ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มกราคม 2553 อาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงในไทยอีกครั้ง !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    กทม.(มติชน) : รอยเตอร์สวิเคราะห์หลายปัจจัยเสี่ยง อนาคตการเมืองไทย ชี้จับตาโอกาส ปชป.แพ้หรือชนะเลือกตั้ง-นปช.ประท้วงยืดเยื้อกดดันยุบสภา รวมทั้งพฤติกรรรมคอร์รัปชั่น มาบตาพุด และสถานการณ์ไฟใต้

    สำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงอนาคตของการเมืองไทย โดยระบุว่า ที่ผ่านมา ไทยยังคงมีความขัดแย้งแตกขั้วอย่างรุนแรง และยังไม่มีทีท่าที่จะยุติ และไทยมีรัฐบาลไปแล้วถึง 6 รัฐบาล นับตั้งแต่การยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ความขัดแย้งดังกล่าวยังเพิ่มทวีขึ้นจากกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อนบ้านของไทย ประกาศสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นพันธมิตรทางการเมือง

    โดยรอยเตอร์สระบุว่า ปัจจัยแรก ที่จะต้องจับตาต่ออนาคตการเมืองไทยก็คือ สถานภาพของพรรคร่วมรัฐบาลนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งยังคงไม่มั่นคง และไม่แน่ว่าจะสามารถชนะเลือกตั้งได้หรือไม่ โดยหากพรรคประชาธิปัตย์สามารถชนะเลือกตั้ง ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นของไทย แต่หากพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นฝ่ายชนะ ก็จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะกลุ่มเสื้อเหลืองจะออกมาประท้วงต่อต้านชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเท่ากับว่าการเมืองไทยจะมีเกิดการชุมนุมประท้วงกันอีก

    <O:p</O:pส่วนปัจจัยสองก็คือ สถานการณ์รุนแรงครั้งใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้น ในช่วงเดือน ม.ค.53 โดยกลุ่มแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.หรือกลุ่มเสื้อแดง ที่วางแผนจะผลักดันครั้งใหญ่เพื่อล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยกลุ่มได้ประกาศจะเปิดฉากการชุมนุมยืดเยื้อ ซึ่งเป็นช่วงตรงกับช่วงฝ่ายค้านเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะพยายามบีบให้รัฐบาลยุบสภา รวมทั้งยังเกิดขึ้นใกล้กับช่วงที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2,200 ล้านดอลลาร์ด้วย

    <O:p</O:pปัจจัยที่สาม ก็คือ กรณีของเขตนิคทมอุตสาหกรรม "มาบตาพุด" ซึ่งศาลมีคำสั่งระงับชั่วคราว 65 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมนี้ หลังจากก่อปัญหาด้านมลพิษให้แก่ชาวบ้าน โดยกรณีนี้ กำลังสร้างความวิตกให้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และยังอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของกิจการสยามซีเมนต์ และกิจการพลังงาน "PTT" ขณะที่ธนาคารชาติ ระบุว่า หากปัญหามาบตาพุดยังคงยืดเยื้อ อาจฉุดการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศลง 0.5 %

    <O:p</O:pปัจจัยที่สี่ คือ ปัญหาคอรัปชั่นและธรรมาภิบาล โดยที่ผ่านมาเมืองไทยถูกเข้าใจอย่างกว้างขวางว่า มีปัญหาคอรัปชั่นมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่การเมืองไร้เสถียรภาพ โดยนักลงทุนได้จับตาดัชนีการจัดอันดับประเทศคอรัปชั่นของไทย จากหน่วยงานตรวจสอบความโปร่งใสระหว่างประเทศ ซึ่งปัญหานี้อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของไทยในระยะยาว

    <O:p</O:pและ ปัจจัยที่ห้า ก็คือ สถานการณ์รุนแรงในภาคใต้ จากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิม ซึ่งก่อเหตุนองเลือดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าปัญหานี้จะมีผลกระทบน้อยต่อตลาด แต่ก็ถือว่ามีอิทธิพลที่สร้างความวิตกให้แก่นักลงทุนเพิ่มขึ้นได้

    นำเสนอข่าวโดย : กนกอร เพ็ญรุ่งศศิธร
    แหล่งที่มาข่าวโดย : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์

    ที่มา http://thaitownusa.com/New-0912000235-1.aspx
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2009
  2. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 04.23 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 10.40 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 15.49 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 18.46 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 19.36 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.5 KB
      เปิดดู:
      1,626
    • A2.JPG
      A2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      48 KB
      เปิดดู:
      1,607
    • B1.JPG
      B1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.9 KB
      เปิดดู:
      1,522
    • B2.JPG
      B2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.1 KB
      เปิดดู:
      1,491
    • B3.JPG
      B3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      1,506
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2009
  3. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
  4. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================

    16 ธ.ค. 52

    กินคำสุดท้าย เงินเดือนๆสุดท้าย .....ไชโย เพลงดีมีสาระ คนเอน เรื่องจบลงด้วยความเศร้า

    (อาหาร น้ำ ยาและไฟ เตรียมไว้บ้างก็ดี)


    องค์อินทร์ - 97
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ








    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พบชิ้นส่วนพระพุทธรูปถูกทิ้งที่เพชรบูรณ์

    [​IMG]

    เพชรบูรณ์ 15 ธ.ค. - แก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปนำชิ้นส่วนพระพุทธรูปไปทิ้งข้างศาลเจ้าพ่อภูผาแดง จ.เพชรบูรณ์ รอส่งขายให้นายทุน

    ตำรวจภูธรบ้านกลาง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ตรวจสอบเศียรพระพุทธรูป พระหัตถ์ 2 ข้าง และพระบาท 1 ข้าง บริเวณ ถ.หล่มสัก-ชุมแพ ใกล้กับศาลเจ้าพ่อภูผาแดง ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก พบเป็นพระเนื้อทองเหลือง มีร่องรอยถูกใบเลื่อยและความร้อนตัดแยกชิ้นส่วน คาดว่าเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี

    เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่า แก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปนำมาซุกซ่อนไว้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตำรวจเข้มงวดกวดขันโจรกรรมพระพุทธรูป จึงไม่กล้านำออกไปจำหน่าย เพื่อรอจังหวะนำไปจำหน่ายให้กลุ่มนายทุน ตำรวจจึงนำชิ้นส่วนพระพุทธรูปทั้งหมดไปเก็บไว้ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านกลาง เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ และหาหลักฐานติดตามจับกุมแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปมาดำเนินคดี. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 01:27:36

    ชาวบ้านแห่ดูฐานอุโบสถเก่าโผล่กลางทะเลหลังวัดแหลมตะลุมพุก

    [​IMG]

    นครศรีธรรมราช 15 ธ.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น.วันนี้ (15 ธ.ค.) ชาวบ้านได้เดินทางไปดูพระอุโบสถของวัดแหลมตะลุมพุก ต.แหลมตะลุม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ที่จมหายไปเมื่อไป 2505 หลังเกิดวาตภัยครั้งใหญ่ โผล่เหนือน้ำขึ้นมาให้เห็นในช่วงที่น้ำลด เป็นรูป 4 เหลี่ยม ริมน้ำ กว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร แบบมหาอุต ซึ่งพระอธิการจตุพร จตุวโร เจ้าอาวาสวัดแหลมตะลุมพุก และชาวบ้าน ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่พระอุโบสถหลังเก่าโผล่ขึ้นมา แต่ช่วงเวลาดังกล่าวน้ำยังลดไม่เต็มที่ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นฐานอุโบสถได้ แต่ยังเหลือเสากระโจมไฟของวัดโผล่เหนือน้ำเพียงเล็กน้อย

    พระอธิการจตุพร กล่าวว่า เดิมวัดแหลมตะลุมพุก สร้างมาเมื่อปี 2400 ในสมัยก่อนมีความเจริญ เป็นเมืองท่าที่จะเข้าไปยังเมืองปากพนัง มีหลักฐานที่ปรากฏว่า วัดแหลมตะลุมพุกมีที่ดินประมาณ 84 ไร่ แต่พอปี 2505 เกิดวาตภัยครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 คน ทำให้เนื้อที่ของวัดขณะนี้เหลือประมาณ 36-37 ไร่เท่านั้น เพราะด้านที่ติดกับทะเลจะถูกคลื่นซัดจมหายไป ส่วนตัวอุโบสถนั้น หลังเกิดวาตภัยครั้งใหญ่ก็พังเสียหายทั้งหมด ยังคงเหลือฐานเท่านั้น เมื่อน้ำลดเต็มที่จะโผล่มาให้เห็น ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้รวม 47 ปีเต็ม ปัจจุบันวัดแหลมตะลุมพุกยังไม่มีอุโบสถ แต่ทางวัดร่วมกับญาติโยมกำลังหาทุนเพื่อทำการก่อสร้างอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้.- สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 19:41:34

    ทุ่นจับคลื่นสึนามิเครื่องใหม่ออกจากภูเก็ตสู่มหาสมุทรอินเดียแล้ว

    [​IMG]

    ภูเก็ต 15 ธ.ค.- เรือบรรทุกทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิเครื่องใหม่ออกจากท่าเรือภูเก็ตแล้ว คาด 3 วันถึงจุดหมายมหาสมุทรอินเดีย เพื่อวางแทนทุ่นเก่าใช้งานมาหลายปี เผยทุ่นใหม่มีประสิทธิภาพเต็ม แจ้งเตือนได้เร็ว

    วันนี้ (15 ธ.ค.) เรือซีฟเดค ขนาด 1,178 ตันกรอส ยาว 65.03 เมตร กว้าง 12 เมตร ซึ่งบรรทุกทุ่นตรวจจับการสั่นสะเทือนใต้ท้องทะเล หรือทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิ ออกเดินทางจากท่าเทียบเรือแหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต มุ่งสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อนำทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิเครื่องใหม่ไปติดตั้งแทนทุ่นเดิมที่ได้รับบริจาคมาจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2549 โดยทุ่นเครื่องใหม่นี้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้การสนับสนุนงบประมาณจัดซื้อ

    นางอรษา แป้งหอม ผู้จัดการทั่วไปบริษัทเรย์ แคนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทที่ปรึกษา กล่าวว่า การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 วัน และคาดว่าจะวางทุ่นเสร็จสิ้นภายในวันที่ 21 ธ.ค. โดยจะติดตั้งบริเวณหมู่เกาะนิโดบาร์ มหาสมุทรอินเดีย ที่ละติจูด 9 องศาเหนือ ลองจิจูด 89 องศาตะวันออก ส่วนทุ่นเก่าจะนำกลับมาซ่อมแซมบำรุงรักษา สำหรับทุ่นเครื่องใหม่ทำมาจากประเทศอิตาลี ดูแลรักษาง่าย กำหนดเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก 2-3 ปี เพื่อให้การตรวจจับแผ่นดินไหวเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

    ซึ่งสามารถตรวจการสั่นสะเทือนของแผ่นดินได้ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ขึ้นไป และจะแจ้งเตือนมายังศูนย์ควบคุมทุ่นทุกครั้งที่ตรวจจับได้ภายในเวลา 1 นาที โดยจะรายงานเป็นวิทยาศาสตร์ ก่อนแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ส่งไปยังทั่วโลก ทำให้อพยพประชาชนหรือแจ้งเตือนภัยได้ทันเวลา เพราะแผ่นดินไหวจะก่อให้เกิดสึนามิและขึ้นสู่ฝั่งภายใน 30 นาที.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 14:28:11

    ทรงห่วงใยภัยหนาว พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือราษฎร

    [​IMG]

    ภูมิภาค 14 ธ.ค. - สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระราชทานสิ่งของช่วยราษฎรประสบภัยหนาว จ.เลย ขณะที่อุณหภูมิยังเย็นจัด ส่วนลำปางเร่งของบ ปภ.ซื้อเครื่องกันหนาว

    วันนี้ (14 ธ.ค.) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศตรีจักรพงษ์ หอมไกรลาศ กรมวังใหญ่ กองงานพระวรชายาฯ เป็นผู้แทนพระองค์นำสิ่งของพระราชทาน 1,500 ชุด มายังโรงเรียนชุมชนบ้านปากห้วย หมู่ 6 หนองผือ อ.ท่าลี่ จ.เลย เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรประสบภัยหนาว ซึ่งนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย รายงานสถานการณ์ภัยหนาวว่า

    จังหวัดเลยมีผู้ประสบภัยทั้ง 14 อำเภอ และจังหวัดได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติอากาศหนาวไปแล้วตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับอิทธิพลความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่มาปกคลุมทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อุณหภูมิของ จ.เลย ลดต่ำลง เฉลี่ยต่ำสุดบริเวณยอดภู 4-8 องศาเซลเซียส และพื้นราบ 10-14 องศาเซลเซียส ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร และมีฐานะยากจน

    ด้านนายกฤษเพชร เพชรบูลณนิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง กล่าวว่า อากาศปีนี้หนาวเย็นจัดและนานกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนที่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและเป็นผู้ยากไร้เดือดร้อนมากขึ้น ซึ่งได้แจกเครื่องนุ่งห่มช่วยเหลือไปเบื้องต้นแล้ว 111,360 ผืน แต่ยังไม่เพียงพอ ทางสำนักงานป้องกันฯ จังหวัดยังเสนอของบประมาณอีก 1 ล้านบาท จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาว.- สำนักข่าวไทย

    2009-12-14 15:50:11

    กาฬสินธุ์ประกาศให้ทั้ง 18 อำเภอ เป็นเขตประสบภัยพิบัติหนาว

    [​IMG]

    กาฬสินธุ์ 15 ธ.ค.- จังหวัดกาฬสินธุ์ประกาศให้ทั้ง 18 อำเภอ ในพื้นที่เป็นเขตประสบภัยพิบัติหนาว ขณะที่มีผู้ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มมากกว่า 3 แสนคน

    สภาพอากาศในจังหวัดกาฬสินธุ์ ยังคงหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวเขตเทือกเขาภูพาน และพื้นที่ห่างไกลอุณภูมิหนาวจัด ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนอุณหภูมิจะลดลงอีก ทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ประกาศให้พื้นที่ทั้ง 18 อำเภอ เป็นเขตประสบภัยพิบัติหนาว

    จากการสำรวจพบว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 170,000 ครัวเรือน รวมกว่า 304,000 คน ซึ่งจังหวัดอยู่ระหว่างเร่งช่วยเหลือ ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวแล้ว 5 คน ในพื้นที่อำเภอยางตลาด สมเด็จ และ เมือง.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 11:04:32

    เชียงรายทวีความเย็นส่งเครื่องกันหนาวช่วยผู้ต้องขัง

    [​IMG]

    เชียงราย 15 ธ.ค.- นางวรนุช แสงนิ่มนวล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่นำผ้าห่มและเสื้อผ้ากันหนาวจำนวน 300 ชุด ช่วยเหลือผู้ต้องขังชาย-หญิงของเรือนจำอำเภอเทิง เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น เนื่องจากอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง

    บางวันใกล้ถึง 10 องศาเซลเซียส ซึ่งสภาพพื้นที่ของเรือนจำอำเภอเทิงอยู่บริเวณพื้นที่สูง ปัจจุบันมีผู้ต้องขัง 727 คน เป็นหญิง 67 คน และชาย 660 คน โดยสถานการณ์ภัยหนาวปีนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินแล้วทั้ง 18 อำเภอ มีราษฎรขาดแคลนเครื่องกันหนาวอีกกว่า 100,000 คน ทางจังหวัดยังคงเปิดรับบริจาคเครื่องกันหนาวจากผู้มีจิตศรัทธา.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 14:35:47

    คนร้ายยิงถล่มชาวบ้านนราฯ ดับ 1

    [​IMG]

    นราธิวาส 15 ธ.ค. - เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มชาวบ้านเสียชีวิต บนเทือกเขาในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

    ตำรวจภูธรอำเภอระแงะ จ.นราธิวาส ทหาร และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณสันเขาไอยากา พื้นที่บ้านบาโงกูโบ ต.บองอ อ.ระแงะ หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายไพบูลย์ ไตรรัตน์ พนักงานรักษาความปลอดภัยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีป่าไผ่ เสียชีวิต พบถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 บริเวณกลางหลังทะลุหน้าอกหลายนัด จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนเอ็ม 16 อีกจำนวน 40 นัด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายและเพื่อนอีก 9 คน ขึ้นไปบนเทือกเขา เพื่อหาของป่า แต่พบขบวนการอาร์เคเคประมาณ 5-7 คน หลบซ่อนตัวอยู่บนเทือกเขา จึงถูกยิงจนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 9 คน ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้กับกลุ่มคนร้าย ก่อนล่าถอยลงเขาไปเขตรอยต่อ อ.เจาะไอร้อง ขณะนี้ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ประสานกำลังออกไล่ล่าจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 02:33:57

    ตำรวจ-ทหารยะลาวิสามัญคนร้าย 2 ศพ มีหมายจับเพียบ

    [​IMG]

    ยะลา 15 ธ.ค. - เวลา 14.30 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) พ.ท.ยุทธนาม เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจยะลาที่ 11 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ยะลา จำนวน 50 นาย เข้าปิดล้อมบ้านต้องสงสัยในพื้นที่หมู่ 6 บ.บ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา

    หลังสืบทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งเป็นกลุ่มของนายบุครี กลาตัน อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 5 หมายของ สภ.เมือง พร้อมพวก กบดานอยู่ในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุ ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกระจายกำลังปิดล้อมบ้านต้องสงสัย คนร้ายจำนวน 5 คน พร้อมอาวุธปืนสงคราม ได้วิ่งออกจากบ้านพร้อมยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะนาน 20 นาที หลังสิ้นเสียงปืนพบว่าคนร้ายเสียชีวิต 2 คน พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 1 กระบอก

    ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อคนร้ายที่เสียชีวิต คือ นายบุครี และชายไทยมุสลิมยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25 ปี ส่วนคนร้ายอีก 3 คน อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้ พ.ท.ยุทธนาม กล่าวว่า นายบุครี ซึ่งเป็นหนึ่งในคนร้ายที่เสียชีวิต เป็นระดับหัวหน้ากลุ่มที่รับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่ ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา มีหมายจับในคดีด้านความมั่นคงรวมทั้งสิ้น 5 คดี ทั้งก่อเหตุยิง-เผาชาวบ้าน และเหตุลอบวางระเบิด 3 ครั้ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา โดยคนร้ายกลุ่มนี้คาดว่าเข้ามาในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุรุนแรง.- สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 18:09:06

    อุตุฯ ใต้เตือนเรือประมงคลื่นแรงอีกระลอก

    [​IMG]

    สงขลา 14 ธ.ค.- นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ออกประกาศเตือน ฉบับที่ 1 เวลา 12.00 น.วันนี้ (14 ธ.ค.) เรื่องคลื่นลมแรงในอ่าวไทย เนื่องจากอิทธิพลความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมและเริ่มส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของอ่าวไทยและภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้

    โดยจะทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมามีฝนมากเพิ่มขึ้น และคลื่นลมในอ่าวไทยกำลังแรงขึ้น อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-4 เมตร พร้อมขอให้ชาวเรือติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเฉพาะเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งตั้งแต่วันที่ 17-22 ธันวาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-14 15:50:16

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133

    นั่นนะซิ เกาหลีเหนือมีนิวเคลียร์นะ ส่งมาซักลูกเน่าเลยหละ

    ส่วนเขมร นั้นชิวๆๆ:'(
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฟิลิปปินส์เริ่มอพยพชาวบ้านบางส่วนที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟมายอน

    [​IMG]

    มะนิลา 15 ธ.ค. - ทางการฟิลิปปินส์เริ่มให้ชาวบ้านหลายพันคนอพยพออกจากพื้นที่อันตรายใกล้ภูเขาไฟมายอนในวันนี้ หลังจากภูเขาไฟลูกดังกล่าวเริ่มพ่นเถ้าถ่านและมีลาวาไหลซึมออกมา คาดว่าชาวบ้านกลุ่มนี้อาจจะต้องฉลองเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้ในศูนย์พักพิงชั่วคราว

    ผู้ว่าราชการจังหวัดอัลเบย์ ตอนกลางของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า มีประชาชนเกือบ 50,000 คน อาศัยในรัศมี 8 กม.รอบภูเขาไฟ ทางการได้สั่งอพยพประชาชนหลายพันคนแล้ว เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดการปะทุอย่างรุนแรง โดยมีการส่งรถไปรับประชาชนในหมู่บ้านไปยังโรงเรียนและที่พักพิงชั่วคราวแล้ว เจ้าหน้าที่ระบุว่า หากภูเขาไฟมายอนยังไม่เริ่มสงบลง พวกเขาจะไม่ยอมให้ประชาชนกลับไปยังบ้านเรือน และว่าในช่วง 10 วันก่อนคริสต์มาส ประชาชนอาจต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวก่อน

    หัวหน้าสถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า แมกมา หรือหินละลายเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มมีลาวาไหลออกมาเมื่อคืนวันจันทร์ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้อาจเกิดการระเบิดขึ้น

    ภูเขาไฟมายอนระเบิดครั้งรุนแรงที่สุด เมื่อปี 2357 มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,200 คน และฝังเมืองทั้งเมืองในกองโคลน และระเบิดครั้งหลังสุด เมื่อปี 2536 มีผู้เสียชีวิต 79 คน ฟิลิปปินส์มีภูเขาไฟที่ยังไม่สงบอยู่ 22 ลูก จากทั้งหมด 37 ลูก. -สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 10:54:49

    ฟิลิปปินส์อพยพชาวบ้าน 20,000 คนหลังภูเขาไฟเริ่มพ่นลาวา

    [​IMG]

    มะนิลา 16 ธ.ค. - ทางการฟิลิปปินส์อพยพประชาชนกว่า 20,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ภูเขาไฟมายอนเมื่อคืนนี้ หลังจากภูเขาไฟเริ่มพ่นเถ่าถ่าน และลาวาออกมา ทำให้ชาวบ้านอาจต้องฉลองเทศกาลคริสต์มาสในที่พักพิงผู้ประสบภัย

    นักภูเขาไฟวิทยาของรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพิ่มระดับเตือนภัยภูเขาไฟมายอนไว้ที่ 2 ระดับก่อนจะถึงระดับที่ภูเขาไฟจะระเบิดอย่างรุนแรง หลังเริ่มมีเถ้าถ่านพวยพุ่งออกมาเมื่อวันจันทร์ และมีลาวาไหลทะลักออกมา นายเรนาโต โซลิดัม หัวหน้าสถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ ระบุว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    นายโจอี้ ซัลเซดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอัลเบย์ ระบุว่า เมื่อคืนนี้มีการอพยพประชาชนกว่า 20,000 คน ออกจากบ้านเรือน โดยทางการส่งรถเข้าไปรับประชาชนจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วนำไปส่งตามโรงเรียน และที่พักพิงชั่วคราวที่จัดไว้ ซึ่งหากสถานการณ์ไม่คลี่คลายลงทางการจะไม่อนุญาตให้ประชาชนกลับบ้าน. -สำนักข่าวไทย

    2009-12-16 09:17:03

    เกาหลีใต้เตรียมส่งอุปกรณ์การแพทย์ช่วยเกาหลีเหนือสู้หวัดสายพันธุ์ใหม่

    [​IMG]

    โซล 14 ธ.ค.– เกาหลีใต้กำลังเตรียมส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ มูลค่ากว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยเหลือเกาหลีเหนือในการต่อสู้การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

    กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ ระบุว่า ความช่วยเหลือทางการแพทย์ดังกล่าว รวมทั้งยาต้านไวรัสสำหรับผู้ป่วย 500,000 คน โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 15.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความร่วมมือระหว่างเกาหลี โฆษกกระทรวงรวมชาติ ระบุว่า การจัดส่งความช่วยเหลือทางการแพทย์ไปยังเกาหลีเหนือจะกระทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในสิ้นปีนี้ จะนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งความช่วยเหลือโดยตรงไปยังเกาหลีเหนือนับแต่เมื่อปีที่แล้ว

    เกาหลีเหนือรายงานเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 9 คน ในกรุงเปียงยาง และเมืองบริเวณพรมแดนติดต่อกับจีน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต.- สำนักข่าวไทย

    2009-12-14 17:53:07

    การประชุมโลกร้อนเดินหน้าอีกครั้งหลังยุติลงชั่วคราว

    [​IMG]

    เดนมาร์ก 15 ธ.ค. - การประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ที่เดนมาร์ก กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง หลังยุติลงชั่วคราว เนื่องจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาคว่ำบาตรการประชุม

    ก่อนหน้านี้ การประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงเช้าต้องยกเลิกไป ภายหลังจากจีน อินเดีย และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ประกาศคว่ำบาตรการประชุมชั่วคราว เนื่องจากไม่พอใจที่ทางการเดนมาร์กโยกการประชุมเพื่อหามาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งควรจะมีความสำคัญ ไปพูดคุยนอกรอบแทนการหารือในที่ประชุมใหญ่ ทั้งยังเรียกร้องชาติร่ำรวยให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะมีการเจรจาจนสามารถเริ่มต้นการประชุมได้อีกครั้ง แต่ปรับลดระดับลงมาเหลือเพียงการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ โดยเน้นไปที่ความเห็นของชาติกำลังพัฒนาต่าง ๆ ที่ต้องการขยายเวลาบังคับใช้พิธีสารเกียวโตออกไป จากเดิมที่จะหมดอายุลงในอีก 3 ปีข้างหน้า. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 04:35:03

    สเปนเผชิญพายุหิมะระลอกแรกของปีนี้

    [​IMG]

    สเปน 15 ธ.ค. - พายุหิมะที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักส่งผลให้ขณะนี้ จังหวัดร่วม 20 จังหวัดของสเปน ขาวโพลนไปด้วยหิมะ อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 เดือนก่อน ที่ผู้คนในสเปนต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดผิดปกติ

    หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้ต้องมีการประกาศเตือนอันตรายจากพายุหิมะตามจังหวัดต่าง ๆ ส่วนที่บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน คาดว่าจะมี ฝนตกลงมาอย่างหนัก และในบางพื้นที่ อาจมีพายุลูกเห็บตกลงมาด้วย

    เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาคาดว่าสภาพอากาศจะเลวร้ายติดต่อกันไปจนถึงวันพรุ่งนี้ ขณะที่ภาคใต้ของสเปน อุณหภูมิจะค่อย ๆ สูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 11:08:07

    เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในอัฟกานิสถาน เสียชีวิต-บาดเจ็บ 48 คน

    [​IMG]

    คาบูล 15 ธ.ค. - เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในวันนี้ที่ย่านวาซีร์ อัคบาร์ ข่าน ในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน ใกล้กับโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งชาวตะวันตกนิยมเดินทางมาพัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน และบาดเจ็บอีก 40 คน

    กรุงคาบูลเผชิญกับเหตุโจมตีบ่อยครั้งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเหตุระเบิดในวันนี้มีขึ้นก่อนเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 13.30 น. ตามเวลาในไทย ก่อนเจ้าหน้าที่ของทางการอัฟกานิสถานและเอกอัครราชทูตจะเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยปัญหาการทุจริตในทุกพื้นที่ในกรุงคาบูล โดยเหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นนอกประตูโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้กับบ้านพักของโฆษกประจำตัวประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ แรงระเบิดยังทำให้บ้านเรือนใกล้เคียงอย่างน้อย 4 หลัง และรถยนต์เสียหาย

    โฆษกประจำกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเป็นระเบิดฆ่าตัวตาย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ในจำนวนดังกล่าวรวมถึงพลเรือนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่ยังไม่ทราบเป้าหมายของการระเบิดในครั้งนี้ ทั้งนี้ เขตวาซีร์ อัคบาร์ ข่าน เป็นที่ตั้งของสถานทูตต่างชาติจำนวนมากและองค์การบรรเทาทุกข์ รวมทั้งที่อยู่อาศัยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอัฟกานิสถานด้วย. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 15:40:29

    ระเบิดรถยนต์ 3 ระลอกในอิรัก เสียชีวิต-เจ็บ 18 คน

    [​IMG]

    แบกแดด 15 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยอิรักแถลงว่า เกิดเหตุวางระเบิดรถยนต์ 3 ระลอกในเวลาไล่เลี่ยกันในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าวันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และบาดเจ็บอีก 14 คน ในกรุงแบกแดด

    เหตุระเบิดระลอกแรกเกิดใกล้สถานทูตอิหร่านเมื่อเวลา 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 12.30 น. ตามเวลาในไทย ส่วนระลอกที่ 2 เกิดตามมาภายในเวลาไม่กี่นาทีใกล้กระทรวงต่างประเทศ และระลอกที่ 3 เกิดใกล้กระทรวงกิจการผู้อพยพและไร้ที่อยู่อาศัย นับเป็นการก่อเหตุระเบิดรถยนต์พร้อมกันหลายที่ เป็นระลอกที่ 4 ในรอบ 4 เดือน โดยพุ่งเป้าโจมตีหน่วยงานของรัฐในกรุงแบกแดดทั้งที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย เหตุโจมตีในกรุงแบกแดดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตถึง 127 คน และบาดเจ็บ 448 คน

    เหตุระเบิดครั้งล่าสุดในวันนี้เกิดใกล้กับเขตกรีนโซนที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เนื่องจากเป็นที่ตั้งสถานทูตสหรัฐและอังกฤษและสำนักนายกรัฐมนตรีอิรัก และยังเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐถูกบรรดาสมาชิกรัฐสภารุมโจมตีว่าไม่ได้รับความร่วมมือในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 14:49:44

    ชาวบ้านฟิจิหลายพันอพยพหนีภัยไซโคลนมิค

    [​IMG]

    ฟิจิ 15 ธ.ค.-ไซโคลน "มิค" ถล่มฟิจิ ส่งผลให้ชาวบ้านหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

    ความรุนแรงของไซโคลนมิค ซึ่งนับเป็นไซโคลนลูกแรกที่เคลื่อนเข้าถล่มฟิจิในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้ชาวบ้านร่วม 3,000 คน ต้องอพยพไปอยู่ตามที่พักฉุกเฉิน พื้นที่หลายแห่งจมอยู่ใต้น้ำ บ้านเรือนหลายหลังเสียหาย เสาไฟฟ้าหลายต้นหักโค่น และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน

    ผู้เสียชีวิต 2 คน ถูกพัดพาไปพร้อมกับกระแสน้ำ ส่วนผู้เสียชีวิตอีกคนเป็นนักเรียนที่เสียชีวิตเนื่องจากถูกต้นไม้หักโค่นลงมาทับ ล่าสุดไซโคลนมิคกำลังมุ่งหน้าสู่ตองกา ด้วยกำลังลมร่วม 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งทางการตองกาเตรียมรับมือกับไซโคลนลูกนี้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-15 15:26:16

    สื่อเกาหลีใต้เผยผู้นำเกาหลีเหนือมีสุขภาพแย่ลง

    [​IMG]

    โซล 16 ธ.ค. – สถานีวิทยุโอเพ่น เรดิโอ ในเกาหลีใต้ รายงานวันนี้ว่า นายคิม จอง-อิล ผู้นำของเกาหลีเหนือ กำลังป่วยเป็นโรคกล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นผลจากการสูบบุหรี่และดื่มหนัก และไม่สามารถทำงานได้หากไม่ได้รับการพักผ่อนแบบวันเว้นวัน

    สถานีวิทยุโอเพ่น เรดิโอ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านข่าวเกาหลีเหนือ รายงานว่า อาการดังกล่าวของนายคิม จอง-อิล วัย 67 ปี เริ่มย่ำแย่ลงในเดือนที่ผ่านมา แม้ว่านายคิม จะฟื้นตัวขึ้นมากจากอาการป่วยด้วยโรคไต และการอุดตันของเส้นเลือดในปีที่ผ่านมา รายงานอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในเกาหลีเหนือ ระบุว่า นายคิม ไม่สามารถทำงานได้หากไม่ได้รับการพักผ่อนแบบวันเว้นวัน พร้อมทั้งเชื่อว่าการสูบบุหรี่จัด และดื่มหนัก เป็นสาเหตุหลักของโรคดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้ ไม่ได้ออกมายืนยันรายงานดังกล่าว

    สุขภาพของนายคิม เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากเขากุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองประเทศ และอาจเกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้นในเกาหลีเหนือ หากนายคิม เสียชีวิตลงโดยไม่แต่งตั้งผู้สืบทอดอำนาจต่อจากเขา ก่อนหน้านี้ นายคิม เคยถูกบอกให้เลิกนิสัยสูบบุหรี่แบบมวนต่อมวนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า นายคิม กลับมาสูบบุหรี่แบบเดิมอีกครั้งหรือไม่. -สำนักข่าวไทย

    2009-12-16 16:04:11

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    เมื่อเช้าดูข่าวช่อง 3 (สรยุทธ) ว่าเมื่อวานคนกรุงเทพฮือฮาเจอวัตถุประหลาด เป็นแสงสว่างหลายจุดบนท้องฟ้า
    <TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้(16 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนจำนวนมาก

    ว่าพบเห็นดวงไฟประหลาด ลอยอยู่บนท้องฟ้ากว่า 30 ดวง กลางใจเมืองกรุงเทพฯ เช่นที่บริเวณแยกวรจักร ทำให้ผู้ที่พบเห็นดวงไฟดังกล่าว แตกตื่นตกใจระคนความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวมาสำรวจโลกบ้าง บางคนก็ว่าเป็นดาวเทียมจารกรรม

    นายทิฆัมพร อยู่คำ เจ้าหน้าที่วิทยุ ศูนย์กู้ชีพ รพ.กลาง ได้เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังด้วยเสียงที่ตื่นเต้นว่า ขณะที่ตนปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีดวงไฟประหลาดอยู่เหนือหลังคาของโรงพยาบาล

    ตนจึงรีบหยิบกล้องถ่ายรูป พร้อมเลนส์ซูมระยะไกลของตน ขึ้นไปบนดาดฟ้าอาคาร ก็ได้พบเห็นดวงไฟประหลาด มีลักษณะเป็นก้อนไฟ รูปวงรี คล้ายกับร่มชูชีพ ลักษณะบาง และใส สามารถลอยได้อย่างอิสระ บางลูกสามารถหมุนได้กว่า 180 องศา บางลูกเคลื่อนที่ไปมาทางซ้าย ทางขวาสลับกัน โดยเกาะกลุ่มอยู่ประมาณ 30-40 ดวง ในความสูงประมาณ 10,000 ฟิต

    นายทิฆัมพร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้เข้าอบรมเกี่ยวกับการกู้ภัยทางอากาศ เลยพอมีความรู้อยู่บ้างว่า ดวงไฟเหล่านี้ ต่างจากอากาศยานอื่นที่ตนได้เคยพบมา

    รวมทั้งเมื่อช่วงที่ผ่านมา ตนก็เคยพบวัตถุประหลาดคล้ายกันแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อนำกล้องส่องทางไกลส่องดูก็พบว่า เป็นถุงพลาสติก ซึ่งไม่เหมือนกับครั้งนี้เลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำมีผู้โทรศัพท์เข้ามาถามเรื่องดวงไฟลอยอยู่บนท้องฟ้าหลายราย แต่ไม่มีใครสามารถถ่ายภาพได้ มีเพียง นายทิฆัมพร ที่ถ่ายภาพไว้ได้ จึงขอภาพมาดูก็พบว่าเป็นลูกไฟเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถตอบหรือให้ความเห็นได้ว่าเป็นอะไรแน่


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ข่าว: ฮือฮา ภาพนักรบ สมัยกรุงศรีอยุธยาโผล่

    <SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15; //--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=15 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-0032874521947222&output=html&h=15&slotname=7657140061&w=468&lmt=1260964544&flash=10.0.32.18&url=http%3A%2F%2Fnews.mthai.com%2Fgeneral-news%2F63959.html&dt=1261013981842&correlator=1261013981842&frm=0&ga_vid=1121487069.1261013982&ga_sid=1261013982&ga_hid=601866093&ga_fc=0&ga_wpids=UA-1682552-2&u_tz=420&u_his=0&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=734&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=680&bih=423&eid=36815002&ref=http%3A%2F%2Fwww.mthai.com%2F&fu=0&ifi=1&dtd=250&xpc=Fp1kFIIwhw&p=http%3A//news.mthai.com" frameBorder=0 width=468 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>


    บทความนี้เขียนโดย supernova, โพสต์เมื่อ <ABBR class=published title=2009-12-16T11:54:18+0700>วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2009 เวลา 11:54:18</ABBR>, ในหมวด ข่าวทั่วไป, ข่าวเด่นประจำวัน และ กรุงศรีอยุธยา, ภาพนักรบ. แสดงความคิดเห็น หรือทิ้งแทร็กแบค: Trackback URL.
    <FIELDSET class=sharing><LEGEND class=orange_txt>ส่งต่อ</LEGEND>[​IMG] [​IMG] </FIELDSET> <FIELDSET class=tags><LEGEND class=orange_txt>แท็ก</LEGEND>
    </FIELDSET> <FIELDSET class=category><LEGEND class=orange_txt>หมวดข่าว</LEGEND>
    </FIELDSET> <FIELDSET class=other><LEGEND class=orange_txt>อื่นๆ</LEGEND>
    </FIELDSET>
    [​IMG]
    ช่วงจัดงานมรดกโลก ชาวบ้านแห่จุดธูปขอโชคลาภ
    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านใน อ.บางปะหัน จ.พระนคศรีอยุธยา ว่าที่บ้านเลขที่ 1/8 ม.8 ต.พุทเลา อ.บางปะหัน มีภาพคล้ายนักรบโบราณปรากฏอยู่ที่ฝาบ้าน จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่า บ้าน หลังดังกล่าวเป็นบ้านใต้ถุนสูง ด้านล่างกั้นเป็นห้องเอาไว้จำนวน3 ห้อง ภายในบ้านมีชาวบ้านจำนวนมากจับกุมนั่งพูดคุยกันอยู่ ตรวจสอบภายในห้องกลาง มีโต๊ะตั้งอยู่มีกระถางธูปดอกไม้ ขวดน้ำอัดลม ที่ฝาผนังมีรอยคราบน้ำปรากฏอยู่อย่างชัดเจน คล้ายนักรบโบราณรูปร่างกำยำมีหนวดเครา สวมหมวก ยืนถือดาบครึ่งตัว
    นางจำนง ไสยศรี อายุ39 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อ วันที่ 12 ธันวาคม ช่วงบ่าย ตนเองนอนเล่นอยู่ภายในห้องสังเกตเห็นภาพของนักรบค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาเป็นรูปร่าง ตนตกใจมากรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านและเรียกญาติมาดู ต่างพากันเชื่อว่าเป็นภาพของนักรบยืนถือดาบหันข้างอยู่ จึงนำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะ ได้ต่อเติมห้องเพิ่มที่ด้านล่างของบ้าน ได้ประมาณ1 ปี ไม่ได้มีการทาสีแต่อย่างใดและไม่เคยมีคราบน้ำหรือภาพอะไรปรากฏมาก่อน เมื่อกลางปีที่ผ่านมาตนเองได้ซื้อล็อตเตอรี่และพูดเอาไว้ว่าถ้าถูกหวยจะทำ ศาลพระภูมิใหม่เพราะของเดิมชำรุดมากแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ถูกหวยมาตลอดติดต่อกัน ทุกงวดจำนวนกว่า 15 งวดแล้ว จึงได้นำคนทรงเจ้ามาเข้าทรงบอกว่าที่ดินบริเวณนี้เป็นที่แรง ถ้าอยู่แล้วทำดีจะให้โชคให้ลาภเขาไม่ที่อยู่จะขอที่อยู่ ตนเองฟังแล้วขนลุกจนทุกวันนี้ไม่กล้าเข้าไปนอนห้องดังกล่าว เจ้าที่อาจจะมาปรากฏภาพเพื่อเตือนสติตนเองเรื่องสร้างศาลพระภูมิ หลังทราบข่าวมีเพื่อนบ้านเข้ามากราบไหว้และขอโชคลาภ ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ ตลอดทั้งวัน
    [​IMG]
    ด้านนางเล็กไสยศรี อายุ 74 ปี แม่ของนางจำนง เล่าว่า อยู่ที่บ้านนี้มากว่า 30 ปี ยังไม่เคยมีเรื่องราวลักษณะนี้เกิดขึ้น เมื่อก่อนเคยเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย มีโจรมันเข้ามาจะขโมยวัวอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งตนจะได้ยินเสียงมีคนมาเขย่าประตูรั้วดังสนั่น พอออกมาดูเห็นโจรกำลังจะขโมยวัว และโจรจะเตลิดหนีทิ้งวัวควายไปทุกครั้ง ปู่ยาตายายเล่าให้ฟังว่าทุ่งบริเวณนี้เรียกกันว่าทุ่งผี เพราะเป็นที่ทิ้งศพนักรบทั้งไทยและข้าศึกที่เสียชีวิตในศึกสงครามสมัยกรุง ศรีอยุธยา เพราะเป็นเส้นทางทำการรบของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ที่ทุ่งมะขามหย่องและทุ่งภูเขาทองที่สมเด็จพระนเรศวรรบกับข้าศึก
    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลานี้ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังจัดงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกและมีการแสดงจินตภาพประกอบแสงสีเสียง เรื่อง กรุงศรีอยุธยา กษัตรามหาราชัน ชาวบ้านจึงร่ำลือกันว่า วิญญาณนักรบที่เสียชีวิตในศึกสงครามในบริเวณดังกล่าวมาปรากฏตัวให้เห็น
    • ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
    • [​IMG]
    • <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ดอลล์แข็ง ฉุดทองคำปิดลบ 80 เซนต์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
      </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กร่วงลง 80 เซนต์ เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์..

      เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ.ร่วงลง 80 เซนต์ ปิดที่ 1,123 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 1127.6-1117.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ

      ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 11.5 เซนต์ ปิดที่ 17.455 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และสัญญาทองแดงส่งมอบเดือน มี.ค.ลดลง 1.05 เซนต์ ปิดที่ 3.1415 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปอนด์

      ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,452.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือน มี.ค.ปิดที่ 366.05 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ลดลง 2.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ

      นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้สัญญาทองคำปิดลบ แต่แรงซื้อยังคงส่งเข้ามาตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ โดยเฉพาะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดในสหรัฐฯ ที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

      กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีพีพีไอเดือน พ.ย.พุ่งขึ้น 1.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่ดัชนีพีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรุนแรงสุดในรอบกว่า 1 ปี

      ล่าสุดเวลา 09.30 น. ราคาทองคำแท่ง 96.5% รับซื้อบาทละ 17,650 บาท ขายออก 17,750 บาท และราคาทองรูปพรรณ รับซื้อ 17,388.52 บาท ขายออก 18,150 บาท.


      </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เหนือ-อีสานอุณหภูมิลด2-4องศา ใต้ฝนเพิ่ม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากจีนแผ่ปกคลุมภาคเหนือ-อีสานพรุ่งนี้ ใต้มีฝนเพิ่มคลื่นลมแรง


    วันนี้(16ธ.ค.)กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00น. ว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.52) ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา และมีลมแรงโดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 2552 เป็นต้นไป ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00น.วันนี้ ถึง 06.00น. วันพรุ่งนี้

    ภาคเหนือ ตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา บริเวณยอดดอย: อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา บริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา บริเวณเทือกเขา: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา บริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 23 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จับรถมูลนิธิดังตรัง ขนกระท่อม300กก. ส่งเบตง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ตำรวจ สภ.ธารโต จับกุมหนุ่มตรังใช้รถมูลนิธิการกุศลดังในจ.ตรัง ขนกระท่อม 30 ถุง 300 กก.ส่ง เบตง ยะลา อ้างเพิ่งทำครั้งแรก ตร.ไม่เชื่อจับกุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดี

    เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 16 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธารโต จ.ยะลา จับกุมรถยนต์กระบะติดไซเรน พร้อมสติกเกอร์ มูลนิธิการกุศลดังแห่งหนึ่ง ใน จ.ตรัง หมายเลขทะเบียน บจ-5913 ตรัง ตามที่ได้รับแจ้งเบาะแส ก่อนส่งสัญญาณให้หยุดตรวจค้น ต่อมาพบใบกระท่อมสดอัดถุงพลาสติกจำนวน 30 ถุง น้ำหนัก 300 กิโลกรัม ซุกไว้บริเวณเบาะหลังจึงยึดไว้ สอบสวนผู้ต้องหาทราบชื่อ นายสุวิทย์ มะลิวัลย์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง อ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

    ด้าน พ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อัมรากระสินธุ์ ผู้กำกับการ สภ.ธารโต จ.ยะลา กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากทราบว่า ขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดแอบขนใบกระท่อมสดจากภาคใต้ตอนบนซุกซ่อนรถยนต์กระบะไปส่ง ที่ อ.เบตง จึงนำกำลังไปตั้งด่านบริเวณหน้าตลาดเกษตร ถนนสาย 410 (ยะลา-เบตง) กระทั่งจับกุมได้ดังกล่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. goldbell

    goldbell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,340
    <TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้(16ธ.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ

    ค้นพบดาวเคราะห์ 2 ดวงขนาดใหญ่กว่าโลก โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ 2 ดวงที่มีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ทั้งขนาดและอายุ ดาวเคราะห์ดังกล่าวมีลักษณะทางกายภาพเป็นหินแข็ง ขนาดใหญ่กว่าโลก แต่เล็กกว่าดาวยูเรนัสและเนปจูน นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการค้นพบครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะพบดาวเคราะห์ที่มีโอกาสมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ นักวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมข้อมูลเป็นเวลาหลายปีจากห้องสังเกตการณ์ดับเบิลยูเอ็ม เค ในฮาวายและจากกล้องโทรทรรศน์ที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย

    พบดาวเคราะห์ทั้งสองดวงนี้จากการติดตามสังเกตอาการซวนเซของดาวฤกษ์ ซึ่งเกิดมาจากอิทธิพลของแรงดึงดูดระหว่างดาวเคราะห์กับดาวฤกษ์

    ดาวฤกษ์ที่เป็นดาวแม่ให้กับดาวเคราะห์ดวงนี้มีชื่อว่า 61 เวอร์จิ้นส์ อยู่ไกลจากโลกเพียง 28 ปีแสง สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่บริเวณกลุ่มดาวหญิงสาว ดาวเคราะห์ดวงที่พบมีมวลมากกว่าโลกเพียง 5 เท่า และใช้เวลาโคจรรอบดาวฤกษ์ครบ 1 รอบด้วยเวลาเพียง 4 วัน นับเป็นดาวเคราะห์ดวงเล็กที่สุดดวงหนึ่งเท่าที่เคยค้นพบนอกสุริยจักรวาล ส่วนดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งถูกค้นพบว่าโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ชื่อเอชดี 1461 อยู่ไกลจากโลก 76 ปีแสง มีมวลมากกว่าโลก 7.5 เท่า


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 08.37 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 11.41 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 21.45 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

    -----------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 21.45 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.9 KB
      เปิดดู:
      1,638
    • A2.JPG
      A2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.6 KB
      เปิดดู:
      1,629
    • C1.JPG
      C1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61 KB
      เปิดดู:
      1,463
    • C2.JPG
      C2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.5 KB
      เปิดดู:
      1,426
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ริดสีดวง...เป็นแล้วอย่าชะล่าใจ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ริดสีดวง...เป็นแล้วอย่าชะล่าใจ


    ขึ้นชื่อว่า “ริดสีดวงทวารหนัก” ก็พาลให้นึกถึงวลีสุดฮิต “ลมมันเย็นนนนน” ที่สะท้อนความยากลำบากในการขับถ่ายและความเจ็บปวดในการนั่ง นับตั้งแต่อาการแสบๆ คันๆ จนถึงปวดขนาดลุกนั่งสะท้านใจ! แม้ริดสีดวงจะไม่ร้ายแรงถึงชีวิตแต่ก็ไม่ควรมองข้ามสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงยิ่งต้องระวัง มิฉะนั้นอาจสายเกินไป
    ริดสีดวง... ชื่อนี้ไม่ได้มีแต่เสีย
    คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าหากมีอาการคัน เจ็บและแสบบริเวณปากทวารและมีเลือดออกเมื่อขับถ่ายอุจจาระ เป็นสัญญาณบ่งบอกของริดสีดวงทวารหนัก ซึ่งความจริงแล้วอาจมาจากสาเหตุอื่นที่คล้ายกัน เช่น แผลแยกบริเวณปากทวาร ฝี โรคติดเชื้อของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เกิดการอักเสบจากเชื้อรา ฯลฯ แต่ด้วยความที่เกิดใกล้ๆ กับบริเวณปากทวารจึงทำให้คนเข้าใจผิด และเหมารวมว่าเป็นริดสีดวงทวารไปเสีย ดังนั้นเพื่อความเข้าใจรวมถึงแนะวิธีสังเกตและรักษาริดสีดวงทวารหนักอย่างถูกต้อง นพ.ชิงเยี่ยม ปัญจปิยะกุล ศัลยแพทย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “โดยธรรมชาติทุกคนมีริดสีดวงทวารอยู่แล้ว คือเป็นเนื้อเยื่อภายในช่องทวารอยู่เหนือปากทวารหนักประมาณ 3 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่าเบาะรอง (cushion) มีอยู่ 3 ตำแหน่ง ซึ่งหากเปรียบกับทิศทางนาฬิกาก็คือ ตำแหน่งที่ 3, 7 และ 11 นาฬิกา เนื้อเยื่อเหล่านี้ช่วยทำให้การขับถ่ายอุจจาระเป็นไปอย่างสะดวก ไม่ทำให้ทวารหนักฉีกขาดและทำให้รูทวารหนักปิดสนิท ไม่มีอุจจาระเล็ดรอด แต่ “ริดสีดวง” ที่เป็นผู้ประสานงานอย่างดีจะกลายเป็นตัวปัญหาก่อให้เกิดความรำคาญ เมื่อหลอดเลือดบริเวณนั้นผิดปกติอันเนื่องมาจากท้องผูกเป็นประจำ ทำให้ต้องเบ่งมากทุกครั้งที่ถ่าย นั่งห้องน้ำนานๆ เช่น อ่านหนังสือพิมพ์ในห้องน้ำ หรือพยายามเบ่งถ่ายทั้งๆ ที่ไม่ปวดถ่าย หรือในกรณีของผู้สูงอายุที่กล้ามเนื้อหย่อนยาน หญิงตั้งครรภ์ที่มดลูกขยายใหญ่เบียดอุ้งเชิงกรานทำให้เลือดบริเวณนั้นไหลกลับไม่สะดวก เช่นเดียวกับคนที่เป็นโรคตับแข็งและม้ามโต ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเบาะรองเกิดการโป่งพอง และขยายตัวเป็นก้อนเบียดออกด้านข้างหรือเลื่อนต่ำลงมา จนกลายเป็นริดสีดวงทวารหนักที่เป็นปัญหา”
    ชนิดของริดสีดวงทวารหนัก

    ริดสีดวงทวารหนักแบ่งเป็นสองชนิดตามลักษณะตำแหน่งการเกิด นั่นคือ
    • <LI class=style36>ริดสีดวงภายนอก เป็นติ่งเนื้อเยื่อที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้รอบๆ ทวารหนัก อาจมีอาการคันจนกระทั่งเจ็บปวดมาก ทำให้รบกวนการลุกนั่งไม่สะดวก วิธีการรักษาคือ ผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหา
    • ริดสีดวงทวารหนักภายใน มักไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เพราะเกิดอยู่ภายในทวารเหนือเส้นประสาทรับความรู้สึก อาการที่สังเกตได้คือ มีเลือดออกสีแดงสดหลังถ่ายอุจจาระ คนที่เป็นมากๆ อาจเห็นเป็นหยดเลือดไหลเป็นสายบริเวณโถส้วม ซึ่งริดสีดวงทวารหนักภายในสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะตามความรุนแรงที่เป็นคือ
    ระยะที่ 1 เมื่อส่องกล้องตรวจดูจะพบว่ามีเพียงติ่งเนื้อยื่นออกมา สามารถรักษาด้วยการแช่ก้นด้วยน้ำอุ่น การใช้ยาเหน็บ ยาทา และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ นั่นคือกินผักและผลไม้เพื่อเพิ่มกากใยอาหารเพื่อป้องกันท้องผูก
    ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงทวารหักโผล่ออกมาขณะเบ่งถ่ายและหดกลับเข้าไปเองหลังถ่ายอุจจาระ ติ่งเนื้อยื่นออกมาบ่อยเวลาถ่าย มีเลือดออกเช่นเดียวกับระยะที่ 1 บวกกับอาการคัน หรือมีมูกแฉะบริเวณทวารหนักร่วมด้วย วิธีการรักษาคือการฉีดยาทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นหดตัวฝ่อ หรือการใช้หนังยางพิเศษรัดเพื่อทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขาดเลือด ทำให้เนื้อเยื่อตายแล้วหลุดออกมาเองประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งคนที่เป็นจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่ต้องวางยาสลบ และ สามารถกลับบ้านได้เลย ทั้งนี้ระหว่างที่เนื้อเยื่อหลุดออกจะมีเลือดซึมออกมาบ้าง จึงต้องใช้ผ้าอนามัยรองซับ
    ระยะที่ 3 และ 4 มีลักษณะใกล้เคียงกันคือ หัวริดสีดวงทวารหนักจะโผล่ออกมาเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ ไอ จาม การยกของหนัก ระยะนี้จำเป็นต้องใช้มือดันเข้าไป แต่ก็มักโผล่ออกมาอีก กลายเป็นติ่งยื่นอยู่ภายนอกทวาร หากหัวริดสีดวงทวารหนักเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ ก็จะสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ซึ่งระยะนี้มักพบว่าเป็นทั้งริดสีดวงภายนอกและภายในพร้อมกัน จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดรักษา ซึ่งปัจจุบันมีทั้งการผ่าตัดใช้มีดปกติ การใช้เลเซอร์ การใช้เครื่องมือตัดเย็บหัวริดสีดวงอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการตัดควั่นเอาริดสีดวงทวารหนักภายในและเย็บทันที เป็นต้น การเลือกวิธีการผ่าตัดต้องพิจารณาความเหมาะสมตามความรุนแรงและขนาดของริดสีดวงทวารหนักของแต่ละคน บวกกับความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ แต่ที่สำคัญคือ วางใจได้ว่าหลังการผ่าตัดแล้วหูรูดจะไม่เสียอย่างที่เข้าใจกัน

    การดูแลตัวเองหลังการรักษาหรือผ่าตัดริดสีดวงทวารหนัก
    การรักษาริดสีดวงทวารหนักในระยะต้นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาแบบไปเช้าเย็นกลับ สามารถทำได้ที่คลินิกและโรงพยาบาล ยกเว้นกรณีที่ต้องผ่าตัดรักษา คุณหมอจะต้องวางยาสลบและให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่อสักระยะ ทั้งนี้การดูแลรักษาตนเองหลังการรักษาหรือผ่าตัดริดสีดวงทวารหนักที่สำคัญก็เช่น

    • <LI class=style36>การแช่ก้นในน้ำอุ่นเช้า-เย็น ครั้งละ 15-30 นาที ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อทำให้แผลริดสีดวงทวารที่เพิ่งผ่าตัดสะอาด ลดการติดเชื้อ บวมและแสบได้ดี แต่หากไม่สะดวกสามารถใช้สายชำระฉีดทำความสะอาดตามปกติได้เช่นกัน โดยไม่ต้องใช้สบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ใดๆ <LI class=style36>หลีกเลี่ยงการสวนทวารด้วยยาสวน เพราะอาจระคายแผลที่เพิ่งรักษาเกิดการบวม และอักเสบได้ โดยเฉพาะการรัดหนังยาง แต่ระหว่างนี้อาจกินยาระบายเพื่อช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม แผลที่เพิ่งผ่าตัดก็จะหายเร็วมากขึ้น
    • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายเสียใหม่ เพื่อป้องกันการกลับไปเป็นริดสีดวงทวารหนักอีกครั้ง นั่นคือพยายามอย่าให้ท้องผูก ดื่มน้ำมากๆ รับประทานผัก ผลไม้และธัญพืชที่มีกากใยอาหารมาก ไม่นั่งห้องน้ำนานๆ หากไม่ปวดถ่าย การไม่กลั้นอุจจาระ การไม่ใช้ยาระบายพร่ำเพรื่อจนทำให้เกิดอาการท้องผูก
    ริดสีดวงทวารหนัก VS มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
    คุณหมอชิงเยี่ยมตอบข้อสงสัยนี้ที่มีคนถามกันมากว่า “การเป็นริดสีดวงทวารหนักไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก แต่ริดสีดวงเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามองข้ามถึงสัญญาณอันตรายที่เตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เนื่องจากทั้งสองอาการมีสาเหตุอย่างเดียวกันคือ ท้องผูกเรื้อรัง แถมยังมีเลือดออกทางทวารหนักคล้ายคลึงกัน ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการขับถ่ายอุจจาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่มากกว่า 50 ปีขึ้นไป หมอแนะนำว่าให้มาตรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง อย่าเดาเอาเอง เพราะนอกจากจะรักษาไม่ตรงจุดหรือถูกวิธีแล้ว มันอาจเป็นการตัดโอกาสในการรักษาที่จะตัดไฟแต่ต้นลมหากเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก”


    ริดสีดวงทวารหนักจะไม่เป็นที่หนักใจแน่ๆ หากรีบไปตรวจหาสาเหตุเสียแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าเป็นไม่มากก็เท่ากับเจ็บตัวน้อยนะคะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    Healthtoday

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table id="post2722152" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">Pew Pew<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2722152", true); </script>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Dec 2007
    ข้อความ: 619
    พลังการให้คะแนน: 224 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2722152" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->10 ปรากฏการณ์ประหลาด ผลกระทบวิกฤต"โลกร้อน"

    [​IMG]

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลายหรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯลฯ!


    1.สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
    [​IMG]
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ นั่นคือ ประชาชนไอ จาม เป็นภูมิแพ้และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุจากการศึกษาที่ ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศเป็นสาเหตุสำคัญของอาการดัง กล่าวอย่างไรก็ตาม
    มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกันคนที่ เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย



    2.สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
    [​IMG]
    ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้นสัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว



    3."พืช"ขั้วโลกคืนชีพ
    [​IMG]
    ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ
    พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปี แต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง
    กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ

    4.ทะเลสาบหายสาบสูญ
    [​IMG]
    เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่งได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลก
    สาเหตุที่ทะเลสาบหายไปก็เพราะ "เพอร์มาฟรอส" ที่เป็นน้ำแข็งแข็งตัวอยู่ใต้พื้นทะเลสาบนั้นละลายหมดสิ้นไป ดังนั้น น้ำในทะเลสาบจึงซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้ เหมือนกับเวลาเราดึงจุกปิดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำแล้วน้ำจึงไหลหมดไปจากอ่าง นั่นเอง นอกจากนี้ การที่ทะเลสาบขั้วโลกหายวับไป ยังส่งผลลูกโซ่ปั่นป่วนไปถึงระบบนิเวศในพื้นที่ที่พึ่งพิงน้ำจากทะเลสาบอีก ด้วย



    5.น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย
    [​IMG]
    ภาวะโลกร้อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธารน้ำแข็งขั้ว โลกละลายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกัน ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตก็คือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็น "รูรั่ว" ใต้ดินขึ้นมาเมื่อเป็นเช่นนี้สภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ย่อมเปลี่ยนไป
    สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งก่อสร้างของมนุษย์ เช่น ทางรถไฟ ถนน บ้านเรือน ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่เหนือจุดดังกล่าวมีโอกาสได้รับความเสียหายตามไปด้วยถ้าปราก ฎการณ์น้ำแข็งละลายเกิดขึ้นบนที่สูง เช่น ภูเขา จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติตามมา อาทิ หินถล่มและโคลนถล่ม เป็นต้น



    6.ชนวนเกิดไฟป่า
    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันทั่วโลก ว่า ภัยโลกร้อนเป็นสาเหตุให้ธารน้ำแข็งละลายและพายุก่อตัวบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่า ในอดีตยิ่งไปกว่านั้น ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด "ไฟป่า" ได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
    และชาติเมืองหนาวในซีกโลกตะวันตก ซึ่งตามปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟป่า ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้กันแล้ว
    เหตุเพราะสภาพป่าแห้งกว่าเดิม จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี


    7.ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด
    [​IMG]
    โลกร้อนส่งผลให้หน้าหนาวหดสั้นลง และหน้าร้อนมาถึงเร็วขึ้นบรรดา "นกอพยพ" หลายสายพันธุ์ต่างมึนงง ปรับ "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวของมันให้เข้ากับสภาพความผันแปรของฤดูกาลที่บิดเบี้ยวไปไม่ทันสัตว์ที่ จะเอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในทุกวันนี้ได้ต้องเป็นสายพันธุ์ที่ แข็งแรงที่สุดเท่านั้น
    ในที่สุดสัตว์ที่อยู่รอดจะต้อง "กลายพันธุ์" หรือปรับพันธุกรรมในตัวมันเสียใหม่ เพื่อรับมือภัยโลกร้อนให้ได้ และมีสัตว์หลายชนิดกำลังวิวัฒนาการตัวเองเช่นนั้นอยู่


    8.ดาวเทียมโคจรเร็วกว่าเดิม
    [​IMG]

    การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยวดยานพาหนะ ฯลฯ คือ ตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อน
    ล่าสุดพบว่า เจ้าก๊าซตัวเดียวกันนี้เองที่ขึ้นไปสะสมมากขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก ได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้ "ดาวเทียม" ที่อยู่ในวงโคจร
    โลกเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิมตามปกติ อากาศในบรรยากาศชั้นนอกสุดของโลกจะเบาบาง แต่โมเลกุลของอากาศจะยังคงมีแรงดึงดูดมากพอในการทำให้ดาวเทียมโคจรช้าๆ ดังนั้น เราอาจเคยได้ยินข่าวกันมาบ้างว่า ผู้ควบคุมต้องจึดระเบิดดาวเทียมเป็นระยะๆ เพื่อให้ดาวเทียมโคจรต่อไปอย่างถูกต้อง
    อย่างไรก็ตาม เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ลอยไปสะสมในบรรยากาศชั้นล่างมากไป จะทำแรงดึงดูดของบรรยากาศชั้นนอกสุดลดกำลังลง
    ดาวเทียมจึงโคจรเร็วกว่าปกติ



    9.ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก
    [​IMG]
    ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งทั่วโลกกำลังขยายตัว "สูง" ขึ้น เพราะผลจากโลกร้อน! นั่นเป็นเพราะ ตามธรรมชาติที่ผ่านๆ มานับพันปี
    ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมี "น้ำแข็ง" ปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับให้ฐานล่างของภูเขาทรุดต่ำลง ไปใต้พื้นผิว
    เมื่อน้ำแข็งบนยอดเขามลายสูญสิ้นไป ส่วนฐานล่างที่เคยถูกกดจมดินลงไปจะค่อยๆ กระเด้งคืนตัวกลับมาเหนือผิวโลกอีกครั้ง



    10.โบราณสถานเสียหาย
    [​IMG]
    โบราณสถาน เมืองเก่าแก่ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจาก โลกร้อน เหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้วโบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน

    ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากธรรมชาติโดยเฉพาะ แถบขั้วโลก ที่น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว แล้วในอนาคตข้างหน้านี้ แถบขั้วโลกอาจจะเกิดน้ำแข็งละลายหมด จนทำให้น้ำที่ละลายมีปริมาณสูงขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายสาเหตุ ที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะ "มนุษย์"


    ที่มา : หนังสือรุก-รับ “โลกร้อน ก่อนโลกหายนะ
    Computer Science, KMITL - Index




    Tag: โลกร้อน, ดาวเทียม, น้ำแข็ง, ทะเลสาบ, ภูมิแพ้, โบราณสถาน, ปรากฏการณ์, ภูเขา
    เขียนโดย greenmblog ที่ 2009-07-14 14:24:22 น.
    </td></tr></tbody></table>
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Avatar หนังดีที่น่าดู

    [​IMG]

    ไปดูมาแล้วครับ หนังสนุกมาก ดูแล้วได้แง่คิดหลายๆ อย่าง โดยหนังเรื่องอวตารนี้ ได้สมมุติให้มนุษย์โลกเป็นผู้ไปรุกรานดาวดวงอื่น ด้วยวิทยาการเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าอย่างมาก เพื่อแย่งชิงเอาแร่ธาตุและทรัพยากรของดาวแพนโดราที่ยังใช้เพียงธนู หอก ดาบ เป็นอาวุธ และคนบนดาวแพนโดราเรียกมนุษย์โลกเราว่า "มนุษย์ต่างดาว" ที่มาบุกรุกดวงดาวของพวกเขา

    สงครามระหว่างดวงดาว จึงได้อุบัติขึ้นเนื่องเพราะความโลภ อยากได้ทรัพยากรของโลกอื่นเอามาเป็นของตัวเอง ทำให้ผมนึกถึงคำพยากรณ์ของท่านผู้ที่มีญาณหยั่งรู้อนาคตได้กล่าวเอาไว้ว่า ในอนาคตโลกของเราจะเกิดสงครามระหว่างดวงดาว ก็คงเป็นเพราะความโลภอยากได้ทรัพยากรของดาวดวงอื่น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์โลกนี้หรือมนุษย์จากดาวดวงไหนๆ ถ้าปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดสงครามได้ในที่สุด เหมือนอย่างในหนังเรื่องอวตารนี้นั่นเอง​

    อวตาร (Twenty century fox)

    กำหนดฉาย
    : 17 ธันวาคม 2552

    Avatar จะนำผู้ชมภาพยนตร์ก้าวสู่โลกใหม่ที่สุดตะลึงตาเหนือล้ำจินตนาการ เมื่อฮีโร่ผู้จำใจ ต้องออกเดินทางเพื่อปลดเปลื้องและบุกเบิก พร้อมเป็นผู้นำแห่งสงครามเพื่อปกป้องโลกของมนุษย์ต่างดาวที่เขาเรียกว่าบ้าน เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ Titanic มีโครงเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในใจตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคนิคในตอนนั้นจึงไม่สามารถถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นภาพได้ บัดนี้ เขาใช้เวลากว่า 4 ปีในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Avatar ภาพยนตร์แนวไลฟ์แอคชั่นที่ใช้สเปเชี่ยลเอฟเฟ็คสุดไฮเทค Avatar ถูกสร้างออกมาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีภาพยนตร์ ที่หลอมเราเข้าไปในโลกแห่งอารมณ์และเรื่องราวของตัวละคร

    ผู้ชมจะเข้าสู่โลกแพนโดราผ่านสายตาของ เจค ซัลลี่ อดีตนายทหารเรือผู้พิการที่ต้องนั่งบนรถเข็น แม้ว่าร่างกายไม่สมประกอบ แต่เจคก็ยังมีหัวใจนักรบ เขาได้รับเลือกให้ร่วมเดินทางหลายปีแสงไปยังดาวแพนโดรา ที่ซึ่งมีเหมืองแร่ล้ำค่าหายากที่เป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาพลังงานขาดแคลนของโลก และเพราะชั้นบรรยากาศของดาวแพนโดราเป็นพิษต่อมนุษย์ พวกเขาจึงต้องพัฒนาโปรแกรมอวตาร เพื่อแปลงสภาวะจิตของคนให้ไปอยู่ในร่างอวตาร และให้ควบคุมร่างกายได้ในภาวะอากาศที่เบาบาง ร่างอวตารนี้เป็นส่วนผสมทางพันธุกรรมของดีเอ็นเอมนุษย์และดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตบนดาวแพนโดรา ที่มีชื่อเรียกว่า "นาวี"

    ในร่างอวตาร เจค สามารถเดินได้อีกครั้งหนึ่ง และมีภารกิจต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มนาวี ชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นอุปสรรคสำคัญของชาวโลกในการเข้าถึงเหมืองแร่ล้ำค่า แต่นาวีสาวสวยชื่อ นาวิตี้ ได้ช่วยชีวิตเจคไว้และแผนการทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง เจคได้เข้าร่วมชนเผ่าของเธอ เขาได้ผ่านการทดสอบและการผจญภัยต่างๆ จนได้เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น ความสัมพันธ์ของเจคและนาวิตี้เริ่มลึกซึ้งขึ้น พร้อม ๆ กับความนับถือในกลุ่มนาวี ในที่สุดเขาต้องพบการทดสอบและความขัดแย้งที่จะตัดสินชะตากรรมของโลก

    ที่มา http://movie.kapook.com/view3176.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 104_020_x19F.jpg
      104_020_x19F.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.2 KB
      เปิดดู:
      3,963
    • 029_120_x24_EW.jpg
      029_120_x24_EW.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.3 KB
      เปิดดู:
      187
    • 039_090_x85F.jpg
      039_090_x85F.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.3 KB
      เปิดดู:
      191
    • 040_090_48F_4K.jpg
      040_090_48F_4K.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49 KB
      เปิดดู:
      180
    • 054_020_1F.jpg
      054_020_1F.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.6 KB
      เปิดดู:
      181
    • 082_290_21.jpg
      082_290_21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.1 KB
      เปิดดู:
      214
    • 190_040.jpg
      190_040.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      172
    • 250_010_220Trailer.jpg
      250_010_220Trailer.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38 KB
      เปิดดู:
      184
    • A-22236.jpg
      A-22236.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      180
    • A-26466.jpg
      A-26466.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.6 KB
      เปิดดู:
      173
    • avatar_0001.jpg
      avatar_0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.4 KB
      เปิดดู:
      173
    • avatar_0008.jpg
      avatar_0008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.7 KB
      เปิดดู:
      183
    • avatar_0009.jpg
      avatar_0009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.8 KB
      เปิดดู:
      187
    • avatar_0010.jpg
      avatar_0010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.1 KB
      เปิดดู:
      188
    • avatar_0011.jpg
      avatar_0011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.2 KB
      เปิดดู:
      182
    • avatar_0012.jpg
      avatar_0012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.6 KB
      เปิดดู:
      177
    • AVTR-281.jpg
      AVTR-281.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      184
    • Picture_016-1.jpg
      Picture_016-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      87
    • Picture_025.jpg
      Picture_025.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.8 KB
      เปิดดู:
      78
    • avtr1.jpg
      avtr1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.2 KB
      เปิดดู:
      2,756
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชะตากรรม "โลก" ผลกรรม “เรา” ในวันที่ร้อนจนเกินเยียวยา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 ธันวาคม 2552 08:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วมประชุม UNFCCC ที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก แสดงให้เห็นว่าถ้ายังไม่ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกในปี 2100 จะเพิ่มขึ้น 2 (สีเหลือง) - 4 องศาเซลเซียส (สีส้ม) ในสิ้นศตวรรษนี้แน่นอน (AFP)

    [​IMG]

    จีน แม้จะเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่มาแรงแซงโค้งประเทศอุตสาหกรรมในฐานะผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก (AFP)

    [​IMG]

    ต้นปาล์มริมชายฝั่งบนเกาะ Ghormara ของอินเดีย ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งลึกจนเห็นรากต้นปาล์มสูงท่วมหัว (AFP)

    [​IMG]

    ธารน้ำแข็งขนาดยักษ์แตกออกจาก Knox Coast บริเวณเขตแอนตาร์กติกที่อยู่ใกล้กับออสเตรเลีย (AFP)

    หากอุณหภูมิบนพื้นผิวโลกสูงขึ้นจนผิดวิสัย มหันตภัยหลากหลายรูปแบบจะถาโถมเข้ามาสู่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ และสิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ได้อย่างปกติสุข อาจต้องเผชิญกับความทุกข์ยากจนสุดจะทนทานไหว บางเผ่าพันธุ์อาจถูกกวาดล้างจนสิ้นซากไปพร้อมกับสิ้นศตวรรษนี้

    นี่ไม่ใช่แค่ฉากหนึ่งในภาพยนตร์เกี่ยวกับมหันตภัยล้างโลกที่ทำรายได้มหาศาล แต่เป็นหนึ่งในหลายฉากที่มนุษย์อย่างพวกเราอาจได้เผชิญด้วยตัวเอง ดั่งที่ปรากฏในรายงานฉบับที่ 4 (Fourth Assessment Report) ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ “ไอพีซีซี” (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ที่เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี 2007

    ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในรายงานฉบับดังกล่าว เผยให้เห็นถึงมหันตภัยรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ภายในศตวรรษนี้ หากอุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกเพิ่มสูงขึ้นอีกราว 1.8-4 องศาเซลเซียส

    เอเชียเผชิญอุทกภัยทั่ว พืชพันธุ์ถูกทำลาย โรคร้ายระบาด

    ประชากรในทวีปเอเชียราว 120-1,200 ล้านคน จะต้องเผชิญกับอุทกภัยที่เพิ่มมากขึ้นภายในปี 2020 และอีกราว 185-981 ล้านคน ที่ต้องประสบชะตากรรมแบบเดียวกันภายในปี 2050 พร้อมกับผลผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารในบางพื้นที่ของเอเชียใต้จะถูกทำลายลงไป 30% จากปัจจุบัน

    แม้ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นไม่มาก แต่ก็หนุนให้แม่น้ำสายสำคัญหลายแห่งเอ่อล้นทะลักตลิ่ง และสร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำสายสำคัญๆ ที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เช่น แม่น้ำแยงซีในจีน แม่น้ำแดงในเวียดนาม และแม่น้ำคงคา-พรหมบุตร ในบังกลาเทศ

    เมื่ออุทกภัยแผ่ขยายกินบริเวณกว้างมากขึ้น อหิวาตกโรคและมาลาเรียก็ระบาดหนักยิ่งกว่าเดิม

    หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 องศาเซลเซียส ธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิมาลัยที่มีขนาดไม่ถึง 4 กิโลเมตร จะละลายหายไปหมด และเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มตามมา แต่ท้ายที่สุดจะจบลงด้วยความแห้งเหือดของแม่น้ำที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยธารน้ำแข็งจากเทือกเขาหิมาลัย ชาวอินเดียจะมีน้ำใช้ต่อหัวลดลงจาก 1,900 ลูกบาศก์เมตร เหลือเพียงแค่ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2025

    แอฟริกาทำลายโลกน้อยสุด แต่โดนหนักสุด นับร้อยล้านชีวิตขาดน้ำ-อาหาร

    แม้แอฟริกาจะเป็นพื้นที่ปลดปล่อยก๊าซก่อเรือนกระจกน้อยที่สุด แต่กลับกลายเป็นทวีปที่ต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้ายกว่าใครเพื่อน เพราะจะมีประชากรในทวีปนี้หลายร้อยล้านคนหรือราว 90% ของประชากรทั้งหมด จะต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มอย่างรุนแรงในปี 2080 หรืออาจเร็วกว่านั้น และในตอนนั้นประชากรโลกที่ขาดแคลนอาหารราว 40-50% คือชาวแอฟริกันที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเลทรายซาฮารา เมื่อเทียบกับจำนวนในปัจจุบันนี้ที่คิดเป็น 25% ของผู้ที่ขาดแคลนอาหารจากทั่วโลก

    ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลให้ฤดูเพาะปลูกหดสั้นลง และหลายพื้นที่ทำการเกษตรไม่ได้อีกต่อไป ทำให้ในบางประเทศเพาะปลูกได้ผลผลิตน้อยลงกว่าครึ่งหนึ่ง ความแห้งแล้งแผ่ปกคลุมผืนดินกินพื้นที่กว้าง 6-9 แสนตารางกิโลเมตร

    ประชากรในแอฟริกากว่า 500 ล้านคนจะต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำดื่มอย่างฉับพลัน

    หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากปี 1990 แม้เพียง 2 องศาเซลเซียส อหิวาตกโรค เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไข้เลือดออก จะระบาดหนักและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์และไนเจอร์ อันเป็นผลพวงมาจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

    ยุโรปหิมะละลาย ความหลากหลายหายมากกว่า 60%

    ประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนจะสามารถยืนหยัดอยู่บนความเสี่ยงต่อภัยแล้งที่รุนแรง ผลผลิตตกต่ำ และมหันตภัยจากคลื่นความร้อนได้มากกว่า ขณะที่ประเทศในยุโรปที่ตั้งอยู่บนละติจูดที่สูงขึ้นไป จะต้องเผชิญกับน้ำท่วมและสภาพอากาศที่เลวร้าย ทว่าจะได้รับความสมดุลจากการที่มีฤดูเพาะปลูกยาวนานขึ้น และมีพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ขยายกว้างมากขึ้น

    อุณหภูมิบริเวณเทือกเขาแอลป์จะพุ่งสูงขึ้นจนสร้างความเสียหายร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมการเล่นสกี ตลอดจนกวาดล้างชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ให้หมดไปจากบริเวณดังกล่าวมากถึง 60% พื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่ได้รับผลจากภาวะน้ำท่วมขยายตัวจาก 19% ในปัจจุบัน เป็น 36% ในปี 2070

    อุทกภัยฤดูหนาวมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นบริเวณชายฝั่งของยุโรป ขณะที่บริเวณตอนกลางของยุโรปจะประสบกับอุทกภัยและน้ำท่วมฉับพลันอันเนื่องมาจากหิมะละลาย เกิดผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อความหลากหลายทางชีวภาพในยุโรป พืชพรรณในท้องถิ่นเกือบทั้งหมดต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ หรือบางชนิดอาจสูญพันธุ์เมื่อสิ้นศตวรรษนี้

    คลื่นร้อนรุนแรง-พายุถาโถมอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ไร้ธารน้ำแข็งเขตร้อน

    ภาวะโลกร้อนจะเป็นตัวหนุนให้พายุเขตร้อนและคลื่นความร้อนมีพละกำลังรุนแรงมากขึ้นในอเมริกาเหนือ พร้อมกับที่เป็นภัยคุกคามหลายสปีชีส์ในอเมริกาใต้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อถูกทำให้สูญพันธุ์ และต้องอดอยากหิวโหยอีกมากมาย

    ดินเยือกแข็งรวมทั้งน้ำแข็งในทะเลแถบแคนาดาและอะแลสกาถูกเร่งให้ละลายเร็วขึ้น แมวน้ำและหมีขั้วโลก ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตหลักในบริเวณดังกล่าวจะถูกคุกคามก่อนใครเพื่อน ทั้งยังเป็นการเกื้อหนุนชนิดพันธุ์ต่างถิ่นให้แพร่กระจายไปในบริเวณนั้นได้มากยิ่งขึ้น และไปเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตประจำถิ่นมากกว่าเดิม

    ผู้คนกว่าครึ่งในทวีปอเมริกาต้องตกอยู่ในภาวะยากแค้นจากอุทกภัย วาตภัย คลื่นความร้อน โรคระบาด และหมอกควันในย่านชุมชนเมือง การเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองริมชายฝั่งจะทำให้เสี่ยงได้รับความเสียหายจากพายุมากยิ่งขึ้น และจะหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้รับแรงหนุนจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

    ในอเมริกาใต้มีแนวโน้มสูงมากที่ธารน้ำแข็งเขตร้อนจะละลายหายไปภายในช่วงปี 2020 และมีประชากรราว 7-77 ล้านคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนน้ำ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 60-150 ล้านคน ในปี 2100

    ส่วนในบริเวณอ่างแคริบเบียนจะมีพายุเฮอริเคนเกิดถี่และรุนแรงมากขึ้น ขณะที่หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส จะเกิดการสูญเสียน้ำในดินไปในบริเวณอะเมซอนตะวันออก และป่าฝนเขตร้อนทางตอนกลางและตอนใต้ของเม็กซิโกจะกลายสภาพเป็นทุ่งหญ้าสะวันนา

    โลกร้อนพ่วงท่องเที่ยวทำลายแนวปะการังยักษ์

    ประเทศและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จะสูญเสียทั้งชนิดพันธุ์ต่างถิ่นและสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมในท้องถิ่นนั้น อันเป็นผลพวงมาจากการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะระบบนิเวศบริเวณแนวปะการังยักษ์ (Great Barrier Reef) และอุทยานแห่งชาติคาคาดูในออสเตรเลีย ที่เสี่ยงจะถูกทำลายได้มากที่สุด

    ปัญหาขาดแคลนน้ำที่สั่งสมมานานทางใต้และตะวันออกของออสเตรเลียจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี 2030 พื้นที่ลุ่มน้ำเมอเรย์-ดาร์ลิ่ง (Murray-Darling Basin) จะลดลงอีก 10-25% ในปี 2050 ผลิตผลจากภาคเกษตรกรรมและป่าไม้ลดลงอย่างมากทั้งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่ยังมีบางพื้นที่ของนิวซีแลนด์ที่มีแนวโน้มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น

    ส่วนหมู่เกาะต่างๆ ในแปซิฟิกจะได้รับผลกระทบทั้งจากระดับน้ำทะเลและอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรวดเร็ว กำแพงตามธรรมชาติถูกทำลายลง ทั้งป่าชายเลนและแนวปะการัง ท่าเรือบางแห่งของเกาะฟิจิและซามัวถูกน้ำทะเลท่วม ผลผลิตลดลง 18% ในปี 2030

    ขั้วโลกร้อนยาวนาน ลดปริมาตรธารน้ำแข็ง

    สิ้นศตวรรษนี้มีแนวโน้มว่าน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกจะหายไปราว 23% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาด้วย ส่วนธารน้ำแข็งขนาดใหญ่บริเวณขั้วโลกเหนือ รวมถึงดินแดนแถบขั้วโลกเหนือที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและกรีนแลนด์ ก็จะสูญเสียความหนาของชั้นน้ำแข็งไป

    ชั้นน้ำแข็งจะบางลงแค่ไหนเป็นสิ่งที่ยากเกินคาดเดาได้ แต่จะมีประชากรที่อาศัยในบริเวณดังกล่าวราว 4 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน

    ส่วนชั้นดินเยือกแข็งในแถบอาร์กติกจะลดลงไปราว 20-35% ในปี 2050 และฤดูร้อนของขั้วโลกเหนือจะยาวนานขึ้นกว่าปัจจุบันราว 15-25% ซึ่งน้ำแข็งที่ละลายในฤดูร้อนก็จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในบริเวณนั้นด้วย

    น้ำแข็งขั้วโลกใต้จะค่อยๆ ละลายหายไปตั้งแต่บริเวณแหลมแอนตาร์กติก ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดหนึ่งบนโลกที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีแนวโน้มเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก และคาดการณ์ว่าก้อนน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกจะละลายเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ และละลายจนเกือบหมดในฤดูร้อนของขั้วโลกใต้

    ขณะที่อนาคตของแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกยังไม่มีความแน่นอน เพราะมีหลักฐานที่แสดงถึงแผ่นน้ำแข็งด้านตะวันตกถูกทำลายลง ทว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนระบุว่า แผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกนี้จะยังคงอยู่ เพราะยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อราว 12,000 ปีที่แล้ว มากกว่าที่จะละลายหายไปเพราะภาวะโลกร้อนที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์เมื่อไม่นานมานี้

    แม้ข้อมูลจากไอพีซีซีตามที่เราหยิบยกมาจะทำให้หลายฝ่ายตระหนักดีว่า โลกในวันข้างหน้าเป็นเช่นไรหากยังไร้การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ผู้แทนรัฐบาลจาก 192 ประเทศทั่วโลกที่กำลังร่วมโต๊ะประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กก็ยังคงมีความขัดแย้งและไม่ลงตัวกับการเจรจาต่อรองจากผู้แทนของรัฐบาลจากหลายๆ ประเทศ

    ถ้าเวทีที่โคเปนเฮเกนปิดลง โดยที่ยังไม่สามารถตกลงแนวทางหลังปี 2012 ได้ ขณะเดียวกันกิจกรรมของมนุษย์ที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเพิ่มความร้อนให้โลกได้ วันสิ้นโลกอาจมาถึงเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้.

    ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000154307
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำพยากรณ์ดวงเมืองปี พ.ศ. 2553

    [​IMG]

    นายกิจจา ทวีกุลกิจ (หมอนิด)

    ในปี พ.ศ. 2553 นี้เป็นปีขาล มีดิถีบนเป็นธาตุทอง...ดิถีล่างเป็นธาตุไม้...โดยทั่วไปผู้คนอาจจะเรียกว่าเป็น “ปีเสือทอง” ซึ่งฟังดูแล้วก็เป็นมงคลหูดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปีขาลปีนี้กลับเป็น “เสือซุ่ม” หรือ “เสือดุ” พร้อมที่จะตะปบเหยื่อได้ทุกเมื่อทุกเวลาที่มีจังหวะและโอกาส ปีนี้พ่อค้าแม่ค้าประชาชนจะหดหู่ใจ เศรษฐกิจยังซบเซาต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา..จะมีดีบ้างก็เป็นบางอาชีพเท่านั้นโดยเฉพาะการส่งออกต่างประเทศจะดีกว่าอย่างอื่น...บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดสินค้าอุปโภค-บริโภคไม่สะเทือน ภาคการเกษตรยังมีปัญหาต้องแก้ พืชผลหรือผลผลิตบางอย่างเท่านั้นที่มีราคา...

    การเมือง ปีนี้น่าจับตามองเป็นพิเศษเพราะดวงของ “เขาคนนั้น” จะเริ่มดีขึ้นกว่า 3 ปีเศษที่ผ่านมาโอกาสที่พรรคการเมืองของเขาคนนั้นจะมาแรงสุดๆก็อยู่ในช่วงปี 2553-2554 เรียกว่าไม่มีอะไรจะมาเบรคดวงของเขาได้...นอกจาก “สีเขียว” ที่มีอำนาจและมีความซื่อสัตย์พร้อมเต็มร้อยเท่านั้น..แต่จะมี สีเขียว สีเดียวไม่ได้ต้องร่วมมือกันทั้งสามสี จึงจะชะลอความแรงของเขาคนนั้นลงได้บ้าง...แต่ก็คงจะหลีกเลี่ยงความสูญเสียและชื่อเสียงของประเทศไปไม่ได้ ดีไม่ดีอาจจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นระหว่าง “คนมีสี” ด้วยกันเองก็เป็นไปได้สูงมากเช่นเดียวกัน...

    บรรดาชาวหญ้าแพรกคือประชาชนทั่วไปก็คงต้องแหลกลาญ เพราะศึกช้างชนช้างในครั้งนี้...พรรคเก่าแก่...จะหมดอายุในเร็วๆนี้ และจะถูกฝังไปนานทีเดียว...คนรูปหล่อบ่มิไก๊ หากไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค...ก็ระวังจะถูกดองเค็มจากประชาชน....หรือเป็นไปเพราะถูก “สีเขียว” บีบจนหน้าเขียว...ปฏิวัติรัฐประหาร มีเปอร์เซ็นต์สูงและยังวางใจไม่ได้...

    นับตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2552-2555 จะเป็นปีที่ทหารจะมีบทบาทอำนาจเหนือนายกทุกคน...และความวุ่นวายทางการบ้านการเมืองของประเทศไทย จะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากหากได้คนมีสีที่ “ขายสี” มาเป็นผู้กำกับการเมืองไทย เพราะมีโอกาสที่จะหลงเหลิงอำนาจได้...แต่หากได้ผู้มีสีที่มีความซื่อสัตย์และมีความจงรักภักดี...มาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ก็จะผ่านพ้นวิกฤตไปได้...เมืองไทยยังไม่พ้นเคราะห์ยังจะมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอยู่อีกหลายปี?
    <O:p</O:p
    ขอสรุปว่า การเมืองยังไม่นิ่ง ความวุ่นวายยังไม่จบลงง่ายๆ ทหารจะแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า...เศรษฐกิจยังอ่วมหนัก จากนี้ไปจะไม่ใช่เป็นการต่อสู้ของพรรคการเมืองกับพรรคการเมือง...แต่จะกลายพันธุ์เป็นการต่อสู้ระหว่างทหาร VS ทหาร...ทั้งทหารเก่าหน้าแก่และทหารในปัจจุบัน....นานหลายปีเลยทีเดียว!?
    <O:p</O:p
    น้ำมัน เชื้อเพลิงจะมีราคาสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาและคงจะไม่ลดราคาลงง่ายๆ จึงขอให้ประชาชนผู้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหลายช่วยกันประหยัด

    อุตสาหกรรมยานยนต์ ยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา...ยอดขายคงจะยังไม่ได้ตามเป้าที่หมายเอาไว้...นอกจากการผลิตเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศจึงจะพอมีการสั่งซื้อเข้ามาบ้างเท่านั้น

    อุตสาหกรรมสิ่งทอ ยังซบเซาไม่ฟื้นเต็มร้อยยิ่งถ้าเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศเพียงที่เดียว ก็อาจจะลำบากเพราะพิษเศรษฐกิจยังถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน

    อุตสาหกรรมเหล็ก ราคาเหล็ก,ทองเหลือง,ทองแดง,ทองต่างๆจะถีบตัวสูงขึ้นเป็นระลอกๆแต่กำลังซื้อจะหดตัวลง...เพราะทั้งการก่อสร้าง,รถยนต์,ที่ใช้เหล็กต่างๆขายไม่ได้ดีงานไม่มีหรือมีไม่มากนั่นเอง

    สถาบันการเงิน-ธนาคาร มีเงินมากแต่ปล่อยกู้น้อยไม่กระจายเพราะทางสถาบันการเงินเองก็กลัวว่าจะเกิดหนี้สูญขึ้นง่ายๆ แต่ถ้าโครงการไหนมีเครดิตดีก็จะรุมกันเข้าไปจีบเพื่อขอปล่อยกู้ทันทีเช่นกัน ในขณะเดียวกันหนี้บัตรเครดิตยังจะมีแนวโน้มสูงอยู่เช่นกัน

    ภัยธรรมชาติ ปีนี้ฝนฟ้าจะเกิดอาเพศบางแห่งบางจังหวัดก็จะร้อนและแล้ง บางแห่งก็จะชุกไปด้วยปริมาณน้ำฝนจนการเพาะปลูกเกิดความเสียหายขึ้นหลายแห่ง

    คดีจี้ปล้น จะเกิดขึ้นมากเพราะภัยทางเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ดี ตำรวจคงจะต้องมีภาระมากขึ้น คดีอุกฉกรรจ์ต่างๆจะมีมากจนน่ากลัว จึงขอให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์พึงระมัดระวังตัวและทรัพย์สินให้มากขึ้น

    ยาเสพติด ยังมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น หน่วยงานที่รับผิดชอบคงจะหัวปั่นกับการปราบปราม เพราะจับยังไงก็ไม่หมด แต่ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหน่วยงานนี้

    ขายบริการทางเพศ นักเรียน,นักศึกษา,วัยรุ่นต่างๆจะหันมาขายบริการทางเพศกันอย่างโจ๋งครึ่ม จนกลายเป็นลูกโซ่...เพื่อนชวนเพื่อนให้มาทำออฟชั่นเสริมรายได้ และจะระบาดไปทั่วหลายวงการ ผู้ที่มีบุตรสาวต้องดูแลให้ใกล้ชิด แม้แต่วัยรุ่นชายก็ควรจะระวังด้วยเช่นกัน ไม่ควรให้ไปมั่วสุมกับกลุ่มเพื่อนๆที่ไม่รักเรียนหรือชอบเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน

    ด้านอสังหาฯ เช่นโครงการหมู่บ้านต่างๆยังขายได้ยาก เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจริง โดยทั่วไปกำลังการซื้อยังหดตัวอยู่คนมีเงินก็ยังจดๆจ้องๆ ส่วนคนที่ยังไม่พร้อมยังมีอีกมากไม่ต้องไปพูดถึงในเวลานี้ แต่ขอให้อดทนทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการต่างๆ และผู้ที่ซื้อบ้านในปีนี้คิดให้ดีทั้งการซื้อและการลงทุน

    การท่องเที่ยว คงจะฟื้นตัวยากในปีนี้คิดว่าโรงแรมต่างๆคงจะต้องปิดตัวลงหลายแห่ง หรือมิฉะนั้นก็ต้องหาวิธีการลดรายจ่ายมาช่วยพยุงกิจการในปีนี้ รวมไปถึงผู้ที่ประกอบการเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเช่น...สถานบริการ,รถที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว เป็นต้น คงจะหลีกไม่พ้นจากผลกระทบในครั้งนี้ไปตามๆกัน...

    ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้...ยังยากที่จะซาหรือสงบลงง่ายๆ เพราะมันมีเหตุปัจจัยอื่นแทรกอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทราบดีอยู่พอสมควร แต่พูดไม่ได้เท่านั้นต้องไปปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเพียงอย่างเดียว..

    เศรษฐกิจปีขาลนี้ยังมองไม่เห็นฝั่ง...ประชาชนทั่วไปยังต้องต่อวีซ่า “จนต่อเนื่อง” ไปอีก จะมีดีบ้างก็คงจะเป็นสินค้าที่ส่งออกไปยังต่างประเทศและรวมถึงสินค้าอุปโภค-บริโภคของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอยู่ในประเทศเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่อยู่รอดได้ในปีนี้ คนรวยจะรวยยิ่งขึ้น ส่วนคนจนยังรักษาแชมป์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น...

    ประเทศไทยยังต้องเจอมรสุมทางการเมืองอีกหลายปี ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจและมีอาวุธพร้อมมือเท่านั้นที่จะปลดล๊อค “ภัยการเมือง” ได้ แต่เหนื่อยมากเพราะจะถูกบล๊อคตัว หรือมีการจับตาเฝ้าดูการเคลื่อนไหวทุกเวลาจากฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอด อย่ากระพริบตาทั้งการเมือง...และการทหารมันน่าระทึกใจไม่น้อยทีเดียว

    <O:pคำพยากรณ์ดวงเมืองนี้ผมได้ถอดรหัสมาจากบทความ สีเขียว” ที่ผมได้เขียนไว้เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2552 ก่อนไปบวช...ผมอาจจะมีการทำนายผิดไปบ้างบางประการ...แต่เหตุการณ์คำทำนายดวงเมืองปีนี้ผมมีความมั่นใจว่า “ไม่ผิด” ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับคำทำนายทุกจุดก็ตาม ผมคิดว่าคงจะใกล้เคียงมาก “มันมาแน่” ดวงเมืองวิกฤต “มันเกิดแน่” ...คนเลว...คนชั่วจะครองแผ่นดินหรือไม่ผมไม่รู้เพราะ “รู้หน้าไม่รู้ใจ” และไม่มีเครื่องมือวัดความดีกับความเลวขึ้นอยู่กับประชาชนจะเป็นตัวชี้ “จะออกหัวหรือออกก้อย” อึดใจรออีกนิดไม่นานเกินรอ...<O:p</O:p

    บ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ! คนจะตายเป็นเบือ! โปรดระวังปี “เสือดุ”

    <O:pด้วยความเป็นห่วง<O:p</O:p
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)<O:p</O:p
    18 ธ.ค. 2552

    ที่มา www.mornid.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2009
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เกิดแผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ ที่สเปนและโปรตุเกส

    [​IMG]

    สเปน 17 ธ.ค. - เกิดแผ่นดินไหวทางตอนใต้ของสเปนและโปรตุเกส วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.7 ริกเตอร์ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    สถาบันธรณีวิทยาแห่งชาติของสเปน เผยว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.37 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 08.37 น.ของไทย ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากแหลมเซนต์ วินเซนต์ ในโปรตุเกส ราว 100 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ท้องทะเล 58 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนขนาด 6.7 ริกเตอร์ สามารถรับรู้ได้ไกลถึงเมืองชายฝั่งของโมร็อกโกหลายแห่ง แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน .-สำนักข่าวไทย

    2009-12-17 11:21:45

    ภูเขาไฟมายอนในฟิลิปปินส์อาจระเบิดครั้งใหญ่ในเร็ว ๆ นี้

    [​IMG]

    เลกาสปี, ฟิลิปปินส์ 17 ธ.ค. – นักภูเขาไฟวิทยาของทางการฟิลิปปินส์ออกมาเตือนในวันนี้ว่า ภูเขาไฟมายอนอาจระเบิดครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ชาวบ้านหลายพันคนอาจต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นเวลายาวนานถึง 4 เดือน

    นายจูไล ซาบิท นักภูเขาไฟวิทยาเปิดเผยว่า พบการก่อตัวของโดมลาวาภูเขาไฟ 2 จุด บริเวณปากปล่องภูเขาไฟมายอนระหว่างสำรวจทางอากาศเมื่อวานนี้ โดยโดมลาวาดังกล่าวเกิดจากแรงดันภายในและหินหนืดซึ่งขึ้นมาสะสมอยู่ที่ปากปล่องภูเขาไฟ และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป โดมลาวาภูเขาไฟจะต้องพังทลายลง ทำให้เกิดการทะลักของหินแร่ภูเขาไฟหรือเกิดการระเบิดครั้งใหญ่

    ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของทางการได้ประกาศเตือนภัยภูเขาไฟมายอนเป็นระดับ 3 ซึ่งหมายความว่า การระเบิดอาจจะเกิดขึ้นได้ หลังจากภูเขาไฟดังกล่าวเริ่มพ่นเถ้าถ่าน ควันและลาวาออกมาในสัปดาห์นี้ นายซาบิทกล่าวว่า พบลาวากำลังไหลอย่างช้า ๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาไฟมายอน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการพบลาวาซึ่งพุ่งออกมาเป็นสายน้ำพุอย่างรุนแรงหรือแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจเร่งให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน และทำให้ต้องเพิ่มระดับเตือนภัยขึ้น ทั้งนี้ ตลอดทั้งคืนมีการบันทึกว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก 82 ครั้ง และเมื่อวานนี้ นักภูเขาไฟวิทยาสามารถบันทึกการระเบิดขนาดเล็กได้ 5 ครั้ง

    ทหารและตำรวจได้อพยพประชาชนประมาณ 50,000 คนออกจากพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว โดยในช่วงกลางดึกของวานนี้ มีการอพยพประชาชน 30,760 คน ไปยังโรงเรียนของรัฐบาลหลายแห่งซึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่อพยพ โดยห่างจากพื้นที่อันตรายรัศมี 8 กม. อย่างไรก็ตาม หากเกิดการระเบิดขึ้น ประชาชนอาจต้องไร้ที่อยู่อาศัยเป็นเวลากว่า 4 เดือน และรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานมนุษยธรรมระหว่างประเทศต้องลงมาให้ความช่วยเหลือ. -สำนักข่าวไทย

    2009-12-17 13:25:18

    พายุหิมะถล่มหลายพื้นที่ของยุโรป

    [​IMG]

    ยุโรป 18 ธ.ค. - หลายพื้นที่ของยุโรปยังคงเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนจากพายุหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก กระทบต่อการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนน

    พื้นที่กรุงปารีสปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ ซึ่งเหตุการณ์หิมะตกหนักในเมืองหลวงของฝรั่งเศส เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ส่งผลให้การจราจรตามทางหลวงสายหลักออกนอกเมืองเป็นอัมพาต และเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทิวทัศน์บนหอไอเฟล เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี แต่นักท่องเที่ยวหลายคนบอกว่า ชอบบรรยากาศที่มีหิมะขาวโพลนเช่นนี้ เพราะเข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง

    ส่วนที่กรุงวอร์ซอและหลายเมืองของโปแลนด์ นอกจากหิมะตกหนักแล้ว อุณหภูมิยังลดลงถึง -12 องศาเซลเซียส ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องยอมทิ้งรถไว้ริมถนน และเลือกเดินทางไปทำงานด้วยรถสาธารณะ รวมถึงเปลี่ยนยางที่เหมาะสำหรับพื้นถนนลื่น คาดว่าหิมะจะยังตกหนักในหลายพื้นที่ของยุโรปไปอีกหลายวัน. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-18 04:44:53

    จีนเผชิญหิมะตกหนัก อุบัติเหตุซ้ำ-จราจรอัมพาต

    [​IMG]

    จีน 17 ธ.ค.-พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเผชิญกับหิมะตกหนัก ทำให้เกิดอุบัติเหตุปิดกั้นเส้นทางจนการจราจรกลายเป็นอัมพาต

    หิมะที่ตกหนักมาตั้งแต่เช้าวันอังคาร เป็นต้นเหตุให้การสัญจรบนทางหลวง หมายเลข 312 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างมณฑลกานซู่ กับเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ต้องติดขัด เพราะมีหิมะปกคลุมพื้นผิวการจราจร ส่งผลให้การจราจรบนเส้นทางดังกล่าวกลายเป็นอัมพาตมา 2 วันเต็ม นอกจากนี้ ยังเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำ 2 คัน ปิดกั้นเส้นทาง ทำให้รถบรรทุก 7,000 คัน ติดค้างอยู่บนถนนเป็นระยะทางยาวถึง 30 กิโลเมตร

    ขณะที่อุณหภูมิในพื้นที่ลดลงมาอยู่ที่ -30 องศาเซลเซียส หิมะที่ตกหนักและมาเร็วผิดปกติในพื้นที่ทางเหนือเมื่อเดือนที่แล้วยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้อย่างน้อย 38 คน.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-17 16:18:06

    โคลนถล่มในเปรูมีผู้เสียชีวิต 8 คน

    [​IMG]

    เปรู 18 ธ.ค. - เกิดเหตุโคลนถล่มเนื่องจากฝนตกหนักในเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเปรู ฝังร่างผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน

    เจ้าหน้าที่เผยว่า เกิดฝนตกอย่างหนักนานหลายชั่วโมงในเมืองอายาคูโช เมื่อช่วงเย็นวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้ดินโคลนจากภูเขาสูงพังถล่มลงมายังกลางเมือง ฝังร่างชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน บ้านเรือนมากกว่า 150 หลัง พังเสียหาย ชาวบ้านไร้ที่อยู่อาศัยนับร้อยครอบครัว รถยนต์หลายสิบคันถูกดินโคลนพัดหายไป ขณะที่ท้องถนนของเมืองถูกปกคลุมไปด้วยโคลนและกองดินจำนวนมาก

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องทำงานอย่างหนักในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเก็บกวาดดินโคลนออกจากพื้นที่ ก่อนที่ฝนจะตกลงมาอีก. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-18 03:28:02

    ผู้นำอิหร่านว่าการบริโภคเกินขนาดของสหรัฐเป็นสาเหตุโลกร้อน

    [​IMG]

    โคเปนเฮเกน 18 ธค. - ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจัด ของอิหร่าน กล่าวว่า นิสัยการบริโภคเกินขนาดของสหรัฐ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

    ผู้นำอิหร่านกล่าวในที่ประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกน เมื่อวานนี้ว่า การบริโภคและใช้พลังงานอย่างไม่รู้จักความพอดีของชาติตะวันตก เป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และว่าทุกประเทศมีสิทธิใช้แหล่งพลังงานสะอาดและทดแทนได้ เช่น พลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้น

    ประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจัด กล่าวว่า สหรัฐใช้น้ำมันและพลังงานไปถึงหนึ่งในสี่ของโลก แม้ว่าจะมีประชากรเพียงร้อยละ 5 ของโลกเท่านั้น ส่วนงบประมาณด้านการทหารของสหรัฐก็เกือบเท่ากับงบของประเทศรายใหญ่หลายประเทศรวมกัน ทั้งนี้ อิหร่านยังคงมีปัญหากับชาติตะวันตกเรื่องโครงการนิวเคลียร์ที่อิหร่านบอกว่าเป็นแผนพัฒนาพลังงานเพื่อประชาชน แต่ชาติตะวันตกมองว่าเป็นข้ออ้างเพื่อผลิตระเบิดนิวเคลียร์.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-18 09:04:53

    ประชุมโลกร้อนที่เดนมาร์กอาจไม่บรรลุข้อตกลง

    [​IMG]

    เดนมาร์ก 18 ธ.ค. - เดนมาร์ก ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดแก้ปัญหาโลกร้อน ยอมรับอาจจะไม่มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้

    แหล่งข่าวเผยกับหนังสือพิมพ์ชั้นนำในเดนมาร์กว่า ที่ประชุมครั้งนี้อาจสามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับปริมาณของก๊าซเรือนกระจก ที่ประเทศพัฒนาและกำลังพัฒนาจะลดการปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ แต่การจะบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการอาจต้องรอจนถึงปีหน้า ในการประชุมที่ประเทศเม็กซิโก เนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่สามารถตกลงกันได้

    ด้านนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เผยว่า สหรัฐเตรียมประกาศให้เงินช่วยเหลือจำนวน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34 ล้านล้านบาท) แก่ประเทศกำลังพัฒนา ในการรับมือกับปัญหาโลกร้อน ภายในปี 2563

    ก่อนหน้านี้ ประเทศพัฒนาแล้วได้บรรลุข้อตกลงกันอย่างกว้าง ๆ ที่จะให้เงินช่วยเหลือร่วมกัน จำนวน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-18 01:25:53

    จีนกดดันสหรัฐ-เกาหลีเหนือเจรจานิวเคลียร์

    [​IMG]

    โซล 17 ธ.ค. - รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน แนะให้สหรัฐและเกาหลีเหนือประสานความร่วมมือกันเพื่อนำไปสู่การรื้อฟื้นเจรจา 6 ฝ่ายยุติโครงการนิวเคลียร์

    รองประธานาธิบดีสี ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีหู จิ่นเทา กล่าวระหว่างเยือนเกาหลีใต้ว่า ทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ควรผลักดันให้คาบสมุทรเกาหลีไปสู่แนวทางที่ดีขึ้น และว่าเวลานี้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเปลี่ยนแปลงไปมาก ภายหลังจากที่มีการหารือกันระหว่างนายสตีเฟน บอสเวิร์ธ ผู้แทนเจรจาฝ่ายสหรัฐ กับเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ หลังจากนายบอสเวิร์ธ นำจดหมายจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา มาถึงนายคิม จอง อิล ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ระหว่างเยือนกรุงเปียงยางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือกลับสู่การเจรจาที่ชะงักงันตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน

    นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีสี ยังเรียกร้องให้เกาหลีใต้ปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและรื้อฟื้นการเจรจา 6 ฝ่าย ขณะที่ประธานาธิบดีลี มยอง บัก ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ในปีหน้านี้จะนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และหวังว่าจีนจะมีบทบาทนำมากขึ้น ซึ่งผู้นำทั้งสองยังตกลงกันว่าจะกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้น โดยเร่งเจรจาทำข้อตกลงการค้าเสรีกัน. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-17 15:33:37

    ระบุยอดผู้เสียชีวิตจากหวัด 2009 เกินหลักหมื่นแล้ว

    [​IMG]

    18 ธ.ค. - องค์การอนามัยโลกระบุ ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลก เกินหลักหมื่นคนแล้ว

    นายเคอิจิ ฟูกูดะ ที่ปรึกษาพิเศษของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลก ขณะนี้มีมากกว่า 10,000 คนแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากการแพร่ระบาดยังไม่สิ้นสุดลงหลายประเทศ รวมทั้งฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย และคาซัคสถาน ยังคงเกิดการแพร่ระบาดในระดับสูง แต่สำหรับภูมิภาคอเมริกาเหนือการแพร่ระบาดได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว

    อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะกลับแพร่ระบาดรุนแรงได้อีกช่วงปลายฤดูหนาว และต้นฤดูใบไม้ผลิ.-สำนักข่าวไทย

    2009-12-18 09:04:28

    เกาหลีใต้สงสัยสถิติไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของเกาหลีเหนือ

    [​IMG]

    โซล 17 ธ.ค. - เกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า สงสัยในความน่าเชื่อถือของสถิติไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของเกาหลีเหนือ แต่ก็ยังคงจะเดินหน้าแผนส่งมอบยาต้านไวรัสในสัปดาห์นี้ต่อไป

    เกาหลีเหนือรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1เอ็น 1 จำนวน 9 คน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกาหลีใต้เสนอความช่วยเหลือทางการแพทย์มูลค่ากว่า 17,000 ล้านวอน (ประมาณ 486 ล้านบาท) แต่องค์การอนามัยโลกเปิดเผยต่อสำนักข่าวยอนฮัพของทางการเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้ว่า ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้ง 9 คนของเกาหลีเหนือ มีอาการดีขึ้นแล้ว ด้านองค์การกู๊ดเฟรนด์ หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของเกาหลีใต้ ซึ่งมีการติดต่อข้ามพรมแดน เปิดเผยว่า มีชาวเกาหลีเหนือกว่า 40 คน เสียชีวิตจากไวรัสชนิดดังกล่าว เฉพาะในเมืองชินอึยจูเพียงแห่งเดียว

    เกาหลีใต้แสดงความสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของสถิติจากเกาหลีเหนือ พร้อมระบุว่าได้รับข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเกาหลีเหนือ รวมทั้งไม่แน่ใจว่าเกาหลีเหนือให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่องค์การอนามัยโลกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้จะยังคงเดินหน้าส่งมอบยาต้านไวรัสสำหรับประชาชนจำนวน 500,000 คน ในวันพรุ่งนี้ตามแผนการที่วางไว้ โดยการขนส่งครั้งนี้จะเป็นการส่งมอบความช่วยเหลือโดยตรงจากรัฐบาลเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีบาดหมางกันในปีที่ผ่านมา . - สำนักข่าวไทย

    2009-12-17 16:12:00

    เกาหลีใต้พบผู้เสียชีวิตจากการดื้อยาทามิฟลูรายแรก

    [​IMG]

    โซล 17 ธ.ค. - กระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ทารกชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งซึ่งได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียชีวิตลงแล้วจากอาการปอดบวมและระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หลังจากร่างกายไม่ตอบสนองยาต้านไวรัสทามิฟลู

    รายงานระบุว่า ทารกเพศหญิงวัย 1 ขวบ เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ดื้อยาทามิฟลูในร่างกายของทารก และนับว่าเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกจากกรณีดังกล่าวในเกาหลีใต้ แต่เกาหลีใต้ยังคงต้องการหารือกับองค์การอนามัยโลก เพื่อให้ทราบว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกหรือไม่

    ทารกคนดังกล่าว เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากมีไข้สูงและไอ แต่อาการของเธอทรุดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ได้รับยาทามิฟลูถึง 2 โดสก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทารกคนดังกล่าวยังเด็กเกินไปที่จะได้รับยาต้านไวรัสชนิดอื่น เช่น ยารีเลนซา ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาเด็กที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปเท่านั้น ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้รายงานว่า พบผู้ป่วยดื้อยาทามิฟลูอีก 2 คน และยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มเป็น 118 คนแล้ว. - สำนักข่าวไทย

    2009-12-17 16:56:49

    มีผู้เสียชีวิต 6 คนจากเหตุระเบิดที่ชายแดนพม่าติดกับไทย

    [​IMG]

    ย่างกุ้ง 18 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่พม่าซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 6 คน และบาดเจ็บ 12 จากระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ในรัฐกะเหรี่ยงทางใต้ของพม่าซึ่งเป็นเขตชายแดนติดต่อกับไทยเมื่อค่ำวันพุธ

    เจ้าหน้าที่พม่ากล่าวว่า ระเบิดตั้งเวลาไว้ที่ 21.00 น.ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงกำลังจัดงานฉลองเทศกาลปีใหม่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 12 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 1 คน ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ระเบิดเกิดขึ้นกลางร้านแผงลอยในตลาดที่กำลังจัดงานฉลองปีใหม่ และยังไม่ทราบว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด อย่างไรก็ตาม พื้นที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับที่มั่นของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือเคเอ็นยู ที่ต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่าเพื่อแบ่งแยกดินแดนมานานกว่า 5 ทศวรรษ .-สำนักข่าวไทย

    2009-12-18 09:05:59

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โปรดระวังปี "เสือดุ"(14 เม.ย.52 - 13 เม.ย.53)

    [​IMG]

    สำหรับปีใหม่ของไทย ตามประกาศสงกรานต์ ปีฉลู พ.ศ. 2552 จ.ศ. 1371 วันที่ 14 เม.ย. 2552 เป็นวันมหาสงกรานต์ เวลา 01 นาฬิกา 08 นาที 24 วินาที

    นางสงกรานต์ชื่อ โคราคะเทวี ทรงพาหุรัตน์ทัดดอกปีบ แก้วมุกดาหาร เป็นอาภรณ์, ภักษา หาร น้ำมันเนย, พระหัตถ์ขวา ทรงพระขรรค์, พระหัตถ์ซ้าย ทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาบนหลังเสือ

    วันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ ประชาชนจะแพ้เสนาบดี ทหาร ข้าราชการ จะมีอำนาจเหนือนักการเมือง การเมืองจะวุ่นวาย สร้างความสั่นคลอนให้กับรัฐบาล เศรษฐกิจจะล่มสลาย คนตกงานจะเต็มบ้านเต็มเมือง,

    วันอังคารวันเนาว์ ข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง คนตกงานมากเป็นประวัติการณ์ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะใช้อำนาจมืด อยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย ทหารจะออกมากำกับการบ้านการเมือง,

    วันพุธวันเถลิงศก นักวิชาการจะมีบทบาทต่อสังคมและการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการ จะมีความสุขสำราญไม่เดือดร้อน เพราะกินเงินเดือน

    พยากรณ์โดย อ.เก่งกาจ จงใจพระ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2009
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    2009-12-18 06:15:31 - Terror Attack - Myanmar

    EDIS CODE: VW-20091218-24206-MMR
    Date & Time: 2009-12-18 06:15:31 [UTC]
    Area: Myanmar, State of Kayin, , Phapon
    Number of death person(s): 7
    Number of Injured person(s): 11
    Damage level: Moderate (Level 2)

    Not confirmed information!
    Description:
    Seven people were killed and 11 injured when a bomb exploded in southeastern Myanmar, official media reported on Friday, blaming ethnic Karen separatists for the attack. The bomb went off late on Wednesday during New Year celebrations in Phapon, a town in Kayin State, which is predominantly Karen and is about 190 km (120 miles) northeast of Myanmar's biggest city, Yangon. "It is learnt that the time bomb was planted by KNU (Karen National Union) terrorist insurgent group," state-controlled newspapers said. The reports did not give details or evidence to show the KNU was responsible. Small blasts in public places, including markets and Buddhist temples, are fairly common in Myanmar and the ruling military government often blames KNU guerrillas. The KNU is one of the biggest of the ethnic groups that have been fighting against the government for greater autonomy since independence from Britain in 1948. The current junta has reached ceasefire agreements with 17 ethnic groups and at least six splinter groups of the KNU since it came to power in 1988. However, peace talks with the mainstream KNU have so far failed.
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192

แชร์หน้านี้

Loading...