ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

อ่านบทสัมภาษณ์คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ จนถึงประโยคนี้ มันสะท้านสะเทือนใจ

[quote]“ถึงผมจะไม่ใช่สื่อมวลชนที่เป็นนักข่าว แต่ผมก็เป็นคนทำงานด้านสื่อในเรื่องการสัมภาษณ์ เวลาที่เกิดปัญหาในเรื่องการบิดเบือนข้อมูล สิ่งหนึ่งที่เราควรจะต้องทำคือไม่หลบหนีความจริง เช่น วาทกรรมเรื่องอำมาตย์ ไพร่ ผมก็ได้มีการหยิบยกขึ้นมาถามอาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ปราโมทย์ นาครรทรรพ ผมก็ถามตรงๆ ว่า ชนชั้นพระมหากษัตริย์ทำให้ไม่เกิดความเป็นประชาธิปไตยจริงไหม ที่ต้องถามเพราะว่ามีคนอีกเยอะมาก ที่พร้อมจะเอนเอียงไปทางเขา ถ้าเราไม่เปิดใจกว้างพูดคุยเรื่องนี้ในอนาคตก็อาจจะมีปัญหา”

“ท่านอาจารย์ปราโมทย์ก็ได้ตอบว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด คำนึงที่ผมยิ่งสะเทือนใจและตอกย้ำว่า เราจะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ เราจะต้องทำนะ เราจะต้องสู้ และถ้าจะเอาชีวิตเข้าแลกก็ต้องทำก็คือ ท่านอาจารย์บอกว่า ในหลวงทรงรู้ว่ามีคนที่ไม่อยากให้มีสถาบัน ท่านก็พยายามบอกผ่านคนทำงานของท่านว่า ขอให้บอกเรานะ อยากให้เราปรับตัวอะไรบ้าง ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ ให้โอกาสในการที่เราจะปรับตัวด้วย นี่คือสิ่งที่เราสัมภาษณ์ออกโทรทัศน์กันสดๆ เลย”

“ผมฟังแล้วแบบ....รู้สึกว่าท่านโดดเดี่ยว และก็รู้สึกว่า ถ้าประชาชนไม่ช่วยกันปกป้องท่าน ท่านก็ไม่มีพระราชอำนาจอะไรที่จะบังคับความรักความศรัทธาของผู้คน ให้รักเรานะ จงรักภักดีกับเรา แต่ตรงกันข้าม พระองค์กลับพยายามบอกว่า มีอะไรให้ปรับตัว ยินดีที่จะช่วยเหลือประชาชนทุกคน ท่านเป็นในหลวงที่เหนื่อยที่สุดในโลก ทรงงานหนักมาขนาดนี้ แต่กลับถูกคนที่เห็นแก่ตัวไม่กี่คนปลุกระดมคน ฉะนั้นถ้าผมจะทำอะไรได้ จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”

“นอกจากนั้นแล้ว อาจารย์ก็ยังเชื่อมโยงให้เห็นว่า ที่ประเทศอื่นๆ เขามีสำนักพระราชวัง สำนักราชเลขานุการคอยตอบโต้เวลาที่มีใครโจมตี แต่ในหลวงไม่มี คือในหลวงทรงเสียเปรียบเวลาที่ถูกพาดพิง คนที่ไม่เคยศึกษาไม่เคยรู้ว่าท่านทรงงานทำอะไร ก็จะคล้อยตามสิ่งที่โจมตีท่าน สังคมไทยถ้าเป็นแบบนี้มันน่ากลัว เพราะคำว่าผลประโยชน์ และความไม่รู้”

“ศัตรูของประเทศไทยในวันนี้ไม่ใช่ ท ษ แต่มันคือความไม่รู้ ทุกวันนี้เรามีสื่อที่ทันสมัยมากมาย แต่วิธีคิดของสื่อที่เจริญแล้วเนี่ยมันแฝงไว้ด้วยอำนาจ ความชิงชัง ความเกลียด อคติ ผลประโยชน์ ผมเรียกว่าเป็นยุค ไอซีทีกาลียุค กาลิกาลี แปลว่า เหลือ 1 ส่วน 4 ความจริงเหลือน้อยลง ก็กลายเป็นว่าความจริงถูกบิดเบือนไป”
[/quote]

เป็นยุคที่สังคมเข้าสู่สงครามของข่าวสารอย่างแท้จริง หน้าที่ของเราผู้เสพข่าวก็คือค้นหาความจริงให้เจอค่ะ

ขอองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญ

นำบทสัมภาษณ์คุณแทนคุณ มาจาก

 

ยามใดที่สยามอ่อนแอ เขาก็มาซ้ำใช่ไหมคะ บทเดิมที่แสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา สำหรับเพื่อนบ้านรายนี้

 

เป็นยุคที่สังคมเข้าสู่สงครามของข่าวสารอย่างแท้จริง หน้าที่ของเราผู้เสพข่าวก็คือค้นหาความจริงให้เจอค่ะ

ขอองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญ

นำบทสัมภาษณ์คุณแทนคุณ มาจาก [/QUOTE]


ขออนุโมทนากับคุณทางสายธาตุนะขอรับ

ขอถือโอกาสผสมผสานบางข้อมูลเพิ่มเติมให้กับคนดีๆ เช่นคุณอี้ แทนคุณ เพื่อ
เป็นเยี่ยงอย่างในสำนึกและจิตวิญญาณแห่งความจงรักภักดี ขอรับ

.....คือตอนนี้สถานการณ์มันค่อนข้างวิกฤติมาก ข้อมูลทุกอย่างถูกบิดเบือน และมันก็ลุกลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด ผู้ใหญ่ก็บอกว่า มันเสี่ยงนะ มันอาจจะมีผลตามมา ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก คือถ้าเรามีส่วนเล็กๆ น้อยๆ ทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ มันสื่อออกไปทั่วประเทศและทำให้มีคนเข้าใจอะไรมากขึ้นได้ผมก็ยินดี”


แหล่งที่มา : " อี้ แทนคุณ .............กับก้าวที่กล้าเสี่ยงเพื่อสถาบัน

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000052655

 

ทุกท่านที่เคารพ คงได้ประจักษ์ในปณิธานแห่งความจงรักภักดีของกระทู้นี้ที่ได้

แสดงไว้เป็นหลักฐานตั้งแต่แรก กับยังคงยืนยันและรักษากรอบแห่งความจงรัก

ภักดีในชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้อย่างสูงสุดตลอดมา

ปัจจุบันเหตุการณ์และสถานการณ์เป็นอย่างไรทุกท่านย่อมสามารถสัมผัสและ

รับรู้ได้ด้วยสติปัญญาและวิจารณญาณของท่านเอง จึงไม่จำเป็นต้องนำมา

กล่าวถึง ผมเพียงแต่จะขออนุญาตนำถ้อยคำหรือข้อความที่เหมาะสมที่ปรากฎ

เป็นหลักฐานตามสื่อต่างๆมาถ่ายทอดมานำเสนอด้วยเจตนารมณ์ที่แน่วแน่และ

ยึดมั่นในความจงรักภักดี และด้วยความระมัดระวังอย่างสูงสุดที่จะมิให้เป็นการ

กระทบกระเทือนใต้เบื้องพระยุคลบาทและ/การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็น

อันขาด

............................................................

ความรู้สึกของ เทพ โพธิ์งาม

...“แต่ที่รับไม่ได้และรู้สึกว่ามันมากไปแล้วทำไมต้องทำกันขนาดนั้น มีการดึงเรื่องของการสถาบันพระมหากษัริตย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่าทุกวันนี้คนคิดกันได้หมดว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าไม่มีใครจะทำอะไร เพราะมันมีผลประโยชน์เอื้อกันอยู่ทำให้คิดกันไม่ได้สักที ตัวเราเองใช่จะมีความรู้มากกว่าคนอื่นแต่ก็ยังรู้ว่าลึกๆ แล้วเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ยิ่งตอนนี้ทุกอย่างมันออกมาโจ่งแจ้งอย่างเห็นได้ชัดกับจุดมุ่งหมายของพวกเขา ว่ามายังไงจะเอาอะไรเป็นพวกพ้องใคร”...........

“ที่ผ่านมาในหลวงท่านมีบุญคุณกับเรามาตั้งเท่าไหร่ท่านรักษาผืนแผ่นดินไทยมาไว้ให้ลูกหลานเราทุกยุคทุกสมัย มันมีคุณค่ามากไม่ว่าจะเป็นประเพณีวัฒนธรรม แล้วเราจะลืมบุญคุณท่านลืมบุญคุณแผ่นดินกันเหรอ แต่ก่อนเรายังไม่ได้เป็นกันถึงขนาดนี้ แต่ตอนนี้ดูแล้วมันเลวร้าย แต่ละคนมีอารมณ์ที่รุนแรงกันทั้งนั้นแทบคุยกันไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างไรก็ยังเชื่อมั่นในพระบารมีของพระสยามเทวาธิราชที่จะปกป้องคุ้มครองประเทศไทยเราให้อยู่รอดปลอดภัย

Entertainment - Manager Online
............................................

เรียนคุณเปลวที่เคารพ
ดิฉันเพิ่งจะกลับมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วก็มาส่งเมล์ให้คุณเลย มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยว่าจะสามารถพูดให้คุณฟังได้อย่างไร ดิฉันไม่นึกเลยว่าจะมีประชาชนที่รัก "ในหลวง" จะออกมาแสดงความรู้สึก และทุกคนพร้อมที่จะทำเพื่อท่านจะมากมายขนาดนี้ วันแรกที่ไปก็ใจไม่ดีเหมือนกันว่าจะไปรอดไหม และก็ไม่รู้ว่าในกรุงเทพฯ ของเราจะมีสักกี่คนที่รักพระองค์ท่าน หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาก็ได้ทราบข่าวว่ามี "กลุ่มวัยรุ่น" ที่เล่นโลกออนไลน์ที่บางครั้งผู้ใหญ่ชอบมองว่าไร้สาระ แต่กลับกลายเป็นว่าวัยรุ่นพวกนี้น่ารัก น่านับถือกว่าผู้ใหญ่บางกลุ่ม บางคน ที่มันทรยศ ขายชาติ ขายแผ่นดิน เพียงแค่ได้เงินมาปรนเปรอให้ตัวเองมีความสุขความสบายโดยไม่นึกถึงความเลว ความชั่ว ผิด ถูก
อีกทั้งทำให้ดิฉันได้ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจที่ "ในหลวง" ของเราถูกจาบจ้วงอย่างเสียหายโดยที่รัฐฯ ไม่จัดการ ปล่อยให้บานปลายจนเป็นไฟลามทุ่ง แล้วยังเหตุการณ์วันสงกรานต์อีก แล้วยังมีทหารที่จงรักภักดีถูกเก็บ ถูกฆ่า อีกทั้งอันธพาลครองเมืองจริงๆ ทุกๆ ครั้งที่เสื้อแดงมันมาที่บ้านคุณอภิสิทธิ์ มาปิดถนนสุขุมวิททีไร ดิฉันเครียดมากๆ อึดอัดมากพูดก็ไม่ได้บอกไม่ถูก
วันที่ไปราบ ๑๑ ก็เช่นเดียวกัน ดิฉันรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่รักชาติบ้านเมือง รักพ่อหลวงของเรา หลังจากที่เครียด และกดดันมากๆๆ ที่ทหารและบ้านเมืองโดนไอ้พวกชั่วช้าสามานย์มันทำได้ถึงขนาดนี้ ดิฉันนั่งร้องไห้และเครียดมากๆๆ ตอนที่ดูทีวีเห็นทหารบาดเจ็บ คนเสื้อแดงถูกยิงตาย จนสามีดิฉันต้องปิดทีวีแล้วบอก
"ไม่ต้องดูแล้ว ทำใจให้สบายๆ เดี๋ยวพระสยามเทวาธิราชจะคุ้มครองคนดีๆ เอง"
คุณเปลวลองคิดดูสิคะว่าเมืองไทยเป็นได้ขนาดนี้ วันนี้ดิฉันดีใจที่ได้ส่งเมล์ให้คุณเปลว สีเงิน เป็นการระบายความในใจว่า ถึงอย่างไรเงินสักเท่าไหร่ก็ซื้อความจงรักภักดี ความรักชาติ รักแผ่นดินของดิฉันไม่ได้ ดิฉันอาจจะเขียนยาวไปหน่อย กลัวคุณเปลว สีเงิน จะไม่อ่านเมล์ชาวบ้านอย่างดิฉัน แต่มันก็เป็นการเขียนออกมาจากหัวใจคนรักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ นะคะ ดิฉันไม่เคยเขียนเมล์ยาวขนาดนี้ ถ้าส่งให้เพื่อนจะไม่เกินสามบรรทัดค่ะ
ขอบพระคุณอย่างสูงนะคะที่ให้ดิฉันเขียนระบาย
ชาวบ้านสุขุมวิท


เปลว สีเงิน 19 เมษายน 2553 http://www.thaipost.net/news/190410/20981



*ขอขอบคุณทั้งสองแหล่งที่มา

 

กับอีกหนึ่งเหตุการณ์และอีกหนึ่งความจงรักภักดี ที่ไม่เล่าไม่ได้ครับ

..วันนี้หนัก อย่าเข้ามานะ อยู่รอบนอกไว้ ระวังตัวเองให้ดีด้วย”

กิ่งอ้อ เล่าฮง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เขียนเล่าไว้ในงานเขียนเรื่อง“พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม : อดีตขุนพลแดนใต้ กับฉากสุดท้ายที่สี่แยกคอกวัว”ของเธอในเว็บไซต์ศูนย์ข่าวอิศราเมื่อเร็วๆ นี้หลังเหตุการณ์ฆาตกรรมทหารเสือราชินีที่สี่แยกคอกวัว แสดงให้เห็นถึงลักษณะพิเศษของนายทหารมากความสามารถท่านนี้ ยามหน้าสิ่วหน้าขวานยังเป็นห่วงคนอื่น

“สถานการณ์วันนี้หนักมากครับคุณแม่”

เป็นอีกประโยคหนึ่งที่ส่งผ่านโทรศัพท์ไปยังท่านอาจารย์วัชรี ธุวธรรม คุณแม่วัย 73 ของเสธ.ในช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุถูกฆาตกรรมไม่นาน

ท่านอาจารย์วัชรี ธุวธรรม เล่าให้ผมฟังว่า “เสธ.เปา” ของเพื่อนๆ และลูกน้องหรือ “ลูกก้อง” ของท่าน จะโทรศัพท์มารายงานเหตุการณ์สำคัญๆ ให้ท่านฟังเสมอๆ ยามออกปฏิบัติการในพื้นที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแดงเมื่อเมษายน 2552 ที่ต่างๆ เมื่อ 19 กันยายน 2549 ที่ภาคใต้ก่อนหน้านั้น และล่าสุดที่ลาดหลุมแก้ว ราชดำเนิน และสี่แยกคอกวัว ตลอดวันที่ 10 เมษายน 2553

ใช่แล้วครับ ลูกก้องไม่ได้โทรศัพท์มาบอกเล่าคุณแม่แค่ครั้งเดียวในวันสุดท้ายของชีวิต

ก่อนหน้านั้นในตอนกลางวัน เสียงของลูกก้องดูร่าเริง ปีติ ทำนองว่าฟ้าสว่างเหลือเกินคุณแม่ ภารกิจน่าจะลุล่วงไปด้วยดี ทำเอาคุณแม่พลอยปลื้มไปด้วยก่อนจะโทรศัพท์ไปบอกเล่าต่อกับน้องสาวที่เป็นน้าของลูกก้องอันเป็นภารกิจที่กระทำมาสม่ำเสมอของครอบครัวที่มีความรักใคร่ใกล้ชิดกันครอบครัวนี้

นั่นเป็นช่วงที่ปฏิบัติการยังดูราบรื่น เสธ.เปาวัย 43 ไม่รู้หรอกว่าตัวเขาและกองกำลังทหารเสือราชินีจากพล. 2 รอ., พล. 9 รอ. และพล.ม. 2 ถูกล่อถูกหลอกออกจากที่ตั้งในกองทัพภาคที่ 1 มาประสบชัยชนะโดยลำดับที่แยกมิสกวัน สะพานมัฆวานรังสรรค์ และแยกวิสุทธิกษัตริย์ ในช่วงบ่าย ให้เข้ามาสู่ดงสังหารจุดอับบริเวณสี่แยกคอกวัวในช่วงหัวค่ำ จากผู้ชำนาญการในการรบนอกแบบ ที่รู้ข้อมูลข่าวสารการปฏิบัติการของฝ่ายรัฐแทบทุกฝีก้าว

ท่านอาจารย์วัชรี ธุวธรรม หนาววูบจับขั้วหัวใจเมื่อจับความไม่มั่นใจในสถานการณ์ของลูกรักที่ท่านรู้จักดี ไม่เคยมีน้ำเสียงแบบมานี้มาก่อน สิ่งที่แม่ผู้เข้มแข็งคนหนึ่งจะทำได้ ณ นาทีนั้นคือต้องไม่แสดงความตกใจให้ลูกได้ยิน มีแต่การให้กำลังใจ และกำลังใจที่ดีที่สุดที่จะให้ได้คือให้ลูกก้องของท่านระลึกถึงสิ่งที่เขาเชื่อมั่นศรัทธาสูงสุด

“ขอให้ลูกระลึกถึงพระบารมีในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง....

“ขอให้ลูกระลึกถึงพระบารมีในพระบุรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ตัดสินใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ลูกทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองอย่างดีที่สุดแล้ว แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ...”

ที่ท่านให้คำแนะนำลูกก้องเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าในหัวใจของนายทหารเสือราชินีคนนี้คือการทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์ชาติและราชบัลลังก์ เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีสูงสุด แม้แต่ชีวิตของตนเองก็พร้อมยอมสละแกแลกมาได้ซึ่งความมั่นคงสถาพรของสถาบันพระมหากษัตริย์และพระสุขภาพพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงพระประชวรใหม่ๆ คุณแม่วัชรีจำได้ว่านอกจากไปลงนามถวายพระพรและอธิษฐานขอให้พระองค์ทรงหายประชวรและมีพระสุขภาพพลานามัยแข็งแรกดังเดิมเหมือนเช่นคนทั่วไปแล้ว ลูกก้องของท่านยังตั้งจิตอธิษฐานเพิ่มอีก

“ลูกก้องตั้งจิตอธิษฐานในวันนั้นว่า ยินดีสละชีวิตที่ยืนยาวมา 43 ปีถวายแด่พระองค์ท่าน หากสามารถแลกให้พระองค์มีพระชนมายุยืนนาน มีพระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของชาติสืบไป ลูกก้องยินดีเสียสละชีวิต 43 ปี”

...................



แหล่งที่มา : <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ร่มเกล้า ธุวธรรม หนึ่งชีวิตที่สร้างจุดเปลี่ยน!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย คำนูณ สิทธิสมาน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 เมษายน 2553 15:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
Daily News - Manager Online

 

รถพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจวิ่งไปทางต้นถนนสีลมเมื่อสักครู่เป็นสิบๆคัน วันนี้จะเป็นอย่างไรบ้างยังไม่รู้เลยค่ะ

 

กฎอัยการศึก !!!

คำนี้มีการพูดถึงกันมาก หลายๆคนเลยเถิดไปเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารไปโน่น

ยังไม่เห็นมีใครได้ออกมาอธิบายให้เข้าใจกัน เลยไปค้นหามาจากกูเกิ้ลครับ

อ่านแล้วคงจะพอเข้าใจกันนะครับ ง่ายๆสั้นๆก็คือเป็นพ.ร.บ.ฉบับหนึ่งนั่นเอง

เกร็ดความรู้เรื่องกฎอัยการศึก​

๑.กล่าวนำ
จากกรณีที่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงวันที่ ๕-๖ มกราคม ๒๕๔๗ และสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน จนเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องสั่งให้แม่ทัพภาคที่ ๔ ประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ ๓ จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ นั้น ทำให้เกิดประเด็นที่น่าสนใจว่า กฎอัยการศึกเกี่ยวข้องกับกฎหมายอย่างไร มีความสำคัญหรือความจำเป็นต่อราชการทหารอย่างไร และเมื่อได้ประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกแล้ว จะทำให้ทหารมีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างไร และเมื่อได้ประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกแล้ว จะทำให้ทหารมีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร ดังนั้น กองพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหาร ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของกองบัญชาการทหารสูงสุด ขอถือโอกาสนี้นำเกร็ดความรู้เรื่องของกฎอัยการศึกมาเสนอเพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมต่อไป
๒.เจตนารมณ์ของการมีกฎหมายเรื่องกฎอัยการศึก
จากประสบการณ์ในอดีตของประเทศไทย จะพบว่าเมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว จะมีการประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกอยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีในสายตาของนักประชาธิปไตยว่า กฎอัยการศึกเป็นเครื่องมือของระบอบเผด็จการและเป็นสัญญลักษณ์ในการที่ทหารจะเข้ามายึดอำนาจบ้านเมือง แต่แท้ที่จริงแล้ว การมีกฎอัยการศึกไว้นั้นมีเจตนารมณ์เพื่อให้เป็นเครื่องมือ หรือมาตรการทางกฎหมายในการที่จะรองรับอำนาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ที่จะรักษาความมั่นคงของประเทศชาติเมื่อยามคับขัน และจำเป็นที่ไม่อาจใช้หน่วยงานของฝ่ายพลเรือน จึงต้องใช้หน่วยงานทหารที่มีสมรรถภาพดีกว่าในการ แก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้จะเห็นได้จากคำบรรยายในกฎเสนาบดี<SUP>๑</SUP> ที่บรรยายความถึงความสำคัญและความจำเป็นของการที่ต้องมีกฎอัยการศึกความว่า “เหตุที่จะต้องเรียกว่ากฎอัยการศึกนั้นเพราะเหตุว่ากฎหมายนี้จะประกาศใช้ได้แต่เฉพาะเวลามีสงคราม หรือการจลาจล หรือมีความจำเป็นที่จะรักษาความเรียบร้อยให้ปราศจากภัย” และการที่มีพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกขึ้นไว้ในเวลาปกติเช่นนี้ก็เพื่อสำหรับวางแผนการรักษาพระราชอาณาจักรทั่วไป หรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยอำนาจและกำลังทหารสำหรับตระเตรียมการณ์ไว้พร้อมเมื่อมีเหตุจำเป็น ก็ปฏิบัติได้ทันที กฎอัยการศึกจึงถือเป็นกฎหมายในยามศึกสงคราม โดยเป็นระบบกฎหมายพิเศษที่มีไว้ใช้ในยามที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ และมีความจำเป็นต้องจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนลงไปบ้าง ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็เพื่อความมั่นคงของราชอาณาจักร
๓.ความเป็นมา
กฎอัยการศึกเป็นระบบกฎหมายที่มีต้นกำเนิดมาช้านานแล้ว มีการใช้แพร่หลายทั้งในประเทศทางแถบยุโรปรวมทั้งในประเทศไทยด้วย จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า ประเทศไทยได้มีการประกาศให้ใช้กฎหมายเรื่องกฎอัยการศึกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯรัชกาลที่ ๕ โดยเรียกว่า กฎอัยการศึก รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ได้ถูกยกเลิกและตราขึ้นใหม่เพื่อให้เหมาะสม ซึ่งกฎหมายที่ประกาศใช้แทนนี้ คือ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗<SUP>๒</SUP> กฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น ๕ ครั้ง<SUP>๓</SUP> เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป เหตุที่คนทั่วไปมักเรียกเพียงสั้นๆว่า กฎอัยการศึก นั้น เข้ามจว่าเนื่องจากในตัวพระราชบัญญัติเองกำหนดให้เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า กฎอัยการศึก พ.ศ.๒๔๕๗ แต่คนส่วนใหญ่เรียกเพียงสั้นๆว่า กฎอัยการศึก
ปัจจุบันนี้ยังคงมีเขตพื้นที่ที่ยังให้ใช้กฎอัยการศึกอยู่ในเขตอำเภอที่เป็นพื้นที่ชายแดนรวม ๒๐ จังหวัด ตามประกาศพระบรมราชโองการ<SUP>๔</SUP> ฉบับลงวันที่ ๑๓ พ.ย.๒๕๔๑ จนเมื่อเกิดสถานการณ์การก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลจึงได้ให้แม่ทัพภาคที่ ๔ ออกประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่<SUP>๕</SUP> คือ นราธิวาส เฉพาะ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ อ.ตากใบ อ.สุไหวปาดี อ.ยี่งอ และ อ.สุไหวดก-ลก ปัตตานี เฉพาะ อ.กะพ้อ และ ยะลา เฉพาะ อ.รามัน ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากประกาศพระบรมราชโองการเมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย. ๒๕๔๑........

 

ขอน้ำใจ ขอเวลา ขอ...ให้ทหารตรงหน้าต่างบานนั้น





บอกชาวเฟซบุ๊คที่พวกผมไม่เข้าใจว่าคืออะไร พี่น้องหลากสีที่ชุมนุมทุกเวลาตอนเย็น อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

หน้าต่างวิเศษชั้นนี้ พวกผมคอยจรดจ้องมอง............


กุ้งขอให้กระจายข่าวสารนี้ถึงเพื่อนไทยหลากสี ทหารผู้ปกป้องชาติให้เราไม่ขออะไรมากเลย เพียงแต่ทุก๔โมงเย็น ถึง๖โมงเย็น ภาพประชาชนรวมใจ

หน้าต่างวิเศษโรงพยาบาลเปิดห้วงเวลาเก็บความประทับใจจากคนไทยให้กันและกันค่ะ ส่งตรงถึงทหารผู้บาดเจ็บ วันนี้ไม่เป็นความลับอีกแล้ว หากเป็นเรื่องง่ายที่พวกเราทำได้ง่ายๆค่ะ

กุ้งขอให้เพื่อนในเอ็มบล๊อคช่วยลิงค์กระจายข่าวสารนี้ไปเฟสบุ๊คด้วยค่ะ ....เพราะกุ้งทำไม่เป็น

กุ้งขอตัวหนังสือฝากกลับไปให้พี่น้องทหาร ที่ตั้งตารออ่านตัวหนังสือจากเอ็มบล๊อกและเฟสบุ๊ค ยิ่งมีตัวหนังสือมาก นั่นคือยาที่วิเศษที่สุดค่ะ ทหารที่โรงพยาบาล ทุกคนสามารถ เก็บกระดาษที่เต็มไปด้วยชาวไทยอินเตอร์เนทพิมพ์ข้อความคืนฝากให้พี่น้องทหารไว้อ่านได้ทั้งชีวิตค่ะ
























































พี่กุ้งครับ...เพื่อนผมโดนระเบิดอกซีกซ้ายเย็บ ๗๐ กว่าเข็ม นอนอยู่ชั้น ๑๓ พี่กุ้งไปดูให้ผมหน่อยนะครับ

น้องทหาร ชื่อสัมฤทธิ์....เพื่อของน้องทหารสุริยา เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่กุ้งพอทำได้ค่ะ





สมุดเล่มนี้ไม่มีลายมือทหารคนนี้ด้วย....

พี่กุ้งครับผมเขียนหนังสือไม่เป็นครับ

ความรู้สึกว่าตัวเองบีบคั้นให้น้องทหารต้องพูดในสิ่งที่เป็นความลับ กุ้งอึ้งนิ่ง เสียใจลึกๆ ไม่พูดอะไรน่าจะดีที่สุดเปลี่ยนเรื่องทันที

ถ้าอย่างนั้นให้พี่กุ้งป้อนขนมให้น้องได้ไหมค่ะ

น้องทหารพยักหน้าอย่างอายๆ




pkkk2714 blog


อยากจะพูดอยากจะเขียนเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกจากใจ แต่เขียนไม่ออก

บอกไม่ถูก เพื่อนๆช่วยกันหน่อยนะครับ

 

เพลง : แนวหลังยังคอย ​

ใจจะขาดลงไปรอน รอน
เมื่อถึงตอน วันที่พี่ลาจาก
แทบขาดใจ น้ำตาไหลพราก
คนที่เคยรัก ต้องมาจากไกล
สุดชายแดนน้องแสนอาลัย
ใจเอ๋ยใจ ไม่เคยจากกัน
เอ๋ยช่อดอกอ้อ
ว่าน้องจะรอ ไม่เปลี่ยนแปรผัน
เอ๋ยช่ออัญชัน
จะเฝ้ารอวัน พี่นั้นคืนมา ​

ไทยเราต้องเป็นไทยนานวัน
ชาติสำคัญนะ พ่อทหารกล้า
เกิดเป็นชาย พี่อย่าได้หนีหน้า ​

ชาติศาสนา นั้นเหนือสิ่งใด
อีกราชวงศ์ ทุกพระองค์ยิ่งใหญ่
ศูนย์รวมใจ ของไทยใหญ่หลวง ​

เอ๋ยช่อ ดอกรักใครมา หวนหัก
เราต้องแหนหวง เอ๋ยช่อ พุ่มพวง
เพื่อไทยทั้งปวง เราต้องยอมพลี ​

คนที่อยู่แนวหลังยังคอย
ยังเฝ้าคอย คอยพี่นั้นคืนที่
เกิดเป็นชาย ไม่ให้เสียหน้าที่
ขอจงอย่าหนี พี่อย่ากังวล
อยู่แนวหลัง จะตั้งใจสวดมนต์
ขอคุณพระดล ให้รอดปลอดภัย
เอ๋ยช่อราตรี เพียงปีสองปีน้องนี้รอไหว
เอ๋ยช่อลำไย
ขอเพียงทหารไทย พ้นภัยกลับมา..​

มอบให้ทหารค่ะ​

ขอบคุณห้องคาราโอเกะในเวปพลังจิตค่ะ​

http://palungjit.org/threads/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C.117150/​

 

เจ้าฟ้า มหาจักรี สิรินธร

<IFRAME id=_atssh607 style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: 0px; Z-INDEX: 100000; LEFT: 0px; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px; HEIGHT: 1px" name=_atssh607 src="//s7.addthis.com/static/r07/sh15.html#ab=-&dh=palungjit.org&dr=&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fnewreply.php%3Fdo%3Dpostreply%26t%3D184672&dt=&inst=1&lng=en-us&pc=men&pub=xa-4b6806b250a1123b&ssl=0&sid=4bcd7ff51aa93f1a&srf=0.02&srp=0.2&srx=0&ver=250&xck=0&rev=75791" width=1 height=1 frameborder="0"></IFRAME>
ชอบรูปที่เขาวาดและกลอนที่เขียนในบล็อคค่ะ ขอนำมาเพื่อเป็นมงคลแก่กระทู้ค่ะ

วันจันทร์ ที่ 19 เมษายน 2553
เจ้าฟ้า มหาจักรี สิรินธร
Posted by V_Suvannang , ผู้อ่าน : 333 , 17:43:23 น.
หมวด : ศิลปะ/วัฒนธรรม<!-- retweet and facebook -->
<!-- retweet button --><SCRIPT type=text/javascript> tweetcount_url = document.location; <!-- add dynamic url here --> tweetcount_title = document.title; <!-- add page title here --> //tweetcount_src = 'RT @BackType:'; tweetcount_via = false; tweetcount_links = true; tweetcount_size = 'small'; tweetcount_background = 'FFFFFF'; tweetcount_border = 'CCCCCC'; tweetcount_api_key = '5c3bba3f5d77a46a13453091e36dc1cde4335e9299a1edeeaa3c31d193b33fda'; </SCRIPT><SCRIPT src="http://widgets.backtype.com/tweetcount.js" type=text/javascript></SCRIPT><IFRAME src="http://widgets.backtype.com/tweetcount?url=http%3A//www.oknation.net/blog/suvannang/2010/04/19/entry-1&cnt=false&via=false&links=true&title=%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%20%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%20%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3&size=small&api_key=5c3bba3f5d77a46a13453091e36dc1cde4335e9299a1edeeaa3c31d193b33fda&background=FFFFFF&border=CCCCCC" frameBorder=0 width=120 scrolling=no height=18 allowTransparency></IFRAME>
<!-- facebook button -->Share <SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
<!-- addthis button -->Share

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4b6806b250a1123b" type=text/javascript></SCRIPT>


<!-- end retweet and facebook -->
พิมพ์หน้านี้

<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>.

.
องค์ปิยชาติ รัตนนารี ศรีสยาม
ดุจแก้วงาม ส่องแสงให้ ไทยได้เห็น
ดั่งสายฝน ดับทุกข์ร้อน ผ่อนลำเค็ญ
ดำเนินเช่น หนทางพ่อ ก่อกรุยทาง

หวังประชา ผู้ยากไร้ ได้พบสุข
พ้นจากทุกข์ ที่กลุ่มทุน หนุนสร้างฐาน
เลิกพืชไร่ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ส่งโรงงาน
ทิ้งบ่วงมาร สร้างหนี้สิน สิ้นเนื้อตัว

ใช้พื้นดิน ของตน ให้คุ้มค่า
ผืนไร่นา แบ่งสรรไป ใช้ถ้วนทั่ว
เศรษฐกิจ พอเพียง เลื้ยงครอบครัว
หยุดเมามัว หวังจะรวย ช่วยนายทุน

ฝากให้คน คอยจ้วงจาบ หยาบความคิด
ได้สะกิด ในสำนึก ตรึกตรองหนุน
หน้าที่รัฐ หรือว่าใคร? ควรให้คุณ
รัฐกี่รุ่น ใครใส่ใจ ในประชา

เมื่อหาเสียง สรรคำว่า ประชาสุข
รัฐทุกยุค ใคร? ไหน ที่ใฝ่หา
ทำจริงจัง ช่วยชาวไร่ หรือชาวนา
ล้วนตั้งตา กอบประโยชน์ กดคนจน

ก็เห็นมี แต่พ่อหลวง คอยห่วงข้าฯ
กลับต้องมา แก้เดือดร้อน ทุกแห่งหน
คิดโครงการ เพื่อปลดทุกข์ เหล่าคนจน
แต่ต้องทน พวกต่ำช้า ว่าใส่ความ

เพียงพอเพื่อ คนยากไร้ ได้กินอยู่
ไม่ต้องกู้ หนี้จ่ายดอก หรอกที่ถาม
หากเงินล้น พ้นลำบาก ไม่อยากตาม
เชิญท่านพล่าม ได้ตามใจ ไม่เพียงพอ

เราชาวไทย ซึ้งอยู่ใน พระองค์ท่านฯ
แม้นชีวัน ย่อมปกป้อง ไม่ร้องขอ
ใครหรือให้ เผ่าผองไทย ไม่รั้งรอ
ไม่แบ่งย่อ แยกชนชั้น นั่นคือพระองค์ฯ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.oknation.net/blog/suvannang/2010/04/19/entry-1

 

พระเทพ ทรงบุญ

​

เพลง : พระเทพ ทรงบุญ
ศิลปิน : คัฑลียา มารศรี
เนื้อเพลง : ​

เจริญลาภ เจริญยศ เจริญวัย
เจริญใน บุญบารมีเลิศล้ำ​

สมเด็จพระเทพที่ฟ้า ส่งมาช่วยนำ
เจริญรอยธรรม เจริญรอยไทย​

จอมกวีศรีประชา ข้าบาทไพร่ฟ้า
เทิดพระปรีชาทั่วไป​

ร้อยกรองบทกลอน ซึ้งซ่อนงานศิลป์ของไทย
แหละเป็นหลักชัย ของนักเพลงสยาม​

* เอาใจร่วม มารวมร้อยเป็นเกลียวกลม
ทอแทนพรม ปูรองลาดพระบาทตาม
แล้วโปรยไม้ดอกหมื่นสี ที่พรมลาดงาม
บูชาในนามนักเพลงทุกคน​

** เมื่อพระเทพสถิตย์ใน ขอให้ปวงภัย
จงหลบเลี่ยงไปให้พ้น
ด้วยแรงบุญญา ด้วยพรจากฟ้าเบื้องบน
โปรดบันดาลดล ให้พระองค์ทรงพระเจริญ ​

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/1S8IRlNGL9Y width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">​

​

 

พระเทพของชาวไทย

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/1D40gHS0skk width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">​

เพลง : พระเทพของชาวไทย​

เนื้อเพลง : ​

เป็น บุญ แผ่นดิน ไทย นี้
มีกุลสตรี เป็นศรี แผ่นดิน
สมเด็จ พระเทพฯ ของไทย ทั่วถิ่น
เทวา ฟ้าดิน รู้สิ้นถึง น้ำพระทัย​

.ความ ดี พระองค์เลอ ล้ำ
เกิน ถ้อยคำ เรียงร้อย จากใจ
หนาวบ้าง ร้อนบ้าง หนทางไกลใกล้
เยี่ยมเยือน ผองไทย ห่วงใย ไปทั่ว แผ่นดิน​

ศิลป วัฒนธรรม ของชาติ ทรงเป็น ธงชัย ผงาด
ประกาศ ให้โลก รู้สิ้น
อัจฉริยะ ทั้งคีตะ และวรรณศิลป์
เป็นร่มโพธิ์ ศิลปินทั่วแผ่นดิน ของพระองค์​

..ทรง เป็น แก้วใจ ไพร่ฟ้า
เป็น แก้วตา ข้าน้อย มั่นคง
พสก ทั่วหล้า ศรัทธา สูงส่ง
เทิดทูน พระองค์ ศรีราช-วงศ์ จักรี​

ศิลป วัฒนธรรม ของชาติ ทรงเป็น ธงชัย ผงาด
ประกาศ ให้โลก รู้สิ้น
อัจฉริยะ ทั้งคีตะ และวรรณศิลป์
เป็นร่มโพธิ์ ศิลปิน ทั่วแผ่นดิน ของพระองค์​

..ทรง เป็น แก้วใจ ไพร่ฟ้า
เป็น แก้วตา ข้าน้อย มั่นคง
พสก ทั่วหล้า ศรัทธา สูง ส่ง
เทิดทูน พระองค์ ศรีราช-วงศ์ จักรี ​

 

อีกหนึ่งกำลังใจเพื่อทหารหาญของชาติและของพระราชา

ผู้ที่ติดตามเหตุการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 53 เมื่อทางรัฐบาลโดยคณะกรรมการ ศอฉ. สั่งการให้กองกำลังทหาร สนับสนุนด้วยกำลังตำรวจ และพลเรือน เข้ายึดพื้นที่คืนให้ประชาชนจากผู้ชุมนุมเสื้อแดง เพื่อเป็นของขวัญในวันสงกรานต์ เป็นการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ฉุกเฉิน อันเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามคำเรียกร้องของประชาชนทั่วไป และฝ่ายผู้ชุมนุมก็คาดอยู่แล้วว่าจะมีการใช้กำลัง

การปฏิบัติการครั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี และโฆษกคณะกรรมการ ศอฉ. ก็ได้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า หนึ่ง รัฐบาลไม่ได้ทำการสลายผู้ชุมนุม หมายความว่า สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญนั้นยังอยู่ แต่ขณะนี้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน, สอง รัฐบาลจะใช้กำลังปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล 7 ขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก และสาม รัฐบาลห้ามทหารใช้ความรุนแรงเกินมาตรฐานสากลนี้โดยเด็ดขาด เพื่อมิให้ทหารถูกกล่าวหาว่า ทำการปราบปรามประชาชน เพราะทหารเป็นของประชาชน

ถ้าพิจารณาดูให้ดีจะเห็นว่าทางทหารได้ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลโดยเคร่งครัด และในตอนต้นก็ปรากฏว่าได้ผล เพราะสามารถยึดพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คืนมาจากผู้ชุมนุม แต่ต่อมาได้มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น ก็เพราะปรากฏจากหลักฐาน ว่ามีกองกำลังติดอาวุธของบุคคลในชุดสีดำ ปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ได้ใช้อาวุธสงคราม M 79 ลูกระเบิดขว้าง อาวุธปืนเล็กยาวยิงเข้าสู่ทหาร ซึ่งเมื่อปรากฏเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ น่าที่ทหารจะถอนตัวเร็วกว่านี้ แต่ทหารก็ยังยึดมั่นในภารกิจโดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งผู้บังคับบัญชาชั้น ผบ.พล., ผบ.กรม, เสนาธิการกองพล เสนาธิการกรม คงเดินหน้าเคียงข้างทหารเพื่อมุ่งปฏิบัติการตามภารกิจให้สำเร็จ จึงเกิดการสูญเสียที่น่าสลดใจขึ้น เมื่อมีลูกระเบิดตกลงมาในกลุ่มทหาร จนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ต่อมาจึงได้รับคำสั่งให้ถอนตัวยุติการปฏิบัติการ

ดังนั้น คนทั่วไป แม้แต่ทางฝ่ายรัฐบาลได้ยอมรับกับประชาชน ว่าเป็นความพ่ายแพ้ของทหารฝ่ายรัฐบาล แต่ประชาชนบางส่วนเห็นว่า หนึ่ง ทหารไม่ได้พ่ายแพ้ เป็นแต่ปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ ที่ปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ เพราะสถานการณ์ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนแปลงไป จากการไม่ใช้อาวุธมาเป็นมีกองกำลังใช้อาวุธสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม สอง ทหารได้แสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบวินัย และความกล้าหาญ ปฏิบัติการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้แต่ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตก็ตาม และสาม ประชาชนทั่วไปย่อมยืนยันได้อีกครั้งหนึ่งว่า ทหารนั้นเป็นของประชาชนตามที่เขียนไว้หน้าค่ายทหารทุกแห่ง และจะไม่มีวันใช้อาวุธปราบปรามประชาชนที่ไม่ถืออาวุธเป็นอันขาด นอกจากกองกำลังผู้ก่อการร้าย ซึ่งถือว่าไม่ใช่ผู้ชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงอย่างไร ก็อยากขอวิงวอนให้ประชาชน รวมทั้งรัฐบาล ได้พิจารณาในการใช้กำลังทหารครั้งต่อไปให้ดี เพราะทหารเป็นเครื่องมือสุดท้าย และก็เป็นความหวังสุดท้ายของประชาชนด้วย ถ้ามีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ผมขอเรียนว่า ในขั้นนั้น การปฏิบัติการของทหารจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าทหารแพ้ บ้านเมืองก็คงโกลาหล ไม่มีขื่อ ไม่มีแปร ทหารจะแพ้ไม่ได้ ก็ต่อเมื่อทหารสามารถใช้อาวุธและพลังอำนาจที่มีอยู่ทั้งสิ้น เข้าปฏิบัติการ และประชาชนให้การสนับสนุน ผมเชื่อในพลังอำนาจของทหาร ขอให้การบังคับบัญชาแน่นแฟ้นตามสายการบังคับบัญชา ย่อมจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จแน่นอน ส่วนความเสียหายใดๆ ที่จะเกิดขึ้น และตามมานั้น ผู้สั่งการและประชาชนที่สนับสนุนจะต้องรับผิดชอบด้วย............

ขอขอบคุณแหล่งที่มา Daily News - Manager Online

 

ความทุกข์ใจของประชาชนคนไทยในยามนี้


....จะเห็นว่า ผู้คนจำนวนมากในบ้านเมืองขณะนี้ ต่างมีความวิตกกังวล ห่วงใยชะตากรรมบ้านเมือง จะเกิดการเสียเลือดเสียเนื้อคนไทย ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีใด หรืออยู่ในเครื่องแบบใด อีกหรือไม่? ธรรมะจะชนะอธรรมจริงไหม? สุภาพบุรุษประชาธิปไตยจะสู้กับความถ่อยเถื่อนของอันธพาลได้ไหมหนอ? คนดีทั้งหลายจะต้องตกเป็นเหยื่อของคนโกงที่ลอยนวลสั่งการอยู่นอกประเทศหรือไม่ ฯลฯ

แม้แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” ถามประชาชนว่า คำอธิษฐานหรือพรที่ขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คืออะไร

ปรากฏว่า นำโด่งมาอันดับหนึ่ง คือ ขอให้บ้านเมืองสงบสุขในเร็ววัน
..........
สังคมในวัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์ ก็เป็นอย่างนี้เอง มักจะ “ขอ” ให้ผู้มีอำนาจ คนมีอำนาจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเชื่อว่ามีอำนาจ ช่วยดลบันดาลให้

บางที บางคน พร้อมจะ “ติดสินบน” เช่นว่า ถ้าได้อย่างนั้นจะเอาอะไรมาถวาย หรือจะทำอะไรถวาย อย่างนี้ก็มี

“คำขอ” จึงสะท้อนความทุกข์ใจของคนไทยในยามนี้

..............
ผมยอมรับว่า “คำขอ” ที่ได้รับรู้ สะท้อนความกังวลใจของคนไทย ที่ไม่ต่างอะไรกับความกังวลใจของตัวเราเองในยามนี้

ตื่นนอนทุกเช้าตรู่... สิ่งแรกที่กังวล คือ เมื่อคืนนี้ ระหว่างเราหลับ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นไหมหนอ? บ้านเมืองยังอยู่ดี หรือมีเหตุเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นบ้าง

อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังข่าว ก็พบแต่สรุปเหตุการณ์ความทุกข์ที่เกิดขึ้น อ่านได้สักพักก็ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากฟัง ได้แต่ปรับทุกข์กันในบ้านในเวลาอาหารเช้า

บ้านไหนเป็นแบบนี้บ้าง ยกมือขึ้น

หลังอาหาร... ก็แอบติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวด้วยความหดหู่ใจ ว่าเสื้อแดงยังประกาศกร้าว เตรียมยอมจะก่อกวนจุดอื่นๆ และพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมออกไปอีก ข่มขู่คุกคามคนกรุงเทพฯ ที่ไม่เห็นด้วย ขู่เข็ญเจ้าหน้าที่รัฐ และรัฐบาล ให้ทำตามเงื่อนไขของตน ใครไม่เห็นด้วยก็เป็นคนเลว เป็นคนผิด ถ้าไม่อยากเลว ไม่ผิด ก็ต้องยอมก้มหัว ยึดถือเอา "........."เป็นแบบอย่างของความถูกต้อง และเป็นเสมือนศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
.......................
ขณะเดียวกัน ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ถ้ารัฐบาลจับกุมแกนนำ ปราบปราม ชิงพื้นที่คืน จะเกิดการสูญเสีย บาดเจ็บล้มตาย โดยเฉพาะคนร่วมชุมนุมที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ รัฐบาลเองก็จะถูกกล่าวหาว่า “ใช้ความรุนแรง”

วาทะในการศึกที่ว่า “จะรบชนะขุนพล ก็ให้ยิงม้าของขุนพลก่อน” จะใช้ได้ในยามนี้ และเหตุการณ์ขณะนี้ หรือไม่

หากปล่อยยืดเยื้อ เรื้อรัง ก็จะกระทบเศรษฐกิจ การลงทุน และท่าทีจากต่างประเทศ ทั้งการท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนิ่นนานไป ต่างชาติก็มองว่าไทยเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ยากอย่างเขมรและฮุนเซน ก็จะแข็งข้อ อวดดี กลับมาระรานไทยอีก
...........................
ก่อนหลับในแต่ละคืน.... จึงได้แต่สวดมนต์ อาราธนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น แข็งขัน “ตัดสินใจถูกต้อง ทำในสิ่งที่ควรทำ ในเวลาที่ควรเป็น” ด้วยเถิด

วัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์ ก็ดีอย่างนี้ เราก็ขอให้ผู้มีอำนาจดลบันดาลให้ ทำให้ แล้วเราก็มีหน้าที่ “ขอให้เกิด” โดยไม่ต้องลงมือทำอะไรเอง (นอกจากพนมมือขอ)

เดิม เมื่อเกิดวิกฤติเฉกเช่นปัจจุบัน เราต่างร้องขอให้ศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงใช้พระบารมี ปัดเป่าทุกข์ให้เราร่มเย็น
........................
นาทีนี้... อย่ามัวขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออำนาจดลบันดาลเท่านั้น เราต้องเร่งปรึกษาหารือ ปกป้องดูแลบ้านเมืองด้วยตัวเราเอง

ใครทำอะไรได้ ก็ต้องทำครับ!


แหล่งที่มา Daily News - Manager Online

 

สมเด็จพระเทพรัตนฯ ราชสดุดี

​

น้อมภักดีขอพระองค์ทรงพระเจริญ​

​

เพลงสมเด็จพระเทพรัตนฯ ​

ราชสดุดี​

[FONT=Times New Roman][COLOR=#ff66cc][B]-[/B][/COLOR][/FONT]​

​

​

[FONT=Tahoma][COLOR=#ff66cc][B][B][COLOR=#ff66cc][B][COLOR=#ff66cc][B]ภูวดล ภูโบราณ[/B][/COLOR][/B][/COLOR][/B][/B][/COLOR][/FONT]​

​

​

​

สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา​

ขวัญชัยประชางามพระจริยายิ่งใหญ่​

ทรงเป็นทุกสิ่งขวัญมิ่งของชนชาวไทย​

ยลยิ้มทรงแย้มยามใด สว่างพร่างใสไปทั้งโลกา​

เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร

ปวงชนนิกรเทอดไว้เหนือใดในหล้า​

ทรงเป็นมิ่งปราชญ์เรื่องศาสตร์และศิลป์นานา​

กวีคีตภาษาพระปรีชายิ่งฟ้าธรณี​

*รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ

ทุกย่างพระบาทฉ่ำเย็นเช่นหยาดวารี​

ทรงสร้างสัมพันธด้วยสันถวไมตรี​

ร้อยแดนแคว้นดินถิ่นที่สมานไมตรีตราบนิรันดร​

สยามบรมราชกุมารี

ราษฎร์รักภักดีวงศ์จักรีมิมีคลายคลอน​

น้อมเกล้ากระหม่อมแด่จอมขวัญไทยนิกร​

พร้อมใจถวายพระพรขอพระองค์ทรงพระเจริญ​

[MUSIC]http://staticmdb-002.ijigg.com/songdata04/11832654593ddd94b81cf7600fce343afbcf88b6fb.mp3[/MUSIC]​

​

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

</SPAN>​

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ​

ขอบคุณเวปไซด์ http://www.our-teacher.com/home/space.php?uid=261&do=thread&id=691​

 

มาช่วยเป็นกำลังใจให้ อี้ แทนคุณ กันครับ


“แกนนำเสื้อแดง” ข่มขู่ “อี้ แทนคุณ” ให้ระวังมือที่สาม แถมส่งคนคุกคามลูกเมีย
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 เมษายน 2553 09:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

...................

“สิ่งที่อยากเตือนไม่อยากให้เกลียดกัน ไม่อยากให้เกลียดคนเสื้อแดง เพราะทุกวันนี้ผมก็มีรุ่นน้องมีเพื่อนที่เป็นเสื้อแดงก็พูดคุยกันเถียงกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกตินั่นคือประชาธิปไตย แต่ไม่อยากให้มีการคุกคามเดี๋ยวจะไม่แตกต่างทุกวันนี้ก็พยายามทำใจให้อภัยแผ่เมตตาให้เขา อย่างเช่นในเว็บไซต์ก็ช่วยเข้าไปอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจอย่าด่ากัน ไม่อยากให้คนมาโจมตีที่ตัวบุคคลแทนที่จะฟังว่า เขาพูดว่าอะไรมันเป็นความจริงหรือเปล่า หรือพอเห็นเสื้อแดงปั๊บก็เกลียดชังทันทีผมว่ามันก็เกินไปเหมือนกัน”
ถึงจะโดนข่มขู่แต่ “อี้ แทนคุณ” ก็ยังไม่ถอดใจจากการทำหน้าที่พิธีกรรายการ ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า
“ตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัดสินใจทำก็รู้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างต่อจากนี้ แต่ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้มีผลกระทบกับครอบครัวด้วย รู้สึกสงสารเขาถ้าหากจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจริงๆ รวมทั้งตัวเราไม่พยายามที่จะเอาประเด็นตรงนี้มาเป็นประเด็นที่จะเกลียดชังกัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันยิ่งไปซ้ำเติมให้สถานการณ์แย่ลงอีก การทำงานเพื่อในหลวงผมว่า ทุกคนทำได้เสื้อแดงก็ต้องทำด้วยแสดงออกให้ชัดๆ ว่า เราไม่ได้นำประเด็นการปกป้องสถาบันมาเป็นประเด็นขัดแย้งต่อต้านสู้กัน ตอนนี้มันถึงจุดที่ต้องหยุดและถอยออกมาใช้กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ คลี่คลายสถานการณ์”

“สุดท้ายผมต้องบอกว่า กราบขอบคุณจริงๆ ทุกคนเป็นกำลังใจที่ดีที่สุด เป็นเหมือนพลังชีวิตทุกข้อความที่ส่งให้มาผมรู้สึกว่า มันทำให้เรามีความหวังและตั้งสติได้ดีขึ้น หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยเคว้งคว้างมองไม่เห็นทางออก ก็เริ่มรู้สึกว่า ถ้าเรารวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยรู้รักสามัคคีกัน และก็นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง คุณงามความดีทั้งหลายที่เราช่วยกันทำมันจะสามารถปกป้องตัวเอง อคติ มายาคติ ของคนที่หลงผิดอยู่ให้หันกลับมาและเข้าใจสามารถที่จะแก้ไขคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ในเร็วๆ นี้”


คุณได้ทำหน้าที่ปกป้องชาติและราชบัลลังก์แล้วครับ ขอเป็นกำลังใจ
ให้ครับ

แหล่งที่มา Entertainment - Manager Online

 

แด่ทหารกล้า

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/mF4ILifl5uQ width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

ขอให้กำลังใจแด่ผู้ที่สู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ค่ะ​

 

ร่วมเป็นกำลังใจด้วยค่ะ

 

รู้จัก ฟิจิ !!!

... ฟิจิ เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคใต้ อยู่ห่างจากเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ ไปทางทิศเหนือประมาณ 2 พันกิโลเมตร เคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาก่อน ระหว่างที่อังกฤษปกครอง ได้นำแรงงานชาวอินเดียเข้าไปทำงาน ซึ่งแรงงานเหล่านี้ได้ตั้งรกราก อาศัยอยู่ในฟิจิอย่างถาวร ในเวลาต่อมา มีลูกหลานสืบเชื้อสายเป็น ชาวฟิจิ เชื้อสายอินเดีย ซึ่งมีจำนวนเท่ากันกับ ชาวฟิจิ ที่เป็นคนพื้นเมือง

ความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวฟิจิเชื้อสายอินเดีย กับชาวฟิจิ ชนพื้นเมือง เป็นชนวนของความวุ่นวายทางสังคมและการเมือง ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา

นายพล เรือ ไบนิมารามา ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งฟิจิ ขึ้นสู่อำนาจด้วย การยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549 จากรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ไลเซเนีย การาเซ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า การาเซ เป็นผู้ทำลายรัฐธรรมนูญและเศรษฐกิจของชาติ

ก่อนหน้านี้ ในปี 2543 ไบนิรามา เป็นผู้แต่งตั้ง การาเซ เป็นนายกรัฐมนตรีช่าวคราว หลังจากเขานำทัพปราบ ผู้พยายามก่อรัฐประหารได้สำเร็จ การาเซ ชนะการเลือกตั้งอีก 2 ครั้ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย แต่สมัยที่ 2 เป็นได้เพียง 6 เดือนก็ถูกยึดอำนาจ

ไบนิรามา ตั้ง ประธานาธิบดีคนเดิมคือ "ราตู โจเซฟา อิโลอิโล" กลับเข้าดำรงตำแหน่งตามเดิม และตั้งรัฐบาลรักษาการเพื่อจัดเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยมีตัวเอง เป็นนายกรักษาการ และสัญญาว่า จะจัดการเลือกตั้งในปี 2553

การยึดอำนาจครั้งนี้ทำให้ ฟิจิ ถูกระงับสถานภาพการเป็นสมาชิกเครือจักรภพอังกฤษ เป็นการชั่วคราว

ในเดือนกรกฎาคม 2551 ไบรินามาประกาศเลื่อนการเลือกตั้งออกไป โดยอ้างว่า ยังปฏิรูประบบการเลือกตั้งไม่เสร็จ ทำให้เขาถูกเตือนจากผู้นำกลุ่มประเทศหมุ่เกาะแปซิฟิคใต้ ว่า หากไม่จัดการเลือกตั้งในปี 2553 ตามที่สัญญาไว้ ฟิจิอาจจะถูกขับออกจากกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิคใต้ ซึ่งอีก หนึ่งปีต่อมา ฟิจิก็ถูกเพื่อนบ้านประกาศไม่เข้าร่วมสังฆกรรมด้วย

เดือนเมษายนปีที่แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟิจิ ตัดสินว่า รัฐบาลทหารที่มาจาก การยึดอำนาจในปี 2549 เป็นรัฐบาลที่ผิดกฎหมาย และสั่งให้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการ เพื่อจัดการเลือกตั้ง นำประชาธิปไตยกลับคืนมา แต่ประธานาธิบดี อิโลอิโล กลับใช้อำนาจปลดผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีออกจากตำแหน่ง ล้มรัฐธรรมนูญ แล้วแต่งตั้ง ไบนิรามา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ

ไบนิรามา ประกาศว่า จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จ และประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2556 และจัดเลือกตั้งในปี 2557

การฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จากเดิมที่เคยสัญญาไว้ ทำให้เครือข่ายจักรภพอังกฤษ ประกาศระงับสถานภาพการเป็นสมาชิกของฟิจิเป็นการถาวร ทำให้ฟิจิกลายเป็นประเทศที่ถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ.......



ขอบคุณแหล่งที่มา : Politics - Manager Online