ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ราชาเป็นทั้งมิ่งและขวัญ

    [​IMG]




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระปิ่นโมลีอยู่เป็นศรีไผทไทยทั้งผอง

    [​IMG]



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ยันต์ นะ นเรศวร

    [​IMG]

    พระราชาทรงเป็นประธาน ของมนุษย์ทั้งหลาย​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ดงฝรั่ง

    Natayaa


    <!-- post-cate -->
    ฝรั่งกับเพลงสรรเสริญพระบารมี



    [​IMG]

    บันทึกนี้ถูกเขียนเป็นลายมือไว้ในเศษกระดาษแผ่นหนึ่ง
    เมื่อสองเดือนก่อน แต่เพิ่งมีโอกาสนำเอามาขึ้นบลอก
    เพื่อบอกต่อให้คนไทยได้ทราบว่ามีฝรั่งคนหนึ่ง...(และ
    อีกหลายคน) ที่ซึ้งใจกับบทเพลงสรรเสริญพระบารมี
    ในโรงภาพยนตร์ที่เมืองไทย จนแทบกลั้นน้ำตา
    แห่งความปลื้มใจ(แทนคนไทย)เอาไว้ไม่ไหว....




    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/djwY41a4lsA&hl=en_US&autoplay=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6 width=480 height=330 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>


    .....หลังปีใหม่ ฉันพาสามีและเพื่อนๆ ฝรั่งไปดูหนังโรง
    ในกรุงเทพฯ เมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พัก ระหว่างทาน
    อาหารเย็นกัน สามีฝรั่งของฉันพูดขึ้นมากลางวง ว่า


    I got something to confess.
    ฉันมีอะไรจะสารภาพล่ะ


    promise you wont laugh at me.
    แต่สัญญาก่อนนะว่า(พวกเธอ) จะไม่หัวเราะขำฉัน


    เรื่องก็มีอยู่ว่า...


    Before the start of the film at the cinema
    we all stood up to pay homage to the king.

    ก่อนหนังเริ่มฉาย พวกเราทั้งหมดลุกขึ้นยืน
    เพื่อทำความเคารพในหลวง(ของปวงชนชาวไทย)


    when i heard the voices of thai children singing
    and seeing the images on the big screen of
    thai people helping each other with a portrait of
    the king always being in the background made me
    feel very emotional and could of quite easily shed a tear.

    พอฉันได้ยินเสียงเพลง(สรรเสริญพระบารมี)ที่ร้องโดย
    เด็กๆ ชาวไทย พร้อมๆ กับภาพคนไทยที่ช่วยเหลือ
    เกื้อกูลกัน โดยมีภาพในหลวงซ้อนอยู่ข้างหลัง
    ทำเอาฉันเกิดอาการหวั่นไหว (ปลาบปลื้มและ
    ซึ้งใจ) จนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่...


    (สามีฉันบอกว่า ต้องกลั้นน้ำตาแทบตาย
    เพราะกลัวอายฉันกับเพื่อนๆ ฝรั่งคนอื่น...)



    พอเล่าจบ...ฉันก็โผเข้ากอดเขาอย่างอบอุ่นใจ
    และบอกเขาว่า ไม่มีทางที่ฉันหรือคนไทยคนไหนจะ
    หัวเราะเยาะขำกับความรู้สึกอันนี้ของเขาเป็นเด็ดขาด



    ฉันต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำไปที่เข้าใจในความรู้สึกคนไทย
    และ ซาบซึ้ง ตรึงใจ ไปกับความรักความผูกพันของพวกเรา
    ที่มีต่อ พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเป็นที่รักของเราชาวไทย ซึ่งเขา
    ได้รับรู้ รับฟังมาหลายช่องทาง รวมทั้งจากเพลงสรรเสริญฯ นี้ด้วย


    นอกจากนี้ คิม สาวอังกฤษ เพื่อนรุ่นน้อง พอได้ฟัง
    เรื่องเล่านี้จากปากสามีฉัน เธอก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า
    "เธอเกือบร้องไห้เลยเหรอ" แล้วคิมก็หัวเราะ
    (แต่ไม่ได้เยาะ) แล้วพูดต่อว่า..."สู้ฉันก็ไม่ได้
    น้ำตาหยดแหมะเลยล่ะ ทั้งที่ไม่รู้ความหมาย
    ของเพลงนี่ล่ะ ดีนะไม่มีใครสนใจฉัน ไม่งั้น
    มีเขินแย่เลย..." จากนั้นทุกคนก็สรุปเหมือน
    กันว่า .....พวกเขาเกิดอาการเดียวกันทั้งหมด


    และทุกคนก็ขอให้ฉันแปลความหมายของเพลงให้ฟัง


    ฉันสรุปกับทุกคนว่า ทุกครั้งที่ฉันไปดูหนังในเมืองไทย
    ฉันพบว่า หนังเรื่องไหนก็ไม่กินใจฉัน เท่าหนังสั้น
    ประกอบเพลงสรรเสริญพระบารมีอันนี้ได้เลย ไม่ว่า
    จะเป็นเวอร์ชั่นไหนๆ ก็ตามแต่ และถือว่าเป็นภาพยนตร์
    ยอดเยี่ยมในดวงใจของฉันอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว.....




    ฝรั่งเขายังปลาบปลื้ม ยินดีลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
    ในหลวงของเราชาวไทยกันได้ขนาดนี้ แล้วคนไทย
    บางคนเล่า...ทำไมถึงได้คิดผิดแผกแตกต่างไป
    ในทางที่ไม่ดีได้ขนาดนั้น ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ.....



    <HR>
    ขอบคุณภาพจาก
    http://www.showwallpaper.com/wallpaper/0606/003388.jpg

    ขอบคุณคลิบเพลงสรรเสริญฯ จาก ยูทูป (เวอร์ชั่นที่ฝรั่งได้รับชมในโรงภาพยนตร์เป็นเวอร์ชั่นที่มีคนไทยช่วยกันเข็นรถที่เสีย และตอนจบมีทีมฟุตบอลค่ะ แต่หาในยูทูปไม่เจอ เลยใช้อันนี้แทนไปก่อนแล้วกันนะคะ)





    Tag: ฝรั่ง, คนไทย, รักในหลวง, เพลงสรรเสริญพระบารมี, โรงภาพยนตร์ เขียนโดย natayaa ที่ 2010-03-15 06:52:46 น. 11 ความคิดเห็น

    ความคิดเห็นที่ 1, เว็บไซต์ :

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ...
    ดีใจและซึ้งใจมากค่ะที่ได้ทราบเรื่องดี ๆ เช่นนี้...ฉันรักในหลวง...
    ขอบคุณ Natayaa สำหรับเรื่องราวดี ๆ เช่นนี้..ขอบคุณมากมายค่ะ



    nokhasee | 15 มีนาคม 2553 | 09:11:31


    ความคิดเห็นที่ 2, เว็บไซต์ :


    LONG LIVE MY GREAT KING


    =======================



    ดิฉันนั่งอ่านอยู่ที่เมลเบอร์นนี่ พอจบก็น้ำตารื้นเต็มตาพอดีค่ะคุณเอ๋คะ

    คุณเอ๋สบายดีนะคะ คิดฮอดหลายเด้อ เห็นหายไปนานยังนึกอยู่ว่ายังไงแต่คงยุ่งมากกว่า ใช่ไหมคะ

    สุขสันต์วันจันทร์นะคะ


    *__^



    [​IMG] | septimus | 15 มีนาคม 2553 | 10:57:35


    ความคิดเห็นที่ 3, เว็บไซต์ :

    สวัสดีครับพี่เอ๋

    ได้อ่าน ได้รับรู้ก็ยิ่งปลาบปลื้มใจครับพี่
    คนไทยเรามีของดีที่คนทั้งโลกสมควรอิจฉา
    โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ได้เกิดเป็นพสกนิกรของพระองค์

    ไม่ได้เข้ามาหาบ่อยๆ แต่ก็คิดถึงเสมอนะครับคุณพี่ :)

    [​IMG] | prypilas | 15 มีนาคม 2553 | 11:10:29


    ความคิดเห็นที่ 4, เว็บไซต์ :

    เอ๋ เพื่งคุยกับพี่สาวและหลาน เรื่องนี้ เพราะหลายคนเค้ารู้สึกว่าเค้าผิดปรกติหรือเปล่า ที่เวลาฟังเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้วร้องไห้ เราก็เลยสรุปเอาเองว่าคงมีคนไทยมากมายที่ซาบซึ่งกับเพลง และบรรยากาศ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

    pim | 15 มีนาคม 2553 | 18:26:38


    ความคิดเห็นที่ 5, เว็บไซต์ :

    ขอบคุณเช่นกันค่ะ คุณ Nokhasee ที่แวะมาอ่าน และแบ่งปันความรู้สึกกันในเรื่องนี้

    [​IMG] | natayaa | 15 มีนาคม 2553 | 19:34:50


    ความคิดเห็นที่ 6, เว็บไซต์ :

    หวัดดีค่ะคุณเซบฯ

    ช่วงนี้ลูกสาววัยรุ่นค่ะ เลยสละเวลาไปให้เขาเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังเขียนบลอกอยู่ค่ะ แค่เลิกเล่นบลอกไปเท่านั้น ที่บอกว่าเลิกเล่นบลอก แต่ยังเขียนอยู่ ก็คือ ไม่ค่อยได้เข้าไปวิ่งเล่น ทักทายใครๆ ได้มากมายนัก แต่ยังอยากบันทึกเรื่องราวของตัวเองอยู่ เอาไว้ดูเล่น ยามเวลาผ่านไป เลยทำได้แค่เข้ามาอัพบลอกตัวเองน่ะค่ะ

    หวังว่า คุณเซบฯ คงสบายดีนะคะ เอาไว้วันไหนมีเวลาว่างจะแวะมาเล่นบลอกกับเพื่อนๆ อีก คิดถึงกันอยู่เสมอเลยค่ะ

    [​IMG] | natayaa | 15 มีนาคม 2553 | 19:37:58


    ความคิดเห็นที่ 7, เว็บไซต์ :

    ไม่เป็นไรค่ะคุณน้อง อย่างที่บอกคุณเซบฯ พี่ก็ไม่ได้มาวิ่งเล่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เลยไม่ค่อยได้ทักทายใครเหมือนกัน แค่ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาเขียนบลอกอยู่เรื่อยๆ แค่นั้นเอง

    คิดถึงเหมือนกันค่ะ หวังว่าคงสบายดีนะจ๊ะ

    [​IMG] | natayaa | 15 มีนาคม 2553 | 19:39:13


    ความคิดเห็นที่ 8, เว็บไซต์ :

    ขอบคุณค่ะพี่พิม

    อ่ะ มีคนรู้สึกเหมือนกัน ดีใจจัง

    [​IMG] | natayaa | 15 มีนาคม 2553 | 19:39:42


    ความคิดเห็นที่ 9, เว็บไซต์ :

    Thank you so much for the great things while I watch all MV I can't hold my tear.I have follow the teaching of the King. We love the King and Thailand.

    natcha&melvyn Chesterfield | 16 มีนาคม 2553 | 02:17:17


    ความคิดเห็นที่ 10, เว็บไซต์ :

    ความรู้สึกสามารถสะท้อนผ่านภาพและเสียง
    คนที่ปิดใจย่อมไม่รับรู้ถึงคุณค่านี้

    บางคนที่คิดต่าง ขอให้คิดได้ ในสักวัน

    [​IMG] | kenjionline | 16 มีนาคม 2553 | 03:53:06


    ความคิดเห็นที่ 11, เว็บไซต์ :

    อ่านแล้วขนลุกครับ ปลื้มใจสุดๆ
    แค่เห็นฝรั่งพูดภาษาไทยได้บางคำก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
    ยิ่งมาเห็นความซาบซึ้งแบบนี้แล้ว
    อารมณ์ประมาณ เหมือนเห็นฝรั่งเป็นร้อยๆ พันๆ คนพูดภาษาไทย

    พระองค์ท่านเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของชาวไทย

    [​IMG] | kenjionline | 16 มีนาคม 2553 | 03:59:16



    ขออนูญาตคัดลอกมาทั้งหมด จาก www.manager.co.th
    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของบทความและทุกท่านที่เกี่ยวข้อง
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อเช้าได้รับอีเมลล์จากคุณสมเกียรติ กาญจนชาติเกี่ยวกับโครงการชื่อ โครงการอนุรักษ์ ตรวจสอบ ปกป้อง เปิดเผยความจริงประวัติศาสตร์ และ มรดกโลกในสยามประเทศ

    เนื้อหาการสัมมนาที่ธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553 โดยอาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ
    จะเอาเนื้อหามาลงนะคะ

    ป.ล. ดีใจจังวันนี้ ฝนตก ชำระล้างแผ่นดิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2010
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ตัวเล็กหน่อยเพราะไม่สามารถนำมาจากต้นฉบับได้ จึงต้องคัดลอกจากไฟล์ข้อมูลที่อยู่ในอินเตอร์เนต จึงได้แค่นี้ค่ะ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan222.jpg
      scan222.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.3 KB
      เปิดดู:
      328
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    โหลดข้อมูลยากเพราะเนตช้านะคะ ไปที่ Picasa Web Albums - ssomkiert อ่านได้ค่ะ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0311132330.JPG
      0311132330.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.5 KB
      เปิดดู:
      325
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เรื่องที่คุณสมเกียรติส่งมาให้ กำลังอยู่ในใจพอดีค่ะ
    มักจะได้ยินเสมอว่า พระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์ มาอย่างไร
    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเสมือนพ่อ ประเทศก็คือครอบครัวของท่าน
    บรรพกษัตริย์ไทยทรงวิริยะอุตสาหะ ที่จะต้องขับไล่อริราชศัตรูออกจากราชอาณาจักร
    และต้องสร้างบ้านของพระองค์ให้ลูกๆในบ้านอยู่อย่างอบอุ่น

    กษัตริย์โบราณจึงทำการค้า เพราะในพระราชฐานะพ่อบ้านที่ต้องสร้างรากฐานบ้านให้ลูกๆคือประชากรของท่านให้อยู่เย็นเป็นสุข

    ดังนั้นในความเข้าใจของทางสายธาตุ พระราชทรัพย์และพระราชสมบัติของพระมหากษัตริย์เติบโตมาตั้งแต่สมัยโบราณจากรากฐานการค้าค่ะ

    พระราชทรัพย์เหล่านั้นจึงกลายเป็นพระราชมรดกสืบต่อๆกันมาจากบรรพบุรุษของพระองค์
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    .....มีคนนมัสการถามถึงประเด็นเมืองไทย ท่านสุเมโธซึ่งเป็นชาวอเมริกัน อดีตเป็นทหารในสงคราม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นผู้นำธงธรรมจักรสู่ต่างแดนตอบไว้ตอนหนึ่งว่า

    "ขอให้คนไทยพิจารณาในสิ่งที่ดี สิ่งที่สำคัญในชีวิต ในการเป็นมนุษย์ ในการเป็นคนไทย ทุกวันนี้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงอย่างไร บางทีรัฐบาลก็เปลี่ยนอย่างที่เราชอบ อยากให้มันเป็น แล้วอีกไม่นานมันก็เปลี่ยนอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น นี้ก็เป็นเรื่องโลกียธรรมที่เราไม่มีความสามารถจะบังคับตามความต้องการของเรา แต่สิ่งที่ใช้ได้ทุกๆ เวลา ทุกๆ ขณะจิต คือให้มีสติอยู่ รู้ตัว รู้ทางพ้นทุกข์ แสดงความเคารพอย่างสูงถวายในหลวง ทุกวันนี้ท่านก็เป็นในหลวงที่ดี ที่รักษาพระองค์ รักษาจิตของท่านเอง ให้เป็นในหลวงที่ดีที่สุด ที่จะนำทางดี ทางโลกียธรรม ทางปฏิบัติด้วย เพื่อจะพ้นทุกข์ได้ คนไทยมีโชคดีที่มีหัวหน้าอย่างนี้ ในหลวงที่มีทศพิธราชธรรม ที่ท่านพยายามรักษาให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนในเมืองไทย ทุกวันนี้ท่านมีอายุมากแล้ว ขอให้ในหลวงทรงพระเจริญต่อไป อยู่นานๆ เพื่อจะเป็นแรงดลใจของชาวไทยต่อไป เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร...."



    หมายเหตุ คัดลอกมาบางตอนจากหน้าที่ 69 ของกระทู้นี้ครับ
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    “...60 ปีมาแล้ว ที่ รอยพระบาทของพระราชาได้ประทับไว้บนแผ่นดินไทยทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้ดินแดนทุรกันดารอันห่างไกลที่ไม่เคยมีใครย่างกรายไปถึง ภาพของ พระราชาผู้เป็นมหาราชของปวงชนชาวไทย ผู้ได้ละทิ้งซึ่งความสุขสบายเพื่ออุทิศพระวรกาย อุทิศพระชนมายุ และอุทิศพระราชหฤทัยของพระองค์ ทุ่มเทลงเพื่อปัดเป่าความทุกข์ และบำรุงความสุขของพสกนิกรทั้งแผ่นดิน เป็นภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยไม่รู้ลืม ไม่ใช่แค่เพียงคนไทยเท่านั้นที่พระมหากรุณาธิคุณขององค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พลิกฟื้นจนลุกขึ้นยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของตัวเอง แต่ยังแผ่ปกไปถึงกลุ่มชนเผ่าชาติพันธุ์ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร .....<!-- google_ad_section_end -->


    หมายเหตุ คัดลอกจากกระทู้นี้ หน้า 69 เช่นเดียวกันครับ
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เพื่อพ่อของแผ่นดิน

    บนผืนแผ่นดินแห่งนี้ ที่มีให้ลูกได้เติบโตและอาศัย
    นี่แหล่ะคือผืนดินไทย ที่บรรพชนร่วมใจปกป้องกันมา
    ที่ซึ่งมีองค์พระราชา
    ผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา

    กว่า 60 ปี ที่พ่อเดินทาง ดับทุกข์ของปวงประชา
    เหน็ดเหนื่อยเพียงใด ที่ทรงแบกไทยทั้งชาติให้ไปข้างหน้า
    ลูกซาบซึ้งในพระเมตตา
    ลูกจะทดแทนคุณด้วยสัญญา

    จะรักษาผืนดินไทยไว้ให้นาน
    หากแม้นมีใครคิดมาทำลาย ไม่มีทาง
    จะน้อมรับทุกคำที่ทรงสอนสั่ง
    เป็นลูกที่ดีของพระองค์ท่าน ตลอดกาล
    จะเอาชีวิต ปกป้องพระองค์จากเหล่าศัตรู
    จะแลกด้วยเลือดและเนื้อ ผองไทยยอมพลี เพื่อพ่อของแผ่นดิน

    กว่า 60 ปี ที่พ่อเดินทาง ดับทุกข์ของปวงประชา
    เหน็ดเหนื่อยเพียงใด ที่ทรงแบกไทยทั้งชาติให้ไปข้างหน้า
    ลูกซาบซึ้งในพระเมตตา
    ลูกจะทดแทนคุณด้วยสัญญา


    ทุกย่างก้าวที่พ่อเดิน
    ลูกจะนบน้อมทดแทนคุณด้วยหัวใจ

    จะรักษาผืนดินไทยไว้ให้นาน
    หากแม้นมีใครคิดมาทำลาย ไม่มีทาง
    จะน้อมรับทุกคำที่ทรงสอนสั่ง
    เป็นลูกที่ดีของพระองค์ท่าน ตลอดกาล
    จะเอาชีวิต ปกป้องพระองค์จากเหล่าศัตรู
    จะแลกด้วยเลือดและเนื้อ ผองไทยยอมพลี เพื่อพ่อของแผ่นดิน

    ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ


    เนื้อร้อง ทำนอง - วิวัธน์ จิโรจน์กุล
    เรียบเรียง - เอสนะ อยู่เจริญ
    Sound Engineer - เฉลิมพล ปัญจเทพ
    ขับร้อง - สมัชญ์พล ศรีชลวัฒนา





    ๐๐๐ ขอขอบคุณ PandaNegative Manager Online
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สามสมเด็จพระพี่น้อง

    [​IMG][​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0051_resize.jpg
      0051_resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      140.1 KB
      เปิดดู:
      334
    • 0050_resize.jpg
      0050_resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.5 KB
      เปิดดู:
      312
    • 0049_resize.jpg
      0049_resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.6 KB
      เปิดดู:
      319
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระพิชัยสงคราม

    [​IMG]


    สมัยโบราณ ท่านผู้รู้วิชา มักจะลงยันต์ให้คนระดับแม่ทัพเวลาออกศึกสงคราม คุณทางคุ้มครองป้องกันภัยสารพัด คุณวิเศษที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง คือ หนุนดวงชะตาให้รุ่งเรือง คนที่ชะตาดีอยู่แล้ว ก็ยิ่งหนุนให้ชะตาดียิ่งขึ้นไปอีก คนที่ตกอับ ชะตาตกเคราะห์ร้ายหนัก ก็จะหนุนดวงพยุงไว้ไม่ให้ตกต่ำลงไปอีก จะมีช่องทางพอพ้นได้ ถือเป็น ยันต์หนุนดวง ชั้นสุดยอด

    การสร้าง พระพิชัยสงคราม ที่เป็นพระปางห้ามสมุทร ก็บังคับให้บรรจุด้วยยันต์พิชัยสงครามนี้

    พระพิชัยสงคราม เป็นพระที่สร้างขึ้นเพื่อเป็น พระประจำตัว ที่ถือกันว่าเป็นพระระดับสุดยอดในตำนานของไทย เป็นพระแกะจาก ไม้โพธิ์ แกะเป็นพระปางห้ามสมุทร โดยตำราการสร้างพระชนิดนี้ได้บังคับให้เอา กิ่งโพธิ์ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก และจะต้อง หักตกลงมาเอง มีเครื่องประกอบหลายอย่างในการสร้างชนิดนี้ จึงนับเป็นพระบูชาที่สร้างยากที่สุด ยันต์พิชัยสงครามที่บรรจุฐานพระพิชัยสงครามนั้นตรงช่องกลางจะต้องเขียนดวงเจ้าของพระบรรจุไว้ด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0064_resize.jpg
      0064_resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.9 KB
      เปิดดู:
      355
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณท่านมีพระพิชัยสงครามบนพระมาลาออกศึกของพระมหากษัตริย์ จำนวน 2 องค์ อาจจะขอชมได้จากพระท่านได้นะคะถ้ามีโอกาศพบ
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ไปวัดวรเชษฐ์ตั้งแต่ต้นปี 52 ไปแล้วก็ได้เมตตาจากพระอาจารย์สิงห์ทน เป็นพระสมเด็จทรงครุฑ ทำจากครั่ง ได้รับมาก่อนที่จะมีไฟไหม้กุฏิของพระอาจารย์ท่าน ภูมิใจและดีใจมากที่พระอาจารย์เมตตามอบพระสมเด็จทรงครุฑองค์นี้ให้
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พระราชกฤษฎาภินิหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    โดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
    [​IMG]
    โพสท์ในเวปกองทัพพลังจิต > พลังจิต > วิทยาศาสตร์ทางจิต – ลึกลับ โดย vibe เมื่อ 26-06-2005, 02:07 AM
    นับตั้งแต่ผมได้เริ่มทำการศึกษาวิจัยวิชาโหราศาสตร์ดวงดาวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “อิทธิพลของคราส” ผมได้มีโอกาสอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์ชาติไทยซึ่งได้แก่หนังสือพระราชพงศาวดาร และจดหมายเหตุโหรต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการค้นคว้า และได้พบข้อความที่บันทึกไว้ในเอกสารเหล่านี้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่ง เป็นสิ่งที่บอกเหตุทั้งร้ายและดีของบ้านเมืองในช่วงเวลานั้น อาทิ การเกิดสุริยคราส หรือจันทรคราส พระอาทิตย์ทรงกลด แผ่นดินไหว เป็นต้น ในวันที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงปราบดาภิเษก เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตราธิราชไทย เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๑๑ ได้ปรากฏข้อความในจดหมายเหตุโหรระบุไว้ว่า
    “........ณ วันอังคาร แรม ๔ ค่ำ เดือนอ้าย เพลาโมงเศษ เสด็จออกขุนนาง ตรัสประภาษเนื้อความ ...
    ....... พระราชสุจริต ปรารภตั้งอุเบกขาพรหมวิหาร เพื่อจะทะนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา และ
    พระอาณาประชาราษฎรนั้น อัศจรรย์แผ่นดินไหวเป็นเวลาช้านาน..........”
    แต่เดิมนั้น ผมในฐานะที่เป็นวิศวกรผู้หนึ่งมิได้ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้มากนัก เนื่องจากมีความเชื่อว่า เป็นเหตุการณ์ประจวบเหมาะมากกว่า หรือผู้บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ได้มีเจตนาเขียนเพิ่มเติมเหตุการณ์เรื่องราวในยุคสมัยนั้น ให้ดูขลังเป็นการเสริมพระบารมี พระบรมเดชานุภาพให้แก่พระมหากษัตราธิราชพระองค์หนึ่งพระองค์ใดเป็นพิเศษก็ได้ จนกระทั่งได้ประสบเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้มาหลายครั้ง จึงเกิดแนวความคิดที่จะประมวลเหตุการณ์สำคัญ ที่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติเข้าเกี่ยวข้องต่าง ๆ มาวิเคราะห์โดยใช้หลักวิชาพุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และโหราศาสตร์ มาผสมผสานกัน ผมจึงขอนำบางเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในรัชกาลปัจจุบันมายกเป็นตัวอย่างเล่าสู่กันฟังดังนี้
    ๑. ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และองค์พระบุพมหากษัตราธิราชเจ้า เนื่องในวโรกาสวันสถาปนากรุงเทพมหานครครบรอบ ๒๐๐ ปี เมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ พระอาทิตย์ได้ทรงกลดให้เห็นเป็นที่มหัศจรรย์
    ๒. ในวันที่เสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามด้วยกระบวนพยุหยาตราชลมารค โดยเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๙ เมื่อเสด็จ ฯ ออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ได้เกิดพายุอย่างแรงมีฝนตกหนักเคลื่อนที่ตามหลังขบวนเสด็จ ฯ แล้วก็ซาเม็ดไป และเมื่อเสด็จ ฯ ขึ้นประทับเรือพระที่นั่ง ที่ฉนวนน้ำ ท่าวาสุกรี ได้เกิดพายุฝนตามไล่หลังขบวนเสด็จฯ มาอย่างกระชั้นชิด เมื่อขบวนเสด็จ ฯ ถึงวัดอรุณราชวราราม พายุกลับสงบ ฝนหยุดตกขาดเม็ดสนิท เหตุการณ์ลักษณะนี้ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ เมื่อเสด็จ ฯ ไปประกอบพระราชพิธีที่สำคัญ ๆ
    ๓. ในวันเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ ซึ่งถือได้ว่า เป็นกฎหมายที่สำคัญสูงสุดของประเทศแก่ปวงชนชาวไทย เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๐ เวลา ๑๗.๓๒ น. ได้เกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรงทันที และต่อมาได้มีพายุฟ้าผ่า ฟ้าคะนอง เกิดฝนตกหนักทั่วกรุงเทพมหานคร ในวันเดียวกันได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างแรงขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่บริเวณตอนใต้ของหมู่เกาะในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นถึง ๒ ครั้ง ปรากฏการณ์ครั้งนี้คล้ายคลึงกับวันที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงปราบดาภิเษก คือ มีจันทรุปราคาเต็มดวงเกิดขึ้นล่วงหน้า และมีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในวันพระราชพิธีนั้น
    การเกิดปรากฏการณ์ในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ได้เป็นที่ยอมรับกันมาแต่โบราณกาลว่า เป็นพระราช กฤษฎาภินิหารของพระมหากษัตราธิราชเจ้าในยุคสมัยนั้น
    นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงริเริ่มโครงการทดลองปฏิบัติการฝนเทียมซึ่งชาวไร่ชาวนาทั่วไปเรียกกันติดปากว่า “โครงการฝนหลวง” พระองค์ท่านได้ทรงสนพระทัยศึกษาแผนที่อากาศซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศได้แก่อุณหภูมิ ความชื้น ความกดของอากาศ ความเร็วและทิศทางของลม ในวันเวลาปัจจุบัน และที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าอย่างจริงจัง เพราะข้อมูลเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติการฝนเทียม นับว่าเป็นโชคดีของผม ที่ในช่วงเวลานั้นผมได้ปฏิบัติหน้าที่สนองพระเดชพระคุณถวายงานในด้านการติดต่อสื่อสารส่วนพระองค์อยู่ ดังนั้นเมื่อได้ทรงกำหนดแผนปฏิบัติการฝนเทียมแต่ละครั้งแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ผมได้ปฏิบัติหน้าที่ถวายงานเกี่ยวกับการประสานงาน ถ่ายทอดแผนและคำสั่งปฏิบัติการ ซึ่งจะพระราชทานมาให้ผมตอนหลังเที่ยงคืนแล้วเป็นประจำทุกวัน เพื่อกระจายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยบินของกระทรวงเกษตร ฯ และสถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาทั้งในส่วนกลาง และในท้องถิ่นซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการฝนเทียม กับมีหน้าที่กำกับการ ควบคุมดูแลการปฏิบัติการสื่อสารของหน่วยงานเหล่านี้ด้วย ผมจึงได้มีโอกาสมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคการปฏิบัติการฝนเทียม และการศึกษาสภาพดินฟ้าอากาศจากแผนที่อากาศซึ่งได้ทรงพระกรุณาถ่ายทอดความรู้ให้มากพอสมควร
    ในโอกาสต่อมา ถึงแม้ว่าจะมิได้มีการปฏิบัติการฝนเทียม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังคงทรงศึกษาเทคนิคการพยากรณ์อากาศต่อไป จนกระทั่งทรงมีความรู้ความชำนาญในการพยากรณ์อากาศเป็นอย่างยิ่ง มิได้ด้อยกว่าผู้ชำนาญการในวิชาการแขนงนี้ทั้งภายใน และต่างประเทศ
    บทเรียนที่ประเทศไทยได้รับจากกรณีวาตภัยที่แหลมตะลุมพุกเมื่อวันที่ ๒๑ตุลาคม ๒๕๐๕ และจากพายุใต้ฝุ่น “เกย์” เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ นับว่าเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงยิ่ง ซึ่งประเทศไทยต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิตมนุษย์ สัตว์ ทรัพย์สิน บ้านเรือน ไร่นา เป็นมูลค่ามหาศาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระหนักถึงความทุกข์โศกสลดของพสกนิกร และทรงเมตตาสงสารผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง จึงได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์ให้เป็นจำนวนมาก และไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นอีก ดังนั้น จึงได้ทรงสละเวลา และความสุขส่วนพระองค์ส่วนหนึ่ง ศึกษาแผนที่อากาศประจำวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ทูลเกล้า ฯ ถวาย และข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศจากศูนย์ตรวจสอบพยากรณ์อากาศของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกผ่านเครือข่าย Internet เป็นประจำวัน เพื่อเฝ้าติดตามสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศในภูมิภาคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยได้ หากได้ทรงพบว่า มีการก่อตัวของลมฟ้าอากาศในลักษณะร่องความกดอากาศต่ำ แล้วมีการเพิ่มกำลังแรงไปในลักษณะเป็นดีเปรสชัน พายุโซนร้อน และพายุใต้ฝุ่นขึ้นในเส้นรุ้ง เส้นแวงที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย ทั้งยังมีทิศทางการเคลื่อนที่มุ่งหน้าเข้ามาหาด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรง ติดตามเฝ้าสังเกตการณ์การเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงของลมพายุนั้นอย่างเคร่งเครียดโดยใกล้ชิดอยู่ทุกระยะ และเมื่อได้ทรงพิจารณาเห็นแน่ชัดว่า มีแนวโน้มที่ลมพายุนั้น จะมีโอกาสสร้างภัยพิบัติให้แก่พสกนิกรในพื้นที่หนึ่งใดได้ พระองค์จะทรงมีพระราชกระแส แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะมูลนิธิราชประชานุเคราะห์เตรียมพร้อมที่จะออกดำเนินการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ภัยพิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยทันท่วงที
    เหตุการณ์ที่สำคัญยิ่ง ครั้งล่าสุดที่อาจจะไม่มีผู้ใดได้สังเกตจดจำ และสมควรอย่างยิ่งที่จะบันทึกไว ้เพื่อเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ชาติไทย คือ ภัยพิบัติที่เกิดแก่หลายจังหวัดในภาคใต้ตอนบน อันเนื่องจากพายุใต้ฝุ่น “ลินดา” พัดผ่านเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๐ พายุนี้ได้เริ่มก่อตัวในทะเลจีนตอนใต้ห่างจากแหลมญวนไม่มากนักโดยเริ่มก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำมาเป็นดีเปรสชัน เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๐ แล้ว ได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นพายุโซนร้อนเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ ต่อจากนั้นได้แปรสภาพเป็นพายุใต้ฝุ่นมีความเร็วสูงสุดรอบศูนย์กลาง ประมาณ ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนที่ผ่านแหลมญวน เข้าสู่อ่าวไทย มุ่งหน้าเข้าสู่บางจังหวัดในภาคใต้ตอนบนซึ่งได้แก่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชุมพร ลักษณะการก่อตัว ความรุนแรง และ ทิศทางการเคลื่อนที่ของพายุใต้ฝุ่นนี้คล้ายกับพายุใต้ฝุ่น “เกย์” ซึ่งได้เคยก่อภัยพิบัติให้แก่จังหวัดเหล่านี้มาแล้วอย่างมหาศาล เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๒
    จึงเป็นการแน่นอนที่สุด ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องทรงเฝ้าติดตามสังเกตการณ์การก่อตัว การเปลี่ยนแปลงของพายุใต้ฝุ่น “ลินดา” ตั้งแต่จุดเริ่มต้นอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แม้แต่ตัวผมเองซึ่งมีความรู้ความเข้าใจ และสนใจในเรื่องดินฟ้าอากาศมาตั้งแต่สมัยที่ได้เคยร่วมถวายงาน ในการปฏิบัติการฝนเทียมก็ได้เฝ้าติดตามอยู่อย่างใกล้ชิดเช่นกัน จากข้อมูลที่ผมได้รับจากศูนย์ตรวจสอบอุตุนิยมวิทยาของบางประเทศผ่านเครือข่าย Internet โดยเฉพาะศูนย์รวมข่าวอุตุนิยมวิทยา และสมุทรวิทยา กับศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อเตือนภัยจาก พายุใต้ฝุ่นของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาประจำภาคพื้นมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะกวมได้คำนวณและพยากรณ์ทิศทาง ความเร็วของพายุใต้ฝุ่น “ลินดา” ไว้ล่วงหน้าว่า พายุจะมีความรุนแรงสามารถก่อความเสียหายให้แก่ จังหวัดต่างๆซึ่งอยู่ในเส้นทางผ่านไม่น้อยกว่าพายุใต้ฝุ่น “เกย์” ค่อนข้างแน่นอนคำพยากรณ์ดังกล่าวได้ระบุว่า ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ ตามเวลาท้องถิ่น ๑๙.๐๐ น. พายุนี้จะมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด ๑๐.๘ องศาเหนือ ลองจิจูด ๑๐๐.๘ องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดที่จุดศูนย์กลางรุนแรงถึง ๗๕ นอต หรือ ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดย เคลื่อนที่มาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ ๑๑ นอต หรือ ๑๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชุมพร โดยอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ ๒๘ กิโลเมตร และจะเคลื่อนที่ถึงฝั่งภายใน ๑ ชั่วโมงเศษเท่านั้น หากเป็นเช่นคำพยากรณ์ ทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และชุมพรคงจะถูกกวาดล้างโดยพายุใต้ฝุ่น “ลินดา” จนหมดสิ้น สิ่งบอกเหตุดังกล่าวนี้ จึงได้สร้างความกังวลและ ความเคร่งเครียดพระทัยให้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง
    แต่โดยที่มิได้คาดคิด อีกไม่กี่นาทีก่อนที่จะเคลื่อนที่มาถึงฝั่ง พายุนี้ได้กลับอ่อนกำลังลงโดยฉับพลันมาเป็นพายุโซนร้อนมีความเร็วสูงสุดที่จุดศูนย์กลางเพียง ๕๐ นอต หรือ ๙๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทั้งทิศทางการเคลื่อนที่กลับเบี่ยงเบนขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเล็กน้อย และถึงฝั่งที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขีนธ์ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เวลา ๐๒.๐๐ น.จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชุมพรจึงได้รับภัยพิบัติจากพายุนี้ไม่รุนแรงนัก ดูจะเป็นการผิดปกติอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันของพายุใต้ฝุ่นในลักษณะนี้ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ถ้าพายุยังเคลื่อนที่อยู่เหนือพื้นน้ำทะเลหรือมหาสมุทร พายุนั้นจะเพิ่มความแรง ความเร็วที่จุดศูนย์กลางมากยิ่งขึ้น และจะลดลงเมื่อเคลื่อนที่ขึ้นฝั่งแล้ว พายุโซนร้อน “ลินดา” นี้ก็เช่นกัน เมื่อเคลื่อนที่พ้นจากประเทศไทยลงสู่ทะเลอันดามัน และมหาสมุทรอินเดีย ก็ได้เพิ่มความรุนแรง มากยิ่งขึ้นตามลำดับแปรสภาพกลับไปเป็นพายุใต้ฝุ่น หรือ ไซโคลน อีกครั้งหนึ่งในวันเวลาต่อมา
    ผมมีความเชื่อและมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันของพายุ “ลินดา” ครั้งนี้เป็นปาฏิหาริย์ และจะเกิดขึ้นได้โดยอภินิหารของท่านผู้หนึ่งซึ่งได้บำเพ็ญบารมีมาอย่างสูง มีพลังอินทรีย์ทั้งห้าที่แรงยิ่งตามหลักของพระพุทธศาสนา ดังนั้น เมื่อได้นำเอาสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมืองที่ผ่านมาประมวล ก็น่าจะได้ข้อยุติว่าเป็นพระราชกฤษฎาภินิหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นอย่างแน่นอน ที่แสดงให้เห็นในลักษณะเดียวกับของพระบุพมหากษัตราธิราชไทยพระองค์อื่นๆ โดยเฉพาะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวสรุปไว้ในหนังสือ “กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้” ว่า
    “.......ความปลอดภัยอันแท้จริงมามีเกิดขึ้นเพราะพระนเรศวรเป็นเจ้าพระองค์เดียว ผู้ทรงก่อให้เกิดความคิดใหม่ วิธีการใหม่ และความหวังใหม่ขึ้นในใจคนไทย ........ เพราะพระนเรศวรเป็นเจ้า ทรงปฏิบัติพระองค์ให้เห็นได้ชัดทั่วกันว่า พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์ร่วมกันของคนไทย มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วน พระองค์เองเลย แม้แต่น้อย .......... พระบรมราชกฤษฎาภินิหารของพระนเรศวรเป็นเจ้าจึงเป็นกฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ ........”
    ประชาชนคนไทยนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีโชคดีที่พระมหากษัตราธิราชซึ่งทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม ทรงมีพระปรีชาสามารถ ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพสูงส่ง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่พวกเราเหลือคณานับ ดังนั้นใน วโรกาสที่สำคัญยิ่งที่วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่านได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการ สมควรอย่างยิ่งที่พวกเราชาวไทยทุกคนจะได้ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดไป
    [​IMG]






    <!--BEGIN WEB STAT CODE----><SCRIPT language=javascript1.1> page="พระราชกฤษฎาภินิหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดย พล.ต.ต. สุชาติ เผือกสกนธ์";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://hits.truehits.in.th/data/i0017685.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_donate_1.8.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_donate_1.8.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT>
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><STYLE type=text/css><!--td.attachrow { font: normal 11px Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif; color : #; border-color : #; }td.attachheader { font: normal 11px Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif; color : #; border-color : #; background-color: #; }table.attachtable { font: normal 12px Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif; color : #; border-color : #; border-collapse : collapse; }--></STYLE><HR>
    [​IMG]

    พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว
    โดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร

    ด้วยพระเมตตาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ประดุจพระผู้สร้างแผ่นดิน ทรงเป็นดั่งผู้มอบชีวิต มอบความรุ่งเรือง มอบความเจริญงอกงามภายในหัวใจคนไทยทั้งชาติ ทรงเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นแรงบันดาลใจจุดประกายพลังแผ่นดิน

    หากเราได้มีโอกาสศึกษาพระบรมราโชวาท แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เราจะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดด้วยคำสอนที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แต่ละข้อแต่ละอย่างนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงไตร่ตรองพิเคราะห์ถึงปัญหานั้นอย่างถ่องแท้แล้วว่า จะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหาการดับทุกข์ได้ด้วยสมาธิ

    ธรรมดาสภาวะจิตอันเป็นสมาธินั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากการบังคับควบคุม เกิดขึ้นจากความผ่อนคลาย หรือเกิดขึ้นจากภาวะคับขันต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำให้ต้องเร่งรวบรวมสติให้มั่น ไม่ว่าสมาธิจะเกิดขึ้นอย่างไร สมาธิเป็นของดี เป็นของที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน เป็นของที่มีอยู่ในกายและในจิตอันพร้อมเป็นของเข้าใจได้ เป็นของเข้าใจง่าย และใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย และความเข้าใจอันแจ่มชัดที่แสดงให้เห็นว่า สมาธิเองก็มิใช่ของที่เกิดขึ้นโดยลำพังหรือใช้โดยลำพัง

    แต่สมาธิที่ดีจะยังประโยชน์แก่ผู้อื่นได้มาก หากผู้ใช้สมาธิรู้จักการปฏิบัติอันถูกต้อง ถูกต้องทั้งแก่ตนแลถูกต้องทั้งแก่ผู้อื่น ดังที่ได้ศึกษาจากรอยพระจริยวัตรแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อันได้แสดงไว้ถึงเรื่องราวของ “พระสมาธิ”

    [​IMG]
    พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน


    ผู้ที่เคยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในงานหรือพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องประทับอยู่เป็นเวลานานๆ เช่น ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร คงจะได้เห็นด้วยความพิศวงกันทุกคนว่า พระเจ้าอยู่หัวนั้นเมื่อทรงนั่งลงแล้ว จะประทับอยู่ในพระอิริยาบถนั้นตั้งแต่เริ่มพิธีไปจนกระทั่งจบ ไม่ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถเลย นอกจากนั้น ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างกระฉับกระเฉงต่อเนื่อง ไม่มีพระอาการที่แสดงว่าทรงเหนื่อย หรือทรงเบื่อเลย ผมเคยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร พิธีนั้นยาวถึงประมาณ ๔ ชั่วโมง และมีบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาเฝ้าฯ รับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นจำนวนหลายพันคน ได้เห็นเหตุการณ์เช่นว่านั้น แต่ผมได้เห็นมากกว่านั้นคือ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับไปถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐานในตอนค่ำวันนั้น พระเจ้าอยู่หัวยังทรงออกพระกำลังบริหารพระวรกายด้วยการวิ่งในศาลาดุสิตาลัยอีก

    ในการประกอบพระราชกรณียกิจอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติด้วยพระอาการที่แสดงว่าเอาพระทัยจดจ่ออยู่กับพระราชกรณียกิจนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ทรงเหนื่อยหรือเบื่อหน่าย เช่น ในการทรงดนตรี (ที่ใครๆ มักจะนึกว่าเป็นการหย่อนพระราชหฤทัย) เป็นต้น ผมเคยเห็นพระเจ้าอยู่หัวประทับทรงดนตรีตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง โดยทรงนั่งไม่ลุกเลยแม้แต่จะเพื่อเสด็จฯ ไปห้องสรง ในขณะที่นักดนตรีอื่นๆ ลงกราบแล้วถอยหลังลุกไปเข้าห้องน้ำกันเป็นครั้งคราวทุกคน ในการทรงเรือใบก็เช่นเดียวกัน ทรงจดจ่ออยู่กับการบังคับเรืออย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบ ครั้งหนึ่งเสด็จฯ ออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นเรือใบเข้าฝั่ง ตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯ อยู่ ด้วยความฉงนว่า เสด็จฯ กลับเข้าฝั่งเพราะเรือใบพระที่นั่งแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวล์ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเห็น

    แสดงว่าการทรงดนตรีก็ดี ทรงเรือใบก็ดี สำหรับพระเจ้าอยู่หัวเป็นงานอีกชนิดหนึ่ง ที่จะต้องทำด้วยความจดจ่อและต่อเนื่องไปจนกว่าจะเสร็จเหมือนกัน พระราชกรณียกิจอื่นๆ ทั้งน้อยและใหญ่ ทรงปฏิบัติแบบเดียวกัน คือด้วยการเอาพระราชหฤทัยจดจ่อไม่ทรงยอมให้ขาดจังหวะจนกว่าจะเสร็จ และไม่ทรงทิ้งขว้างแบบทำๆ หยุดๆ เพราะฉะนั้นจึงจะเห็นว่าพระราชกรณียกิจทั้งหลายนั้นสำเร็จลุล่วงไปเป็นส่วนใหญ่

    ผมไปรู้เอาหลังจากที่เข้ารับราชการในตำแหน่งนายตำรวจราชสำนักประจำอยู่ได้ไม่นานว่า ที่ทรงสามารถจดจ่ออยู่กับพระราชกรณียกิจทุกชนิดได้เช่นนั้นก็เพราะพระสมาธิ

    [​IMG]
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัตร
    ในวันที่โปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นสมเด็จพระสังฆราช


    ผมไม่ทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มฝึกสมาธิตั้งแต่เมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าคงจะเริ่มในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ เมื่อทรงผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) หลังจากทรงผนวชแล้ว ประทับจำพรรษาอยู่ที่พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงอยู่ในสมณเพศเป็นเวลา ๑๕ วัน ครั้งนั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ซึ่งทรงเป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ ทรงเลือก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เมื่อครั้งยังเป็นพระโสภณคณาภรณ์) ให้เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ทราบกันดีว่า แม้จะทรงมีเวลาน้อยแต่พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และคงจะได้ทรงฝึกเจริญพระกรรมฐานในโอกาสนั้นด้วย

    เมื่อผมเข้าไปเป็นนายตำรวจราชสำนักประจำในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ นั้น ปรากฏว่า การศึกษาและปฏิบัติสมาธิหรือกรรมฐานในราชสำนักกำลังดำเนินอยู่แล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติเป็นประจำ และข้าราชสำนัก ข้าราชบริพารหลายคน ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารก็กำลังเจริญรอยพระยุคลบาทอยู่ด้วยการฝึกสมาธิอย่างขะมักเขม้น

    ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัดสมาธิ แม้จะเคยศึกษามาก่อนโดยเฉพาะจากหนังสือของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ แต่ระหว่างการตามเสด็จฯ โดยรถไฟ จากกรุงเทพมหานครไปอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ การเดินทางไกลกว่าที่ผมคาดคิด หนังสือเล่มเดียวที่เตรียมไปอ่านฆ่าเวลาบนรถไฟ ก็อ่านจบเล่มเสียตั้งแต่กลางทาง ขณะนั้นผมเห็นนายทหารราชองครักษ์ประจำที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยร่วมกันสองนาย ใช้เวลาว่างนั่งหลับตาทำสมาธิ ผมจึงลองทำดูบ้างโดยใช้อานาปานสติ (คือกำหนดรู้แต่เพียงว่ากำลังหายใจเข้าและหายใจออก) อันเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ และท่านอาจารย์พุทธทาสแนะนำ ปรากฏว่าจิตสงบเร็วกว่าที่ผมคาด แลเห็นนิมิตเป็นภาพสีสวยๆ งามๆ มากมาย และเป็นเวลาค่อนข้างนานด้วย ตั้งแต่นั้นมาผมก็ติดสมาธิและกลายเป็นอีกผู้หนึ่งที่ปฏิบัติสมาธิเป็นประจำมาจนทุกวันนี้

    เมื่อความทราบถึงพระกรรณว่าผมเริ่มปฏิบัติสมาธิ พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงกรุณาพระราชทานหนังสือ และแถบบันทึกเสียงคำสอนของครูบาอาจารย์ต่างๆ ลงมา และบางครั้งก็ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำรัสแนะนำด้วยพระองค์เอง ผมจึงได้รู้ว่า พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัวนั้นก้าวหน้าไปแล้วเป็นอันมาก รับสั่งเล่าเองว่าแม้จะทรงใช้อานาปานสติเป็นอุบายในการทำสมาธิ แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่ทรงสามารถที่จะกำหนดพระอัสสาสะ (ลมหายใจเข้า) และพระปัสสาสะ (ลมหายใจออก) ได้แต่ลำพัง ต้องทรงนับกำกับ

    วิธีนับของพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงทำดังนี้ หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง หายใจเข้าครั้งที่สอง นับสอง หายใจเข้าครั้งที่สาม นับสาม หายใจเข้าครั้งที่สี่ นับสี่ หายใจเข้าครั้งที่ห้า นับห้า หายใจออกครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง หายใจออกครั้งที่สอง นับสอง หายใจออกครั้งที่สาม นับสาม หายใจออกครั้งที่สี่ นับสี่ หายใจออกครั้งที่ห้า นับห้า

    เมื่อถึงห้าแล้ว หากจิตยังไม่สงบ ก็นับถอยหลังจากห้าลงมาหาหนึ่ง แล้วนับจากหนึ่งขึ้นไปหาห้าใหม่ กลับไปกลับมาเช่นนั้นจนกว่าจิตจะสงบ รับสั่งว่า ที่เห็นพระองค์ประทับอยู่นิ่งๆ นั้น พระจิตทรงอยู่กับหนึ่งเข้าหนึ่งออกตลอดเวลา
    .........


    คัดลอกจาก :: �ҹ�����ѡ� :: :: ��ҹ - �����ҸԢͧ�������������� (��.�.�.���ɰ പ�ح��)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...