หมดแล้ว <<ฟ้าสร้าง>> หนุมานเกราะเพชรมากประสบการณ์ หลวงปู่หริ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ฟ้าสร้าง, 24 พฤศจิกายน 2009.

  1. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ตอนนี้ฮอตสุดคือหนุมานเกราะเพชรค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้อยากได้แบบออกแนวไหนค่ะ
     
  2. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    วัตถุมงคลดีๆ ที่เปิดให้บูชาค่ะ<!-- google_ad_section_end -->


    <!-- google_ad_section_start --><!-- google_ad_section_start -->ครูบาแม้ว

    1. ตะกรุดรกแมวรุ่น 2 บูชา 299.- (หน้า13,14)
    2. ผ้ายันต์พระยาจักรแก้ว บูชา 99.- (หน้า 9)
    3. ละงั่งอุดผงมหาเส่นห์ เนื้อโลหะ บูชา 349.-

    ครูบาธร
    1.
    แมงวันคำอุดผงมหาเส่นห์ เนื้อโลหะ บูชา 349.-
    2. อิ่นแต่งงาน บูชา 149.-

    ครูบาวัย
    1. ประคำมหาวิมุติ บูชา 199.-(หน้า 21)

    ครูบาอิ่นคำ
    1. พระรอดหลังฤาษี องค์ละ 100.-(หน้า18)

    ครูบาสิทธิ (หน้า 32)
    1.ผ้ายันต์ผืนเล็กเขียนมือ บูชา 200.-
    2.ผ้ายันต์มหาอิ่น บูชา 300.-<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    3.ฤาษีพัดโบก รมดำ 349.-
    4.ฤาษีพัดโบกชุดกรรมการ(เงิน ทอง นาค) 999.-

    ครูบาบุญทา(หน้า53-54)
    1. ปรอทกรอ (ลูกสุนทรี)บูชา 349.-
    2. ตะกรุดดอกคำ บูชา 349.-

    หลวงปู่เจือ (หน้า 71)
    รุ่นพยัคฆ์จินดา
    1.ตะกรุดหนังเสือ พยัคฆ์จินดา บูชา 599.-
    2.ลูกสวาทจินดา บูชา 159.-
    3.ลูกอมพยัคฆ์ชันโรง บูชา 159.-
    4.ตะกรุดรักยมลูกฤาษี บูชา 199.-
    รุ่นรักชาติ
    1. ขุนแผนรักชาติ เนื้อไม้รักแกะ 499.-
    2. พระกริ่งนเรศวรชัยมงคล ขนาดบูชา 7999.-
    3. พระกริ่งนเรศวรชัยมงคล ขนาดห้อยคอ บูชา 599.-เนื้อนวะ


    หลวงปู่หริ จ.สุพรรณบุรี
    1. หนุมานเกราะเพชร เนื้อทองเหลืองรมดำ 399.-
    2. หนุมานเกราะเพชร ชุปเงิน,ทอง,นาค 449.-
     
  3. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ทานข้าวกันยัง???


    [​IMG]
     
  4. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    นักเลงไม่ใช่อันธพาล

    นักเลงใหญ่ ในเมืองให้นึกถึงหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย นอกเมืองให้นึกถึงหลวงพ่อปุย วัดเกาะ "หลวงพ่อปุยเป็นผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงบึกบึน สูงใหญ่ตามแบบฉบับคนโบราณ มีอุปนิสัยใจคอกล้าหาญและเฉียบขาด มีความเป็นผู้นำสูง ทั้งยังมีวิชาอาคม บรรดาพรรคพวกนักเลงทั้งหลายจึงยกย่องให้เป็นลูกพี่ใหญ่ (นักเลงยุคสมัยร้อยปีก่อนร่ำเรียนวิชาอาคมกันทั้งนั้น หากผู้ใดที่มีวิชาอาคมแน่ที่สุดและมีความเป็นผู้นำจริง ย่อมถูกยกให้เป็นลูกพี่)

    ความเป็นนักเลงของท่านเลื่องลือขึ้นชื่อทั่วคุ้งน้ำ ( หลวงพ่อปุยท่านเป็นนักเลงตัวจริง ไม่ใช่อันธพาล เพราะนักเลงนั้นต่างจากอันธพาลเยอะ) หากเอ่ยถึงนักเลงใหญ่นอกเมือง แห่งลุ่มน้ำท่าคอยย่อมนึกถึงหลวงพ่อปุย และอีกหนึ่งนักเลงที่ขึ้นชื่อในยุคสมัยเมื่อร้อยปีก่อนนั้น หากเอ่ยถึงนักเลงใหญ่ในเมือง ย่อมนึกถึงหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย ทั้งสองนี้เดิมเป็นอริกันมาก่อน แต่ภายหลังบวชอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน เป็นศิษย์ร่วมสำนักกัน จึงเป็นพี่เป็นน้องกัน รักกันมาก สนิทกันมาก <O:p</O:p
     
  5. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    มารู้จักอาจารย์อีกองค์ของหลวงปู่หริกันค่ะ
     
  6. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หลวงพ่อมุ่ย พุทฺธรักฺขิโต

    พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระคณาจารย์ยุคกึ่งพุทธกาลที่เกียรติคุณชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นได้รับความนิยมกันมาก เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2431 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลูในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ณ.บ้านดอนไร่ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นบุตรของพ่อเหมือน แม่ชัง มีศรีไชย มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน คือ
    1. นางน้ำอ้อย จันทร์สุวรรณ
    2. นางน้ำตาล จีนสุกแสง
    3. นายช่อง มีศรีไชย
    4. นาย<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]เชื่อม มีศรีไชย</st1:personName> (หลวงพ่อมุ่ย พุทฺรักฺขิโต)
    5. นางสาคู มีศรีไชย
    วัยเด็กเนื่องด้วยครอบครัวของท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา ในวัยเด็กของท่านจึงมีชีวิตตามประสาเด็กชนบททั่วไปโดยช่วยเหลือครอบครัวในการเลี้ยงควาย เป็นต้น
    วัยหนุ่มเมื่อวัยหนุ่มท่านได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารผลว่าท่านถูกเกณฑ์เป็นทหารและทางอำเภอได้ส่งตัวท่านไปยังจังหวัดแต่ท่านก็ต้องถูกส่งตัวกลับมาด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ สรุปคือท่านไม่ได้เป็นทหารแน่นอน
    ภายหลังจากการเกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว ท่านได้เข้ารับการอุปสมบทตามธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเมื่อประมาณปี พ.ศ.2452 ณ. พัทธสีมาวัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอเดิมบางนาง<st1:personName w:st="on" ProductID="บวช จังหวัดสุพรรณบุรี">บวช จังหวัดสุพรรณบุรี</st1:personName> โดยมีพระครูศีลกิติ ( หลวงพ่อกฤษณ์ ) วัดท่าช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอนุสาวนาจารย์ไม่ทราบชื่อในช่วงนี้ท่านได้เข้ารับการศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆจากพระอาจารย์ต่างๆอยู่พอสมควร
    ท่านอุปสมบทได้ประมาณ10กว่าพรรษา ท่านก็ได้ลาสิกขาบท เพื่อมาช่วยบิดามารดาซึ่งชราทำไร่นาในช่วงนี้ท่านได้เกิดล้มป่วยแทบเอาชีวิตไม่รอด ยากจะดูแลรักษาให้หายได้ท่านจึงได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ว่า หากหายจากอาการเจ็บป่วย จะฝากกายถวายชีวิตในพระพุทธศาสนาตลอดไป
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักต่อมาอาการเจ็บป่วยของท่านก็ได้หายไป และช่วงนี้ท่านก็ได้เปลี่ยนชื่อจาก
    เชื่อม มาเป็น มุ่ย สรุปแล้วท่านลาสิกขาบทมาได้ไม่กี่เดือนก็อุปสมบทใหม่เป็นครั้งที่สอง
    ท่านได้อุปสมบทเป็นครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2465 เวลา 15.30 น. ณ.พัทธสีมาวัดตะค่า (วัดดอนบุบผารามในปัจจุบัน) ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี
    พระครูธรรมสารรักษา (หลวงปู่อ้น) วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์<st1:personName w:st="on" ProductID="ทวน วัดบ้านกร่าง">ทวน วัดบ้านกร่าง</st1:personName> เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์<st1:personName w:st="on" ProductID="กุล วัดดอนบุบผาราม">กุล วัดดอนบุบผาราม</st1:personName> เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับชื่อทางพระพุทธศาสนาจากพระอุปัชฌาย์ว่า พุทฺธรักฺขิโต


    ครูบาอาจารย์
    เนื่องด้วยหลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นผู้คงแก่เรียน หมั่นขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอๆ จึงทำให้ท่านชำนาญและเชี่ยวชาญในศาสตร์หลายแขนง การเรียนรู้ในศาสตร์หลายแขนงของท่านได้พากเพียรเรียนรู้มาตั้งแต่การอุปสมบทครั้งแรกเมื่อกลับมาอุปสมบทอีกครั้งด้วยพื้นฐานที่รอบรู้อยู่แล้วและศึกษาเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ท่านรอบรู้และแตกฉานยิ่งขึ้น ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อมุ่ยไปศึกษามานั้นมีอยู่มากมายเกิน10ท่านขึ้นไปแต่ก็สืบเสาะได้ยากยิ่งเนื่องจากหลวงพ่อมุ่ยท่านไม่เคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังแต่เท่าที่สืบค้นได้ก็มีดังนี้
    1. พระครูธรรมสารรักษา หรือ หลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรีหลวงปู่อ้นท่านเป็นพระอาจารย์ยุคเดียวกันกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ท่านมีอายุน้อยกว่าหลวงพ่อเนียม 9 ปีในยุคนั้นหลวงปู่อ้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในแถบจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีในยุคสมัยนั้น ท่านขึ้นชื่อมากในด้านแพทย์แผนโบราณ การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และพุทธาคมก็ยังเป็นเลิศท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและพระอาจารย์ต่างๆมาศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านที่วัดมากมายลูกศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเช่น ท่านเจ้าคุณ<st1:personName w:st="on" ProductID="เชียง วัดราชบูรณะ">เชียง วัดราชบูรณะ</st1:personName> ,หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน , หลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม เป็นต้น
    ในการอุปสมบทครั้งที่สองของหลวงพ่อมุ่ยท่าน เมื่อปี พ.ศ.2465ท่านได้เดินทางมาที่วัดดอนบุบผารามเพื่อให้หลวงปู่อ้นทำการอุปสมบทให้ และหลังจากการอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อมุ่ยก็ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่อ้นต่ออีกสักพักหนึ่ง หลวงปู่อ้นจึงนับเป็นพระอาจารย์รูปแรกของท่านเท่าที่มีการบันทึกมา
    2. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อำเภอเดิมบางนาง<st1:personName w:st="on" ProductID="บวช จังหวัดสุพรรณบุรี">บวช จังหวัดสุพรรณบุรี</st1:personName> หลวงพ่อมุ่ยสนใจในวิปัสสนากรรมฐานมากซึ่งในยุคนั้นพระอาจารย์วิปัสสนากรรมฐานของเมืองสุพรรณที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็มี หลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดัน ,หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา และหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าวหลวงพ่อมุ่ยได้เลือกศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคาถาอาคมต่างๆจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขาในช่วงที่บวชครั้งที่สอง ศึกษาจากหลวงพ่ออิ่มเป็นระยะเวลา1พรรษาเต็ม หลังจากศึกษาจากหลวงพ่ออิ่มหมดแล้ว หลวงพ่ออิ่มก็ได้พาไปศึกษาต่อกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลกันมากนัก
    3. พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทในยุคนั้น หลวงปู่ศุข ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศมีลูกศิษย์ลูกหามาขอศึกษาวิชาต่างๆกับท่านมากมาย หลวงพ่อมุ่ยก็เช่นกันภายหลังจากที่ศึกษาวิชาต่างๆจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จนหมดแล้วหลวงพ่ออิ่มจึงแนะนำให้ไปศึกษาเพิ่มเติมอีกที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าหลวงพ่ออิ่มเคยเล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า ตัวท่านเองแก่แล้ว จึงศึกษาเวทมนต์ คาถาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ศุขได้ครึ่งเล่ม ส่วนหลวงพ่อมุ่ยท่านยังหนุ่มสามารถศึกษาได้ถึงเล่มครึ่งหลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นที่รักใคร่ของหลวงปู่ศุขมาก เป็นศิษย์ชั้นแถวหน้าของหลวงปู่ศุขเลยทีเดียวกล่าวกันว่าท่านได้รับถ่ายทอดวิชาอาคมมาจากหลวงปู่ศุขมาก รองมาจากกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    4. อาจารย์<st1:personName w:st="on" ProductID="กูน วัดบ้านทึง">กูน วัดบ้านทึง</st1:personName> อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี อาจารย์<st1:personName w:st="on" ProductID="กูน วัดบ้านทึง">กูน วัดบ้านทึง</st1:personName> เป็นฆราวาสที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรีเดิมท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านทึง แต่ต่อมาท่านได้ลาสิกขาบท ท่านเชี่ยวชาญมากในด้านไสยศาสตร์และแพทย์แผนโบราณ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ดี เป็นที่พึ่งของชาวบ้านตลอดมาอาจารย์กูนเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อเลื่องลือมากในยุคนั้น หลวงพ่อมุ่ยท่านสนใจในด้านแพทย์แผนโบราณมากจึงได้เดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์ต่ออาจารย์กูนในสมัยที่อาจารย์กูนท่านยังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทึงอยู่ และอาจารย์กูนยังได้มอบตำราการทำยาหอมให้ท่านมาด้วย ซึ่งต่อมาท่านก็มอบต่อให้ศิษย์ท่านเอาไปทำยาหอม ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีคือ ยาหอม ตราฤาษีทรงม้า นั่นเอง
    5. หลวงพ่อปลั่ง วัดวิมลโภคาราม อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
    ท่านเชี่ยวชาญในด้านคาถาอาคมมากผู้หนึ่งหลวงพ่อมุ่ยจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาวิชาอาคมต่างๆจากท่าน
    6. นอกจากนี้ยังมีพระอาจารย์ของท่านอีกซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าหลวงพ่อมุ่ยได้ศึกษาอะไรไปบ้าง อย่างเช่น หลวงพ่อกฤษณ์ วัดท่าช้าง (พระอุปัชฌาย์ในการบวชครั้งแรกของหลวงพ่อมุ่ย) ฯลฯ

    ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอนไร่
    หลังจากชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างวัดดอนไร่ขึ้นมาแล้วแล้วก็ได้นิมนต์หลวงพ่อปลั่ง วัดวิมลโภคารามมาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก อยู่ช่วยสร้างวัดได้1พรรษาหลวงพ่อปลั่งก็ได้ย้ายกลับไปปี พ.ศ.2458 หลวงพ่อพลอยได้มาเป็นเจ้าอาวาสรูปที่สองอยู่ได้5พรรษาก็ลาสิกขาบทจึงทำให้วัดดอนไร่ว่างเว้นเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่ง ปี พ.ศ.2466 ภายหลังจากการอุปสมบทครั้งที่สองของหลวงพ่อมุ่ยชาวบ้านได้นิมนต์ท่านมาพำนักจำพรรษาที่วัดดอนไร่ ท่านก็ได้ริเริ่มพัฒนาวัดตั้งแต่นั้นมา ปี พ.ศ.2476 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองสะเดาท่านจึงมีภาระมากขึ้นด้วยว่ามีเขตการปกครองขว้างขวาง วัดใดเสื่อมโทรมก็ต้องเข้าไปดูแลพัฒนาซ่อมแซม รวมไปถึงวัดภายนอกเขตปกครองด้วย แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อ ขยันหมั่นเพียรดูแลรักษาและพัฒนาจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี หลวงพ่อมุ่ยได้สร้างพระอุโบสถหลังเก่าของวัดดอนไร่ ก่อด้วยอิฐไม่ได้ฉาบปูน หลังคามุงหญ้าแฝกซึ่งได้ฝังลูกนิมิตไปในปี พ.ศ.2482 กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ซึ่งสร้างจากไม้เป็นหลักซึ่งไม้ดังกล่าวหลวงพ่อมุ่ยท่านจะเป็นผู้นำกองเกวียนของบรรดาชาวบ้านเข้าป่าเพื่อไปตัดไม้ดังกล่าวมาสร้างวัดเองโดยตลอด จึงเป็นภาระอันหนักยิ่งของท่านในสมัยนั้นปี พ.ศ.2496 ท่านได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์เป็นพระอุปัชฌาย์ มีกุลบุตรมากมายมาให้ท่านอุปสมบทให้รวมทั้งลาสิกขาบทจากท่าน ซึ่งในสมัยนั้นทั้งอำเภอมีพระอุปัชฌาย์แค่เพียง2รูปเอง จึงกล่าวได้ว่าในสมัยนั้นชาวสามชุกค่อนอำเภอบวชโดยหลวงพ่อมุ่ย

    อุปนิสัย
    หลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นพระสมถะ ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดเสมอต้นเสมอปลาย ทำสิ่งใดแต่พอเหมาะพอควร มีความเมตตาแก่สัตว์โลกทั่วไปทุกหมู่เหล่าท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ด้วยเคยตั้งมั่น อธิษฐานชีพนี้เพื่อพระพุทธศาสนา และหลวงพ่อมุ่ยท่านไม่เคยโอ้อวดตน อย่างเช่นครั้งหนึ่งสมเด็จพระสังฆราช จวน วัดมกุฏกษัตริยาราม เสด็จมาเป็นประธานในการปลุกเสกพระเครื่องยุทธหัตถีที่พระวิสุทธิสารเถระ หรือหลวงพ่อถิน วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นแม่งานจัดสร้าง สมเด็จฯพบหลวงพ่อมุ่ย จึงตรัสถามหลวงพ่อมุ่ยว่า ทำไมจึงขลังนัก หลวงพ่อมุ่ยก็ตอบว่า หากท่านจะขลังก็คงขลังที่ความดี เพราะตั้งแต่ท่านบวชมา ท่านไม่เคยทำชั่วเลยสมเด็จฯได้ยินดังนั้นทรงชื่นชอบในคำตอบของหลวงพ่อมุ่ยเป็นอย่างมาก

    อาพาธและมรณภาพ
    ปี พ.ศ.2516 หลวงพ่อมุ่ยเริ่มอาพาธล่วงถึงกลางปีก่อนเข้าพรรษาอาการอาพาธด้วยโรคชรานี้ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อเห็นอาการไม่ดีขึ้นจึงได้นำหลวงพ่อเข้ารับการรักษา
    ทำให้ตลอดพรรษานี้หลวงพ่อต้องจำพรรษาอยู่ที่คลินิกของแพทย์ผู้เป็นลูกศิษย์ ก่อนหน้าฤดูเทศกาลกฐินหลวงพ่อได้กลับมาที่วัด ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาดีใจมาก จัดขบวนต้อนรับกันยิ่งใหญ่
    แต่หารู้ไม่ว่าการกลับมาครั้งนี้เป็นการจากลาของหลวงพ่อ ล่วงถึงเวลา 07.15 น. ของวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2517 หลวงพ่อมุ่ยก็ละสังขารลงด้วยอาการสงบ สิริอายุ 85 ปี 41 วัน
     
  7. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    พูดเยอะเริ่มเหนื่อย...
     
  8. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,153
    ค่าพลัง:
    +5,775
    แวะเข้ามาดูนิดหน่อย ปัจจัยไม่ค่อยมีแต่อยากได้ไปหมดทุกกระทู้ในเว็บเลยครับ ฮิๆ
     
  9. sunjiaa

    sunjiaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +2,755
    ว่าแต่หนุมาน หลวงปู่หรินี่ ใช้ด้านไหนคับ
     
  10. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995

    หนุมานเกราะเพชร

    หนุมาน เป็นลิงเผือกมีกายสีขาว สวมกุณฑล มีขนเป็นเพชร มีเขี้ยวเป็นแก้ว และ หาวเป็นดาวเป็นเดือน มีฤทธิ์มาก สามารถแปลงกาย หายตัวได้ อยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นอมตะไม่มีวันตายเนื่องจากเป็นลูกของพระพาย กับนางสวาหะ เมื่อมีอันตรายถึงตายแล้วเพียงแค่มีลมพัดมาหนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา<O:p
    เมื่อพระลักษมณ์พลาดถูกหอกของกุมภกรรณเจ็บสาหัส หนุมานไปหยุดรถทรงของ พระอาทิตย์ (เพื่อแสงจะได้ไม่ส่องมาต้องกายพระลักษมณ์) จนไฟเผาไหม้ไปทั้งตัวเหลือเพียงขนเพชร พระอาทิตย์เห็นแล้วเมตตาสงสาร จึงชุบกายาหนุมานขึ้นมาใหม่<O:p
    หนุมานเป็นตัวแทนของชายหนุ่มทั่วไป รูปงามนิสัยเจ้าชู้ และ มีเมียมาก หนุมานทำการอะไรก็สำเร็จรบกับใครก็ชนะมีขนเป็นเพชรเหมือนเกราะ ฆ่าไม่มีวันตาย มีเมตตามหาเสน่ห์อยู่ในตัว <O:p</O:p
    ด้วยว่าหลวงปู่หริท่านเกิดปีวอกและมีความชื่นชอบในคุณวิเศษของหนุมาน ประกอบกับปีนี้เป็นปีขาลซึ่งเป็นปีเกิดของหนุมานและมีวันเสาร์๕ ตัวผู้ มีเพชรฆาตฤกษ์ ราชาฤกษ์และมหัทธโนฤกษ์ เหมาะแก่การสร้างวัตถุมงคลให้เข้มขลังโดยเฉพาะในทางคงกระพันคุ้มครองป้องกันภัย ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และ เจริญในโชคลาภโภคทรัพย์ท่านจึงได้จัดสร้าง หนุมานเกราะเพชร จำนวน ๙๙๙ ตน เป็นวัตถุมงคลรุ่นแรก โดยนำผงธูปกรรมฐานและผงเกราะเพชรที่สืบสานมาบรรจุไว้และปลุกเสกบรรจุธาตุเรียกอาการ ๓๒ ด้วยมหามนต์เกราะเพชรหนุมานและสรรพวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา เพื่อให้เกิดผลตามคุณวิเศษของหนุมาน โดยเฉพาะผู้ที่รับราชการหรือเป็นลูกน้องเขา เพราะหนุมานนั้นเป็นทหารเอกที่โปรดปรานของพระรามจนได้รับการเลื่อนยศตำแหน่งและให้ครองกรุงอโยธยาครึ่งหนึ่ง นอกจากนั้นยังช่วยคุ้มครองป้องกันสรรพอันตราย ให้มีผู้อุปถัมภ์ค้ำชูและอำนวยโชคลาภโภคทรัพย์แด่ผู้ที่บูชา ตามฤกษ์และสรพวิชาที่ท่านตั้งใจปลุกเสก ( พร้อมกันนี้หลวงปู่หริท่านได้จัดสร้าง ตะกรุดเสาร์๕นะหน้าทอง ขึ้นด้วยจำนวน ๒,๐๐๐ ดอก สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม) <O:p</O:p
     
  11. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    [​IMG]
     
  12. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    วันนี้จะไปเที่ยวเมืองโบราณ ที่นั่งเหลือใครจะไปก็แจ้งได้นะคะ ชวนๆ
     
  13. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หนุมานเกราะเพชร เนื้อโลหะรมดำ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3662.jpg
      IMG_3662.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.2 KB
      เปิดดู:
      1,431
    • IMG_3664.jpg
      IMG_3664.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      1,245
    • IMG_3665.jpg
      IMG_3665.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.8 KB
      เปิดดู:
      1,253
    • IMG_3667.jpg
      IMG_3667.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      1,329
  14. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หลวงปู่หริท่านเกิดปีวอกและมีความชื่นชอบในคุณวิเศษของหนุมาน ประกอบกับปีนี้เป็นปีขาลซึ่งเป็นปีเกิดของหนุมานและมีวันเสาร์๕ ตัวผู้ มีเพชรฆาตฤกษ์ ราชาฤกษ์และมหัทธโนฤกษ์ เหมาะแก่การสร้างวัตถุมงคลให้เข้มขลังโดยเฉพาะในทางคงกระพันคุ้มครองป้องกันภัย ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และ เจริญในโชคลาภโภคทรัพย์ท่านจึงได้จัดสร้าง หนุมานเกราะเพชร จำนวน ๙๙๙ ตน เป็นวัตถุมงคลรุ่นแรก
     
  15. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    [​IMG]
     
  16. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    วันนี้ไปเที่ยวบางปูมา สนุกหลายค่ะ
     
  17. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    แต่ก็ร้อนหมั๊กๆ (ขอแจมด้วยค่ะ):z12
     
  18. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,329
    องค์นี้รมดำแล้วหรือครับพี่
     
  19. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,322
    ค่าพลัง:
    +13,243
    เพิ่งเข้ามาในกระทู้นี้ครับคุณฟ้าสร้าง อยากบูชาปรอทกรอหลวงปู่ครูบาบุญทากับหนุมานหลวงปู่หริ ต้องโอนเงินเข้าบัญชีใครครับ ใช่พระอุทิศย์หรือไม่ครับ ?
     
  20. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ค่ะ เข้าบัญชีพระอุทิศตามลายเซ็นเลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...