เหตุเกิดตอนนั่งสมาธิ ควรทำอย่างไรต่อดีคะ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขวัญดาว, 28 ธันวาคม 2009.

  1. ขวัญดาว

    ขวัญดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +577
    เราอยากรู้ค่ะ ว่า เวลาเราสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว
    ก็นั่งสมาธิต่อประมาณ 30 นาที ...

    ขณะที่เราหลับตาลงปุ๊บ เราก็เหมือนตัวเองเข้าห้องขังเล็กๆค่ะ
    ในสมาธิเราก็จะกำหนด พอง ยุบ ที่ท้อง มันก็จะมีจิตแวปไปกำหนด
    ปวดตรงนั้น ตรงนี้ ตามร่างกาย บ้าง(คล้ายๆย้ายจิตไปรอบๆกายตามที่ปวด)
    พอกลับมาที่พองยุบ ..(รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ที่ไหนไม่รู้ ความจำเลยหายค่ะ เรานั่งอยุ่ไหนก็ไม่รู้ เสื้อผ้าใส่ยังไงก็ไม่รู้ )...
    หูก็ยังกำหนดได้ยินเสียงจากภายนอกอยู่นะคะ...

    แต่ใจมันเหมือนอยู่ในห้องขังเล็กๆ(ก็คือ ร่างกายเราเองนี่แหละค่ะ)..
    บางวันเหมือนนั่งพิงเหนื่อยในห้องขัง(ที่ปลอดภัย) เหมือนหนีใครมา..

    บางวันมีอาการอวัยวะหายเป็นส่วนๆ (อาการนี้ไม่ตื่นเต้น เฉยๆค่ะ)
    แต่จะทนไม่ได้กับความคิดฟุ้งซ่านค่ะ...คิดไปเรื่อยเปื่อย จนทนไม่ได้
    ต้องออกจากสมาธิดีกว่า..ทำนองนั้นค่ะ

    แต่บางวันนั่งไปนั่งมาปวดหัวเข่าขวามากๆ
    ทนปวดไม่ได้ก็ต้องออกจากสมาธิเช่นกันค่ะ..
    (อาการปวดเข่าจะมาถ้านั่งเลย สามสิบนาที)..

    พอกำหนดคลายสมาธิ ลืมตาปุ๊บ เหมือนเราเพิ่งกลับมาจากอีกที่นึงคะ
    แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่เราก็เหมือนเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก..
    (แอบตกใจนิดๆว่า..อ้าววันนี้ใส่เสิ้อผ้าชุดนี้เหรอ)

    เราติดแบบนี้มาหลายเดือนแล้วค่ะ ไม่ไปไหนสักที...
    ควรทำไงต่อคะ...
     
  2. opallza

    opallza รัตนาภรณ์ พิมพ์ดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +44
    เลิกนั่งสมาธิ เมื่อรู้สึกปวดเลยดีไหมคะ

    เเล้วนั่งใหม่ดู ^^
     
  3. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    แทนที่จะนั่งสมาธิ ลองเปลี่ยนนอนสมาธิดีไหมคราบ จะได้มะเมื่อยถ้าไม่ไหวก็หลับ จะได้ถือว่าเป้นการพักผ่อนไปในตัวด้วยครับ
     
  4. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912
    เคยเป็นคล้ายๆกันเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้ว แต่ก่อนปวดแล้วจะเสียสมาธิ

    ตอนนี้ มันจะปวดก็ปล่อยมันไปค่ะ(ปวดจนเบื่อไม่อยากสนใจกับมันแล้วค่ะ)

    จิตอย่าไปเพ่งตรงที่ปวดค่ะ ปล่อยมัน

    พอรู้ว่าปวด ก็ปล่อยไปค่ะ ปวดมันเกิดขึ้น รู้ว่ามันตั้งอยู่ และรู้ว่ามันดับไปค่ะ

    ร่างกายมันปวด แต่จิตเราไม่ปวดค่ะ แล้วจะหายไปเอง ^^
     
  5. access

    access เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +175
    ใช่การนั่งที่เค้าเรียกว่าวิปัสนา รึเปล่าค่ะ ที่ตามสายหลวงพ่อจรัญ รึเปล่าค่ะ
    เคยปฏิบัติแบบนี้เหมือนกันค่ะ ก็มีอาการแปลกๆเข้ามาไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไร ค่ะ เราก็เคยนั่งแล้วปวดขาซ้าย ก็กำหนดปวดหนอ ตามจตุดที่ปวดนะ ค่ะ บางครั้ง มันจะเลื่อนไปตามจุดต่างๆของร่างกายค่ะ พอปวกตรงนี้ เราก็กำหนดดูมันไปเรื่อยๆค่ะ ปวดขาซ้ายหนอๆ จากนั้นมันจะหายปวดค่ะความนานจึ้นอยู่กับจริตของแต่ล่ะคนค่ะ ส่วนตัวปวดไม่นานค่ะ ประมาณ 10-15 นาทีแล้วมันก็เลื่อนไปที่หลังซ้าย ไปขวา จนอาการปวดหายแล้วมันจะไม่เกิดอีกนะค่ะ แล้วมันอาจจะเกิดอาการอื่นๆเช่น การหมุน รื หนักตัว บางคนก็เบา รึ อาการแขนหาย ขาหาย อะไรแบบที่คุณเกิดนะค่ะ อย่าไปตกใจค่ะ ดูมันไปเรื่อย บางก็ หูแว่ว ฟุ่งซ่าน ก็ กำหนดฟุงซ่านหนอ อะไรแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะค่ะ
    คนแต่ละคนจะเกิดอาการต่างๆต่างกันค่ะ จริงๆการวิปัสนาคือการฝึกสติ ตามดูอาการต่างๆที่ร่างการมันเกิด ดูธรรมชาติของมนุษย์เรานะค่ะ เมื่อสติเราตามมันทัน หลังจากนั้นก็จะเกิดปัญญานะค่ะ
    ไม่ต้องกลัวนะค่ะ บางคนปวดเป็นชั่วโมงก็มี ปวกจนรู้สึกกระดูกแตกเลยก็มีค่ะ
    เพระาถ้าผ่านเวทนาเหล่านี้ไปแล้ว อาจจะมีการได้ยินเสียง รึเห็นภาพอะไร ก็ไม่ต้องไปเชื่อรึสนใจนะค่ะ กำหนดรู้ว่าเห็นหนอ หากว่าเป็นนิมิตริงมันจะชัดขึ้นแล้วมันไม่หายนะค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ของจริงมันจะหายค่ะ แต่ถ้าปฏิบัตไปแล้วสติตามทันอาการแบบไม่เห็นอะไรดีกว่าค่ะ
    ถ้าไม่เข้าใจลองเข้าไปกระทู้สายวิปัสนาดูนะค่ะ
    พอดีเราไม่ได้เป็นผู้ปฏิยัติ ะค่ะ แค่เคยไปบางเมื่อก่อนนะค่ะแล้วมีอาการคลายๆนะค่ะขอให้โชคดีนะ่
     
  6. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    แนวของคุณ เป็นสติปัฎฐานสี่ครับ (ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม) โดยจะเริ่มต้นที่ดูกายไป

    (พองยุบ ดูการเปลี่ยนไปหรือตั้งอยู่ของแต่ละอิริยาบถ) ส่วนที่บอกว่าเหมือนอยู่ห้องแคบๆ

    นั่นคือการดิ่งลงของจิต เป็นการแยกจิตกับกายออกจากกันและนั่งดูเป็นตัวรู้ครับ ส่วนอาการ

    ปวดต่างๆนั่นคือเวทนาที่แสดงต่อกายครับ ให้ใช้ตัวรู้นั้นดูอาการไป ดูไปเรื่อยๆ โดยตั้งมั่นไว้

    ที่ เจ็บก็สักแต่ว่าเจ็บ ปวดก็สักแต่ว่าปวด ตามดูจนอาการมันแรงขึ้นหรือว่าเบาลง หรือว่า

    หายไป อาจใช้คำควบว่า หนอ ก็ได้(เจ็บหนอ ร้อนหนอ) ให้ดูรู้ อย่าดูเพื่อยึดครับ ในส่วนนี้

    หลวงพ่อจรัญเคยสอนว่า ธรรมวิเศษจะได้มาตอนใกล้ตาย อย่าละความเพียรเพราะเห็นว่า

    เจ็บปวดก็เลิกนั่งครับ อันนี้ไปไม่ถึงไหนแน่ ตอนนี้คุณสามารถดูจนรู้กาย รู้จิต รู้เวทนาได้

    แล้ว ก็มองให้เห็นการเกิดดับที่สอดคล้องกัน การย้อนกลับไปมา ตัวอย่างเช่น เมื่อดูกาย รุ้

    ว่าปวดเข่า กายคือที่เข่า เวทนาคืออาการปวด และจิตให้รุ้ว่าชอบหรือไม่ชอบ เมื่อมองดูให้

    ลึกในจิตอีกจะเห็นว่าเมื่อไม่ชอบก็จะเกิดตัวโทสะ (ความไม่ถูกใจ พอใจ) แล้วดูการเกิดขึ้น

    ของจิตนั้นๆมองจนเห็นมันอยุ่ แล้วดูการแสดงออกของจิตที่มีโทสะ ว่าเกิดเวทนาใดกับกาย

    (ในอกร้อนเหมือนไฟเผา เป็นต้น) แล้วดูกายแสดงออกต่อกาย (อาการสั่นเทิ้ม) แบบนี้ให้ดู

    วนไปมา จนเห็นความสอดคล้องจนคล่องแล้ว จึงจะเข้าถึงธรรมบางประการ(มองเห็นการตั้ง

    อยู่ ดับไป จนเกิดอาการเบื่ออันเรียกว่า นิพพิทาญาณ) เมื่อเห็นธรรมตรงนี้ก็มองลึกลงไปอีก

    ว่า ธรรมใดๆก็ไม่เป้นของเรา เราก็ตั้งไว้ไม่ได้ เพียงเกิดมาจากการรู้เท่านั้น มันก็มีของมัน

    เช่นนี้เป็นปกติ จำไว้ว่าเกิดอะไรในการนั่งให้มองว่า มันสักแต่ว่า... ก็เท่านั้นแหละครับ หาก

    มองกาย เวทนา จิต หมุนเวียนเป็นระบบแล้ว ยังติดอยุ่ให้กลับมาถามใหม่นะครับ ยินดีตอบ

    ทุกคำถาม (อ๋อ กรณีนี้ ถ้าเป็นสมถะจะไม่เหมือนกันนะ คนที่ทำสมถะจะต้องทำอีกแนวทาง

    หนึ่ง อันนี้เป็นสติปัฏฐานครับ เป็นการแนะนำสำหรับเจ้าของกระทู้ ส่วนถ้าเป็นการฝึกแบบอื่น

    ให้ถามขึ้นมาใหม่เอานะครับ)..สำหรับคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ถ้ากำหนดรุ้แล้วจิตมันถอน

    ความผูกพันในกายไม่ได้กลับเกิดเวทนาแรงอีก ให้ตั้งจิต(คิดนั่นแหละครับ)ว่า เรานั่งเฉยๆ

    ตอนนี้เราเพียงนั่ง อาการทั้งหลายไม่มีจริง ไม่เกิดขึ้นจริง แต่หากยังไม่ดีขึ้นอาการจะแย่ลง

    อีก ก็ให้ใช้วิธีเดียวกับการแก้นิมิตหลอกครับ คือลืมตาเลย เป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติทุกท่าน

    เข้าถึงธรรมโดยไวนะครับ
     
  7. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    จิตเคร่งเกินไป พยายามทำกายให้สบายๆ ผ่อนคลายจิตใจก่อนนั่ง

    อย่าไปสนใจอาการต่างๆ เป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น เมื่อไม่สนใจ หนักเข้ามันก็จะหายไปเอง จดจ่ออยู่ที่พองยุบนั่นแหละดีแล้ว

    อาการตัวหายแสดงว่าจิตเริ่มนิ่งบ้างแล้ว ทำต่อไปจะดีกว่านี้ ส่วนความคิดฟุ้งซ่าน พยายามอย่าไปสนใจ มันจะหายไปเอง แต่ถ้ามันไม่หายก็ลืมตาดีที่สุด เมื่อจิตหายฟุ้งแล้วก็หลับตาใหม่ ที่ทำอยู่ก็ดีแล้ว

    ปวดเข่าระหว่างนั่ง อันนี้ช่วยไม่ได้ ต้องอดทนสู้อย่างเดียว แต่ก็มีตัวช่วยคือให้ลองฝึกโยคะ ยืดเส้นเข่าและหลังจะช่วยในตอนนั่งได้มาก เลือกใช้อาสนะที่เสริมตรงก้นกบก็พอช่วยได้ แต่ที่สุดแล้วความอดทนเท่านั้นคือคำตอบสุดท้าย

    อาการแบบนี้แสดงว่าจิตเริ่มนิ่งได้บ้างแล้ว ให้อดทนทำต่อไปจะดีขึ้น
    อย่าคิดว่าเรานั่งแล้วไม่ก้าวหน้า จริงๆแล้วทุกครั้งที่นั่งสมาธิเราก็ได้บุญได้บารมีแล้วทุกครั้ง เพียงแต่ว่ามันอาจไม่ทันใจเรา ความอยากเมื่อมีมากเกินไปจะกลายเป็นอุปสรรคได้ ให้คิดเสียว่าเรานั่งธรรมะเหมือนน้ำหยดทีละหยดลงตุ่ม เราไม่เห็นว่าระดับน้ำเปลี่ยนแปลงแบบทันที แต่ความเปลี่ยนแปลงจะปรากฏทีละน้อยๆ เมื่อวันใดที่บารมีเต็มเปี่ยมแล้ว ก็บรรลุธรรมได้เองแบบง่ายๆ
     
  8. ขวัญดาว

    ขวัญดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +577
    กราบขอบพระคุณอย่างสูง ทุกๆคน เลยค่ะ

    จะนำไปปฏิบัติค่ะ...ใช่เลยค่ะ..ความเพียรของเราจะอ่อนค่ะ..

    บางวันเหงามากๆเลยค่ะ..เบื่อด้วย..อยากมีเพื่อนสวดมนต์ไหว้พระทำสมาธิด้วยกันที่บ้าน
    คิดนะจะโดด ไม่เข้าห้องพระหลายๆวัน ทำได้มากสุด แค่สามวันเองค่ะ..
    วันที่สี่อยู่ไม่ได้ล่ะ ต้องเข้าห้องพระ กราบพระพุทธรูป...อ่ะค่ะ..

    เรายังไม่บ้าเน๊อะ...มีใครเป็นเหมือนเราบ้างคะ
     
  9. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ความเพียรอ่อนลงได้แต่อย่าให้หายครับ เป็นกำลังใจให้ครับผม
     
  10. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    มันเหลือความคิดอย่างเดียวใช่ไหม ? นี่แหละคือ สมาธิที่เป็นสมถะกรรมฐาน ไม่มีอารมณ์อื่น ๆ มารบกวน เรามีปัญหาใด ๆ ก็เอามาพิจารณาค้นหาคำตอบได้ เพราะใจของเรากำลังสงบนิ่งดี ไม่มีสิ่งอื่นใดมาแทรก ต่อเป็น วิปัสสนาได้เลย มันก็เท่านี้แหละ ไอ้ตัวร้าย ๆ หลัก ๆ ก็คือ โลภะ โทสะ โมหะ ที่มารบกวนจิตใจเรา พิจารณามันให้บรรเทา เบาบาง การอาฆาตมาดร้าย ต่าง ๆ ก็หาทางพิจาณาให้เกิด ธรรม ทางหลุดพ้นไป ทำลายมันให้ได้ ด้วยจิตเราขณะนี้มีกำลังมากกว่า อารมณ์ทั่วไป......

    ถ้าจะต่อไปในเรื่องความเป็นทิพย์ ให้กำหนดนิมิต เพ่งพิจารณา ต่อจากนี้ไปในเรื่องกสิณ หารายละเอียดอ่านในกระทู้ข้าง ๆ นี้แหละ..............กำหนดนิมิต ขึ้นที่ภายในกาย ไม่ใช่นึกเอาจิตส่งไปวัดโน้น โบสถ์นี้นะ กำหนดที่ภายในเฉพาะตรงหน้า ที่เรากำหนดตอนเริ่มตั้งสมาธินั่นแหละ..................ต่อเองนะ มาถึงนี้แล้ว ไม่น่ามีปัญหา.....
     
  11. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ลองวิเคราะห์กับอาการเจ้าของกระทู้ผมไม่แน่ใจนะว่าเป็นอาการของอรูปฌาณหรือเปล่า คงต้องดูต่อว่าตัวที่เหลือคือตัวรู้ หรือความคิดอย่างที่ผู้พันจุ่นท่านบอกนะครับ ผมไม่คล่องในอรูปฌาณ
     
  12. ขวัญดาว

    ขวัญดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +577
    ขอบคุณค่ะ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  13. lissent

    lissent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,169
    ขอขอบคุณทุกท่านและเจ้าของกระทู้ นะคะ ดิฉันได้เข้ามาอ่านและได้เกร็ด สาระอันเป็นประโยชน์ทีจะต้องเก็บเอาไปขัดเกลา ปรับปรุง การปฎิบัติของตัวเองด้วยค่ะ ต้องขอขอบพระคุณมา ณที่นี้ด้วยขอทุกท่านเจริญในธรรมด้วยค่ะ
     
  14. aonlin

    aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,608
    จริงๆเรื่องปวดเข่าเนี่ยนั่งท่าอื่นก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องฝืนค่ะ ช่วงที่เราปวดขาเรายังนั่งสมาธิแบบหลังพิงกับเตียงแล้วนั่งยืดขาไปเลยค่ะ
     
  15. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    การทำสมาธิ เป็นการปฏิบัติที่จิต ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ทั้งนั้น เมื่อเราได้สมาธิแล้ว กำหนดจิตที่ใด เช่น ที่หน้าอก มันก็จะได้ยินเสียงหัวใจเต้น ..... วันไหน อารมณ์โกรธ จะเห็นว่า หายใจไม่เต็มที่ แสดงให้รู้เลยว่าการโกรธทำให้เราขุ่นจิตข้องใจ สมาธิเป็นตัวขยายอารมณ์เหล่านั้นให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะจิตเราสงบทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดมากขึ้น เมื่อมีอาการพองตัว โยกเอนตัว มันคืออาการของสมาธิ ที่ออกอาการให้เห็น......

    อาการที่เหมือนตัวอยู่ในห้องแคบ ๆ คือ การที่คุณกำหนด/ตั้งจิตเข้าไว้ภายในกาย ตัวรู้ก็จะอยู่ภายในกายที่เหมือนห้องแคบ ๆ ตามที่คุณเข้าใจ ขอให้ค่อย ๆ พิจารณา มีสติตามรู้อยู่ตลอดเวลาจะทราบได้ แล้วเราสามารถรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของกายได้ แม้กระทั่งการเต้นของหัวใจ ความโกรธ (เวทนา)อาการของมัน รู้ว่าอยู่ในห้องแคบ ๆ (จิต) เหลืออยู่อย่างเดียวคือ ธรรม ที่ต้องนำ

    ธรรมข้อใด ๆ ที่จะกำจัดสิ่งเศร้าหมองที่เกิดแก่จิตขณะนั้น ตัวใดเกิดก่อนก็หาวิธีกำจัดตัวนั้น ให้ สูญ ไป เช่น ถูกโกง พิจารณาให้ สูญ ไป คือ ทรัพย์สิน สิ่งของต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ อย่าไปยึดมั่นมันมาก ถ้าเราตายแล้วมันไม่สามารถเอาติดตัวไปได้ ของเราก็ต้องเป็นของเราใครก็เอาไปไม่ได้ เราเสียเงินไปมันก็จะมีอย่าง
    อื่นมาชดเชยให้ หรือบางคราวก็ถือว่าใช้หนี้กรรม และฟาดเคราะห์ เป็นต้น..


    เราอาจไม่รู้วิธีพิจารณาหาทางเพื่อการหลุดพ้น นี่แหละวิธีคิดง่าย ๆ บางคนไม่เข้าใจก็คิดไปโน่น.........บางเรื่องไม่จำเป็นต้อง.. ญาณ ๔ หรอก เช่น อบายมุข เมาเหล้า เล่นพนัน เจ้าชู้ เที่ยวกลางคืน คบคนชั่วเป็นมิตร พิจารณาด้วยปัญญาโลก ๆ ก็หลุดแล้ว...........

    ขอจบไว้เพียงนี้ก่อน.
     

แชร์หน้านี้

Loading...