สมาธิจากการ เพ่งพระอาทิตย์

จิต ไม่ใช่สสาร ไม่ใช่พลังงาน มันเป็นธาตุรู้ ที่สะสมพลังงานได้ แต่จิตมันจะไม่สามารถสะสมพลังงานจากภายนอกถ้ามันไม่เด่นดวง เป็นสมาธิ เพราะมันจะวุ่นวาย และกระจัดกระจายไปตามอายตะนะทั้ง 6 ช่องทาง และจิตยังถูกอำนาจธาตุ(ร่างกาย)ครอบงำ ทำให้มีความสามารถแค่ กำลังของธาตุ ที่มนุษย์สามารถใช้กันได้ตามกำลังธาตุแต่ละคน เรียกกันว่า สมรรถภาพทางกาย แข็งแรงไปตามกำลังของธาตุ แต่เมื่อใดที่จิตเด่นดวง เป็นสมาธิไร้ธาตุครอบงำ จิตที่สะสมพลังงานได้แล้ว มันจะเหนือธาตุและบังคับธาตุได้ทุกสิ่งด้วยใจแห่งฤทธิ์อำนาจ การจะทำเช่นนั้นได้ต้องรวมจิตให้เป็นหนึ่งแห่งเอกัคตาจิต สติมีกำลัง จิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เป็นหนึ่งเหมือนดั่งหลอมกลมกลืนกับสรรพสิ่ง จะมีสิ่งที่ปรากฏคือพลังจิตที่หลอมรวมกันอย่างแน่นหนามั่นคง
ในแบบการฝึกสมาธิ ทั้ง 40 มีแบบฝึกที่เรียกว่ากสิณ 10 โดยเฉพาะการเพ่ง ดิน เพ่งน้ำ เพ่งลม เพ่งไฟ เมื่อจิตมันสงบนิ่ง และมันไปรู้ถึงคลื่นแห่งพลังงานภายนอกเข้า มันจะดูดซับพลังงานนั้นเข้ามาหาตัวเอง หลอมกลมกลืนเป็นหนึ่งกับธาตุในร่างกาย ต้องเข้าใจว่า เราคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือเรา เราเป็นเพียงกลุ่มพลังงานเท่านั้น ไม่มีเราในที่ใดเลย ไม่มีเราในกายในใจนี้ สิ่งที่เรียกว่าเราเป็นเพียงธาตุ 4 ธาตุ และขันธ์ 4 ขันธ์ เท่านั้น การเกิดขึ้นแห่งคลื่นพลัง การถ่ายทอดคลื่นพลังงาน และการรับคลื่นพลังงาน
และที่เรียกว่าเป็นเรานี้ก็อยู่ในบ่อพลังงานขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าโลกมันช่างน่าอัศจรรย์ใจพิลึก เมื่อจิตเมื่อมันเด่นดวงเป็นสมาธิขึ้นมา มันสามารถดูดซับพลังงานภายนอกได้หากต้องการนำความร้อน ความสว่าง ฯลฯไปใช้ก็ดูดซับพลังงานจากไฟ หากต้องการความเบา สบาย ละเอียด ฯลฯก็ดูดซับพลังลม หากต้องการความเย็น ความอ่อน เหลว ฯลฯ ดูดซับพลังงานจากน้ำ ถ้าต้องการความหนักแน่น แข็งแกร่ง ฯลฯก็ไปดูดซับพลังงานจากดิน สำหรับธาตุดิน คือร่างกาย ก็เป็นฐานรองรับคลื่นพลังงานเหล่านั้น ท่านลองมองปรากฏการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น การเกิดฝนฟ้าคะนอง ท่านมองเห็นอะไรบ้างเมื่อพายุใหญ่กำลังจะมา ทั้งลม ทั้งฝน ทั้งฟ้าผ่า โดยมีดินนี้เป็นที่รองรับ มันถ่ายทอดพลังงานไป มา ทุกอย่าล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหมด หนึ่งคือทุกอย่าง ทุกอย่างคือหนึ่ง <O></O>
เมื่อจิตดูดซับพลังงานเข้ามาหาตนเอง ก็เกิดเป็นพลังจิต ซึ่งสามารถแสดง ฤทธิ์ อภิญญาได้ ตามใจของผู้นั้น ซึ่งพลังงานจากดวงจิตที่มีกำลังมากๆสามารถถ่ายทอดไปยังสิ่งที่ผู้นั้นกำหนดถ่ายทอดไปได้ ที่นิยมใช้กันคือธาตุดิน กับธาตุน้ำ เช่น พระเครื่องที่ท่านแขวนคออยู่ หรือน้ำมนต์ที่เวลาทำพิธีปะพรมน้ำมนต์ ขอให้ท่านเข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่าพระเครื่อง วัตถุมงคลนี้ ส่วนใหญ่เป็นธาตุดิน สามารถดูดซับพลังงานจากท่านผู้มีพลังงานแห่งจิตมากๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คล้ายๆกับร่างกายเรานี้ที่เป็นธาตุดินที่เป็นฐานรองรับพลังงานต่างๆ ) โดยทั่วไปแล้วท่านที่มีพลังจิตจากการที่ได้สั่งสมพลังงานจากทั้งภายในกายของท่านเองและจากทั้งพลังงานภายนอก จะถ่ายทอดพลังงานของท่านไปยัง ธาตุดิน และธาตุน้ำเท่านั้น เพราะเป็นธาตุที่จับต้องได้ เราจึงเห็นท่านทำเป็นพระเครื่อง หรือน้ำมนต์นั่นเอง เพื่อให้แก่บรรดาลูกศิษย์ ที่นับถือไปกราบไหว้ ปกป้อง รักษา คุ้มภัย โดยอาศัยการแผ่คลื่นพลังออกมาของธาตุที่บรรจุพลังจิตเอาไว้<O></O>



เพ่งพระอาทิตย์ เพื่อเพิ่มกำลังให้จิต
สำหรับการเพ่งพระอาทิตย์ ( เป็นความรู้ และการปฏิบัติส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาน ในการอ่าน ) ไม่สงวนลิขสิทธิ์ สิ่งที่เกิดขึ้นประจักษ์แก่ใจท่านเอง.
การเพ่งนี้มีการปฏิบัติดังนี้
1. ให้เพ่งพระอาทิตย์ตอนกำลังขึ้น หรือตอนกำลังจะตกดิน ที่มีสีส้มๆ อมแดง ชอบเวลาไหนก็เลือกเพ่งเวลานั้น
2. การเพ่งนี้ใช้หลักการเพ่งกสิณ คือเพ่งแล้วหลับตานึกให้เห็นภาพ ไปเรื่อยๆ ตามแบบ
3. ให้ปฏิบัติติดต่อกันเป็นประจำ แล้วแต่สะดวก แต่ไม่ต้องไปบังคับตนว่าจะต้องเพ่งทุกวัน แต่หากต้องการเห็นผลเร็วให้เพ่งทุกวัน
4. การเพ่งควรอยู่ในท่านนั่งที่ผ่อนคลาย และให้เข้าสมาธิในอาณาปาณสติก่อนจะดี ต่อจากนั้นจึงเริ่มเพ่งดูแล้วหลับตา พร้อมบริกรรมว่า ไฟๆๆ หรือเตโชกสิณัง ก็ได้
5. เมื่อเพ่งดูแล้วหลับตาไปเรื่อยๆ หากจิตสงบ ลงสู่สมาธิ จะเห็นภาพพระอาทิตย์เวลาหลับตา เหมือนภาพที่ลืมตา แสดงว่าท่านได้อุคหนิมิตแล้ว
6. เมื่ออุคหนิมิตเกิด ทุกครั้งที่ท่านหลับตาเห็นได้ ท่านก็เข้าสมาธิต่อในกสิณไฟ ไปเลย ไม่ต้องกลับมาเพ่งอีกก็ได้
7. แต่หากสามธิอ่อนกำลัง ก็จำเป็นที่จะมาเพ่งให้จำภาพพระอาทิตย์อีก


ข้อห้าม
1. หากยังไม่เข้าสมาธิ อย่าริอ่านไปเพ่งพระดาทิตย์ เพราะมีโอกาสตาบอดสูง หากเริ่มฝึกก็ดูได้ก็ตอนที่พระอาทิตย์ กำลังขึ้น หรือกำลังจะตกที่มีดวงสีส้มๆ
2. ถ้ากำลังสมาธิยังไม่ถึงฌาน 4 ในกรรมฐานกองใดแล้ว อย่าริอ่านไปเพ่งพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน
<LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel=File-List><STYLE> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:14.0pt; font-family:"Cordia New"; mso-fareast-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </STYLE>[FONT=&quot]3. เมื่อจิตมีพลัง อย่าถือตนเองเก่ง อย่าอวดตนว่าเหนือใคร จงอ่อนโยน ร่มเย็นเพราะคุณธรรมที่เจริญมากขึ้น และใช้มันเพื่อเผาทำลายกิเลส

[FONT=&quot]โมทนาบุญกับทุกท่าน ขอให้เจริญในธรรม[/FONT]
[/FONT]

 

ไม่แนะนำให้ฝึกกสินไฟผ่านพระอาทิตย์.....

 

อันตรายนะ ตาบอดนะครับ เดี๋ยวตาบอดก่อนโดยที่ยังไม่ได้อะไรเลย

เอาใจเพ่งก็พอ อย่าใชตาเนื้อ ไม่เห็นด้วยนะครับ เพาะเป็นอันตราย

วิธีการฝึกมีมากมาย หลายวิธีด้วยกัน ลองไปหาอ่านคู่มือปฏิบัติพระกัมมัถฐาน

ในเว็บนี้ก็มีนะครับ ถ้าใครสนใจเรื่องกสิณ ลองคลิกเข้าไปดูได้นะครัผม

 

จอประสาทตาเสื่อม...

 

ครูบาชื่อดังล้านนา ทำพิธีนั่งเพ่งพระอาทิตย์ บูชาสุริยเทพ นาน 30 นาที เพื่อขออำนาจบารมีแสงสูรย์ ถวายในหลวง เพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ... , f3 L E9 ]& g9 U) d8 |
$ d! g$ B8 L& ~2 u& O" ^/ k
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 ต.ค. พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ ครูบาพันเทวา อายุ 72 ปี เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ทำพิธีนั่งเพ่งดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าเพื่อขออำนาจบารมีแห่งแสงสุริยเทพดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หายจากอาการพระประชวร โดยได้ทำพิธีต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระสงฆ์จำนวน 5 รูปเข้าร่วมพิธี โดยก่อนพิธีทางพระครูสุเทพฯได้ทำการจุดเทียนเล่มใหญ่ถวายต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในเวลานั้นพระอาทิตย์ส่องแสงสว่างร้อนแรงมาก พระครูสุเทพฯ ได้เริ่มนั่งเพ่งดวงตะวันด้วยตาเปล่าและปากก็สวดมนต์ พร้อมทั้งพระภิกษุ 5 รูปที่นั่งอยู่ใกล้ แต่ทั้ง 5 รูปไม่สามารถมองพระอาทิตย์ และบางรูปต้องเข้าไปอยู่ในที่ร่ม พระครูสุเทพฯได้นั่งเงยหน้าทำมุมเกือบ 90 องศาเพ่งมองอย่างไม่กระพริบตานานร่วม 30 นาทีเต็มท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุจากนั้นจึงได้ยุติพร้อมทั้งนำสวดมนต์ถวายแด่ในหลวงพร้อมทั้งขอให้ประเทศชาติกลับคืนสู่ความสงบร่มเย็น2 C. ], k3 J- `" P
o! p6 x% \/ h! |5 D1 d: O

โดยพระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ ครูบาพันเทวา เปิดเผยถึงการประกอบพิธีในครั้งนี้ว่า เป็นการอัญเชิญมหาเทพทั้งหลายมาร่วมในการถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการเพ่งมองดวงอาทิตย์ นั้น เป็นการขอพรสุริยเทพ ที่มีแสงร้อนแรงให้ช่วยขจัดปัดเป่าโรคาพยาธิ ที่มารบกวนพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวร โดยนอกจากจะทำพิธีถวายองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังได้ขอให้บ้านเมืองอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขสมบูรณ์ตลอดไป

. H- G4 w1 N
“อาตมาก็เหมือนกับชาวไทยทั้งประเทศที่ปรารถนาดีมีความจงรักษ์ภักดีติอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากให้พระเจ้าอยู่หัวหายจากอาการพระประชวรเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของประเทศไทยตลอดไป เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาและตั้งจิตอธิษฐานตลอดมา ไม่ว่าประเทศชาติในปัจจุบันนี้จะเป็นอย่างไรก็ขอให้ยึดมั่นต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นทีพึ่งเป็นพระบรมโพธิสมภารของปวงชาวไทยต่อไป”
# d9 @

ส่วนเรื่องการเพ่งดูดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าเป็นเวลานานหลายครั้ง จะทำให้มีปัญหาเรื่องสายตาหรือไม่นั้น พระครูสุเทพฯตอบว่าไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆในทางพุทธศาสนาเรียกเป็นเพ่งกษินไฟ กษินลมแต่ทุกคนก็คงไม่สามารถทำได้ แต่ตนขอบอกว่าตนเป็นศิษย์ของหลวงพ่อโอภาสี ที่บูชาไฟ จึงมีจิตผูกพันกับท่านมาตลอด การที่จะทำได้ต้องมีจิตแรงกล้า ไม่มีจิตที่คิดมุ่งร้าย ประกอบแต่กรรมดี เรียกว่ามีจิตกุศล ก็สามารถทำได้ ซึ่งตนได้ทำหลายครั้งไม่เคยมีปัญหาในเรื่องสายตาใดๆ ซึ่งก็ได้มีจักษุแพทย์หลายคนได้เตือนไม่ให้ทำเพราะจะทำให้มีผลร้ายต่อตา แต่ตนเอง ทำด้วยจิตบริสุทธิ์เมื่อทำแล้วก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนที่คงพูดอะไรไม่ได้ แต่ให้คิดเป็นนามธรรม รูปธรรม เท่านั้น เพราะทำเพื่อให้บ้านเมืองอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขก็สบายใจแล้วที่ได้ทำและทำมาตลอด

ข่าว โดยไทยรัฐออนไลน์
เข้าสู่ระบบไทยรัฐออนไลน์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์




<SCRIPT src="tag.php?action=relatetag&rtid=1365" type=text/javascript reload="1"></SCRIPT>

 

เพ่งพระอาทิตย์เลยเหรอ ผมก็เคยเห็นข่าวแต่ก่อนรับน้องโหด มองพระอาทิตย์ ไม่นานนะไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลอก ตาบอด ผมว่าคงเป็นความสามารถเฉพาะตนนะครับ อย่าลอกเรียนแบบ ดีกว่า ใครทำได้ปล่อยเขา เห็นมีวิธีอยู่ในตำรานะครับก็ไม่ได้บอกว่าเพ่งพระอาทิตย์

 

จิต เมื่อเด่นดวงขึ้น มันพร้อมจะรับพลังงาน

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในกรรมฐานทั้ง 40 กองที่ใช้ในการฝึกสมาธินั้น มีเพียง 12 กองเท่านั้นที่สามารถทำให้ได้ถึงฌาน 4 คือ อาณาปานสติ1, กสิณ 10 และอุเบกขา ในพรหมวิหารธรรม อีก 1... หลายท่านที่ขึ้นต้นด้วยการฝึกอาณาปานสติ เป็นบาทฐานเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่จะใช้อารมณ์ในอาณาปาณสติไปถึงฌาน 4 นั้น เป็นเรื่องที่ยากพอดู น้อยคนนักที่จะทำได้ หลายคนติดอยู่แค่ อุปจารสมาธิขั้นละเอียดเท่านั้น แต่ถ้าใช้อาณาปาณสติเป็นบาทฐานแล้วฝึกกสิณต่อ นี่น่าสนใจ แล้วเวลาแผ่เมตตา ใช้เมตตาอัปปมาณฌานใชอุเบกขาธรรม มันช่างมีกำลังแรงเสียนี่กระไร
ทำไมเราต้องไปให้ถึงฌาน 4 ในอารมณ์ของสมถะ จากที่ทราบกันดี กำลังสมาธิระดับนี้สามารถทำให้จิตเด่นดวงแยกออกมาจากกาย เมื่อยกองค์วิปัสสนาพิจารณา ก็สามารถห่ำหั่นกิเลสให้เบาบางได้โดยไว อุปมาดั่งได้ตั๋วไปวิมุติ แต่หากไม่มีกำลังสมาธิระดับนี้การไปถึงเป้าหมายอาจเนินช้า การยกวิปัสนาเป็นเพียงการวิปัสสนึกเท่านั้น และผลพลอยได้ไม่เป็นประโยชน์เฉพาะตน แต่สามารถปลดเปลื้องทุกข์ให้ผู้อื่นได้ด้วย
เมื่อจิตเด่นดวงขึ้น มันพร้อมที่จะสะสมพลังงาน หากท่านใดต้องการนำความร้อนไปใช้ รวมถึงความส่วาง ก็ดูดซับพลังงานจากไฟ หากท่านใดต้องการความเบา สบาย ละเอียดก็ดูดซับพลังลม หากท่านใดต้องการความเย็น ความอ่อน เหลว ดูดซับพลังงานจากน้ำ โดยใช้ธาตุดิน คือร่างกายนี้เป็นฐานรองรับ
แหล่งพลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ท่านจงพิจารณาดูเองเถิด ขอให้จำไว้ว่า เมื่อจิตนี้มันเด่นดวงขึ้น มันพร้อมที่จะรับพลังงานที่เรากำหนดเพ่งนั้นๆ และท่านจะเห็นประโยชน์ของการสะสมพลังงานนั้นๆในเวลาที่ท่านผ่านเข้าไปในมิติภูติ หรือโลกแห่งวิญญาณ เรามีไว้ไม่ใช่เอาไปทำร้ายใคร เรามีไว้เพื่อห่ำหั่นกิเลส และใช้ช่วยเหลือผู้อื่น

โปรดใช้วิจารณญาน ในการศึกษา เป็นแนวปฏิบัติส่วนตัว ไม่สงวนลิขสิทธิ์

 

ท่านผู้นี้ คือท่านที่สะสมพลังงานความร้อนได้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=JQO-2xTReQY&feature=player_embedded#watch-main-area]YouTube - พลังจิต 01[/ame]

โปรดพิจารณาดูเองเถิด..
ขอให้เจริญในธรรม

 

อนุโมทนาในความรู้ที่นำมาเผยแพร่ด้วยค่ะ

โปรดพิจารณาฝึกในขอบเขตที่ต้องระวังและตามความเห็นชอบ

ที่แน่ๆ เพียงเพ่งมองแสงอาทิตย์(ไม่ต้องตรงที่ดวง)ในเวลาเช้า และโพล้เพล้ดังกล่าว ด้วยระยะเวลาสั้นๆจะทำให้ได้รับวิตามินดีที่มีประโยช์ต่อร่างกาย ป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน

 

จะเพ่งพระอาทิตย์.....เพื่อเจริญสมาธิ:boo:

สติแตกเรียบร้อยแล้ว นะสิครับ ถึงจะไปเพ่ง......
ไม่มีตำราหรือครูอาจารย์ที่ไหน สำนักใดสั่งสอน นะครับ

 

นั่นสิอันตรายครับ มีทางเลือกไหมครับ หาทางใหม่ดีกว่าครับ

 

วิทยาศาสตร์ช่วยได้ สำหรับท่านที่ศรัทธา
อยากจะฝึกวิธีนี้จริงๆให้ใช้หน้ากากอ๊อคเหล็กครับ
มองผ่านหน้ากากอ๊อคเหล็กเอา

พวกฝึกพลังจักรวาลเค้าก็เอาตาที่สามมอง
คือตาเนื้อหลับตา หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์จะเห็นดวงกลมสีส้มบริเวณตาที่3
อีกวิธีก็แบบมือใส่แดด พลังเข้ามือขวาหมุนออกมือซ้าย อันนี้รับทางจักระมือ

อีกวิธีก็อาบแดดตอนเช้าให้ไขมันใต้ผิวหนังสังเคราะห์วิตามินดี

 

...........................

 

แต่ไม่แน่ใจว่า หน้ากากสวมแล้วจะร้อนไปไหม ถ้ามันร้อนก็ระวังด้วยนะคะ
เสร็จแล้ว ต้องทำการลดความร้อนที่เกิดบนหน้าจากหน้ากากนั้นทันที งั้นอาจอันตรายนะ
ไม่แน่ใจ ไม่เคยใส่หน้ากาก ฮ่อๆๆ

 

------------------
ถูกต้องครับ ดูประจำบอดแน่นอน

 

อนุโมทนาด้วยคับที่นำข้อมูลมาเผยแพร่เป็นวิทยาทาน แต่การฝึกบางอย่างก้อเหมาะกับอีกคน การฝึกอีกอย่างก้อเหมาะกับอีกคน หากไม่ฝึกจากการมองพระอาทิตย์ก้อฝึกจากการมองอย่างอื่นก้อได้ เช่นการมองของที่เป็นธาตุเย็น(ตามความคิดผม) เช่น สายลม อากาศ สายน้ำ เป็นต้น ธรรมะคือ ธรรมดา อยู่ทั่วไปในธรรมชาติ รอบตัวเรา หยิบอะไร มองอะไร ก้อเป็นธรรมะได้ เกิดปัญญาญานได้

 

แล้วจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ยังไงเนี่ย

 

ก้อติดแผงโซล่าเซลล์ไง
ปล.ล้อเล่นนะคับ
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบหน่อย

 

กสิณไฟ นี้ หากสามารถเข้าฌานในกสิณกองนี้ได้ จิตท่านจะเกิดอภิญญา ถามว่าจำเป็นมั้ย มีคำตอบ 2 ประเด็น
1. ไม่จำเป็นเลย ถ้าหากบุคคลผู้นั้น รักตัว กลัวตาย ห่วงธาตุ ห่วงขันธ์ ของตนมาก และคิดว่าตนจะไม่ตาย ไม่คิดที่จะปล่อยวางธาตุขันธ์ ยึดธาตุขันธ์ที่เป็นของสกปรกอย่างติดแน่น เพราะคิดว่าร่างกายเป็นของๆตน .... หากรักมันมาก ห่วงมันมาก ก็พามันไปด้วย เมื่อตาย
2. จำเป็น สำหรับท่านนักปฏิบัติที่ต้องการกำลังสมาธิไปทำลายกิเลสที่ฝังในจิตใจตน และใช้ธาตุขันธ์เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพราะท่านเหล่านั้นรู้ว่า มันไม่ใช่ของๆตนเลย จะยึดติดไปใย และเมื่อปฏิบัติถึงขั้นที่จิตไปสร้างรูปละเอียดภายนอก เวลาไปสถานที่ที่เหล่าสัมภเวสี หรือจิตอื่ที่ดุร้ายเข้ามาทำร้าย ก็พอจะคุุ้มภัยตนได้

 

พระพุทธเจ้ากับพระอาทิตย์ สิ่งใหนมีพลังให้ซึมซับมากกว่ากันในการตัดกิเลส
1เพ่งพระอาทิต แสบตา ร้อน เพ่งไฟมีอำนาจทำลายล้างสิ่งใดมากระทบแล้วกลัวก้ทำลายกลับได้ป้องกันได้
2เพ่งองค์พระ ไม่กลัว ไม่หลง หยุดทำชั่ว ทำดี ไม่กล้าทำผิด มีความถ่อมตน เพ่งพระมีอำนาจเมตตาเป็นสุขยอมรับต่อทุขต่อกรรม
งั้นใครชอบเพ่งอะไรเพ่งอย่างนั้นนะ