แจกฟรี ชาเซียงดา สำหรับบำบัดอาการผู้ป่วยโรคเบาหวาน 2,000 คน ทั่วประเทศ

แจกฟรี...ชาเซียงดา

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และบุคคลทั่วไป
จำนวน 2,000 คน ทั่วประเทศ เพื่อถวาย
เป็นพระราชกุศล


วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2553 เวลา 06.30 น.
แจกฟรี ชาเซียงดา สำหรับผู้ป่วย และผู้สนใจ
ณ ซุ้มรวยน้ำใจ สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย
ซอยเย็นจิตต์ ยานนาวา กรุงเทพ

(ขออนุญาติงดแจกชาเซียงดาในวันที่ 14 มี.ค. 2553
เพื่อความปลอดภัยของทุก ๆ ท่าน แต่สามารถจัดส่งให้ทาง
ไปรษณีย์ได้ )


คุณสัจจา ผิวเกลี้ยง ผู้คิดค้นพบสูตรลับเฉพาะ
ของชาเซียงดา ที่สามารถบำบัดอาการของผู้ป่วย
โรคเบาหวาน โดยสามารถทำให้ระดับน้ำตาล
ในเลือดลดลงถึง 24%หรือเทียบเท่ากับการที่ต้อง
ฉีดอินซูลินในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานถึง
1 หลอดสลิงค์ใหญ่

สามารถมารับชาเซียงดาได้ฟรีที่ True Thai Love
หรือต้องการให้จัดส่งทางไปรษณีย์ ขอความกรุณาช่วย
ค่าจัดส่ง 30 บาท พร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ โทรศัพท์
และหลักฐาน การโอนเงินมาทาง
Email : truethailove@gmail.com
หรือที่อยู่ตามรายละเอียดที่ลงไว้ในเวปไซด์ :
http://www.truethailove.com

สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ True Thai Love
โทร. 087-5882454, 089-4953172



อ้างอิงจากในเวปไซด์

ชาเซียงดา มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยบำบัดอาการของผู้ป่วยที่เป็น
- โรคเบาหวาน ให้มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง จนเกือบเป็นปกติ
(ผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่าได้รับประทานชาเซียงดา
เพื่อแพทย์จะได้จัดยาในการรักษาได้อย่างถูกต้อง)


อ้างอิง : บทความทางวิชาการ
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ผู้ป่วยเบาหวาน จะต้องบอกให้
แพทย์ทราบเมื่อกินผักเชียงดา ช่วยคุมเบาหวานเพื่อที่จะลดอินซูลินและยาลง

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 27 ส.ค. 2552

 

ขอเล่าเพิ่มเติมหน่อยนะค่ะ คุณสัจจา ได้คิดค้นหาวิธีการปลูกชาเซียงดา
ให้มีสรรพคุณทางยา ในการบำบัดโรคเบาหวาน คนที่เคยเป็นเบาหวานชนิด
ต้องฉีดอินซูลินทุกวัน พอทานชานี้แล้ว ปรากฏว่า น้ำตาลในเลือดลดลง
เกือบเป็นปกติ แทบจะเรียกว่าหายเลยนะค่ะ แต่ขอแนะนำนะค่ะว่า
อย่างไรก็ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ด้วย เพราะคนเป็นเบาหวาน ไม่ได้
เป็นโรคชนิดเดียว มักจะมีหลาย ๆ โรคเสมอ เดี๋ยวจะทยอยนำเรื่องของคน
ที่ทานแล้วอาการดีขึ้นมาลงให้นะค่ะ

 

เชื่อมั้ยค่ะว่า ตัวชาเซียงดานี้ ญี่ปุ่นนำไปจดลิขสิทธิ์ใน
ประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วเพราะฉะนั้น ตัวชาเซียงดา
จึงไม่สามารถนำไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นได้
ทั้ง ๆ ที่ ญี่ปุ่น นำผลิตผลชาเซียงดาไปจากประเทศไทย
ทราบมั้ยค่ะว่า ที่ญี่ปุ่นเขาขายกันซองละเท่าไหร่
ซองละ 3,000 บาทไทยค่ะ มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นยอมลงทุน
บินมาเมืองไทยเดือนละครั้ง ซื้อชาเซียงดาไปขายที่บ้านเขา
โดยต้นทุนในเมืองไทยร้อยกว่าบาท แค่บอกขายกันในหมู่
พรรคพวกเพื่อนฝูง เขาก็บอกว่าอยู่ได้สบาย ๆ เลยค่ะ
เพราะชาเซียงดา เป็นที่นิยมทานกันมากในญี่ปุ่น
รวมทั้งประเทศแถบยุโรป ก็นิยมเช่นเดียวกัน ถึงขนาดกับ
ให้กินชาเซียงดากันทุก ๆ คน ในทุก ๆ วันกันเลยค่ะ
เพราะชาเซียงดา สามารถชงทานแทนน้ำดื่มได้เลย
1 ซอง ต่อน้ำ 1 ลิตร กินกันทั้งวันแบบสบาย ๆ

 

เล่าให้ฟังเฉย ๆ นะค่ะ ไม่ได้มาขายของ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด
ว่าไม่ได้แจกฟรี

คุณสัจจา ต้องการทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
จึงตั้งใจจะแจกชาเซียงดาฟรีให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
เพื่อนำไปทานกันนะค่ะ ถ้าสนใจก็สามารถมารับของได้ที่
True Thai Love หรือให้จัดส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ

 

อนุโมทนา สาธุ ๆ
กับท่านทั้งหลายที่ได้ร่วม
ทำบุญสร้างกุศลต่าง ๆ
ในกาลครั้งนี้ด้วยครับ
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
นิพพานัง ปรมัง สุขขัง<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->

 

อ้างอิง : บทความทางวิชาการ

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้บอกเล่าสรรพคุณ
ที่หลากหลายของเจ้าผักพื้นบ้านชื่อแปลกชนิดนี้ว่า
"เซี่ยงดา หรือ เซ่งดา" ในภาษาเมืองของภาคเหนือ
มันคือผัก "เชียงดา" หรือ "จินดา" ในภาคกลาง
ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไป
ไม่ว่าจะเป็น "ผักว้น" ,"ม้วนไก่"
หรือ "ผักเซ็ง" เป็นพืชในวงศ์ ASCLEPIADACEAE มีลักษณะ
เป็นไม้เถา น้ำยางใส ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ดอกช่อ
ออกที่ง่ามใบ สีเหลืองอมส้ม ผลรูปหอก มีข้อมูลที่น่าสนใจ
อีกประการหนึ่งก็คือในภาษาฮินดู

"Gurmar" คำๆ นี้แปลตรงตัวว่า "ผู้ฆ่าน้ำตาล"

"เชียงดาจะมีรสขมนิดๆ ชนิดที่เกิดในป่าจะขมกว่าชนิดที่นำมา
ปลูกในบ้านเป็นผักเพื่อบริโภค หากลองเด็ดใบแก่สักหน่อยมาเคี้ยว
กินดู แล้วหลังจากนั้นกินน้ำตาลทรายเข้าไป มันจะไม่หวานเหมือน
กินน้ำตาล แต่มันจะเหมือนกินทราย
รสของเชียงดาจะทำให้น้ำตาลไร้รสชาติ และรสของมันจะติดลิ้น
ค่อนข้างนาน พาลทำให้คนที่เคี้ยวไม่อยากอาหารไปเลย"

หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
กล่าวต่อไปอีกว่า ผักเชียงดาถูกใช้เป็นยารักษาเบาหวาน
ในอินเดียและประเทศในแถบเอเชียมานานกว่า 2000 ปีแล้ว
มีสารสำคัญคือ gymnemic acid ซึ่งสกัดมาจากราก
และใบของผักเชียงดา มีรูปร่างเหมือนน้ำตาลกลูโคส จึงไปจับ
เซลล์รีเซพเตอร์ในลำไส้ ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล
The U.S. National Library of Medicine (NLM) and
the National Institutes of Health (NIH)
พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ว่าผักเชียงดา สามารถที่จะช่วย
คุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิด
พึ่งอินซูลิน (type 1) และไม่พึ่งอินซูล (type 2) ได้ เมื่อให้ร่วมกัน
อินซูลิน และยารักษาเบาหวานอื่นๆ และยังมีรายงานว่า
มีบางรายใช้ผักเชียงดาตัวเดียวในการคุมระดับน้ำตาล
ในเลือดโดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ผู้ป่วยเบาหวาน จะต้องบอกให้
แพทย์ทราบเมื่อกินผักเชียงดา ช่วยคุมเบาหวานเพื่อที่จะลด
อินซูลินและยาลง

"นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าผักเชียงดามีฤทธิ์ลดน้ำตาล
ในเลือดมาตั้งแต่ปี 1926 และในปี 1981
มีการยืนยันผลการลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มปริมาณอินซูลินใน
สัตว์ทดลองและในคนที่เป็นอาสามัครที่แข็งแรง

พบว่าผักเชียงดาไปฟื้นฟูเบต้าเซลของตับอ่อน
(อวัยวะที่สร้างอินซูลิน) ทำให้ผักเชียงดาสามารถช่วย
คุมน้ำตาลได้ในคนเป็นเบาหวานทั้งชนิด type 1
และ type 2

และตั้งแต่ในปี 1990 เป็นต้นมา มีการศึกษาของ
นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบประสิทธิภาพ กลไกออกฤทธิ์
ในการลดน้ำตาลในเลือด และมีการศึกษาความเป็นพิษ
อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาในมหาวิทยาลัยมัทราส
ประเทศอินเดีย ศึกษาผลของผักเชียงดาในหนูโดยให้สารพิษ
ที่ทำลายเซลเบต้าในตับอ่อนของหนู พบว่าหนูที่ได้รับผักเชียงดา
ทั้งในรูปของผงแห้งและสารสกัดมีระดับน้ำตาลในเลือดกลับมา
เป็นปกติภายใน 20-60 วันระดับอินซูลินกลับมาเป็นปกติ และ
จำนวนของเบต้าเซลเพิ่มขึ้น"

สำหรับภูมิภาคบ้านเรา เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
รายนี้ให้ข้อมูลว่า ในกลุ่มหมอกลางบ้านไทยใหญ่
มีตำราระบุถึง "ผักว้น" หรือเชียงดาว่าเป็น "ยาแก้หลวง"
คือ เป็นยาที่ใช้แก้ได้หลายอาการ รักษาได้หลายโรค
มีสรรพคุณคล้ายฟ้าทะลายโจร แก้ไข้ แก้แพ้ แก้เบาหวาน
หน้าแล้งจะขุดรากมาทำยา หน้าฝนจะใช้เถาและใบ
โดยสับตากแห้งบดชงเป็นชาดื่ม นอกจากนี้ยังใช้แก้แพ้
กินของผิด ฉีดยาผิด เวียนศรีษะแก้ไข้สันนิบาต (ชักกระตุก)
หรือเมื่อเกิดอาการคิดมาก มีอาการหย่องคือมีอาการจิตฟั่นเฟือน
นอกจากนี้ คนไทยใหญ่ยังใช้ผักเชียงดารักษาอาการ
ท้องผูกโดยจะแกงผักเชียงดา รวมกับผักตำลังและยอดชะอมกิน
นิยมกินในหน้าร้อน เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย


"ทราบว่า ประเทศญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจผักเชียงดาของไทย
เป็นอย่างมากและได้นำเข้าใบและยอดอ่อนของ
ผักเชียงดาจากประเทศไทยนำไปผลิตเป็นชาชงสมุนไพร
(Herbal tea) ใช้ชงดื่มเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด
ส่วนในเมืองไทยขณะนี้ทางอภัยภูเบศรพยายามรณรงค์ให้ปลูก
และนำมาทำอาหารรับประทานกันในครัวเรือน
ซึ่งปกติทางเหนือก็จะทำรับประทานกันอยู่แล้ว และมีปลูกกันมากด้วย
ที่ปลูกมากและรับประทานมากอีกที่หนึ่ง
คือที่จังหวัดเลย แต่ทางภาคกลางและภาคอื่นๆ อาจจะไม่ค่อยรู้จัก
เราก็พยายามประชาสัมพันธ์ให้ความรู้อยู่ เพราะจากการศึกษา
ข้อมูลแล้วพบว่าผักเชียงดาเป็นผักที่มีประโยชน์มากจริงๆ"


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 27 ส.ค. 2552

 

เพราะฉะนั้น ผักเซียงดา หรือชาเซียงดา สามารถบำบัดอาการของโรคเบาหวานได้จริง
และเป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
มักจะมีโรคแทรกซ้อนหลายโรค ถึงแม้ว่าจะทานชาเซียงดา เพื่อต้องการ
บำบัดโรคเบาหวานก็จริง แต่ก็ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์เสมอนะค่ะ
เพื่อที่จะลดตัวยา และอินซูลิน ตามวินิจฉัยของแพทย์ค่ะ

 

อยากกินชามะนาว งะ ชาเซียงตา กับ มะนาว

 

ชาเซียงดาทานแบบทั้งร้อนและเย็นได้นะค่ะ มีบางคนชงแล้วใส่ตู้เย็นไว้
ขนาดทิ้งไว้หลายเดือน ยังไม่มีสารตกตะกอน เหมือนชาพร้อมดื่มบางยี่ห้อ
เลยค่ะ แถมไม่ออกรสฝาดหรือเฝื่อนแต่อย่างใด
แต่อย่าเผลอไปเติมน้ำตาลเข้านะค่ะ เพราะชาเซียงดามีสรรพคุณ
เรื่องฆ่าน้ำตาล เพราะฉะนั้น เติมเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่หวานหรอกค่ะ

 

"ชาเซียงดา" พืชสมุนไพรในการบำบัดโรค ตั้งแต่สมัยพุทธกาล

ชาเซียงดา เป็นพืชสมุนไพรที่มีจุดกำเนิดจากประเทศอินเดีย
และมีปลูกกันในหลายประเทศแถบเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย
มีปลูกมากในภาคเหนือชาวเหนือยกย่อง "ผักเชียงดา" ให้เป็น
ราชินีของผักพื้นบ้านและได้ขยายไปแทบทุกพื้นที่ แต่จากผล
การสำรวจ ชาเซียงดาที่มีคุณภาพในการผลิตชาเชียงดานั้น
จะเป็นแถบพื้นที่ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งจากการผลิตและ
การค้นคว้าวิจัย ได้ปรากฏเป็นที่แน่ชัด โดยเป็นผลงานของ
คุณสัจจา ผิวเกลี้ยง ที่ได้ทำการทดลอง ทดสอบ และ
ค้นคว้ามานานนับปี จนในที่สุดก็ได้ค้นพบสูตรลับเฉพาะ
ที่สามารถผลิตชาเซียงดาที่มีคุณภาพในระดับการลดน้ำตาล
ได้ถึง 24% หรือเทียบเท่ากับการฉีดอินซุลิน ในคนที่เป็น
เบาหวานถึง 1 หลอดสลิงค์ใหญ่

 

ด้วยเหตุที่ได้ค้นพบคุณสมบัติที่สามารถช่วยบำบัดอาการของ
ผู้ป่วยที่เป็น

- โรคเบาหวาน ให้มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง จนเกือบเป็นปกติ
(ผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่าได้รับประทานชาเซียงดา
เพื่อแพทย์จะได้จัดยาในการรักษาได้อย่างถูกต้อง)

- โรคอ้วน ทำให้น้ำหนักตัวลดลงถึง 5 กก. ภายใน 1 เดือน
รวมทั้งกระชับสัดส่วน ให้ดูดีขึ้น ไขมันลดลง แต่สร้างความ
กระชับของกล้ามเนื้อในร่างกายมีคุณสมบัติ ในการเร่ง
การเผาผลาญอาหาร และไขมันในร่างกาย

- ลดระดับคลอเรสเทอรอลช่วยทำลายคลอเรสเทอรอล
และกำจัดปริมาณคลอเรสเทอรอลในลำไส้ ช่วยควบคุม
น้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับพอดี

- ต้านโรคไขข้ออักเสบ ช่วยป้องกันโรคไขข้ออักเสบรูห์มาติก
(rheumatoid arthritis) ที่มักจะเกิดกับสตรีวัยกลางคน
อาการของโรคโดยทั่วไป คือมีอาการอักเสบบวมแดง
ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ

- มีสารออกฤทธิต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อม
ของผิวพรรณทำให้ผิวพรรณและใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย

- กำจัดกลิ่นปากและแบททีเรียในช่องปาก ป้องกันฟันผุ
และทำให้ลมหายใจสะอาด สดชื่นป้องกันการติดเชื้อ

- บำบัดอาการโรคเกาท์ และป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยในการขับถ่าย และแก้อาการท้องผูก
- แก้อาการร้อนในและลดความร้อนในร่างกาย

 

ชาเซียงดา เป็นชาที่ผลิตมาจากผักเซียงดา ซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพร
และเป็นพืชที่ไม่มีโรคและแมลงรบกวน จึงเป็นการปลูกแบบ
ไร้สารพิษตามธรรมชาติ

ชาเซียงดา ได้ทำการปลูกในพื้นที่เลือกสรรแล้วทั่วประเทศ
ว่าพื้นที่แถบจังหวัดจันทบุรีนี้ สามารถผลิตชาเซียงดาได้อย่างมี
คุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเครื่องจักรทันสมัย ให้รสชาด
ที่หอม ชุ่มคอ ชวนดื่มเหมือนกับชาชั้นดี แต่ยังคงคุณค่าสาร
ออกฤทธิ์ในสมุนไพรไว้อย่างครบถ้วนและไม่มีสารคาเฟอีน
ที่ก่อให้เกิดการกระตุ้นของประสาทและหลอดเลือดหัวใจ
จึงเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพได้ทุกวัน สำหรับทุกเพศ
ทุกวัยในครอบครัว


(จากผลการวิจัย สตรีมีครรภ์สามารถรับประทานได้
โดยไม่มีผลอันตรายต่อบุตรในครรภ์)

 

วิธีรับประทาน

1 ถุง ต่อน้ำร้อน 1 ลิตร
(สามารถทานแทนน้ำดื่มได้ตลอดเวลา)
ทะเบียน อย 22-1-14050-1-0001


สรรพคุณของชาเซียงดา มีคุณสมบัติในการฟื้นฟู
การทำงานของตับอ่อน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โดยเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพเซลล์ในตับอ่อน ที่ชื่อว่า
เบต้าเซลล์ ซึ่งเป็นตัวสร้างอินซูลิน โดยอินซูลิน
จะเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์
เพื่อใช้เป็นพลังงานในร่างกาย

 

มีผู้สนใจโทรมาถามรายละเอียดค่ะว่า ทานแล้วเป็นอันตรายไหม

ตอบ ชาเซียงดา เป็นชาที่ทำมาจากผักเซียงดา จึงสามารถทานได้
เหมือนกับเราทานผัก ทานกับข้าว เพราะผักเซียงดา ทางภาคเหนือ
นำมาใส่ในแกงปลาแห้ง สามารถเข้าไปดูวิธีการทำในเวปไซด์ได้เลยค่ะ
ลงรายละเอียดไว้ให้แล้ว

เพราะฉะนั้น จึงไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ และชาเซียงดาของคุณสัจจา
ก็ผ่าน อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

 

ทำไมชาเซียงดาที่นำมาปลูกจังหวัดจันทรบุรีของคุณสัจจา
จึงต่างจากชาเซียงดาที่ปลูกในภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย

ตอบ ผักเซียงดา มีที่มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เริ่มจากประเทศอินเดีย
และแพร่ขยายมาจนถึงประเทศไทย แต่ในประเทศอินเดียนั้น
ไม่สามารถนำมาทานอาหารเหมือนบ้านเรา เนื่องจากจะมีรสขมมาก
จากการที่แพร่ขยายผักเซียงดามาจนถึงประเทศไทย ทำให้ความเข้มข้น
ของรสชาติจึงจางลง จนสามารถนำมาทานเป็นอาหารได้
ดังเช่นชาวเหนือนำมาใส่ไว้ในแกงต่าง ๆ นั้นแหละค่ะ

 

ชาเซียงดา มีสรรพคุณในการบำบัดโรคเบาหวาน เป็นอันดับต้น ๆ
ไม่ว่าจะปลูกในภาคใดในประเทศไทย ก็ให้สรรพคุณในการบำบัด
โรคเบาหวาน เพียงแต่คุณสัจจาเป็นผู้ค้นพบว่า ชาเซียงดาที่ปลูก
ในแถบจังหวัดจันทบุรีนั้น ให้ตัวยาในการบำบัดโรคเบาหวานได้ถึง
24% แต่ในขณะที่ชาเซียงดาทั่วไปนั้น มีตัวยาเพียง 8%
แต่ก็ให้ผลในการบำบัดโรคเบาหวานได้เช่นเดียวกันค่ะ

ซึ่งในการคิดค้นสูตรให้ได้ตัวยาถึง 24% นั้น ดังที่บอก
คุณสัจจาใช้เวลาเป็นปี ๆ ในการคิดค้น ซึ่งกรรมวิธีต่าง ๆ
คุณสัจจาได้จดสิทธิบัตรไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วค่ะ

 

บางท่านกลัวว่า การที่ชาเซียงดาให้สรรพคุณในตัวยาบำบัด
โรคเบาหวานถึง 24% นั้น จะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือเปล่า

คงต้องอธิบายให้ฟังนะค่ะว่า ชาเซียงดา มีสรรพคุณในการบำบัด
ได้หลาย ๆ โรคไม่ใช่เฉพาะแต่โรคเบาหวานอย่างเดียว พูดง่าย ๆ
ก็คือเปรียบเสมือนสมุนไพรครอบจักรวาล ในการทาชาเซียงดา
ไม่ใช่เพียงแต่บำบัดโรค ยังเป็นสมุนไพรที่ป้องกันโรคต่าง ๆ
รวมทั้งไปเสริมสร้างความแข็งแรง สมบูรณ์ในร่างกาย
ซึ่งจากรายงานผลวิจัยจากที่ต่าง ๆ ก็เป็นที่ยืนยันแล้วว่า
คนที่ทานผักเซียงดาสามารถบำบัดอาการที่เป็นให้ดีขึ้นได้
โดยไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายแต่กลับทำให้ร่างกายแข็งแรง
สมบูรณ์ขึ้น

 

โดยเฉพาะทางทีมงานของ True Thai Love
เราให้ทุกคนลองทานชาเซียงดานี้ก่อนที่จะนำมา
เผยแพร่ รวมทั้งได้ส่งไป Test กับบุคคลภายนอกด้วย
ซึ่งผลปรากฏว่า จากทีมงานของเรา เมื่อทานชาเซียงดา
ไปไม่ถึง 5 นาทีรู้สึกได้เลยว่ามีอาการวูบวาบไปทั้งตัว
แต่ด้วยความที่ชอบทานอาหารเสริม จึงพอทราบว่า
เป็นอาการที่ร่างกายกำลังปรับความสมดุลในร่างกาย
ถ้าคนไม่เคยทานอาหารเสริมมาก่อน อาจจะตกใจกับ
อาการของตัวเองแต่ไม่ต้องแปลกใจนะค่ะ
เพราะเป็นอาการปกติของคนที่ทานชาเซียงดา
ที่กำลังเข้าไปปรับความสมดุลในร่างกาย

 

หลังจากที่ได้ทดสอบกับตัวเองและทีมงาน รวมทั้ง
อาสาสมัครมาเป็นเดือน จึงสรุปได้ว่า ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
แต่กลับทำให้สุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ขึ้นชนิดตัวเราเอง
รู้ได้ในทันที ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
ที่เราเคยบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ มีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าชาเซียงดาของคุณสัจจาส่งผลไม่ดีต่อ
สุขภาพ ทาง True Thai Love คงได้รับผลเป็นทีมแรกไปแล้วค่ะ
และหลังจากที่ให้อาสาสมัครกลับไปทาน มีแต่เสียงเรียกร้องมาเป็น
เสียงเดียวว่าไปหาซื้อได้ที่ไหน แต่ขออนุญาติไม่ลงรายละเอียด
ที่หน้าเวปแห่งนี้นะค่ะ ถ้าสนใจจริง ๆ ก็เข้าไปอ่านรายละเอียด
ในเวปไซด์ของ True Thai Love ได้ค่ะ

เพราะเราตั้งใจที่จะแจกชาเซียงดา ให้แก่ผู้ป่วย เพื่อบำบัด
อาการผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้สนใจ เพื่อถวายเป็น
พระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน ทรงมีพระชนมมายุยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

นายสัจจา ผิวเกลี้ยง และ True Thai Love

 

เมื่อกี้พึ่งได้รับแจ้งมาจากทางคุณสัจจาว่า มีผู้ป่วยที่เป็น
โรคเบาหวานหลายคนในจังหวัดจันทบุรี นำชาเซียงดา
ไปทานแล้ว ผลปรากฏว่า เมื่อไปพบแพทย์ปรากฏว่า
น้ำตาลลดลง ทำให้ประหยัดค่ายาไปมาก และยินดีที่จะมา
เป็นพรีเซนเตอร์ให้ค่ะ ว่าทานแล้วน้ำตาลลดลงจริง ๆ
ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลให้อยู่ค่ะ

คุณสัจจาให้แจ้งกับผู้ป่วยโรคเบาหวานมานะค่ะว่า
เมื่อไปพบแพทย์จะต้องบอกแพทย์ประจำตัวว่า
กำลังทานชาเซียงดาอยู่ด้วยค่ะ เพื่อแพทย์จะได้
จัดยาให้ถูกต้อง อย่าชะล่าใจว่าน้ำตาลลดลงแล้ว
ไม่ทานยาตามคำสั่งแพทย์ เพราะผู้ป่วยเบาหวาน
มักจะมีโรคความดัน โรคอื่น ๆ แทรกซ้อนอยู่ด้วย
ถึงน้ำตาลจะลดลงไปแล้ว แต่ก็ควรให้อยู่ใน
ความดูแลของแพทย์เสมอนะค่ะ

ด้วยความห่วงใย