ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

รับทราบครับ

 

ทุกถ้อยคำล้วนมีพลังบารมีสูงมาก มีความเป็นเอกเฉพาะด้าน จิตที่รับการฝึกฝนและเป็นเนื้อนาบุญสัญญาบารมี ย่อมชัดแจ้งอยู่แล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและ คนมีองค์รุ่นที่ 3 ประจำปี 2553

ยินดีต้อน รับ เพื่อนคุณตรี

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณนพดล
2) ภรรยาคุณนพดล
3) คุณจิตโขง
4) คุณลิ้ง
5) คุณพลัฐ
6) คุณเก่ง
7) คุณเพชร
8) เพื่อนคุณเพชร
9) คุณออกกรรม
10) เพื่อนคุณหญิง
11) คุณพงษ์พัทร
12) เพื่อนคุณพงษ์พัทร
13) คุณตรี

ยอดผู้สมัคร จำนวน 13 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 2 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาครับ...

บารมีเกิดขึ้นได้ล้วนบำเพ็ญ ทำให้เต็มบริบูรณ์แล้วจึงเรียก ประสบการณ์เคยทำผ่านพบเห็น ดีชั่วล้วนซ่อนเร้นหลากหลาย...

 

อนุโมทนาครับ...ผมเป็นอีกคนที่คิดถึง ขอพระองค์ได้โปรดอวตารกลับคืนภาคเดิมด้วยเถิดเจ้าค่ะ......สาธุ..

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและ คนมีองค์รุ่นที่ 3 ประจำปี 2553

ยินดีต้อน รับ เพื่อนคุณทิพย์

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณนพดล
2) ภรรยาคุณนพดล
3) คุณจิตโขง
4) คุณลิ้ง
5) คุณพลัฐ
6) คุณเก่ง
7) คุณเพชร
8) เพื่อนคุณเพชร
9) คุณออกกรรม
10) เพื่อนคุณหญิง
11) คุณพงษ์พัทร
12) เพื่อนคุณพงษ์พัทร
13) คุณตรี
14) เพื่อนคุณดวงทิพย์
15) คุณทิพย์

ยอดผู้สมัคร จำนวน 15 ท่าน
เต็มแล้วครับ ปิดรับสมัคร

 

โปรดสงบจิตแห่งท่านแลพิจารณาตามการณ์ให้ถึงพร้อมซึ่งที่สิ้นสุดสักคราเถอด.
​

องฅ์นิยตะสัมมาสัมพุทธสิทธัตถะพระมหาสมณโฅตมะจ้าว ท่านผู้ซึ่งได้ตรัสรู้แลจิตสำเร็จบรรลุสู่ นิพพาน
โดยได้ท่องฝ่ากาลเวลาบำเพ็ญสะสมบารมีสำหรับ พุทธ จวบกระทั่งครบ ๑๐ ประการ เพื่อความสมบูรณ์พร้อมที่จักเข้าสู่การ ตรัสรู้ แลสำเร็จเปน พุทธ แลด้วย ณ.กาลขณะนั้นท่าน พุทธสิทธัตถะ ได้บรรลุการ ตรัสรู้ ด้วยระยะสิริรวมกาลเวลา เร็ว ที่สุดแห่งการที่จะสำเร็จบรรลุเปน พุทธ วิถีทางสายแห่ง ปัญญา คือ วิถีสายทางที่ จิต ท่าน พุทธสิทธัตถะ มีในตน ครั้นเมื่อ จิตนิพพาน
จึงปล่อยวาง การพินิจ กิจส่วนตน พิเคราะห์เหตุ แรกต้นปฏิปทา สรรพสิ่งอัตตา ล้วนอนัตตา เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัฏวังวน เมื่อเราข้ามพ้นแล้วนั้น จึงอยากให้ผู้อื่นได้ข้ามพ้นตามเราด้วย อันความมิรู้ในสังสารวัฏนั้น เปนภัยยิ่ง แลพิจารณา ตัดสินจิต แม้เราจักได้ละซึ่งทางโลกแล้วนั้น แต่หากว่าเราจักยังมิทิ้งซึ่งโลก ช่วง ณ.กาลขณะนั้น จิต แห่งท่านจึงแปรสมบูรณ์เปน สัมมาสัมพุทธจ้าว พุทธ ผู้ซึ่งจักได้แสดงธรรมอันชอบแลสงเคราะห์ส่งมอบโดยกว้างเกินประมาณ จวบกระทั่งเราจักได้สร้างแลวางซึ่งรากฐาน... ผลกาลบัดนั้นจึงก่อกำเนิด พุทธศาสนา .
ท่านคือมนุษย์ผู้ทรงฅุณ นิยตะ แห่งจิตท่าน เรียงสมบูรณ์ ละเอียดการณ์ จิตนิพพานพ้นแล้ว ท่านไม่ทิ้ง ท่านมอบซึ่ง วิถีจริง คือสัจจะ ด้วยธรรมะ สิทธัตถะ ท่านพ้นได้ ฃ้าพเจ้า จักเก็บไว้ ตราบวิญญาณ สำเร็จการณ์ ภารกิจ ที่สุดวงศ์ ตราบแต่นี้ รฤกท่าน มิสนแม้
องฅ์ร่างฅน แลด้วยจิต สิทธัตถะ พุทธจ้าว สลายสิ้นธาตุ เปนสมบูรณ์ ซึ่งพุทธชาติ ปรินิพพาน


​

 

สาธุ..... ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแทบฝ่าพระบาทด้วยเศียรเกล้าแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ขออนุโมทนาสาธุ..ขอท่านจงเป็นผู้ปฏิบัติได้เยี่ยงนั้นเถิด ขอคนรอบข้างของท่านจงเป็นผู้ปฏิบัติได้เยี่ยงนั้นเถิด ขอเหล่าสมมติสงฆ์จงเป็นผู้ปฏิบัติได้เยี่ยงนั้นเถิด ขอเหล่าชาวพุทธทั้งหลายจงปฏิบัติได้เยี่ยงนั้นเถิด ขอผู้ที่ปรารถนาฟื้นฟู กอบกู้ และปกป้องศาสนาจงเริ่มลงมือปฏิบัติเยี่ยงตถาคตเถิดสาธุ.....สาธุ.....สาธุ...
​

 

คิดถึงครับ..... โปรดนำธรรมะดีๆ มีประโยชน์มาให้อ่านด้วยนะครับ...เหงาจัง.

 

ปรัชญาศาสนาในแง่มุมคนดัง :

ศาสนา (Religion) คือ ความเชื่อและความศรัทธาที่บ่มเพาะให้มนุษย์มีจิตใจใฝ่คุณธรรม

หลายศาสนาก็เหมือนถนนหลายสาย
ที่มุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน
ตราบใดที่เราไปสู่จุดเดียวกันได้
เรื่องถนนไม่ใช่เรื่องสำคัญมิใช่หรือ?<O</O
ที่จริงโลกนี้มีหลายศาสนาเท่ากับจำนวนคนด้วยซ้ำไป<O</O
(มหาตมะ คานธี)

ใครมีคำคม เพิ่มเติมได้ครับ

 

ในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2553 นี้ นักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์ จำนวน 20 ท่าน
จะไปกราบนมัสการที่วัดยักษ์ จ.สระบุรี และจะไปแวะชมบารมีการไหวัครูอันยิ่งใหญ่ตระการตา ก่อนที่จะไปกราบนมัสการที่วัดพระพุทธบาท อ. พุทธบาท จ. สระบุรี
อย่างไรก็ตาม ที่ จ. สระบุรี มีพระเกจิท่านใดบ้างที่ควรแก่การไปกราบนมัสการ เพื่อความเป็นศิริมงคล หรือที่อื่นๆ ที่ควรค่าแก่การกราบไหว้

 

อนุโมทนาบุญค่ะ

ขออนุญาติร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยได้มั้ยค่ะ เดินทางอย่างไรค่ะ

 

คืองี้ท่านโดนเจ้ากรรมนายเวรรุมตืบกันอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืนจะครบปีแล้ว
ตอนแรกก็ท้อแบบว่า..หมดอาลัยตายอยากและก็ทำตามที่ชาวบ้านเขาทำกัน
..ไปหาพระ สังฆทานก็เอาไม่อยู่ สร้างวัด สร้างศาลาก็ต้านไม่ไหว
..ไปหาหมอดูตาบอด ส่ายหน้าเพราะคนธรรมดาก็ดูได้แค่พื้นดวง
..ไปหาหมอยิบซี หมอก็โดนแกล้ง 3 รอบเพราะนอกจากดูแล้วยังพยายามช่วยแก้ดวงให้
..ไปหาหมอภาคเขมร เขาก็ส่ายหน้า...ไม่กล้าดูต่อ..คงจะเจอแปลกมั๊ง?
แต่แล้วโชคช่วยเจอสายสัญญาบารมีท่านแม่กวนอิม..ตอนแรกท่านก็ส่ายหน้าแหละ สักพักแต่ก็อดไม่ได้ ..ช่วยต้านได้สักพัก แต่อีก 3 ปีข้างหน้าก็คงจะต้องหา..อื่นๆๆ ช่วยต่อจ้า

 

คิดถึงทุกคนเหมือนกัน พี่น้องแต่ช่วงนี้อายมาก(ตามประสาหญิง)ไม่ค่อยอยากไปเจอใคร แต่ก่อนหน้าตาขาวซีด ตอนนี้หน้าตาดูดำคล้ำ ตาลึกโบ๋..สามวันดีสี่วันไข้..ผมหงอกขาว..ยังกับอายุมากขี้นสักยี่สิบปี :'(

แต่จะพยายามรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็งและฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาใส (ไสหัวไป) เหมือนเดิม คงจะต้องเริ่มด้วยวิชาไหมฟ้าหรือไม่ก็ลอกคราบเอา.เหอ..เหอ..
ยังไม่รู้เขาทำกันอย่างไรเลยเนี่ย? แต่ที่รู้ๆๆ ตอนนี้ปวดหัวอีกแล้วต้องกลับไปนอนพัก

 

จ้า คนสวย ยังระลึกถึงอยู่

 

คุณ nunnapath กรุณาติดต่อ 081-8086695 ด้วยครับ
ในวันนั้น จะมีการนั่งสมาธิในถ้ำที่วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ จ. สระบุรี ด้วยครับ

 

สวัสดี ค่ะ คุณ ภราดร ภาพ

ดิฉัน ติดตามอ่านมานานแล้วค่ะ

พอเจอ ข้อความนี้ ทำให้ ได้ ฉุกคิด เพราะตัวดิฉันก็มักจะเจอแต่คำถามนี้

กับตัวเองบ่อยๆๆ แต่ไม่กล้าบอกใคร กลัวจะโดนว่า บ้า หรือ คิดไปเอง

ได้แต่เเอบสงสัยค่ะ ช่วยดูให้ นิดหนึ่งได้ไหมค่ะ ว่าตัวดิฉันต้องเป็น คนค้นองค์

หรือเปล่าค่ะ

มินนี่

 

คุณมินนี่ คุณเคยมาปฏิบัติธรรมกับชมรมฯ บ้างหรือเปล่าครับ
หากยังไม่เคยมา ก็มาสักครั้ง มาคุยกันเรื่องประมาณนี้ ญาติธรรมจะได้รับฟังคำถามและคำตอบในมุมมองต่างๆ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสนทนาแบบพี่แบบน้อง

เรื่องคนค้นองค์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ คงไม่อยากเขียนเป็นหนังสือเพราะต้องค้นคว้านานมาก ต้องหากรณีศึกษาเยอะๆ เกรงว่าจะไม่มีเวลาเพียงพอ

หากมีเวลาสะดวก เรียนเชิญปฏิบัติธรรมนอกสถานที่ในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน นี้ ไปเช้ากลับเย็นครับ ไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ เฉพาะกลุ่มที่ต้องการเท่านั้น หากสนใจก็ติดต่อมานะครับ

 

ขอนำเสนอบทความเพื่อแสดงความเห็น

ความเกี่ยวข้องระหว่างองค์เทพกับมนุษย์

ดังนั้นการที่องค์เทพจะมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นก็ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ

1. ญาณจุติ หมายถึงภาระหน้าที่ในการเกิดเป็นมนุษย์ตามวาระ และเป็นส่วนหนึ่งของเทพที่ลงมาจุติ เพื่อมารับกรรมบางอย่างและเพื่อทำหน้าที่ในการเป็นผู้นำทางศาสนา เช่น พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เป็นผู้นำทางฝ่ายสงฆ์หรือฆราวาสก็ตาม ที่เป็นผู้ใฝ่ในการปฏิบัติจนได้ญาณหรือฌาณ และมักจะลำบากในช่วงแรกแต่จะสบายในช่วงปลาย

2. ญาณแฝง หมายถึง องค์เทพในระดับต่าง ๆ ที่ยังไม่ถึงวาระการเกิดเป็นมนุษย์ แต่มีความเลื่อมใส ปรารถนาจะช่วยส่งเสริมและมีส่วนร่วมในการสืบพระศาสนาด้วย ครั้นจะลงมาเกิดใหม่เพื่อสร้างบุญ ก็จะต้องรอเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานั้น ญาณนี้แหละทีมักถูกเรียกกันว่า “องค์” ซึ่งแยกตามภาระหน้าที่ได้ 2 ประการด้วยกัน

ความสัมพันธ์ในอดีต คือให้การอารักขาผู้ที่ได้มาจุติเป็นมนุษย์ เพราะเคยเกี่ยวสัมพันธ์กันมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อร่างนี้ได้ทำบุญและแผ่เมตตาให้ ก็จะได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกัน ขณะเดียวกันก็จะคอยปกป้องคุ้มครอง ช่วยเหลือการทำมาหากิน ดลจิตดลใจ หรือเกิดเป็นลางสังหรณ์ในเรื่องราวต่าง ๆ จะพาสร้างบารมีทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บางครั้งเวลาสวดมนต์นั่งกรรมฐานองค์เทพท่านจะพาสวดมนต์เป็นภาษาเบื้องบนหรือ ภาษาเทพไปเลยก็มี ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้แก่

1. เคยมีบุญคุณกันมาก่อนที่จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ หรือ ในอดีตชาติ
2. เคยติดหนี้บุญคุณกันมาก่อนที่จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ หรือ ในอดีตชาติ
3. เคยเป็นบุตรหลานหรือบริวารกันมาก่อน
4. เกิดจากการสวดมนต์อ้อนวอนขอบารมีจากเทพเป็นประจำ จึงลงมาช่วย

ทำหน้าที่เป็นม้าทรง หรือ ร่างทรง ในกรณีเช่นนี้ส่วนใหญ่จะตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ เนื่องจากองค์เทพที่มาจับร่างเห็นว่า เป็นคนดีและมีบารมีพอ บังเอิญมาหมดอายุขัยก่อน ท่านก็เลยต่ออายุให้ ดังนั้นร่างนี้จึงต้องสร้างบารมีชดใช้หนี้บุญคุณขององค์เทพ โดยเป็นร่างทรงหรือสื่อที่จะติดต่อมนุษย์เพื่อสร้างบารมีร่วมกัน ในการทำนายทายทัก รักษาโรค หรือ อื่น ๆ สุดแท้แต่องค์เทพท่านจะเห็นสมควร และเมื่อถืงเวลาหรือหมดหน้าที่ก็จะต้องตายจริง ๆ

บางคนอาจสงสัยว่า “เทพ พรหม” มีบารมีมากพอแล้ว ทำไมถึงต้องลงมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์อีก ทั้งที่ร่างกายมนุษย์มีแต่ของเน่าเหม็นเต็มไปหมด ดังนั้นเราควรศึกษาให้เข้าใจก็จะได้หายสงสัย เพราะความเป็นเทพพรหมแม้จะได้ชื่อว่าเป็นสุคติภูมิ แต่ก็ย่อมมีอายุขัยแม้จะเป็นหมื่นปีแสนปี สักวันหนึ่งมาถึงก็ย่อมจะต้องลงไปจุติใหม่ตามวิบากกรรม

เหตุฉะนั้นเทพพรหมผู้ไม่ประมาท จึงต้องขวนขวายหมั่นสร้างบุญกุศลให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป อนึ่งในความเป็นเทพพรหมนั้นย่อมอยู่ในสภาวะที่เรียกกันว่า “โอปปาติกะ” คือมีความเป็นทิพย์ที่ละเอียด ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า เว้นแต่ผู้ที่ฝึกจิตจนใสละเอียดในระดับเดียวกันจึงสามารถมองเห็นตัวกันได้

ดังนั้นหนทางแห่งการสร้างบุญจึงมีขีดจำกัด ด้วยอานิสงก์แห่งบุญนั้นเอง ไม่เหมือนมนุษย์ย่อมสามารถบำเพ็ญบารมีได้ถึงชั้นสูงสุดคือ พระนิพพาน แม้แต่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตก็ยังต้องมาจุติในภพมนุษย์ เพราะต้องอาศัยสังขารหรือธาตุขันธ์ 5 เพื่อชดใช้หนี้เวรหนี้กรรม จนบรรลุพระโพธิญาณ ได้เป็นพระพุทธเจ้าในที่สุด

ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์หรือเปล่า หรือชอบไปเที่ยวหาร่างทรงตามตำหนักต่าง ๆ เป็นเทพจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงสัมภเวสีที่แอบอ้างหากินไปวัน ๆ พอถูกเขาทักว่ามีองค์ก็เลยพาลรับขันธ์ 5 ไปเลยก็มี ถ้าทำถูกต้องก็ดีไป ถ้าทำไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเอาผีมาใส่ไว้ในตัวก็จะซวยไปกันใหญ่ เพราะบางทีเราไม่ทราบว่า ตำหนักไหนแท้หรือเทียม บางคนไม่มีอะไร แต่พอเห็นเขามีองค์ก็พาลอยากจะเป็นบ้าง ก็เลยทำให้มีทั้ง “คนทรงเจ้า” “เจ้าเข้าทรง” ก็อยู่ในวิจารณญาณของท่านที่ต้องพิจารณาศึกษาให้ดีเสียก่อน

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราลุ่มหลงในเรื่องของ “เทพพรหม” เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้น ยังต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก จึงไม่สอนให้ไปยึดติดในภพภูมิเหล่านั้น แต่ไม่ได้ทรงปฏิเสธในเรื่องเทพพรหมว่ามีจริง เพราะแม้ครั้งพุทธกาลก็เคยเสด็จไปโปรด พุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ แม้ในพุทธกิจก็ยังแบ่งเวลาไปโปรดเทพเทวดาในชั้นภูมิต่าง ๆ จนมีผู้สำเร็จอริยบุคคลไปเป็นจำนวนมาก

ประเด็นของคำถาม
1) ท่านคิดว่า ท่านเป็นญาณจุติ หรือเป็นญาณแฝง หรือญาณร่างทรง?

2) ท่านมีความสัมพันธ์กับพระองค์ท่านแบบไหน?
----ก. เคยมีบุญคุณกันมาก่อนที่จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ หรือ ในอดีตชาติ
----ข. เคยติดหนี้บุญคุณกันมาก่อนที่จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ หรือ ในอดีตชาติ
----ค. เคยเป็นบุตรหลานหรือบริวารกันมาก่อน
----ง. เกิดจากการสวดมนต์อ้อนวอนขอบารมีจากเทพเป็นประจำ จึงลงมาช่วย
----จ. อื่นๆ (ขอคำอธิบาย)

ลองตอบดูนะครับ

 

1. ตอบไม่ได้ ค่ะ เพราะ ไม่ทราบ ไม่เห็น บางครั้งแค่สัมผัสได้

2. ข้อนี้ ก็ตอบไม่ได้ เหมือนกัน เพราะ ไม่ทราบจริงๆๆ มีแต่คนทัก ค่ะ

แต่ ตัวเอง ไม่ทราบจริงๆๆ

แล้ว วันที่ 4 เมษายนนี้ ไปไหน เหรอ ค่ะ

บอกด้วยค่ะ

มินนี่