เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ระวังสัตตทิฎฐิ

    อาจารย์บุญมีสอนว่า ระวังสัตตทิฎฐิ

    คือ จิตเดิมแท้มัวหมองเพราะกิเลสจร มาทำให้บริสุทธิ์วิ่งเข้าหาจิตเดิม
    ตรงนี้ผิดเลย เพราะถ้าเข้าหาจิตเดิมไม่นานก็จะหลงอีก เพราะจิตแรกเริ่มเป็นสภาวะผ่องแผ้วอิงกับธรรมชาติ
    เมื่ออิงแบบไม่รู้จึงหลงและสร้างอัตตาเพราะผ่านเวลามานานแสนนาน

    จนกิเลสหมักหมมกลายเป็นอาสวะครอบคลุุมจิต จิตนะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
    มันเป็นแค่ธรรมชาติชนิดหนึ่งที่อาศัยรูป ธรรมชาติที่รู้คิดก็คือ จิตนี่ละ

    เพียงแต่มันไม่รู้มันหลงเข้าไปสัมพันธ์กับโลก ไปสร้างทวารวิญญานทั้ง6 ขึ้นมาสัมพันธ์กับโลก
    จึงมีจุด ตำแหน่ง รูป ลักษณะ เช่นเดียวกับโลก เพราะจิตที่เป็นนามธรรม ไปยึด รูป

    จิต เจตสิก รูป (สสารพลังงาน) ทำอย่างไรเราจะหยุด เจตสิก ทำอย่างไรเราจะทำลายรูป ทำลายขันธ์

    มีวิธีเดียวคือ มหาสติ ที่สามารถทำลายอารมณ์วิปราสเสียได้

    ด้วยการให้ผู้รู้คือ จิต เห็น จิต เห็นที่อารมณ์ ด้วย สติ

    จิต สติ ตรงข้ามกัน คือ รู้ กับ ระลึกรู้ รู้ที่จุด สัมปยุต จุดกระทบที่อารมณ์วิปราส

    จึงต้องอาศัย สมาธิ เพื่อให้จิตตั้งมั่น ที่อารมณ์เดียว จึงจะเกิด สัมมาทิฎฐิ

    คือรู้ถูกของปฎิจสมุบบาททั้งมวล

    หลวงปู่ดูลย์จึงใช้คำว่า จิตเห็นจิตเป็นมรรค มีผลเป็นนิโรธ

    ดังนั้น จึงมีสอนอบรม ให้รู้จักสภาวะทั้งหลาย ซึ้งหนีไม่พ้นกายและจิต เพราะเป็นเหตุใกล้

    แต่พวกเราทั้งหลายพอเริ่มต้นก็อยากนำ อยากทำสมาธิ อยากปฏิบัติวิปัสสนา

    กิเลสนำ สมาธิจึงเกิดได้ยาก วิปัสสนาจึงมัวหมองแต่เริ่มทำ มีอย่างเดียวคือ

    ไม่มุ่งหวังอนาคต ไม่สนใจอดีต ปล่อยกาย ปล่อยใจไปแบบธรรมชาติ แบบธรรมดาของมัน

    ธรรมดาของมันคือ มันจะหยิบฉวยอะไร ดี ชั่ว บาป บุญ เราบังคับไม่ได้

    เรามีหน้าที่รูุ้้สภาวะที่เกิดตามความจริง โดยไม่เข้าไปร่วมปรุงกับมัน

    เพราะเรากำลังจะเรียนรู้ธรรมชาติความจริง แต่เรามักจะฝืนด้วยอยากนำ จึงเพ่ง จดจ่อ ตั้งท่า

    เพราะห่วงเรื่องเวลากลัวเนิ่นช้าก็ยิ่งช้า ยิ่งปล่อยวางกายและใจ ไม่หวั่นไหว ไม่คล้อยตาม

    สงบสยบทุกสรรพสิ่ง สมาธิที่มีศีลนำ สะอาดผ่องใสย่อมปรากฏ สมาธิภายในย่อมมีกำลัง

    นี่คืออำนาจของสมาธิ นิ่มนวล อ่อนโยนเหมือนแตะเบรคเพื่อให้รถหยุดที่วิ่งมาเร็ว ค่อยๆแตะแบบนิ่มนวล

    ไม่เหยียบจนหัวโก่งหน้าทิ่ม มีความสะอาด สงบราบเรียบเปรียบเหมือนสระน้ำใส ไร้ลม ไร้ละรอกคลื่น

    ไร้ริ้วรอย ไม่กระด้าง ไม่ว้าวุ่น ไม่สับสน ไม่เร่าร้อน สมาธิที่รวมตัวจนพบใจที่สัมมาสมาธิ

    เป็นกลาง เที่ยงธรรม บริสุทธิ์ สะอาด จึงปรากฏ และนำอำนาจชนิดนี้มาพิจารณา อารมณ์ที่เกิดขึ้น

    จึงพิจารณาได้ชัดเจน มหากุศลจิตจึงเกิดในขณะที่ระลึกรู้ ซึ้่งสติที่เกิด เป็นสัมมาสตินั้น ศีล สมาธิ ปัญญา

    ก็จะเกิดพร้อมในขณะนั้นด้วย ศีลจึงไม่ใช่เป็นกฏข้อบังคับ ศีลไม่มีคำว่าละเอียด ศีลแห่งอริยมรรคนั้นคือ

    จิต อารมณ์ สติ เกิดพร้อมกัน ควบคุมกันเอง ศีล สมาธิ ปัญญาก็เกิดในขณะนั้น สติที่ระลึกรู้ในขณะนั้น

    มีศีลอยู่ภายใน ศีลก็คือความสะอาด บริสุทธิ์ ไม่มัวหมอง ปราศจากกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ฟุ้งซ่าน หดหู่

    ความหมายของศีลอยู่ที่นี่ ไม่ใช่อยู่ที่กฏ ระเบียบข้อบังคับ ศีล227 รวมอยู่ในศีลแห่งอริยมรรคที่ มหาสติก็แค่นั้น

    เพราะระลึกรู้ได้ว่า จิตขณะนั้นปราศจากคำว่าเบียดเบียนอย่างแท้จริง

    ด้วยกำลังของมหากุศลจิตที่เกิดขณะชั่วแวบรู้นั้น

    อาจารย์บุญมีจึงสอนเสมอว่า

    จิตเดิมไม่รู้จึงหลง สะสมจนอาสวะปรากฏ อัตตา

    ศีล สมาธิ ปัญญา สะสมทำลายสิ้น เจตสิก รูปขันธ์ หมดสิ้นอุปทาน

    สิ่งที่เราไม่รู้คือ จิตที่เป็นธรมชาติ ที่ปราศจากกิเลส ไม่ยึดรูป ยึดขันธ์เสียแล้ว

    บรมสุขจะมีขนาดไหน เพราะรูปไม่เอาแล้วเห็นความจริง

    จิตมีปัญญาแล้ว ไม่ใช่จิตเดิมแท้ที่อิงกับโลก

    เมื่อพ้นขันธ์ ใจไม่มีโลก จุด ตำแหน่ง รูป ลักษณะ จึงหายไป

    ไร้รูป ไร้ล่องลอย ไร้ตำแหน่ง ไร้ช่องว่าง ไร้กาลเวลา

    เราจึงไม่มีวันรู้ว่า จิตที่มีปัญญาชนิดนี้จะหายไปไหน รู้เพียงแค่ว่า มันกลับคืนสู่ธรรมชาติแบบไม่หวนคืน

    ชั่วกาลปสานต์



    ข้อคิดนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวเพราะเหตุมาจากการอ่านข้อธรรมของครูอาจารย์ จึงเป็นความคิดเห็นของอ้อง

    กรุณาอ่านด้วยการพิจารณา ผิดพลาดขออภัย ต่อท่านผู้รู้ มา ณ ที่นี้ครับ

    อ้อง
     
  2. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    อดีตกรรมแห่งความเศร้า

    อดีตกรรมแห่งความเศร้า

    มีน้องๆและเพื่อนๆหลายคนมักจะคุยกับอ้องเรื่อง สิ่งที่ผ่านมาในอดีต เราจะแก้ไขอย่างไร

    อ้องก็เลยขอยกตัวอย่างของอ้องให้เข้าใจ เผื่อจะมองเห็นว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

    ตั้งแต่เล็กจนโตของอ้อง ที่ผ่านมาทำชั่วมาไม่น้อย เรื่องชั่วๆนี่ มันชอบจำได้นะ

    พอโตมาเรามาศึกษาธรรมะ ช่วงแรกติดดีเลย

    คือเข้าใจว่า ไปวัด คือเอาดี ไปเอาศีล ทำทานเอาดี ทำสมาธิเอาดี มันดีไปหมดเลย

    เข้าใจอย่างนี้จริงๆ แต่พอเจอ

    หลวงพ่อ ปราโมทย์ ท่านพูดไม่กี่คำอ๋อเลย

    "เราไม่ได้เอาดีนะ แต่เราเอา รู้"

    คือเราถือศีล ก็เอารู้ ที่ว่า ศีลที่รักษาที่สติ นั้น ใจมันสะอาด ช่วงที่มีสติระลึกรู้ ที่เกิดขึ้นมาเองแบบธรรมชาติ

    ไม่ได้จงใจเหมือนแต่ก่อน คือเข้าวัด จะไปถือศีล แล้วบอกตนเองเสมอว่า

    สำเร็จแล้ว วันนี้ถือ อุโบสถ์ศีล ละเอียดเลย ไม่มีผิด พออ้องมองย้อนกลับไป โธ่ถัง

    เราไปเล่นตามกฏหมดเลย ถือศีลก็มีกิเลส เพราะศีลที่แท้อยู่ที่ ใจ ไม่ได้อยู่ที่กฏข้อบังคับ

    ศีล 227 ข้อ พระพุทธเจ้าบอกให้รักษาที่ใจ ข้อเดียว คือ ศีลแห่งอริยมรรค ศีลแห่งมหาสติ

    ใจสะอาดมันรู้ที่ใจ เราไปจงใจ ไปบังคับเอง นี่แสดงว่า ศีลสะอาด อยู่ที่จิต มีสัมมาสติระลึกรู้

    สมัยก่อนทำสมาธิ ก็ไปติดดี ติดสุข ติดสงบ แต่ออกจากสมาธิ ก็ยังทำชั่ว คิดชั่วได้อีก

    นี่เอากำลังสมาธิมาใช้ไม่เป็นนะ ไม่ใช่หมายถึงสมาธิไม่ดี แต่ใช้ไม่เป็น

    พอมาขึ้นวิปัสสนาก็ไปติดตั้งท่าอีก อยากทำ อยากดู สารพัดอยากเลย (กิเลสนำไม่รู้ตัว)

    พระพุทธองค์ท่านฉลาดนะ ท่านดูว่า เราไปหลงกิเลส จะให้กิเลสนำไม่ได้ มีทางเดียวที่จะเลี่ยงอยากได้

    คือ ระลึกรู้ขึ้นมาเองแบบธรรมชาติ ไม่มีการจงใจ บังคับ ตั้งท่า ท่านจึงสอนมรรค8 ทางเอก ทางสายกลาง มหาสติ

    ไม่เพ่ง(สุดโต่ง) ไม่หลงคิด(อ่อนแรง) อ้องขอก้มกราบพระพุทธองค์ซักพันครั้ง

    พอมาเข้าใจในพระธรรมในเบื้องต้นแล้ว มามองย้อนอดีตกรรมต่างๆ

    นี่เราแก้ไขไม่ได้นะ และไปหยิบเอาอดีตกรรมมาสร้างความเศร้าหมองแก่ใจเราเสียอีก ไปหลงโมหะเข้าอีก

    ทำอย่างไรละทีนี้

    แต่ก่อนเคยสวดอ้อนวอน เคยขอร้อง สิ่งที่เราทำไม่ดีมา มันดูเหมือนคน ขี้แพ้ คนอ่อนแอนะ

    มามองดูว่าความเข้มแข็งเราหายไปไหน กล้าทำก็กล้ารับนะ สู้กับมัน

    สิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจก็คือ พระธรรมอันบริสุทธิ์นะ ที่เรามาเข้าใจ ได้เจอครูอาจารย์ที่ดีๆ

    นี่เรามาเจอสิ่งที่เหนือคำว่า สุดยอดแห่งคำว่า สมบูรณ์แท้แล้ว

    อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราแก้ไขได้ เพราะอนาคต คำว่าพ้นไป การไม่กลับมา สร้างกรรมเวรต่างๆ

    กำลังจะหมดไปด้วยมหาสติที่เราฝึกเดิน ฝึกอบรม

    พอมองย้อนไปก็เลยไม่กลัวกรรมชั่วอีก แต่เอากรรมชั่วนี่ละมาเป็นสติ มาอบรมเวลามันเผลอคิด จิตมันเศร้าหมอง

    เพราะว่าเรามาพัฒนาใจ ในขณะที่จิตมัน สะสม ทั้งดี ทั้งชั่ว เล่นจะเรียนรู้ดีอย่างเดียว

    พอชั่วมา ก็ตกม้าตายพอดี(คนที่ติดดี มักระวังคิดชั่ว ทำชั่ว ยิ่งระวัง กลับไปสร้างกิเลสตัณหา เวลาคิดชั่วปรากฏ

    ก็จะผลักใส ไล่ส่ง กดข่ม หนีความคิดชั่ว หันหน้าหนี โดยลืมไปว่า เราต้องเรียนรู้ เพราะจิตมันบังคับไม่ได้

    จิตมันมีสะสม ดี ชั่ว มันย่อมไปคว้าเอามาแบบที่เราก็ห้ามไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาของมัน)

    สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในการฝึกอบรมสติ ไม่ได้มีคำว่าเก่ง แต่มีคำว่า ฉลาด

    ปัจจุบัน เราจะไม่ก่อร่างสร้างกรรมชั่วอันใดอีกด้วยเจตนาก็พอใจแล้ว(คิดชั่วเรื่องของจิตห้ามไม่ได้)

    อนาคตเราจะไม่เบียดเบียนใครอีก ทางเอก มรรค8 ที่เราฝึกอบรมอยู่

    นี่ละคือทางแห่งการพ้นทุกข์ เมื่อพ้นไปก็ย่อมไม่หวนกลับมาสร้างเวรกรรมอีกต่อไป

    แต่ก่อนทำกรรมไม่กลัวกรรม ไม่กลัวนรก แต่ตอนนี้มันรู้ ทั้งกลัวนรกและกลัวกรรม

    พ้นนรก พ้นกรรม ไม่ต้องแก้ ไม่ต้องติดสินบนเจ้ากรรมนายเวร ไม่ต้องสวดอ้อนวอน

    มันจะลงนรกกี่ครั้งก็เรื่องของมัน เจ้ากรรมนายเวรจะล้างผลาญกี่ครั้งก็เรื่องของเค้า

    แต่ทางเดินข้างหน้าเราสะอาดเป็นพอ

    กรรมแก้ได้แค่อโหสิ ไปนรกอยู่ดีถ้าเศร้าหมองมาหา มาพัฒนาจิตแก้ได้คือไม่พัวพันอีรุงตุงนัง
     
  3. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    อนุโมทนาคับ "พี่อ้อง" ชัดเจนแจ่มแจ้งครับ...^ ^

    ผมเคยได้ฟัง CD เทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์
    เลยนำวิธีการระลึกรู้ตามดูจิตของท่านมาใช้(ทุกวันนี้ก็ยังตามระลึกรู้จิตอยู่)
    ตามทันบ้าง ไม่ทันบ้าง หลงบ้าง ลืมบ้าง
    การระลึกรู้ตามดูจิตของท่านเร็วมาก
    ไม่เพียงแค่จิตของท่านเองแต่ยังรวมถึงจิตของเราด้วยครับ

    ขอกราบพระอาจารย์หลวงพ่อ ปราโมทย์ ด้วยครับ...
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    พรุ่งนี้คงเดินทางเข้ากรุงเทพก่อนครับตรุษจีน
    เผลอๆอาจจะอยู่ยาวถึงสิ้นเดือนเพื่อไปกราบหลวงพ่อวันที่27 กพ
    น้องวันชัยถ้าเข้ามาอ่านฝากเตือนด้วยนะครับว่าวันที่เท่าไหร่
    พี่จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ

    ถ้าติดงานอาจจะต้องกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปอีกที
    กลับมาคงได้มาเสวนาธรรมกันต่อนะครับ
    อนุโมทนาครับ
    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ(อ้องเขาค้อ)
     
  5. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับลุงอ้อง
    ครับลุงวันที่27ก.พ53ครับลุง
    กัลยาณมิตร มีนัดกันหลายท่านครับลุง
    ตอนนี้ครูบาโมดท่านอยู่ที่จ.สุพรรณบุรีครับ
    ท่านไปช่วยงานหลวงตาครับ
    และท่านก็จะเลยไปจ.กาญจนบุรีเลยครับ
    ไปเยี่่ยมแม่ชีวรนารถครับ
    แล้ววันที่25ท่านก็จะเข้ามาที่ชลบุรีครับ

    วันที่ 27ก.พ 53 นัดไปเจอกันที่สวนสันติธรรมนะครับลุง
    สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2010
  6. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    ...กดซ้ำครับ
     
  7. 0+โจ๊ก+0

    0+โจ๊ก+0 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +68
    ถามน้าอ๊องหน่อยนะครับ เกี่ยวกับเรื่องทานอาหารเจอะคับ
    1.การทานอาหารเจเป็นบุญรึป่าวคับ?

    2.หากว่าการทานอาหารเจไม่เป็นบุญด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ปรากฏในกุศลกรรมบท 10 ประการ หากเรารับประทานอาหารเจเพราะว่าวิทยาศาสตร์,แพทย์แผนจีนและแพทย์แผนปัจจุบันได้มีการวิจัยแล้วว่าการรับปรทานอาหารเจดีต่อสุขภาพ มากกว่าทานเนื้อสัตว์ที่อาจก่อโรคในอนาคตได้ หากเราทานอาหารเจด้วยเจตนาว่าจะรักษาสุขภาพกาย ไม่เบียดเบียนกายสังขารของเราเองอย่างนี้ ก็ได้รักษาศีลข้อ1ด้วยเจตนาอย่างี้ จะเป็นบุญไหมคับ?

    3.มีคนบอกว่าการทานเนื้อสัตว์เป็นบาป โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่เป็นบุญและบาป แต่ก็มีข้อที่ห้ามทานอยู่ผมคิดอย่างงี้ถูกต้องไหมคับ?

    4.แต่ที่น่าสงสัยคือเขาบอกว่าการทานอาหารเจช่วยเอาไปต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรได้จริงรึป่าว?เพราะคุณป้าของผม่านเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป พอท่านตั้งปณิธาน ทานเจตลอดชีวิตกับพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านก็สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆจนเป็นปกติ ไม่มีอาการของคนเคยเป็นโรคอัมพาตเลย ถ้าการทานเจไม่บุญไม่บาปจริง ไม่เป็นกุศลจริง เหตุใดจึงเกิดปาฏิหารเช่นนี้ได้คับ และก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้นับครั้งไม่ท่วน แต่ที่ยกตัวอย่างผมเอาแบบใกล้ตัวนะคับ?

    5.อยากทราบว่าถ้าน้าอ้องไปพบพระโพธิสัตว์กวนอิมช่วยรบกวนถามท่านด้วยเกี่ยวกับการทานเจครับ อยากรู้ว่าท่านมีความคิเห็นอย่างไร?

    ขอน้าอ้องเมตตาด้วยนะคับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงอยากถามแบบผมกับคนที่ออกไปท่องโลกของวิญญาณได้อย่างน้าอ้อง
     
  8. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    …ธรรมมะเติมธรรมมะ ไม่มีธรรมมะ นั่น แหละ ธรรมมะ …(หลวงปู่ดุล)

    ^,^
    ตั้มครับป๋ม
     
  9. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    ความโกรธ ไม่เป็นอกุศล

    โกรธเป็นอกุศล

    ^,^
    ตั้มครับป๋ม
     
  10. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    บุญและบาป มาจากการกระทำ …แล้วจิตปรุงแต่งให้เป็น บาปและบุญ เมื่อ ไม่มีการปรุงแต่ง บุญและบาปแล้วนั้น …มันจะเป็นแค่การกระทำ…เพียงแต่จะเป็นไปในทางที่ถูกต้องโดยแท้หรือเป็นไปในทางที่ผิดโดยแท้

    …การกระทำที่จะกระทำเอาบุญแล้วนั้นย่อมไม่แตกต่างจากการซื้อหวย เพื่อหวังให้ถูกหวย พอได้ก็ดีใจ เมื่อไม่ได้ก็เสียใจ


    ^,^
    ตั้มครับป๋ม<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    วันนี้ตามไปวัดตอนเช้าเลยโทรหา
    คุณวันชัย โทรหลายครั้งมีแต่ให้ฝากข้อความ
    สงสัยแบตหมดเลยไม่ได้เจอกันเลย
    คุณอ้องด้วยเสียดาย ได้ยินหลวงพ่อบอกว่า
    เมื่อวานมีพระจากลาวมาภาวนาดี
    เลยสงสัยกลุ่มคุณอ้องและพระคุณเจ้าคงมาเมื่อวานแล้ว
     
  12. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับลุงชัยมงคล
    ผมก็ไปวันที่27ก.พครับ
    แต่ไม่เห็นลุงเลยครับ
    ก็ไปเจอลุงอ้อง เจอเก่ง เจอพี่หญิง เจอพีี่แอ๋ว เจอครูบา มีคนเก่งๆเยอะเลยคับ
    สาธุการในการไปครั้งนี้ดีมากๆครับ ได้ธรรมที่ลึกมากๆครับจากครูบา
    ท่านสอนได้ลึกมากๆครับ
    แต่ละท่านที่ไปก็ได้พระบรมสารีริกธาตุมาบูชากันทุกท่านนะครับ
    ไปพักที่วัดป่าหนองเลงครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ลุงชัยมงคลนั่งอยู่ตรงไหนหรอครับ

    กลับมาก็เหนื่อยน่าดูครับ จิตหมดแรง กายก็พาเหนื่อยไปด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2010
  13. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ไปถึง 7โมงกว่าแล้ว ไปสายหน่อยคิดว่า 8.00นถึงจะเทศน์
    โทรติดต่อคุณวันชัยไม่ได้เลย
    อยากให้ถ่ายทอดคำสอนครูบาหน่อยมีอะไรบ้าง
     
  14. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    อนุโมทนา

    เพิ่งกลับถึงบ้านที่เขาค้อซักครู่ครับ
    ไปเกือบครึ่งเดือนทีเดียว
    การพบเจอสหายธรรมและครูอาจารย์ก็ได้ประโยชน์มากอยู่ครับ
    ครูบาโมดคงจะเดินทางเข้าเลยแล้ว
    อ้องถวายค่าพาหนะเดินทาง1พันบาทอนุโมทนากันด้วยนะครับ
    และก็ถวายในตู้ถวายสำหรับหลวงพ่อปราโมทย์ในกิจต่างๆ1พัน
    ก็อนุโมทนาเพื่อเป็นกุศลร่วมกันด้วยเช่นกัน
    งานนี้ครูบาที่ลาวให้พระธาตุมาบูชาเพื่อเป็นพุทธานุสติเตือนตนด้วยสติ
    คือความไม่ประมาทเพราะอัฐิธาตุแสดงการล่วงลับสิ้นไป

    น้องวันชัยมักมีความกังวลแผ่ออกมาแล้วไปกดเอาไว้ปล่อยมันเสียด้วยรู้นะครับ
    ส่วนภรรยาในใจมีความเศร้าลึกๆแผ่ออกมาพี่ไม่ทราบว่าเธอ
    มีความทรงจำอันใดที่เศร้าหมองหรือไม่
    ให้คลายออกจากการยึดติดในอารมณ์นั้นด้วยการฝึกสติโดยการยอมรับเค้า
    เพื่อตื่นรู้ความจริง เพื่อการไม่เข้าไปปรุงแต่งอารมณ์นั้นๆ

    ถ้าพี่อ้องผิดพลาดก็ขออภัยมาด้วย...
    ครูบาโมดมาเที่ยวนี้ท่านก็คงจะเดินปัญญาได้มากขึ้น
    ท่านได้อบรมมาสองวันก่อนอ้องไปหนึ่งวันหลวงพ่อจึงเอ่ยถึงในอีกวัน
    ที่คุณวันชัยไปด้วยเช่นกัน

    ครูบาเล่าถึงมิติที่ปรากฏเป็นนิมิตตรงหน้าเหมือนภาพยนต์ที่แสดงนรกภูมิ
    ที่เต็มไปด้วยเลือดและความต้องโทษของสัตว์ในอบาย

    การพิจารณาอสุภจนเห็นกายเป็นก้อนเนื้อมากองเป็นก้อนๆตรงหน้า
    กายหายเหลือเพียงจิตและสติรู้อยู่กับความจริง

    วันนี้อ้องคงขอเก็บของเพราะเพิ่งถึงบ้านพรุ่งนี้ก็ติดงานเข้าพิดโลกต่อ
    ว่างๆจะมาตอบน้องบางท่านที่ถามๆมานะครับ
    อนุโมทนา

    ธรรมอันมีอุปการระมากทั้ง3
    ไม่ประมาทในชีวิต
    มีสติรู้ความจริงในปัจจุบัน
    มีจิตรู้จิตอย่างแจ่มชัดตามธรรมชาติ

    เมื่อมีสติ ศีล สมาธิ ปัญญาย่อมปรากฏด้วยขณะรู้เพียงแวบ...
    ในขณะรู้เพียงแวบย่อมเห็นความจริงของธรรมชาติ
    โลกข้างหน้าหายไปไม่หลงเหลือ
    อยู่กับความจริงของกายและจิตที่แสดง
    ขันธ์ที่ผัสสะกระทบธาตุรู้ที่ช่องวิญญาณ

    ถ้าเราเห็ยบ่อยเราจะเห็นจิตในจิต
    เราจะรู้จักอารมณ์
    เราจะแยกจิตกับอารมณ์
    และเราจะรู้ว่าการเกาะยึด การให้ค่าสมมุตินั้นตามความจริง
    ของการไหลไปหาเหตุธรรมดาของธรรมชาติ

    เราจะเห็นเฟรมหนังที่แต่ก่อนยาวเป็นหนังชีวิตหดสั้นลง
    เพียงหนึ่งเฟรม หนึ่งเฟรมหนึ่งจิตที่ไม่อาจตีความหมายการสมมุติออกมาได้
    ว่าเรียกว่าอะไรเพราะมันไม่ใช่กายและไม่ใช่จิต

    เราจะเห็นช่องว่างของภพ เพื่อการสืบต่อ เราจะตัดสันตติการสืบต่อด้วย
    ใจเป็นกลางและคุณธรรมที่สะสมมากยิ่งขึ้น
    เราจะเห็นมายาของจิตแสดงตนเพื่อให้กิเลสตัณหาอุปทานเข้าไปยึดในอารมณ์

    ด้วยเพราะมีอดีตกรรมอันเป็นเหตุ มีอารมณ์เก่าอันเป็นเหตุ มีการปรุงแต่งเจตสิก
    อันเป็นเหตุ มีวัตถุรูปแสดงจุด ตำแหน่ง ช่องว่างกาลเวลาปรากฏให้สืบค้น
    เพื่อให้จิตยกอารมณ์เดิม

    เมื่อเราเท่าทันจิตในจิต เราย่อมเท่าทันอารมณ์ในอารมณ์ที่กำลังจะปรากฏ
    เมื่อเห็นว่าอารมณ์ก็ตัวเดิมให้ค่าเหมือนเดิมมีแต่ทุกข์มีแต่โทษ

    จิตที่เป็นธรรมชาิตย่อมเบื่อหน่ายเองไม่ต้องไปบังคับ
    จิตย่อมคลายกำหนัดเองไม่ต้องไปกดข่มและพยายาม

    สติอันเป็นธรรมอันมีอุปการระมากย่อมรู้ตามจริงของธรรมชาติเอง
    ปล่อยกายและใจไปกับธรรมชาติตามจริงเสียเถิด
    อย่าไปบังคับ อย่าไปพยายาม รู้ตามไปเรื่อยๆแบบสบายๆ

    อย่าไปติดกาลเวลา อย่าไปเร่งรีบ จงเพียรชอบในมรรคอย่างสม่ำเสมอ
    เจริญคุณธรรมในสัมมัปทาน4ทำกุศลให้ต่อเนื่องเนืองๆให้ถึงพร้อม

    ในไม่ช้าไม่นานจิตย่อมพ้นไปเองไม่ต้องไปบังคับอันใดเลย
    ถ้าเดินมาเส้นทางนี้แล้วเค้าจะพ้นเองตามธรรมชาติเอง
    เมื่อสุกงอมผลไม้ย่อมสุกเอง

    จงปลดปล่อยตัวตนไปตามธรรมชาติเหมือนดั่งต้นไม้ที่ยืนต้น
    ต่อสู้กับลมฟ้าไม่หวั่นไหว ทั้งมั่นคงและไม่ซัดส่าย
    เมื่ออินทรีย์สมบูรณ์ไม่มีธรรมชาติอันใดจะมาห้ามมันไม่ให้ออกผลที่สุกงอมได้

    ธรรมชาติที่พยายามกลับคืนสู่สภาพ
    รู้เพื่อคืน
    ย่อมปรากฏวิชามาแทนความมืดบอดทั้งปวง
    อยากพ้นทุกข์จึงต้องรู้จักทกุข์

    เดินทางถูกย่อมพบความจริงในไม่ช้าครับ
    อนุโมทนาอีกครั้ง
    อ้องครับ
     
  15. stathong

    stathong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +141
    อนุโมทนา.... สาธุ ครับคุณอ้อง ผมเพิ่งเริ่มอ่านเรื่องของคุณ ... ผมจะพยายามอ่านให้จบ อ่านแล้วสนุกและได้คติธรรม ....
     
  16. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    เมื่อลมหายใจหายไปเหลือเพียงจิตเด่นดวงและสติ

    เมื่อจิตไม่ซัดส่ายมีสติดำรงค์เฉพาะหน้าไม่หวั่นไหว
    กายเริ่มสงบระงับเบาลง
    อยู่กับพุธโธเป็นพุทธานุสติเป็นอารมณ์
    เมื่อกายเบามากขึ้นจิตทิ้งคำภาวนาเหมือนมันหนัก
    เหมือนมันไม่ไปใส่ใจอีก
    เหมือนมันหายไปตอนไหนไม่รู้แต่มีสติซ่อนตัวหนึ่งรู้
    รู้ว่าคำบริกรรมไม่อยากยกขึ้นเพราะหยาบ
    จิตเริ่มเบาละเอียดเริ่มรวมตัวลง
    มาสู่ลมหายใจ
    ลมหายใจก็เริ่มจากหยาบมาละเอียด
    จากสม่ำเสมอก็ไม่สม่ำเสมอ
    จากเข้าๆออกก็เหมือนดั่งคากั๊กภายในบ้างภายนอกบ้าง
    ลมที่รู้สึกดูจากมาๆก็เริ่มหายไป
    เข้าสั้นมากข้ึ้นแต่กลับยาวมากขึ้น
    ลมไม่เสถียรเหมือนมาตรตวง
    นั้นเพราะกายเริ่มสงบระงับ
    ความต้องการลมของกายน้อยลงเป็นธรรมชาติของกาย

    จิตไม่ตกภวังค์มีสติรักษา ไม่เคลิ้มตกภวังค์กลายเป็นฌาน
    ลมหายไปนานมากขึ้นหาตัวจับยึดไม่ได้
    จงยึดกับความสงบที่สงบละเอียดมากขึ้น

    อีกไม่นานลมก็จะปรากฏให้เห็นอีก

    เพราะลมยังไม่เป็นหนึ่งกับกาย

    จนจิตหดรวมเข้าหาใจอันคือสัมมาสมาธิปรากฏ

    จิตรวมมาเป็นใจ

    อทุกขสุขมเวทนา รู้สึกไม่สุขและทุกข์ปรากฏ
    ลมอันเป็นสิ่งสัมพาธเสียดแทงใจหายไปอันคือหนาม

    ลมเป็นหนึ่งเหมือนระหว่างวันที่สูดลมหายใจทั้งวันแต่ไม่เห็นลม
    ลมเป็นหนึ่งเข้ากับกายและจิตเหมือนดั่งอากาศใสๆห่อหุ้ม
    กายไม่ต้องการลม

    อุเบกขา ใจเป็นกลางเที่ยงธรรมปรากฏไม่อิงโลก

    ปรากฏสติตัวรู้สัมมาสติเกิดขึ้นเข้ามาอยู่ความจริงของกายและจิต
    รูปและนามตามจริงแท้

    ปาริสุทธิ จิตบริสุทธิ์ผ่องใสผุดผ่อง ศีลแห่งอริยมรรคปรากฏ

    เอกัคคตา จิตสงบนิ่งเป็นหนึ่งอันคือสัมมาสมาธิเกิดขึ้น

    ครั้งหนึ่งอ่านของหลวงพ่อสิงห์ท่านบอกหาที่ยึดไม่ได้ให้ขีดวงจิต
    เหมือนดั่งสร้างวงให้จิตมีที่ตั้ง จิตก็จะหดรวมเข้าไปจนเข้าหาใจ

    แต่ของอ้องจะชอบสงบแล้วมักจะเผลอตกภวังค์กลายเป็นฌานซะบ่อยๆ
    แต่จุดมุ่งหมายก็คือเพื่อเข้าหาใจทั้งสิ้นและเอาใจที่ปรากฏพิจารณา
    ขันธ์ สัจจะ อายตนะ ธาตุ ตามจริงที่ปรากฏ

    สิ่งที่อ้องอธิบายมาเป็นความเข้าใจส่วนตนเอง
    ของ จขกท หรือ ของท่านอื่นๆอาจจะมีกลยุทธจู่โจม หลอกล่อ ไม่เหมือนกัน
    ตามจริตนิสัยตามกรรมฐานที่ชอบพอ

    ผิดพลาดจึงขออภัยมาด้วยนะครับ
    อ้องครับ
     
  17. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    เมื่อไม่กี่วันนี้พอดีได้พบหลวงพ่อสายพระป่า
    ท่านสอนให้มีสติรู้สึกถึงกายก่อน
    ไล่ตั้งแต่หัวและหน้า ..ให้รู้สึก(ไม่ใช่นึกเป็นภาพ)
    ลงมาถึงหน้าอก..ลงมาที่มือขวาทับมือซ้าย..ให้รู้สึก
    เท้าขวาทับขาซ้าย..ให้รู้สึก(ไม่ใช่นึกเป็นภาพ)
    ก้นสัมผัสพื้น..ให้รู้สึก
    ไล่ขึ้นไล่ลงสักพัก ถึงจะไปจับลมที่ปลายจมูก
    แล้วให้ทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน
    ผมหายเพ่งลมเลยทันที
    น่าจะเกิดจากการแบ่งไปที่ตัวสติด้วยเลยพอดี
    หลวงพ่อบอกให้รู้สึกด้วยว่าลมยาวลมสั้น
    กลายเป็น3ตะกร้า
    ถ้าท่านใดติดเพ่งลองฝึกวิธีนี้ดูนะครับเผื่อได้ผล
    ช่วงหลังผมลองจับลมเลยอย่างเดียวก็ไม่เพ่งเหมือนก่อน
    พอรู้ตัวว่าเพ่งไปมันจะลดลงเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2010
  18. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับลุง
    ก็เป็นอย่างที่ลุงว่าครับ
    สภาวะหนัก ตื้อ มันแผ่เข้ามาในจิตน่ะครับ
    แล้วไปกดเอาไว้น่ะครับ ไม่ยอมปล่อย เพราะอยากดี
    เป็นตั้งแต่ก่อนไปแล้วน่ะครับลุง
    "เพราะอยากดี ก็เลยเข้าไปกดครับ"
    เป็นเพราะส่งจิตออกนอกบ่อยน่ะครับ
    แล้วก็ดูแต่อารมณ์ จิตหมดกำลังด้วยน่ะครับ
    ตามอารมณ์ไม่ทัน ไปดูแต่อารมณ์ ไม่ดูจิต(ก็เลยงอมเลยครับ หมดแรง)
    กำลังหมดไปเองน่ะคับ (เห็นเด่นเลยครับ)

    วันนั้นดูสภาวะใครไม่ออกเลยครับ(นี่คือผลของการส่งออกบ่อยน่ะครับ)
    จิตผมมัวมากๆครับ ไม่มีแรง จิตไม่รับธรรมะเลยครับ ธรรมะเลยไม่ไหลเข้าจิตเลยครับ

    แต่ไปคราวนี้ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีครับ
    ดีมากๆครับ (คำนี้ออกมา ปีติก็แผ่ออกมาด้วย)
    ก็ดีจริงๆน่ะครับ เห็นผู้ภาวนาแล้ว รู้สึกดีมากๆครับ

    ลุงอ้องครับ จะไปจ.เลย ตอนไหน บอกด้วยนะครับลุง อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2010
  19. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    สวัสดีครับ พี่อ้อง
    ต้องขออภัยพี่ด้วยที่ไม่ได้เข้ามาทักทาย หายไปเลย

    มาวันนี้มีสิ่งดีๆ มาเล่าให้ฟังครับพี่

    ทุกวันนี้ผมเจริญสติ ตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 ในชีวิตประจำวัน ในข้อที่ว่าหมวดกายและเวทนา จนสติติดแนบและมั่นคงมากขึ้น
    ผมใช้เวลาช่วงเช้า เริ่ม ตี 4 เกือบทุกวันเจริญสมาธิ ผมฝึกกสิณไฟ จนทุกวันนี้ผมสามารถเข้าฌาน 4 ในกสิณกองนี้ได้แล้ว ผมไม่ขอเล่าถึงอภิญญานะครับ เพราะว่ามันมหัศจรรย์พันลึกจนยากที่จะอธิบาย
    ในขั้นการเจริญปัญญานี้คือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตผม ส่วนตัวผมเองก็มีแนวปฏิบัติบ้างแล้ว แต่อยากจะขอคำแนะนำจากพี่อ้อง เพื่อนำมาปรับในขั้นนี้ครับ..

    สำหรับอารมณ์ใจที่ติดในอภิญญาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเดินข้ามมาแล้ว

    ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2010
  20. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    อนุโมทนานะหนุ่ย...
    มีแต่ปัญญาจึงจะก้าวข้ามอภิญามาได้
    เพราะฤทธิ์เป็นภัยต่อนิพพาน
    ถ้าไปติดแต่เริ่มก็จะไม่ก้าวข้ามพ้นทุกข์เพราะเพลิดเพลินยินดีในอุปทานอารมณ์
    อนุโมทนาอีกครั้งนะหนุ่ย

    ส่วนการจะเล่าผลแห่งการปฏิบัติ์และการไม่ติดทำอย่างไรก็ไม่ได้เสียหายนะ
    เพื่อเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆก็เป็นสิ่งที่ดีครับ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...