปิดดูที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อัญเชิญบรรจุไว้ในเจดีย์ไม้ สวดบูชาพระธาตุด้วยคาถาบูชาพระธาตุของหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ทุกวัน

ประมาณ เกือบปีเห็นจะได้ มีเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้าน และได้คุยกันถึงเรื่องพระธาตุ เพื่อนผมเขาไม่เคยเห็นพระธาตุเลยในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ผมจึงอัญเชิญเจดีย์พระธาตุ เปิดให้เพื่อนดู บอกเขาว่ามี 5 องค์ แล้วปล่อยให้เขาพิจารณาดู สักครู่เขาก็พูดขึ้นว่า เฮ้ย.. ไม่ได้มี 5 องค์ นะ เยอะเลยวะ ผมเอะใจคิดว่าเพื่อนล้อเล่น รีบหาผ้าขาวมาปูแล้วเทพระธาตุ ลงบนผ้าขาว เพื่อจะนับให้เห็นกับตาว่า มีการเพิ่มขึ้นของพระธาตุจริงหรือไม่ โอ้พระเจ้าจอร์ช ไม่น่าเชื่อเลย ผมนับพระธาตุที่ผมบูชาไว้ในเจดีย์ ได้ตั้ง 15 องค์ เป็นลักษณะใสเหมือนก้อนนำแข็งเม็ดเล็ก ๆ ทั้งหมด ผมเชื่อแล้วว่า ปาฏิหาริย์พระธาตุเพิ่มเองได้มีจริง


ประสบการณ์พระธาตุเพิ่มที่ผมเจอ มีอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นผ่านไปได้ไม่นาน ผมได้ไปเดินแถวท่าพระจันทร์ พบลุงคนหนึ่งแกขายเจดีย์ไม้จันทน์ พร้อมแจกพระธาตุที่แกสะสมให้กับผู้ซื้อเจดีย์ จริง ๆแล้วผมอยากได้เจดีย์ แต่เมื่อลุงแกเจตนาดีแถมพระธาตุ ลักษณะเหมือนเมล็ดถั่วแตก และมีองค์หนึ่งเหมือนลูกปัดเล็ก ๆ อยู่ 1 องค์ ผมก็ไม่ปฏิเสธนำกลับมาบ้าน ใจก็คิดว่าพรุ่งนี้จะคัดเอาพระธาตุที่เหมือนลูกปัดออกใส่ในกระถางธูป เนื่องจากผมเข้าใจว่าคงเป็นลูกปัดปลอมปนมา

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปที่ที่เก็บพระธาตุที่เพิ่งได้มา มองหาเม็ดลูกปัดที่ปนค่อนข้างเก่า แต่แล้ว โอ้พระเจ้าจอร์ช ก็มาเยี่ยมผมอีก ผมแทบไม่เชื่อสายตา ในกลุ่มพระธาตุดังกล่างปรากฏพบพระธาตุเพิ่มมาอีกหนึ่งรูปพรรณเหมือนกับลูกปัดที่ผมตั้งใจเขี่ยไปไว้ในกระถางธูปเลยทีเดียว ขาวสะอาดมาก ผมก้มลงกราบขอขมาที่คิดล่วงเกิน ต่อไปนี้ผมจะไม่คิดมากอีกแล้ว กลัวบาปกรรมนะครับ

ดังนั้นใครที่มีพระธาตุไว้บูชา ขอจงมั่นใจเถิด หมั่นกราบไหว้บูชา แล้วชีวิตจะเจริญพบแต่สิ่งที่ดี เหมือนเช่นผมได้ประสบมาจนทุกวันนี้

และพระบรมสารีริกธาตุลักษณะใส ที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้น ผมจะมอบให้ประธานพิเศษ ท่านละ 1 องค์ครับ นับเป็นบุญวาสนาสำหรับท่านที่จะได้รับไปบูชานะครับ ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมอัญเชิญมามอบให้ผู้มีจิตเป็นกุศล
ในงานบุญครั้งนี้


พระบรมสารีริกธาตุ ที่ผมกราบไหว้สักการะบูชา
เป็นประจำทุกวัน และจะแบ่งอัญเชิญให้ ประธานพิเศษ
ท่านละ 1 องค์ ไปสักการะบูชา เป็นสิริมหาสิริมงคล
ชีวิตผมรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้ ผมยืนยันได้ว่า เป็นเพราะ
สิ่งนี้ครับ
<!-- / message --><!-- sig -->

ส่วนประธานอุปถัมภ์ ผมมีพระบรมสารีริกธาตุ รูปพรรณสันฐานคล้าย เมล็ดถั่วแตก ให้ท่านละ 19 องค์ เพื่อเป็นมงคลอันสูงสุดของชีวิต ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัวและธุรกิจ
ให้มีความเจริญ ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปครับ

พระบรมสารีริกธาตุ(เมล็ดถั่วแตก)

-----------------------------------------------------------

สำหรับกรรมการ จะมีเม็ดประคำหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
ให้ท่านละ 1 เม็ด เรื่องราวความเป็นมาของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด อ่านได้ที่........

 

วันนี้แวะไปร้านพี่แอ๊ว(ศิรประภา) ท่าพระจันทร์
มีของแปลกๆที่หายากมาให้ชมกัน นอกเหนือจากหินพระธาตุ
เป็นหอยหิน จากอาฟริกา อายุล้านปี
ฝรั่งคนหนึ่งเข้ามาเห็นก็ทักว่าใช่
เป็นของหายากจริงๆ
ศาสตร์ฮวงจุ้ย เขาให้หาพกติดตัว
จะช่วยเสริมความมั่งคั่งครับ

ชมภาพประกอบ







พี่แอ๊ว เจ้าของร้านครับ โทร 0-26236481 ,0-9770-6193

 

หิน DZI ก็มีครับ เป็นหินจากธิเบต
คนที่ศึกษาศาสตร์ฮวงจุ้ย จะรู้จักดี
จะมีลวดลายเป็นตา ตั้งแต่ 1-12 ตา
คุณสมบัติแตกต่างกันไป
เป็นของที่ร้านพี่แอ๊ว อีกนั่นแหละครับ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขอบคุณครับ</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สวัสดีคุณ เม้าตาอิน ผมไม่ได้เข้ามาในนี้นานเลยผ่านไปผ่านมา มาเห็นพระบรมสารีริกธาตุ สุกสดใสสวยงามติดตาตรึงใจยิ่งนัก ทำไงจะมีบุญวาสนาบารมีได้มีไว้ครอบครองสักการะบูชาเป็นการส่วนตัวเหมือนเม้าตาอินบ้างน๊า แม้จะมีทางแต่ต้องทำบุญใหญ่ถึงได้มาแต่เวลากระชั้นชิดมากคงปั๊มปัจจัยไม่ทันแน่ ผมมีงานบุญยันไว้อีกมากนะกว่าจะเครียหมด แต่มาเห็นแล้วก็เกิดความอยากได้ท่วมท้นเลยหัวไปมาก ทำยังไงดีหนอ เรื่องทำบุญไม่เกี่ยงอยู่แล้ว แต่งานบุญยังเข้าคิวยาวรอเงินปัจจัยอยู่ ถ้าวันหน้าพร้อมขอคุณเม้าตาอินเมตตาสงเคราห็ด้วยนะครับ โมทนาครับ

 

หินจากธิเบตเป็นหินแบบไหนครับ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยครับ

 

ขอแนะนำหนังสือพุทธามหาเวท ฉบับเดือนสิงหาคม 2549
มีเรื่องหินจากธิเบต อย่างละเอียดเลยครับ
ลองหามาอ่านนะ ผมว่าคุณ guawn จะต้องไม่ผิดหวังแน่ๆ

 

ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ครับ
รวมเรื่องน่าสนใจไว้หลายเรื่อง
อาทิ หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
แก้วโป่งข่าม
เหล็กน้ำพี้
และเหล็กไหล ครับ

 

หินพระธาตุแกะเป็นองค์พระ คุณเช้าใหม่เป็นผู้ไปถ่ายมาให้ชม

 

อยากได้เบอร์ติดต่อลุงขจรครับ จะสั่งแกะพระบูชาหน่อย เบอร์เก่าของลุงปิดไปแล้ว

 

ตอนนี้ผมก็ติดต่อลุงขจร ไม่ได้เหมือนกันครับ
กำลังจะติดต่อคนที่รู้จักใกล้ชิดอยู่
ทราบเมื่อไรจะแจ้งให้ทราบนะครับ

 

หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด

 

โมทนาสาธุครับ พี่เม้า คฑาหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด ผมนำไปให้หลวงปุ่ท่านเสกให้แล้ว แรงมากจริงๆครับ

ขอประชาสัมพันธ์งานมหากฐินวัดบ่อเงินบ่อทอง วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2549 นี้ครับ คณะเบิกบานบันเทิงบุญ(คุณเม้าตาอิน ,คุณนักเดินทาง ,คุณguawn ,คุณพิมพ์พาภรณ์ ,คุณพันวฤทธิ์ ,คุณหมู ,ผม และท่านอื่นๆ) ขอเชิญชวนทุกๆท่านไปร่วมงานกันครับ

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

.

 

ถ้าไม่ติดขัดอะไร คงได้เจอกันในงานนี้อีกนะครับพี่ Mountain

วันอาทิตย์นี้ 15/10/2006 พี่จะไปจตุจักรมั้ยครับพี่ ผมวางแผนว่าจะไปดูของสักหน่อยครับเผื่อเจอพี่ Mountain ครับ

 

อาทิตย์นี้(15/10/49) ยังไม่แน่ครับว่าจะมีเวลาว่างช่วงไหน
เพราะจะไปทำธุระหลายที่
แต่ถ้าจะไปต้องช่วงเช้าระหว่าง 9.00-11.00 น.
ถ้าพ้นช่วงนี้ก็คงไม่ได้ไปครับ

วันงานสักการะเสด็จเตี่ย ถ้าว่างเรียนเชิญ น้องเช้าใหม่ นะครับ

 

การทำสมาธิ ทำเพื่อให้จิตสงบ หลีกเร้นจากความฟุ้งซ่าน และเป็นการเตรียมพลัง เหมือนเราชาร์ตแบตตอรี่ในเวลากลางคืนแล้ว พอตอนเช้าก็เอาไปใส่โทรศัพท์มือถือ ทำให้ใช้งานได้ไปตลอดวัน

การทำสมาธิ ไม่ได้นั่งเพื่อจะเห็นอะไร ไม่ได้นั่งเพื่อถอดจิตไปไหน แต่นั่งเพื่อให้ใจสงบ ให้สติกินข้าว สติจะได้มีแรง

หลวงพ่อชาบอกว่า “ นั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง จะเย็นไปได้ 3 วัน “ เพราะฉะนั้น ถ้าเรานั่งทุกวันติดต่อกัน ก็จะเย็นไปเป็นปี ถ้าใครนั่งไม่ได้ ก็นั่ง 10 นาที จะเย็นไปได้ 1 วัน

ตอนนั่งสมาธิ เราจะรู้สึกว่ามีเรื่องหลายเรื่องมากกว่าตอนไม่ได้นั่ง เรื่องอะไรไม่รู้เข้ามาตีกันเต็มในหัว แต่แม้กระนั้นก็ให้ลองสังเกตดูว่า ในท่ามกลางความยุ่งเหยิงในสมองเป็นเวลา 10 นาทีนั้น ถ้าทำทุกวัน ยังจะปรากฏความเย็นได้ 1 วัน นอกเวลานั่งสมาธิได้ คือ มันยังให้ผลอยู่ได้เหมือนกัน ก็แปลกดี แต่จริง

ทำสมาธิโดยการนั่งสมาธิ

การนั่งสมาธิ มี 2 จุดประสงค์

1. นั่งสมาธิเพื่อให้จิตสงบ ได้พักจิตใจ นั่งโดยการดูลมหายใจ ตั้งจิตอยู่ที่รูจมูก สังเกตลมที่กระทบตอนเข้าและออก บางคนบริกรรมด้วย เมื่อจิตสงบ บางทีคำบริกรรมจะหายไป ก็ให้หายไป บางทีสงบจนลมหายใจละเอียดแผ่วเบา เหมือนไม่ได้หายใจ

การนั่งให้จิตสงบอย่างนี้ เรียกสมถะ ภาวนา

2. วิปัสสนา เป็นการดูจิตเพื่อเจริญปัญญา จิตจะเจริญของเขาเอง แล้วแต่เขาจะหยิบยกธรรมใดขึ้นมาพิจารณา โดยก่อนหน้านั้นผู้ปฏิบัติเพียงแต่เจริญสติสัมปชัญญะเท่านั้น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาถึงวิธีปฏิบัติที่ละเอียดมาก จึงจะถึงขั้นนี้ได้ หลักการดูจิตขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ศึกษาจากหนังสือของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลักของท่านว่า “ อย่าส่งจิตออกนอก “

มักมีผู้เล่าให้ฟังว่า คนนั้นนั่งสมาธิแล้วเห็นอะไรต่ออะไร บางทีก็เล่าด้วยความชื่นชม บางคนเลยไปถึงว่าบรรลุแล้ว ความจริงการได้เห็นไม่ใช่จุดประสงค์ของสมถะภาวนา เพราะสมถะภาวนาต้องการความสงบ และไม่ใช่จุดประสงค์ของวิปัสสนา เพราะวิปัสสนาต้องการรู้ไตรลักษณ์ เพื่อให้จิตหลุดพ้น แต่การเห็นอะไร ๆ นั้น เป็นเพียงสิ่งที่ได้มาตามทาง





เหมือนกับเราจะเรียนทำกับข้าว กว่าจะไปถึงเคล็ดลับการปรุงอันเป็นสูตรสุดยอด ก็ต้องผ่านการเป็นลูกมือ รู้ว่าหั่นหัวหอมยังไงไม่ให้น้ำตาไหล คั้นกะทิเป็น คือได้ความรู้ตามเส้นทางที่ผ่านติดตัวมาบ้าง การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน

สิ่งที่จะได้ติดไม้ติดมือไปก่อนจะถึงจิตขั้นสูงก็มี เช่น รู้วาระจิตของคนอื่นได้ เป็นต้น แต่การเห็นอะไรที่ตื่นเต้นกันนั้น กลับเป็นตัวหลอกให้หยุดการเดินทาง ให้มัวเพลินอยู่กับมัน เหมือนกับจะไปดอนเมืองขึ้นเครื่องบิน พอผ่านแดนเนรมิตก็แวะดูปราสาทเจ้าหญิงนิทราเพลิน เลยเลิกเดินทางไปดอนเมืองเสียแล้ว เป็นตัว หลอกให้หลงเอาไว้เพื่อไม่ให้เราไปต่อ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล สอนว่า

“ เออ นิมิตบางอย่างมันก็สนุกดี น่าเพลิดเพลินอยู่หรอก แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้นมันก็เสียเวลาเปล่า วิธีละได้ง่าย ๆ ก็คือ อย่าไปดูสิ่งที่ถูกเห็นเหล่านั้น ให้ดูผู้เห็น แล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั้นก็จะหายไปเอง “ ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง “

ฉะนั้น ใครที่อยากเห็นอะไร หรือเห็นแล้วดีใจเข้าไปเห็นอยู่เรื่อย ก็ควรรู้ว่ามันไม่ประโยชน์แก่ตัวเรา เพราะการเห็นนั้น ไม่ได้พาตัวเราพ้นทุกข์ไปไหนเลย



ขอสรุปช่วงนี้ ด้วยคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ดังนี้

“ เวลาภาวนา อย่าส่งจิตออกนอก ความรู้อะไรทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปยึด ความรู้ที่เราเรียนกับตำรับตำรา อย่าเอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วก็เวลาภาวนาไปให้มันรู้ รู้จากจิตของเรานั่นแหละ จิตของเราสงบ เราจะรู้เอง ต้องภาวนาให้มาก ๆ เข้าเวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง ความรู้อะไร ๆ ให้มันออกจากจิตของเรา

ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด ให้มันรู้ออกจากจิตเองนั่นแหละดี คือ จิตมันสงบ

ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิต แล้วให้จิตภาวนาเอาเอง ให้จิตเป็นผู้บริกรรมพุทโธ พุทโธอยู่นั่นแหละ แล้วพุทโธนั่นแหละจะผุดขึ้นในจิตของเรา เราจะได้รู้จักว่า พุทโธนั้นเป็นอย่างไร แล้วรู้เอง……..เท่านั้นแหละไม่มีอะไรมากมาย “





คัดลอกมาจากเวบธรรมจักรครับ

 

สรุปแล้ววันที่ 16 /12/49 จะใช้รถตู้ไปแทนเนื่องจากมีคนไปน้อยครับ
รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ขอยกเลิกการเดินทาง เนื่องจากพี่ตุ๊(ผู้จัด)
ป่วยหนัก นอนอยู่โรงพยาบาล (18/11/49)
(nogood)<!-- / message --><!-- sig -->