ร่วมแจมประวัติและพระเครื่อง สุดยอดพุทธคุณสายใต้ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย cornell, 7 พฤศจิกายน 2009.

  1. ohrm

    ohrm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +338
  2. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    555 ครับคุณโอม ผมเก็บเรื่อยๆ ครับ ล่าสุดได้เหรียญ อ.นำ รุ่นเเรกเพิ่มอีกเหรียญ ครับ
     
  3. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    สายเขาอ้อนี่เก่งมาก ๆ ค่ะ เสียดายไม่มีภาพที่คนเขาไปแช่น้ำว่านมาลงให้ชมบ้าง อยากเห็นจัง
     
  4. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ที่สำคัญของสำนักเขาอ้อ

    สำนักเขาอ้อได้ชื่อว่าเป็นสำนักทางพุทธาคมและไสยศาสตร์ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของภาคใต้ อีกทั้งอาจจะพูดได้ว่าเป็นสำนักที่รวบรวมเอาศาสตร์และสรรพวิชาทางไสยศาสตร์เอาไว้มากที่สุดก็ว่าได้ ซึ่งพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของสำนักเขาอ้อมีหลายแขนงวิชา แต่ก็มีพิธีกรรมทางไสยศาสตร์อยู่ ๓ วิชา ที่จัดเป็นพีธีกรรมทางไสยศาสตร์ที่ขึ้นชื่อของสำนักเขาอ้อ คือ


    วิชาเสกน้ำมันงา
    วิชาอาบว่านแช่ยา
    วิชาหุงข้าวเหนียวดำ


    ซึ่งทั้ง 3 วิชานี้ เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะของสำนักเขาอ้อ เพราะไม่ปรากฏว่ามีวิชาทั้ง 3 วิชานี้กระทำกันที่สำนักอื่นๆเลย


    วิชาเสกน้ำมันงา
    วิชานี้เมื่อได้ฤกษ์ดีที่จะประกอบพิธีแล้ว อาจารย์ของสำนักเขาอ้อก็จะจัดพิธีเครื่องบูชาครูแล้วก็เอาน้ำมันงาดิบมาใส่โถที่ก้นโถจะมีการลง “ ยันต์หัวใจน้ำมัน ” โถจะวางบนหนังเสือหนังหมีและเหล็กกล้า แล้วก็จะเริ่มต้นปลุกเสกไปจนกระทั่งน้ำมันงาดิบ ซึ่งเหลวแต่ตอนแรกนั้นแข็ง แล้วจึงทำการป้อนให้ลูกศิษย์กิน ผู้ที่จะกินน้ำมันงาจะถอดเสื้อและนุ่งผ้าขาวม้าโจงกระเบนหรือกางเกงขาสั้นก็ได้จากนั้นก็นั่งบนหนังเสือเท้าทั้งสองวางบนเหล็กกล้า มือทั้งสองวางบนเท้า มีหนังหมีปิดบนศีรษะเพื่อเป็นการถือเคล็ดของความเป็นตบะมหาอำนาจ จากนั้นอาจารย์ก็จะเอาไม้พายอันเล็กๆ ตักน้ำมันงาที่แข็งนั้นป้อนให้ลูกศิษย์กินโดยจะมีว่านสบู่เลือดหรือขมิ้นขาวที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆลงอักขระวางบนน้ำมันงาที่แข็งนั้นเพื่อป้อนให้กินพร้อมๆกันไปด้วยเมื่อกินน้ำมันงาแล้ว อาจารย์จะเอาน้ำมันงามาเขียนอักขระในฝ่ามือทั้งสองของลูกศิษย์แล้วให้ลูกศิษย์เอามือทาน้ำมันงาลูบตั้งแต่เท้าไปจนถึงศีรษะจากนั้นอาจารย์ก็จะเอานิ้วมือป้ายน้ำมันงามาเขียนอักขระที่หน้าท้องของลูกศิษย์เพื่อเป็นการผูกคาถาวิชาเอาไว้ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธี คุณวิเศษของการกินน้ำมันงานี้จะทำให้ร่างกายเป็นคงกระพัน

    ในการกินน้ำมันงาดิบนี้ได้มีการกำหนดข้อห้ามอยู่หลายข้อ เช่น ห้ามกินผลมะเฟือง รวมไปถึงห้ามลอดใต้ต้นมะเฟืองด้วย ห้ามกินผักจำพวกทอดยอด ห้ามกินปลาไหล และห้ามข้ามมูลนาก เป็นต้น สำหรับนากนี้เป็นสัตว์กินปลาตัวขนาดเล็กชอบอาศัยอยู่ตามริมน้ำ ชอบจับปลากินเป็นอาหาร ตามตำราไสยศาสตร์ทุกวิชาถือว่าหากเดินข้ามมูลที่นากถ่ายเอาไว้จะทำให้คาถาอาคมเสื่อม แต่ข้อห้ามสำคัญที่สุดของการกินน้ำมันงาเสก คือ ห้ามกระทำผิดศีลข้อ 3 หรือข้อกาเมอย่างเด็ดขาด สำนักเขาอ้อถือเคร่งครัดมากในเรื่องนี้คือห้ามไม่ให้ผิดศีลข้อ 3 ศิษย์คนใดเมื่อกินน้ำมันงาเสกไปแล้วได้กระทำผิดศีลข้อ 3 จะทำให้วิชาเสื่อมทันที คือน้ำมันงาเสกที่กินเข้าไปจะออกมาทางรูขุมขนจนหมด


    วิชาอาบว่านแช่ยา
    วิชานี้แต่ก่อนใช้ในการรบทัพจับศึก ทหารที่ไปทำสงครามจะมาทำพิธีอาบว่านแช่ยาเพื่อให้ร่างกายเป็นคงกระพัน ซึ่งนอกจากจะเป็นคงกระพันแล้วการอาบว่านแช่ยายังช่วยในการถอดเสนียดจัญไรแก้โรคและเป็นมหาอำนาจด้วย

    การอาบว่านแช่ยานี้จะกระทำได้นั้นความยุ่งยากอยู่ที่ต้องหาเครื่องยาสมุนไพรและว่านมาให้ครบตามตำรา ซึ่งนับรวมแล้วก็มีว่านยาและสมุนไพรหลายสิบชนิดโดยมี “บอระเพ็ด” และ “ขิงชาลี” เป็นหลักและก็มี พญาสัตบัน โคกกระสุน มหานิล ขมิ้นเหลือง มหากาฬ มหาปราบ สากเหล็ก เพชรหึง นิลพัตร หอกหัก ไพลดำ กระชายดำ เพชรน้อย หนุมานประสานกาย สบู่เลือด มหาเมฆ ฯลฯ เป็นต้น ว่านที่มีกำหนดตามตำรานั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ “ว่านดิบ” กับ “ว่านสุก” โดยว่านดิบนั้นเมื่อได้มาก็จะเอามาทุบ ๆ และก็เอาแช่ในรางได้เลย ส่วนว่านสุกเป็นว่านที่ต้องเอามาต้มเสียก่อน เพื่อให้ได้น้ำว่านแล้วก็เอาน้ำว่านนั้นเทใส่ลงในรางรวมกับว่านดิบ

    เมื่อได้ว่านและสมุนไพรมาครบถ้วนตามตำราแล้ว ก็จะหาฤกษ์ยามงามดีเป็นมงคลเริ่มทำพิธีบูชาครูและจัดปริมณฑลพิธีรอบ ๆ รางแช่ว่าน เสร็จพิธีพระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์แล้ว อาจารย์ผู้เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อก็จะทำการปลุกเสกรางแช่ว่าน เมื่อถึงขั้นตอนแช่ว่านผู้ที่จะทำการแช่ว่านก็จะต้องสมาทานศีลเสียก่อน ทุกคนจะนุ่งผ้าขาวม้าหรือกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อก่อนที่จะลงแช่ว่านในราง เท้าจะยืนบนหนังเสือและเหล็กกล้ามีหนังหมีปิดศีรษะ จากนั้นอาจารย์ก็จะเป็นผู้จูงลงในรางแช่ว่าน โดยอาจารย์และผู้แช่ว่านจะต้องบริกรรมคาถาขณะที่กำลังเดินลงในรางแช่ว่าน เมื่อลงไปในรางแช่ว่านที่มีน้ำว่านอยู่เกือบเต็มรางแล้วก็จะนอนลงโดยยกเฉพาะศีรษะให้อยู่เหนือน้ำ ต้องระวังอย่าให้น้ำว่านเข้าหูเพราะอาจจะทำให้หูหนวกได้ เนื่องจากฤทธิ์ของน้ำว่านแรง การแช่ว่านนี้จะแช่ได้นานได้นานเท่าจะยิ่งดีเพราะจะทำให้น้ำว่านเข้าสู่ร่างกายได้มาก เมื่อแช่เสร็จแล้วอาจารย์ก็ตะเป็นผู้จูงคนแช่ว่านขึ้นมาจากราง ขณะนั้นก็ต้องบริกรรมคาถาเหมือนกับตอนลงแช่ในตอนแรกเหมือนกัน เมื่อขึ้นมาจากรางแช่ว่านแล้วอาจารย์ก็จะให้คนแช่ว่านทุกคนทำพิธีบูชาครูแล้วก็อบรมสั่งสอนให้อยู่ในศีลธรรม ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีแช่ว่านตามสูตรของสำนักเขาอ้ออันศักดิ์สิทธ์ ที่มีการยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณ


    วิชาหุงข้าวเหนียวดำ
    พิธีกรรมหุงข้าวเหนียวดำของสำนักเขาอ้อ จะเริ่มต้นโดยการคำนวณหาฤกษ์พิธีเสียก่อน นิยมประกอบพิธีในฤกษ์แข็ง อย่างเช่น เพชฌฆาตฤกษ์ โจโรฤกษ์และราชาฤกษ์ เป็นต้น ซึ่งมีความเชื่อกันว่าจะทำให้พิธีและอานุภาพของข้าวเหนียวดำศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

    เมื่อคำนวณหาฤกษ์พิธีที่จะหุงข้าวเหนียวดำได้แล้ว ต่อไปก็จะเตรียมอุปกรณ์ซึ่งประกอบด้วย

    1. ข้าวเหนียวดำ แต่ก่อนมีการกำหนดเอาไว้ว่าผู้ที่จะกินข้าวเหนียวดำจะต้องเอาข้าวสารเหนียวดำมาคนละ 3 กำมือ ปัจจุบันมีการเตรียมเอาไว้พร้อมเสร็จ

    2. หม้อ เป็นหม้อที่จะนำมาใช้ในการหุงข้าวเหนียวดำ แต่ก่อนใช้หม้อดินซึ่งเป็นหม้อใหม่ที่ไม่เคยใช้หุงต้มมาก่อน ปัจจุบันนิยมใช้หม้ออลูมิเนียม แต่ต้องเป็นหม้อใหม่ที่ไม่เคยใช้การหุงต้มมาก่อนเช่นกัน

    3. หินสามก้อน เพื่อนำเอามาทำก้อนสามเส้าในการหุงข้าวเหนียวดำ จะต้องเป็นก้อนหินที่ไม่เคยใช้เป็นก้อนสามเส้ามาก่อน

    4. ไม้ฟืน เป็นไม้ที่นำมาใช้ในการหุงข้าวเหนียวดำ ตามตำรากำหนดใช้ “ไม้ซับพลา” หรือ “ไม้ราชพฤกษ์” จำนวน 3 ท่อน ใช้วางตามก้อนสามเส้าสามช่องด้วยกัน ส่วนนอกนั้นจะเป็นไม้ฟืนอะไรก็ได้ แต่ของหลักต้องเป็นไม้ฟืนทั้ง 3 ท่อนนี้

    5. ไม้กางหยาง เป็นไม้สำหรับทำเป็นเสาเพื่อวางยันต์ด้านบน ตำราให้ใช้ไม้ซับพลา

    6. ยันต์สิบทิศ จำนวน 10 ผืน เพื่อวางตามทิศทั้ง 10 ทิศ เมื่อเตรียมอุปกรณ์และสถานที่เรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็จะเริ่มทำพิธีบูชาครู เสร็จพิธีบูชาครูก็จะทำการปิดยันต์ภูตผีปีศาจและอมนุษย์ทั้ง 10 ทิศ โดยปิดยันต์เพดานไว้เหนือไม้กางหยางอีกทีหนึ่ง จากนั้นอาจารย์ผู้ทำพิธีก็จะใช้ดินสอผงวิเศษลงยันต์ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า คอต่อ หน้าผาก ศีรษะ และนิ้วหัวแม่มือของตนเอง เสร็จจากนั้นก็จะลงยันต์ที่หินสามก้อนที่นำมาทำก้อนสามเส้า โดยลงยันต์ “พระแม่ธรณีกางแผ่นดิน” ต่อไปก็ลงยันต์ที่หม้อโดยลงยันต์ทั้งก้นหม้อ ข้างหม้อ และฝาหม้อ ลงยันต์เสร็จแล้วต่อไปก็เอาข้าวเหนียวดำที่ปลุกเสกเตรียมไว้ก่อนใส่ลงในหม้อ ขณะที่หยิบข้าวเหนียวใส่หม้อก็จะบริกรรมคาถากำกับไปตลอดเวลาเมื่อเอาข้าวเหนียวดำใส่หม้อแล้วก็จะเอาน้ำว่าใส่ตามลงไปโดยกะปริมาณให้พอดีกับข้าวสาร เหนียวที่ใส่ในหม้อว่า เมื่อหุงเสร็จแล้วไม่ต้องรินน้ำทิ้ง ขณะที่ใส่น้ำว่านก็จะทำบริกรรมคาถาปลุกเสกเช่นกัน

    สำหรับน้ำว่านที่มาใช้ในพิธีหุงข้าวเหนียวดำนี้ก็ได้จากการเอาว่านและสมุนไพรหลายชนิดมาต้มเอาแต่น้ำต่างหาก ซึ่งว่านและสมุนไพรเล่านี้ก็ประกอบด้วย ว่านน้ำมันดำ ว่านขมิ้นขาว ว่านมหาเมฆ ว่านมหานิล ว่านเพชรตาเหลือก ว่านมหากาฬ ว่านมหาปราบ ว่าหนุมานนั่งแท่น ว่านหนุมานประสานกาย ว่านกำลังหนุมาน ว่านสบู่เลือด ว่านเพชรหึง ว่านสากเหล็ก ว่านพระเจ้าคุ้มภัย ว่านเปราะดำ ว่านเขาควาย ว่านพระเจ้าห้าพระองค์ ว่านนิลพัตร ว่านประกายเหล็ก ว่านกระชายดำ ว่านเพชรน้อย ว่านหอกหัก ว่านไพรดำ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นว่านชนิดเดียวกับว่านที่นำมาใช้ในพิธีอาบว่านแช่ยา

    เมื่อจุดไฟติดดีแล้วก็เอาหม้อใส่ข้าวเหนียวขึ้นหุง อาจารย์ผู้ประกอบพิธีก็จะประกอบคาถากลับไปกลับมาจนข้าวเหนียวดำสุก เป็นเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งเมื่อข้าวเหนียวดำเมื่อหุงเสร็จใหม่ ๆ สามารถเอามือไปรองใต้หม้อโดยไม่ร้อน โดยจะเอามือรองได้นานชั่วระยะหนึ่ง เมื่อข้าวเหนียวดำสุกอาจารย์ก็จะทำการปลุกเสกพระคาถาอีก 108 คาบ ก็จะได้เวลาที่ข้าวเหนียวดำเย็นลงทันที จากนั้นก็เอาน้ำมันงาปลุกเสกเตรียมไว้ก่อนมาเทลงในหม้อข้าวเหนียวดำ กวนให้เข้ากันและปลุกเสกคาถากำกับลงไปอีก ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการกินข้าวเหนียวดำ

    ผู้ที่จะกินข้าวเหนียวดำจะนั่งในลักษณะชันเข่าเอามือทั่งสองจับหลังเท้าไว้ โดยนั่งบนหนังเสือและเท้าทั้งสองข้างเหยียบเหล็กกล้า ศีรษะปิดด้วยหนังหมี อาจารย์ก็จะปั้นข้าวเหนียวดำเป็นก้อนเข้าปากโดยศิษย์คนหนึ่งอาจารย์จะป้อนข้าวเหนียวดำให้คนละ 3 ก้อน อาจารย์ก็จะเสกคาถาผูกกำกับให้อีกครั้งเป็นอันว่าเสร็จสิ้นการกินข้าวเหนียวดำอันเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณที่มีแต่เฉพาะของเขาอ้อเท่านั้น

    การหุงข้าวเหนียวดำของสำนักเขาอ้อ เพื่อกินเป็นคงกระพัน กันปวดสะเอว ปวดหลังและเป็นยาอายุวัฒนะด้วย

    หลัง ๆ มานี้พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของสำนักเขาอ้อทั้ง 3 พิธีนี้ ก็ยังมีศิษย์สำนักเขาอ้อกระทำได้และปฏิบัติอยู่เป็นบางท่าน เช่น พระครูกาชาด (บุญทอง) วัดดอนศาลา พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา (มรณภาพแล้ว) และอาจารย์ประจวบ คงเหลือ เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้ประกอบพิธีกันทุกปีหรือบ่อยครั้งนัก เพราะต้องหาฤกษ์พิธีและอุปกรณ์เครื่องยาในพิธีให้พร้อม โดยเฉพาะว่านที่จะนำมาใช้ในพิธีอาบว่านและหุงข้าวเหนียวดำนั้น แต่ก่อนยังพอหาได้ใกล้ ๆ วัด มาภายหลังจะเริ่มหายากต้องออกไปหาถึงสถานที่ไกล ๆ จึงทำให้บางปีพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เหล่านี้มีการหยุดเว้นไป เพราะหาว่านยาไม่ครบ หากว่าหาว่านยาไม่ครบตรมตำราก็ไม่อาจประกอบพิธีกรรมได้ เพราะถือว่าไม่สมบูรณ์ ซึ่งสำนักเขาอ้อศิษย์แต่ละท่านจะยึดถือระเบียบปฏิบัติตามตำราอย่างเคร่งครัด
    เรื่องปฏิบัตินอกตำราจึงไม่มี เพราะเหตุนี้เมื่อศิษย์สำนักเขาอ้อประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ครั้งใดก็ล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เชื่อถือได้เสมอ
    ...........ส่วนภาพพิธีเดี๋ยวจะนำมาลงให้อีกระรอกครับ
     
  5. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ภาพในพิธีกรรมต่างๆของสำนักเขาอ้อ.....
    :ซึ่งในพิธี สังเกตุในภาพครับ จะเห็น อาจารย์แห่งสายเขาอ้อ หลายท่าน ครับ เช่น....
    1.อ.ปาล
    2.อ.นำ
    3.อ.ชุม และอีกหลาบท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ว่ากันต่อของชอบส่วนบุคคลและอีกหลายคนครับ............. กับแม่นางกวักเนื้อว่านหลังยันต์ หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า องค์ที่เพิ่งหลอนพรรคพวกได้มาครับ..................
    ......องค์นี้ได้สัดส่วนสมบูรณ์อีกองค์ครับ เนื้อว่านจัดๆเห็นง่ายๆ(สังเกตุที่หน้าองค์นางกวักเห็นเป็นเส้นๆด้านหลังก็เป็นก้อนๆครับ)..... แถมพิเศษสุดเท่าที่เคยมีมา ก็คือ หนาที่สุดเท่าที่เคยสะสมมาครับ!!!!! องค์นี้ได้หนามากๆจริงๆ ......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cnnnnn.jpg
      cnnnnn.jpg
      ขนาดไฟล์:
      712 KB
      เปิดดู:
      256
  7. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เห็นแล้วชอบเลย องค์นี้หนาดีจังค่ะ ไม่ทราบปั๊มเองป่าวค่ะถึงได้สวยแบบนี้
     
  8. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    5555 ปั๊มเองครับ เพิ่มว่านเองเลยครับคุณน้ำ5555......องค์จริงหนาคุ้มเลยครับ
     
  9. amar

    amar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +606
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=54OT0QikXVs"]ลองของจริง[/ame]
     
  10. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณ คุณamar ที่ร่วมให้ข้อมูลครับ..........
    วัตถุมงคลส่วนหนึ่งแห่งสายเขาอ้ออันเกรียงไกรครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • aj1.jpg
      aj1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      92
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.2 KB
      เปิดดู:
      77
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.7 KB
      เปิดดู:
      81
    • cor1.jpg
      cor1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.6 KB
      เปิดดู:
      131
    • mmmmm.jpg
      mmmmm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.7 KB
      เปิดดู:
      86
    • se.jpg
      se.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.3 KB
      เปิดดู:
      107
    • uuuuuu (Small).jpg
      uuuuuu (Small).jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.7 KB
      เปิดดู:
      71
    • v1.jpg
      v1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.2 KB
      เปิดดู:
      64
    • v2.jpg
      v2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.5 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSCN3290.jpg
      DSCN3290.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.9 KB
      เปิดดู:
      113
    • mu1.jpg
      mu1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.2 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSCN3292.jpg
      DSCN3292.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.3 KB
      เปิดดู:
      76
  11. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    สวย ๆ ทั้งนั้นเลย
     
  12. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณครับคุณน้ำ
     
  13. ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์

    ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,158
    ค่าพลัง:
    +735
    เดี๋ยวจะลงรูปพระเครื่องที่พี่ชายห้อยคอ
    เห็นว่าเป็นชุดพระทางใต้มาลงชมให้กันนะคะ
     
  14. ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์

    ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,158
    ค่าพลัง:
    +735
    พระพี่ชาย สายใต้ล้วน ๆ

    [​IMG]

    เหรียญพ่อท่านที่ยะลาค่ะ
    [​IMG]


    [​IMG]

    ชุดนี้พี่ชายห้อยคออยู่ค่ะ เห็นว่ามีกรุนาคราม
    เหรียญพ่อท่านคลิ้งปี 20 เนื้อเงิน
    ปิดตาผงธูปกรรมฐานพ่อท่านคลิ้ง
    เหรียญอาจารย์นำรุ่นแรก ปิดตาอาจารย์นำ
    มหาว่านดำเขาอ้อปี 84-85
    ปิดตาพ่อท่านเขียวค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_9957.jpg
      100_9957.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.7 KB
      เปิดดู:
      1,093
    • 100_9960.jpg
      100_9960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      145.4 KB
      เปิดดู:
      1,110
    • 100_9962.jpg
      100_9962.jpg
      ขนาดไฟล์:
      227.3 KB
      เปิดดู:
      1,918
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2010
  15. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    สุดยอดครับ ขอบคุณ คุณยุพารัตน์ ที่ร่วมเเจมครับ ชุดนี้นี่ตะลุยIRAQได้เลยครับ แมลงวันไม่ได้กินเลือด
     
  16. ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์

    ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,158
    ค่าพลัง:
    +735
    ว่างๆจะขอพี่ชายถ่ายรูปมาลงให้ชมกันนะคะ
    พี่ชายเก็บพระสายใต้เยอะมากๆเพราะเป็นคนใต้ด้วยมั้งอยู่นครศรีฯค่ะเขาอ้อมีมากที่สุดค่ะ
     
  17. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    เยี่ยมและขอขอบคุณที่ร่วมแจมครับ คุณยุพารัตน์ ติดตามรอชมครับ:)))
     
  18. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    องค์นี้ว่าจะนิมนต์ไปวัดรางวัลงานประกวดงวดหน้า เพราะหลายเสียงว่า ลึกล่ำยันต์ก้กลับหายาก มีลุ้น
    ครับ........ ปิดตาฐานเขียงยันต์กลับ อ.เจ็ก วัดเขาแดง ครับ ติชมแนะนำได้ครับผม....
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  19. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    morningครับชาวพลังจิต เดี๋ยววันนี้จะหาข้อมูลมาเพิ่มเติมตามที่ขอกันมาครับ............
     
  20. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ความสวยงามอีกหนึ่งองค์ เมตตาแห่งสายเขาอ้อ ปิดตานะมหามงคล พิมพ์ใหญ่ อ.ศรีเงิน วัดดอนศาลา องค์นี้เนื้อกลับดำแล้วครับ สวยแท้ๆแลง่ายๆ ไว้เป็นครูได้อีกหนึ่งองค์ครับ (ต้องขออณุญาติท่านเจ้าของพระด้วยครับ ).......
    ..........เด่นทางเมตตามหาลาภครับ ด้วยจำนวนการสร้างเพียง1000องค์ ในพิมพ์ใหญ่
    พระอาจารย์ศรีเงินวัดดอนศาลา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
    ......ชุด "นะมหามงคล" ของพระครูสิริวัฒนากร (ศรีเงิน อาภาธโร) หรือที่รู้จักกันในนาม "พระอาจารย์ศรีเงิน" ประกอบด้วย พระปิดตา แหวนพิรอด พระสมเด็จ และพระกริ่ง

    วัตถุมงคลที่จัดสร้าง เมื่อปีพ.ศ.2524 เพื่อหาทุนทรัพย์ในการสร้างเมรุและกำแพงวัด นับเป็นครั้งแรกที่พระอาจารย์ศรีเงิน อนุญาตให้ลูกศิษย์สร้างวัตถุมงคลขึ้นมา หากต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ได้ตั้งไว้สำหรับการสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ว่า

    - เนื้อพระ ให้เป็นเนื้อนวโลหะตามสูตรของสำนักวัดเขาอ้อ

    - การหล่อ ให้หล่อเบ้าดินแบบโบราณทั้งหมด

    - แผ่นยันต์ชนวนทุกแผ่น จะต้องผสมในเนื้อทั้งหมด

    - ต้องมีอาจารย์หรือศิษย์ของอาจารย์ที่ได้รับมอบหมายควบคุมไปตามขั้นตอน และต้องทำภายใน กำหนดฤกษ์เท่านั้น ถ้าไม่ทันฤกษ์ต้องหาฤกษ์ใหม่

    - ห้ามผู้หญิงเกี่ยวข้องพิธี นับแต่ปั้นหุ่นทำเบ้า จนเสร็จสิ้นพิธีการหล่อ และตัดชนวน ผู้หญิงจะเข้าในบริเวณพิธีหล่อ หรือแตะต้องพระไม่ได้ จนกว่าพิธีปลุกเสกพระใหญ่จะผ่านพ้นไปแล้ว

    จากนี้จึงจะเห็นว่า การดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้มากมายขั้นตอนยิ่ง และมิเพียงเฉพาะเงื่อนไขในการดำเนินการข้างต้นเท่านั้น แต่ตลอดระยะเวลาถึง 3 เดือนที่พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ต้องเรียกศิษย์ที่ดำเนินการสร้างวัตถุมงคลนี้มาอบรม แนะนำพิธีการต่างๆ พระคาถาหลายบท ทั้งนี้ เพื่อกันความผิดพลาดอันจะเกิดขึ้นได้

    และใน ระหว่างระยะเวลา 3 เดือน พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ได้ลงแผ่นยันต์ต่างๆ และนะต่างๆ เพื่อเป็นชนวนในการหล่อวัตถุมงคลตามสูตรของสำนักวัดเขาอ้อ พรั่งพร้อมด้วยชนวนต่างๆ อันนอกเหนือจากนวโลหะ ที่ประกอบด้วยโลหะ 9 ชนิด คือ ทองคำ เงิน ทองแดง พลวง สังกะสี ดีบุก เหล็กละลายตัว เจ้าน้ำเงิน บริสุทธิ์

    ชนวนต่างๆ ที่ได้นำมาหลอมรวมกับโลหะ แผ่นนะ แผ่นยันต์ ประกอบด้วย โลหะจากบ้านเชียง ตะกรุดทองคำของพระอาจารย์เขาอ้อรูปก่อนๆ

    ส่วน แผ่นยันต์นะ และแผ่นยันต์ที่พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ได้ลงไว้บนแผ่นทองคำ เงิน ทองแดง นาก เพื่อหลอมรวมเป็นเนื้อโลหะสร้างวัตถุมงคลนี้ ประกอบแผ่นนะ 29 นะ แผ่นยันต์ 108 ดวง คือ


    นะสะท้านแผ่นดินไหว, นะบังสมุทร, นะมหามงคล, นะทน, นะปิด, นะกำจัด, นะบังเมฆา, นะนาคบาศก์, นะกำจาย, นะวชิราวุธ, นะปรีชาทุกทิศ, นะครอบจักรวาล, นะบังไตรภพ, นะปิดอากาศ, นะล้อม, นะทรงแผ่นดิน, นะระงับ, นะเมตตา, นะมหาอำนาจ, นะศรี, นะอะระหัง, นะทรงธรณี, นะเกราะเพชร, นะมหาอุด, นะศัตรูมิเห็น, นะห้ามภัย, นะมหานิยม, นะพระเจ้าห้ามทุกข์

    ส่วนยันต์นั้นประกอบด้วย ยันต์พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ จำนวน 24 ดวง, ยันต์พระนวภา จำนวน 25 ดวง, ยันต์พระเจ้าจักรสิริโลก จำนวน 9 ดวง, ยันต์พรพุทธคุณ จำนวน 7 ดวง, ยันต์พระภควัมบดี จำนวน 5 ดวง, ยันต์พระปทุมจักร จำนวน 5 ดวง, ยันต์พระนรา จำนวน 4 ดวง, ยันต์พระองครักษ์ จำนวน 4 ดวง, ยันต์ปถมังพระเจ้า 5 พระองค์ จำนวน 5 ดวง, ยันต์พระบารมี 30 ทัศ จำนวน 2 ดวง, ยันต์พระไตรสรณาคมน์ จำนวน 3 ดวง, ยันต์สุกิตติมา จำนวน 2 ดวง, ยันต์พระจตุราริยสัจ จำนวน 2 ดวง, ยันต์โสฬสมงคล จำนวน 1 ดวง, ยันต์นวโลกุตรธรรม จำนวน 1 ดวง, ยันต์มงกุฎพระเจ้า จำนวน 1 ดวง, ยันต์จตุโร จำนวน 1 ดวง, ยันต์พระรัตนตรัย จำนวน 1 ดวง, ยันต์ฆะเฏสิ จำนวน 1 ดวง, ยันต์พระชฎามหาพรหม จำนวน 1 ดวง

    ความ ยุ่งยากของการดำเนินการสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้ ก็เพื่อความเข้มขลังของวัตถุมงคล ดังจะกล่าวได้ว่า มีขั้นตอนการดำเนินการจัดสร้างที่ดีเยี่ยมในพิธีการ และด้วยความต้องการให้วัตถุมงคลเปี่ยมด้วยการสร้างที่ดี ทำให้คณะศิษย์ที่ดำเนินการจัดสร้างต้องหาโรงงานหล่อด้วยความยากลำบาก ทว่าในที่สุดก็ได้โรงหล่อหนองแขมของนายช่างสุเทพ สุนทรประธาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลลำพะยา หมู่ที่ 4 จังหวัดนครปฐม ดำเนินการสร้างพระปิดตานะมหามงคล และแหวนพิรอด ตามเงื่อนไขขั้นตอนที่พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ตั้งไว้

    นายช่างได้ดำเนินการปั้นหุ่นแบบพระปิดตา และแหวนพิรอดตามแบบแก้ไขดัดแปลงจนเป็นที่พอใจของคณะศิษย์พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร จึงได้ดำเนินการปั้นหุ่นเทียนขี้ผึ้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2524 โดยปั้นหุ่นพระปิดตาพิมพ์ใหญ่ 1,000 องค์ พระปิดตาพิมพ์เล็ก 1,031 องค์ แหวนพิรอด 524 วง จนหุ่นขี้ผึ้งแล้วเสร็จในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2524



    ในระหว่างการปั้นหุ่นขี้ผึ้งจนบรรจุเบ้าเป็นองค์พระ และแหวนพิรอดนั้น ศิษย์ของพระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ซึ่งไปควบคุมด้วยตนเองนอกเหนือไปจากการช่วยในการปั้นหุ่นแล้ว ยังเป็นผู้ไปซื้อกับข้าวไปจากตลาดนครปฐม และลงมือปรุงอาหารให้ช่างอื่นๆ รับประทานโดยมิได้ให้ภรรยานายช่างเข้าช่วยแต่ประการใด ตามเงื่อนไขที่พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ได้ตั้งไว้

    วันที่ 17-20 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 เริ่มเผาเบ้าหุ่นขี้ผึ้งจนเสร็จเรียบร้อย

    แต่ อุปสรรคของการดำเนินการสร้างยังไม่จบสิ้นเพียงเท่านั้นหรอก ด้วยฤกษ์บรรจุลงเบ้าเพียง 4 นาทีเท่านั้น ซึ่งได้กำหนดไว้ในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 เวลา 04.20-04.24 น. สถานที่หล่อตั้งอยู่กลางแจ้ง แต่ในวันนั้นฝนเริ่มตกตั้งแต่บ่าย 3 จน 3 ทุ่มแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ที่สุดคณะศิษย์ต้องจุดธูปอธิษฐานพระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ และพระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา ขอให้ฝนหยุดตกตั้งแต่เที่ยงคืน ด้วยช้าไปจะหล่อโลหะกันไม่ทัน ครั้นถึงเวลา 24.00 น. ฝนก็หยุดตก ช่างเริ่มจุดไฟหลอมโลหะและแผ่นชนวน



    ระหว่างการหลอมโลหะก็ปรากฏอัศจรรย์ขึ้น ตะกรุดทองคำและแผ่นยันต์ของพระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร ไม่หลอมละลาย ทั้งที่โลหะอื่นนั้นหลอมละลายหมดแล้ว เมื่อเอาเหล็กมากดแผ่นยันต์ให้จมลง พอยกเหล็กขึ้นแผ่นยันต์ก็ลอยขึ้นมาอีก นายช่างก็ชักเริ่มตกใจด้วยใกล้ฤกษ์ที่กำหนดไว้แล้ว ช่างทั้ง 3 จึงได้จุดธูปเทียนขอขมาอาจารย์ แล้วบนบานที่จะสร้างพระพุทธรูปสุโขทัยถวาย 1 องค์ ปรากฏว่าแผ่นชนวนและตะกรุดทองคำหลอมละลายหมดทันฤกษ์พอดี

    เป็นที่โล่งใจของช่าง ด้วยไม่ทันฤกษ์ก็ต้องเตรียมการใหม่หมด

    แต่มีเรื่องประหลาดที่ว่า มีพระปิดตาองค์ใหญ่องค์หนึ่ง ไม่มีแกนชนวนติดหลุดออกมาเลยตอนทุบเบ้า และเมื่อช่างเริ่มตัดชนวนทีละองค์ ได้เริ่มต้นพระปิดตาพิมพ์เล็กเป็นองค์แรก หลุดจากแกนชนวนหล่นตกพื้น ต่างคนต่างมองเห็นองค์พระตั้งอยู่บนพื้น แต่เมื่อเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา องค์พระปิดตาหายไปเสียแล้ว

    วัตถุมงคลที่ได้ดำเนินการสร้างในครั้งนั้นเป็นพระปิดตา 2 ขนาด คือ พิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก และแหวนพิรอด สำหรับแหวนพิรอดนั้นได้หล่อกันในวันรุ่งขึ้นจากการหล่อพระปิดตาแล้ว โดยใช้ชนวนที่เหลือจากการสร้างพระปิดตาผสมเนื้อปืนใหญ่โบราณ และแผ่นยันต์เพิ่มอีก 3 แผ่น เพื่อบรรจุลงในเนื้อโลหะสร้างแหวนพิรอดโดยเฉพาะ

    หล่อต่อเนื่องกับพระปิดตา เพียงแต่ราไฟไว้ไม่ให้ดับ ปรากฏว่าเบ้าระเบิดไปบางส่วน ได้แหวนพิรอดสมบูรณ์เพียง 400 วง เท่านั้น

    ..........จัดให้ตามคำขอครับ นับเป็นพระปิดตาอนาคตไกลแห่งเขาอ้อ อีกชุดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...