ห้องสมุด ว่าน ตอน "ตะลุยดงว่าน"

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย Samy, 30 เมษายน 2006.

  1. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ว่านน้ำเต้าทอง
    ลักษณะ
    หัวเหมือนหัวหอม หัวใหญ่มากใบเหมือนว่าน 4 ทิศ
    ประโยชน์
    ใช้ปลูกในบ้านเพื่อความสวยงาน ส่วนมากนิยมปลูกกันในริมทางเดิน หัวมีประโยชน์ทางอยู่ยงชั่วคราว โดยกินกับบลูเรเบอร์ หรือแกว่งไกว(สวิง) ถ้าตังไม่พอรวงข้าวก็ได้ นิยมใช้ลองของขลังทั้งปวง
    วิธีปลูก
    ชอบดินปนทราย หรือดินลูกรัง น้ำไม่ขัง อย่าใช้ดินแน่น
     
  2. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    [​IMG]

    ว่านมหาหงษ์แดง (ว่านลิเวอร์พูล)

    ลักษณะ
    ต้นขนาดเท่าขาเล็ก ใบแหวคล้ายต้นขา โคนก้านใบมีลายแดง ดอกเมื่อเริ่มบานจะสีขาวนวล เมื่อบานเติทที่แล้วขะหอมมาก เป็นสีแดง
    ประโยชน์
    เป็นไม้ศิริมงคล ทำให้ผู้ปลูกมีสง่าราศี น่าเกรงขาม และมีคุณสมบัติทางเมตตา มหานิยมสูง ศิลปิน นักแสดงควรมีไว้ สมัยโบราณไปมาหาสู่ขุนนางชั้น(ใหญ่ นิยมพกพาไปด้วย
    วิธีเลี้ยง
    ดินร่วนปนทราย อินทรียวัตถุสูงจะลงหัวได้ดีครับ ระวังอย่าให้แฉะแดดมากไป ใบจะไหม้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2006
  3. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    [​IMG]
    ว่าน แสนพันล้อม

    ลักษณะ
    ใบและต้นคล้ายหอมแบ่ง แต่ใบแบนกว่าดอกสีชมพูสวย เกษรสีเหลือง
    ประโยชน์
    ปลูกในบ้านเพื่อเป็นศิริมงคล กันภยันตราย และเสนียดจัญไร ทั้งมวลมิให้แผ้วพานผู้อาศัยในบ้าน เพราะว่าคำว่า แสนพันล้อม เป็นอาถรรพณ์และคำมหัศจรรย์ที่คุ้มภัยทุกชนิด เสมือนดั่งว่านที่ล้อมกันแน่
    วิธีปลูก
    ชอบดินดำหรือดินร่วน ปานทราย 1: 3 ส่วน ทำบล๊อคปลูกริมรั้วบ้านนะครับสวยมาก เพราะว่าว่านชนิดนี้ออกดอกง่าย หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า บัวดิน
     
  4. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ผู้หญิงกับสมุนไพรรศ.ดร. วีณา จิรัจฉริยากูล

    บทนำ
    สมุนไพรมีบทบาทในชีวิตของผู้หญิงมานานแล้ว ทั้งในด้านการบำรุงรักษาสุขภาพ และการเสริมความงาม สุขภาพที่ดีของผู้หญิงส่วนหนึ่ง จะเกี่ยวข้องกับการมีเลือดระดูที่เป็นปกติ และการบำรุงรักษาตัวก่อนและหลังคลอด ในตำรายากลางบ้าน จะปรากฎตำรับยารักษาโรคและบำรุงสุขภาพเฉพาะสำหรับผู้หญิง เช่น ยาแก้มุตกิตระดูขาว, ยาฟอกโลหิต (คำนี้เป็นที่เข้าใจว่า เมื่อโลหิตไม่ดีจะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วย), ยาบำรุงโลหิตระดู (เป็นยาช่วยให้โลหิตระดูเป็นปกติ), ยาแก้แพ้ท้อง, ยาแก้ตกเลือดขณะมีครรภ์, และยาสำหรับสตรีหลังคลอด ได้แก่ ยาขับเลือด ขับน้ำคาวปลา ยาช่วยแทนการอยู่ไฟ ยาแก้ปวดมดลูก ยาแก้สันนิบาตหน้าเพลิง (หรือบาดทะยักปากมดลูก เป็นอาการไข้หลังคลอด มีการติดเชื้อและอาการอักเสบที่ระบบทางเดินปัสสาวะ) และยาบำรุงน้ำนม
    ตำรับยากลางบ้าน

    ตำรับยากลางบ้านส่วนมากจะประกอบด้วยพืชสมุนไพรหลายชนิด วิธีการเตรียมอาจจะนำไปต้ม ชง ดองเหล้า หรือ อาบ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
    ยาชงแก้ไข้ทับระดู ยาชงแก้ไข้ทับระดู ประกอบด้วย เกสรบัวหลวง ดอกสารภี ดอกบุนนาค จันแดง จันขาว ดอกมะลิ ดอกพิกุล แก่นไม้หอม ฝางเสน รากเท้ายายม่อม รากมะพร้าว แก่นสน สักขี รากย่านาง รากลำเจียก รากมะนาว สิ่งละ 1 บาท (15 กรัม) บดเป็นผงไว้ใช้ชงน้ำร้อน รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ให้จิบอยู่เสมอจนกว่าไข้จะสงบ
    ยาขับน้ำคาวปลา ยาขับน้ำคาวปลา ประกอบด้วยผงถ่านพริกขี้หนู 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยชา รับประทานครั้งแรกครึ่งถึง 1 ถ้วยชา ครั้งต่อไปใช้เหล้าผสมแทนน้ำส้มสายชูรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง
    ผงถ่านพริกขี้หนู ทำโดยนำพริกขี้หนูแห้ง 1 กำมือ ใส่กระทะตั้งไฟจนควันขึ้น จุดไม้ขีดได้แหย่ลงไป พริกขี้หนูจะติดไฟ ทิ้งไว้สักพักจนไหม้ดำเป็นถ่านหมด
    ยาอบอาบหลังคลอด ยาอบอาบหลังคลอด ประกอบด้วย หัวไพล ใบมะขาม ตะไคร้ (ต้นและใบ) ใบหมากผู้หมากเมีย ใช้ย่างละ 1 กำ ไพลใส่มากหน่อย ต้มในกาละมังใหญ่พอนั่งได้ พอเดือดก็ยกขึ้น ยืนให้ชิดกาละมัง เอาผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตลอดทั้งตัวและกาละมังให้ไอจากกาละมังอบตัว เมื่อหมดไอน้ำแต่น้ำยังอุ่นอยู่ให้ลงไปแช่ทั้งตัว ทำเช่นนี้ 7 วัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จะช่วยขับเหงื่อทำให้รู้สึกสบายเบาตัว แผลหลังคลอดหายเร็วและบำรุงผิว
    ยาขับโลหิต ยาขับโลหิต ประกอบด้วย ฝางเสนหนัก 4 บาท แก่นขี้เหล็ก หนัก 2 บาท ต้มรับประทานแก่นเลือดระดูมา ถ้ารับประทานเสมอ เลือดระดูจะบริสุทธิ์ และมาสม่ำเสมอ แก้พิษโลหิตร้าย
    พืชสมุนไพรที่ใช้ในสตรี

    มีพืชสมุนไพรจำนวนมากที่ใช้เฉพาะสตรีดังรวบรวมไว้ในตารางที่ 1 ตารางที่ 1 พืชสมุนไพรที่ใช้สตรี
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=center>
    อาการ
    </TD><TD vAlign=center>
    ชื่อไทย​
    </TD><TD vAlign=center>
    ชื่อวิทยาศาสตร์​
    </TD><TD vAlign=center>
    ส่วนที่ใช้​
    </TD><TD vAlign=center>
    หมายเหตุ​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=2>ไข้ทับระดู
    </TD><TD vAlign=center>หนามหัน
    </TD><TD vAlign=center>Caesalpinia godefroyana Ktze.
    </TD><TD vAlign=center>ราก
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=2> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>นนทรี
    </TD><TD vAlign=center>Peltophorum pterocarpum Back ex Heyne
    </TD><TD vAlign=center>เปลือกต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=3>ขับระดู
    </TD><TD vAlign=center>ขมิ้นเครือ
    (อวดเชือก)

    </TD><TD vAlign=center>Combretum extensum Roxb.
    </TD><TD vAlign=center>เนื้อไม้, ใบ
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=3> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ขอบชะนาง
    (หญ้านอนตาย)

    </TD><TD vAlign=center>Pouzolzia pentandra Benn.
    </TD><TD vAlign=center>ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>คำฝอย
    </TD><TD vAlign=center>Carthamus tinctorius L.
    </TD><TD vAlign=center>น้ำมันจากเมล็ด
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=19>ขับระดู
    </TD><TD vAlign=center>คัดเค้า
    </TD><TD vAlign=center>Randia siamensis Craib
    </TD><TD vAlign=center>ผล
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=5> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>จำปา
    </TD><TD vAlign=center>Michelia champaca L.
    </TD><TD vAlign=center>เนื้อไม้
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>จันหอม
    </TD><TD vAlign=center>Tarenna wallichii Ridl.
    </TD><TD vAlign=center>ใบและต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>เจตมูลเพลิงขาว
    </TD><TD vAlign=center>Plumbago zeylenica L.
    </TD><TD vAlign=center>ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ตะไคร้กอ
    </TD><TD vAlign=center>Cymbopogon citratus Stapf.
    </TD><TD vAlign=center>เหง้า
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ตะไคร้หอม
    </TD><TD vAlign=center>Cymbopogon nardus Rendle
    </TD><TD vAlign=center>เหง้า
    </TD><TD vAlign=center>มีฤทธิ์บีบมดลูก
    อาจทำให้แท้งได้

    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>เทียนดำ
    </TD><TD vAlign=center>Abroma augusta L.
    </TD><TD vAlign=center>เปลือกและต้น
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=13> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>นมตำเลีย
    </TD><TD vAlign=center>Hoyo ovalifolia Wight & Arn
    </TD><TD vAlign=center>ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ผักเป็ด
    </TD><TD vAlign=center>Alternanthera triandra Lamk.
    </TD><TD vAlign=center>ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ฝ้าย(ขาว)
    </TD><TD vAlign=center>Gossypium herbaceum L.
    </TD><TD vAlign=center>เปลือกราก และ ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ไพล
    </TD><TD vAlign=center>Zingiber cassumunar Roxb.
    </TD><TD vAlign=center>เหง้า
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>พริกหาง
    </TD><TD vAlign=center>Piper longum L.
    </TD><TD vAlign=center>ผล
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ยอ
    </TD><TD vAlign=center>Morinda citrifolia L.
    </TD><TD vAlign=center>ผล
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ส้มกบ
    </TD><TD vAlign=center>Oxalis acetosella L.
    </TD><TD vAlign=center>ทั้งต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>หางนกยูงไทย
    </TD><TD vAlign=center>Caesalpinia pulcherrima Sw.
    </TD><TD vAlign=center>ราก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>แก้ว
    </TD><TD vAlign=center>Murraya paniculata Jack..
    </TD><TD vAlign=center>ใบ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>กุ๊ยไช่
    </TD><TD vAlign=center>Allium odoratum L.
    </TD><TD vAlign=center>เมล็ด
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>โมกหลวง
    </TD><TD vAlign=center>Holarrhena antidysenterica Wall.
    </TD><TD vAlign=center>ราก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>กระเทียม
    </TD><TD vAlign=center>Allium sativum L.
    </TD><TD vAlign=center>ผล
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=2>ปวดระดู
    </TD><TD vAlign=center>ตาไก่
    </TD><TD vAlign=center>Salacia verrucosa Wight.
    </TD><TD vAlign=center>เนื้อไม้
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=2> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>เถาเกล็ด นาคราช
    </TD><TD vAlign=center>Dischidia imbricata Warb.
    </TD><TD vAlign=center>เถา
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=6>ขับน้ำ คาวปลา และ เลือดเสีย
    </TD><TD vAlign=center>กระบือเจ็ดตัว
    ขี้เหล็กใหญ่
    เหงือกปลาหมอ

    </TD><TD vAlign=center>Excoecaria bicolor Zoll. ex Hassk.
    Cassia siamea Britt
    Acanthus ebracteatus Vahl

    </TD><TD vAlign=center>ใบ แก่น ผล
    </TD><TD vAlign=center>ใช้ 7-8 ใบตำคั้นน้ำ
    ตำละลายในน้ำมันงาหรือน้ำผึ้ง

    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ชะเอมเทศ
    </TD><TD vAlign=center>Glycyrrhiza spp.
    </TD><TD vAlign=center>เนื้อราก
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=4> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ไผ่
    </TD><TD vAlign=center>Bambusa spp.
    </TD><TD vAlign=center>ใบ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>กระทือ
    </TD><TD vAlign=center>Zingiber zerumbet Smith
    </TD><TD vAlign=center>ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>เปราะหอม
    </TD><TD vAlign=center>Kaempferia galanga L.
    </TD><TD vAlign=center>ต้น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ยอป่า
    </TD><TD vAlign=center>Morinda elliptica Ride
    </TD><TD vAlign=center>แก่น
    </TD><TD vAlign=center>ต้มหรือดองเหล้า
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=3>ปวดมดลูก หลังคลอด (*)
    </TD><TD vAlign=center>คำฝอย
    </TD><TD vAlign=center>Carthamus tinctorius L.
    </TD><TD vAlign=center>เมล็ด
    </TD><TD vAlign=center rowSpan=3> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ว่านชักมดลูก
    </TD><TD vAlign=center>Curcuma xanthorrhiza Roxb.
    </TD><TD vAlign=center>หัว
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ว่านมหาเมฆ
    </TD><TD vAlign=center>Curcuma aeruginosa
    </TD><TD vAlign=center>หัว
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=4>บาดทะยัก ปากมดลูก
    (สันนิบาตหน้าเพิลง)

    </TD><TD vAlign=center>เขี้ยวงู
    </TD><TD vAlign=center>Strychnos thorelii Pierre.
    </TD><TD vAlign=center>ผล
    </TD><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ว่านสิงหโมรา
    </TD><TD vAlign=center>Cyrtosperma johnstoni N.E. Br.
    </TD><TD vAlign=center>กาบ
    </TD><TD vAlign=center>ใช้ดองเหล้า
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>ข่าตาแดง
    </TD><TD vAlign=center>Alpinia spp.
    </TD><TD vAlign=center>เหง้า
    </TD><TD vAlign=center>โขลกคั้นกับน้ำส้ม มะขาม
    และเกลือ ให้ได้ 1 ชามแกง

    </TD></TR><TR><TD vAlign=center>มะขามไทย
    </TD><TD vAlign=center>Tamarindus indica L.
    </TD><TD vAlign=center>เนื้อผล
    </TD><TD vAlign=center> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    (*) ปวดมดลูกหลังคลอด มีอาการปวดท้องน้อยเป็นพักๆ เพราะมดลูกพยายามขับเลือดที่ยังค้างในมดลูกออก การ ให้ลูกดูดนมจะทำให้ปวดมดลูกเพิ่มขึ้น เพราะการดูดนมจะกระตุ้นให้มีการหลั่งเอสโตรเจน ทำให้มดลูกบีบรัดตัวมาก
    รส-สรรพคุณของสมุนไพร

    สรรพคุณของยากลางบ้าน มักอาศัยรสของสมุนไพรซึ่งมีทั้งสิ้น 10 รส เป็นเครื่องบอกรสของยา ได้แก่

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 width=629 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width="21%">รสฝาด
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">สมาน
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสหวาน
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">ซึมซาบไปในเนื้อ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสเมาเบื่อ
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">แก้พิษ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสขม
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">รักษาอาการทางโลหิตและน้ำดี
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสเผ็ดร้อน
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">แก้ทางลมและไข้เกี่ยวกับโลหิต
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสมัน
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">แก้ทางเส้นเอ็น
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสหอมเย็น
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">บำรุงหัวใจ โรคโลหิตหลังคลอดเป็นพิษ บำรุงโลหิต บำรุงครรภ์
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสเค็ม
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">ฟอกโลหิต
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสเปรี้ยว
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">กัดเสมหะ ฟอกโลหิตสตรี
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="21%">รสจืด
    </TD><TD vAlign=center width="17%">มีสรรพคุณ
    </TD><TD vAlign=center width="62%">แก้ทางปัสสาวะ ลดไข้ ขับปัสสาวะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    จะสังเกตได้ว่า ตำรับยาที่ใช้รักษาอาการไม่สบายในผู้หญิงมักมีรสเผ็ดร้อน รสหอมเย็น รสเค็มและรสเปรี้ยว
    สมุนไพรเสริมความงาม

    ในผู้หญิงความงามและสุขภาพแข็งแรงเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก พืชที่ใช้ เป็นเครื่องเสริมความงามบ่อยครั้งจึงเป็น สมุนไพรด้วย เราอาจจะแบ่งสมุนไพร ที่ใช้เสริมความงามได้ดังนี้
    สมุนไพรที่ใช้บำรุงผิว

    • [*]โลชั่นทาผิว
      เราอาจทำใช้เองในบ้านได้โดยผสม Chamomile (Matricaria chamomilla L.) 10 กรัม (แห้ง) กับ salbei (Salera officinalsi L.) 10 กรัม (แห้ง) ให้เข้ากัน เติม 20% สปิริต (หมายถึง อัลกอฮอล์ผสมน้ำและน้ำมันหอมระเหย) ให้ได้ 100 กรัม แช่ไว้ น้ำสกัดที่ได้ใช้ทาผิว ช่วยทำความสะอาดและลดอาการอักเสบ สำหรับผิวที่แพ้ง่ายให้ใช้น้ำแตงกวา ผิวที่อ่อนเปลี้ยให้ใช้น้ำมะเขือเทศสด จะช่วยให้ผิวสดชื่นขึ้น

      [*]ครีมพอกหน้า
      การพอกหน้าเป็นวิธีการดูแลรักษาและบำรุงผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าสดชื่น เนียนและลบรอยด่างดำ
      การเตรียมครีมพอกหน้า ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
      • ผลไม้ที่ใช้ต้องสด คุณภาพดี ไม่ควรใช้ มะเขือเทศ แครอท มะนาว หรือกล้วยที่เหี่ยวแห้งแล้ว
      • ภาชนะที่ใช้ใส่ผลไม้ไม่ควรทำด้วยโลหะที่เป็นสนิม ควรใช้แก้วหรือกระเบื้อง
      • ก่อนพอกหน้า ควรทำความสะอาดใบหน้าโดยอังใบหน้ากับไอน้ำและนวดเบาๆ
      • ตลอดเวลาที่พอกหน้าที่ไม่ควรคุยหรืออ่านหนังสือ ให้นอนพักเฉยๆ
      • การพอหน้าครั้งเดียวไม่ได้ผล ต้องทำหลายๆ ครั้ง
      • ถ้าพอกหน้าแบบอุ่น ให้คลุมหน้าด้วยผ้า เพื่อให้อุณหภูมิคงที่นานๆ
      • ถ้าพอกหน้าแบบเปียก ให้ใช้สำลีชุบหรือผ้าขาวบางห่อสมุนไพรนั้นพอกหน้า
      • อย่าพอกที่ตา ปากและรูจมูก
    สมุนไพรที่ช่วยเสริมความงามของผม
    สมุนไพรในกลุ่มนี้ ได้แก่ สมุนไพรที่ใช้บำรุงรักษาผม ย้อมผม สระผม และน้ำมันใส่ผม แหล่งตัวยาบำรุงผม ได้แก่ สารสกัดจาก Chamomile, hops, หัวหอม เป็นต้น ยาชงจาก chamomile เตรียมได้โดยใช้ chamomile 100-200 กรัมต่อ น้ำเดือด 500 ซีซี สามารถใช้ย้อมผมที่ขาวให้คล้ำลงและคงทนขึ้น นอกจาก chamomile อาจใช้เทียนกิ่ง หรือครามย้อมผมได้ด้วย
    คนไทยใช้มะกรูดเป็นสมุนไพร บำรุงผมมานานแล้ว ใช้มะกรูดที่แก่ แต่ไม่สุกผ่าครึ่ง แคะเมล็ดออก บีบเอาน้ำมะกรูด ใส่ผมแล้วสระ หรือนำผลมะกรูด ไปเผาในเตาจนผิวเหลือง นิ่มดีแล้วบีบเบาๆ ตรงหัว (ด้านตรงข้ามกับหัวจุก) ให้น้ำพุ่งออกมาจนหมด นำไปสระผม มะกรูดจะช่วยให้ผมมีน้ำหนักและแก้ผมร่วง
    สมุนไพรที่ใช้ทำความสะอาดผิว

    ความสะอาดนับเป็นบันไดขั้นต้นในการเสริมความงาม สารที่ใช้ทำความสะอาด ได้แก่

    • [*]น้ำสมุนไพร
      ตัวยาจากใบไม้และเนื้อไม้ จะมีแทนนินและซาโปนิน สารพวกนี้ช่วยให้ผิวหอม, สดชื่น และมีสรรพคุณยับยั้งการอักเสบ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แผลไฟไหม้ และโรคปวดข้อ<>
      การอาบด้วยใบ rosemary ช่วยให้ผิวได้พักผ่อน สดชื่นและคลายความตึงเครียด ในคนที่นอนไม่หลับควรอาบด้วย melissa และดอก thyme หากจะอาบให้สดชื่นและผิวหอมควรใช้ใบ peppermint, arnica, melissa, rosemary และ thyme
      [*]สบู่
      ใช้ทำความสะอาด สมุนไพรที่นำมาผสมจะมีสรรพคุณบำรุงผิว ได้แก่ chamomile และ salbei สบู่จะกำจัดสิ่งสกปรก โดยสลายสิ่งสกปรกมากับน้ำ คุณภาพของสบู่ขึ้นกับปริมาณของกรดไขมัน สบู่ที่ใช้ควรเป็นกลาง จะได้ไม่ละลายไขมันที่ผิวหนัง
      [*]ครีม
      มีส่วนผสมของไขมันซึ่งอาจได้จากพืช เช่น น้ำมันมะกอก Prunus ducois (M.U.) D.A. Webb (น้ำมัน Mandel) และโคโคบัตเตอร์ หรือจากสัตว์ เช่น ไขมันหมู่และลาโนลินจากแกะ ไขมันที่มีแร่ธาตุเช่น วาสลิน ไม่เหมาะจะทำเครื่องสำอาง เพราะจะไม่ซึมผ่านผิวหนังแต่อาจจะใช้ป้องกันบริเวณผิวๆ ได้
      • ครีมที่ละลายได้ทั้งในน้ำและไขมันเหมาะที่จะใช้ทาป้องกันรอยย่น
      • ครีมที่มีไขมันมากๆ เหมาะที่จะใช้ทำความสะอาดผิว
      • ครีมที่มีไขมันน้อยๆ ใช้ทาตอนกลางคืนก่อนนอน
      • ครีมที่มีน้ำจะช่วยให้ผิวชื้นและเปียกน้ำง่าย ใช้ทาบำรุงให้ผิวนุ่มและเต่งตึง
      • ครีมที่มีส่วนผสมจากผลไม้และสมุนไพรจะมีวิตามิน น้ำผลไม้ที่ใช้ผสม เช่น ส้ม มะนาว mirabellen กล้วย สตรอเบอรี่ องุ่น มะเขือเทศ แตงกวา แครอทและว่านหางจระเข้
      • ครีมกันแดดจะมีให้เลือกตั้งแต่เป็นครีมป้องกันธรรมดาจนถึงชนิดที่มีตัวยา สร้างสารสี ครีมชนิดนี้มักมี ส่วนผสมจากสมุนไพร เช่น สารสกัดจาก walnat (Juglens regia L.) และจากหัวแครอท
      • ครีมนวดจะมีเมนทอลหรือการบูนเป็นองค์ประกอบ
    <DIR><DIR>สมุนไพรกับน้ำหอม

    พืชที่มีสารหอมและใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำหอมในยุโรปกลาง มีหลายชนิด เช่น Asperula odorata L., Primula veris L., Salvia officinalis L., Violor odorata L., Urtica dioica L., Humulus lupulus L., Linum usitatissimum L. นอกจากพืชยังได้น้ำหอมจากสัตว์ ที่รู้จักกันดีคือจาก Moschus moschiferrae moschus เป็นเครื่องหอมเก่าแก่ ของกษัตริย์และสตรี ชาวอาหรับนำ moschus ไปยังยุโรป จากนั้น moschus ก็กลายเป็นน้ำหอม ราคาแพง มันจะสลายตัว ให้สารที่มีกลิ่นหอม กลิ่นหอมจึงไม่จางหายไปเร็ว
    กลิ่นหอมที่ใช้ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายจะต่างกัน เช่น ผมจะใช้กลิ่นมายอแรม (majoram) ใบหน้า ใช้น้ำมันปาล์ม คอ จะใช้กลิ่นของ Hedera felix L. เป็นต้น
    ในบ้านเราพืชที่มีกลิ่นหอม ได้แก่ มะลิ กุหลาบ กระดังงา จำปี จำปา กล้วยไม้บางชนิด เป็นต้น
    พืชที่ใช้ทางยาและเครื่องสำอางมานานแล้วคือ chamomile ในดอกจะมีน้ำมัน ซึ่งมี azulene เป็นสารสำคัญ และเนื่องจากมีสีน้ำเงิน จึงเรียกว่า chamazulene สมัยก่อนใช้ chamomile สำหรับผิวที่แพ้ง่าย และช่วยยับยั้งการอักเสบ เราผสม chamomile ในครีม แชมพู โลชั่นทาผิว โลชั่นทาหน้า และยาต้ม ในทางยาใช้ chamomile กลั้วคอบรรเทาอาการ คออักเสบ และช่วยให้การย่อยเป็นปกติ chamomile สามารถผสมน้ำอาบ และใช้พอกช่วยบรรเทาอาการ โรคผิวหนังได้ ต้น Kletta (Arctium lappa L.) เป็นสมุนไพรอีกชนิด ที่มีน้ำมันหอมระเหย แทนนิน สารเมือกและเกลือแร่ ช่วยให้ผมงอกได้ แม้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่ก็พบในเครื่องสำอาง นอกจากนี้ hops (Humulus lupulus L.) ในเบียร์ มีน้ำมันหอมระเหย แทนนิน และฮอร์โมนเอสโตรเจน hops ใช้ลดอาการระคายเคืองผิว ใช้ผสมน้ำอาบ ผสมในแชมพู น้ำมันใส่ผม และทาผิว เพราะเอสโตรเจน มีผลต่อขบวนการเผาผลาญ ในผิวหนังช่วยให้สดชื่น และดูอ่อนวัย

    ปัจจัยกำหนดสรรพคุณของพืชสมุนไพร

    สารเคมีที่เป็นตัวกำหนดสรรพคุณของพืชสมุนไพรนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
    1. สารปฐมภูมิ (Primary metabolite) สารนี้จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพืช ถ้าขาด พืชจะตาย ได้แก่ น้ำตาล กรดอินทรีย์ กรดไขมัน ไขมัน น้ำมัน ขี้ผึ้ง กรดอะมิโน โปรตีน น้ำย่อย เป็นต้น
    2. สารทุติยภูมิ (Secondary metabolite) สารนี้ถ้าพืชขาดก็ไม่เป็นอันตรายถึงตาย สารกลุ่มนี้อาจเป็นสิ่งที่ขับถ่ายจากพืช เป็นเสบียงที่พืชเก็บไว้ใช้เป็นสารที่พืชสร้างขึ้นในขณะที่ภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม ตัวอย่างของสารกลุ่มนี้ได้แก่ น้ำมันหอมระเหย สารขม สเตียรอยด์ ซาโปนิน แทนนิน อัลคาลอยด์ เป็นต้น
    ข้อพิเศษของตำรับยาสมุนไพรคือ
    ก. ในตำรับมักจะมีสารสำคัญมากมาย แต่สารสำคัญหลักจะเป็นตัวกำหนดสรรพคุณของสมุนไพรนั้น ส่วนสารอื่นๆ จะช่วยเสริมหรือต้านฤทธิ์ของสมุนไพร
    ข. สารสำคัญทุกตัวในตำรับยาสมุนไพรจะออกฤทธิ์ ทำให้สมุนไพรนั้นมีฤทธิ์เฉพาะตัวมากขึ้น
    สารปฐมภูมิ
    </DIR></DIR>

      • [*]คาร์โบไฮเดรต
    <DIR><DIR><DIR><DIR><DIR>1.1 น้ำตาลที่มีสูตรไม่ซับซ้อนได้แก่ กลูโคสในองุ่น ฟรุคโตสในผลไม้ และน้ำผึ้ง ซึ่งมักจะนำมาใช้พอกหน้า บำรุงผิว น้ำตาบอัลกอฮอล์เช่น D-Mannitol ในพืช Fraxinus spp. ก็ใช้พอกหน้าด้วย
    1.2 น้ำตาลที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น เช่น แซคคาโรส และมอลโตสในข้าวมอลต์ แลคโตสในนม เป็นต้น ใช้เป็นเครื่องสำอางบำรุงผิว เมื่อรับประทานจะช่วยให้สุขภาพทั่วไปดีขึ้น
    1.3 น้ำตาลโพลีแซคคาไรด์ เช่น กาแลคแตนจากสาหร่ายทะเล และ carageen ปัจจุบันใช้ทั่วไป ในเครื่องสำอาง ทำเป็นเจลหรืออีมัลชั่น ทำให้ครีมพอกหน้า มีความหนืดและคงทน คุณสมบัติที่เป็นยางเหนียวของมัน ช่วยให้ยาที่ทาไว้ที่ผิว หรือเยื่อบุอ่อนที่อักเสบ เกาะติดได้เป็นเวลานาน
    1.4 สารมิวซิเลจ เป็นโพลีแซคคาไรด์อีกกลุ่มหนึ่ง ที่เมื่อรวมกับน้ำจะพองตัว ให้สารละลายข้นหนืด มิวซิเลจมีทั่วไปในพืช แต่จะมีสมุนไพร ที่มิวซิเลจไม่กี่ชนิด ที่นำมาใช้ทางยา มิวเซเลจจะเพิ่มฤทธิ์ ของสารสำคัญอื่นๆ และช่วยลดอาการระคายเคืองได้ดี โดยมิวซิเลจจะปกคลุม เป็นชั้นรอบเยื่อบุอ่อน และปกป้องจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง อาการอักเสบ โดยเฉพาะที่เยื่อบุอ่อน จึงหายได้รวดเร็ว มิวซิเลจจะไม่ถูกดูดซึม ฤทธิ์ของมันจึงเป็นฤทธิ์เฉพาะที่ สมุนไพรที่มีมิวซิเลจ มีฤทธิ์ระงับไอ ด้วยถ้าอาการไอนั้นเกิดจากมีสิ่งระคายเคือง มิวซิเลจยังมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ โดยจะช่วยให้กากอาหารอ่อนตัว คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งของมิวซิเลจคือ จะช่วยลดความรู้สึก การรับรส โดยเฉพาะรสเปรี้ยว ตัวอย่างเช่น ผลฮิมแบร์ (himbeer) มีน้ำตาลน้อย แต่มีกรด (รสเปรี้ยว) มากกว่า โยฮันนิสแบร์ (Johannisbeer) แต่เมื่อชิมผลฮิมแบร์ จะมีรสหวานกว่า ทั้งนี้เพราะมันมีสารมิวซิเลจมากกว่า
    </DIR></DIR></DIR></DIR></DIR>

      • [*]กรดอินทรีย์
        ได้แก่ กรดจากแอบเปิ้ล และมะนาว เช่น กรดอ๊อกซาลิก กรดทาร์ทาริก และกรดซิตริก ใส่ในเครื่องสำอาง นำมาใช้ทำความสะอาดผิว บำรุงผิง กระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยง การใช้เนื้อผลไม้พอกหน้าจะได้กรดอินทรีย์และวิตามินเอ บี 1 และบี 2
        กรดอนินทรีย์ เช่น กรดซิลิซิก (silscic acid) พบมากในพืชวงศ์ Equisetaceae, Boraginaceae และ Graminae พืชจะดูดกรดซิลิซิก จากดินและเก็บสะสมไว้ที่เซลผิว หรือภายในเซล ส่วนโปรโตพลาสซึม กรดนี้จำเป็น ต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ หากขาดจะเป็นอันตรายต่อผิว ผมและเล็บ จะพบกรดนี้ ในสมุนไพร ที่ใช้เป็นยาบ้วนปาก ยากลั้วคอ และใช้ผสมน้ำอาบ
      • กรดไขมันและอนุพันธ์เอสเตอร์ น้ำมันและไขมัน สารกลุ่มนี้ทางเครื่องสำอางใช้เป็นตัวพาตัวยาสำคัญ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันแมนเดล (mandel oil) น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันงา ส่วนน้ำมันมะพร้าว และโคโคบัตเตอร์ มักใช้เป็นตัวยาป้องกันผิว ลดอาการ ระคายเคืองเฉพาะแห่ง และใช้มาก ในอุตสาหกรรมสบู่ เลซิทิน ซึ่งเป็นไขมัน จากไข่แดง ใช้มาก ในครีมพอกหน้า และแชมพูสระผล สติ๊กมาสเตียรอล ซึ่งเป็นส่วนของไขมันในพืช เป็น provitamin D ช่วยบำรุงผิว แคโรทีนนอยด์จากแครอท เป็น provitamin A ใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิว
      • กรดอะมิโน โปรตีน และน้ำย่อย ปัจจุบันเราทราบว่ามีกรดอะมิโน 21 ตัว เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน น้ำย่อย มีองค์ประกอบเป็นโปรตีน ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีววิทยา ปัจจุบันเราสามารถ แยกกรดอะมิโน เปปไทด์ (หรือโปรตีน) และน้ำย่อยได้ และนำมาใช้ในอุตสาหกรรม นมเนย น้ำย่อยจากพืช เช่น ปาเปสจากมะละกอ พิซินจาก Ficus spp. และ โบรเมเลน จากสับประรด มีสรรพคุณช่วย ย่อยอาหาร แต่ทางเครื่องสำอาง ใช้สรรพคุณของมันที่ช่วย ยับยั้งการอักเสบได้เฉพาะเจาะจง กรดอะมิโน เป็นสูตรพื้นฐานของยาปฎิชีวนะ ซึ่งนำมาทำเป็นยา หรือเครื่องสำอาง ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ผิวหนัง โปรตีน เป็นองค์ประกอบสำคัญ ร่วมกับไขมันและน้ำตาลในยีสต์ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี การใช้ยีสต์ผสมในยาพอกหน้า ช่วยให้หน้าเนียน ป้องกันสิว
      • วิตามิน เกลือแร่และแร่ธาตุอื่นๆ สารดังกล่าวเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ กระดูก ฟัน และโครงสร้างของเซล เป็นองค์ประกอบของ เอ็นไซม์และฮอร์โมน กระตุ้นการเผาผลาญอาหาร การทำหน้าที่ ของอวัยวะต่างๆ และเก็บน้ำไว้ในร่างกาย ปกติเราจะได้สารเหล่านี้ จากผัก ผลไม้ ในผู้ป่วย อาจต้องอาศัย จากพืช สมุนไพร เพื่อทดแทนเกลือแร่ วิตามิน และแร่ธาตุที่ขาด
    <DIR><DIR><DIR><DIR>สารทุติยภูมิ
    <DIR>1. กลัยโคไซด์ กลัยโคไซด์พบได้ทั่วไปในพืช สรรพคุณก็จะแตกต่างกันไป เมื่อกลัยโคไซด์ถูก ไฮโดรไลซ์จะได้น้ำตาลและส่วนที่ไม่ใช่น้ำตาล เรียกว่า อะกลัยโคน ตัวอะกลัยโคเป็นตัวกำหนดฤทธิ์ ของพืชสมุนไพร ตัวอย่างเช่น สมุนไพรที่ใช้ขับเสมหะ (ซาโปนิน) สมุนไพร ที่ใช้เป็นยาระบาย เป็นต้น ซาโปนินเป็นกลัยโคไซด์ ที่เมื่อรวมกับน้ำ จะให้ฟอง ช่วยให้เกิด Oil/Water อีมัลชั่น และทำให้เซล เม็ดเลือดแดงแตกได้ โดยทำให้ฮีโมโกลบิน ไหลออกจากเซลเม็ดเลือดแดง สมุนไพรที่มีซาโปนิน มีสรรพคุณใช้เป็นยาละลายเสมหะได้ เนื่องจากซาโปนินมีผลต่อความตึงผิว ทำให้เสมหะที่เหนียวข้น อ่อนใสขึ้น จึงถูกขับออกได้ง่าย เสมหะที่เกิดใหม่ก็จะไม่ข้นเหนียว ซาโปนิน มีฤทธิ์ระคายเคืองอ่อนๆ ต่อเยื่อบุ กระเพาะอาหาร จึงเกิดรีเฟล็กซ์ ทำให้ต่อมต่างๆ เพิ่มการหลั่งสาร สมุนไพร ที่มีซาโปนินบางชนิด มีสรรพคุณขับน้ำ ซึ่งมักใช้ในการฟอกโลหิต นอกจากนี้ ก็มีสรรพคุณ ทำความสะอาดผิว บำบัดอาการปวดข้อ บรรเทาอาการบวม และอาการอักเสบ ซาโปนิน ยังมีผลต่อการดูดซึมของสารสำคัญอื่นๆ ทำให้สารสำคัญ ที่แม้จะมีอยู่น้อย ก็แสดงฤทธิ์ได้มาก แต่ซาโปนิน ก็มีผลข้างเคียง ที่กัดเยื่อบุทางเดินอาหาร ในเครื่องสำอาง จะใช้ซาโปนินมาก เพราะมันทำให้เกิดฟอง ฆ่าเชื้อรา จึงใช้อาบน้ำ นอกจากซาโปนิน ก็อาจใช้ ฟินอลลิกกลัยโคไซด์ เช่น ซาลิซินจากสนุน รักษาอาการบวมอักเสบ
    2. สารขม มีพืชสมุนไพรมากมายที่มีรสขม สมุนไพรที่มีรสขม เรียกว่า อะมารา (Amara) สารขมแบ่งเป็น
    <DIR><DIR>2.1 สารขมบริสุทธิ์ เรียกว่า อะมาราโทนิกา (Amara tonica)
    2.2 สารขมที่มีน้ำมันหอมระเหยปนอยู่ด้วย จึงมีรสขม-หอม เรียกว่า อะมารา อะโรมาติกา (Amara aromatica)
    2.3 สารขมที่มีรสเผ็ด เรียกว่า อะมาราอะคริกา (Amara acrica)
    </DIR></DIR></DIR>อะมาราโทนิกา จะพบในพืชมากมาย สารขม นี้จะกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย สมุนไพรที่มีรสขม จึงมีสรรพคุณทั่วไป เป็นยาเจริญอาหาร ช่วยย่อย และช่วยบำรุง ในภาวะที่อ่อนแอ เช่น ขณะพักฟื้นเป็นโรค โลหิตจาง และโรคจิตประสาท ตัวอย่างสมุนไพร เช่น เจนเทียน (Gentian lutea), Centaurium umbellatum

    อะมาราอะโรมาติกา มีสรรพคุณแตกต่างจาก อะโรมาโทนิกา ไม่มากนัก การที่มีน้ำมันหอมระเหย ปนด้วย จึงมีรีเฟล็กซ์ ช่วยเพิ่มฤทธิ์ กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ช่วยการทำงานของลำไส้ น้ำดี และตับ น้ำมันหอมระเหยยัง มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และพาราไซต์ ตัวอย่างสมุนไพร เช่น Artemisia absinthium, Achillea millefolium
    อะมาราอะคริกา สารขมกลุ่มนี้ จะช่วยกระตุ้น การไหลเวียนโลหิต สารที่มีรสเผ็ดร้อน จะช่วยเสริม ฤทธิ์ของสารขม ตัวอย่างสมุนไพร เช่น ขิง
    3. น้ำมันหอมระเหย พืชสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมเหย มีปริมาณน้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.1-10 จะพบน้ำมันหอมระเหยในเซลน้ำมัน หรือต่อมน้ำมัน ในน้ำมันหอมระเหยจะมีสารเคมีกว่า 50 ชนิด แต่จะมีสาร 1-2 ชนิดเท่านั้นที่มีอยู่ในปริมาณมาก สมุนไพรที่น้ำมันหอมระเหยใช้รักษาอาการอักเสบ มีฤทธิ์ระคายเคืองผิว ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดที่กระเพาะลำไส้ ถุงน้ำดีและตับ ยับยั้งการเจริญ ของเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส น้ำมันหอมระเหย ถูกนำไปใช้ผลิตน้ำหอม จากพืช 295 ตระกูลที่มีน้ำมันหอมระเหย พบว่ามีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่ใช้ผลิตน้ำหอมได
    4. บัลซัมและเรซิน พืชสร้างบัลซัมและเรซินเมื่อเนื้อเยื่อภายนอกได้รับอันตราย เรซินมีลักษณะหนืดแข็ง ส่วนบัลซัมจะเป็นของเหลว ความจริงบัลซัมก็คือเรซินที่ละลายในน้ำมันหอมระเหย จะพบเรซินในน้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟัน ตัวอย่างของบัลซัม เช่น เปรูบัลซัม ใช้ทำสบู่ยาและขี้ผึ้งทาป้องกันผิว
    5. แทนนิน แทนนินมีคุณสมบัติเมื่อรวมกับโปรตีนและที่เยื่อบุอ่อนจะให้สารที่ไม่ละลายน้ำ ตัวอย่างยา ได้แก่ ยาบ้วนปากที่ใช้รักษาเหงือกอักเสบ ยาแก้ท้องเสีย ผสมน้ำอาบในคนที่เป็นริดสีดวง หรือมีเนื้อเยื่ออักเสบ จากความเย็น และอาการอักเสบอื่นๆ แทนนินเป็นสารที่ไม่คงทน ถูกอ๊อกซิไดส์ง่าย และโปลีเมอไรซ์กลายเป็น สารประกอบเชิงช้อนที่ไม่ละลายน้ำ ตัวยาประเภทนี้หากเก็บไว้นานๆ สรรพคุณจะสู้ตัวยาที่ได้มาใหม่ๆ ไม่ได้
    สรรพคุณของแทนนินที่ใช้ในเครื่องสำอาง คือ คุณสมบัติฝาดสมานทำให้ผิวเนียนแน่น เมื่อทาผิวหรือ เยื่อบุอ่อนที่เป็นโรค หรือได้รับอันตราย แทนนินจะสร้างฟิล์มปกคลุม ทำให้ผิวไม่ไวต่อความรู้สึกเจ็บปวด จะหยุดการหลั่งสารและทำให้หายคัน
    </DIR></DIR></DIR></DIR>
    บรรณานุกรม​
    1. จันดี เข็มเฉลิม. รวมตำรายาไทยในพนมสารคาม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แสงรุ้งการพิมพ์,2523.
    2. โครงสร้างสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง สมุนไพรชาวบ้าน รวบรวมความรู้จากข่าวสารสมุนไพรตั้งแต่ปี 2523-25. กรุงเทพฯ : มูลนิธิโกมลคีมทอง,2532.
    3. Pahlow W. Meine Heilpflenzen Tees. Munche: Grafe und Unzer,1986.
    4. โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง. น้ำ เคล็ดลับระงับโรค จุลสารอันดับที่ 2. กรุงเทพฯ : บริษัทเคล็ดไทยจำกัด, มี.ค.2532.
    ;5. สมาคมโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ. ประมวลสรรพคุณยาไทย (ภาค 1-3). กรุงเทพฯ : สำนักวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ท่าเตียน,2520.
    6. เต็ม สมิตตินันท์. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ : กรมป่าไม้,2523.
    7. โครงการเผยแพร่เอกลักษณ์ไทย. หมอไทย-ยาไทย. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ,2522.
    8. Hlava B, Pospisil F, Stary F. Pflenzen furdie naturliche Schon Heit. Hanau Werner Dausien,1983.
     
  5. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ว่าน สิงหโมรา

    ลักษณะ
    [​IMG]

    สิงหโมรา เป็นไม้ล้มลุกมีเหง้าอยู่ในดิน ลำต้น มีสีชมพูอ่อน เนื้ออ่อนอวบน้ำ
    ใบ เป็นใบเดี่ยว เป็นรูปคล้ายปลายหอก ใบสีเขียว ใบจะเป็นจุด ๆ มีเส้นใบเป็นสีแดงอมชมพู ก้านใบยาวประมาณ 60 ซม. มีหนาม ดอก จะออกเป็นช่อ เป็นแท่งกลม ยาว มีกาบหุ้มช่อดอกเป็นสีน้ำตาล ผล เป็นผลสด จะมีเนื้อนุ่มหุ้มข้างนอก ส่วนข้างในจะมีเปลือกหุ้มเมล็ดแข็งมาก ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด และการแยกกอ รสชาติ รสเผ็ดร้อน

    ประโยชน์
    ทางด้านสมุนไพร ก้านช่อดอกหั่นตากแห้งหรือดอกกับสุราดื่ม รักษาริดสีดวงทวาร ก้านใบหั่นตากแห้ง ดอกสุราเป็นยาเจริญอาหารและบำรุงโลหิต แมงป่อง ตะขาบ ลมพิษ แก้อยู่ไฟ ระดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2006
  6. Paravatee

    Paravatee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +2,978
    ลุงแซม ขอภาพพระฤาษีทั้ง 4 ที่ให้กำเนิดสรพพว่านหน่อยได้มั้ยครับ สาธุ
     
  7. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ว่านอะไร ที่เขาใช้สร้างพระกัน

    <TABLE id=Table5 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack vAlign=top align=left bgColor=#ffffff> วัดประสาทฯ ย้อนตำนานหลวงปู่ทวด สร้างวัตถุมงคลรุ่น 'สร้างศาลาการเปรียญ'


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=right width=100></TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=6></TD></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left>ถึงเวลาแห่งการ
     
  8. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    พระหลวงพ่อ โอด วัดจันเสน

    พระปิดตา แจกทาน รุ่น ๒ ลพ.โอด วัดจันเสน จ.นครสวรรค์ ปี๒๕๒๒ เนื้อสีน้ำตาลอ่อน สภาพสวยมาก เก็บเก่า พร้อมกล่องเดิมๆ รุ่นนี้มวลสารเยี่ยม/ประสพากรณ์ยอด น่าใช้มากครับ...

    *** รุ่นนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก หลังสือรวมวัตถุมงคลของ ลพ.โอด เล่มสีชมพู แล้วจะรู้ว่าพิธีและมวลสารที่ใช้สร้าง สุดยอดแค่ไหน แถมประสพการณ์ก็สุดยอด...***

    ***ช่วงนี้กระแสมาแรงมากทุกรุ่น ในสนามของเกลี้ยงเลย อีกหน่อยแพงแน่ทุกรุ่น เพราะของ ลพ.เดิม/ลพ.พรหม หายาก/และราคาสูงแล้ว มีวัตถุมงคลของ ลพ.โอด ยังพอเก็บได้/อนาคตมาแน่ครับ...***

    พระปิดตา รุ่น๒ แจกทาน พ.ศ.๒๕๒๒

    พระปิดตารุ่นนี้ ได้รวบรวมมวลสารที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆและเตรียมการสร้าง เพื่อให้เกิดความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ ต้องใช้เวลานานถึง๒ปี กว่าจะได้สิ่งที่ต้องการจากทั่วประเทศจนครบ
     
  9. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    เอาอันนี้ไปดูเล่นก่อนนะ
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="50%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    [​IMG]</TD><TD width="33%">
    [​IMG]</TD><TD width="34%">
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">

    [​IMG]
    </TD><TD width="50%">

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">
    [​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
     
  10. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ชื่ออะไรทราบไหมครับ ของผมเองมีหนังสือสมุนไพรไทยได้กล่าวเอาไว้ 6 ตน ครับ แล้วมีประทาน 1 ตน แต่จำชื่อไม่ได้ เพราะว่าชื่อท่านแต่และตนนั้น มหัศจรรย์พันลึกมาก ผมจำไม่ได้อ่ะครับ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันจะกลับบ้านจะไปค้นมาให้ครับ
     
  11. Paravatee

    Paravatee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +2,978
    ทั้งพระฤาษีทั้ง 4 องค์มีพระนามว่า ดังนี้ครับ


    สิทธิการิยะ ยังมีฤาษี ๔ องค์ในแผ่นดินนี้ มีฤทธาอานุภาพยิ่งกว่าบรรดาโยคีฤาษีทั้งปวง ทั้ง ๔ องค์นี้มีนามว่า กะวัตฤาษีองค์หนึ่ง กะวัตพันฤาษีองค์หนึ่ง สัพรัตถนาถฤาษีองหนึ่ง จังตังกะปิละฤาษีอีกองค์หนึ่ง พระฤาษี ๒ องค์ใน ๔ องค์นี้ ได้ให้ธาตุทั้ง ๔ ตั้งอยู่เป็นอธิบดีแก่บรรดาสรรพสิ่งทั้งปวง ส่วนท่านฤาษีองค์ที่ ๔ คือท่านจังตังกะปิละนั้นได้ตั้งบรรดากบิลว่านต่าง ๆ ขึ้นไว้สำหรับท้าวพระยาทั้งปวงอันรู้จักคุณพระรัตนตรัย คือพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสงฆ-รัตนะ ทั้งยังรู้จักอดกลั้นต่อบรรดาอกุศลกรรมทั้งหลายอีกด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 มีนาคม 2008
  12. Paravatee

    Paravatee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +2,978
    ท่านใดต้องการว่านขอทองแก้ ขายให้ 70 บาท ด่วน มีอยู๋จำนวนไม่มาก
     
  13. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    อ้าวไม่ได้เข้ามานานเลย เป็นตลาดนัดไปเสียแล้ว เสียดายจังเลย ผมต้องหยุดการเล่นเวป พลังจิตไว้เพียงเท่านี้นะครับ เนื่องจากจำเป็นจะต้องเข้าสู่เส้นทางการประกอบอาชีพอย่างจริงจัง คงอีกนานนะครับที่ผมจะกลับมาอีก คิดถึงทุกท่านจัง เพื่อนที่ดีที่สุดของข้าพเจ้า ทั้งหลาย อีกไม่นานถ้าข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วจะกลับมา รักทุกคนเลย จริงๆ
     
  14. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ห้องนี้ถ้าใครสนใจเรื่องของ ว่าน หรือต้นไม้ชนิดต่างๆก็ให้เข้ามาคุยกันนะครับ ใครมีความรู้ใหม่ๆก็เอามาโพสให้ทราบกันได้เลยนะครับ ถึงผมจะไม่อยู่แล้ว ก็ขอให้มาคุยกันอยู่เรื่อยๆนะครับ บาย บาย
     
  15. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    ช่วงนี้ ว่านที่บ้านกำลังงอกเลย ว่าง ๆจะถ้ายรูปมาให้ชมกันบ้างนะ ช่วงนี้ว่านป่ากำลังแทงยอด เข้าป่าช่วงนี้จะได้ว่านดี ๆหลายๆ อย่างเลยนะ ....
     
  16. เช้าใหม่

    เช้าใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +5,754
    สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน วันนี้ผมเอาเทคนิคการศึกษาว่านเบื้องต้น มาให้สำหรับท่านใดที่ต้องการศึกษาว่านมาให้อ่านกันนะครับ ไปถ่ายเอกสารมาจากหอสมุดแห่งชาตินานแล้ว เพิ่งจะมีเวลาเอามาให้ทุกท่านอ่านกันครับ

    หากท่านใดต้องการความรู้เกี่ยวกับว่านเพิ่มเติมไปหาอ่านในหอสมุดแห่งชาติก็ได้นะครับ มีหนังสือเกี่ยวกับว่านเยอะมากเลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. เช้าใหม่

    เช้าใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +5,754
    อ่านต่อนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. fight001

    fight001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +308
    ขอบคุณคับที่นำมาเผยแพร่
     
  19. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    "สาวร้อยผัว" เคล็ดลับความงามสองพันปี

    โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจ



    [​IMG]


    การใช้ "สมุนไพร" กำลังนิยมไปทั่วโลกไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น เหตุผลหนึ่งคือ คนทุกวันนี้เกรงกลัวอันตรายจากสารเคมี และระมัดระวังรักษาสุขภาพมากขึ้น

    วิถีชีวิตการดำรงอยู่ทั้งหลายจึงพยายามเข้าหาธรรมชาติให้มากที่สุด ซึ่งรวมไปถึงอาหารการกิน และเรื่องของ "ความงาม" ด้วย

    เมื่อความต้องการใช้สมุนไพรของผู้บริโภคมีเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ ตลาดผลิตภัณฑ์ทางด้านสมุนไพรก็เปิดกว้างมากขึ้นตาม และยังมีผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดเสียจนจำไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร

    อย่างไรก็ตาม เรื่องของสมุนไพรที่นิยมกันมากรองจากใช้ทำยาและอาหาร คือ ผลิตภัณฑ์ทางด้านความสวยความงาม

    "สาวร้อยผัว" เป็นสมุนไพรที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม

    ชื่อ "สาวร้อยผัว" คนอาจจะไม่รู้จัก แถมยังฟังน่ากลัวเข้าไปอีก แต่ถ้าบอกชื่อ "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก" คนต้องอ๋อ..

    เพราะเป็นสมุนไพรที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก แต่เรียกชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละภาค เช่น คนภาคกลางเรียก "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก" คนภาคอีสานเรียก "ผักชีช้าง" ใช้รับประทานเป็นผักได้ โดยยอดอ่อน ผลอ่อนรับประทานสดๆ และยังนำมาต้มหรือแกงอ่อมก็ได้เช่นกันทำให้มีกลิ่นหอมคล้ายผักชีลาว

    สำหรับคนภาคเหนือเรียกสมุนไพรชนิดนี้ ว่า "ม้าสามต๋อน" ใช้เป็นยาดอง ยาบำรุง สำหรับเพศชาย เพราะกินแล้วทำให้คึกคักเหมือนม้า 3 ตัวรวมกัน ส่วนที่ภาคใต้เรียก "ผักหนาม" เพราะลำต้นมีตุ่มๆคล้ายหนาม ใช้รับประทานเป็นผักกับน้ำพริกเช่นเดียวกับทางภาคอีสาน

    นอกจากเรื่องของการนำมารับประทานแล้ว รากของสมุนไพรชนิดนี้ยังสามารถนำมาทุบหรือขูดกับน้ำ ทำเป็นน้ำสบู่ซักเสื้อผ้าได้อีกด้วย

    อีกทางหนึ่งยังมีประโยชน์สามารถใช้เป็นไม้ประดับจัดแจกัน เพราะมีใบ กิ่งก้าน ดอก ดูแล้วสวยงามมาก

    "เภสัชกรหญิง สุภาภรณ์ ปิติพร" หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทย อธิบายถึงสาวร้อยผัวให้ฟัง ว่า สมุนไพรสาวร้อยผัว หรือ ม้าสามต๋อน ถูกลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา หมอยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงมีชื่อว่า
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    "สาวร้อยผัว"

    "กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ ความหมายคล้ายๆ สาวสองพันปีที่ยังดูสาวเสมอ ไม่ใช่กินแล้วสามารถมีผัวได้ร้อยคนอะไรทำนองนั้น

    วิธีใช้ โดยใช้รากมาต้มกิน หรือนำรากไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง

    เภสัชกรหญิงสุภาภรณ์บอกว่า ชื่อสาวร้อยผัวในปัจจุบันแทบไม่มีใครรู้จักแล้ว ยกเว้นลูกหลานหมอยาบางคนที่เคยได้ยินปู่และพ่อ ซึ่งเป็นหมอยาพูดถึงอยู่บ้าง เช่น หลานหมอยาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ชื่อ "พิทักษ์ ตีเหล็ก" ปัจจุบันเป็นพนักงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นหลานของหมอยาชื่อ "นายอ่ำ ตีเหล็ก"

    และอีกผู้หนึ่งเป็นหมอยาที่มีคุณต่อการพัฒนาสมุนไพรของโรงพยาบาลอภัยภูเบศรอย่างมาก ชื่อ "นายส่วน สีมะพริก" ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว เรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า "สาวร้อยผัว" เช่นกัน

    "สาวร้อยผัว" เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรของผู้หญิงโดยตรง

    "ที่น่าแปลกใจคือ ในอินเดียมีการเรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤตเรียกว่า ศตาวรี (Shatavaree) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราบอกว่าหมายถึงผู้หญิงที่มีร้อยสามี (Satavari -this is an Indian word meaning "a woman who has a hundred husbands")"

    ซึ่งรากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์พระเวท เป็นคัมภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำเป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย คือ "รากสามสิบแช่อิ่ม"

    ในตำราอายุรเวทใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะหมดอารมณ์ทางเพศ ภาวะหมดประจำเดือน (menopause) บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง (habitual abortion)

    สมุนไพรชนิดนี้ยังใช้สำหรับผู้ชายได้ด้วย โดยในอินเดียใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชาย ซึ่งคงคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สมุนไพร "ม้าสามต๋อน" เป็นยาดอง เพื่อเพิ่มพลังทางเพศ

    อินเดียยังใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นยาอื่นๆ อีกมาก เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง

    มีสถิติในปี ค.ศ.1999-2000 อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึง 8,460 ตัน เป็นอันดับสองรองจาก มะขามป้อม ที่ใช้อยู่ที่ 15,147 ตัน

    ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบจากอินเดีย ไปจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement กล่าวคือสามารถขายได้ทั่วไปอย่างอิสระไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

    "สาวร้อยผัว" เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีการศึกษวิจัยกันมากพอสมควร ในด้านการศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง ขับน้ำนม ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งพิษต่อตับ

    ในการศึกษาด้านความเป็นพิษในสัตว์ทดลอง พบว่าการใช้ในขนาดสูง 2 กรัม ต่อกิโลกรัม ด้วยการกินไม่พบพิษ และการใช้ในระยะยาวด้วยการต้มน้ำ ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมแล้ว ให้กินทั้งเนื้อและน้ำนาน 4 และ 32 สัปดาห์ ไม่พบความผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับหนูในกลุ่มควบคุม

    การศึกษาที่กล่าวข้างต้นเป็นการศึกษาในห้องทดลอง ทำการทดลองกับสัตว์ทดลอง ดังนั้น การนำมาใช้เป็นยากับคนจึงต้องมีการทดลองกันอีกต่อไป

    ส่วนที่มีการทดลองทางคลีนิค (การใช้ในคนจริงๆ) คือการใช้ในการรักษาโรคกระเพาะ โดยการให้รับประทานผงแห้งของราก พบว่าได้ผลดีในการรักษาแผลที่กระเพาะและลำไส้เล็ก การที่กรดเกิน (acid dyspepsia)

    เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้หายไปจากสังคมไทยเสียนาน ดังนั้น การที่จะนำกลับมาใช้เป็นยาอีกครั้งควรระมัดระวัง เพราะเป็นสมุนไพรที่ออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน จึงห้ามใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เช่น ผู้ป่วยโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast

    ประเทศไทยถือว่าเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะมีสมุนไพรอยู่หลากหลายชนิด "สาวร้อยผัว" ก็เป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรไทยที่น่าจะนำกลับมาฟื้นฟูใช้ในสังคมอีกครั้ง เพราะนอกเหนือจากคุณประโยชน์สารพัดข้อดังที่กล่าวมาแล้ว

    "สาวร้อยผัว" ยังเป็นสมุนไพรที่อยู่ในรายการสินค้าที่จะลดภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ในข้อตกลงไทย-จีนตามพิกัดศุลกากร ซึ่งมีตัวเลขการส่งออกสมุนไพรชนิดนี้จากเมืองไทยค่อนข้างสูง

    สรรพคุณมากมาย ประโยชน์ล้นเหลืออย่างสาวร้อยผัว เปิดตัวให้เห็นโฉมหน้ากันจะจะในงาน

    "มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 3" งานใหญ่ประจำปีจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2549 ที่อิมแพค เมืองทองธานี อาคาร 7-8 งานนี้ "มติชน" ร่วมเป็นเจ้าภาพ กับกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

    อยากเห็น "สาวร้อยผัว" อย่าพลาด!! ไม่ต้องเสียสักบาท ก็ได้ดูเพลิน-เพลิน

    Ref.
    http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra01310849&day=2006/08/31
     
  20. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    พี่ยักษ์ใหญ่ครับ ขอทราบรายละเอียด ว่านสบุ่เลือด ด้วยครับ ลักษณะ สรรพคุณ วิธีใช้ คาถากำกับ ขอประเภท อ่านปุ๊บ รู้แจ้งตลอดปั๊บ

    ขอบคุณมากที่สุดในโลกเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...