พระแม่ธรณี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 1 ธันวาคม 2009.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระแม่ธรณี

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    [​IMG]

    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #cccccc 1px dotted; BORDER-TOP: #cccccc 1px dotted; BORDER-LEFT: #cccccc 1px dotted; WIDTH: auto; BORDER-BOTTOM: #cccccc 1px dotted; POSITION: relative; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" vAlign=top width=20></TD><TD>
    แต่ในชาติอาตมะเป็นพระยาเวสสันดรชาติเดียวนั้น ก็ได้บำเพ็ญทานบารมีถึงบริจาคนางมัทรีเป็นอวสาน พื้นพสุธาก็กัมปนาการถึง 7 ครั้ง แลกาลบัดนี้ อาตมะนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์อาสน์ หมู่มารอริราชมาแวดล้อมยุทธการเป็นไฉนแผ่นพสุธาธารจึงดุษณีภาพอยู่ฉะนี้ แลพระยามารอ้างบริษัทแห่งตนให้เป็นกฏสักขีขานคำมุสา แลพื้นปฐพีอันปราศจากเจตนาได้สดับคำอาตมะในครั้งนี้จงรับเป็นสักขีพยานแห่งข้า แล้วเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาอันประดับด้วยจักรลักษณะอันงามดุจงวงไอยรารุ่งเรืองด้วยพระนขามีพรรณอันแดงดุจแก้วประพาฬออกจากห้องแห่งจีวร ครุวนาดุจวิชุลดาในอัมพรอันออกจากระหว่างห้องแห่งรัตวลาหก ยกพระดัชนีชี้เฉพาะพื้นมหินทรา จึงออกพระวาจาประกาศแก่นางพระธรณีว่า ดูก่อนวนิดาดลนารี ตั้งแต่อาตมะบำเพ็ญพระสมภารบารมีมาตราบเท่าถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรราช ได้เสียสละบุตรทานบริจาคแลสัตตสดกมหาทานสมณะพราหมณาจารย์ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะกระทำเป็นสักขีพยานในที่นี้ก็มิได้ มีแต่พสุนธารนารีนี้แลรู้เห็นเป็นพยานอันใหญ่ยิ่ง เป็นไฉนท่านจึงนิ่งมิได้เป็นพยานอาตมาในกาลบัดนี้
    ในขณะนั้น นางพสุนธรีวนิดาก็มิอาจดำรงกายาอยู่ได้ ด้วยโพธิสมภารานุภาพยิ่งใหญ่แห่งพระมหาสัตว์ ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพียืนประดิษฐานเฉพาะพระพุทธังกุรราช เหมือนดุจร้องประกาศกราบทูลพระกรุณาว่าข้าแต่พระมหาบุรุษราช ข้าพระบาททราบซึ่งสมภารบารมีที่พระองค์สั่งสมอบรมบำเพ็ญมา
    แต่น้ำทักษิโณทกตกลงชุ่มอยู่ในเกศาข้าพระพุทธเจ้านี้ ก็มากกว่ามากประมาณมิได้ ข้าพระองค์จะบิดกระแสใสสินโธทกให้ตกไหลหลั่งลง จงเห็นประจักษ์แก่นัยนาในครานี้ แลนางพระธรณีก็บิดน้ำในโมลีแห่งตน อันว่ากระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศโมลีแห่งนางพสุนธรีเป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศที่ทั้งปวงประดุจห้องมหาสาครสมุทร พระผู้เป็นเจ้ารักขิตาจารย์จึงกล่าวสารพระคาถาอรรถาธิบายความก็เหมือนนัยกล่าวแล้วแต่หลัง
    ครั้งนั้น หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาดมิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร อันว่าระเบียบแห่งฉัตรธวัชจามรทั้งหลาย ก็ทักทบท่าวทำลายล้มลงเกลื่อนกลาดและพระยามาราธิราชได้ทัศนาการเห็นมหัศจรรย์ ดังนั้น ก็บันดาลจิตพิศวงครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเป็นอันมาก พระคันถรจนาจารย์จึงกล่าวพระคาถาสรรเสริญคุณานุภาพโพธิสัตว์อรรถาธิบายความก็ซ้ำหนหลัง
    ครั้งนั้นมหาปฐพีก็ป่วนปั่นปานประหนึ่งว่าจักรแห่งนายช่างหม้อบันลือศัพท์นฤนาทหวาดไหวสะเทือนสะท้าน เบื้องบนอากาศก็นฤโฆษนาการ เสียงมหาเมฆครืนครั่นปิ่มปานจะทำลายภูผาทั้งหลาย มีสัตตภัณฑ์บรรพต เป็นต้น ก็วิจลจลาการขานทรัพย์สำเนียงกึกก้องทั่วทั้งท้องจักรวาล ก็บันดาลโกลาหลทั่วสกลดังสะท้าน ปานดุจเสียงป่าไผ่อันไหม้ด้วยเปลวอัคคี ทั้งเทวทุนทุภีกลองสวรรค์ก็บันลือลั่นไปเอง เสียงครืนเครงดุจวีหิลาชอันสาดทิ้ง ถูกกระเบื้องอันเรืองโรจน์ร้อนในกองอัคนี การอัสนีบาตก็ประหารลงเปรี้ยง ๆ เพียงพื้นแผ่นปฐพีจะพังภาคดังห่าฝน ถ่านเพลิงตกต้องพสุธาดลดำเกิงแสงสว่างหมู่มารทั้งหลายต่าง ๆ ตระหนกตกประหม่า กลัวพระเดชานุภาพแพ้พ่าย แตกขจัดขจายหนีไปในทิศานุทิศทั้งปวงมิได้เศษ แลพระยามาราธิราชก็กลัวพระเดชบารมี ปราศจากที่พึ่งที่พำนักซ่อนเร้นให้พ้นภัยหฤทัย ท้อระทดสลดสังเวชจึงออกพระโอษฐ์สรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหาบุรุษราชว่า ดังอาตมาจินตนาการอันว่าผลทานศีลสรรพบารมีแห่งพระสิทธัตถกุมารนี้ ปรากฏอาจให้บังเกิดมหิทธฤทธิ์สำเร็จกิจมโนรถปรารถนาทุกประการ มีพระกมลเบิกบานแผ่ไปด้วยประสาทโสมนัส จึงทิ้งเสียซึ่งสรรพาวุธประนมหัตถ์ทั้ง 2,000 อัญชลีกรนมัสการ ก็กล่าวสารพระคาถาว่า นโม เต ปุริสาชญญ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ปุริสาชาไนยชาติเป็นอุดมบุรุษราชในโลกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายวันทนาการชุลีพร้อมด้วยทวารทั้ง 3 คือกายวจีมโนประณามประณตในบทบงกชยุคลบาท บุคคลผู้ใดในมนุษย์โลกธาตุกับทั้งเทวโลก ที่จะปูนเปรียบประเสริฐเสมอพระองค์คงเทียมเทียบนั้นมิได้มี พระองค์ได้ตรัสเป็นพระศรีสรรเพชญ์เสร็จแจ้งจตุราริยสัจจ์ศาสดาจารย์มีพระเดชครอบงำชำนะหมู่มาร เป็นปิ่นปราชญ์ฉลาดในอนุสัยแห่งสรรพสัตวโลกจะข้ามขนนิกรเวไนย์ให้พ้นจตุรโอฆกันดารบรรลุฝั่งฟากอมฤตมหานฤพานอันเกษมสุขปราศจากสังสารทุกข์ในครั้งนี้ แลพระยาวัสวดีมารโถมนาการพระคุณพระมหาบุรุษราชด้วยจิตประสาทเลื่อมใส ผลกุศลนั้นจะตกแต่งให้ได้ตรัสแก่พระปัจเจกโพธิญาณในอนาคตกาลภายหน้า เมื่อพระยามารกล่าวสัมภาวนากถาสรรเสริญคุณพระโพธิสัตว์ แล้วก็นิวัตตนาการสู่สกลฐานเทวพิภพ
    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" vAlign=bottom width=20></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ลักษณะของพระแม่ธรณี
    ตามที่ปรากฏ โดยมากมักจะเป็นรูปเทวดาผู้หญิง มีรูปร่างอวบใหญ่ ล่ำสันอย่างได้สัดส่วน หรือในบางแห่งจะมีรูปร่างอ้อนแอ้น มีความงามประดุจเทพธิดา นั่งในท่าคุกเข่า แต่ยกเข่าขวาขึ้นสูงกว่าเข่าซ้าย บางแห่งสร้างให้อยู่ในท่ายืน แต่ที่เหมือนกันก็คือมวยผมปล่อยยาว มือขวายกข้ามศีรษะไปจับไว้ที่โคนมวยผม ส่วนมือซ้ายจับมวยผมแสดงท่ากำลังบิดให้สายน้ำไหลออกมาจากมวยผมนั้น ส่วนเครื่องทรงไม่มีแบบแผนที่แน่นอนตายตัว ตามแต่จินตนาการของผู้สร้าง บางแห่งสวมพัตราภรณ์เฉพาะช่วงล่าง แต่บางแห่งทั้งนุ่งผ้าจีบและห่มสไบอย่างสวยงาม ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์มีกรอบหน้าและจอนหู เป็นต้น
    พระแม่ธรณีเป็นเทวดาอีกองค์หนึ่งที่ได้รับความนิยมบูชาของคนไทย มักเป็นสัญลักษณ์แห่งแผ่นดิน ดั่งปรากฏในวรรณคดีไทย เช่น โคลงของศรีปราชญ์ก่อนถูกประหารที่กล่าวว่า

    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #cccccc 1px dotted; BORDER-TOP: #cccccc 1px dotted; BORDER-LEFT: #cccccc 1px dotted; WIDTH: auto; BORDER-BOTTOM: #cccccc 1px dotted; POSITION: relative; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" vAlign=top width=20></TD><TD>
    ธรณีนี่นี้เป็นพยาน...
    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" vAlign=bottom width=20></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดูเพิ่ม

    แหล่งข้อมูลอื่น

    <TABLE class=navbox cellSpacing=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 2px; PADDING-LEFT: 2px; PADDING-BOTTOM: 2px; PADDING-TOP: 2px"><TABLE class="nowraplinks collapsible autocollapse" id=collapsibleTable0 style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%; WIDTH: 100%" cellSpacing=0><TBODY><TR><TH class=navbox-title style="BACKGROUND: goldenrod; COLOR: #fefefe" colSpan=2>




    เทวดา และเทพารักษ์ ตามความเชื่อของไทย



    </TH></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TH class=navbox-group style="WHITE-SPACE: nowrap">เทวาธิบดี</TH><TD class="navbox-list navbox-odd" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #fdfdfd 2px solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">ท้าวจตุโลกบาล (ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวกุเวร) · พระอินทร์ · พระสุยามาธิบดีสันดุสิตเทพบุตรพระยาปรนิมิตเทวราชพระยาวสวัตตีมาราธิราช




    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TH class=navbox-group style="WHITE-SPACE: nowrap">ตรีมูรติ</TH><TD class="navbox-list navbox-even" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #fdfdfd 2px solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">พระตรีมูรติพระนารายณ์ (พระวิษณุ)พระอิศวร (พระศิวะ)พระพรหม




    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TH class=navbox-group style="WHITE-SPACE: nowrap">เทวนพเคราะห์</TH><TD class="navbox-list navbox-odd" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #fdfdfd 2px solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">พระอาทิตย์พระจันทร์พระอังคารพระพุธพระพฤหัสบดีพระศุกร์พระเสาร์พระราหูพระเกตุ




    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TH class=navbox-group style="WHITE-SPACE: nowrap">เทวดาอื่นๆ</TH><TD class="navbox-list navbox-even" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #fdfdfd 2px solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">กามเทพพระกฤษณะพระพายพระพิรุณพระอัคนีพระยมพระหลักเมืองพระเสื้อเมืองพระทรงเมืองพระกาฬไชยศรีเจ้าเจตคุปต์พระพิฆเนศวรพระวิศวกรรมพระเทพบิดรจตุคามรามเทพพระขันทกุมารพระไพศรพณ์




    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TH class=navbox-group style="WHITE-SPACE: nowrap">เทวสตรี</TH><TD class="navbox-list navbox-odd" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #fdfdfd 2px solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">พระแม่กาลีพระแม่คงคาพระแม่ทุรคาพระแม่ธรณีพระแม่ปารวตีพระลักษมีพระสุรัสวดีพระอุมา




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระแม่ธรณี - วิกิพีเดีย<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อุทกทาน

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    [​IMG]


    อุทกทาน มีความหมายว่า ให้ทานด้วยน้ำ (หรือให้น้ำเป็นทาน) เป็นศาลตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนินใน ใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์ และ สะพานผ่านพิภพลีลา สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปูนปั้นรูปพระแม่ธรณีกำลังบีบมวยผม มีน้ำสะอาดไหลออกมาจากปลายมวยผม สามารถใช้ดื่มกินได้
    อุทกทาน สร้างจากพระราชดำริของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดบริสุทธิ์ให้ผู้คนทั่วไป โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะกำลังทรงพระยศเป็น เจ้าฟ้าวชิราวุธฯ อยู่นั้น ได้พระราชทานคำแนะนำให้สร้างอุทกทาน เป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ปั้นขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ร่วมกับ พระยาจินดารังสรรค์ (พลับ) แล้วเสร็จทำพิธีเปิดในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
    ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพง อุทกทานนี้ถูกชาวบ้านเข้ามาขโมยเอาอุปกรณ์ท่อน้ำต่างๆไป จนทำให้ใช้การไม่ได้ และได้รับการซ่อมแซมให้ใช้ได้เหมือนเดิมในรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่สถานที่นี้ก็ไม่ได้ใช้เป็นที่แจกจ่ายน้ำสะอาดอีกต่อไป คงเหลือแต่ศาลศักดิ์สิทธิ์ ที่ให้ผู้คนมาสักการะ
    บริเวณลานอุทกทาน เคยมีแผงขายหนังสือจำนวนหลายสิบร้าน จนเป็นแหล่งขายหนังสือที่สำคัญ ก่อนที่จะถูกสำนักงานกรุงเทพมหานครให้ย้ายไปอยู่ที่สวนจตุจักร ในปี พ.ศ. 2528
    รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหลายหน่วยงาน รวมทั้งเป็นเครื่องหมายของ การประปา และ พรรคประชาธิปัตย์


    [แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

    อุทกทาน - วิกิพีเดีย<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตำนาน พระแม่ธรณี ผู้กำเนิดและคำชูมนุษย์

    [​IMG]

    [​IMG]

    แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘แม่ธรณี’, ‘แม่พระธรณี’ หรือ ‘พระแม่ธรณี’ ตามแต่จะเรียกขานกันนั้น จะมิใช่คติดั้งเดิมของชาวพุทธอย่างแท้จริงก็ตาม แต่ก็ได้ปรากฏคติความเชื่อเรื่องนี้ในสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน

    แม่ธรณีเป็นใคร? เกี่ยวโยงถึงเรื่องราวในศาสนาได้อย่างไร? และเหตุใดจึงมีอิทธิพลต่อความเชื่อในวัฒนธรรมไทย?

    เรื่องนี้ อาจารย์
    ฤดีรัตน์ กายราศ</PERSONNAME> จากสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ได้ค้นคว้า และเรียบเรียง ไว้เป็นความรู้ที่น่าสนใจและเห็นภาพได้ชัดเจน ดังความส่วนหนึ่งว่า

    ปรากฏการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มนุษย์แต่โบราณกาลไม่สามารถทราบหรืออธิบายได้ด้วยปัญญาและเหตุผล จึงเข้าใจว่าเกิดจากฤทธิ์และอำนาจของผีสางเทวดาที่จะบันดาลให้ทั้งคุณ และโทษ ประกอบกับธรรมชาติของมนุษย์ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครอง จึงเกิดคติความเชื่อว่า หากมีการบนบานศาลกล่าวเซ่นไหว้บูชาแล้ว ก็จะพ้นจากความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อน

    ด้วยความเชื่อดังนี้เมื่อปฏิบัติสืบเนื่องกันมาเป็นเวลาช้านาน ก็ได้เข้าไปครอบงำอยู่ในความนึกคิดและจิตใจของคนในชาติในสังคมอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กลายเป็นมูลฐานแห่งวัฒนธรรมจารีตประเพณี เกิดเป็นพิธีรีตอง ต่างๆ ที่มนุษย์ในยุคสมัยต่อมาได้ปรับปรุงให้ประณีตงดงามขึ้น เพื่อสัมฤทธิ์ผลแห่งความเป็นสวัสดิมงคลในการดำเนินชีวิต เทวดาในวัฒนธรรมไทยก็เป็นมรดกจากสิ่งแวดล้อม ทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนการทำมาหากินของคนไทยและเป็นที่น่าสังเกตว่าเทวดาที่คอยเอื้อเฟื้อดูแลทุกข์สุขของมวลมนุษย์ มักจะเป็นเทวดา ผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่

    พระธรณี ตามคติความเชื่อของชาวฮินดูให้ความเคารพ นับถือว่าแผ่นดินเป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งทั้งปวงในโลก เปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดหล่อเลี้ยงโลกและแผ่นดิน จึงได้รับยกย่องว่าเป็นเทพจากธรรมชาติองค์หนึ่งเป็นเพศหญิง เรียกนามว่า ‘ธรณิธริตริ’ แปลว่าผู้ค้ำจุนพระธรณี แม้จะมิค่อยมีรูปเคารพอย่างแพร่หลายเช่นเทพองค์อื่น แต่ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมิใช่น้อย เพราะถือกันว่าพระธรณีสถิตอยู่ตามที่ต่างๆ ทุกหนทุกแห่ง จะทำการบูชาด้วย ข้าว ผลไม้ และนมด้วยการวางไว้บนก้อนหิน หรือประพรมลงบนพื้นดิน บางแห่งใช้เหล้าเป็นการสังเวยก็มี นอกจากนี้ชาวฮินดูยังมีการขอขมาลาโทษเมื่อจะวางเท้าลงบนพื้นดินก่อนจะลุกขึ้นในตอนเช้า วัวหรือควายที่มีลูกก่อนที่จะให้ลูกกินนมครั้งแรก เจ้าของจะปล่อยน้ำนมของ แม่วัวลงบนพื้นดินเสียก่อนทุกครั้งไป ถ้าเป็นพวกชาวนาก็จะขอให้พระธรณีช่วยคุ้มครองผืนนาและวัวควาย แม้ใน พระเวทก็มีการขอร้องต่อพระธรณีให้ช่วยพิทักษ์คุ้มครอง วิญญาณของคนตาย และต่อมาได้นับถือว่าเป็นเทพแห่งไร่ นาด้วย ในแคว้นปัญจาบเชื่อกันว่าพระธรณีจะนอนหลับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ของทุกๆเดือน ชาวไร่ชาวนาจะหยุดไม่ทำงานในระยะนี้

    เทพแห่งแผ่นดินหรือพระธรณี ไม่ค่อยมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาปรากฏมากมายดังเช่นเทพองค์อื่น หรือมีก็สับสน เช่น บางแห่งว่าพระธรณีมีโอรสกับพระนารายณ์ องค์หนึ่งคือพระอังคาร บางแห่งว่าพระอังคารเป็นโอรสของ พระศิวะกับพระธรณี หรือในคติพราหมณ์พบเพียงว่าเป็น ชายาของพระธุรวะหรือดาวเหนือ

    คติความเชื่อเรื่องพระธรณีได้เผยแพร่มาสู่ไทย ก็เนื่องจากอิทธิพลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ในพิธีกรรมต่างๆ อาทิ พิธีการก่อนไปจับช้างก็มีการกล่าว บูชาพระธรณีเช่นกัน แต่ความเชื่อถือเกี่ยวกับพระธรณีใน ไทยก็มิได้เป็นที่แพร่หลายนัก และมีความเชื่อเช่นเดียวกับทางอินเดียว่าเป็นเพศหญิง นามพระธรณี มีปรากฏในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง อาทิ หนังสือเทศน์มหาชาติปฐมสมโพธิกถา ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น มีนามเรียกแตก ต่างกันไปเช่น นาง
    พระธรณี พระแม่วสุนธราพสุธา</PERSONNAME> แปลในความหมายเดียวกันว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งทรัพย์สมบัติ หมายถึงแผ่นดินนั่นเอง สำหรับชาวไทยทั่วไปจะเรียกกันติดปาก ว่า แม่พระธรณีบ้าง พระแม่ธรณีบ้าง ตามความนิยม

    จากเรื่องราวของพระธรณี แสดงให้เห็นว่าเป็นเทพที่ รักสงบอยู่เงียบๆ จึงไม่ใคร่มีเรื่องราวอะไรในโลก เฝ้าแต่ เลี้ยงโลกประดุจแม่เลี้ยงลูก คอยรับรู้การทำบุญกุศลของ มนุษย์โลก ด้วยการใช้มวยผมรองรับน้ำจากการกรวดน้ำ เสมือนกับเป็นอรูปกะ คือไม่มีตัวตน แต่เมื่อมีเหตุการณ์ สำคัญเกิดขึ้นหรือมีผู้ร้องขอจึงจะปรากฏรูปขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง

    พระธรณีเป็นเทวดาผู้หญิงที่มีสรีระรูปร่างใหญ่หากแต่อ่อนช้อย งดงาม พระฉวีสีดำ พระพักตร์รูปไข่ มวยพระเกศายาวสลวยสีเขียวชอุ่มเหมือนกลุ่มเมฆ พระเนตรสีเหมือนดอกบัวสายคือสีน้ำเงิน พระชงฆ์เรียว พระพาหาดุจ งวงไอยรา นิ้วพระหัตถ์เรียวเหมือนลำเทียน มีพระทัยเยือก เย็นไม่หวั่นไหว พระพักตร์ยิ้มละไมอยู่เสมอ ภาพเขียนรูปนางพระธรณีที่ถือกันว่างดงามเป็นพิเศษ คือภาพที่ฝาผนังด้านหน้าพระประธานในพระอุโบสถวัดชมภูเวก จังหวัดนนทบุรี ส่วนภาพปั้นหล่อนางพระธรณีในศิลปะไทยที่มีปรากฏอยู่จะทำเป็นรูปหญิงสาว มีรูปร่างอวบใหญ่ ล่ำสันอย่างได้สัดส่วน มีความงามประดุจเทพธิดา นั่งในท่าคุกเข่า แต่ยกเข่าขวาขึ้นสูงกว่าเข่าซ้าย บางแห่งสร้างให้อยู่ในท่ายืน แต่ที่เหมือนกันก็คือมวยผมปล่อยยาว มือขวายกข้ามศีรษะไปจับไว้ที่โคนมวยผม ส่วนมือซ้ายจับมวยผมแสดงท่ากำลังบิดให้สายน้ำไหลออกมาจากมวยผมนั้น ส่วนเครื่อง ทรงไม่มีแบบแผนที่แน่นอนตายตัว ตามแต่จินตนาการของ ผู้สร้าง บางแห่งสวมพัสตราภรณ์เฉพาะช่วงล่าง แต่บางแห่งทั้งนุ่งผ้าจีบและห่มสไบอย่างสวยงาม ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์มีกรอบหน้าและจอนหู เป็นต้น...

    ส่วนลักษณะตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนา จากตำนานเกี่ยวกับเทวดา มาร พรหม และจากพระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เรื่องปฐมสมโพธิกถา ตอนมารวิชัยปริวรรต ได้กล่าวถึงพระแม่ ธรณีที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงที่สำคัญที่สุดของพระพุทธเจ้าคือ ก่อนการตรัสรู้ ได้เป็นพยานสำคัญในการปราบมารทั้งหลายทั้งปวง ดังความละเอียดต่อไปนี้

    “แต่ในชาติอาตมะเป็นพระยาเวสสันดรชาติเดียวนั้น ก็ได้บำเพ็ญทานบารมีถึงบริจาคนางมัทรีเป็นอวสาน พื้นพสุธาก็กัมปนาการถึง 7 ครั้ง แลกาลบัดนี้ อาตมะนั่งเหนือ อปราชิตบัลลังก์อาสน์ หมู่มารอริราชมาแวดล้อมยุทธการ เป็นไฉนแผ่นพสุธาธารจึงดุษณีภาพอยู่ฉะนี้ แลพระยามาร อ้างบริษัทแห่งตนให้เป็นกฎสักขีขานคำมุสา แลพื้นปฐพีอันปราศจากเจตนาได้สดับคำอาตมะในครั้งนี้จงรับเป็นสักขีพยานแห่งข้า แล้วเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาอันประดับด้วยจักรลักษณะอันงามดุจงวงไอยรารุ่งเรืองด้วยพระนขามีพรรณอันแดงดุจแก้วประพาฬออกจากห้องแห่งจีวร ครุวนาดุจวิชุลดาในอัมพรอันออกจากระหว่างห้องแห่งรัตวลาหก ยกพระดัชนีชี้เฉพาะพื้นมหินทรา จึงออกพระวาจา ประกาศแก่นางพระธรณีว่า ดูก่อนวนิดาดลนารี ตั้งแต่อาตมะบำเพ็ญพระสมภารบารมีมาตราบเท่าถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรราช ได้เสียสละบุตรทานบริจาคแลสัตตสดกมหาทาน สมณะพราหมณาจารย์ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะกระทำเป็นสักขี-พยานในที่นี้ก็มิได้ มีแต่พสุนธารนารีนี้แลรู้เห็นเป็นพยานอันใหญ่ยิ่ง เป็นไฉนท่านจึงนิ่งมิได้เป็นพยานอาตมาในกาล บัดนี้

    ในขณะนั้น นางพสุนธรีวนิดาก็มิอาจดำรงกายาอยู่ได้ ด้วยโพธิสมภารานุภาพยิ่งใหญ่แห่งพระมหาสัตว์ ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพียืนประดิษฐานเฉพาะพระพุทธังกุรราช เหมือนดุจร้องประกาศกราบทูล พระกรุณาว่า ข้าแต่พระมหาบุรุษราช ข้าพระบาททราบซึ่งสมภารบารมีที่พระองค์สั่งสมอบรมบำเพ็ญมา แต่น้ำทักษิโณทกตกลงชุ่มอยู่ในเกศาข้าพระพุทธเจ้านี้ ก็มากกว่ามากประมาณมิได้ ข้าพระองค์จะบิดกระแสใสสินโธทกให้ตกไหลหลั่งลง จงเห็นประจักษ์แก่นัยนาในครานี้ แลนางพระธรณีก็บิดน้ำในโมลีแห่งตน อันว่ากระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศโมลีแห่งนางพสุนธรี เป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศที่ทั้งปวงประดุจห้องมหาสาครสมุทร พระผู้เป็นเจ้ารักขิตาจารย์จึงกล่าวสารพระคาถาอรรถาธิบายความก็เหมือนนัยกล่าวแล้วแต่หลัง

    ครั้งนั้น หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาดมิอาจ ตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร อันว่าระเบียบแห่งฉัตรธวัชจามรทั้งหลาย ก็ทักทบท่าวทำลาย ล้มลงเกลื่อนกลาดและพระยามาราธิราชได้ทัศนาการเห็นมหัศจรรย์ ดังนั้น ก็บันดาลจิตพิศวงครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเป็นอันมาก พระคันถรจนาจารย์จึงกล่าวพระคาถาสรรเสริญคุณานุภาพโพธิสัตว์อรรถาธิบายความก็ซ้ำหนหลัง

    ครั้งนั้นมหาปฐพีก็ป่วนปั่นปานประหนึ่งว่าจักรแห่งนายช่างหม้อบันลือศัพท์นฤนาทหวาดไหวสะเทือนสะท้าน เบื้องบนอากาศก็นฤโฆษนาการ เสียงมหาเมฆครืนครั่นปิ่มปานจะทำลายภูผาทั้งหลาย มีสัตตภัณฑ์บรรพต เป็นต้น ก็ วิจลจลาการขานทรัพย์สำเนียงกึกก้องทั่วทั้งท้องจักรวาล ก็บันดาลโกลาหลทั่วสกลดังสะท้าน ปานดุจเสียงป่าไผ่อันไหม้ด้วยเปลวอัคคี ทั้งเทวทุนทุภีกลองสวรรค์ก็บันลือลั่นไปเอง เสียงครืนเครงดุจวีหิลาชอันสาดทิ้ง ถูกกระเบื้องอันเรืองโรจน์ร้อนในกองอัคนี การอัสนีบาตก็ประหารลงเปรี้ยงๆ เพียงพื้นแผ่นปฐพีจะพังภาคดังห่าฝน ถ่านเพลิง ตกต้องพสุธาดลดำเกิงแสงสว่าง หมู่มารทั้งหลายต่างๆตระหนกตกประหม่า กลัวพระเดชานุภาพแพ้พ่าย แตกขจัดขจายหนีไปในทิศานุทิศทั้งปวงมิได้เศษ แลพระยามาราธิราชก็กลัวพระเดชบารมี ปราศจากที่พึ่งที่พำนักซ่อน เร้นให้พ้นภัยหฤทัย ท้อระทดสลดสังเวช จึงออกพระโอษฐ์สรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหาบุรุษราชว่า ดังอาตมาจินตนาการอันว่าผลทานศีลสรรพบารมีแห่งพระสิทธัตถกุมารนี้ ปรากฏอาจให้บังเกิดมหิทธฤทธิ์สำเร็จกิจมโนรถปรารถนาทุกประการ มีพระกมลเบิกบานแผ่ไปด้วยประสาทโสมนัส จึงทิ้งเสียซึ่งสรรพาวุธ ประนมหัตถ์ทั้ง 2,000 อัญชลีกรนมัสการ ก็กล่าวสารพระคาถาว่า นโม เต ปุริสาชญญ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ปุริสาชาไนยชาติเป็นอุดมบุรุษราชในโลกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายวันทนาการชุลีพร้อมด้วยทวารทั้ง 3 คือกาย วจี มโน ประณามประณตในบทบงกชยุคลบาท บุคคลผู้ใดในมนุษย์ โลกธาตุกับทั้งเทวโลก ที่จะปูนเปรียบประเสริฐเสมอพระองค์คงเทียมเทียบนั้นมิได้มี พระองค์ได้ตรัสเป็นพระศรีสรรเพชญ์เสร็จแจ้งจตุราริยสัจจ์ศาสดาจารย์มีพระเดชครอบงำชำนะหมู่มาร เป็นปิ่นปราชญ์ฉลาดในอนุสัยแห่งสรรพสัตวโลกจะข้ามขนนิกรเวไนย์ให้พ้นจตุรโอฆกันดารบรรลุฝั่งฟากอมฤตมหานฤพานอันเกษมสุขปราศจากสังสารทุกข์ในครั้งนี้ แลพระยาวัสวดีมารโถมนาการพระคุณพระมหาบุรุษราชด้วยจิตประสาทเลื่อมใส ผลกุศลนั้นจะตกแต่งให้ได้ตรัสแก่พระปัจเจกโพธิญาณในอนาคตกาลภายหน้า เมื่อพระยามารกล่าวสัมภาวนากถาสรรเสริญคุณพระโพธิสัตว์ แล้วก็นิวัตตนาการสู่สกลฐานเทวพิภพ”

    จึงสรุปความเชื่อทั้ง 2 ลักษณะ คือ พระแม่ธรณีเป็นอรูปกะคือไม่มีรูปกาย เช่นเดียวกับพระแม่คงคา ซึ่งชาวฮินดูจะทำการสักการะได้ทุกสถานที่ เมื่อต้องการความช่วยเหลือก็อ้างเรียกได้ทุกเวลา ส่วนความเชื่ออีกลักษณะหนึ่งที่ทางศาสนาพุทธได้เชื่อตามพุทธประวัติ ที่พระแม่ธรณีได้มีพระคุณต่อพระพุทธเจ้าก่อนการตรัสรู้ดังได้กล่าว มาแล้วนั้น พระแม่ธรณีมีรูปกายผุดขึ้นมาจากพื้นปฐพี เป็นองค์ที่มีภาพเป็นนิมิตรเป็นรูปสตรีที่ทางพุทธได้กำหนดพระนามของพระแม่ธรณี คือ ‘นางพสุนธรี’ ซึ่งเป็นองค์ตามลักษณะของรูปร่างตามพระแม่ธรณีบีบมวยผม จะประดิษฐานอยู่ใต้แท่นฐานพระพุทธเจ้า ‘ปางปราบมาร’ และเมื่อเกิดมหาปฐพีป่วนปั่น ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระแม่ธรณีบีบมวยผม น้ำมาท่วมท้นหมู่มาร มีทั้งฝนตกและน้ำท่วม และ ‘ปางนาคปรก’ หรือเรียกว่า ‘พระอนันตชินราช’ ซึ่งมีพญานาคได้มาแผ่ปกบังฝนและขดตัวยกชูบัลลังก์ขึ้นสูงจากน้ำที่ท่วมท้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน จึงมีรูปภาพที่ตามผนังพระอุโบสถวัดต่างๆ ตรงข้ามกับพระประธาน พระแม่ธรณี จึงเป็นเทพผู้อุปถัมภ์พระพุทธเจ้า การบูชาจึงดูได้จากภาพ พระแม่ธรณีที่ทูนบัลลังก์พระพุทธองค์สูงเหนือเศียร เป็นต้น

    การสักการบูชาพระแม่ธรณีเมื่อศึกษาจากบทสวดทางพุทธศาสนา จึงเป็นบทที่เกี่ยวกับการ ‘ให้’ เป็นหลักใหญ่ จน มีผู้เรียบเรียงไว้สำหรับผู้สนใจได้ใช้บูชาคู่กับพุทธคุณ ซึ่งนิยมใช้บทสวด ‘พาหุง พุทธคุณคุ้มครองโลก’

    แม่พระธรณีบีบมวยผม สาธารณทานของ ‘พระราชินีนาถ’ ในรัชกาลที่ 5

    รูปปั้นแม่พระธรณีบีบมวยผม ซึ่งประดิษฐานบริเวณเชิงสะพานผ่านพิภพลีลา ถือเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญของกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตามประวัติกล่าวว่า

    สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 หรือสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 6 และ 7 ทรงมีพระราชดำริ ให้สร้างรูปแม่ธรณีบีบมวยผมขึ้น เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดบริสุทธิ์ให้ผู้คนทั่วไป เป็นสาธารณทานแก่ชาวกรุงเทพฯ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษาของพระองค์ เมื่อปี พ.ศ.2456 โดยมีลักษณะเป็นรูปแม่ธรณีบีบมวยผมนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบรูปแม่ธรณี ส่วนพระยาจินดารังสรรค์(พลับ)เป็นผู้ออกแบบซุ้มเรือนแก้ว กระทั่งแล้วเสร็จ และประกอบพิธีเปิดในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ดังที่ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2460 ความว่า...

    “พรุ่งนี้ฉันจะทำบุญวันเกิดที่นี่ตามคตินิยม ให้คุณจัดเปิดรูปนางพระธรณีท่ออุทกทาน ซึ่งฉันได้ออกทรัพย์ให้หล่อขึ้นสำเร็จตั้งไว้ ณ เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา และขออุทิศท่ออุทกทานนี้ให้เป็นสาธารณทานแก่ประชาชนผู้เพื่อนแผ่นดินใช้กินบำบัดร้อนและกระหาย เป็นความสบายตามปรารถนาทั่วกันเทอญ”

    ปัจจุบัน อนุสรณ์สถานแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ที่มีประชาชน มาสักการบูชาอย่างไม่ขาดสาย

    (จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 81 ส.ค. 50 โดย มุทิตา)

    โดย นายทองผู้ปิดทองหลังพระ

    ?ӹҹ ?Ðၨ?óՠ?٩?Ӡ?Դᅐ?Ӫف?؉¬ ?ҡ?ŧ͡ ⍠?๪Ѩ? oknation.net<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2010
  4. Jittradhavee

    Jittradhavee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +16
    อนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ
     
  5. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ขออนุญาตนำเล่าเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ แม่พระธรณี ค่ะ

    แม่พระธรณีในพุทธประวัติ
    พระธรณีเป็นเทพมารดาแห่งโลกเพราะเป็นผู้ที่มีคุณต่อสรรพชีวิตบนโลกนี้ที่ต้องอาศัยคุณของแม่พระธรณีในศาสตร์ทางจิตเกือบทั่วทุกมุมโลกล้วนคำนึงถึงพลังจากปฐพีนี้เสมอมาแม้ในพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วยหลักการและเหตุผลก็ยังกล่าวอ้างถึงดังปรากฏในปฐมสมโพธิญาณภาพพุทธประวัติตอนที่แม่พระธรณีบิดพระเกศาเกิดเป็นสมุทรธาราพญามารก็พ่ายแพ้แก่พระบารมี


    <OHTTP: p target="_blank" href="http://www.watthummuangna.com" IMG]< tongue-smile.gif[ smilies images board [FONT=Arial][COLOR=#c0504d]เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียร[/COLOR][COLOR=#c0504d]เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า[/COLOR][COLOR=#c0504d]ท่านได้ผจญกับเหล่าพวกพญามารทั้งหลาย[/COLOR][COLOR=#c0504d]พญามารได้ออกอุบายต่างๆ[/COLOR][COLOR=#c0504d]นานา[/COLOR][COLOR=#c0504d]เพื่อให้พระพุทธองค์ทรงเกิดกิเลสตัณหา[/COLOR][COLOR=#c0504d]แต่พระพุทธองค์ทรงไม่ยินดี[/COLOR][COLOR=#c0504d]ยินร้ายต่อพวกเหล่ามาร[/COLOR][COLOR=#c0504d]ในครั้งนั้น[/COLOR][COLOR=#c0504d]พระแม่ธรณี[/COLOR][COLOR=#c0504d]ทรงแสดงปาฏิหาริย์[/COLOR][COLOR=#c0504d]ปราบเหล่าพญามาร[/COLOR][COLOR=#c0504d]โดยทรงบีบมวยผมให้น้ำไหลออกมาท่วมพวกพญามารทั้งหลายให้พ่ายแพ้ไป[/COLOR][/FONT]


    <O[IMG]HTTP: p target="_blank" href="http://www.watthummuangna.com" IMG]< tongue-smile.gif[ smilies images board [FONT=Arial][COLOR=#c0504d]สถานที่ที่พระมหาบุรุษประทับนั่ง[/COLOR][COLOR=#c0504d]เพื่อทรงบำเพ็ญเพียรทางใจ[/COLOR][COLOR=#c0504d]แสวงหาทางตรัสรู้[/COLOR][COLOR=#c0504d]ซึ่งอยู่ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น[/COLOR][COLOR=#c0504d]เรียกว่า[/COLOR][B][COLOR=#c0504d]"[/COLOR][COLOR=#c0504d]โพธิบังลังก์[/COLOR][COLOR=#c0504d] "[/COLOR][/B][COLOR=#c0504d]พระยามารกล่าวตู่ว่า[/COLOR][COLOR=#c0504d]เป็นสมบัติของตน[/COLOR][COLOR=#c0504d]ส่วนพระมหาบุรุษทรงกล่าวแก้ว่า[/COLOR][COLOR=#c0504d]บังเกิดขึ้นด้วยผลแห่งบุญบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน[/COLOR][COLOR=#c0504d]แล้วทรงอ้าง[/COLOR][COLOR=#c0504d]พระนางธรณีเป็นพยาน[/COLOR][/FONT]


    <O[IMG]HTTP: p target="_blank" href="http://www.watthummuangna.com" IMG]< tongue-smile.gif[ smilies images board [FONT=Arial][COLOR=#c0504d]ปฐมสมโพธิว่า[/COLOR][COLOR=#c0504d] "[/COLOR][COLOR=#c0504d]พระธรณีก็มิอาจดำรงกายอยู่ได้[/COLOR][COLOR=#c0504d]...[/COLOR][COLOR=#c0504d]ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี[/COLOR][COLOR=#c0504d]ผุดขึ้นจากพื้นปฐพี[/COLOR][COLOR=#c0504d]..." [/COLOR][COLOR=#c0504d]แล้วกล่าวเป็นพยานพระมหาบุรุษ[/COLOR][COLOR=#c0504d]พร้อมกับบีบน้ำออกจากมวยผม[/COLOR][COLOR=#c0504d]น้ำนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า[/COLOR][B][COLOR=#c0504d]"[/COLOR][COLOR=#c0504d]ทักษิโณทก[/COLOR][COLOR=#c0504d]" [/COLOR][/B][COLOR=#c0504d]อันได้แก่[/COLOR][COLOR=#c0504d]น้ำที่พระมหาบุรุษทรงกรวดทุกครั้ง[/COLOR][COLOR=#c0504d]ที่ทรงบำเพ็ญบุญบารมีแต่ชาติปางก่อน[/COLOR][COLOR=#c0504d]เป็นลำดับมา[/COLOR][COLOR=#c0504d]ซึ่งแม่พระธรณีเก็บไว้ที่มวยผม[/COLOR][COLOR=#c0504d]เมื่อนางบีบก็หลั่งไหลออกมา[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#c0504d][/COLOR][/FONT]

    [FONT=Arial][COLOR=#c0504d]ปฐมสมโพธิว่า[/COLOR][COLOR=#c0504d] "[/COLOR][COLOR=#c0504d]เป็นท่อธารมหามหรรณพ[/COLOR][COLOR=#c0504d]นองท่วมไปในประเทศทั้งปวง[/COLOR][COLOR=#c0504d]ประดุจห้วงมหาสาครสมุทร[/COLOR][COLOR=#c0504d]...[/COLOR][COLOR=#c0504d]หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้[/COLOR][COLOR=#c0504d]ก็ลอยไปตามกระแสน้ำ[/COLOR][COLOR=#c0504d]ปลาสนาการไปสิ้น[/COLOR][COLOR=#c0504d]ส่วนคีรีเมขลชินทร[/COLOR][COLOR=#c0504d]ที่นั่งทรงองค์พระยาวัสสวัสดี[/COLOR][COLOR=#c0504d]ก็มีบาทาอันพลาด[/COLOR][COLOR=#c0504d]มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้[/COLOR][COLOR=#c0504d]ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร[/COLOR][COLOR=#c0504d]...[/COLOR][COLOR=#c0504d]พญามารก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด[/COLOR][/FONT]


    <O[IMG]HTTP: p target="_blank" href="http://www.watthummuangna.com" IMG]< tongue-smile.gif[ smilies images board [COLOR=#990099][FONT=Cordia New][B][COLOR=#0000ff][URL="http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมอนุโมทนา-พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุถวายไว้-พุทธศาสนสถาน-๑๑-วัด-ณ-จังหวัดกาญจนบุรีสำเร็จแล้ว-เป็นจังหวัดที่-๓.152577/"]ที่มาข้อมูล[/URL][/COLOR][/B][/FONT][/COLOR]
    [COLOR=#990099][FONT=Cordia New][B][COLOR=#0000ff][URL="http://palungjit.org/showthread.php?t=117098"][/URL][/COLOR][/B][/FONT][/COLOR]
    [COLOR=#990099][FONT=Cordia New][B][COLOR=#0000ff][/COLOR][/B]<O[IMG]HTTP: font target="_blank" href="http://www.watthummuangna.com" IMG]< tongue-smile.gif[ smilies images board [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->
    [/COLOR]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2009
  6. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471



    ขณะที่พระพุทธองค์ทรงนั่งบำเพ็ญทางจิต มีพญามารนามว่าวสวัตตี ผู้ตามผจญพระองค์มาตลอด ตั้งแต่วันเสด็จออกผนวช มาปรากฏตัวพร้อมเสนามาร มีอาวุธครบครันน่าสะพรึงกลัว พญามารร้องบอกให้พระองค์เสด็จลุกจากอาสนะว่า “บัลลังก์นี้เป็นของข้า ท่านจงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”เมื่อพระองค์แย้งว่า บัลลังก์เป็นของพระองค์ พญามารถามหาพยาน พระองค์ทรงเหยียดพระดรรชนีลงยังพื้นดินและตรัสว่า “ขอให้ วสุนธรา(พระแม่ธรณี) จงเป็นพยาน”





    ทันใดนั้นพระแม่ธรณีก็ผุดขึ้นจากพื้นดินปรากฏตัวบีบมวยผม บันดาลให้มีกระแสน้ำหลากมาท่วมทับพญามารพร้อมทั้งกองทัพพ่ายไปในที่สุด เป็นอันว่าพญามารพร้อมทั้งกองทัพได้พ่ายแพ้แก่พระองค์โดยสิ้นเชิง เหตุการณ์ตอนนี้ ต่อมาได้ถูกจำลองเป็นพระพุทธรูปรางหนึ่ง เป็นปางนั่งสมาธิ พระหัตถ์วางบนพระเพลา ชี้พระดรรชนีลงพื้นดิน เรียกว่า “ปางมารวิชัย” จากเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถจะวิเคราะห์ได้ว่าการที่พระพุทธเจ้าทรงผจญมารและเอาชนะมารได้ในที่สุด






    ตีความได้ว่า มาร ก็คือกิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ที่มารบกวนพระทัยพระองค์ในขณะนั่งสมาธิ เสนามาร ก็คือกิเลสเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นบริวารของโลภะ โทสะ โมหะ การที่ทรงผจญมาร ก็คือ ทรงต่อสู้กับอำนาจของกิเลสเหล่านี้นั่นเอง


    ส่วน พระแม่ธรณี ก็คือ บารมีทั้ง ๑๐ ที่ทรงบำเพ็ญมา การอ้างพระแม่ธรณี ก็คือทรงอ้างถึงคุณความดีที่ทรงบำเพ็ญมา เป็นกำลังใจให้ต่อสู่กับอำนาจของกิเลส เพราะพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญมาเต็มเปี่ยม พระองค์จึงสามารถเอาชนะอำนาจของกิเลสทั้งปวง บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุด


    ข้อมูล : http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/Bud-pachan-man.htm
     
  7. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    [​IMG]


    <OHTTP: board images smilies tongue-smile.gif[ IMG]< href="http://www.watthummuangna.com" target="_blank" p <>[FONT=Arial][COLOR=#31849b]คุณแม่พระธรณีในทางพระเวทจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสูงสุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ พระเวทที่เกี่ยวกับนางพระธรณีมักถูกลบเกลื่อนปิดบัง เนื่องจากหาผู้ใดล่วงรู้และสามารถอธิษฐานบารมีจากพระแม่ธรณีได้ย่อมทรงอำนาจสูงส่ง ดังเช่นพระมหาบุรุษ เรื่องเหล่านี้เราจะพบอยู่ในโองการเชิญครูของพระเวทเกือบทุกสำนัก แต่มักจะละเลยกันจนบางครั้งมองข้ามกันไปก็มี ในทางพระเวทนางพระธรณีเป็นวิชาชั้นสูงระดับครูที่ต้องร่ำเรียนให้เข้าใจการบูชาแม่พระธรณีจึงมีพลานุภาพในทางป้องกันเสนียดอาเพทที่เรามักรู้จักกันในชื่อว่าการต้องธรณีสารหรือพกพาเครื่องราง หากนมัสการได้ถูกต้องจะทำให้ชีวิตราบรื่นมั่นคงและพ้นภัยจากหมู่มารทั้งปวง[/COLOR][/FONT][/LEFT]


    [LEFT]<O[IMG]HTTP: [COLOR=#31849b]เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า [/COLOR][/LEFT]

    [CENTER][COLOR=#31849b][I][IMG]http://palungjit.org/attachments/a.782041/[/I][/COLOR][/CENTER]



    คำบูชาแม่พระธรณี

    <OHTTP: board images smilies tongue-smile.gif[ IMG]< href="http://www.watthummuangna.com" target="_blank" p <>
    [CENTER][FONT=Arial][COLOR=#31849b]กิระเทพหัศวิไสย ทั้งอรทัยสุนทรา[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]ยินนิยมสมจินดา จุติเกิดขึ้นพร้อมกัน[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]ปฏิสนธิธุลีเท่า คงคาเคล้าเป็นพืชพันธุ์[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]พระพายพัดลอองอัน ผนึกแน่นเป็นแผ่นดิน[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]วาโยแลปัถวี เป็นธรณีด้วยวาริณ[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]ศรีธาตุเพิ่มให้ภิณ โยชนโดยหมาย[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]จึงเกิดอิศวรอุมา พระธาดา พระนารายณ์[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Arial][COLOR=#31849b]ประกอบสรรพ์ทั้งหลาย ทั้วศรีภพจบสากล ฯ[/COLOR][/FONT][/CENTER]

    [CENTER]<O[IMG]HTTP: board images smilies tongue-smile.gif[ IMG]< href="http://www.watthummuangna.com" target="_blank" p <>[COLOR=#31849b][FONT=Cordia New](คัดจากคัมภีร์เฉลิมไตรภพ)[/FONT][/COLOR][/CENTER]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2009
  8. Pariyawit

    Pariyawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +777
  9. SuratMan

    SuratMan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +70
  10. หลวงจีน

    หลวงจีน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    861
    ค่าพลัง:
    +1,326
    พระแม่ธรณี มีบุญคุณต่อพวกเราก็ขอให้ระลึกถึงพระคุณของท่าน
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การบูชาแม่พระธรณี
    โพสโดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->guawn

    ให้ตั้งนะโม ๓ จบ ว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
    แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ” ๓ จบ
    หลังจากนั้นสวดด้วย “ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตาทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต” อย่างน้อย ๓ จบแต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ (เพราะกำลังของแม่พระธรณีคือ ๒๑)
    <O:p</O:p

    คาถาทั้งสองบทนี้ใช้ได้ตามอธิษฐานทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้ อธิษฐานให้อภัยต่อกันสวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป แต่อย่าจองเวรเขาเลยจึงจะมีผล<O:p</O:p
    เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์

    http://palungjit.org/threads/การบูชาแม่พระธรณี.119775/

    .<O:p</O:p
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การบูชาแม่พระธรณี
    โพสโดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->guawn


    เครื่องบวงสรวงบูชา
    การจะบูชาพระแม่ธรณีสามารถเตรียมเครื่องบูชา ดังนี้
    ผ้าแพรพรรณผืนน้อย 3 สี
    ข้าวตอก น้ำนม
    ดอกไม้สีเหลือง แก่หรือสีส้ม
    พวงมาลัยดาวเรือง
    ขนมหวาน 7 ชนิด
    ผลไม้ 5 ชนิด (ผลไม้รสหวานเท่านั้น)
    รูปปั้น พระแม่ธรณี หรือรูปภาพ

    [​IMG]การขอพร
    การบวงสรวงบูชาพระแม่ธรณี มักจะบูชาขอพรดังต่อไปนี้

    ขอพรให้มีความฉลาดหลักแหลม มีปัญญาลึกซึ้ง
    ขอมีสงบสันติในครอบครัว ไม่มีเรื่องวุ่นวายเดือดร้อนขัดแย้งกับใคร ๆ
    ขอให้ได้รับความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม ขอให้พ้นภัยจากความอยุติธรรม
    ขอพรให้พ้นพ้นจากภัยอันเป็นโทษจากการถูกใส่ความหรือได้รับโทษทัณฑ์ต่าง ๆ
    ขอให้พ้นจากศัตรูที่กำลังคิดปองร้าย
    ขอให้สามารถเก็บเงินออมเงินทองได้จนมั่งคั่งร่ำรวย<!-- google_ad_section_end -->

    .
    การบูชาแม่พระธรณี

    .
    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การบูชาแม่พระธรณี
    โพสโดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->guawn


    <TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=20>พระแม่ธรณีบีบมวยผม

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=HotNews vAlign=top>[​IMG]


    เปิดหนังสือ "ถาม ตอบศิลปะไทย" ของครู น. ณ ปากน้ำ ได้ความว่า สถานที่นี้เรียกว่า "อุทกทาน" มีประวัติว่า ปีพุทธศักราช 2460 ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ที่พระราชวังบางปะอิน ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบริจาคพระราชทรัพย์สร้างรูปนางพระธรณีบิดมวยผมไว้เป็นอุทกทานให้ประชาชนบริโภค มีเรื่องราวปรากฏอยู่ในหนังสือที่เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) มีไปถึงมหาเสวกตรี หม่อมเจ้าธานีนิวัติ เจ้ากรมเลขานุการในพระราชสำนักสมเด็จพระพันปีหลวง มีข้อความว่า


    "ด้วยนานมาแล้ว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์แก่หม่อมฉันว่า จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสร้างท่ออุทกธารา ให้เป็นสาธารณทานเนื่องในงานบำเพ็ญพระราชกุศลพิเศษที่ล่วงมาแล้ว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชกระสว่า ควรทำเป็นรูปนางพระธรณีรีดน้ำออกจากมวยผม ดูจะเป็นการงดงามดี ที่ที่จะสร้างนั้นควรสร้างที่เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา ตรงทางแยกถนนราชินีกับถนนราชดำเนิน"

    "เมื่อหม่อมฉันได้รับพระราชเสาวนีย์และพระราชกระแสเช่นนั้นแล้ว ก็ได้พยายามเที่ยวหาแบบแผนอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ให้ช่างเขียนแบบเป็นรูปขึ้น แล้วให้ช่างที่พระที่นั่งอนันตสมาคมปั้นหุ่นขึ้นทีเดียว"

    ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ เสนาบดีกระทรวงวัง นำร่างรูปนั้นไปแก้ไขเปลี่ยนแปลง และที่สุดเจ้าพระยายมราชได้ขอแบบรูปจากเจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์มาเริ่มลงมือ ท่านเขียนว่าในบันทึกไว้ในหนังสือวัดสุทัศนฯ ว่า รูปนางพระธรณีบีบมวยผมนี้ ครูเริน บ้านช่างหล่อ พรานนก เป็นผู้ปั้น

    สำหรับรูปนางพระธรณีบีบมวยผมนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วที่เป็นอุทกทานนี้ เป็นฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ร่วมกับพระยาจินดารังสรรค์ (พลับ) แล้วเสร็จทำพิธีเปิดในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพระยายมราช ตอนหนึ่งว่า

    "พรุ่งนี้ฉันจะทำบุญวันเกิด ให้คุณจัดเปิดรูปนางพระธรณีท่ออุทกทาน ซึ่งฉันได้ออกทรัพย์ให้หล่อขึ้นสำเร็จ ตั้งไว้ ณ เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา และขออุทิศท่ออุทกทานนี้ให้เป็นสาธารณทานแก่ประชาชนผู้เพื่อนแผ่นดินใช้กินบำบัดร้อนและกระหาย เป็นความสบายตามปรารถนาทั่วกันเทอญ"

    ล่วงมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพง อุทกทานนี้ถูกชาวบ้านเข้ามาขโมยเอาอุปกรณ์ท่อน้ำต่างๆ ไป จนทำให้ใช้การไม่ได้ และได้รับการซ่อมแซมให้ใช้ได้เหมือนเดิมในรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่สถานที่นี้ก็ไม่ได้ใช้เป็นที่แจกจ่ายน้ำสะอาดอีกต่อไป คงเหลือแต่ศาลศักดิ์สิทธิ์ ที่ให้ผู้คนมาสักการะ ทั้งนี้ รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์

    ���õ�� : �������óպպ��¼�


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    http://palungjit.org/threads/การบูชาแม่พระธรณี.119775/

    .

    .
     
  14. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    แวะมาอ่านเจ้าค่ะ ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...