พระหลวงปู่โง่นช่วยชีวิต ดาบตำรวจสมชาย ใจโพธิ์

สาธุครับ.............จงเชื่อมั่นในความดี

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CMEGATO%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-update:auto; mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; text-align:justify; text-justify:inter-cluster; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Cordia New"; mso-fareast-font-family:"Cordia New";} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {colorurple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:62.9pt 73.3pt 80.9pt 81.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->

"นิพพาน"<o></o>​

หลวง พ่อพระราชพรหมยาน<o></o>​

นิพพาน-คำ ว่า นิพพาน นี้ เขาแปลว่า ดับ ท่านจัดให้เป็นหลายประเภทด้วยกัน คือ<o></o>​

1.ดับ กิเลส-มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ยังไม่ตาย แต่จิตเป็นนิพพาน<o></o>​

2.ดับ กิเลส-โดยไม่มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ตายแล้วจิตเป็นสุข อยู่แดนทิพย์อมตะนิพพาน<o></o>​

แต่ว่าใน วันนี้จะขอพูดถึง นิพพานมาตรฐาน ที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้<o></o>​

องค์ สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า......<o></o>​

"นิพพา นัง ปรมัง สุขัง"-แปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง แต่ทว่าเรื่องพระนิพพานนี้ มีความเข้าใจเฝือของบรรดาท่านพุทธบริษัทอยู่มาก ที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้จุดหนึ่งว่า<o></o>​

"นิพพา นัง ปรมัง สุญญัง"-ซึ่งแปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นธรรมว่างจากความทุกข์ ว่างจากกิเลส โลภ โกรธ หลง ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากดิน น้ำ ลม ไฟ ว่างอย่างยิ่ง<o></o>​

คำว่า "สุญ" ในที่นี้ ส่วนที่แปลศัพท์โดยมากมักจะทับศัพท์ ใช้คำว่า"สูญ"<o></o>​

แต่คำ ว่า"สุญ" นั้น เขาแปลว่า"ว่าง" ก็หมายความว่า "บุคคลใดที่จะเข้าถึง นิพพานได้ ต้องว่างด้วยเหตุ 3 ประการ คือ<o></o>​

1.ว่างจาก โลภะ-คือ ไม่มีความโลภในจิตใจ<o></o>​

2.ว่างจาก โทสะ-คือ ไม่มีความหงุดหงิด โกรธง่ายในใจ<o></o>​

3.ว่างจาก โมหะ-คือ ไม่มีความหลงในโลกทั้งสามในจิตใจ<o></o>​

เพราะว่า โลภะก็ดี โทสะก็ดี โมหะก็ดี ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นรากเหง้าของความชั่ว ที่เรียกว่า รากเหง้าของกิเลส กิเลส ก็คือความชั่ว ความมัวหมองของจิต ที่เรียกว่า จิตคิดชั่ว กิเลสทั้งหมดที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตตรัสแล้ว โดยชื่อแล้วนับปริมาณไม่ได้<o></o>​

แต่องค์ สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสว่า กิเลสทั้งหมดถ้ากล่าวโดยย่อแล้ว ก็เหลือ 3 ประการ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง<o></o>​

ฉะนั้น สมเด็จพระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าจิตของบุคคลใดว่างจากกิเลสทั้ง 3 ประการ คือ<o></o>​

โลภะ-ความ โลภไม่มีในจิต<o></o>​

โทสะ-ความ โกรธไม่มีในจิต<o></o>​

โมหะ-ความ หลงไม่มีในจิต<o></o>​

อย่างนี้ สมเด็จพระธรรมสามิสรตรัสว่า เป็นผู้มีความว่างจากกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"......<o></o>​

ฝากประชาสัมพันธ์ [FONT=&quot]พระบรมสารีริกธาตุ[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]ส่วนพระจักษุธาตุ[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT]
http://palungjit.org/posts/3295580<o></o>
และอีกหนึ่งวัดที่ขอประชาสัมพันธ์คือ วัดป่าซางงาม อ. ดอยหลวง จ.เชียงราย วัดนี้ตอนผมบวชแล้วตั้งใจว่าจะไปอยู่ที่วัดแห่งนี้ วัดป่าซางงาม ร่วมกันบริจาคได้นะครับ<o></o>

 

เป็นเนื้อทองเหลืองครับ ไม่ได้กระไหล่ทอง

 

สัตว์ในโลกนี้ไป " นิพพาน " ไม่ได้เพราะติดในกามคุณทั้งหลายในธรรมดาของโลก เช่น ติดทุกข์และติดสุข คนรวยก็ติดทุกข์และติดสุขแบบคนรวย คนจนก็ติดทุกข์และติดสุขแบบคนจน นักบวชก็ติดทุกข์ติดสุขแบบนักบวช(ติดทฤษฎีของการปฏิบัติๆแล้วก็มีความสงสัยไม่เด็ดขาด) พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่อุบัติขึ้นบนโลกนี้รวมทั้งพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันล้วนเห็นภัยของการเกิดและดับของโลก ท่านทั้งหลายล้วนเดินจากไปสู่แดนแห่งพระนิพพานไม่หวนกลับคืนมาอีก ทิ้งแต่คำสอนธรรมะเปรียบประดุจแสงไฟชี้นำทางให้เดินไปด้วยพลังแห่งเมตตาธรรม แต่จะมีสัตว์อีกกี่ชนิดที่โชคดีเช่นมนุษย์ที่สามารถทำความดีและไปพระนิพพานได้ ดังนั้นผู้ที่มีปัญญาเห็นตามก็เดินไปไม่สงสัยมุ่งไปไม่ลดละไปสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบัน มาเถิดท่านผู้เจริญทั้งหลายหันไปสำรวจแล้วถามตัวเองยังจะรออะไรอีกถึงยังไม่อยากไปสักทีก่อนที่จะสายไปแล้วมาโทษตัวเองว่ารู้อย่างนี้ไปเสียตั้งนานซะก็ดี อย่ามัวโง่เขลาเบาปัญญาอีกต่อไปเลย..สาธุ

 

..........สาธุครับหลวงพ่อ.........

คุณพัช...ลองค้นหาเรื่องของหลวงพ่อฤาษีดูนะครับ

มีที่หลวงพ่อเคยบอกใว้เกี่ยวกับคุณไสย์บ้างเหมือนกัน

 

...ผมคนหนึ่งที่นับถือท่าน...ช่วงเวลาปี..ประมาณ..๒๕๒๒-๒๕๒๗..เวียนไปเวียนมา...ทำอยู่แถว..พิษณุโลก..ท่านกำลังเริ่มมี..ชื่อเสียง..จนแล้วจนรอดก็ไม่มี..
โอกาศไปกราบท่าน...ผมว่า..คุณSpecialiZed..น่าจะเอา..ประวัติเต็มๆมาลง..ก็
จะดี...เพราะ..ชีวิตท่าน..โลดโผนมาก..โตที่..ฝรั่งเศษ..พูดเขียนได้..๓ หรือ ๔
ภาษา(ไม่แน่ใจ)..จบ..หมอ..กลับไทย..ไป.ลาว(อย่างที่คุณเล่า)...ไปพม่า...
.....ผมว่าเรื่อง..ท่านน่าสนใจมาก.......

 

พระพุทธวิโมกข์ ของเก๊นอกเหนือจากเนื้อทองเหลืองแล้วที่ทำเนื้อคล้ายอัลปาก้า มีมานานร่วม 10 ปีแล้วครับ

ส่วนประวัติหลวงปู่โง่น น้องบอยลองไปหาธัมมวิโมกข์เล่มเก่าๆ( มากๆ) หรือสอบถามลูกศิษย์ ลพ.ฤษี เอาแบบรุ่นเก๋าจริงๆ จะได้ข้อมูลในแง่มุมที่ยังไม่เผยแพร่อีกเยอะ คนละ version ที่หนังสือทั่วๆไปลงเลย

 

หลวงปู่โง่น ที่พูดมานี่ เป็นท่านเดียวกันที่นิมิตรถึง พระนางสุพรรณกัลยา หรือเปล่า

เห็นมีหลายกระแส ทั้งดี และ ไม่ดี

 

คนดีพระคุ้มครองค่ะ สุดยอดจริงๆเลยนะคะพี่ตำรวจ

 

อัฐิธาตุหลวงปู่โง่น สารดย

 

สัตว์ในโลกนี้ไป " นิพพาน " ไม่ได้เพราะติดในกามคุณทั้งหลายในธรรมดาของโลก เช่น ติดทุกข์และติดสุข คนรวยก็ติดทุกข์และติดสุขแบบคนรวย คนจนก็ติดทุกข์และติดสุขแบบคนจน นักบวชก็ติดทุกข์ติดสุขแบบนักบวช(ติดทฤษฎีของการปฏิบัติๆแล้วก็มีความสงสัยไม่เด็ดขาด) พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่อุบัติขึ้นบนโลกนี้รวมทั้งพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันล้วนเห็นภัยของการเกิดและดับของโลก ท่านทั้งหลายล้วนเดินจากไปสู่แดนแห่งพระนิพพานไม่หวนกลับคืนมาอีก ทิ้งแต่คำสอนธรรมะเปรียบประดุจแสงไฟชี้นำทางให้เดินไปด้วยพลังแห่งเมตตาธรรม แต่จะมีสัตว์อีกกี่ชนิดที่โชคดีเช่นมนุษย์ที่สามารถทำความดีและไปพระนิพพาน ได้ ดังนั้นผู้ที่มีปัญญาเห็นตามก็เดินไปไม่สงสัยมุ่งไปไม่ลดละไปสู่พระนิพพานใน ชาติปัจจุบัน มาเถิดท่านผู้เจริญทั้งหลายหันไปสำรวจแล้ว ถามตัวเองยังจะรออะไรอีกถึงยังไม่อยากไปสักทีก่อนที่จะสายไปแล้วมาโทษตัวเองว่ารู้อย่างนี้ไปเสียตั้ง นานซะก็ดี อย่ามัวโง่เขลาเบาปัญญาอีกต่อไปเลย..สาธุ