ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐาน ณ วัดบางโพ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐาน ณ วัดบางโพ


    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER></CENTER>

    เนื่องในโอกาสปีมหามงคลสมัย ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พระสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา วัดบางโพโอมาวาส บางซื่อ กทม. พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้าประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันอัญเชิญ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐาน ณ วัดบางโพ เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติเป็นที่สักการะ ระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อแผ่นดินไทย และอาณาประชาราษฎร์ รวมทั้งการพระศาสนา อีกทั้งเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย ให้ก่อเกิดความรักชาติแผ่นดินเกิด และความรักสามัคคีต่อกัน

    ตามตำนาน ย้อนอดีตไปเมื่อพุทธศักราช ๒๑๒๑ หรือเมื่อประมาณ ๔๓๑ ปีมาแล้ว พระยาจีนจันตุ ซึ่งคาดว่าเป็นขุนนางจีนในกัมพูชา (เขมร) ได้รับอาสานักพระสัฏฐามาปล้นเมืองเพชรบุรี แต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตีเมืองเพชรบุรีไม่ได้ จะกลับไปเมืองเขมร ก็เกรงว่าจะถูกลงโทษ จึงพาสมัครพรรคพวกหนีมาสวามิภักดิ์แผ่นดินกรุงศรีอยุธยา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>สมเด็จพระมหาธรรมราชา จึงทรงรับเลี้ยงไว้ แต่พระยาจีนจันตุอยู่ได้ไม่นาน ก็ลอบลงเรือสำเภาหนีไปจากพระนคร สมเด็จพระนเรศวร พอทรงทราบว่า พระยาจีนจันตุหนี ก็ตระหนักว่า พระยาจีนจันตุเป็นผู้สืบข่าวกลับไปให้เขมร จึงตรัสเรียกข้าหลวงลงเรือกราบกันตา ตามลงไปทันเรือสำเภาของพระยาจีนจันตุ เมื่อใกล้จะออกปากอ่าวไทย จนเกิดการยิงต่อสู้กัน

    สมเด็จพระนเรศวร ทรงเร่งเรือพระที่นั่ง ขึ้นหน้าเรือลำอื่นๆ เสด็จออกทรงยิงพระแสงปืนนกสับที่หน้ากันยา ไล่กระชั้นเข้าไปจนข้าศึกยิงถูกรางพระแสงปืนแตกอยู่กับพระหัตถ์ แต่ก็ไม่ทรงหลบเลี่ยง

    <CENTER></CENTER>
    พระเอกาทศรถ เห็นพระเชษฐากล้านัก เกรงจะเป็นอันตราย ตรัสสั่งให้เร่งเรือลำที่ทรงประทับเข้าไปบังเรือสมเด็จพระนเรศวรเอาไว้
    ขณะเดียวกัน เรือสำเภาของพระยาจีนจันตุได้ลมแรง แล่นใบออกทะเลไปได้ เรือกราบกันยาที่ตามไปเป็นเรือยาว สู้คลื่นไม่ไหว จึงต้องเสด็จกลับพระนคร
    เหตุการณ์ครั้งนั้น นับว่าเป็นยุทธนาวีครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนเรศวร และของเมืองไทยก็ว่าได้


    ตามตำนานเล่าอีกว่า ขณะที่สมเด็จพระนเรศวร ทรงยกทัพกลับทางเรือ ได้ทรงพักทัพ ณ บริเวณคุ้งน้ำใหญ่ ที่มีชื่อว่า ทุ่งโคกโพธิ์ หรือ หนองโพธิ์ ซึ่งมีร่องน้ำ และต้นโพธิ์ขึ้นจำนวนมาก

    ต่อมาสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของ วัดโภคาราม และเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดบางโพโอมาวาส

    ด้วยเหตุนี้ คณะสงฆ์วัดบางโพ และชาวบ้านทั้งหลาย จึงได้พร้อมใจกันหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นเพื่อมิ่งขวัญร่มโพธิ์ร่มไทรให้ชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้สักการบูชา รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงมีต่อชาวไทย สืบไปชั่วกาลนาน
    โดยพิธีอัญเชิญพระบรมรูป สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อประดิษฐาน ณ พลับพลาภายในวัดบางโพ แขวง/เขตบางซื่อ กทม. จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๒ อันตรงกับ วันยุทธหัตถี ที่ทางราชการกำหนดให้เป็น วันกองทัพไทย จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยได้ไปร่วมในพิธีนี้โดยทั่วกัน

    "บุญนำพา"
    หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    คุณ เปลว สีเงิน ขอ Merry Christmas and Happy New Year

    กับทุกท่าน ครับ


    ขอมอบ"โต๊ะแห่งความสุข"สู่ท่าน

    <!-- main-content-block --><!-- 25 ธันวาคม 2552 - 00:00 -->
    25 ธันวาคม 2552 - 00:00


    วันนี้-วันที่ ๒๕ ธันวาคม เป็นวันปีใหม่ฝรั่ง ขึ้นชื่อว่า "ปีใหม่" ไม่ว่าของชาติไหน วัฒนธรรมไหน ให้ความหมายไปในทางสดชื่น สบายใจทั้งนั้น เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศและความรู้สึกดีๆ ให้อบอุ่นหัวใจจนข้ามปี วันนี้-พรุ่งนี้ ผมจะเอาความเรียงเรื่อง "โต๊ะแห่งความสุข" ที่เผยแพร่อยู่ตามเว็บไซต์นานแล้วมาให้อ่านกันอีกครั้ง เริ่มเลยนะครับ

    ร้านบะหมี่ 'ฮอกไก' บนถนนซัปโปโร

    การกินบะหมี่โซบะในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นั้นเป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ร้านบะหมี่ขายดีในวันสิ้นปี 'ร้านฮอกไก' นี้ก็เช่นกัน

    ในวันนี้คนแน่นร้านแทบทั้งวัน จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น.คนก็เริ่มน้อยลง โดยปกติแล้วบนถนนสายนี้คนจะแน่นขนัดไปจนถึงเช้าตรู่ แต่วันนี้ทุกคนจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปต้อนรับปีใหม่กัน ดังนั้นถนนสายนี้จึงปิดร้านเร็วกว่าปกติ เถ้าแก่ของร้าน 'ฮอกไก' เป็นคนซื่อ และเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นคนอัธยาศัยใจคอดี

    ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า พอลูกค้าคนสุดท้ายกลับไปในขณะเถ้าแก่เนี้ยก็จะปิดร้าน ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างเบาๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กชายสองคน คนหนึ่งประมาณ 6 ขวบ กับอีกคนหนึ่งประมาณ 10 ขวบเข้ามาในร้าน เด็กชายทั้งสองคนสวมชุดกีฬาใหม่เอี่ยมเหมือนกันทั้งสองคน ส่วนหญิงคนนั้นสวมโอเวอร์โคต ลายสก็อตเก่าๆ เชยๆ

    'เชิญนั่งครับ' เถ้าแก่ร้องทักทายออกมา หญิงคนนั้นเอ่ยปากอย่างขลาดกลัวว่า

    'ขอบะหมี่น้ำสักชามได้ไหมคะ' เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลังสบตากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

    'ได้ค่ะ ได้ค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เชิญนั่งก่อนค่ะ'

    เถ้าแก่เนี้ยพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะเบอร์สองชิดกำแพง แล้วตะโกนบอกไปทางห้องครัวว่า

    'บะหมี่น้ำหนึ่งชาม'

    บะหมี่หนึ่งชามมีบะหมี่แค่หนึ่งก้อน เถ้าแก่คิดแล้วก็ใส่บะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อน ต้มบะหมี่ได้ชามเบ้อเริ่ม ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและสามแม่ลูกต่างก็ไม่รู้เรื่อง สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินพลางพูดพลาง

    'ทานเถอะครับ' ลูกคนพี่พูด

    'แม่ทานหน่อยสิครับ' ลูกคนน้องพูดไปก็คีบบะหมี่ให้แม่กิน ไม่นานก็กินบะหมี่หมดชาม จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน แล้วทั้งสามคนก็ชมว่า

    'ขอบคุณมากค่ะ (ครับ) บะหมี่อร่อยมากค่ะ (ครับ)' พร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยแล้วลาจากไป

    'ขอบคุณมากค่ะ (ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ (ครับ)' ทั้งเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยต่างก็กล่าวขอบคุณ

    ทำงานไปวันแล้ววันเล่ายุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น และแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี วันที่ 31 ธันวาคม ก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ในวันส่งท้ายปีเก่า ร้านบะหมี่ 'ฮอกไก' ก็ยังคงขายดีและดูเหมือนจะขายดีกว่าปีที่ผ่านมา สองตายายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการค้าขาย

    และแล้ววันที่วุ่นวายก็จบสิ้นลง 22.00 น.กว่า ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะปิดร้านอยู่นั้น ประตูร้านก็ถูกผลักออกเบาๆ ผู้ที่เข้ามาก็คือหญิงวัยกลางคนกับเด็กชายสองคน พอเห็นเสื้อโอเวอร์โคตที่เก่าและเชย เถ้าแก่เนี้ยก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นลูกค้าคนสุดท้ายในวันส่งท้ายปีเก่าของปีที่แล้วนั่นเอง

    'ขอบะหมี่น้ำหนึ่งชามได้มั้ยคะ'

    'ได้ค่ะ ได้ค่ะ เชิญนั่งตามสบายนะคะ'

    เถ้าแก่เนี้ยนำพวกเขาไปนั่งที่เดิมที่เคยนั่งเมื่อปีที่แล้ว โต๊ะเบอร์สอง ตะโกนไปพลางว่า

    'บะหมี่น้ำหนึ่งชาม'

    เถ้าแก่รับคำพลาง จุดเตาที่เพิ่งจะดับไปพลาง

    'ได้ครับ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม'

    เถ้าแก่เนี้ยแอบไปพูดที่ข้างหูของเถ้าแก่ว่า 'นี่ตาแก่ ต้มบะหมี่ให้พวกเขาสามชามไม่ได้หรือ'

    'ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาอายและไม่สบายใจได้รู้มั้ย'

    สามีตอบพลางแล้วโยนบะหมี่อีกครึ่งก้อนลงไปในหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน เดินไปยืนข้างภรรยาแล้วก็ยิ้ม ภรรยาก็พูดขึ้นว่า

    'เห็นเธอซื่อๆ ทึ่มๆ ไม่นึกเลยว่าจิตใจก็ดีเหมือนกันนะ'

    ฝ่ายสามีเดินไปตักบะหมี่ชามใหญ่ที่กลิ่นหอมชวนกินชามนั้นแล้วให้ภรรยายกไปให้สามแม่ลูก สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่ กินไปพลางคุยไปพลาง เสียงคุยของสามแม่ลูกดังถึงหูของตายาย

    'หอมจังเลย...ยอดไปเลย...อร่อยจริงๆ ปีนี้สามารถกินบะหมี่ของร้านฮอกไกได้ นับว่าไม่เลวทีเดียว ถ้าปีหน้าสามารถมากินได้อีกก็ดีนะสิ' กินเสร็จก็จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน แล้วสามแม่ลูกก็เดินออกจากร้านฮอกไกไป

    'ขอบคุณค่ะ (ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ (ครับ)' มองตามหลังสามแม่ลูกจนลับหายไป

    สองตายายก็ยกเรื่องสามแม่ลูกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไปได้ระยะหนึ่ง ในวันสิ้นปีของสามปีมานี้ กิจการของร้านฮอกไกดีมาก สองตายายต่างก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคุยกัน แต่พอเลย 21.00 น.ไปแล้ว สองตายายก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา พอถึง 22.00 น. พนักงานในร้านต่างก็รับอั้งเปาแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป

    พอคนกลับไปหมดแล้ว เจ้าของร้านทั้งสองก็ช่วยกันเอาป้ายราคาบะหมี่ในร้านที่เขียนไว้ว่า 'บะหมี่ชามละสองร้อยเยน' ที่แขวนไว้ตามผนังทั้งหมดพลิกกลับหลัง แล้วช่วยกันเขียนใหม่ว่า 'บะหมี่ชามละร้อยห้าสิบเยน'

    30 นาทีก่อน เถ้าแก่เนี้ยก็เอาป้าย 'จองแล้ว' ไปวางไว้บนโต๊ะเบอร์สอง เหมือนกับว่าจะมีเจตนารอแขกที่ลูกค้าออกจากร้านไปหมดแล้วถึงจะมาอย่างนั้นแหละ

    22.30 น. ในที่สุดสามแม่ลูกก็ปรากฏตัวขึ้น พี่ชายสวมเครื่องแบบมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง น้องชายสวมเสื้อแจ็กเกตที่พี่ชายสวมเมื่อปีก่อน ดูหลวมและไม่พอดีตัว เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมาก ส่วนผู้เป็นแม่ก็ยังคงสวมเสื้อโคตลายสก็อตที่ทั้งเก่าและเชยแถมสีซีดตัวเดิม

    'เชิญค่ะ เชิญค่ะ' เถ้าแก่เนี้ยกล่าวทักทายอย่างมีน้ำใจ

    มองใบหน้าอันยิ้มแย้มและท่าทางต้อนรับอย่างเต็มที่ของเถ้าแก่เนี้ย ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นเปล่งคำพูดออกมาอย่างงกๆ เงิ่นๆ ว่า

    'รบกวนช่วยทำบะหมี่น้ำให้สักสองชามได้ไหมคะ'

    'ได้ค่ะ เชิญนั่งทางนี้ค่ะ' เถ้าแก่เนี้ยนำแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะเบอร์สอง แล้วรีบเอาป้าย 'จองแล้ว' ออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตะโกนบอกไปทางครัวว่า

    'บะหมี่น้ำสองชาม'

    'ได้ครับ บะหมี่น้ำสองชามได้เดี๋ยวนี้แหละครับ' เถ้าแก่ตอบพลางโยนบะหมี่ลงไปในหม้อน้ำสามก้อน

    สามแม่ลูกกินไปพูดไป ดูแล้วเหมือนมีความสุขกันมาก สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ ได้รับรู้ถึงความสุขที่พวกเขาได้รับกัน ในใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย

    'ลูกรัก วันนี้แม่ต้องขอบคุณลูกๆ เป็นอย่างมาก'

    'ขอบคุณทำไมครับ?'

    'เรื่องเป็นอย่างนี้ คือคุณพ่อของลูกที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปได้ทำให้คนอีกแปดคนได้รับบาดเจ็บ และทางบริษัทประกันก็ไม่รับผิดชอบในส่วนนั้น ในช่วงหลายปีมานี่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเดือนละห้าหมื่นเยนทุกเดือน'

    'เอ๊ะ เรื่องนี้เราก็ทราบกันอยู่แล้วนี่ครับ' ผู้เป็นพี่ตอบ

    ส่วนเถ้าแก่เนี้ยได้แต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ อยู่หลังโต๊ะทำอาหาร

    'แต่เดิมนั้นเราต้องชำระหนี้ไปจนถึงปีหน้าเดือนมีนาคม แต่ตอนนี้เราได้ชำระหนี้ไปหมดแล้ว'

    'จริงๆ หรือครับแม่'

    'จริงสิจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าพี่ชายของลูกขยันไปส่งหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวลูกเองก็ช่วยแม่ซื้อกับข้าวทำอาหาร ทำให้แม่ไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงได้ให้เงินเบี้ยขยันพร้อมทั้งเงินโบนัสพิเศษอื่นๆ อีก จึงทำให้วันนี้สามารถชำระในส่วนที่เหลือได้หมด'

    'ว้าว แม่ครับ พี่ครับ อย่างนี้ก็วิเศษสิครับ แต่ว่าต่อไปขอให้ผมได้ช่วยทำอาหารต่อไปเถอะนะครับ'

    'ผมก็จะส่งหนังสือพิมพ์ต่อนะครับ ไอ้น้องชาย เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันสู้หน่อยแล้วนะ'

    'ขอบใจลูกทั้งสองมาก ขอบใจจริงๆ'

    'แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับจะบอกกับแม่เหมือนกันครับ คือในวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน โรงเรียนของน้องได้แจ้งให้ผู้ปกครองไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียนในวันพบผู้ปกครอง คุณครูของน้องยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า เรียงความของน้องได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อนๆ ของน้องนะครับผมถึงทราบ ดังนั้นในวันนั้นผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่ ไปร่วมในงานวันพบผู้ปกครองของน้อง'

    'จริงหรือลูก แล้วต่อมาล่ะ'

    'หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ 'ความปรารถนาของข้าพเจ้า' น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชามมาเขียนเป็นเรียงความ แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย'

    'เรียงความเขียนว่า...หลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย เพื่อที่จะชำระหนี้ คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน แม้แต่เรื่องของผมที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์ น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย...'

    'ยังมีอีก น้องยังเขียนถึงในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พวกเราสามคนแม่ลูกได้มาล้อมวงกันกินบะหมี่น้ำ อร่อยมาก...สามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก แล้วยังอวยพรวันปีใหม่ให้พวกเราอีก เสียงเหล่านั้นเหมือนกับว่าให้กำลังใจให้เข้มแข็งที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไป พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อให้หมดให้เร็วที่สุด...'

    'ด้วยเหตุนี้น้องจึงได้ตัดสินใจว่าโตขึ้นน้องจะเปิดกิจการร้านบะหมี่ แล้วจะต้องเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ยอดเยี่ยม อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย แล้วยังจะให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคน...ขอให้มีความสุขครับ...ขอบคุณครับ...'

    สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ จู่ๆ ก็หายตัวไป.......

    แหม...กำลังอินอยู่เชียว แต่เนื้อที่หมดแล้ว พรุ่งนี้ติดตามอ่าน "โต๊ะแห่งความสุข ตอน ๒" ให้ได้เชียวนะครับ Merry Christmas and Happy New Year ทุกๆ ท่านนะครับ.
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เคยอ่านมาก่อน แต่ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งเรื่องนี้ก็ยังคงซึ้งค่ะ พี่จงรักภักดี

    วันนี้ทางสายธาตุใส่สีชมพูเพราะรู้สึกอยากใส่วันนี้ ปรากฏว่าในท้องถนนวันนี้คนใส่เสื้อชมพูเต็มเลย

    ขอนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หาชมได้ยากนี้มาเผยแพร่

    คิดว่าหลายคนเห็นแล้วจะต้องหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รู้ไหมว่าพระเจ้าอยู่หัวอยู่ที่ไหนในภาพ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]


    ในหลวงผู้ทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • King_1.jpg
      King_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.6 KB
      เปิดดู:
      425
    • รู้ไหมว่า[1]...jpg
      รู้ไหมว่า[1]...jpg
      ขนาดไฟล์:
      199.6 KB
      เปิดดู:
      435
    • King_2.jpg
      King_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.3 KB
      เปิดดู:
      407
    • King_3.jpg
      King_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.5 KB
      เปิดดู:
      399
    • King_4.jpg
      King_4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.6 KB
      เปิดดู:
      595
    • King_5.jpg
      King_5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      418
    • King_6.jpg
      King_6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.2 KB
      เปิดดู:
      495
    • King_7.jpg
      King_7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69 KB
      เปิดดู:
      407
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2009
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เทียบกับพงศาวดาร

    • พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหอสมุดแห่งชาติว่า เสด็จเข้าพักพล
    ๓๑๒ พระราชพงศาวดารกรุงสยาม พระยาสามนตราช เสนาบดีมนตรี พิริยโยธาทหาร แห่ห้อมล้อม เป็นบริพารดูอธึก พันลึกด้วยพวกพลคเชน ทรนิกร บวรมหา- คชสารสินธพ สมุหโยธาทั้งหลาย ดูพรรณรายด้วยเครื่องสรรพา- ยุทธ์เกราะกราย ย้ายกันแห่โดยขนัดซ้ายขวาหน้าหลัง และพล ช้างเครื่อง ๘๐๐ พลม้า ๑,๕๐๐ พลโยธาหาญ ๑๐๐,๐๐๐ พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระ- องค์ ก็เสด็จพยุหบาตราโดยสถลมารค ไปโดยทางกำแพงเพชรขึ้น ไปยังเชียงใหม่ และพระเจ้าเชียงใหม่ไปรบพระรามเดโชในเมือง เชียงแสน จึงตั้งทัพหลวงแทบเมืองเชียงใหม่อยู่ท่าพระเจ้าเชียงใหม่ และตั้งข้าหลวงให้ไปหาพระรามเดโช และเชิญพระเจ้าเชียงใหม่ คืนมา ครั้นพระเจ้าเชียงใหม่มาถึงทัพหลวง และพระเจ้าเชียงใหม่ ก็เสด็จมาเคารพแก่พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์ และ้วก็ถวายช้างและเครื่องบรรณาการเสร็จ ก็ตั้งตำหนักอยู่แทบทัพหลวง ในวันอัฐมีนั้น พระเจ้าเชียงใหม่ก็อัญเชิญพระบาทสมเด็จ บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ เสด็จเข้าไปนมัสการ พระพุทธสิหิงค์ในเมืองเชียงใหม่นั้น และทัพหลวงตั้งอยู่ในเมืองเชียงใหม่นั้นเดือนหนึ่ง จึงยกทัพหลวงเสด็จจากเมืองเชียงใหม่ไป โดยอังวะ พระเจ้าเชียงใหม่และลูกพระเจ้าเชียงใหม่ทั้งสาม ไปโดยเสด็จทัพหลวง สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็ยกพยุหโยธาทัพเสด็จไป

    พระเจ้าเชียงใหม่ตอนนั้นน่าจะเป็นพระเจ้ามังนรธาช่อ ซึ่งทรงมีพระโอรส-ธิดา 3 พระองค์คือ

    พระองค์แรก พระทุลอง
    พระองค์ที่สอง เจ้านางโยธยามี้พระยา
    พระองค์ที่สาม พระไชยธิป

    จากที่เป็นตัวหนาด้านบนที่กล่าวถึงลูกพระเจ้าเชียงใหม่ทั้งสามคือทั้งสามพระองค์ข้างบนหรือไม่นะคะ

    พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม หน้าที่ ๑-๓๗๐ - วิกิซอร์ซ
     
  6. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210

    คุณพี่ทางสายธาตุ ช่างเป็นนักวิเคราะห์ ที่ ละเอียดมากเลยค่ะ

    ขออนุโมทนา กับผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ


    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 25 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 23 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> โมเย+, naraj</td></tr></tbody></table>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2009
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    รู้สึกเขิน เห็นคุณทางสายธาตุ บอกว่าได้เคยอ่านมาก่อนแล้ว แต่เพื่อความสุขของพวกเราทุกคนในโอกาส คริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ที่กำลังใกล้จะมาถึง สิ่งที่ดีที่งามได้อ่านได้เขียนเมื่อใดก็เป็นศิริมงคลและมีความสุข นะครับ

    จึงขอถ่ายทอด " โต๊ะแห่งความสุข ตอน ๒ " ของคุณเปลว สีเงิน........


    โต๊ะเบอร์ ๒ "โต๊ะแห่งความสุข" ปีใหม่

    <!-- main-content-block --><!-- 26 ธันวาคม 2552 - 00:00 -->
    26 ธันวาคม 2552 - 00:00


    บรรยากาศคริสต์มาสยังอวลอยู่ในหัวใจถวิลใช่ไหมล่ะ ฉะนั้น วันนี้ก็มาอ่านความเรียงเรื่อง "โต๊ะแห่งความสุข" ต่อเป็นตอนที่ ๒ ซึ่งเป็นตอนจบ อันที่จริงเรื่องนี้ค้างสต็อกไว้ตั้งกว่า ๒ ปีแล้ว ที่เพิ่งนำมาแบ่งกันอ่านก็เพราะต้องการให้กลมกลืนบรรยากาศวันปีใหม่ตามเรื่อง ท่านที่เคยอ่านแล้ว "อ่านอีก" ยิ่งดี เพราะขึ้นชื่อว่า "ความดีงาม" งามได้บ่อยเท่าไหร่ หัวใจก็จะงามเหมือนบัว...บานเบิกอรุณ

    (ความต่อจากวานนี้) พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลย เพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง พยายามซับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดเหมือนทำนบพังนั้นอย่างไม่ลดละ

    พอน้องอ่านเรียงความจบ คุณครูก็พูดว่า 'วันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่ ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ'

    'จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรล่ะ'

    'ก็มันกะทันหันเกินไป ตอนแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ผมจึงพูดว่า...ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดี น้องผมต้องไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน ดังนั้นในเวลาที่เพื่อนๆ ทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็นก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับบ้าน เมื่อเป็นอย่างนี้คงจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันพอสมควร'

    'เมื่อครู่นี้ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม ผมรู้สึกอายมาก แต่พอได้เห็นน้องยืดอกอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชามด้วยเสียงอันดังนั้นจนจบ ถึงได้รู้สึกว่า ความรู้สึกอายเมื่อสักครู่นี้ถึงจะเรียกว่าเป็นความอายจริงๆ'

    'หลายปีมานี้ ความกล้าของคุณแม่ที่จะสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามนั้นเพื่อกินกันสามคน ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด ผมและน้องจะต้องขยันและดูแลแม่เป็นอย่างดี และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ'

    สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบๆ ตบไหล่ กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุกๆ ปี จ่ายเงินไปสามร้อยเยนกล่าวขอบคุณ ค้อมตัวลงเคารพและเดินออกจากร้านไป

    มองตามหลังสามแม่ลูกไป เจ้าของร้านจึงได้รู้สึกว่าปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริงๆ พร้อมกับกล่าวว่า

    'ขอบคุณค่ะ (ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ (ครับ)'

    และแล้วก็ผ่านไปอีกปีหนึ่ง

    พอถึงเวลา 21.00 น. ทางร้านฮอกไกก็วางป้าย 'โต๊ะจอง' ไว้บนโต๊ะเบอร์สองและเฝ้ารอคอยการมาเยือนของสามแม่ลูกเช่นเคย แต่ในปีนั้นสามคนแม่ลูกไม่ได้มาปรากฏตัวที่ร้านเลย

    ปีที่สอง ปีที่สาม โต๊ะเบอร์สองก็ยังคงว่างอยู่เช่นเดิม สามแม่ลูกไม่ได้มาที่ร้านฮอกไกอีกเลย

    กิจการของร้านฮอกไกดีมาก เรียกว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว ภายในร้านมีการตกแต่งใหม่ โต๊ะเก้าอี้ก็มีการเปลี่ยนใหม่ จะมีก็แต่โต๊ะเบอร์สองที่เก็บรักษาไว้เหมือนเดิม

    'นี่มันเรื่องอะไรกัน' ลูกค้าหลายคนต่างก็ถามด้วยความกังขา

    เถ้าแก่เนี้ยก็เลยเล่าเรื่องบะหมี่หนึ่งชามให้แก่ลูกค้าฟัง

    โต๊ะเก่าตัวนั้นวางอยู่กลางร้านเหมือนกับว่าเป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง และก็ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งลูกค้าทั้งสามอาจจะกลับมาอีก พวกเขาหวังว่าจะใช้โต๊ะเก่าตัวนั้นในการต้อนรับลูกค้าทั้งสามของเขา

    โต๊ะเบอร์สองตัวนั้นเปลี่ยนเป็นชื่อว่า 'โต๊ะแห่งความสุข'

    ลูกค้าต่างก็พูดต่อๆ กันไป มีนักเรียนหลายคนอยากเห็นโต๊ะตัวนี้ถึงขนาดที่ว่านั่งรถมาจากที่ไกลแสนไกลมากินบะหมี่ และเจาะจงที่จะนั่งโต๊ะตัวนี้

    ผ่านวันที่ 31 ธันวาคม ไปอีกหลายๆ ปี

    พอถึงวันสิ้นปีหลังจากปิดร้านแล้ว เจ้าของร้านค้าในละแวกใกล้เคียงร้านฮอกไกก็มักจะมารวมตัวฉลอง โดยการกินบะหมี่ที่ร้านฮอกไก กินไปพลางก็รอเสียงระฆังส่งท้ายวันสิ้นปีเก่าไปพลาง แล้วทุกคนก็ไปวัดเพื่อไหว้พระด้วยกัน เป็นธรรมเนียมมา 5-6 ปีแล้ว

    ในวันนี้พอเลย 21.30 น. ไปแล้ว เจ้าของร้านขายปลามาถึงก่อน พร้อมทั้งนำซาซิมิมาด้วย ต่อจากนั้นก็มีคนมาเรื่อยๆ เป็นระยะ บ้างก็เอาเหล้ามา บ้างก็เอาอาหารกับแกล้มมา ปกติแล้วก็จะรวมตัวกันได้ประมาณ 30-40 คน ต่างก็คึกคักกันมาก ทุกคนที่มานั้นต่างก็รู้ตำนานเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์สอง ทุกคนก็พยายามไม่เอ่ยถึงมัน แต่ในใจต่างก็คิดกันว่า วันนี้ 'โต๊ะจอง' ตัวนั้นไม่มีคนที่พวกเขาเฝ้ารอมานั่ง มันคงจะว่างเปล่าเพื่อส่งท้ายปีเก่าอีกเช่นเดิม พวกเขาบ้างก็กินเหล้า บ้างก็กินบะหมี่ บ้างก็เข้าๆ ออกๆ

    พอเตรียมกับข้าวกับแกล้ม ต่างก็กินกันไปคุยกันไป พูดเรื่องการค้าบ้าง คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แม้แต่น้ำทะเลขึ้นลง ในระยะนี้บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่ ก็นำมาพูดคุยในวงสนทนา คุยมันทุกๆ เรื่อง จนเหมือนกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน

    เวลาผ่านไปจนถึง 22.30 น. ทันใดนั้นเองประตูร้านก็ถูกผลักออกเบาๆ ทุกคนในร้านหยุดพูดคุยกัน สายตาทุกคู่มองตรงไปยังประตูร้าน ชายหนุ่มสองคนยืนสง่าในชุดสูทสากล พาดโอเวอร์โค้ตไว้บนแขน

    พอเห็นว่าผู้ที่มาเป็นใคร ทุกคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง และเริ่มสนทนากันต่อไปอย่างคึกคัก ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะพูดว่า

    'ขอโทษค่ะ ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ' เพื่อปฏิเสธลูกค้าที่ไม่ได้รับเชิญอยู่นั้น ก็มีหญิงคนหนึ่งสวมชุดกิโมโนเดินเข้ามายืนระหว่างกลางของชายหนุ่มทั้งสองคน ทุกคนในร้านแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยินคุณนายผู้นั้นพูดว่า

    "เอ้อ..รบกวน..รบกวนช่วยทำบะหมี่ให้สามชามได้ไหมคะ"

    ทันทีที่เถ้าแก่เนี้ยได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ภาพของสามแม่ลูกในความทรงจำ กับภาพของสามแม่ลูกตรงหน้า เธอพยายามจะนำทั้งสองภาพมาวางซ้อนกัน

    เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ที่โต๊ะทำบะหมี่ ชี้นิ้วไปยังทั้งสามแม่ลูก 'พวกคุณ..พวกคุณ' เขาพูดได้เพียงแค่นั้น คำพูดทุกคำจุกอยู่ที่คอ

    ชายหนุ่มหนึ่งในสองคนเห็นท่าทีของเถ้าแก่เนี้ยที่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยพูดกับเถ้าแก่เนี้ยว่า

    'พวกเราสามคนแม่ลูกที่เมื่อสิบสี่ปีก่อนในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มาสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามทานกันสามคนไงครับ และพวกเราก็ได้รับกำลังใจจากบะหมี่น้ำชามนั้น พวกเราจึงได้สามารถยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้'

    'หลังจากนั้นก็อพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่กับยายที่อำเภอชิกะ ปีนี้ผมสอบผ่านได้เป็นนายแพทย์แล้ว ตอนนี้ผมเป็นแพทย์ฝึกหัดแผนกกุมารเวชที่โรงพยาบาลเกียวโต ปีหน้าเดือนเมษายนก็จะย้ายมาประจำโรงพยาบาลกลางของซัปโปโรแล้ว วันนี้พวกเราก็เลยแวะมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว แล้วเลยไปไหว้สุสานของคุณพ่อและน้องชายที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของกิจการร้านบะหมี่นั้น ขณะนี้ได้ทำงานในธนาคารเกียวโต ได้เสนอความคิดที่เลิศเลออย่างหนึ่งก็คือ ปีนี้ในวันส่งท้ายปีเก่า พวกเราสามคนแม่ลูกจะมาเยี่ยมคารวะเจ้าของร้านบะหมี่ฮอกไกที่ซัปโปโร และทานบะหมี่น้ำสามชามของร้านฮอกไกด้วย'

    สองตายายฟังไปพลาง พยักหน้าไปพลางด้วยน้ำตาคลอเบ้า เถ้าแก่ร้านขายผักที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูพยายามใช้แรงอย่างเต็มที่ที่จะกลืนบะหมี่คำที่คาอยู่ในปากลงไปในคอ แล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า

    'อ้าว..เถ้าแก่..เป็นอะไรไปล่ะ' อุตส่าห์เตรียมการมาตลอดสิบปีเพื่อเฝ้าคอยวันนี้ 'โต๊ะจอง' ตัวนั้นไงที่พวกเถ้าแก่จองให้ลูกค้าที่จะมาตอนหลังสิบโมงของคืนวันสิ้นปีไง รีบๆ ต้อนรับพวกเขาสิ เร็วเข้า'

    ในที่สุดเถ้าแก่เนี้ยก็ได้สติ ตบไหล่ของเถ้าแก่ร้านขายผัก แล้วพูดว่า

    'ยินดีต้อนรับค่ะ..เชิญนั่งข้างในค่ะ..นี่ตาเฒ่า..บะหมี น้ำสามชามโต๊ะสอง'

    เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ก็รีบปาดน้ำตาแล้วรับคำว่า

    "ครับ..บะหมี่น้ำสามชาม"

    หากดูกันตามจริงแล้ว สิ่งที่เถ้าแก่ร้านบะหมี่ทั้งสองได้ให้ไปมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย มันเป็นแค่เพียงบะหมี่ไม่กี่ก้อน คำพูดที่จริงใจและให้กำลังใจเพียงไม่กี่คำ รวมทั้งคำอวยพรว่า 'ขอบคุณค่ะ (ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ (ครับ)' ก็เท่านั้นเอง แต่มันกลับให้ผู้ที่ถูกความจริงอันโหดร้ายบีบให้จมอยู่ในสถานการณ์คับขันได้สามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

    เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า --- อย่าพยายามมองข้ามตัวเอง

    ตัวเราเองสามารถมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นแค่เพียงความใส่ใจความห่วงใยอันจริงใจของคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถนำพาเอาแสงสว่างอันเจิดจรัสอย่างไม่มีขีดจำกัดมาสู่โลกได้ ด้วยเหตุนี้ความหวังความใฝ่ฝันที่แรงกล้าของพวกเรา...

    เพื่อนที่รัก......

    อย่ามัวเห็นแก่ตัวกันหรือเสียดายมันอยู่เลย หวังว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะสามารถมอบหัวใจแห่งความรักและความเมตตาที่เราอัดเก็บไว้ในใจมาเป็นเวลานานแสนนานนั้นมอบให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ จุดประกายแห่งความสว่างแก่โลก

    ถึงแม้จะเป็นแสงเพียงริบหรี่เท่านั้น

    แต่สำหรับคืนอันหนาวเหน็บอันเย็นยะเยือกของฤดูหนาว มันเป็นประกายแห่งความอบอุ่นและแสงสว่างอันสุกสกาวจริงๆ

    ครับ...แล้ว "โต๊ะแห่งความสุข" ก็จบ อ่านแล้วระอุ่นหัวใจดี..เนอะ ในรอยต่อปีเก่า-ปีใหม่อย่างนี้ ปิดสวิตช์จิตใจซะบ้าง ไม่รับข่าวร้าย เปิดรับแต่ข่าวดี ผมก็ว่ามันจะทำให้โลกโสภี ชีวิตโสภาได้โข สังคมและบ้านเมืองที่มันวุ่นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าดูให้ดีก็เพราะเราไปรับพิษจาก "น้ำครำข่าว" มากเกินไป ใช่ไหมเอ่ย?.


    ***ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน แห่ง ไทยโพสต์ มากครับ
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466


    สาธุ อนุโมทนาครับ
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1193241 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 13-05-2008, 06:24 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #3 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1193241", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1193241 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->กองทัพไทยได้ถือวันที่ 25 มกราคม เป็นวันกองทัพไทยมาตั้งแต่ปี2524 ต่อมาด้วยความริเริ่มของท่าน พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์(นายตำรวจนอกราชการ) ได้พบความคลาดเคลื่อนของวันที่สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ณ ตำบลหนองสาหร่าย สุพรรณบุรี ซึ่งตรงกับวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 954 ควรจะตรงกับวันที่ 18 มกราคม จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยมติ ครม.เมื่อ 29พ.ย. 2548 กำหนดให้ วันที่ 18 มกราคม เป็นวันกองทัพไทย แทน วันที่ 25 มกราคม และได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2550เป็นต้นมา<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1193372 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 13-05-2008, 07:31 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #4 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1193372", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1193372 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->เพื่อให้เข้ากันกับบรรยากาศของเว็บพลังจิต ขอคัดลอกบางข้อความจากหนังสือเจาะตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของทันตแพทย์สม สุจิรา เกี่ยวกับการพระศาสนาซึ่งไม่ใคร่จะมีผู้เอ่ยถึงมากนัก ...สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพุทธศาสนิกชนสายเถรวาทผู้เคร่งครัด โดยได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากพระมหาเถรคันฉ่อง ผู้ซึ่งพระองค์ทรงนับถือเป็นอย่างยิ่ง(พระมหาเถรคันฉ่องอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของมหาราชถึงสองพระองค์ คือพระเจ้าบุเรงนองและสมเด็จพระนเรศวร) โปรดให้วัดใหญ่ชัยมงคลเป็นวัดสำหรับปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยเฉพาะ และสมเด็จพระนเรศวรมีรับสั่งให้คัดลอกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ใหม่ทั้งหมด........<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1194727 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 13-05-2008, 01:18 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #7 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1194727", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1194727 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ความรักที่สมเด็จพระนเรศวรทรงมีอย่างท่วมท้นคือความรักต่อประชาชน รวมไปถึงเหล่าทหารหาญทั้งหลาย ในการรบหลายต่อหลายครั้ง เมื่อพระองค์ทรงวิเคราะห์ว่าเสี่ยงเกินไปที่ทหารจะเสียชีวิต พระองค์ท่านจะรับสั่งให้ถอยทัพกลับทุกครั้งไป ดังจะเห็นได้ว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงวางกลศึกอย่างรอบคอบทุกครั้ง เพราะจะช่วยให้สูญเสียทหารน้อยที่สุด แม้การรบครั้งแรกที่เมืองคังพระองค์ก็แทบจะไม่สูญเสียเลย ตรงกันข้ามกับทัพพระมหาอุปราชาและพระสังกทัตที่ทหารล้มตายจำนวนมากขณะวิ่งฝ่าเข้าทางด้านหน้าเมืองคัง
    ในการรบ หากทรงเห็นว่าศึกครั้งใดเสียเปรียบ พระองค์จะไม่ทรงนำไพร่พลออกไปเสี่ยง เว้นแต่ว่าศึกครั้งนั้นจะมีโอกาสชนะ สมเด็จพระนเรศวรจะเสด็จนำหน้าทัพเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านและพลทหารมีโอกาสเสี่ยงอันตรายเท่าๆกัน
    *จากหนังสือเจาะตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยทันตแพทย์สม สุจีรา ครับ<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1213180 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 19-05-2008, 04:54 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #8 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1213180", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1213180 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ปรากฎหลักฐานจากหนังสือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 400 ปี ของการครองราชย์ โดยคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตที่เมืองหาง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2148<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1218207 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 21-05-2008, 10:45 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #9 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutatip_b<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1218207", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    ข้อความ: 3,114
    Groans: 3
    Groaned at 14 Times in 13 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 20,096
    ได้รับอนุโมทนา 56,685 ครั้ง ใน 3,060 โพส
    พลังการให้คะแนน: 2817 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1218207 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->เห็นกล่าวกันสอง-สามนัยยะเรื่องสถานที่สวรรคต
    1 ถ้ำที่วัดถ้ำเมืองนะ
    2 ถ้าที่เชียงดาว
    ใครทราบอะไรมาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ
    องค์อัครมหากษัตริย์สวรรคตทั้งที ลูกหลานไม่มีสัญญาจดจำเลยหรือ...<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[FONT=&quot]
    [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1224290 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 23-05-2008, 07:22 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #12 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1224290", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1224290 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ตามหลักฐานคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย พบว่าพระองค์ทรงโปรดที่จะเสด็จโดยทางเรือไปประทับแรมที่ชายทะเลแถบเพชรบุรี-สามร้อยยอด ร่วมกับพระอนุชาพระเอกาทศรถ นานหลายเดือน ได้มีผู้รู้บางท่านให้ข้อคิดเห็นในทำนองว่าเป็นการซ้อมรบทางทะเล แต่ก็ยังไม่เป็นข้อยุติ แต่ที่แน่นอนก็คือ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เรียกชื่อชายฝั่งทะเลด้านจังหวัดเพชรบุรี-ประจวบฯ ว่า
    "ชายฝั่งทะเลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1245178 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 01-06-2008, 07:04 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #13 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1245178", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1245178 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->จากหนังสือสมเด็จพระนเรศวร 400 ปีของการครองราชย์ โดยคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งได้มีการค้นคว้าจากบันทึกหลักฐานของจีน พบว่าได้มีการบันทึกเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระราชสาส์นถึงจักรพรรดิ์จีนเพื่อจะขอยกกองทัพไปช่วยรบกับญี่ปุ่น ในระหว่างการรอคอยคำตอบจากจีน จึงเป็นไปได้ว่า กองทัพไทยจำเป็นต้องมีการเตรียมการซักซ้อมเพื่อให้ทหารหาญมีความคุ้นเคยที่จะต้องเดินทางไกลรอนแรมไปในทะเล ฝ่าพายุและคลื่นลม จนถึงปลายทาง ซึ่งทหารอาจจะเมาคลื่นลมไม่สามารถทำการรบได้ และถ้าจะเปรียบเทียบกับการรบสมัยใหม่แล้วก็อาจพูดได้ว่าเป็นการซ้อมการยกพลขึ้นบกด้วย คงคล้ายกับการยกพลขึ้นบกของหน่วยนาวิกโยธินในปัจจุบันก็เป็นได้<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ภาวิโต : 02-06-2008 เมื่อ 05:36 AM เหตุผล: เพื่อความสมบูรณ์ของข้อความ
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ปีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงส่งราชสาส์นไปจีนเพื่ออาสาไปปราบญี่ปุ่นนั้นเป็นปี พ.ศ. 2135 หลังจากสงครามยุทธหัตถี แต่มีหลักฐานว่าพระองค์ทรงออกรบทางทะเลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2129 เพื่อไปปราบเขมรแต่คราวปี พ.ศ. 2129 นั้นยังไม่ได้ออกทะเลไกล จึงทรงน่าจะมีพระราชดำริที่จะฝึกฝนทหารในกองทัพของพระองค์ให้สามารถออกรบได้ไกลๆในทะเล จึงมีการฝึกซ้อมทหารที่ชายฝั่งทะเลด้านเพชรบุรีและประจวบ จากการสืบค้นหลักฐานเจ้าเมืองเพชรบุรีในระยะก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นชาวสยามเชื้อสายจีนคือ พระยาเพชรบุรี(เรือง) ซึ่งเป็นพระญาติกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและเจ้าขรัวเงิน จึงคิดว่าเป็นไปได้ว่าคงมีนายทหารจีนในกองกำลังรบทางทะเลด้วย เพราะชาวจีนเดินเรือสมุทรได้ช่ำชอง และบางครั้งก็เป็นขุนนางแขกจาม เช่นพระยาราชบังสัน ที่คุมทัพเรือกรุงศรีอยุธยา
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เนื้อหาของกระทู้เดิมที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้น่าสนใจ น่านำมาเผยแพร่ใหม่มากค่ะ

    ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อนะคะ

    ป.ล. ไปอ่านกระทุ้พระนางสุนันทากุมารีรัตน์ จึงได้ทราบว่าล็อกอิน baiiboom คือคุณบอล เรืองตะวัน ยินดีมากค่ะที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นี้นะคะ

    กระทู้นี้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนะคะ http://palungjit.org/threads/ฤๅจะเป็นพระราชปณิธานที่หาญมุ่งขององค์มหาราชพระองค์ดำ.128148/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2009
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ใครเข้าไปเล่นพระราชวังต้องห้ามเสมือนแล้วบ้าง ตอนนี้ทางสายธาตุเข้าไปปรากฏว่ายังไม่สามารถสอบถามเกี่ยวกับประวัติของได้ละเอียด ได้แต่เดินดูสถานที่ตั้ง สนุกตรงที่คนจีนเข้ามาทักว่า หนีฮ่าว (ภาษาจีน) อยากคุยด้วยจังแต่ยังคุยไม่เป็น น่าสนุกดี ใครเจอทางสายธาตุ (Changlizhu) ก็ทักกันได้นะคะในพระราชวังต้องห้ามเสมือน เอาไว้นัดเจอกันที่ตำหนักนั้นตำหนักนี้แล้วเดินไปคุยกันที่หน้าตำหนัก น่าสนุกดีค่ะ

    คนไทยน่าจะทำกรุงศรีอยุธยาเสมือนบ้างนะคะ ทางสายธาตุขอจองเป็นแหม่มจะใส่กระโปรงบานๆ เดินช๊อปปิ้งที่ย่านกรุงศรีอยุธยาบาร์ซ่าร์ เป็นคนต่างชาติจะมีสิทธิ์มากกว่าค่ะ คนต่างชาติในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนพื้นที่อย่างน้อยก็สามารถพูดคุยได้อย่างอิสระเสรี

    กระทู้คุณบอลที่เข้าไปเยี่ยมชมมาค่ะ เอามาเผยแพร่ค่ะ

    http://palungjit.org/threads/เรื่องเล่า-พระนางเรือล่ม-สมเด็จพ่อรัชกาลที่-ห้า.220045/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2009
  19. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488


    ??? เหตุไฉนใจตรงกันกับพี่ทางสายธาตุ อนุโมทนาขอรับ
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post1271433 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 11-06-2008, 10:39 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #37 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1271433", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 307
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942
    ได้รับอนุโมทนา 3,016 ครั้ง ใน 379 โพส
    พลังการให้คะแนน: 201 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1271433 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->เวียงแหง หรือเมืองหาง อะไรกันแน่
    อันที่จริงไม่อยากจะกล่าวถึงทั้งสองแห่ง เพราะถ้าไม่มีทั้งสองเมืองดังกล่าว เราก็ไม่ต้องสูญเสียพระองค์ท่าน พูดกันแบบสมการง่ายๆนะครับ
    "ครั้นจุลศักราช ๙๗๔ พระเจ้าอยุทธยาพระนเรศทรงเสด็จยกกองทัพ ๒๐ ทัพยกมาทางเชียงใหม่จะไปตีอังวะ ครั้นเสด็จมาถึงเมืองแหนแขวงเมืองเชียงใหม่ก็ทรงประชวรโดยเร็วพลันก็สวรรคตในที่นั้น"..จากมหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า คนไทยรับรู้จากแบบเรียนว่า สมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคตที่เมืองหางระหว่างยกทัพไปตีกรุงอังวะ ซึ่งปัจจุบันเมืองดังกล่าวอยู่ในเขตรัฐฉานของพม่า จนไม่กี่ปีที่ผ่านมามีนักวิชาการท้องถิ่นเสนอว่า "ทุ่งดอนแก้ว" อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ หรืออดีต "เมืองแหง" เป็นพื้นที่สวรรคต ไม่ใช่ "เมืองหาง" โดยมีหลักฐานสนับสนุนทั้งจดหมายเหตุและภาพถ่ายดาวเทียม
    ท่านผู้นี้คือ อาจารย์ชัยยง ไชยศรี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฎ เชียงใหม่ อ.ชัยยง ตั้งข้อสังเกตว่า "เมืองแหน" กับ"เมืองหัน"(หาง) ในมหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า(ที่เป็นภาษาพม่า) นั้นเขียนต่างกันอย่างสิ้นเชิงและหลักฐานฝ่ายพม่ามักกล่าวถึง"เมืองแหน" ในฐานะเส้นทางผ่านไปเชียงใหม่บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่ "เมืองหัน " อ.ชัยยงชี้ว่า พระราชพงศาวดารไทยที่ชำระฃึ้นหลังฉบับหลวงประเสริฐฯ ยังอาจมีความผิดพลาดในการออกเสียงชื่อเมืองแหง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเพราะระยะเวลาผ่านมาหลายร้อยปี ดังนั้น อ.ชัยยง จึงสรุปว่าจากประมวลหลักฐานพม่า หลักฐานล้านนา หลักฐานของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ข้อมุลทางด้านภูมิศาสตร์ ภาพถ่ายดาวเทียม หลักฐานโบราณคดี หลักฐานทางนิรุกติศาสตร์และหลักฐานเชิงประจักษ์สันนิษฐานได้ว่า อำเภอเวียงแหงคือสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวร เสด็จสวรรคต
    ส่วนกรณีสวรรคตที่เมืองหางนั้น อ.ชัยยง แย้งว่า ถ้าพิจารณาตามพงศาวดารส่วนใหญ่ ที่บันทึกว่าสมเด็จพระนเรศวรโปรดให้สมเด็จพระเอกาทศรถ ยกทัพหน้าไปก่อนพระองค์ ๗ วัน ไปรวมพลอยู่ที่ฝาง ซึ่งถ้าดูตามแผนที่หากทัพหลวงอยู่เมืองหางขณะพระองค์สวรรคตจริงแล้ว ก็เท่ากับว่าทัพหลวงอยู่เลยล้ำหน้าขึ้นไป ไม่น่าเป็นไปได้ผิดหลักการทำสงครามที่ทัพหน้าควรต้องอยู่ด้านหน้าของทัพหลวง ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจสามารถดูได้จาก เว็บไซต์ www.naresuanthai.com<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ภาวิโต : 09-07-2008 เมื่อ 12:01 PM เหตุผล: ให้ภาษาถูกตอง
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...