ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จีนหิมะตกหนักเป็นประวัติศาสตร์หนาวสุดรอบ40ปี ออสซี่ประกาศ"ภาวะภัยพิบัติ"น้ำท่วมหนัก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ออสเตรเลียประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ คาดน้ำท่วมสูงสุดในรอบ40ปี ส่วนจีน-เกาหลีใต้เจอหิมะตกหนักหนาวสุดเป็นประวัติศาสตร์ อินเดียเผชิญหนาวยะเยือกสังเวยแล้วกว่า 100 ศพ

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียประกาศภาวะภัยพิบัติแห่งชาติวันนี้ ในพื้นที่เกษตรกรรมทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ หลังเกิดน้ำท่วมหนัก ทำให้ต้องอพยพประชาชนหลายร้อยคนออกจากพื้นที่

เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำแคสเซิลรีกที่เมืองคูแนมเบิลสูงถึง 5 เมตร 14 เซนติเมตร ช่วงก่อนเวลา 08.00 น. วันนี้ และก่อนหน้านี้ ประชาชน 1,200 คน ในนิวเซาท์เวลส์ ต้องละทิ้งบ้านเรือนไปอยู่ในที่สูง ขณะที่ คาดว่า ระดับน้ำอาจสูงถึง 5 เมตรครึ่ง ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี และอาจเซาะตลิ่งพัง ทำให้บ้านเรือนหลายร้อยหลังในเมืองดังกล่าวต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยง

ขณะที่อินเดียมีรายงานข่าวระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นทั่วทั้งพื้นที่ในภาคเหนือของประเทศ นอกจากนี้ สภาพอากาศเลวร้ายยังเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการเครื่องบินและรถไฟด้วย


[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าว เพรส ทรัสต์ของอินเดียรายงานว่า ผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในรัฐอุตรประเทศ ขณะที่สถานีโทรทัศน์บางช่องรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศแล้วมากกว่า 100 คน

นอกจากนี้ ยังมีหิมะที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ เป็นอุปสรรคต่อการจราจรทางอากาศและภาคพื้นดินในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือวันนี้ ทำให้เครื่องบินหลายลำในจีนและเกาหลีใต้ต้องลงจอดฉุกเฉิน รวมทั้งโรงเรียนหลายแห่งในกรุงปักกิ่งของจีนต้องหยุดการเรียนการสอนเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เย็นถึงจุดเยือกแข็ง

รายงานข่าวระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 1 คน และอย่างน้อย 2 คน สูญหายที่บริเวณภูเขาในภาคกลางของญี่ปุ่น หลังเกิดหิมะตกหนัก

ด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เมืองหลวงของจีนมีหิมะตกหนักที่สุดวานนี้ ในช่วงเกือบ 60 ปีที่ผ่านมา โดยหิมะหนา 30 เซนติเมตร ตกในกรุงปักกิ่งและเทียนจิน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีหิมะตกมากไปกว่านี้ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ด้านโฆษกสนามบินนานาชาติในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า ต้องยกเลิกเที่ยวบินหรือเลื่อนเที่ยวบินออกไปเกือบ 1,200 เที่ยวบินวานนี้ และช่วงเช้าวันนี้ มากกว่า 100 เที่ยวบินต้องล่าช้าออกไปและกว่า 20 เที่ยวบินต้องยกเลิก นอกจากนี้ โรงเรียนมากกว่า 3,500 แห่งในกรุงปักกิ่งและเทียนจินต้องปิดการเรียนการสอนในวันนี้

ทั้งนี้ อุณหภูมิในจีนลดต่ำสุดในรอบ 40 ปี ระหว่างติดลบ 20-32 องศาเซลเซียส ในมณฑลเหอเป่ย และมองโกเลียใน ระหว่างวันอังคาร และวันพุธ(5-6 ม.ค.) สำหรับอุณหภูมิในกรุงปักกิ่ง คาดว่าจะติดลบ 16 องศาเซลเซียส หนาวสุดของนครหลวงในรอบหลายสิบปี

ขณะที่เกิดหิมะตกหนักที่สุดในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ นับตั้งแต่เริ่มการบันทึกเมื่อปี 2480 โดยมีหิมะตกหนาราว 26 เซนติเมตร ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินในประเทศเกือบ 30 เที่ยวบินและ ราว 40 เที่ยวบินระหว่างประเทศต้องล่าช้าออกไป.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ระทึกรถบรรทุกNGVพลิกคว่ำ ก๊าซฟุ้งตลบถนน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 5 มกราคม 53 ร.ต.ท.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

รับแจ้งเกิดเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกก๊าซเสียหลักพลิกคว่ำและเกิดก๊าซรั่วไหลเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางด้านซ้ายบริเวณถนนสาย 304 กบินทร์บุรี –ระเบาะไผ่ ระหว่างหลักกิโลเมตร ที่ 69 หมู่ 10 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี หลังจากรับแจ้งรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 18 ล้อ ตัวแม่หมายเลขทะเบียน 77-1915 กทม และตัวลูกพ่วงหมายเลขทะเบียน 78-0843 กทม.

บรรทุกถังบรรจุก๊าซ NGV มาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ และมีก๊าซรั่วไหลและฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ต้องกันรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมาทั้งขาขึ้นและขาล่องไม่ให้เข้าใกล้ในที่เกิดเหตุในรัศมี 1 กิโลเมตร เกรงว่าจะเกิดอันตราย ส่งผลทำให้รถติดกันยาวเหยียด

เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงจากหน่วยงานข้างเคียงมาช่วยฉีดน้ำสกัดไว้เพื่อไม่ให้ก๊าซดังกล่าวฟุ้งกระจาย

เพราะว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ติดกับชุมชนนิคมอุตสาหกรรม 304 .เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมก๊าซที่รั่วไหลเบาบางลงได้ สอบสวนพบว่ารถบรรทุก 18 ล้อ ดังกล่าวบรรทุกถังก๊าซ NGV ที่ใช้สำหรับเป็นเชื้อเพลิงรถบรรทุกมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นของบริษัท เอส ซี แคริเออร์ จำกัด มาจากจังหวัดชลบุรีเพื่อจะไปส่งให้กับบริษัทดับเบิล เอ ที่นิคมอุตสาหกรรม 304 ส่วนสาเหตุนั้นน่าจะเกิดจากคนขับหลับใน และอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ดูไบเปิดแล้ว ตึกสูงสุดในโลกสถิติใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชาธิบดี ชีก โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม พระชนมายุ 60 พรรษา

ผู้ปกครองรัฐดูไบ รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประธาน เปิดอาคาร บูร์จ ดูไบ ตึกที่สูงที่สุดในโลก โดยมีการจุดดอกไม้ไฟอย่างตระการตา ขณะเดียวกัน ทางดูไบยังประกาศเปลี่ยนชื่ออาคารเป็นบูร์จ คาลิฟา เพื่อเทิดพระเกียรติชีก คาลิฟา บิน ซาเอ็ด อัล-นาฮายาน ประมุขแห่งอาบูดาบี และประธานาธิบดีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งประกาศความสูงของตึก 828 เมตร
บูร์จ ดูไบ เป็นสมบัติของบริษัทเอมาร์ พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ รับผิดชอบการก่อสร้างโดยบริษัทจากเกาหลีใต้ ซัมซุง เอนจิเนียริ่ง

ซึ่งใช้คนงานกว่า 12,000 คน ออกแบบแนวผสมผสานกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมอิสลามโดยสถาปนิก เอเดรียน สมิธ จากชิคาโก บริษัทสถาปนิก สกิดมอร์, โอวิงส์ แอนด์ เมอร์ริล หรือเอสโอเอ็ม ผู้ออกแบบเดียวกันกับ เซียร์ ทาวเวอร์ ตึกสูงที่สุดในปัจจุบันของสหรัฐ

สำหรับ 37 ชั้นลงไปจะเป็นโรงแรมอาร์มานี ออกแบบโดยจิออร์จิโอ อาร์มานี มีห้องล็อบบี้ระฟ้าอยู่ที่ชั้น 43

ขณะที่ชั้น 76 และ 123 เป็นศูนย์บริการด้านสุขภาพแบบอลังการ ซึ่งจะมีตั้งแต่ฟิตเนสหรู สระว่ายน้ำอันโอ่โถง ไปจนถึงอ่างจากุซซี่ระดับห้าดาว โดยมีชั้นสำหรับไว้ชมทิวทัศน์อยู่ที่ชั้นที่ 124 และติดตั้งลิฟต์ความเร็วสูงที่สุดในโลก ที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รายงานแผ่นดินไหว

ตรงกับเวลา 10.36น. วันที่ 5 มกราคม 2553 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 11.15 น. วันที่ 5 มกราคม 2553 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 19.15 น. วันที่ 5 มกราคม 2553 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 20.11 น. วันที่ 5 มกราคม 2553 ของประเทศไทย

 

*** คำสอนแต่ดั้งเดิม ****

พระพุทธเจ้าสอนตัดลดกิเลสนิสัยมนุษย์ ด้วยสัจจะ...
วัดหนึ่งในศรีลังกา ยังคงรักษาคำสอนสัจจะของพระพุทธเจ้าไว้....
บางบทสวด เหมือนกับบทสวดที่วัดหนึ่งในไทย...

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** คำโบราณ ****

คำว่า "สัจจะ" ...ถูกใช้เป็นชื่อของสถานที่โบราณ ภูเขา และชื่อตัวบุคคลที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ในสมัยพุทธกาล หลายชื่อ มีปรากฏในพระไตรปิฎก ในกระเบื้องจารึกโบราณ และอีกหลายแห่ง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เกิดแผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้​

​

วอชิงตัน 5 ม.ค. - สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ทางตะวันออกของเกาะเซาท์จอร์เจีย และหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช ดินแดนปกครองตนเองของสหราชอาณาจักร

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.55 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 11.55 น.ในไทย ในทะเลห่างจากเกาะเซาท์จอร์เจีย และหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิชไปทางตะวันออกราว 685 กม. ซึ่งเป็นพื้นที่มีผู้อยู่อาศัยอย่างจำกัด ส่วนใหญ่เป็นนักวิทยาศาสตร์ตามฐานวิจัยต่าง ๆ

ยูเอสจีเอส ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ห่างจากหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ไปทางตะวันออกราว 2,800 กม. และอยู่ลึกลงไป 10 กม. ด้านศูนย์เตือนภัยคลื่นสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก ระบุว่า ไม่มีอันตรายการเกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ แต่เตือนว่า จะเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว -สำนักข่าวไทย

2010-01-05 13:34:50

เกิดอาฟเตอร์ช็อคหลายครั้งที่โซโลมอนหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่และสึนามิ​

​

โฮนีอารา 5 ม.ค.- วันนี้ยังคงเกิดอาฟเตอร์ช็อคหรือแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวหลายครั้ง ที่หมู่เกาะโซโลมอนในมหาสมุทรแปซิฟิก ขณะที่เจ้าหน้าที่ออกตรวจเยี่ยมหมู่บ้านห่างไกล หลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 7.2 ริกเตอร์ และคลื่นยักษ์สึนามิทำลายบ้านเรือนเสียหายอย่างน้อย 500 หลังเมื่อวันจันทร์

ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บรุนแรงจากแผ่นดินไหวและสึนามิ และยังไม่มีข้อมูลชัดเจนจากพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากอยู่ไกลจากกรุงโฮนีอาราไปทางตะวันตกถึง 300 กิโลเมตร ตำรวจน้ำจากเมืองหลวงได้เดินทางไปประเมินความเสียหายแล้วเมื่อคืนวานนี้

สำนักงานจัดการภัยพิบัติหมู่เกาะโซโลมอนแจ้งว่า เมื่อกลางดึกวันจันทร์เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 6.2 ริกเตอร์ และ อีกครั้งในเช้าวันนี้ 5.1 ริกเตอร์ ทำให้ชาวบ้านแถบชายทะเล ต้องหนีขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังเกิดดินถล่มที่เกาะเล็ก ๆ 2 เกาะหลังแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อค เจ้าหน้าที่เผยด้วยว่า แผ่นดินไหวและสึนามิสูงเกือบ 2.5 เมตร ทำให้บ้านเรือนอย่างน้อย 500 หลังเสียหาย และกำลังประเมินความเสียหายในพื้นที่อื่น.-สำนักข่าวไทย

2010-01-05 09:21:54

หิมะตกหนักทำการคมนาคมภาคเหนือจีนปั่นป่วนยิ่งขึ้น​

​

ปักกิ่ง 5 ม.ค. - หนังสือพิมพ์ปักกิ่งนิวส์ของทางการจีนรายงานว่า หิมะตกหนักยิ่งทำให้การคมนาคมทางภาคเหนือของจีนเลวร้ายลง ส่งผลให้คนขับรถบรรทุกหลายพันคนติดอยู่บนทางหลวงในกรุงปักกิ่งนาน 2 คืน และผู้โดยสารรถไฟ 1,400 คน ตกค้างในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน

สำนักอุตุนิยมวิทยาจีน รายงานว่า แม้หิมะที่ตกลงมาปกคลุมภาคเหนือเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะหยุดตกในกรุงปักกิ่งแล้ว แต่อุณหภูมิจะลดลงถึงลบ 15.6 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิหนาวเย็นที่สุดในรอบกว่า 20 ปี และคาดว่าสภาพอากาศในกรุงปักกิ่ง เมืองเทียนจินที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งเขตปกครองตนเองมองโกเลียในจะหนาวเย็นต่อไปจนถึงวันพฤหัสบดี และอาจลดต่ำถึงลบ 32 องศาเซลเซียส

สภาพอากาศเลวร้ายทำให้แถบชานกรุงปักกิ่ง มีคนขับรถบรรทุกต้องจอดรถนอนค้างคืนบนทางหลวงนาน 2 คืน จนการจราจรติดขัดเป็นระยะทาง 20 กม. เนื่องจากหิมะทำให้ถนนไม่สามารถใช้การได้ ตำรวจนายหนึ่งระบุว่า จะสามารถระบายรถบนทางหลวงได้ในวันนี้ ส่วนเมื่อวานนี้ มีเที่ยวบินในกรุงปักกิ่งหลายร้อยเที่ยวถูกยกเลิก และล่าช้า สถานศึกษาปิดทำการเรียนการสอน และการจราจรเป็นอัมพาตไปทั่วกรุงปักกิ่ง

ส่วนเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน เกิดเหตุรถไฟพุ่งชนกำแพงหิมะหนากว่า 2 เมตร ส่งผลให้ผู้โดยสาร 1,400 คน ต้องค้างคืนในรถไฟโดยไม่มีแสงสว่าง และเครื่องทำความร้อน ก่อนได้รับการช่วยเหลือออกมา ตำรวจเผยว่า แม้หิมะจะหยุดตกเมื่อวาน แต่อุณหภูมิยังต่ำถึงลบ 28 องศาเซลเซียส ส่วนพื้นที่ภาคกลางตั้งแต่มณฑลเหอหนานถึงมณฑลหูหนาน ยังอยู่ภายใต้การเตือนภัยพายุหิมะจนถึงวันพุธนี้. - สำนักข่าวไทย

2010-01-05 15:27:53

เกาหลีใต้ระดมข้าราชการ-ทหารเก็บกวาดหิมะ​

​

โซล 5 ม.ค. - เกาหลีใต้ระดมข้าราชการพลเรือนและทหารหลายหมื่นคน ออกเก็บกวาดหิมะที่ตกหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สภาพอากาศหนาวเย็นทำให้ถนน และทางหลวงหลายสายถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง

นักพยากรณ์อากาศเกาหลีใต้ ระบุว่า หิมะหยุดตกในกรุงโซล และพื้นที่ใกล้เคียงตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แต่บริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ยังคงมีหิมะตกหนา 21 ซม. ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ถึงช่วงเช้าวันนี้

สำนักอุตุนิยมวิทยาเกาหลี รายงานว่า เมื่อวานนี้ในกรุงโซลมีหิมะตกหนาเกือบ 28 ซม. รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับแต่เริ่มบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2480 ทางการจึงระดมข้าราชการพลเรือน ทหาร และอาสาสมัคร ราว 48,000 คน ออกเก็บกวาดหิมะในนครหลวง ขณะที่กระทรวงกลาโหม แถลงว่า ระดมทหาร 19,000 นาย ออกเก็บกวาดหิมะทั่วประเทศ รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ทหารนำผ้าห่ม และอาหารไปแจกจ่ายประชาชนในหมู่บ้านห่างไกล

สภาพอากาศหนาวจัดยังทำให้ผู้ขับขี่ต้องใช้ความเร็วต่ำไปตามถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง โดยอุณหภูมิในกรุงโซลลดต่ำ ลบ 10.4 องศาเซลเซียส ในเมืองชอลวอน ซึ่งห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 58 กม. มีอุณหภูมิลบ 20.4 องศาเซลเซียส ส่วนการบริการเที่ยวบินระหว่างประเทศกลับมาเป็นปกติแล้วในวันนี้ หลังหิมะตกหนักจนต้องหยุดให้บริการชั่วคราว แต่เส้นทางการบินในประเทศบางเที่ยว และการคมนาคมทางรถไฟยังคงใช้การไม่ได้ในบางพื้นที่ ขณะที่เรือประมงต้องเข้าหลบภัยตามท่าเรือตลอดแนวชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้

สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานว่า ชายวัย 50 ปีเศษ เสียชีวิตเพราะพลัดตกลงมาจากหลังคาสนามแบดมินตันแห่งหนึ่งในกรุงโซล ขณะขึ้นไปกวาดหิมะบนหลังคาเมื่อวานนี้ ขณะที่เมืองชองจู ทางภาคกลาง เกิดเหตุหลังคาโรงเรือนพังถล่มเพราะรับน้ำหนักหิมะไม่ไหว ทำให้ไก่ตาย 3,000 ตัว. - สำนักข่าวไทย

2010-01-05 16:05:24

จีนเร่งป้องกันน้ำมันรั่วไหลลงแม่น้ำฮวงโห​

​

จีน 5 ม.ค. - เจ้าหน้าที่จีนยังคงเร่งควบคุมน้ำมันปริมาณมหาศาลที่รั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันทางภาคเหนือ และอาจสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อแม่น้ำฮวงโห

ท่อน้ำมันของบริษัทน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติจีน (CNPC) รั่วไหลในแม่น้ำฉื้อสุ่ย มณฑลส่านซี ตั้งแต่วันพุธที่แล้ว ทางการท้องถิ่นปฏิเสธที่จะเผยปริมาณน้ำมันที่ไหลลงในแม่น้ำ หรือให้ความเห็นใด ๆ แต่สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า มีน้ำมันเกือบ 150,000 ลิตร รั่วไหลลงในแม่น้ำ ซึ่งอยู่เหนือจากแม่น้ำฮวงโหขึ้นไป 70 กม. และไหลเป็นทางยาวลงมาจากจุดที่รั่วกว่า 33 กม.

ด้านรองนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ระบุว่า ทางการจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อควบคุมการรั่วไหลอันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลลงสู่แม่น้ำฮวงโห อย่างไรก็ดี สำนักงานสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น ได้เริ่มประกาศห้ามใช้น้ำจากแม่น้ำแล้ว เนื่องจากอาจปนเปื้อนมลพิษ ทำให้ขณะนี้ชาวจีนกว่า 200 ล้านคน กำลังขาดแคลนน้ำดื่ม. - สำนักข่าวไทย

2010-01-05 02:34:31

ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินถล่มในบราซิลเพิ่มเป็น 72 คน​

​

อังกรา โดส เรส, บราซิล 5 ม.ค. – ทีมกู้ภัยกำลังออกค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินถล่มในบราซิล ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วถึง 72 คน ในหลายวันที่ผ่านมา ขณะที่ความหวังเริ่มริบหรี่ลงทุกขณะ

รายงานระบุว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิต 4 คน ในเมืองอังกรา โดส เรส ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่ง ตั้งอยู่ห่างจากนครริโอเดจาเนโรไปทางตอนใต้ 150 กม. และคาดว่า จะมีการพบศพเพิ่มเติม นายเปโดร มาชาโด เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยว่า ในจำนวนศพที่พบ เป็นทารกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในรายชื่อบุคคลสูญหาย ทารกคนดังกล่าวอาจถูกฝังอยู่ใต้ซากแผ่นดินถล่มรวมกับผู้ใหญ่อีกหลายคน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เหตุแผ่นดินถล่มได้คร่าชีวิตผู้คน 29 คน บนเกาะอิลฮา กรันดี ในจำนวนดังกล่าว 28 คน เสียชีวิตในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขา ขณะที่เกิดเหตุมีแขกราว 40 คนพักอยู่ภายใน แต่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิตหรือไม่ ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยราว 200 คนและสุนัขดมกลิ่นกำลังปฏิบัติการกู้ภัยท่ามกลางกองโคลนและหินหลายตัน ซึ่งพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างลงสู่ทะเล. -สำนักข่าวไทย

2010-01-05 10:51:28

อากาศหนาวทำน้ำมันแพงที่สุดในรอบ 15 เดือน​

​

นิวยอร์ก 5 ม.ค.- น้ำมันดิบปรับขึ้นมากกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐไปปิดเหนือบาร์เรลละ 81 ดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน เป็นผลจากสภาพอากาศหนาวจัดปกคลุมทั้งในสหรัฐ และประเทศผู้บริโภครายใหญ่ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อความอบอุ่น เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐงวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 2.15 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 81.51 ดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2551 ส่วนน้ำดิบเบรนท์อังกฤษเพิ่มขึ้น 2.19 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 80.12 ดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นคือสภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐและเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันให้ความอบอุ่นในสหรัฐจะสูงกว่าระดับปกติร้อยละ 21 หลังจากเดือนธันวาคมอากาศหนาวที่สุดในรอบ 9 ปีทำให้ราคาน้ำมันให้ความอบอุ่นเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 10 ส่วนที่อังกฤษคาดว่าอากาศจะหนาวเย็นต่อไปในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้หลังจากเดือนธันวาคมหนาวเย็นที่สุดในรอบ 14 ปี ขณะที่ในยุโรปอากาศหนาวเย็นจะค่อย ๆ แผ่จากตะวันออกเฉียงเหนือลงไปยังตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เช่นเดียวกับในเอเชีย ที่มีสภาพอากาศหนาวจัดและมีหิมะตกหนักทั้งในจีน อินเดีย เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้.-สำนักข่าวไทย

2010-01-05 09:08:25

สหรัฐหาทางบีบรัฐบาลและกองกำลังพิทักษ์อิสลามอิหร่าน​

​

วอชิงตัน 5 ม.ค.- นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยว่า ได้เริ่มหารือกับประเทศหุ้นส่วนและประเทศที่มีแนวคิดเดียวกันเพื่อหามาตรการใหม่ในการคว่ำบาตรกดดันรัฐบาลอิหร่าน โดยเฉพาะกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามหวังสกัดโครงการนิวเคลียร์อิหร่านโดยไม่ทำร้ายประชาชนทั่วไป

นางคลินตัน แถลงข่าวร่วมกับเชค ฮาหมัด บิน จาสซิม อัลธานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์ว่า สหรัฐพยายามเลี่ยงการกำหนดเส้นตายเพราะต้องการเปิดทางให้มีการเจรจา แต่ก็ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่รอคอยอย่างเดียวในขณะที่อิหร่านพูดเรื่องเพิ่มศักยภาพการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังแสดงความไม่พอใจเรื่องทางการอิหร่านปราบปรามผู้ประท้วงที่ไม่พอใจผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือน มิ.ย. และขอแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้ประท้วงอย่างสันติ

สหรัฐกล่าวหาอิหร่านดำเนินโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับ ๆ โดยใช้โครงการนิวเคลียร์พลเรือนบังหน้า และเตรียมเดินหน้านโยบายเจรจาควบคู่กับการใช้มาตรการลงโทษหวังเปลี่ยนแปลงนโยบายของอิหร่าน เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่า มาตรการที่รัฐบาลกำลังพิจารณาคือ การขยายคำสั่งจำกัดการเดินทางและข้อจำกัดอื่น ๆ ต่อบุคคลและหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับผู้นำและกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน.-สำนักข่าวไทย

2010-01-05 09:30:55

สหรัฐสงสัยการเลือกตั้งของพม่า​

​

วอชิงตัน 5 ม.ค. - สหรัฐแสดงความสงสัยเรื่องความน่าเชื่อถือในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นของพม่า พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าเจรจากับฝ่ายค้านและชนกลุ่มน้อย

นายเอียน เคลลี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐดำเนินมาตรการติดตามการเลือกตั้งพม่าจนกว่าจะสามารถประเมินสภาพการณ์ต่าง ๆ ได้ เช่น พรรคฝ่ายค้าน และชนกลุ่มน้อยได้มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งหรือไม่ แต่จนถึงบัดนี้สหรัฐยังไม่เห็นความคืบหน้าชัดเจนที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลทหารพม่าดำเนินมาตรการใด ๆ ที่จะทำให้การเลือกตั้งเชื่อถือได้ เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านส่วนใหญ่ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำ ทั้งยังไม่มีพื้นที่ให้ผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาล การโต้วาที หรือแม้แต่เสรีภาพของสื่อ สหรัฐจึงเรียกร้องให้พม่าเปิดเจรจาที่ครอบคลุมกับนางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้าน และบรรดาผู้นำชนกลุ่มน้อยเพื่อปฏิรูปประชาธิปไตย อันจะเป็นก้าวแรกไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐมีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ พล.อ.อาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า กล่าวเนื่องในการเฉลิมฉลองการได้รับเอกราชครบ 62 ปีของประเทศ เรียกร้องให้ประชาชนตัดสินใจลงคะแนนเสียงอย่างถูกต้องในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีนี้. -สำนักข่าวไทย

2010-01-05 10:14:24

ที่มา http://news.mcot.net

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เม็กซิโกประกาศเตือนภัย หลังพบปลาตายเกลื่อนชายหาดอีกแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 มกราคม 2553 04:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

ชาวเม็กซิกันกำลังตกปลาริมทะเล ขณะที่ล่าสุดเกิดเหตุพบปลาตายจำนวนมากบนชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เม็กซิโก ประกาศเตือนประชาชนให้อยู่ในความระมัดระวังเมื่อวันอังคาร(5) หลังพบปลาตายหลายพันตัวถูกคลื่นซัดมาบนชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโก เป็นครั้งที่สองในรอบเกือบหนึ่งเดือน

ฟิเดล เฮร์เรรา ผู้ว่าการรัฐเวรากรูซ ประกาศเตือนภัยหลังได้รับรายงานจากชาวประมงว่าพบปลาตายจำนวนมากตายกลาดเกลื่อนตามชายหาดทางตะวันตกของเม็กซิโก เป็นระยะทางหลายกิโลเมตรด้วยกัน

"เราจำเป็นต้องตรวจสอบว่ามันเป็นการตายในปรากฎการณ์ตามธรรมชาติหรือนอกเหนือจากนี้" เฮร์เรรา บอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่าทหารเรือเม็กซิโกได้เก็บตัวอย่างน้ำจากพื้นที่ชายฝั่งอื่นๆมาตรวจสอบเทียบเคียงด้วย

ด้าน อันโรรา ปาริสซี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสาธารณสุขประชาชนเม็กซิโก บอกว่าทีมสืบสวนกำลังศึกษาตัวอย่างปลาที่เก็บมาเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตของมัน

พร้อมกันนั้นทีมตรวจสอบก็ยังจะศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้มีส่วนเชื่อมโยงกับกรณีพบปลาตายบนชายหาดของรัฐตาเมาลีปัสและในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนก่อนหรือไม่ เนื่องจากทั้งสองชายหาดตั้งอยู่บนอ่าวเม็กซิโกเช่นกัน

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000001153

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หิมะตกหนักในปากีฯทำโคลนถล่มกวาดหายทั้งหมู่บ้าน ตาย 13 ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 มกราคม 2553 03:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

ทหารปากีสถานประจำการ ณ ดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ​

เอเอฟพี - โคลนถล่มที่มีสาเหตุมาจากหิมะตกหนัก กวาดหมู่บ้านแห่งหนึ่งในแถบภูเขาทางภาคเหนือของปากีสถาน คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้ว 13 ราย และมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน ด้านเจ้าหน้าที่คาดยอดเสียชีวิตอาจพุ่งสูงกว่านี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยเมื่อวันอังคาร(5) สามารถกู้ศพผู้เสียชีวิต 13 ราย ที่ประกอบด้วยเด็ก 7 คน ผู้หญิง 4 คนและชาย 2 คน ขึ้นจากโคลนได้สำเร็จ

"13 ศพถูกพบในวันนี้ แต่เราได้รับรายงานว่ายังมีอีกหลายสิบคนที่สูญหาย มันดูเหมือนว่าแทบไม่มีโอกาสเลยที่พวกเขาจะรอดชีวิต" ซาอิด อัลเลาะหห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับเอเอฟพีจากตำบลฮันซา ในกิลกิต บัลติสถาน

"โคลนถล่มได้กวาดบ้านเรือนราษฎรในหมู่บ้านอะตาบัดหายไป หมู่บ้านแห่งนี้มีชาวบ้าน 30-35 ครัวเรือนอาศัยอยู่" เขากล่าว

ขณะเดียวกันดินถล่มยังได้สร้างความเสียหายแก่ทางหลวงคาราโครัม ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ชายแดนจีน เป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ทำให้การจราจรหยุดชะงักลง

ทางการเพิ่งประกาศภาวะฉุกเฉินหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วกว่า 24 ชั่วโมง พร้อมหวังว่าทีมช่วยเหลือจะค้นหาผู้รอดชีวิตที่โอกาสมีอยู่เพียงเล็กน้อย

"มีประชาชนราว 20 ถึง 25 คนสูญหาย พวกเขาแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย พวกเขาถูกฝังทั้งเป็นและน่าจะเสียชีวิตแล้ว" บาฮาเดอร์ ฮุสเซน เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนบอกกับเอเอฟพี

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000001149

 

ตามธรรมดาคนที่เกิดมาในโลกนี้ ย่อมมีอัธยาศัย 4 อย่างด้วยกัน​

​

คัดลอกบางส่วนมาจากจาก หนังสือ มหาสติปัฏฐาน ๔ โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

วันนี้จะพูดเรื่องวิชชาสาม การดัดแปลงอารมณ์ของมหาสติปัฏฐานสูตร ความจริงมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในขั้นสุขวิปัสสโก ถ้าหากว่าทำตามพื้นฐานนี้ ตามที่พระองค์ทรงตรัส ตรัสไว้ในขั้นสุขวิปัสสโกแล้วการบรรลุก็มี 4 สายด้วยกัน คือ สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

สุขวิปัสสโก นี่บรรลุแล้วไม่เห็นผีเห็นสาง ไม่เห็นสวรรค์ ไม่เห็นนรก มีแต่จิตสบาย กิเลสแห้งเหือดไป

ทีนี้สำหรับเตวิชโชก็มี การมีทิพย์จักขุญาณ สามารถรู้สัตว์และคนที่ตายไปแล้วไปเกิดที่ไหน คนและสัตว์ที่มาเกิดนี้มาจากไหน แล้วมีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติของตนเองได้ นี่เป็นเครื่องประกอบอันที่สาม ก็เป็นอาสวักขยญาณ คือ เป็นคุณธรรมของพระอรหันต์ อันนี้จะไม่พูด

สำหรับฉฬภิญโญก็ทรงอภิญญา หมายความว่ามีฤทธิ์ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ไม่จำกัด

ปฏิสัมภิทัปปัตโต มีความรู้พิเศษ ทรงพระไตรปิฎก รู้ภาษสัตว์ต่างๆ ภาษาคนภาษาสัตว์นี่ไม่ต้องเรียน รู้ แล้วก็รู้อธิบายขยายความ อธิบายเนื้อความขยายให้กว้างก็ได้ หรือเนื้อความที่เขาอธิบายมาแล้วกว้างๆ ก็ย่อลงให้สั้นให้เข้าใจได้ดีก็ได้ นี่เป็นเรื่องของปฏิสัมภิทัปปัตโต

ทีนี้ตามธรรมดาคนที่เกิดมาในโลกนี้ ย่อมมีอัธยาศัย 4 อย่างด้วยกันคือ แต่ละคนก็แต่ละอย่าง สำหรับที่มีจิตสงบเงียบ ไม่อยากยุ่งจุ๋งจิ๋งอะไรเป็นคนชอบสงัด อันนี้ก็ศึกษาด้านสุขวิปัสสโกเป็นของดี ตรงกับอัธยาศัย

แต่คนอยากรู้นั่นอยากรู้นี่ ให้ยึดแบบสุขวิปัสสโกก็ไปไม่ไหว เพราะไม่ตรงกับอัธยาศัย มานั่งเงียบๆ ไม่ชอบ ฉันอยากเห็นผีเห็นสาง เห็นเทวดา เห็นนรก เห็นพรหม ใครพูดว่าอะไรดีที่ไหนอยากจะเห็นอยากจะรู้ อันนี้เป็นอัธยาศัยของท่านเตวิชโช

ทีนี้จะต้องเรียนด้วยวิชชาสาม จึงจะตรงกับอัธยาศัย สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งก็ฝ่ายฉฬภิญโญ อันนี้อยากแสดงฤทธิ์ ชอบฤทธิ์ชอบเดช คนที่มีอัธยาศัยแบบนี้มีมาก

ที่มา http://www.luangporruesi.com/223.html

หมายเหตุ

สาเหตุที่ผมต้องยกเอาเรื่อง อัธยาศัย 4 อย่าง ของคนเรามาโพสต์ในกระทู้นี้ก็เพราะว่า เริ่มมีคนสนใจเรื่องของ ฤทธิ์อภิญญากันมากขึ้น แต่ก็มีบางท่านที่ไม่เข้าใจ พยายามโจมตี ต่อว่าต่างๆ นาๆ โดยกล่าวหาว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าบ้าง ไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงบ้าง ฯลฯ โดยมองข้ามเรื่องของอัธยาศัย 4 อย่างนี้ไป

เพราะถ้าจะให้คนสนใจมาปฏิบัติธรรม โดยเน้นแต่ด้านสุขวิปัสสโกเพียงอย่างเดียว ก็จะไม่ถูกกับอัธยาศัยของ ฉฬภิญโญ และ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ผมจึงอยากจะขอร้องว่า อย่าได้ไปติเตียนท่านที่ชอบในเรื่องฤทธิ์อภิญญานี้อีกเลยครับ เพราะเมื่อเขาฝึกด้านอภิญญาจนเต็มอิ่มที่ใจเขาต้องการแล้ว เขาก็จะหันมาฝึกในด้านวิปัสสนาได้ในที่สุดนั่นเอง -เกษม-

​

ดีใจสุดๆครับ งอช้อน ได้

ThesLong<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_501094", true); </SCRIPT> สมาชิก

หลังจากที่ผมเคยบอกเพือนๆว่า ไม่อยากจะฝึกพลังจิตอีกแล้ว เพราะฝึกแล้วทุกข์ใจ เพราะต้องการอยากได้แต่พลังต่างๆ พอหลังเลิกฝึกไป 1-2 เดือนกว่ามั้ง จำไม่ได้

ได้ฌาณ 3 แต่ยังไม่รู้จักผ่านไป 10 กว่าวันแล้ว อยากรู้มาอ่านในเว็บนี่ ก็เพิ่งรู้ว่าฝึกได้นานแล้ว ต่อมาอีกก็ไม่สนใจ เป็นเหตุการที่ งอช้อนได้ ลืมบอกผมสามารถเดินแล้วให้มันเกิดปิติได้ด้วยครับ ยิ่งอากาศร้อนๆๆ มันเย็นเฉย เดินแบบไม่คิดอะไรเลย หรือแต่ความว่างเปล่า ได้เห็นได้ยิน ก็ไม่สะทกสะท้าน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าอีกมันคืออะไร

เข้าเรื่องดีกว่า วันนั้นตอนบ่าย ผมมองไปเห็นช้อนมันโดนแสงแดด แล้วมีแสงสวยดี คิดในใจ ก็เลยไปจับช้อนให้มันโดนแสงให้หมด ก็เลยมองมันห่าง 1 เมตร มองไป 5 วินาที มีเริ่มมีแสงอย่างอื่นเกิดมาขึ้น มองไป 10 วินาที ความรู้สึกเหมือน effect มันจะเยอะขึ้น แสงรอบๆช้อนมันเริ่มเกิดขึ้น ผ่านไป 15 วินาทีกว่ามั้ง ผมดูแต่ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างหมุนในหัวผม

สักพักพอละ ขี้เกียจดู ลองจับมันดู ตกใจครับ ช้อนมันงอ บิ้ดเบี้ยว ตรงที่ปลายจับ ความรู้สึกตอนนั้นโคตรจะดีใจ แต่ข้องใจ มันงอง่ายไป มันเป็นช้อนราคาถูก จับบิ้ดเองยังโคตรง่าย เพราะมันแบบบาง ก็เลยเอาช้อนตราหัวม้าลาย ที่ว่าแข็งโคตรๆๆ มือจับงอยังยาก เพือนๆก็คงจะรู้จักกันทุกคนน้า มองไป 20 วินาที มันงอเลยครับ ผมก็โคตรจะดีใจเลยตอนนั้น แล้วคิดถึงแต่ก่อน ที่ตูอยากจะให้มันงอไม่เคยจะงอ ขนาดเพ่งมัน 20 นาทีกว่า มันยังไม่งอ อยากจะมีพลังก็ไม่มีให้ แต่พอไม่อยากได้ แค่มองธรรมดามันก็งอ เพิ่งทำได้วันนี่เองอ่ะครับ ตอนบ่าย 4 กว่าๆๆ ใครเก่งด้านนี่ก็ช่วยบอกเราหน่อยนะครับ เพื่อจะมีอะไรใหม่ๆ ให้ผมฝึก

25-02-2007, 11:26 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หาธรรม<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_501230", true); </SCRIPT> สมาชิก

อันคุณวิเศษที่ได้จากการทำสมาธิจนถึงระดับฌาณ ให้ถือว่าเป็นผลพลอยได้ ทำได้ รู้แล้ว เห็นแล้ว ก็อย่าไปดีใจตื่นเต้นมากเพราะใจเราจะกระเพื่อม ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการทำสมาธิในครั้งต่อ ๆ ไป ท่าน ๆ จะทราบดีว่าเขาเรียกคุณวิเศษเหล่านี้ว่าอภิญญา มีทั้งหมด 6 อย่าง นักปฏิบัติที่ทรงอภิญญาเขาถือว่าเป็นของเล่นเด็ก

แต่มีประโยชน์คือ ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับตัดกิเลส เช่นว่าเมื่อได้ญาณระลึกชาติได้ จะได้รู้ว่าอดีตเราเคยทำปาบทำกรรมไรไว้บ้าง และได้รับผลเช่นไร ฯลฯ จะได้ไม่ทำบาปอีก และทำให้เราเชื่อว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ตาทิพย์ หูทิพย์ ฯลฯ มากมายก็เป็นผลพลอยได้จากฌาน ได้ฌานได้ฤทธิ์อย่าประมาทเพราะยังไม่อาจพ้นจากการตกนรกได้ จะพ้นจากนรกได้ต้องบรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป คือปิดนรกเลย

ท่านผู้มีปัญญาและนักปฏิบัติทั้งหลายท่าน ใช้สมาธิและฌาณเพื่อการบรรลุธรรม เมื่อเข้าสมาธิแล้ว จิตว่างสงบ จิตดิ่งเป็นอารมณ์เดียว จะเป็นจิตที่มีพลัง เป็นวิธีการพักผ่อนที่ดี ผู้ทำจะมีสติรู้ตัวเองอยู่ตลอด ถ้าสุขอยากพักผ่อนในฌานก็พักไปแต่อย่าหลงติด เมื่อเติมพลังแล้วก็ต้องทำให้ได้งาน งานใหญ่หลวงที่ต้องทำคือการวิปัสสนา คือการทำให้แจ้งด้วยปัญญา ทำอะไรให้แจ้ง ทำสัจธรรมที่กี่ยวกับรูปนามหรือกาย เวทนา จิต และธรรม ให้แจ้ง แล้วในที่สุดแล้วจะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างของสรรพสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน ......

ธรรมที่ยิ่งกว่านี้ท่านทั้งหลายผึกเอาเอง หาอ่านเอง ในเว็บนี้เยอะแยะนะ...แต่ต้องอย่าลืมนะต้องปฏิบัติด้วยตนเองถึงจะได้ผลต่อผู้นั้น<!-- google_ad_section_end -->

25-02-2007, 01:56 PM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เทวตา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_501293", true); </SCRIPT> สมาชิก

สรุปว่าการแสดงทุกอย่างที่เป็นไปเพื่อความไม่มีประโยชน์ เพื่อความมัวเมา เพลิดเพลิน เป็นกรรมที่พระพุทธองค์ไม่ทรงสรรเสริญ เป็นไปเพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน<!-- google_ad_section_end -->

25-02-2007, 03:31 PM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เอกวัฒน์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_501325", true); </SCRIPT> สมาชิก

ต้องแสดงความดีใจด้วยมากกว่า ว่าน้องเค้ามาถูกทางแล้ว ผมขออนุโมทนาด้วยครับ ขอให้น้องเรียนรู้และก้าวไปจนถึง ฌาน8 จนตัดกิเลสได้ทั้งหมด
สาธุครับ<!-- google_ad_section_end -->

25-02-2007, 04:11 PM

ที่มา http://palungjit.org/threads/ดีใจสุดๆๆครับ-งอช้อน-ได้.72605/<!-- google_ad_section_end -->

 

แผ่นดินไหวโซโลมอน-สึนามิพัดถล่ม​

​

โซโลมอน. 5 ธ.ค.53 .-บ้านเรือนกว่า 1 พันหลังคาเรือนบนหมู่เกาะโซโลมอนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุคลื่นสึนามิและแผ่นดินถล่ม ซึ่งเกิดขึ้นหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงตั้งแต่เมื่อวันจันทร์

คลื่นยักษ์สึนามิและแผ่นดินถล่มเกิดขึ้นหลายระลอก หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง 7.2 ริกเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่งหมู่เกาะโซโลมอน ทางใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้บ้านเรือนกว่า 200 หลังคาเรือนบนเกาะแห่งหนึ่งทางตะวันตกของหมู่เกาะพังถล่ม ชาวบ้านกว่า 1 พันไร้ที่อยู่อาศัย แต่หลังจากแผ่นดินไหวผ่านพ้นไปนานกว่า 30 ชั่วโมง ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากชาวบ้านต่างอพยพจากบ้านเรือนไปยังที่สูงห่างจากชายฝั่งได้ทันเวลา ขณะที่ทางการได้นำอาหารและเครื่องนุ่งห่มลำเลียงไปให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 300 กิโลเมตรแล้ว. -สำนักข่าวไทย

2010-01-05 23:16:16

ภูเขาไฟปะทุในคอสตาริกา​

​

ซันโฮเซ 6 ม.ค. - ภูเขาไฟเทอร์เรียลบาในคอสตาริกาปะทุพ่นเถ้าถ่านและเศษหินเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ประชาชน 21 คนในพื้นที่ใกล้เคียงต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์ภูเขาไฟและแผ่นดินไหวคอสตาริกา รายงานว่า ภูเขาไฟสูง 3,328 เมตร ปะทุขึ้นเล็กน้อย หลังจากเคยปะทุขึ้นครั้งหลังสุดเมื่อปี 2550 เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเตือนภัยในพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบ ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกของกรุงซันโฮเซราว 40 กิโลเมตร ต้องอพยพประชาชน 21 คน เจ้าหน้าที่กล่าวว่า คณะนักภูเขาไฟวิทยาจะปีนขึ้นไปบนยอดเขาในเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น เพื่อประเมินสถานการณ์ของภูเขาไฟ ภูเขาไฟเทอร์เรียลบาเคยปะทุครั้งใหญ่ล่าสุดในปี 2399 และปะทุครั้งใหญ่ ๆ อย่างน้อย 5 ครั้งในช่วง 3,500 ปีที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 09:51:23

ไฟไหม้เหมืองถ่านหินจีน คนงานตาย 18 คน สูญหาย 12 คน​

​

ปักกิ่ง 6 ม.ค. - เกิดเหตุไฟไหม้ในเหมืองถ่านหินทางภาคกลางของจีน ทำให้คนงานเหมืองเสียชีวิต 18 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 12 คน

ทางการมณฑลหูหนาน แถลงทางเว็บไซต์ว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ที่เหมืองถ่านหินลี่เซิง ในเมืองเซียงถาน เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ 9 ศพ เมื่อคืนนี้ ส่วนที่เหลือเก็บกู้ขึ้นมาในวันนี้ ก่อนหน้านี้ ทางการแสดงความหวังว่าจะพบผู้รอดชีวิต และเปิดการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งปิดการดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ทุกแห่งในเมืองเซียงถาน จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติม -สำนักข่าวไทย

2010-01-06 09:33:43

เกิดเหตุสะพานถล่มในบราซิลมีผู้สูญหายอย่างน้อย 12 คน ​

​

บราซิล 6 ม.ค. - สะพานข้ามแม่น้ำฮากุยในเมืองอากูโด รัฐริโอ แกรนด์ โด ซูล ทางภาคใต้ของบราซิล ถูกกระแสน้ำท่วมที่เชี่ยวกรากพัดจนพังถล่ม ขณะที่ยังมีผู้คนอยู่บนสะพานอย่างน้อย 20 คน เป็นเหตุให้มีผู้สูญหายไปอย่างน้อย 12 คน

นอกจากนี้ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในรัฐริโอ แกรนด์ โด ซูล ยังทำให้ประชาชนราว 1,000 คน ต้องพากันละทิ้งบ้านเรือน ขณะที่ทางการต้องปิดการสัญจรบนทางหลวงกว่า 10 สาย เนื่องจากมีน้ำท่วมสูง.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 09:31:46

หลายพื้นที่ของยุโรปยังเผชิญพายุหิมะรุนแรง​

​

อังกฤษ 6 ม.ค. - พายุหิมะครั้งรุนแรงยังคงแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ของยุโรป ส่งผลให้โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอน การเดินทางสัญจรทั้งทางบกและทางอากาศเป็นอัมพาต

พายุหิมะที่พัดถล่มอังกฤษจนสูงกว่า 30 ซม. ส่งผลให้พื้นถนนลื่น เกิดอุบัติเหตุหลายสิบครั้ง และมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 คน จากเหตุรถชนในเมืองแมนเชสเตอร์ โรงเรียนหลายแห่งทางตอนเหนือของอังกฤษและสกอตแลนด์ถูกสั่งปิดเรียนไม่มีกำหนด เส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างกรุงลอนดอนไปยังพื้นที่ตอนเหนือได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับเที่ยวบินจากสนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ และสนามบินแกตวิค ที่ต้องเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง เนื่องจากหิมะปกคลุมรันเวย์

ขณะที่อุณหภูมิเกือบทั่วประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์ ลดลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส มานานหลายวัน โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ ที่อุณหภูมิลดลงถึง -10 องศาเซลเซียส. - สำนักข่าวไทย

2010-01-06 02:41:03

จีนคุมสถานการณ์น้ำมันรั่วไหลไว้ได้แล้ว​

​

จีน 6 ม.ค. - เจ้าหน้าที่จีนสามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดีเซลจำนวนมากที่ใกล้จะไหลลงสู่แม่น้ำฮวงโหเอาไว้ได้แล้ว

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ระบุว่า สามารถควบคุมสถานการณ์การรั่วไหลของน้ำมันดีเซลในอ่างเก็บน้ำซานเหมินเซียะไว้ได้แล้ว โดยที่น้ำมันยังไม่ได้ไหลลงสู่แม่น้ำฉื้อสุ่ย สาขาของแม่น้ำฮวงโห ในมณฑลส่านซี

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จีนสั่งปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่แม่น้ำฮวงโห หวังยับยั้งปริมาณน้ำมันดีเซลเกือบ 100 ตัน ที่รั่วไหลจากท่อน้ำมันบริษัทน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติจีน (CNPC) ลงไปยังแม่น้ำฉื้อสุ่ย ตั้งแต่วันพุธที่แล้ว แต่ถึงแม้แม่น้ำฮวงโหจะไม่ได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมัน แต่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนประชาชนกว่า 850,000 คน ให้หลีกเลี่ยงการนำน้ำจากแม่น้ำมาอุปโภคบริโภคเป็นการชั่วคราว. - สำนักข่าวไทย

2010-01-06 04:18:45

ปิดท่าอากาศในสหรัฐหลังพบวัตถุต้องสงสัย​

​

ลอสแอนเจลิส 6 ม.ค. - ท่าอากาศยานเมโดวส์ ฟิลด์ ในเมืองเบเกอร์สฟิลด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องปิดให้บริการชั่วคราวเมื่อวานนี้ หลังผู้โดยสารคนหนึ่งนำน้ำผึ้งบรรจุขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง 5 ขวดใส่กระเป๋าจนมีสัญญาณเตือนวัตถุระเบิด

ท่าอากาศยานเมโดวส์ ฟิลด์ ซึ่งห่างจากนครลอสแองเจลิสไปทางเหนือราว 180 ก.ม. ระงับให้บริการเที่ยวบินขาเข้าและออกเป็นเวลาหลายชั่วโมง หลังเกิดเหตุเมื่อเวลาราว 07.30 น.วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 22.30 น.ในไทย และกลับมาให้บริการตามปกติอีกครั้งหลังตรวจสอบแล้วว่าไม่มีวัตถุอันตราย

สื่อมวลชนท้องถิ่น รายงานว่า เหตุตื่นตระหนกเกิดขึ้นหลังมีการตรวจกระเป๋าของคนงานเกษตร วัย 31 ปี คนหนึ่งที่เดินทางไปเยี่ยมญาติที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ตำรวจระบุว่า ตรวจสอบกระเป๋า และขวดของผู้โดยสารรายนี้ 3 ครั้ง พบว่า มีร่องรอยของระเบิดทีเอ็นที และทีเอทีพี แต่ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดการตรวจสอบจึงพบว่ามีระเบิด

เจ้าหน้าที่สำนักจัดการความปลอดภัยการคมนาคมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังเปิดขวดเหล่านี้ แล้วมีอาการคลื่นไส้จากไอที่ระเหยออกมา แต่ออกจากโรงพยาบาล และหายดีแล้ว โฆษกตำรวจท้องถิ่น กล่าวว่า ไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่มีอาการคลื่นไส้เพราะไอจากขวดน้ำผึ้ง หรือความตื่นเต้น

เหตุการณ์ครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่สหรัฐคุมเข้มความปลอดภัยหลังเกิดเหตุพยายามระเบิดเครื่องบินโดยสารสายการบินนอร์ธเวสต์เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

2010-01-06 10:34:38

ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟไหม้ไนท์คลับรัสเซียพุ่งแตะ 155 คน​

​

มอสโก 6 ม.ค. - กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ไนท์คลับในเมืองเพิร์ม เมื่อต้นเดือนก่อน พุ่งแตะ 155 คน

ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 37 ปี ที่เสียชีวิตในสถาบันรักษาผู้ป่วยไฟไหม้แห่งหนึ่งในกรุงมอสโก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังมีเหยื่อไฟไหม้อีก 58 คน พักรักษาตัวในโรงพยาบาล

ไนท์คลับเลมฮอร์ส เกิดเพลิงไหม้เมื่อคืนวันที่ 4 ธ.ค. หลังมีการจุดพลุภายในไนท์คลับ ส่งผลให้เปลวไฟลามไปติดเครื่องตกแต่งภายในและเพดาน แต่บรรดานักเที่ยวไม่สามารถหนีออกมาจากทางออกฉุกเฉินได้ เนื่องจากอาคารก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด. -สำนักข่าวไทย

2010-01-06 09:36:29

ท่าอากาศยานแคนาดาจะติดตั้งเครื่องสแกนร่างกายแบบเต็มตัว​

​

โตรอนโต 6 ม.ค. - รัฐบาลแคนาดา เผยว่า จะติดตั้งเครื่องสแกนร่างกายแบบเต็มตัวที่ท่าอากาศยานหลักทั้งหมดในประเทศ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดด้านความปลอดภัย หลังเกิดเหตุพยายามระเบิดเครื่องบินโดยสารของสหรัฐเมื่อวันคริสต์มาส

นายจอห์น เบรด รัฐมนตรีคมนาคมแคนาดา ระบุว่า เหตุการณ์ชายชาวไนจีเรียพยายามก่อวินาศกรรมเครื่องบินโดยสารของสหรัฐ ทำให้ทางการแคนาดาเพิ่มมาตรการคุ้มครองบรรดานักเดินทาง โดยเตรียมจัดซื้อเครื่องสแกน 44 เครื่อง มูลค่าประมาณเครื่องละ 250,000 ดอลลาร์แคนาดา (ราว 7.9 ล้านบาท) มาประจำตามท่าอากาศยานหลักทั่วประเทศ ในจำนวนนั้น 12 เครื่องจะเริ่มใช้ภายในเดือนนี้ ส่วนที่เหลือจะนำออกใช้ในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ จะมีการตั้งระบบเฝ้าระวังที่ท่าอากาศยาน เพื่อค้นหาผู้โดยสารต้องสงสัย แล้วนำตัวคนเหล่านั้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด

สำหรับเครื่องสแกนแบบเต็มตัวที่เป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางนั้น มีขีดความสามารถตรวจผ่านชั้นเสื้อผ้าของผู้โดยสาร แล้วสร้างเป็นภาพ 3 มิติ ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงอาวุธ หรือวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนไว้. - สำนักข่าวไทย

2010-01-06 09:29:42

ที่มา http://news.mcot.net

 

วู้ดดี้เกิดมาคุย พาบุกสำนักสุขิโตเจาะชีวิต อ.วาริน พร้อมเผยอนาคตประเทศไทย​

​

ใครที่อยากรู้จัก โหรวาริน หรือ อ.วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ต้องไม่พลาดกับรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย เพราะงานนี้พิธีกรฝีปากกล้า วู้ดดี้ มิลินทจินดา จะพาบุกไปสำนักสุขิโต ที่จ.เชียงใหม่ เพื่อไปพูดคุยสัมผัสกับ อ.วาริน อย่างใกล้ชิดโดยเริ่มตั้งแต่ประวัติตอนเด็ก จนถึงเรื่องที่ อ.วาริน เคยตายไปแล้วประสบการณ์การทัวร์-นรก-สวรรค์ รวมไปถึงการได้พบมหาฤษีเกวลัน (อายุ 1,000 ปี)แห่งเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงเรื่องข่าวลือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เป็นโหรไฮโซเข้าพบยาก

เพราะที่สำนักสุขิโต มี รปภ.และทหารรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ค่าดูหลักล้าน หรือรถเบนซ์เป็นคันๆและนักการเมือง หรือคนรวยเท่านั้นที่จะพบ อ.วารินได้เรื่องราวเหล่านี้จะจริงหรือไม่ และอ.วาริน ยังพูดภัยพิบัติจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยอีก สึนามิจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่และเรื่องของเศรษฐกิจเมืองไทย ในอนาคตจะเป็นยังไง และนักการเมืองคนไหนมาพบ อ.วาริน บ่อยที่สุด ตามชมเรื่องอนาคตของประเทศได้ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย วันอาทิตย์ที่ 19 ก.ค.นี้ เวลา 22.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี



โหรวารินทร์ ผู้หยั่งรู้ชะตาบ้านเมือง <<คลิ๊กชมวิดีโอได้ที่นี่ครับ ออกอากาศเมื่อ : 2009-07-19

ที่มา http://www.ufoatkaokala11.com/fortune-teller-history-disaster/t119/

 

วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:01 น. ข่าวสดออนไลน์


สธ.วิเคราะห์แนวโน้มหวัด09ชะลอตัว

ยืนยันผู้ติดเชื้อรอบ 2 สัปดาห์ 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ในรอบ 14 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 20 ธ.ค. 2552 – 2 ม.ค. 2553 สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานทั่วประเทศมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 35 ราย ใน 12 จังหวัดส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสียชีวิตเพิ่ม 1 รายที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหญิงอายุ 27 ปี ตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ มีประวัติเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมา 3 ปี เริ่มป่วย 24 ธ.ค. 2552 เสียชีวิตเมื่อ 30 ธ.ค. 2552 สำหรับยอดสะสมตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 – 2 ม.ค. 2553 มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 รวม 29,921 ราย เสียชีวิต 192 ราย ขณะที่ทั่วโลกตามรายงานขององค์การอนามัยโลกล่าสุด 30 ธ.ค. 2552 มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 12,220 ราย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 1.6 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 พบว่าน่าจะมีแนวโน้มชะลอตัว จากข้อมูลจำนวนจังหวัดที่มีแนวโน้มผู้มารับบริการด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่พบว่ามีความครอบคลุมเพิ่มขึ้น สถานการณ์โรคลดลงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับข้อมูลการเฝ้าระวังเฉพาะพื้นที่ ที่ยังคงมีสัดส่วนการตรวจพบเชื้อคงที่อย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ป่วยนอกที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยปอดอักเสบที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล พบสูงขึ้นเล็กน้อย จึงยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งมีอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการระบาดได้ค่อนข้างสูง


"ฮาร์โมนี่เอ็กซ์เพรส" รถไฟจีนเร็วสุดในโลก

หมุนก่อนโลก

วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>รัฐบาลคอมมิวนิสต์ "จีนแดง" ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ให้ประชาคมโลกประจักษ์อีกครั้ง

หลังจากช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ถือฤกษ์เปิดให้บริการ "บุลเล็ตเทรน" หรือ "รถไฟหัวกระสุน" สายฮาร์โมนี่เอ็กซ์เพรส (หนึ่งเดียว/สามัคคี) เป็นที่เรียบร้อย

โดยวิ่งรับส่งผู้โดยสารไป-กลับระหว่างสองเขตเศรษฐกิจสำคัญ

นั่นคือ นครกวางโจว กับ นครอู่ฮั่น รวมระยะทาง 1,100 กิโลเมตร (วิ่งวันละ 56 รอบ)

พร้อมกับครองสถิติ เป็นรถไฟหัวกระสุนแล่นทางไกล ซึ่งทำความเร็วสูงสุดในโลก

สูงถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขณะที่ความเร็วสูงสุดแท้จริงสมัยทดสอบวิ่ง อยู่ที่ 394 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!

โค่นแชมป์เก่าอย่าง "เตเจเว" ของฝรั่งเศส และ "ชินคันเซ็น" ของญี่ปุ่น ที่เคยทำความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขาดกระจุย

ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล่บ ทำให้การเดินทางพันกว่ากิโลฯ จากกวางโจวไปอู่ฮั่น ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง!

บรรดา "เครื่องบินโดยสาร" ภายในประเทศของจีน จึงต้องงัดกลยุทธ "ดั๊มพ์" หรือรถราคาค่าตั๋วลงมาโดยด่วน

สำหรับมูลค่าโครงการฮาร์โมนี่เอ็กซ์เพรส แบ่งค่าใช้จ่ายหลัก 2 ส่วน

ส่วนแรก รัฐบาลกลาง เทลงไปเฉียด 6 แสนล้านบาท

ฝ่ายทางการอู่ฮั่น รับผิดชอบค่าก่อสร้างสถานีและรางบางส่วนร่วมๆ 8 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สนนราคา "ค่าตั๋ว" ถ้ามองจากมุมชาวบ้าน-ผู้ใช้แรงงานจีนยังถือว่า "แพง" เนื่องจากในเบื้องต้นมีแค่ 2 ราคา

คือ ชั้นหนึ่ง 3,810 บาท/ชั้นสอง 2,400 บาท

เมื่อมองจากราคาเท่ากับว่า คนจะขึ้นฮาร์โมนี่เอ็กซ์เพรสได้ต้องเป็น "จีนชนชั้นกลาง-บน" แต่คาดว่ารัฐบาลจีนยังไม่ห่วงประเด็นนี้มากนัก เพราะคงต้องการแสดงให้โลกเห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขนส่งของตนว่าล้ำหน้าโลกตะวันตกไปหลายช่วงตัว

ขนาด "อวกาศ" คนจีนยังไปลุยมาแล้ว..นับประสาอะไรกับแค่สร้างสุดยอดรถไฟบนพื้นโลก!

แฉโจ๋ไทยมั่วเซ็กซ์ติดเอดส์เพิ่ม



เมื่อวันที่ 5 ม.ค. สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จัดอบรมเรื่อง "เพศเพื่อเด็กและเยาวชน : รักใคร่และเรียนรู้ รุ่นที่ 2" ที่โรงแรมแม็กซ์ ย่านพระราม 9 มีนักเรียนโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครเขต 2 ประมาณ 100 คน เข้าร่วม โดยนายอานัติ แย้มอยู่ ผอ.กลุ่มการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิเด็ก สท. กล่าวถึงสถานการณ์เด็กและเยาวชนในปัจจุบันว่า เยาวชนร้อยละ 32.4 มองการอยู่ร่วมกันก่อนแต่งเป็นเรื่องปกติ การมีคู่นอนชั่วคราว รวมถึงการสวิงกิ้ง การขายบริการทางเพศโดยเต็มใจมีจำนวนมากขึ้น ทั้งยังพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมมีแนวโน้มที่สูงขึ้น การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในหมู่เด็กเยาวชนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเหล้าปั่น

นายอานัติกล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบเด็กอายุ 6-18 ปี เกือบ 8 แสนคน มีปัญหาทางสุขภาพจิต ตั้งแต่วิตกจริต เครียดจนถึงคิดฆ่าตัวตาย น่าวิตกอย่างยิ่ง รวมทั้งเด็กยังที่มีการใช้สารเสพติดสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นทุกปี วัยรุ่นที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์มีเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยครอบครัวรวมถึงสิ่งแวดล้อมภายนอกกระตุ้นเร้าให้วัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น การป้องกันต้องเริ่มจากการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว สนับสนุนองค์กรชุมชนและการให้เด็กมีส่วนร่วมดูแลป้องกันปัญหาเยาวชน

น.พ.วัชระ พุ่มประดิษฐ์ ที่ปรึกษาองค์การแพธ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 20,000 คนต่อปี ที่น่าห่วงคือพบเด็กเยาวชนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเป็นโรคเอดส์มากขึ้น โดยพบ 5 ใน 1,000 คน ที่มาบริจาคเลือดพบการติดเชื้อเอชไอวี รวมทั้งองค์การสหประชาชาติด้านเอดส์สำรวจพบเยาวชนไทยใช้ถุงยาง เพียงร้อยละ 50 และสอบตกเรื่องความรู้การมีเพศสัมพันธ์ และจากการที่องค์การแพธและเครือข่ายต่างๆ จัดโครงการเลิฟแคร์ "กล้ารัก กล้าเช็ก" โดยเปิดเป็นคลินิกให้คำปรึกษาและบริการตรวจเช็กสุขภาพทางเพศแบบครบวงจรกับวัยรุ่น พบการติดเชื้อเอชไอวีของวัยรุ่นในกรุงเทพฯ ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ร้อยละ 1.6 ถือเป็นจำนวนที่สูงมาก

น.พ.วัชระกล่าวด้วยว่า ปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากการค้าสมัยใหม่ที่สื่อและกระตุ้นเด็กให้มีเพศสัมพันธ์กันง่ายและมากขึ้น ทั้งผ่านทางโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต รวมถึงการที่เด็กในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอยู่กันเป็นคู่มากขึ้น ทั้งยังมีทัศนคติเดิมๆ ที่คิดว่าโรคเอดส์เป็นเรื่องของคนกลุ่มเสี่ยง แต่เอชไอวีอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด รวมทั้งยังมองเรื่องสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องน่าอาย ทำให้ไม่กล้าเข้ารับบริการตรวจรักษา อย่างไรก็ตามเราพยายามขยายโครงการเลิฟแคร์ "กล้ารัก กล้าเช็ก" ให้ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยโทร.08-5340-0043 หรือ www.lovecarestation.com และสิ่งสำคัญคือทำให้สังคมมองเรื่องเอดส์และเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช่เชิงลบ เพื่อให้ทุกคนกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาและรับบริการทางสาธารณสุข ให้เหมือนกับการตรวจสุขภาพประจำปี

เด็กไทยมีปัญหาอารมณ์-จิตใจ



เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่กรมสุขภาพจิต พ.ญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล ผอ.สถาบันราชานุกูล กรม สุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ความเข้มแข็งด้านจิตใจของเด็ก อายุระหว่าง 6-11 ปี ที่เข้าร่วมโครงการ 1,732 คน โดยการดูแลช่วยเหลือเด็กไทยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ โดยคัดกรองเด็กกลุ่มเสี่ยงและให้การดูแลช่วยเหลือ ผลการดำเนินงาน พบว่า 4 อันดับปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจของเด็ก ได้แก่1.ปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อน ร้อยละ 73.9 2.ปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าว ร้อยละ 29.6 3.ปัญหาสมาธิสั้น อยู่ไม่นิ่ง ร้อยละ 27.8 และ4.ปัญหาด้านอารมณ์ ร้อยละ 13.9 กรมสุขภาพจิตช่วยเหลือเด็กที่มีความเสี่ยงโดยการจัดกิจกรรมผ่านศูนย์การเรียนรู้ทั้ง 16 แห่ง ผลปรากฏว่าเด็กดีขึ้น มีปัญหาลดลง

พ.ญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า กรมสุขภาพจิตยังร่วมกับสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) พัฒนาเครื่องมือวัดต้นทุนชีวิตเด็กวัยเรียนและดำเนินการสำรวจปัจจัยที่ส่งผลต่อความเข้มแข็งทางจิตใจของเด็ก เพื่อหาแนวทางพัฒนาความฉลาดทางสติปัญญา หรือไอคิว และความฉลาดทางอารมณ์ หรืออีคิว ได้อย่างตรงจุด โดยสำรวจเด็กวัยเรียน 1,080 คน ใน 4 ภาค 9 จังหวัด ได้แก่อุตรดิตถ์ เชียงราย สุรินทร์ อำนาจเจริญ ลพบุรี สมุทรปราการ ตราด กระบี่ และสุราษฎร์ธานี พบว่าเด็กมีมุมมองต่อความเข้มแข็งภายในตนเองด้านคุณค่าของตนร้อยละ 92.0 ด้านสติปัญญาการเรียนรู้ ร้อยละ 67.8 ส่วนปัจจัยเสริมความเข้มแข็งของเด็กจากภายนอก ได้แก่การสนับสนุนจากครอบครัว ร้อยละ 61.5 จากเพื่อนและโรงเรียน ร้อยละ 58.6 และได้รับการสนับสนุนจากชุมชนเพียงร้อยละ 54.5

พ.ญ.พรรณพิมล กล่าวอีกว่า ปัจจัยเสริมความเข้มแข็งด้านจิตใจที่เด็กประเมินว่าเขามีมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่1.การสนับสนุนจากสมาชิกในครอบครัว 2.การถูกสอนเรื่องความซื่อสัตย์ 3.การถูกสอนให้เชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง มีจุดยืนที่ชัดเจน 4.การถูกสอนเรื่องความรับผิดชอบ และ 5.การมีเป้าหมายชีวิตและมองโลกในแง่ดี ส่วนปัจจัยเสริมความเข้มแข็งด้านจิตใจที่เด็กประเมินว่าเขามีน้อยและต้องการได้รับมากขึ้น ได้แก่ 1.การได้แสดงความคิดเห็นและตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งที่บ้านและในชุมชน 2.การมีกิจกรรมสันทนาการ นอกหลักสูตรมากกว่าหรือเท่ากับ 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 3.การมีส่วนร่วมทำกิจกรรมทางศาสนาหรือสาธารณบำเพ็ญตั้งแต่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 4.การมีส่วนร่วมทำกิจกรรมทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนมากกว่าหรือเท่ากับ 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และ 5.ครอบครัวมีระเบียบกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน มีเหตุผล และมีการติดตามจากครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสุขภาพจิตจัดทำ คู่มือ กิน กอด เล่น เล่า คู่มือกิจกรรมการพัฒนาความเข้มแข็งด้านจิตใจ ดาวน์โหลดได้จาก
และภาพยนตร์สั้น ในรูปแบบ DVD และ VCD เรื่อง"ลูกผู้ชายออนไลน์ หัวใจขาสั้น (Life Online)" และหนังสือ"คลิก พลิกชีวิตเด็กติดเกม" 13,000 ชุด แจกประชาชนผู้สนใจด้วย

ทูตซาอุฯจี้คดี นัดพบ"มาร์ค"

อัยการยัน สั่งคดีไวลี่ ไร้ใครจุ้น



อุปทูตซาอุฯ นัดเข้าพบนายกฯ11 ม.ค.นี้ ซึ่งฝ่ายไทยเตรียมรายงานความคืบหน้าคดีเพชรซาอุฯให้รับทราบ โดยนายกฯมีกำหนดจะไปเยือนซาอุฯด้วย ขณะที่คดีอุ้มฆ่า"อัลรูไวลี่" อัยการสูงสุดยันไม่มีนักการเมืองมาจุ้น การสั่งคดีจะเป็นไปตามพยานหลักฐานสถานเดียว อัยการเจ้าของคดีเผยสอบเพิ่มเติม 8 ประเด็นตามที่ฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอมา แต่จะให้เสร็จก่อนหมดอายุความเดือนก.พ.นี้

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีนักการเมืองมาวุ่นวายการพิจารณาสำนวนการสอบสวนและสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีฆ่า นายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย พระญาติกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก.สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และจ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำหรือไม่กระทำการใด ว่า ไม่มีการเมืองมาวุ่นวายในการสั่งคดีนี้ เพราะการพิจารณาสั่งคดีต้องเป็นไปตามเอกสารพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนเท่านั้น

ส่วนนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวออกมาจากไหน ไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้มีความรู้สึกหนักใจ ไม่มีใครมากดดันหรือล้วงลูก นายจุลสิงห์ก็ไม่เคยที่จะสอบถามหรือสั่งการใดๆ เป็นพิเศษ คดีนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อ อสส. ให้พิจารณาสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมอีก 8 ประเด็น เมื่อ อสส.ได้รับหนังสือก็ส่งมาให้ตน และตนได้มอบหมายให้นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เจ้าของสำนวนนำไปพิจารณา ส่วนจะพิจารณาเสร็จสิ้นก่อนวันนัดสั่งคดีในวันที่ 12 ม.ค.นี้ หรือต้องเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีกหรือไม่คงตอบไม่ได้ แต่คดีนี้จะขาดอายุความในเดือนก.พ. ตามปกติอัยการควรก็ต้องสั่งคดีก่อนที่คดีจะขาดอายุความ

ขณะที่ นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ที่ร้องขอให้สอบสวนเพิ่มเติมว่าเป็นสาระสำคัญที่จะต้องสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องว่าการดำเนินคดีซ้ำซ้อนนั้น เป็นจริงหรือไม่ด้วย โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยว่าจะสั่งไปในแนวทางใด ส่วนตัวมั่นใจว่าจะสามารถสั่งคดีได้ทัน ทั้งส่วนคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา และคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา ภายในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่อัยการนัดผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมาฟังคำสั่งคดี

เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า วันที่ 11 ม.ค.นี้ อุปทูตซาอุดีอาระ เบียจะเข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องความร่วมมือในด้านต่างๆ ซึ่งประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้แสดงความจริงใจในการติดตามดำเนินคดีเพชรซาอุฯ ให้ประเทศซาอุฯ รับความคืบหน้าในการทำงาน นอกจากนี้ นายกฯ มีกำหนด จะไปเยือนประเทศซาอุฯ หลังกลับจากไปประ เทศบรูไน ในเดือนม.ค.นี้ด้วย

ฟังจากหมอเทพนม ท่านให้เอาไปคืนเขาซะ โคตรเพชรนะปัญหาภาคใต้จะได้รับการแก้ไข

"เหล้าปั่น"ภัยซ่อนเร้น ล่าเหยื่อวัยรุ่น-นักดื่มหญิง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>จากสถิติข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า อัตราการดื่มของนักดื่มหน้าใหม่มีถึงปีละ 260,000 คน อายุน้อยที่สุด 9 ขวบ และเคยพบเด็ก 5 ขวบที่ลองดื่ม ข้อมูลตั้งแต่ปี 2539-2550 พบว่า เยาวชนอายุ 15-19 ปี เป็นนักดื่มประจำเพิ่มขึ้นกว่า 70%

จากการสำรวจพบว่า ร้านขายเหล้ากว่า 83.3% ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวนหอพักนักศึกษากลายเป็นที่ขายเหล้ามากถึง 25% ในขณะที่ร้านเหล้าปั่นขยายตัวมากขึ้นกว่า 3 เท่า และส่วนใหญ่อยู่ในรัศมี 200 เมตรรอบมหาวิทยาลัย

นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ และผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีวิธีการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนคือ เปิดสถานจำหน่ายสุราใกล้สถานศึกษาเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ได้อยู่ในรูปของการจำหน่ายสุราเป็นการเฉพาะแบบบาร์หรือผับ แอบแฝงในลักษณะร้านขายเครื่องดื่มทั่วๆ ไป ซึ่งมีการนำเหล้ามาปั่นกับน้ำแข็ง ผสมน้ำตาล ผสมสี ผสมกลิ่นให้ดูเหมือนกับว่าเป็นน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ ทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษาดื่มได้ง่ายและสะดวก คล้ายๆ กับไวน์คูลเลอร์ในยุคหนึ่ง แต่ไวน์ คูลเลอร์ยังมีขวดมีสัญลักษณ์ที่ชัดเจน แต่นี่เหมือนน้ำผลไม้ปั่นตามร้านที่ขายน้ำผลไม้ปั่น ที่เรียกว่า สมูทตี้ ซึ่งเหล้าปั่นมีการปรุงคล้ายๆ กัน

อัตราการดื่มของผู้ดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเยาวชนหญิง มีการดื่มเพิ่มขึ้น เพราะมีการปรุงแต่งให้เป็นน้ำหวานหรือพันช์ ที่ดื่มง่ายและหน้าตาไม่เหมือนเหล้า แต่เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปะปนอยู่เพื่อชูรส ซึ่งเป็นวิธีส่งเสริมการตลาดที่แนบเนียน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

การดื่มสุราไม่เหมือนการดื่มน้ำอัดลมทั่วไปตรงที่น้ำอัดลมดื่มแล้วไม่ติด ไม่ได้มีผลต่อสมอง แต่สุราถ้าดื่มแล้ว ทำให้เกิดภาวะเสพติด เพราะว่าเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะไปควบคุมหรือแทรกแซงการทำงานของสมอง เมื่อดื่มติดต่อกันหลายครั้งแล้วรู้สึกมีความสุขจากการดื่มสุรา ก็จะเกิดภาวะเสพติดสุรา

ถ้าดื่มเพียงเล็กน้อยระยะต้น แม้สุราจะไปแทรกแซงหรือควบคุมการทำงานของสมอง แต่อาจไม่ได้ทำลายสมองมากนัก แต่ถ้าดื่มติดต่อกันระยะยาวหรือเป็นประจำวันละ 2-3 แก้ว ก็จะทำให้สมองถูกทำลาย มีภาวะเสื่อมของสมอง นอกจากจะทำลายตับแล้ว ยังทำลายสมองและเกิดโรคภัยไข้เจ็บหลายชนิด

ที่สำคัญคือ การดื่มสุราทำให้การศึกษาเล่าเรียนทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเมื่อสุราดื่มเข้าไปแล้วจะทำลายสมองหรือแทรกแซงการทำงานของสมอง จะให้เด็กและเยาวชนไม่สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาในทางที่ดีและเหมาะสม

ประเด็นที่สำคัญที่สุด สำหรับเด็กและเยาวชนถ้าดื่มสุราจะควบคุมพฤติกรรมของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าโดยปกติเด็กหรือเยาวชน ความสามารถของสมองส่วนหน้าที่จะไตร่ตรอง ควบคุมพฤติกรรมของตัวเองทำได้น้อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฮอร์โมนเพศเริ่มทำงานก็จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์แปรปรวนเป็นพื้น

ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็จะมีความก้าวร้าวจากฮอร์โมนเพศเข้าไปเสริม ทักษะทางสังคมก็มีน้อย ถ้าหากเด็กเยาวชนไปดื่มสุรา ก็มักจะก่อความรุนแรง ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเวลาที่เมาสมองถูกแทรกแซงโดยสุรา ก็จะทำให้ไม่สามารถไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ก่อนที่จะมีพฤติกรรมเลวร้าย ไม่เพียงเรื่องการใช้ความรุนแรงอย่างเดียว ยังรวมถึงเรื่องความก้าวร้าว ทางเพศ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ปกติแล้วในวัยเยาวชน ฮอร์โมนเพศทำงานจะควบคุมตัวเองในเรื่องทางเพศได้น้อยมาก ยังไม่มีทักษะในการควบคุม อีกประการด้วยแรงกระตุ้นทางเพศ หรือ sexual stress จะรุนแรงกว่าทุกวัย เพราะฮอร์โมนเพศจะมีความเข้มข้นมากเป็นพิเศษ ประกอบกับร่างกายมีความกระตือรือร้นที่จะไปมีเพศสัมพันธ์เป็นพื้นอยู่ เมื่อดื่มสุราเข้าไปก็ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยในเรื่องเพศ หรือดื่มจนครองสติไม่ได้ ถ้าดื่มแล้วยังพอมีสติอยู่บ้างก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเมื่อมีอารมณ์เพศเช่นกัน นี่เป็นที่มาของการกระทำความผิดทางอาญาในด้านเพศ สุราจึงเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการกระทำความผิดทางอาญาที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง

นอกจากนี้ พบว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจำนวนมากก็เกิดขึ้นจากการดื่มสุรา ปัจจัยที่กระตุ้นให้เด็กกระทำความผิด หน่วยงานวิจัยจากสถานพินิจ พบข้อเท็จจริงว่า ภายใน 5 ชั่วโมงที่เด็กหรือเยาวชนเหล่านี้ดื่มสุรา 4 ใน 10 คน ก่อการกระทำความผิด

จุดนี้เป็นประเด็นที่ร้ายแรงมาก ถ้าหากปล่อยให้มีร้านจำหน่ายสุราอยู่ใกล้โรงเรียน หรือสถานศึกษา โดยเฉพาะไม่ได้เป็นรูปของการจำหน่ายสุราแท้ๆ อย่างชัดเจน แต่แฝงตัวอยู่ในรูปของน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ปั่น ทำให้การควบคุมทำยาก

"เหล้าปั่นดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์จะเจือจางก็จริง แต่เป็นการล่อเหยื่อที่ร้ายแรง เพราะการดื่มเหล้าปั่นนั้นดื่มง่าย ดื่มสะดวกมากกว่าดื่มสุราแท้ๆ เพราะคนที่ไม่เคยดื่มสุราก็สามารถดื่มได้สบายๆ เพราะไม่ต่างจากน้ำหวานหรือน้ำผลไม้มากนัก แต่ในระยะยาวจะทำให้เสพติดได้ หรือถ้าดื่มปริมาณมากพอสมควรก็ทำให้เมาได้"

นายสรรพสิทธิ์กล่าวด้วยว่า เราไม่ได้ขัดขวางเรื่องการจำหน่ายสุรา เพียงแต่ควรมีข้อแม้และเงื่อนไขว่า รูปแบบการจำหน่ายสุราแบบสุราปั่น ถ้าจะจำหน่ายให้ไปจำหน่ายในสถานที่ที่จำหน่ายสุราโดยเฉพาะ ไม่ใช่ปะปนกับน้ำผลไม้ปั่น หรือไปจำหน่ายในสถานบริการ เพราะในสถานบริการมีกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไป เพราะอย่างน้อยหากมีเด็กหรือเยาวชนเข้าไปในสถานบริการ ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ยังเห็นและรับรู้ได้ แต่ถ้าจำหน่ายตามร้านทั่วไป ผู้ปกครองจะไม่รู้ว่าเด็กกำลังดื่มน้ำผลไม้ปั่นหรือสุราปั่น

ดังนั้นการจำหน่ายเหล้าปั่นลักษณะนี้ต้องยุติในทันที และควรมีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแลไม่ให้จำหน่ายให้แก่เด็ก โดยเฉพาะการออกเป็นกฎกระทรวงไม่ให้ใส่แอลกอฮอล์ในน้ำหวานหรือในน้ำผลไม้ปั่นจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป อีกประการคือ การควบคุมสถานที่จำหน่ายสุรา ผับหรือบาร์ ไม่ควรตั้งอยู่ในบริเวณใกล้โรงเรียนหรือสถานศึกษา

 

เพ้อเจ้อ เหมือนลิงน้อยตกมันส์เป๊ะๆ เลยแฮะ

ทำทีเป็นพูดเหมือนมีปริศนา บ้าบอ ติงต๊องส์

 

:d 555 คุณเฌคะ อยากเจอตัวจัง
ที่ไหน เมื่อไหร่ ว่ามาเลยดีกว่ามั้ย

 

ชาวบ้านนนท์ฯ รับเศียรพระอายุ 700 ปี คืนจากตำรวจ​

​

นนทบุรี 6 ม.ค.-ชาวบ้านตำบลบางขนุน จ.นนทบุรี สุดดีใจ หลังได้รับเศียรพระโมคลาสารีบุตร ที่คนร้ายลักลอบตัดไปจากวัดทองเพลงในช่วงปีใหม่ คืนจากตำรวจ สน.บางพลัด

นายอนันต์ จุ้ยบาง กำนันตำบลบางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี นำชาวบ้านเข้าติดต่อขอรับเศียรพระโมคลาสารีบุตร อายุ 700 ปี ที่ถูกคนร้ายลักลอบตัดไปจากวัดทองเพลง หรือวัดเพลง แล้วนำใส่เป้ไปวางทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าพระปรางค์ วัดฉัตรแก้วจงกลณี ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 94 เขตบางพลัด เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา คืนจากตำรวจสืบสวน สน.บางพลัด โดยนำภาพถ่ายองค์พระและหลักฐานต่าง ๆ จากวัดทองเพลงมายืนยัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของตำรวจ พบเป็นเศียรพระของวัดทองเพลงจริง จึงส่งมอบเศียรพระดังกล่าวคืนให้ชาวบ้าน เพื่อนำไปบูรณะซ่อมแซมประกอบเข้ากับองค์พระจริงต่อไป

ส่วนความคืบหน้าของคดี ตำรวจเชื่อว่า เป็นฝีมือของแก๊งตระเวนลักวัตถุโบราณและตัดเศียรพระตามวัดต่าง ๆ โดยเหตุที่นำไปทิ้งไว้ คงเพราะเกรงกลัวการตั้งด่านเข้มของตำรวจในช่วงปีใหม่.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 16:09:24

ฝนถล่มกรุงทำจราจรอัมพาตในชั่วโมงเร่งด่วน​

​

กรุงเทพฯ 6 ม.ค.-สภาพอากาศแปรปรวน ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนผิวจราจร ส่งผลให้การจราจรชั่วโมงเร่งด่วน หลังเลิกงานติดขัดอย่างหนัก

สภาพการจราจรหลังเลิกงานบนถนนหลายสายในกรุงเทพฯ กลายเป็นอัมพาต โดยเฉพาะย่านถนนศรีนครินทร์ ถนนรัชดาภิเษก และถนนแจ้งวัฒนะ ท้องถนนมีสภาพไม่ต่างจากลำคลอง ด้วยระดับน้ำฝนที่ท่วมสูงเกือบ 20 เซนติเมตร และที่หนักที่สุดคือย่านถนนรามคำแหง ซึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติจอร์แดน

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าฝนที่ตกช่วง 2-3 วันนี้ เป็นอิทธิพลของอากาศร้อน และแนวลมพัดสอบฝ่ายใต้พัดเอาความชื้นจากทะเลขึ้นมาปะทะกับความกดอากาศสูงจากภาคเหนือ ทำให้มีฝนตกบริเวณชายฝั่งภาคกลาง ภาคตะวันตกของภาคเหนือและบริเวณพื้นที่หน้าเขา

ส่วนฝนที่ตกเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เป็นกลุ่มฝนขนาดเล็ก ตกกระจายในหลายพื้นที่คาดว่าในวันพรุ่งนี้จะตกลดลง จากนั้นอากาศจะเย็นลงเล็กน้อยไม่เกิน 1 องศาและจะร้อนขึ้น ซึ่งหลังเทศกาลตรุษจีนอากาศจะร้อนขึ้นอีก ทำให้คนไทยต้องเตรียมรับสภาพอากาศที่ร้อนมากของปีนี้

ขณะที่เวทีเสวนา “โลกเย็น โลกร้อน โลกแตก” ที่จัดขึ้นในโอกาส 118 ปีการสถาปนากรมทรัพยากรธรณีชี้ว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนิโญ่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ทำให้เดือนมีนาคมและเดือนเมษายนของปีนี้ ประเทศไทยจะแล้งและร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดถึง 42 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง จึงเตือนให้ระวังการใช้น้ำเป็นพิเศษ.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 19:24:37

ระบุดินยุบตัวในไร่มันที่โคราชรุนแรงแต่จะไม่ขยายตัวเพิ่ม​

​

กรุงเทพฯ 6 ม.ค. - อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีระบุการยุบตัวของดินในไร่มันสำปะหลังที่นครราชสีมา เป็นการทรุดตัวที่รุนแรงที่สุดในพื้นที่ แต่เชื่อว่าจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ให้สัมภาษณ์กรณีการยุบตัวของดินกลางไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน ที่บ้านหนองราง ตำบลค้างพลู อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา จนเกิดเป็นหลุมวงกลมกว้างประมาณ 15 เมตร ลึก 10 เมตร หรือเท่ากับตึก 2 ชั้น ว่า พื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเกิดแผ่นดินทรุดหลายครั้งตั้งแต่ปี 2539 แต่ครั้งนี้นับว่ามีความรุนแรงมากที่สุด สาเหตุน่าจะเกิดจากการลักลอบสูบน้ำใต้ดินไปทำนาเกลือในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ดินเป็นโพรงและทรุดตัว แต่เชื่อว่าจะไม่ขยายวงกว้างขึ้น หากไม่มีการลักลอบสูบน้ำใต้ดินเพิ่ม

ด้าน นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรณีเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว และเร่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดในการลักลอบสูบน้ำใต้ดิน.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 12:46:50

สธ.เผยสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยยืนยันไข้หวัด 2009 เสียชีวิต 1 ราย​

​

สธ. 6 ม.ค. - สาธารณสุขเผยรอบ 14 วันที่ผ่านมาทั่วประเทศ มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่ม 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย สั่งการให้จังหวัดทางภาคอีสานและภาคเหนือเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เนื่องจากสภาพอากาศเอื้อการระบาดโรคสูงกว่าภาคอื่น ๆ

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ในรอบ 14 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2552-2 มกราคม 2553 สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานทั่วประเทศมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 35 ราย ใน 12 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสียชีวิตเพิ่ม 1 รายที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหญิงอายุ 27 ปี ตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ มีประวัติเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมา 3 ปี เริ่มป่วย 24 ธันวาคม 2552 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2552

ยอดสะสมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552-2 มกราคม 2553 มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 รวม 29,921 ราย เสียชีวิต 192 ราย ขณะที่ทั่วโลกตามรายงานขององค์การอนามัยโลกล่าสุด 30 ธันวาคม 2552 มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 12,220 ราย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 1.6 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ โดยในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2552-2 มกราคม 2553 ได้เก็บเสมหะกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจจากโรงพยาบาล 11 แห่ง รวม 93 ตัวอย่าง เพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบสัดส่วนการตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ผลดังนี้ กลุ่มผู้ป่วยนอกเก็บจำนวน 62 ราย ตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ซึ่งค่อนข้างคงที่อย่างต่อเนื่อง พบเฉพาะในภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง ในกลุ่มผู้ป่วยปอดอักเสบที่รับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลเก็บตัวอย่าง 31 ราย ตรวจพบเชื้อ 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 พบในภาคอีสานและภาคเหนือ

นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 พบว่าน่าจะมีแนวโน้มชะลอตัว จากข้อมูลจำนวนจังหวัดที่มีแนวโน้มผู้มารับบริการด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่พบว่ามีความครอบคลุมเพิ่มขึ้น สถานการณ์โรคลดลงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับข้อมูลการเฝ้าระวังเฉพาะพื้นที่ที่ยังคงมีสัดส่วนการตรวจพบเชื้อคงที่อย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ป่วยนอกที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยปอดอักเสบที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล พบสูงขึ้นเล็กน้อย จึงยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งมีอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการระบาดได้ค่อนข้างสูง

นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อไปว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับแจ้งการระบาดเป็นกลุ่ม ๆ 1 เหตุการณ์ เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพฯ เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 ธันวาคม 2552 มีนักเรียนป่วย 47 ราย ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ส่วนหนึ่งไปรักษาที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 9 ราย ขณะนี้ควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว จากการติดตามของสำนักระบาดวิทยาในวันที่ 4 มกราคม 2553 ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด. - สำนักข่าวไทย

2010-01-06 16:21:34

กรมทรัพยากรธรณีเปิดตัว ลิงสยาม ฟอสซิลเก่าสุดของโลก 35 ล้านปี​

​

ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6 ม.ค. - กรมทรัพยากรธรณี เปิดตัวฟอสซิล “ลิงสยาม” ฟอสซิลเก่าสุดของโลกอายุ 35 ล้านปี จากเหมืองถ่านหินเหนือคลอง จ.กระบี่ นักวิจัยชี้ ล้มทฤษฎีต้นกำเนิดบรรพษุรุษของไพรเมตชั้นสูงที่เคยบันทึกสถิติของแอฟริกาไว้แค่ 32 ล้านปีเท่านั้น ยังตามรอยหวังค้นพบทั้งตัว เพื่อต่อจิ๊กซอว์

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยในวันสถาปนากรมทรัพยากรธรณีครบรอบ 118 ปี ว่า มีเรื่องน่ายินดีว่านักวิจัยของกรมฯ ได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไพรเมตชั้นสูงอายุ 35 ล้านปี ที่เหมืองถ่านหินเหนือคลอง จ.กระบี่ ชื่อ สยามโมพิเธคัส อีโอซีนัส (Siamopithecus eocaenus) หรือลิงสยาม เป็นชิ้นส่วนกรามล่างด้านขวาพร้อมฟัน และกรามบน 2 ข้างที่มีกระดูกเบ้าตาติดอยู่ ทั้งนี้ถือเป็นซากดึกดำบรรพ์ไพรเมตชั้นสูงที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยสำรวจพบ และถือว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุดของโลก ซึ่งได้รับการยอมรับ และตีพิมพ์เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารวิทยาศาสตร์ Anatomical Record เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552

อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีการค้นพบชิ้นส่วนของกรามบนและล่างพร้อมฟันเพียงไม่กี่ซี่เท่านั้น ในปี 2538 และได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์เนเจอร์ เมื่อปี 2540 เนื่องจากเป็นลิงชนิดใหม่ของโลก และเป็นบรรพบุรุษของไพรเมตชั้นสูง ซึ่งรวมถึงลิงมีหาง ลิงไม่มีหาง และมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าชะนี น้ำหนักตัวประมาณ 6-7 กก. อยู่ในตระกูลแอมฟิพิเธซิเด (Amphipithecidae) ต่อมาในปี 2539 นักวิชาการของกรมฯ ยังสำรวจพบซากกรามล่างด้านขวาพร้อมฟันที่สมบูรณ์ และชิ้นส่วนกรามบน 2 ข้างพร้อมฟัน และมีกระดูกเบ้าตาติดอยู่ด้วยกัน

ด้าน ดร.เยาวลักษณ์ ชัยมณี นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า จากการสแกน โดยใช้เครื่องมือไมโคร CT scan และใช้โปรแกรม 3 มิติ ทำให้ได้ภาพเหมือนจริง ยืนยันได้ว่าลิงสยามเป็นบรรพบุรุษของไพรเมตชั้นสูง ต้นสายพันธุ์ของลิงมีหาง เอป และมนุษย์ มีวิวัฒนาการสูงมาก มีใบหน้าหดสั้น เบ้าตาอยู่ข้างหน้า และอยู่ชิดกัน คล้ายคลึงชะนีปัจจุบัน เป็นสัตว์ที่หากินกลางวัน และกินอาหารค่อนข้างแข็ง รวมทั้งยืนยันได้ว่าไพรเมตชั้นสูงมีกำเนิดและวิวัฒนาการในทวีปเอเชีย ทั้งนี้ไพรเมตชั้นสูงในประเทศไทย พบเฉพาะที่เหมืองถ่านหินเหนือคลอง จ.กระบี่ เท่านั้น

นักวิชาการ กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญล้มล้างทฤษฎีเก่าว่าไพรเมต และเอปมีถิ่นกำเนิดจากแอฟริกาที่มีอายุเพียง 32 ล้านปีเท่านั้น ทั้งนี้ทีมนักธรณีวิทยายังคงแกะรอยเหมืองถ่านหินแห่งนี้อย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี โดยหวังว่าจะพบซากฟอสซิลส่วนอื่นๆ ทั้งตัวลิง เพื่อที่นำมาต่อยอด. -สำนักข่าวไทย

2010-01-06 17:35:38

พบหินหายากโผล่อุตรดิตถ์​

​

อุตรดิตถ์ 6 ม.ค.- นักธรณีวิทยาพิสูจน์แล้วหินที่ชาวบ้านเรียกว่าไหลดำน้ำพี้ เป็นหินหายากมากในโลก นับเป็นสิ่งดีที่ค้นพบ ทวีปเอเชียมีเฉพาะไทยและจีน โดยไทยพบแค่ 2 จังหวัดเหนือเท่านั้น

นายอดิชาติ สุรินทร์คำ ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่บ้านน้ำพี้ หมู่ 1 ต.น้ำพี้ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านช่างตีดาบเหล็กน้ำพี้ และอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้ แหล่งท่องเที่ยวของ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อพิสูจน์หินที่ชาวบ้านมีลักษณะคล้ายหินดินดาน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 3 -60 นิ้ว น้ำหนักตั้งแต่ 200 กรัม ถึง 20 กิโลกรัม จำนวนกว่า 10 ก้อน ชาวบ้านบางรายนำหินดังกล่าวมาผ่านกระบวนการความร้อนสูง จนกลายเป็นหยดน้ำเมื่อแข็งตัวจะมีสีดำและสีเขียว มีความมันวาว โดยมีความเชื่อว่าหากนำมาทำเป็นวัตถุมงคลจะสามารถคุ้มครองภัยต่าง ๆ ได้ และเรียกกันว่าไหลดำน้ำพี้

นายอดิชาติ กล่าวภายหลังการตรวจสอบว่า หินดังกล่าวเรียกว่าแร่ซิลิก้า ภายในก้อนหินมีแร่หลายชนิดทั้งควอทซ์หรือซิลิก้า เซอร์เพนทีนและแร่เหล็ก นับว่าเป็นหินหายากมากในโลก ในทวีปเอเชียมีเฉพาะประเทศไทยและจีน ซึ่งไทยพบเพียง 2 จังหวัดคือ อุตรดิตถ์ และน่าน สำหรับ จ.อุตรดิตถ์ พบที่ อ.เมือง ท่าปลา น้ำปาด ส่วนน่านที่ อ.แม่จริม นาน้อย และนาหมื่น สำหรับชื่อไหลดำน้ำพี้ เป็นชื่อที่ชาวบ้านตั้งกันเอง

นายอดิชาติ อธิบายเพิ่มเติมว่า หินชนิดนี้เดิมอยู่ใต้ทะเลมีอายุกว่า 1,300 ล้านปี และอยู่ลึกใต้พื้นผิวโลกมากกว่า 100 กิโลเมตร แต่มีกระบวนการทางธรณีวิทยา ทำให้เกิดอยู่บนพื้นผิวโลกมาแล้วกว่า 130-150 ล้านปี ถือเป็นสิ่งดีที่ค้นพบแร่ชนิดนี้ในประเทศไทย นับว่าเป็นกระบวนการทางธรณีวิทยาสำคัญของโลก ทำให้ปรากฏเป็นหลักฐานชี้ชัดและเป็นหลักฐานถึงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกว่าในพื้นที่อุตรดิตถ์และน่าน โดยเฉพาะจุดที่พบหินดังกล่าว เคยเป็นรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 130 ล้านปี

นายอดิชาติ กล่าวว่า แร่ซิลิก้าเป็นแร่ชนิดเดียวที่นำมาทำเป็นกระจกใสหรือขวดแก้วใส หากมีแร่ซอร์เพนทีน ซึ่งเป็นสีเขียวผสมอยู่ด้วย เมื่อเป่าลนด้วยความร้อนสูงแร่จะไหลออกมาเป็นสีเขียวปนใส แร่ชนิดนี้เหมาะที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะมีความสวยงามดี อยู่ที่ฝีมือของช่างในการแปรสภาพให้ออกมาเป็นเครื่องประดับ ส่วนที่ชาวบ้านเชื่อว่าสามารถแก้คุณไสย์หรืออาถรรพ์นั้น เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่สามารถห้ามได้.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 14:13:35

รณรงค์ปราบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่พิษณุโลก ​

​

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 5 ม.ค.- สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรรณรงค์ปราบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในจังหวัดพิษณุโลก พบเกษตรกรพอใจและได้รับความเข้าใจครบถ้วนในการป้องกันและกำจัดเพลี้ย ยังผลถึงพื้นที่เฝ้าระวังครอบการระบาดทั้ง 7 อำเภอ

นายชวพฤฒ อินทรเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 2 ( สศข.2) จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีมติกำหนดแผนปฏิบัติควบคุมและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทางจังหวัดพิษณุโลกได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจฯ เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยดำเนินการเร่งรัดควบคุม การระบาดและเฝ้าระวังในพื้นที่ระบาด 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง วังทองบางระกำ บางกระทุ่ม พรหมพิราม วัดโบสถ์ และอำเภอเนินมะปราง รวมพื้นที่ 211,116 ไร่

พร้อมกันนี้ได้มีการจัดงานวันรณรงค์แก้ไขปัญหาการระบาดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยทอดความรู้และวิธีป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ถูกต้องให้แก่เกษตรกรซึ่งพบว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับค่อนข้างมาก โดยได้รับองค์ความรู้ด้านการป้องกันกำจัดศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานวิธีการป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ตลอดจนการใช้สารเคมีควบคุมที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการแนะนำพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม เพื่อต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล.-สำนักข่าวไทย

2010-01-05 12:34:55

ปะทะกลางเมืองนราฯ ร่วม 2 ชั่วโมง วิสามัญฯ 1 ศพ ​

​

นราธิวาส 6 ม.ค. - เมื่อเวลา 14.45 น. วันนี้ (6 ม.ค.) น.ท.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส นำกำลังกว่า 30 นาย ใช้กฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยยะกัง 4 ถ.ระแงะมรรคา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หลังสืบทราบเบาะแสผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามากบดาน

ปรากฏว่าชายประมาณ 5 คน ในบ้านเช่าดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ และหลบหนีเข้าไปในสวนเงาะห่างจากบ้านประมาณ 150 เมตร จากนั้นเปิดฉากปะทะหลายระลอกนานร่วม 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางภาคพื้นดิน กระทั่งเสียงปืนสงบเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่พบผู้เสียชีวิต 1 ราย อยู่ในคูน้ำ มือขวากำปืนพกขนาด .38 มีกระเป๋าคาดเอวใส่ลูกระเบิดแบบขว้างเอ็ม 27 เอ 1 จำนวน 1 ลูก และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

สำหรับผู้เสียชีวิต ชื่อนายดอเลาะ สาและ อายุ 29 ปี แนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค หนีคดีลอบวางระเบิดตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาส เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ระแงะ อ.เมือง และเจาะไอร้อง ส่วนการตรวจค้นภายในบ้านเช่าพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดและเครื่องแต่งกายชุดสนาม เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบตามกระบวนการหลักนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อขยายถึงคดีอื่นในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 18:24:36

โจรใต้ประกบยิง อส.หญิง ดับคาถนนรับนายกฯ ลงพื้นที่พรุ่งนี้​

​

นราธิวาส 6 ม.ค.- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ พ.ต.ท. จักรกริช นองมณี สารวัตรเวร สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายจะแนะ–ดุซงญอ บริเวณบ้านจะแนะ ม.2 ต.จะแนะ อ.จะแนะ ห่างจาก รร.บ้านจะแนะ ประมาณ 150 เมตร จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพผู้เสียชีวิต คือ นางซัลมา สะนิ อายุ 35 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการอำเภอจะแนะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้น ไม่ทราบขนาด กระสุนเข้าบริเวณกลางหลังและแขนขวา รวม 2 นัด

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านตามลำพังเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ที่ว่าการอำเภอ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน สวมกางเกงลายพรางแบบทหาร ใส่เสื้อแจกเก็ตสีดำ ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีเขียว ไม่ทราบทะเบียน ตามประกบไล่หลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถได้ชักอาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย 2 นัด จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อสร้างสถานการณ์ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.นราธิวาส ในวันพรุ่งนี้.-สำนักข่าวไทย

2010-01-06 12:10:40

ที่มา http://news.mcot.net

 

น่ากลัวจัง คุณ เณ ระวังวาจานะครับอิๆๆๆ

 

จีนฉาวอีกกรณีนมปนเปื้อนสารเมลามีน​

​

จีน 7 ม.ค. - เกิดเรื่องอื้อฉาวกรณีนมปนเปื้อนในจีนอีกแล้ว หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ผลิตนม 3 แห่งในจีน วางจำหน่ายนมผงสำหรับเด็กที่ปนเปื้อนสารเมลามีน

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างคำกล่าวของอัยการในนครเซี่ยงไฮ้ ที่ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูง 3 คน ของบริษัทนมแห่งหนึ่ง ถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดี หลังถูกกล่าวหาว่าผสมสารเมลามีนลงในนมผงสำหรับเด็กระหว่างกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีนในนม รวมถึงผสมน้ำลงในนม เพื่อเพิ่มปริมาณก่อนนำออกจำหน่าย ขณะที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทราบถึงข้อมูลดังกล่าว แต่ไม่ได้แจ้งต่อสาธารณชน

เมื่อ 1 ปีก่อน เกิดเรื่องอื้อฉาวกรณีเด็กจำนวนหลายหมื่นคนล้มป่วย เนื่องจากดื่มนมที่ปนเปื้อนสารเมลามีน จนทำให้มีเด็กเสียชีวิต 6 คน มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงงานหลายแห่งถูกตัดสินว่ามีความผิด ถูกลงโทษทั้งประหารชีวิต จำคุก และจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ปกครองของเด็ก. - สำนักข่าวไทย

2010-01-07 05:00:57

ภูเขาไฟในคองโกปะทุ​

​

คองโก 7 ม.ค. - ภูเขาไฟในคองโกเกิดการปะทุก่อให้เกิดความกังวลว่าชาวบ้านในพื้นที่จะได้รับผลกระทบ

ภูเขาไฟยามูรากิรา ทางภาคตะวันออกของคองโก ปะทุพ่นเอาเถ้าถ่านและหินหลอมเหลวหรือลาวา ออกมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม มีชาวบ้านหลายคนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรพยาบาลจากอาการท้องร่วง และมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ขณะที่ลาวาที่ไหลออกมาอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า และปศุสัตว์ ตลอดจนพืชผลของชาวบ้านได้.-สำนักข่าวไทย

2010-01-07 10:08:48

หิมะตกหนักสร้างความปั่นป่วนในหลายประเทศของยุโรป​

​

บีบีซี นิวส์ ออนไลน์ 7 ม.ค.-สภาพอากาศหนาวเย็นอย่างรุนแรงในยุโรป ทำให้การขนส่งและจราจรในหลายพื้นที่ประสบปัญหาอย่างหนัก มีรายงานว่าต้องปิดโรงเรียนหลายพันแห่ง การเดินทางต้องล่าช้าเพราะหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก

ส่วนที่โปแลนด์มีผู้เสียชีวิต 122 คน จากอากาศหนาวเย็นติดลบ 8 องศาเซลเซียส ขณะที่พื้นที่ตอนกลางของนอร์เวย์ มีรายงานว่าอุณหภูมิติดลบ 42 องศาเซลเซียส หนาวเย็นที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่วนที่เทือกเขาแอลป์ในสวิสเซอร์แลนด์ มีรายงานเกิดหิมะถล่ม คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 7 คน ขณะที่ทางการฝรั่งเศสต้องออกประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับสภาพอากาศเลวร้ายจากหิมะตกหนักในพื้นที่ 14 แห่ง ทางภาคใต้และตะวันตก

ที่อังกฤษมีรายงานว่าสภาพอากาศหนาวเย็นยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี โรงพยาบาลหลายแห่งต้องเตรียมมาตรการฉุกเฉินรับมือกับสภาพอากาศเลวร้าย มีรายงานว่าเมื่อวันอังคารที่สกอตแลนด์และทางเหนือของอังกฤษ หิมะตกหนักวัดความสูงได้ 8 นิ้ว สร้างความปั่นป่วนให้กับการเดินทางของประชาชนนับล้านคน พยากรณ์อากาศระบุว่าจะมีหิมะตกลงมาอีก 40 ซม.ในบางพื้นที่ไล่ตั้งแต่ภาคเหนือไปถึงภาคใต้ ความเลวร้ายของสภาพอากาศทำให้ต้องปิดท่าอากาศยานแกตวิคเมื่อเช้าวานนี้ ขณะที่สนามบินฮีทโธรว์ เบอร์มิงแฮม ลูตันและเซาแธมป์ตัน ยังเปิดใช้งานได้แต่เที่ยวบินหลายเที่ยวต้องล่าช้ากว่ากำหนดการหรือไม่ก็ถูกยกเลิก

ส่วนที่เนเธอร์แลนด์ สภาพอากาศหนาวเย็นทำให้น้ำในทะเลสาปเฮนโชเตอร์ในเมืองอูเทรค กลายเป็นน้ำแข็ง หนา 12 ซม. กลายเป็นสถานที่เล่นสเกตน้ำแข็งของประชาชนนับร้อยที่ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มานานแล้ว.-สำนักข่าวไทย

2010-01-07 09:37:11

ตอนกลาง-ตะวันออกของสหรัฐยังเผชิญหิมะและอากาศหนาวจัด​

​

สหรัฐ 7 ม.ค.-หิมะและอากาศหนาวเย็นจัดยังคงปกคลุมพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของสหรัฐ

นักพยากรณ์อากาศคาดว่า อากาศหนาวจากขั้วโลกจะทำให้พื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของสหรัฐมีอากาศเย็นจัดไปจนถึงช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่หิมะจะตกในพื้นที่ตอนใต้ของฝั่งตะวันออกตั้งแต่รัฐเซาท์แคโรไลนาไปจนถึงรัฐลุยเซียนา แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากในภูมิภาคนี้ ขณะที่เกษตรกรในรัฐฟลอริดาต่างพากันดูแลพืชผลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ไห้ได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศหนาวเย็นและหิมะ.-สำนักข่าวไทย

2010-01-07 14:26:38

อัลกออิดะห์ออกแถลงการณ์โจมตีฐานทัพสหรัฐเพื่อแก้แค้น ​

​

คาบูล 7 ม.ค.- เครือข่ายอัล-กออิดะห์ ออกแถลงการณ์ว่า เหตุระเบิดพลีชีพที่ฐานทัพสหรัฐ ในเมืองโกสต์ที่อัฟกานิสถาน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) เสียชีวิต 7 คนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการแก้แค้นให้กับนักรบอัล-กออิดะห์ที่เสียชีวิตจากการถูกโจมตีด้วยอากาศยานไร้นักบินของสหรัฐ ที่ปากีสถาน

นายมุสตาฟา อาบู อัล-ยาซิด หัวหน้าอัล-กออิดะห์ในอัฟกานิสถาน กล่าวว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายชาวจอร์แดนเขียนจดหมายแสดงความจำนงว่าต้องการโจมตีเพื่อแก้แค้นให้กับผู้สละชีพเพื่อความยุติธรรม เขาได้ระบุชื่อของผู้นำอัล-กออิดะห์ที่ถูกสังหารจากการโจมตีด้วยอากาศยานของสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยนายไบตุลเลาะห์ เมห์ซุด ผู้นำของกลุ่มตอลีบานในปากีสถาน และนายอาบู ซาเลห์ อัล-โซมาลี แกนนำของอัล-กออิดะห์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผนโจมตีเป้าหมายในยุโรปและสหรัฐ

นายเมห์ซุด ถูกสังหารด้วยจรวดของสหรัฐ ที่บ้านของพ่อตาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ส่วนนายอัล-โซมาลี ถูกสังหารที่เขตวาซิริสถานเหนือเมื่อเดือนธันวาคมปีเดียวกัน

แถลงการณ์ของอัล-กออิดะห์ในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันพุธ สหรัฐส่งอากาศยานไร้นักบินโจมตีเป้าหมายผู้ก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผู้ก่อการร้ายเสียชีวิต 11 คนในปากีสถานติดชายแดนอัฟกานิสถาน .-สำนักข่าวไทย

2010-01-07 09:41:59

พบโรคปากและเท้าเปื่อยระบาดในเกาหลีใต้​

​

โซล 7 ม.ค. - เกาหลีใต้ยืนยันพบการแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วในฟาร์มโคแห่งหนึ่ง

กระทรวงเกษตรเกาหลีใต้รายงานว่า การระบาดเกิดขึ้นที่เมืองโปชอน ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 30 กม. ส่วนรายละเอียดของการระบาดจะมีการเปิดเผยในภายหลัง

โรคปากและเท้าเปื่อย เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสพบในสัตว์เท้ากีบ เช่น โค กระบือ สุกร แพะ และแกะ เชื้อสามารถติดต่อจากสัตว์สู่สัตว์ผ่านลมหายใจ และการสัมผัสโดยตรง เกาหลีใต้รายงานการแพร่ระบาดของโรคนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 และ 2545 ส่งผลให้ต้องฆ่าสัตว์ติดเชื้อคิดเป็นมูลค่าราว 450,000 ล้านวอน (ราว 13,200 ล้านบาท) -สำนักข่าวไทย

2010-01-07 15:31:59

ที่มา http://news.mcot.net

 

======================================

7 ม.ค. 52

ปัญหาของรถตู้

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ








---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินยุบโคราชขยายขนาด – กรมทรัพย์ฯ ของบศึกษาต้นตอแท้จริง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 มกราคม 2553 20:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

แผ่นดินยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ใน ไร่มันสำปะหลัง บ.หนองราง ม. 4 ต.ค้างพลู อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้น วันนี้ ( 7 ม.ค.) ​

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - นักธรณีวิทยาคาดแผ่นดินยุบขนาดยักษ์ อ.โนนไทยโคราช เกิดจากธรรมชาติและ รง.เกลือสินเธาว์ เสนอขออนุมัติงบฯ ศึกษาสาเหตุที่แท้จริง ล่าสุดหลุมขยายวงกว้างเพิ่มเป็น 20 เมตร กันพื้นที่ไม่ให้ชาวบ้านเข้าใกล้หวั่นเกิดอันตราย ขณะผู้ใหญ่บ้านเผยชาวบ้านเชื่อสาเหตุมาจากการทำนาเกลือของผู้ประกอบการและทุกคนหวาดผวากลัวที่ดินบ้านยุบหายไป จี้ จนท.เร่งสำรวจให้ชัดเจนสร้างความมั่นใจ ปชช.

วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุแผ่นดินยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง กว่า 12 เมตร ลึก 10 เมตร ใน ไร่มันสำปะหลัง บ.หนองราง ม. 4 ต.ค้างพลู อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ของ นางทองสุข ชอบรักษ์ อายุ 62 ปี ล่าสุดนางทองสุขได้เร่งทำการขุดมันสำปะหลังออกขายก่อนถึงกำหนด เนื่องจากเกรงว่าหลุมดังกล่าวจะขยายวงกว้างสร้างความเสียหายให้กับไร่มันสำปะหลังมากขึ้น และยังคงมีชาวบ้าน รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่ทราบข่าวและเกี่ยวข้องเดินทางมาดูหลุมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายปรีชา สายทอง นักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางเข้าพบผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อรายงานความคืบหน้าภายหลังได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมยุบดังกล่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 6 นครราชสีมา

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หลุมยุบดังกล่าวมีขนาดความกว้างถึง 12 เมตร ลึก 10 เมตร โดยชาวบ้านพบหลุมยุบขนาดใหญ่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มีการนำอุปกรณ์มากั้นบริเวณไม่ให้ประชาชนเข้ามาเนื่องจากเกรงอันตราย และดินบริเวณรอบหลุมซึ่งเป็นดินทรายได้ทลายลงไปในหลุมดังกล่าวทำให้หลุมมีขนาดความกว้างมากขึ้นอีกประมาณ 7-8 เมตร ทำให้ปากหลุมขยายวงกว้างออกไปอีกรวมเป็นประมาณ 19-20 เมตร แต่การถล่มของดินบริเวณปากหลุมเพิ่มนั้นไม่น่าเป็นห่วงมากนัก

นายปรีชา กล่าวอีกว่า สาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่นี้ สันนิษฐานว่า มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ เกิดโดยธรรมชาติ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มและเป็นจุดตัดระหว่าง 2 ลำห้วย คือ ลำเชียงไกร และห้วยค้างพลู ซึ่งอาจมีโพรงน้ำขนาดใหญ่อยู่ใต้ดินในระดับตื้น เมื่อมีการสูบน้ำหรือน้ำในพื้นที่ดังกล่าวถูกนำไปใช้ก็จะเกิดโพรงและทำให้เกิดหลุมยุบขึ้นได้

ส่วนสาเหตุที่ 2 อาจมาจากการดูดน้ำเกลือเพื่อทำเกลือสินเธาว์ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมีผู้ประกอบการโรงงานผลิตเกลือสินเธาว์ตั้งอยู่รัศมีโดยรอบประมาณ 1-2 กิโลเมตร จำนวน 8 แห่ง เพราะพื้นที่ อ.โนนไทย เป็นพื้นที่ที่มีน้ำเกลืออยู่ใต้ดินจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามการจะระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้นั้น ต้องใช้เวลาในการศึกษาอย่างจริงจังอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้รายงานให้อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีทราบแล้วและรอการอนุมัติการดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกันได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, อุตสาหกรรมจังหวัดฯ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา แล้ว

ด้าน นายอ่อน ป้อมสันเทียะ ผู้ใหญ่บ้านโคกมงคล หมู่ 17 ต.สำโรง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานผลิตเกลือสินเธาว์ตั้งอยู่จำนวนมาก เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรณีแจ้งว่า ได้ทำการสำรวจพื้นที่ในตำบลค้างพลูที่เกิดแผ่นดินยุบและให้เหตุผลว่า หลุมขนาดใหญ่ดังกล่าวเกิดจากธรรมชาติที่แม่น้ำ 2 สายมาบรรจบกันและมีโพรงใต้น้ำจึงทำให้ดินยุบตัว แต่ชาวบ้านไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าหลุมดังกล่าวเกิดมาจากการดูดน้ำเกลือขึ้นมาของผู้ประกอบการในพื้นที่ ต.สำโรงแน่นอน

ดังนั้นชาวบ้านจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์ฯ ทำการตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน เพราะขณะนี้ทุกคนอยู่ในอาการหวาดผวากลัวว่าแผ่นดินบริเวณบ้านจะยุบตัวเหมือนเช่นที่เกิดขึ้น

ขณะที่ นายประวุฒิ ตั้งจรูญชัย อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมก่อน อย่างไรก็ตามหากพบว่าสาเหตุเกิดจากการประกอบธุรกิจโรงเกลือจริงจะทำเรื่องแจงไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อหาทางดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000002207

 

สุเทพขู่จัดการเสื้อแดงหากขนต่างด้าวชุมนุม​

สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง​

"สุเทพ"ขู่จัดการม็อบเสื้อแดง หากมีการขนต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุม ลั่นพร้อมงัดกฎหมายเล่นงาน แนะแกนนำเลื่อนวันชุมนุมไปหลังปีใหม่

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานว่าแรงงานต่างด้าวจะมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคน เสื้อแดงในวันที่ 28 พ.ย.ถึงวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ว่า น่ากังวลใจเรื่องของการชุมนุมที่มีการเกณฑ์คนมามาก ๆ และจะมีพวกต่างด้าวผสมโรงเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย ตนก็ให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งว่า คนเหล่านี้จะมาจากตรงไหน อย่างไร

"ในทางปฏิบัติผมจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ ได้เข้าไปเจรจาอธิบาย ให้ผู้ประกอบการทั้งหลาย ที่มีคนงานต่างด้าวอยู่ในที่ทำการได้เข้าใจว่า ใน สิทธิการแสดงความคิดเห็นเรื่องบ้านเมือง เป็นสิทธิเฉพาะคนไทยเท่านั้น คนต่างด้าวไม่มีสิทธิผสมโรงด้วย ต้องเตือนและขอความร่วมมือผู้ประกอบการกำกับ ดูแล อธิบายให้คนต่างด้าวได้เข้าใจว่า ไม่ใช่ใครมาชักชวนหรือให้เงินแล้วจะไปผสมโรงกับเขาได้ ถ้าฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศไทย"

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะถือโอกาสนี้แจ้งไปยังผู้จัดการชุมนุมว่า กรุณาควบคุมให้ดี อย่าให้มีคนต่างด้าวเข้ามาผสมโรง เพราะเวลามาชุมนุมมาาก ๆ เกิดเหตุอะไร คนที่ไม่ใช่คนไทยเวลาพูดเขาไม่รู้เรื่อง ลองหลับตานึกดูคนมาเป็นหมื่น ๆ เหยียบเท้าและพูดกันไม่รู้เรื่องในเวลาฝนตก หิวข้าว จะเกิดการหงุดหงิด มันก็ลำบาก จึงขอว่าอย่าเอามาร่วมขบวนการ พยายามควบคุมให้ดีว่าเป็นใคร มาจากไหน ใครพามา ถ้าเป็นคนต่างด้าวติดมาด้วยขอให้ออกไปก่อน ทั้งหมดเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองที่เป็นของเรา อย่าให้เกิดเหตุไม่พึ่งประสงค์

เมื่อถามว่าการข่าวรายงานหรือไม่ว่าการที่นำต่างด้าวมาร่วมชุมนุมมีวัตถุประสงค์ อื่นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนกำลังตรวจสอบ หน้าที่ตนคือ ระวัง สกัดกั้น ไม่ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมาย และตนคิดว่าวิธีการที่ตนดำเนินการน่าจะนิ่มนวลที่สุด แจ้งให้คนที่มีหน้าที่ดูแล ส่วนการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ตนได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงในวันนี้เวลา 10.00 น. ซึ่งคงจะต้องมีการติดตาม วิเคราะห์ว่า รายงานของฝ่ายต่าง ๆ เป็นอย่างไร และวิธีการที่จะป้องกันแก้ไขเหตุการณ์ควรจะทำอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรหน้าที่ของฝ่ายตนคือดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รักษากกฎหมาย รักษากฎเกณฑ์กติกา ปกป้องประชาชนผู้สุจริตทั้งหลาย ปกป้องพี่น้องประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ให้มีอันตราย ในส่วนตัวจริง ๆ แล้วอยากให้การชุมนุมประท้วงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและไม่อยากที่จะต้อง ใช้มาตรการอะไรเป็นพิเศษ

รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวอีกว่า การชุมนุมคราวนี้ผู้จัดชุมนุมน่าจะหลีกเลี่ยงเพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะ สมจริง ๆ จะเห็นว่าทุกวันมีทหารมาซ้อมสวนสนามบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าจะมีพิธีสวน สนามของทหารรักษาพระองค์ในวันที่ 3 ธ.ค.และวันที่ 2 ธ.ค.จะมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่คนไทยจัดทำถวายพระองค์ท่านจะเริ่มแล้ว อย่างโครงการปฏิบัติธรรมของทุกศาสนา ซึ่งต้องการบรรยากาศที่สงบไม่เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นตนคิดว่าผู้จัดชุมนุมน่าจะทบทวน ถ้าสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ให้เวลาคนไทยมีความสุขกันบ้างในช่วงระยะเวลานี้ของปี เวลาที่จะชุมนุมประท้วงมีเยอะ หลังปีใหม่ค่อยมาดำเนินการก็ได้ ไม่ควรจะตอนนี้

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 11:23
<!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT>
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

เขมรสร้างบ้านรอ บิ๊กเสื้อแดง ปัดส่งอาวุธหนุน

​

สื่อเขมรพาดหัว ระบุ รัฐบาลกัมพูชาเตรียมบ้านรับรองให้แกนนำเสื้อแดงที่อาจหนีจากไทย โดยมีรูปนายจักรภพ เพ็ญแข ชู 2 นิ้วขึ้นหน้าหนึ่ง ...

เมื่อเช้าวันนี้ ( 21 พ.ย.52 ) ที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วโดยมี พ่อค้า แม่ค้า และกรรมกรชาวเขมร เดินทางเข้ามาค้าขายและรับจ้างในตลาดโรงเกลือ ซึ่งเป็นตลาดการค้าชายแดน ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งอยู่บริเวณชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ทำให้บรรยากาศบริเวณหน้าด่านกลับมาคึกคักเหมือนเดิม นอกจากชาวเขมรแล้วช่องทางขาออกไปกัมพูชา ก็คึกคักไม่แพ้กันโดยมีนักพนันชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากเดินทางผ่านด่าน ตม.อรัญประเทศ ออกไปฝั่งกัมพูชา ทำให้บรรยากาศบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ กลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

ส่วนบรรยากาศภายในตลาดโรงเกลือ ซึ่งเริ่มมีอากาศที่หนาวเย็นขึ้นทำให้มีพ่อค้า แม่ค้า ชาวเขมร นำเสื้อกันหนาวมือสองและผ้าห่มมือสอง ออกมากองและแขวนขายกันเป็นจำนวนมากโดยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ามาหาและเลือกซื้อเสื้อกันหนาวและผ้าห่มมือสองกันอย่างคึกคัก

แต่อย่างไรก็ดี บรรยากาศที่คึกคักก็ยังแฝงไปด้วยความวิตกกังวลของพ่อค้า แม่ค้า ชาวกัมพูชา โดยมีพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชา บางส่วนได้นำหนังสือพิมพ์กัมพูชา มาอ่านและวิพากวิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา ฉบับประจำวันที่ 20 พ.ย.52 ซึ่งมีมาวางจำหน่ายในกรุงปอยเปต และชาวกัมพูชานำเข้ามาจำหน่ายในตลาดโรงเกลือ เช้าวันนี้ ได้พาดหัวข่าวว่า”เขมรปฏิเสธส่งอาวุธให้กลุ่มเสื้อแดง และระบุกัมพูชาเตรียมบ้านรับรองให้แกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีคดี โดยมีภาพนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีคดีฯ ชู 2 นิ้ว ขึ้นหน้าหนึ่งของ น.ส.พ.รัศมีกัมพูชา ด้วย

นายมอง เวียน อายุ 33 ปี ชาวกัมพูชาและเป็นพ่อค้าเสื้อผ้ามือสองในตลาดโรงเกลือ เผยว่าจากข่าว น.ส.พ.รัศมีกัมพูชา ทำให้พ่อค้า แม่ค้า ชาวกัมพูชา บางคนหวั่นวิตกว่าหากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ยังไม่ยุติและยังมีการตอบโต้กันทั้งทางสื่อฯและรัฐบาล จะทำให้การค้าบริเวณชายแดนเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากคนกัมพูชากลัวเหตุการณ์บานปลายทำให้ปัญหาลุกลามและเป็นจุดล่อแหลมที่จะทำให้ด่านชายแดนถูกสั่งปิด ซึ่งจะกระทบกับพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาที่ค้าขายในตลาดโรงเกลือ โดยตรงเพราะตลาดโรงเกลือ ส่วนใหญ่ประมาณ 90% จะเป็นชาวกัมพูชาที่มาค้าขายในตลาดโรงเกลือ และชาวกัมพูชาก็มีสินค้าจำนวนมากอยู่ในตลาดโรงเกลือ หากด่านถูกสั่งปิดสินค้าของชาวกัมพูชาที่มีมูลค่าเป็นร้อยๆล้านบาทที่อยู่ในตลาดโรงเกลือ จะทำอย่างไร ซึ่งกำลังเป็นที่หวั่นเกรงของชาวกัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข่าวการสร้างบ้านรับรองให้กับแกนนำคนเสื้อแดงของไทยที่หลบหนีคดี อาจทำให้รัฐบาลไทย ไม่ไม่พอใจแล้วตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาด้วยการสั่งปิดพรมแดนได้ จึงอยากให้รัฐบาลไทยและกัมพูชา หาทางเจรจากันอย่าปล่อยให้มีการตอบโต้กันอีกเลย นายมอง เวียน “กล่าว”

ส่วน น.ส.พ.รัศมีกัมพูชา ซึ่งพาดหัวข่าว”เขมรปฏิเสธส่งอาวุธให้กลุ่มคนเสื้อแดง และระบุกัมพูชาเตรียมบ้านรับรองให้กับแกนนำคนเสื้อแดงที่อาจหนีจากไทย “โดยมีภาพนายจักรภพ เพ็ญแข ชู 2 นิ้ว ขึ้นหน้าหนึ่งนั้น น.ส.พ.รัศมีกัมพูชา ระบุเป็นการเปิดเผยของ นายเขียว สุเพี๊ยะ โฆษกกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา และได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของนายจักรภพฯที่เคยให้สัมภาษณ์ น.ส.พ.เอเซียไทม์ ออนไลน์ ว่าคนเสื้อแดง ได้สั่งอาวุธจากกัมพูชาโดยจะส่งไปให้คนเสื้อแดงที่ภาคอีสานเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลไทยนั้น โดยกล่าวว่าเรื่องอาวุธนั้นกัมพูชาไม่มีแต่ก็ไม่ขาด รัฐธรรมนูญกัมพูชากำหนดไว้ว่า กัมพูชาไม่ให้ดินแดนหรืออาวุธให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือใครหรือเพื่อล้มรัฐบาลใด และกัมพูชาไม่เคยทำร้ายประเทศไทย มีแต่ไทยที่ทำร้ายกัมพูชา

ทั้งนี้ น.ส.พ.รัศมีกัมพูชา ยังระบุว่า น.ส.พ.เอเซียไทม์ออนไลน์ ได้เสนอข่าวว่าหลังจากรัฐกัมพูชาสร้างบ้านรับรองให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในกัมพูชาแล้ว กำลังเตรียมบ้านพักรับรองให้กับแกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีคดี คือนายจักรภพ เพ็ญแข และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อีก

ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันเสาร์ 21 พฤศจิกายน 2009

ที่มา http://downmerngnews.blogspot.com/2009/11/blog-post_6293.html