การละอุปาทาน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 6 มีนาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : เราจะละอุปาทานที่อยู่ในใจเราได้อย่างไร?

    ตอบ : สติ สมาธิ ปัญญา สติต้องรู้เท่าทันอยู่ ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร สมาธิต้องมีกำลังเพียงพอ ข้อสุดท้ายคือปัญญา รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริง จิตก็จะเบื่อหน่ายคลายกำหนัดแล้วถอน ถ้ายังไม่เห็นตามสภาพความเป็นจริง อย่างเช่นว่า ผู้หญิงเห็นผู้ชายยังหล่ออยู่ ผู้ชายเห็นผู้หญิงก็ยังสวยอยู่ มันโดนบังเอาไว้ แต่ถ้าเรามองเข้าไปว่า เออ มันสักแต่เป็นรูปเป็นนาม สักแต่ว่าเป็นธาตุ ภายในร่างกายมีแต่เครื่องจักรกลเต็มไปด้วยความสกปรกแล้วเห็นความเป็นจริง จิตก็จะคลายออกมา เพราะฉะนั้น...มันต้องหลายอย่างรวมกัน ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง

    ถาม : มันต้องซ้ำไปเรื่อยๆ หรือ?

    ตอบ : มันต้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งแรกๆ ก็อาจจะสะเทือนใจนิดหน่อย แต่พอปัญญามากขึ้น มันสะเทือนมากขึ้น บางอย่างถ้าหากปัญญามันพร้อม กระทบทีเดียวจู่ ๆ นั่งน้ำตาไหลเลย สลดใจว่าทำไมก่อนหน้านี้เราไม่เห็น แต่ตอนนี้เห็น คนอื่นก็ว่าบ้า นั่งร้องไห้ทำไม

    มันว่ามันเป็นเจ้าของ มันเป็นประสาทร่างกายของมัน แต่ใจเราไปยึดว่ามันเป็นของเรา ก็เลยรับไปด้วยว่าเราเจ็บ ที่เคยเปรียบเอาไว้ว่าจิตก็เหมือนกับคนขับรถ ร่างกายนี่คือรถ แต่เราดันไปคิดว่าร่างกายนี้คือเรา พอมาแยกออก รถส่วนรถ เราส่วนเรา รถชนโครมเข้า ซ่อมได้ก็ซ่อม ซ่อมไม่ได้ก็หาคันใหม่ อย่างนี้ก็จะไม่ไปยึดไปเกาะกับมัน ไม่ใช่รถชนโครม โอ๊ย พังหมดแล้วรถเรา นั่นไปยึด เพราะฉะนั้นเรื่องของกายกับจิตมันเหนียวแน่นขนาดนั้น เพราะมันเกาะมาจนนับชาติไม่ถ้วน มันเป็นเครื่องอาศัยให้อยู่ในแดนนี้ ในเมื่อมันอาศัยมาชาติแล้วชาติเล่า กัปป์แล้วกัปป์เล่า มันก็เลยยึดถือแน่นหนามาก กลายเป็นอุปาทานขันธ์ ยึดมั่นไม่ยอมปล่อย นี่ตัวกูของกู

    เคยทำอย่างนี้แล้วรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ดีทีเดียว เรื่องของโลภะ โทสะ โมหะ มันเป็นสมบัติของร่างกาย เพราะฉะนั้นปกติมันจะต้องมีอยู่แล้ว แต่เอ็งจะมีก็มีไป แต่ข้าไม่ให้ความร่วมมือกับเอ็ง เหมือนที่เคยเปรียบว่า มันลวกก๋วยเตี๋ยวด้วยน้ำเปล่า ส่งไปให้ใครมันจะกิน แต่ก๋วยเตี๋ยวมันอร่อยได้เพราะอะไร ใส่พริกน้ำส้ม ใส่น้ำตาล ใส่หมูสับ ใส่ผงชูรส ยิ่งใส่ยิ่งอร่อย มันก็กินไม่เลิก เหตุที่มันกินไม่เลิก เพราะมีการปรุง เรื่องของราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ที่เราไม่เลิกไม่ละเว้น ไม่ปล่อยวาง ก็คือ เราไปปรุง ไปคิดเพิ่ม ในเมื่อเราไปคิดเพิ่มก็เกิดอารมณ์ไปทางราคะ โลภะ โทสะ โมหะ แล้วแต่เหตุการณ์นั้น ๆ แล้วถ้าเกิดเราไม่คิด มันก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของมัน พอเราไม่คิดก็เหมือนเราไม่เอาเชื้อไปต่อ ไฟที่จุดขึ้นมาไม่มีเชื้อที่จะต่อ มันก็ต้องดับไปเองของมันโดยธรรมชาติ

    จริงๆ ถ้ารู้เท่าทันแล้วไม่ให้ความร่วมมือไปนึกคิดปรุงแต่งกับมัน เรื่องของรักโลภโกรธหลง ก็ทำอันตรายเรายาก ที่มันทำได้เพราะเราไปคิด แบบที่หลวงพ่อชา ท่านบอกเหมือนกับแทะเนื้อติดกระดูก แทะไปก็ไม่ได้เป็นอรรถเป็นธรรมอะไรขึ้นมาหรอก อร่อยน้ำลายตัวเอง เคี้ยวกรอดๆ เพราะฉะนั้นถ้ารู้เท่าทัน เลิกไปเคี้ยวซะก็หมดเรื่อง

    ถาม : แต่ว่าจิตที่เป็นอุปาทาน ถึงแม้เราจะบอกยังไง มันก็ไม่เชื่อ

    ตอบ : มันยึดของมันอยู่ ในครั้งแรกถ้าปัญญามันไม่พอ มันไม่เห็นหรอก ถึงเห็นบางทีก็ยังไม่ยอมรับ ถึงแม้ยอมรับแต่ถ้ากำลังสมาธิไม่มี ช่วยในการตัดละ หรือเอามันไม่อยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญาเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่กันไป ย้ำตอกตะปูไปเรื่อยๆ ตักน้ำรดหัวตอเดี๋ยวมันก็เปียกเอง

    ถาม : แล้วถ้าบอกมัน

    ตอบ : มันเป็นทางที่ถูกแต่ไม่ใช่บอกมันเฉยๆ ให้มันเห็นจริง ๆ ด้วยว่าสิ่งรอบข้างมันเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะไปทางไหนสิ่งใดที่จะกระทบหูตาจมูกลิ้นกายใจอะไรก็ตาม บอกมันทันทีเลย ถ้าสามารถรู้เท่าทันและบอกมันได้ทุกครั้ง ก็พอที่จะทำให้มันเชื่อเราได้ แต่ถ้าหากรู้เป็นบางครั้ง มันยังไม่เชื่อ ก็เลยต้องสร้างสติ สมาธิ ปัญญาให้มันเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อที่ไอ้ตัวแสบจะได้ยอมเชื่อ แต่ถ้ามันเป็นตัวแสบจำเป็นก็ไม่ง่าย (หัวเราะ) ค่อยๆ ย้ำ ตอกตะปูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวหัวมันก็มิดไปเอง


    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ก่อนทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
    ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=748



    .
     
  2. ส.เชียงใหม่

    ส.เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2008
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +145
    ขอกราบอนุโมทนาธรรมครับ....ขอให้ทุกท่านมีความสุข
    ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
     
  3. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    อนุโมทนาสาธุกับเจ้าของกระทู้ค่ะ ขอให้เจริญๆในธรรมนะค่ะ
     
  4. Attila 333

    Attila 333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +716
    อนุโมทนาครับ ต้องพิจารณาทุกๆอย่างอย่างรอบด้านจริงๆซ้ำแล้วซ้ำอีกกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้นปัญญาจึงจะเกิด กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...