แลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกเจริญอสุภะกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย albertalos, 24 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ดีคับกระทู้นี้อยากได้รับความเห็นของแต่ละท่านในการเจริญอสุภะกรรมฐาน
    ของแต่ละท่านเป็นอย่างไรกันบ้างมีปัญหาและข้อแก้ไขอย่างไรมาแชร์ประสบการณ์กัน

    ใครมีประสบการมากก้มาเล่าสุ่กันฟัง
     
  2. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=4QyJxinflLI]YouTube - พิจารณาสังขาร.wmv[/ame]
    คลิปทำเองมาฝากเพื่อนๆ ....
    โหลดหรือแจกจ่ายได้ตามสะดวกนะคร้าบ ...



    บุญกุศลอันใดที่พึงบังเกิดจากการเผยแพร่ธรรมทานชุดนี้ ขอแผ่ให้กับ ทุกสรรพดวงจิต ที่ถูกนำมา ยกมาใช้ ในสื่อธรรมะชุดนี้ ทั้งที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงได้รับบุญกุศลแห่งธรรมทานนี้ทุกประการ
    เช่นเดี่ยวกับทุกสรรพดวงจิต ที่ได้พิจารณาสื่อธรรมะนี้ ขอท่านทั้งหลายให้ได้พบพระรัตนตรัยเป็นสรณะทุกภพชาติ เข้าถึงธรรมะ และบรรลุธรรมได้โดยง่าย แม้ไม่เข้าสู่พระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าอดยาก ยากจนอย่างได้เกิดขึ้น และให้เข้าถึงพระนิพพานอัญเป็นบรมสุขโดยเร็วพลันด้วยเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กุมภาพันธ์ 2010
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ถ้าเราต้องการไปนิพพาน สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ การเจริญอสุภกรรมฐานครับ เวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะจับภาพศพของตัวเองทุกวัน เเต่จะจับให้เป็นศพใสครับ ทําอย่างนี้ทุกวันเเล้วจิตเราจะละเอียดได้ครับ ความตายนี่เป็นอะไรที่ควรนึกถึงให้ได้มากที่สุดในทุกๆวันครับ ผมจะใช้ vdo นี้สําหรับการเจริญอสุภกรรมฐานครับ ใครสนใจก็คลิกดูได้เลยครับ ตอนเเรกที่ผมดู ผมยอมรับนะว่า รู้สึกเเหยงๆอยู่ชอบกล เเต่เดี่ยวนี้ พอเข้าใจเเล้วว่า ช้าเร็ว เราก็ต้องตายอยู่ดี จะโกรธกัน เกลียดกันไปทําไม สุดท้ายก็เหลือเเค่เถ้าถ่าน พอดูเเละพิจารณาอย่างสมํ่าเสมอ ทุกวันนี้ผมให้อภัยคนได้ง่ายมากๆ ต่อให้คนๆนั้นจะเลวร้ายเพียงไหน ผมก็ให้อภัยได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ อันนี้ต้องปฏิบัติกันเองจะเข้าใจเองครับ อ้อ พูดถึงเรื่อง vdo ข้างล่างนี้ ในอดีตนั้น ช่วงเเรกๆผมก็ออกจะขยะเเขยง ดูไปขนลุกไปพูดไม่ถูก เพราะธรรมดา ผมเป็นคนที่ไม่ชอบดูภาพหรืออะไรที่เกียวกับศพคนตายครับ ยิ่งถ้าศพเละๆนี่ เลิกพูดไปเลยครับ ดูเเล้วหลอนเเน่ๆ เเต่หลังจากที่่ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังเเล้ว อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกวันนี้ผมสามารถดู vdo นี้พร้อมกับกินข้าวไปด้วยได้เเบบปลงๆครับ เจริญในธรรมครับกทุกท่าน ดูเเล้วก็อุทิศบุญเเผ่เมมตาไปให้พี่เจ้าของร่างด้วยนะครับ พี่เขาชื่อ พี่มุก สุนันทาครับ

    <object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/6Vf8AbFB50w&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/6Vf8AbFB50w&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>
     
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    อันนี้อีกอันครับ อนุโมทนาครับ

    <object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/d8GGnlJjwGg&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/d8GGnlJjwGg&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมเองก็ไม่ได้ชำนาญนักในเรื่องการกำหนดอสุภกรรมฐานหรอกครับ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์มากเพราะว่า เวลาผมนั่งสังเกตอารมณ์บางอย่างเรียกภาษาชาวบ้านว่า อารมณ์ใคร่ หรือ อารมณ์รัก หรือ อารมณ์ทางเพศ อันเกิดเพราะอกุศลจิตสามชนิดใหญ่คือ ราคะ โมหะ โลภะ อันเป็นมูลเหตุ การเพ่งอสุภะนั้นเพื่อให้เกิดอุคคหนิมิตมีนิมิตเป็นอารมณ์ เป็นนิมิตเสมือนจริง ให้ได้ภาพที่ชัดเจนพอเมื่อปล่อยจิตสู่ภาวะปกติ จากภาพที่เห็นจะเคลื่อนสู่วัฏจักรของความเปลี่ยนแปลงไปเองของกระบวนการทางธรรมชาติคงไม่มีใครหรอกที่เพ่งไปๆ แล้วสวยขึ้นเด็กขึ้นจริงไหมครับ อสุภะตำราว่ามี ๑๐ ชนิด แต่ว่าขึ้นอยู่กับกำลังของมูลเหตุว่ามากน้อยเพียงใดถ้าน้อยเพียงจิตรู้ว่าสัตว์ตัวตนบุคคลทั้งหลายย่อมมีเกิดและตาย มูลเหตุนั้นก็ดับระงับลง หากมูลเหตุมีกำลังมากจะต้องพินิจเพ่งไปจนกว่าจิตจะยอมรับหมายถึงเพ่งแต่ละลำดับจนเป็นอุคคหนิมิตแล้วปล่อยจิตสู่วัฏจักรเอาสติคุมไว้แล้วดูว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อกายนั้นจากสิ่งที่จิตยึดว่าสวยว่าดีแล้ว หอมสะอาดงามตาแล้วเป็นอย่างนั้นจริงไหม จนถึงที่สุดคือความว่างเปล่า แต่ไม่ใช่ว่าจิตจะพิจารณาเห็นความว่างเปล่าเลยมันขึ้นอยู่กับว่ากำลังของมูลเหตุนั้นเช่นกัน ถ้าไม่มากโดยมากก็สละก็คลายไปนานแล้วแต่ก่อนจะปล่อยจิตจากอุคคหนิมิตนั้นจะแน่ใจว่านั่นอุคคหนิมิตนั้นจริงๆ เพราะหากไม่ใช่เป็นแต่เพียงจิตปรุงแต่งให้เห็นแล้วมันก็จะไม่เกิดประโยชน์ใด เพราะได้แต่เพียงเห็นภาพที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น มันยังไม่เข้าสู่จิตภายในเมื่อเป็นเช่นนั้นไม่ว่าปล่อยหรือไม่ปล่อยจิตสู่วัฏจักรของการพิจารณาหรือการนึกคิด โดยมีสติควบคุมก็ไร้ประโยชน์
    เพ่งจนเป็นอุคคหนิมิต แล้วปล่อยอารมณ์นั้นออกมาให้สติพิจารณา ในแต่ละจุดแต่ละตอนตามกำลังของมูลเหตุซึ่งเรารู้ได้ด้วยตนเอง คือ มันจะเบามันจะคลายจนกระทั่งดับลง ตัวมูลเหตุที่เกิดแก่รูปกายนี้ทั้งหลาย
    อนุโมทนาด้วยครับ หากผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยครับเพราะว่าผมทำมาแบบนี้แต่ก็ไม่ถึงที่สุดยังคงเหลือมูลเหตุนั้นอยู่ครับ
    จริงๆหากมูลเหตุมีกำลังไม่มาก แค่เพียงมรณังนุสสติ มูลเหตุก็ดับลงเช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2010
  6. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    ส่วนตัวผมเองเจริญแบบ ทูอินวัน คือไม่ได้ดูแต่รูปซากศพอย่างเดียวให้ดูภาพโป้สลับกันไป ทำนองว่า พิจารณาศพก่อนระยะหนึ่งแล้วสลับมาพิจารณาภาพวาบหวิวเพื่อทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบที่ดีระดับหนึ่งครับ ถ้าเจริญภาพศพอย่างเดียวพอมาเห็นภาพวาบหวิวเข้ากว่าจะทำใจได้มันต้องใช้เวลา แต่ถ้าเจริญ 2อย่างควบคู่กันไปมันจะเกิดความเบื่อชินได้ง่ายกว่าเพราะดูจนชินอารมณ์ที่ได้จะได้เร็วกว่าในส่วนตัวผมเองน๊ะครับ อีกอย่าง พิจารณาปฏิกูลของตัวเราเองก็ดีไปอย่างครับคือเวลาถ่ายอุจจาระแล้วก็นั่งเพ่งเลยได้ทั้งรูปทั้งกลิ่นว่ามันมีอยู่ในตัวเรา (บางคนอาจจะคิดว่าโรคจิตหรือเปล่าอันนี้มันขึ้นอยู่กับจิตของคุณเองครับว่าคิดมากไปหรือเปล่า) บางครั้งดูภาพศพไปผมตักข้าวกินไปดูไปยังเฉย ๆเพราะพิจารณาแยกกันกินก็กินไปดูก็ดูไปไม่เอาอารมณ์มาปะปนก็ผ่านฉลุย แต่จะทำกันได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวคุณเองครับว่ากล้าหรือเปล่า สิ่งรอบตัวเรื่องเผ้าผม ใส่ยงใส่เยล น้ำหงน้ำหอมแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ถ้ายังไปยุดติดกับมันก็ยากที่จะละได้ส่วนหนึ่งบางคนอาจค้านว่ามันต้องดูดีไว้ก่อน นั่นล่ะครับในเมื่อตัวเองยังยึดติดแบบนี้แล้วมันจะไปไม่ถึงไหนกันน่ะสิ กิเลสมันยังคงครอบงำอยู่ อย่าไปบ้าตามยุคสมัย อย่าเห่อแฟร์ชั่น ค่อย ๆปรับตัวไปเดี๋ยวก็ดีเองครับ เจริญในธรรมครับทุกท่าน
     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    แสดงความเห็นในกระทู้แล้ว
    คุยเรื่องการปติบัติกันได้ที่เมล talkthumma@hotmail.com นะครับ
     
  8. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    ถ้าเรายังยึคติดกับตัวเองอยู่บ้างบางครั้งเช่น ยังอยากแต่งตัวแต่งหน้าอยู่ เราจะปฏิบัติไปได้สูงสุดแค่ไหนคะ
     
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ตอนเราแต่งหน้า ใจเรายังเห็นพื้นหน้าที่เป็นสิ่งดั้งเดิมไหม หรือว่า หลงไป
    กับสีสรรวรรณะใหม่ ที่เกิดจากการปรุง

    ถ้าใจเรายังยอมรับถึงการมีอยู่ของ หน้าดั้งเดิม ก็ถือว่าก้าวหน้า แต่งหน้า
    ก็จริงแต่ก้าวหน้าทางธรรม

    แต่ถ้าใจเราลืมไปหมด มองไม่เห็นหน้าดั้งเดิมแข็งๆใต้รองพื้น และสีสรร
    วรรณะใดๆที่เราแต่งเติมเลย แต่ใจม่วนอยู่กับความเป็นตัวตนใหม่อันมีเครื่อง
    บำรุง ประเทืองผิวเหล่านั้น ก็ถือว่า ขาดทุน

    * * * * *

    อีกมุมหนึ่ง

    การแต่งหน้านั้น หากเราไม่ได้สนองความเป็นตัวตนของเราเอง แต่เรา
    แต่งเพื่อให้สังคมพอรับไหว สังคมให้การยอมรับ ทำให้การงานมันพอเดิน
    คล่อง อันนี้ก็ถือว่า ไม่เสียหาย สามารถแต่งหน้าแล้วปฏิบัติธรรมได้

    แต่ถ้าการแต่งหน้านั้น ทำเพื่อสนองความเป็นตัวตน เพื่อปิดบังซ่อนเร้นไม่
    ให้ใครๆรู้เป็นหลัก เพื่อทำให้เข้าใจผิดเป็นหลัก อันนี้ ก็ถือว่า ไม่ควร เพราะ
    หากมาปฏิบัติธรรมจิตจะยังฝุ้งซ่านอยู่
     
  10. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมว่าเป็นไปตามฐานะครับ เพราะว่าการแต่งหน้านั้นถ้าหากเพราะด้วยหน้าที่การงานที่ยังต้องทำอยู่ก็ไม่มีผลและขึ้นอยู่กับจิตใจว่า เราคิดว่าแต่งเพื่ออะไรบางคนแต่เพื่อให้ดูไม่น่าเกลียดเวลาพบเจอผู้คน อันนี้ในทางธรรมถือว่าปกติครับแต่ถ้าประเภทวันนี้ฉันต้องสวยกว่าเมื่อวาน อันนี้ค่อนข้างจะเอียงไปทางความหลงยึดมั่นถือมั่นครับ อันแรกพอมีลุ้นที่จะไม่ยากเย็นที่จะปฏิบัติกรรมฐานเพราะจิตไม่ยึดเป็นภาระ อันที่สองนี่ค่อยข้างยากที่จะวางภาระนั้นลงการปฏิบัติจะค่อนข้างลำบากกว่าอันแรกครับ ถึงยังไงทั้งสองแบบก็สามารถเข้าถึงธรรมได้ถึงที่สุดครับ อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วกว่ากันตามเหตุปัจจัยนั้นๆครับ
     
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    สุภะ และ อสุภะ
    เป็นสิ่งที่เราต้องมีสติละลึกรู้ในความน่ายินดี และความน่ารังเกียจ
    ใน รูปกายภายนอก การฝึกจะทำให้เราเกิดสติรู้เท่าทันว่า จะรูปที่น่ารังเกียจ หรือรูปอันเป็นที่พึงพอใจ ต่างก้ไม่คงทน มีอาการเปลี่ยนแปลงไป หากเราหลงไปยึดจับไว้
    เราก้จะต้องเข้าถึงทุขในการพลัดพลาก จากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ
    ทุขจากการพบเจอกับสิ่งที่ไม่ประสงไม่พอใจ

    ขอให้ทุกท่านจงมีสติในสิ่งที่พบด้วยตา การมองเห็นภาพนั้นจริงหรือไม่เที่ยงหรือไม่ความพอใจนั้นเที่ยงหรือไม่ หรือเพียงผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น ความพึงพอใจในรุปเพียงชั่วเวลาหนึ่งที่กระทบเมื่อเวลาผ่านเลยไปแล้วมันก้คือสิ่งที่ผ่านไปแล้วยึดถึอสิ่งใดไม่ได้เลย

    อนุโมทนาทุกท่านที่ร่วมแสดงความเห็น
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุนเกิดเป็นคน อนุโมทนาด้วยที่มีสติไม่ประมาทครับ

    เมื่อเราพิจารนาความตายเป็นเหตุเราย่อมไม่ประมาทที่จะปติบัติธรรม
    เมื่อความตายจริงมาเยือน ใจคนยังคงยึดในสิ่งใดมันย่อมส่งผลไห้ไปตามกระแสกรรมนั้น ตอนนี้เราสามารถฝึกใจให้คลายจาก กามฉันทะความพึงพอใจในรูป สุภะ และอสุภะ ได้ยังไงหากมีประสบการนำมาแชร์กันนะครับ
     
  13. ธรรมดีได้ดี

    ธรรมดีได้ดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +178
    ผมยังไม่เคยปฏิบัติอะครับ ทางอสุภะปกติจับแต่มรณา ก็ลดลงไปได้ดีในระดับนึงเลย ถ้าชำนาญกองนี้เมื่อไร ก็คงพิจารณาอสุภะมั่งครับ เอาทีละกองก่อน เดี๋ยวจะไม่ได้อะไรเลยอนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ ...
     
  14. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    ขอบคุณคะ ตัวเองจะเป็นแบบแต่งให้ดูดีหน่อยไม่ให้คนที่พบเจอต้องดูแล้วสังเวชใจ เพราะเรายังต้องพบเจอกับคนอื่น ร่วมทางกับคนอื่น บางครั้งมันดูไม่ดี แต่ถ้าเป็นภาวะปกติจะแค่ให้สะอาดเรียบร้อยพอไม่แต่งหน้า เอาแค่ตามกาละเทศะพอ แต่มองการเปลี่ยนแปลงของหน้าตาตัวเองไปตามอายุ เมื่อก่อนว่าต้องไปทำศัลยกรรมให้ดีขึ้น กำลังคิดหาหมอทำศัลยกรรมใต้ตาอยู่ พอมาปฏิบัติก็เลิกคิดเรื่องศัลยกรรม ยอมรับกฏไตรลักษณ์คะ และคิดถึงความตายทุกวันจากที่เคยกลัวตายสุดชีวิต ก็คิดเข้าใจขึ้นว่าไม่ว่าเวลาอันใกล้หรือไกลเราต้องตายอยู่ดี ถ้าวันนี้ตายเราต้องพุทโธตามลมหายใจไว้ และคิดถึงศพญาติของเราทุกคนที่เปิดโรงให้ดูกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเผา นึกถึงภาพศพญาติทุกคนไว้ในสมองว่าวันนึงเราต้องเป็นเช่นนั้น ฟังคำตอบของทุกท่านแล้วสบายใจขึ้นมากคะ เป็นความสงสัยที่ค้างคาใจอยู่นานแล้วคะอนุโมทนาสาธุคะ กับทุกคำตอบ
     
  15. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    เอาภาำพนี้ไปชิมลางก่อนครับ ขออนุโมทนากับเจ้าของกายนี้ด้วยครับ[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2010
  16. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    อยากคุยกับอัลเบิร์ต เหมือนกัน แต่ไม่มีประสบการณ์

    เคยแต่ฟัง พวกเก็บศพ ที่ต้องไปเก็บศพใต้น้ำ บ่อน้ำ ท่อน้ำ ดำลงไปก็ไม่เห็นอะไร มันมืด บางทีเห็น สภาพศพลอยมาใกล้แบบต้องระวัง เพราะอาจเข้ามาจู่โจม แบบในน้ำใช่ไหม มันก็ต้องการการแทนที่กัน ต้องระวังเส้นผมที่อาจเข้ามารัด หรือระวังหากศพอยู่เหนือหัวเรา จำไม่ได้มาก แต่ค่อยข้างอันตราย และต้องใช้ความชำนาญมากๆ ดูน่ากลัวกว่าการพิจารณาอศุภะอีกนะ คิดว่าเขากล้ากันมาก แค่เก็บศพบนบกก็อันตรายแล้ว ใต้น้ำมืดๆ ดำๆ คงยิ่งน่ากลัวอันตราย

    ส่วนเรื่องศพนี่ไม่ค่อยกลัว กลัวคน ต้องระวังมาก
    เป็นผู้ชาย เป็นพระ เดี๋ยวนี้ก็คงต้องระวังเหมือนกัน เพราะคนยุคนี้ไม่ค่อยกลัวผ้าเหลือง



    :boo:
     
  17. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อสุภกรรมฐาน 10 อย่าง
    1. อุทธุมาตกอสุภ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายขึ้นบวมพอง ที่เรียกกันว่า ผีตายขึ้นอืดนั่นเอง
    2. วินีลกอสุภ เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว ปะปนคน สีแดงในที่มีเนื้อมาก สีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก สีเขียวที่มีผ้าสีเขียวคลุม ร่างของผู้ตายส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยผ้า สีเขียวจึงมากกว่า ดังนั้นจึงเรียกว่า วินีลกะ แปลว่าสีเขียว
    3. วิปุพพกอสุภ เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
    4. วิฉิทททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลาง มีกายขาดออกจากกัน
    5. วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกสัตว์ยื้อแย่งกัดกิน
    6. วิขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย
    7. หตวิกขิตตกอสุภ คือซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
    8. โลหิตกอสุภ คือซากศพที่มีเลือดไหลอออกเป็นปกติ
    9. ปุฬุวกอสุภ คือซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
    10. อัฏฐกอสุภ คือซากศพที่มีแต่กระดูก
    การพิจารณาอสุภ

    การพิจารณาอสุภทั้ง 10 อย่างนี้ ท่านให้พิจารณาเพื่อถือเอานิมิตโดยอาการ 6 อย่างต่อไปนี้
    1. พิจารณาโดยสีี คือกำหนดว่า ซากศพนี้เป็นร่างกายของคนดำหรือคนขาว หรือร่างกายผิวไม่เกลี้ยงเกลา
    2. พิจารณาโดยเพศ อย่ากำหนดว่าร่างกายนี้ชายหรือหญิง พึงพิจารณาว่า ซากศพนี้เป็นร่างกายของคนที่มีอายุน้อย กลางคนหรือคนแก่
    3. พิจารณาโดยสัณฐาน คือพิจารณาว่า นี่เป็นคอ เป็นศีรษะ เป็นท้อง เป็นขา เป็นเท้า เป็นแขน เป็นต้น
    4. กำหนดโดยทิศ ทิศนี้หมายเอาสองทิศ คือ ทิศเบื้องบน ได้แก่ทางด้านศีรษะ ทิศเบื้องต่ำ ได้แก่ทางด้านปลายเท้าของซากศพ มิได้หมายถึงทิศเหนือทิศใต้
    5. พิจารณาโดยที่ตั้ง ให้กำหนดว่า ซากศพนี้ศีรษะวางอยู่ตรงนี้ มือวางอยู่ตรงนี้ เท้าอยู่ตรงนี้ เวลาพิจารณาอสุภนี้ เรายืนอยู่ตรงนี้
    6. พิจารณาโดยกำหนดรูู้้ หมายถึงการกำหนดรู้ว่า ร่างกายสัตว์และมนุษย์นี้มีอาการ 32 เป็นที่สุด ไม่มีอะไรสวยสดงดงามจริง ความจริงแล้วเป็นของน่าเกลียด มีกลิ่นเหม็นคลุ้ง มีสภาพขึ้นอืดพอง มีน้ำเลือดน้ำหนองเต็มร่างกาย หาที่น่ารักไม่มีเลย ที่มองเห็นว่าดีหน่อยก็หนังกำพร้าที่ห่อหุ้มภายในอยู่ แต่หนังนี้ก็ใช่ว่าจะสวยสด ถ้าไม่คอยขัดถู ไม่นานก็เหม็นสาบ น่ารังเกียจ ตอนมีชีวิตอยู่ก็เอาดีไม่ได้ พอตายแล้วยิ่งโสโครกใหญ่ กลายเป็นซากศพขึ้นอืดพอง น้ำเหลืองไหลกลิ่นเหม็น เมื่อกำหนดพิจารณาทราบว่า ร่างกายของซากศพทั้งหลายนี้แล้ว ก็น้อมนึกถึงสิ่งที่ตนรัก ที่เห็นว่าเขาสวย เอาความจริงจากซากอสุภเข้าไปเปรียบเทียบดู ว่าที่เห็นว่าเขาสวยสดงดงามนั้น มีอะไรต่างกับซากศพนี้บ้าง ปากที่ชมว่าสวย เต็มไปด้วยเสลด น้ำลาย ของตัวเองพอกลืนได้ แต่รังเกียจของคนอื่นไม่กล้าแ้ม้แต่ที่จะแตะ
     
  18. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    พิจารณาเรื่องธาตุเรื่องขันธ์

    ดูเข้าไปตั้งแต่หนังข้างนอก หนังข้างใน เนื้อ เอ็น กระดูก เลือด น้ำหนอง
    แยกออกเป็นกองธาตุ กองขันธ์ เป็นกองอสุภะอสุภัง


    พิจารณาทีละส่วน แยกเป็นชิ้นๆ มันเป็นอย่างไร ตรงไหนที่เป็นเรา ตรงไหนที่น่าทะนุถนอม
    อวัยวะส่วนไหน เนื้อ เอ็น กระดูก มันบอกไหม ว่าเป็นเรา มันเป็นเราจริงหรือ
    เนื้อเป็นเนื้อ เอ้นเป็นเอ็น กระดูกเป็นกระดูก เราไปสำคัญว่า เป็นเรา


    ถ้าตัดเอานิ้วหรือมือเราออกมา เราจะรังเกียจมันไหม อยากได้มันอีกไหม
    ค้นดูเข้าไป อะไรมันปิดบังความจริง ทำไมใจถึงหลง คลี่คลายดูให้เห็นชัดเจน

    อะไรเป็นตัวการสำคัญที่คอยแต่หลอกเราอยู่ตลอดเวลา
    สัญญา สังขาร เป็นตัวสำคัญ เวทนาเกิดขึ้นมันก็ไปสำคัญมั่นหมายว่า “เวทนา เป็นเรา”เสีย
    เพราะเหตุอยู่ที่ความหลง สำคัญว่า ร่างกายนี่เป็นเรา
    เวทนาก็เป็นเรา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันก็เป็นเราเสีย ก็มาเป็นอันเดียวกันหมด
    ทั้งๆ ที่ “เขา” ไม่ใช่ “เรา”“เรา” ไม่ใช่ “เขา”


    แต่ความสำคัญมั่นหมายนั้นมันหลอกเรา ความปรุง คิด ดี และชั่ว
    คิดขึ้นขณะเดียวก็ดับไปพร้อมๆ ในขณะนั้น
    เป็นแต่เพียงความสำคัญมั่นหมายนั่นแหละมันไปยึดเอา เลยยืดยาวไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
    ยึดมั่นถือมั่นติดต่อสืบเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ทุกข์ก็เลยกลายเป็นเหมือนลูกโซ่ไปตามกัน
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอาการหนึ่ง ๆ ของขันธ์เท่านั้น
    เวทนา ความสุข ความทุกข์ ก็ล้วนลงสู่หลัก อนตฺตา

    อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไปลงที่นั่นไม่ไปไหน เพราะความจริงอยู่ที่นั่น
    มันเสมอกันด้วย “ไตรลักษณ์” เหมือนกันด้วย “ไตรลักษณ์” เหมือนกันด้วยความเป็น “อนตฺตา”


    ในบรรดาขันธ์ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องปกปิดกำบัง หรือรวมเข้ามาว่า “เป็นตน”
    ตัดกิ่งก้านสาขา ตัดรากใหญ่ๆ รากฝอยของกิเลสเข้ามา
    เหลือแต่ “รากแก้ว” ที่เป็นความสำคัญของจิต

    ตัวจิต มีกิเลสตัวสำคัญอยู่ในนั้นหมด ถือสิ่งนี้เป็นตน
    นั้นคือเราหลงเรา รู้สิ่งภายนอกแต่มาหลงตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กุมภาพันธ์ 2010
  19. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    กลัวผีครับ บรื๋อ:boo:
     
  20. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697

    เคยทำเหมือนกันนะ แบบว่าสร้างนิมิตเองก่อนตาม อศุภะ 10
    แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจไม่เข้าจริต ไม่แนบแน่นเลย (สงสัยต้องใช้ศพจริง)

    แต่ตอนไปกรรมฐานหนึ่ง กำหนดสติต่อเนื่องดี ก็จะเห็นกระดูกภายใน แต่ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ มีสภาวธรรมมากมาย แต่ไม่ค่อยได้สนใจ แบบว่าตามรู้เฉยๆ ดูจริตแล้ว ไปชอบเรื่องลมหายใจ อานาปาฯ ไปเข้าพองยุบ เลยได้เห็นอะไรมากเหมือนกัน

    ({)
     

แชร์หน้านี้

Loading...