แปลกอัศจรรย์ !!! ภูทอก พระอาจารย์จวน สร้างได้ไง วิศวะยังยอม ! ชมวัดภูทอกได้เลยครับ

เรายังมีภาพต่ออีกนะครับอย่าเพิ่งไปไหน





ตรงนี้เป็นชั้นที่ 1 ครับ
---------------------------------------------------------------


ชั้นที่ 1 ครับ แหม๋มองเห็นเด้กน้อย นั่งพักก่อน เหนื่อยมากเลย แฮ่ๆๆๆ
แล้วชั้นต่อไปจะไหวไหมเนี๊ย .....

-------------------------------------------------------------



กรุณาอย่าทิ้งขยะ และอย่าส่งเสียงดังเป็นอันขาด น่ะครับ
เพราะว่าพระภิกษุสามเณร ท่านนั่งภาวนา ตรงหลืบผา โปรดอยู่ในความสงบ
เขตที่ติดป้ายว่า " เขตพระเณรห้ามเข้าเด็ดขาด " ก็อย่าฝืนเข้าไปน่ะครับ

------------------------------------------------------------




ร่มรื่นมากเลยครับ แทบไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาถึงพื้นเลย
เย็นสบายมากเลยครับ เหมือนอยู่ห้องแอร์ เลยทีเดียว
----------------------------------------------------------------




ชั้นที่ 2 ของวัดภูทอกครับ เป็นบันไดขั้น ขึ้นไปยังชั้น ที่ 3
ระหว่างทางจะสังเกตเห็นดอกไม้ป่า และพวกจำปา จำปี
ขึ้นแน่นเรียงราย ตลอดทางเดิน

-------------------------------------------------------------


------------------------------------------------------------------



​

 

ไม่ต้องห่วงครับ บันได สร้างมาจากไม้เนื้อแข็งทั้งหมด





เราก็ขึ้นมาสูงเรื่อยๆๆ ในชั้นต่อไปกันเลยดีกว่า ครับ






ชั้นที่ 3 ครับ
-----------------------------------------------------------



ตรงนี้ทางลัดไปชั้นที่ 4 และชั้น ที่ 5 ครับ สำหรับคนที่กลัวความสูง
ต้องลงมาทางนี้ เพื่อไปชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5

------------------------------------------------------------------





จะเห็ฯว่าเป็นอุโมงค์ ให้ลอดไปตามผนังถ้ำ
ชั้นนี้บรรไดทำด้วย หินทั้งหมด

-----------------------------------------------------------




เดินมาเดินมา จะเห็นแคร่ สำหรับ พระภิกษุต้องการนั่พัก ครับ
ทางนี้เล็ดลอดไปตาม หลืบผา เดินดีๆ นะครับ ข้างทางฝั่งซ้ายมือ เป็นเหว
หน้าผาสูง
-------------------------------------------------------------




บริเวณนี้ชื่อว่า ถ้ำผึ้งครับ ผึ้เยอะมาก ๆๆ เลย
-----------------------------------------------------------









​

 

ตรงจุดนี้ กึ่งชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4 ครับ
จะสังเกตเห็น ป้านลูกศร บอกไปชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 และศาลาปฏิบัติธรรม
และไปพุทธวิหารพระอาจารย์จวน
ทาง แก่ผูมาชม มากราบไหว้
----------------------------------------------------------------------



ทางขึ้นไปชั้นที่ 5
-----------------------------------------------------------




ทิวทัศน์ที่มองเห็น ภูลูกตรงข้าม กับภูทอก

--------------------------------------------------------------



น่าหวาดเสียวเหมือนกัน ครับ ชั้นที่ 4 จะขึ้นไปยังชั้นที่ 5
-------------------------------------------------





มาถึงชั้นที่ 5 แว้ๆๆ เหนื่อยมาก ทั้งเหนื่อยทั้งหวาดเสียวตลอดทาง ครับ

-----------------------------------------------------------------------



ตามผนังถ้ำครับ จะเห็นหินสีแดง ๆๆ เป็ฯตับ ๆๆ สวยงามมากเลย

--------------------------------------------------------------




ข้างบนเป็นชั้นที่ 6 ครับ

--------------------------------------------------------------



โอ้โห้ !!!! สวยงามมากเลยครับ .............
เวลาเดินต้องเดินฝั่งขวาติดกับเงื้อมผาน่ะครับ น่าจะปลอดภัยกว่ากันเยอะ

------------------------------------------------------






เวลาเดินอ้อม จะเห็นเป็นเหมือนทางโค้ง ที่โค้งมากเลยครับ

-----------------------------------------------------------




ชั้นนี้จะมองเห็นพุทธวิหาร ท่านพระอาจารย์จวน ลักษณะ
เป็นที่พักสำหรับนั่งภาวนาของท่าน มีก้อนหินขนาดใหญ๋ทับหลังคาไว้
แปลกและอัศจรรย์มากเลยครับ

--------------------------------------------------------------




เดินไปเดินมา จะเห็นศาลาที่ตั้งพระประธาน และรูปครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ก็จะมีรูปหลวงปู่มั่น, หลวงปู่ชอบ , หลวงปู่ขาว,หลวงตามหาบัว,หลวงปู่ฝั้น ,หลวงปู่พรหม, หลวงปู่สมชาย,จุดนี้สำหรับพักปฏิบัติธรรม และพักผ่อน อย่าเสียงดังเด็ดขาด นะครับ ใครที่อยากมานั่งภาวนา ตรงนี้ตามสบายเลยครับ
อ้อ!!! อย่าลืมเวลาเดินไปเดินมาผ่าน อย่าลืมเข้าไปนั่งกราบ ก่อน แล้วค่อยเดินต่อไป ยังชั้นอื่น เพื่อเป็นสิริมงคล ครับ

-----------------------------------------------------------



ที่พักสงฆ์ครับในเวลาค่ำคืนท่านจะมานั่งภาวนา เดินจงกรมตรงจุดนี้

--------------------------------------------------------







ภาพทิวทัศน์ในชั้นนี้สวยงามมากเลยทีเดียว

-------------------------------------------------------------




ภาพถ่ายจากเครื่องบิน ที่ถ่ายได้ เหทือนมีหิน กองใหญ่มาตั้ง สูงมาก

------------------------------------------------------------------




ตรงนี้น่าหวาดเสียวมากเลยทีเดียว ครับ ต้องเดินดีๆๆ ภาวนาตั้งสติไปด้วย ยิ่งจะดี ครับ
------------------------------------------------------


​

 

โอ๊ย !!!พี่ทั้งกลัวทั้งกล้าเหมือนผมเลย ดีๆครับดีๆ ครับ ระวังหน่อย เอ้าจับไปครับ ๆ สูเค้าพี่ ขึ้นมาป่านนี้แล้ว ถึงไหนถึงกัน

---------------------------------------------------------------




ข้างบนคือศาลาโรงธรรมครับ
----------------------------------------------------------------

​

 

รวมดอกไม้ป่า ที่ขึ้เต็มสองข้างทาง ( กรุณาอย่าเด็ดมาเป็นที่ระลึกโดยเด็ดขาด )

-----------------------------------------------------------------------
​

 

สวยงามมากเลยครับ
-------------------------------------------------------------




ปีนป่ายกันขึ้น เพื่อจุดสูงสุด
-------------------------------------------------------



เหนื่อยก็นั่งพักก่อนก็ได้มีเรี่ยวมีแรงแล้วค่อยขึ้นต่อไป

-----------------------------------------------------------------------


ภายในศาลาบนภูทอกสะอาดสะอ้านตา
------------------------------------------------------




จะเห็นพระประธาน และมีรูปพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระป่าศิษย์หลวงปู่มั่น
หลายรูปด้วยกัน

--------------------------------------------------------------






กุฏิท่านเจ้าอาวาส พระเดชพระคุณ ท่านพระอาจารย์แยง สุขกาโม
ท่านพักตรงนี้แหละครับ ใครอยู่ใกล้อย่าส่งเสียงเด็ดขาอครับ

---------------------------------------------------------------------




กำลังลงไปภายในถ้ำ ระวัง !!! นะครับพี่

------------------------------------------------------




ภาพดอกไม้สวยบนภูทอก
เป็นดอกไม้ป่าครับไม่รู้ชื่ออะไรแต่ก็คล้ายๆดอกกระเจียวป่า นะครับ

-----------------------------------------------------------------





บริเวณข้างนอกรอบองค์พระเจดีย์
ปูด้วยหินอ่อน สวยงามมากเลยครับ


-----------------------------------------------------------------







บนปลายสุดของพระเจดีย์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

------------------------------------------------------------------









-------------------------------------------------------------------








-------------------------------------------------------------------






ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์เก็บอัฐบริขารของหลวงปู่จวน
และเก็บพระอัฐิธาตุของท่าน

-------------------------------------------------------------






ภายในเจดีย์หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ
มีหุ่นรูปปั้นขนาดใหญ่เท่าองค์จริง ให้กราบไหว้บูชา

------------------------------------------------------------






แสดงประวัติท่านพระอาจารย์จวน และความเป็นมา
แส่งของเครื่องใช้ในตอนที่ท่านบำเพ็ญสมณธรรม ที่บนภูทอก

-------------------------------------------------------------------






จะมองเห็นบาตรท่าน ตอนที่ท่านตกเครื่องบิน
สังเกตดีๆๆ บาตรท่านมีลักษณะเบี้ยว ๆๆ เพราะตกมาจากที่สูง

---------------------------------------------------------------






รูปปั้นท่านพระอาจารย์จวน ในท่านั่งสมาธิภาวนาภายในศาลาการเปรียญ
วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก )


-------------------------------------------------------------





ภายในศาลาการเปรียญวัดภูทอก

--------------------------------------------------------------




ภาพศาลาการเปรียญวัดภูทอก

-----------------------------------------------------------




เจดีย์ขณะมองลงมาจากชั้นที่ 5

--------------------------------------------------------

​

 

ต้นไม้ต้นนี้แปลกมาก ออกดอกสีสวยตลอดปี
ไม่ทราบชื่อว่าต้นอะไร
------------------------------------------------------


































​

 

วัดป่าเจติยาคีรีวิหารภูทอก


<MARQUEE> </MARQUEE>
​

<CENTER><HR SIZE=4></CENTER><CENTER>[SIZE=+2]แหล่งท่องเที่ยวของ บ้านเราชาวศรีวิไล
[/SIZE][SIZE=+2]ภูทอกดินแดนมหัศจรรย์ของบ้านเรา [/SIZE]</CENTER><CENTER>[SIZE=+2][/SIZE]</CENTER><CENTER>[SIZE=+2][/SIZE] </CENTER><CENTER>[SIZE=+2]ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ[/SIZE]</CENTER><CENTER>[SIZE=+2]ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต[/SIZE]</CENTER><CENTER>[SIZE=+2][/SIZE] </CENTER><CENTER>[SIZE=+2]---------------------------------[/SIZE]</CENTER><CENTER>[SIZE=+2][/SIZE] </CENTER><CENTER>[SIZE=+2] </CENTER>[/SIZE]<CENTER><MARQUEE>< </MARQUEE></CENTER><CENTER> </CENTER>
ที่ตั้ง <DD>

ภูทอก หรือวัดเจติยาศีรีวิหาร ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคนพัฒนา หมู่ที่ 6 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย ​

<DD>

สภาพของวัด วัดเจติยาศีรีวิหาร หรือ ภูทอกมีขนาดความสูง โดยวัดจากฐานถึงยอด 460 เมตร มีบันไดเรียงขึ้นตามชั้นต่าง ๆ 7 ชั้น และฐานชั้นที่ 6 วัดโดยรอบได้ 800 เมตร เป็นหน้าผาสูงชันมีที่ธรณีสงฆ์ 78 ไร่ 3 งาน 18 ตารางวา ​

<DD>

ทิศเหนือ ยาว 192 เส้น 15 วา ติดต่อกับภูทอกใหญ่ ​

<DD>

ทิศใต้ ยาว 190 เส้น 10 วา ติดต่อกับถนนบ้านนาต้อง-บ้านศรีวิไล ​

<DD>

ทิศตะวันออก ยาว 40 เส้น 10 วา ติดกับถนน ร.พ.ช. สายบึงกาฬ-บ้านโพธิ์หมากแข้ง ​

<DD>

ทิศตะวันตก ยาว 35 เส้น 15 วา ติดกับทุ่งนาบ้านนาคำแคน-บ้านนาสะแบง
สิ่งดึงดูดใจ ​

<DD>

วัดเจติยาศีรีวิหาร หรือ ภูทอก ตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2483 โดยพระอาจารย์จวนกุลเชฎโฐ ได้มาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูวัว อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตรขึ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้นพระอาจารย์จวนกุลเชฎโฐ จึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิตร และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจ และปักกรดอยู่ที่ ถ้ำบนภูทอก กับพระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมาชาวบ้านคำแคนเห็นพระอาจารย์จวน ธุดงภ์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอารธนาให้สร้างวัด ขึ้นที่ภูทอก ​

<DT>

ในปีพุทธศักราช 2512 ชาวบ้านนาคำแคนได้มาช่วยกันสร้างบันได้ขึ้นภูทอก จนถึงชั้นที่ 5-6 และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง 2 เดือน 10 วัน จึงเสร็จ ​

<DD>

ในปีพุทธศักราช 2513-2514 พระอาจารย์จวน กุลเชตุโฐ ได้ชักชวนชาวบ้าน สร้างทำนบกั้นน้ำขึ้น 2 แห่ง เพื่อใช้เก็บกักน้ำ และจัดระบบน้ำประปาขึ้นภายในวัดภูทอก ​

<DD>

นอกจากนั้น กองทัพอากาศดอนเมืองได้ถวายเครื่องไฟฟ้าแรงสูง สำหรับใช้ ภายในวัด 1 เครื่อง กรมวิเทศสหการได้ถวายพระพุทธรูป หล่อขนาดใหญ่เป็นประธาน 1 องค์ ไว้ที่วิหารชั้น 5 และบรรดาญาติโยมได้ช่วยกันสมทบทุนสร้างโรงฉัน และศาลาที่ชั้น 1 หลัง พร้อมกับการก่อสร้างสะพานลอยฟ้าไปรอบ ๆ ภูทอกในชั้นที่ 5 และชั้นที่ 6 และได้สร้างสถานที่บำเพ็ญเพียรภาวนา แทรกไว้ตาม จุดต่าง ๆ โดยรอบหน้าผา สิ้นค่าก่อสร้าง 45,000 บาท ซึ่งการก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้ เนื้อแข็ง 2 ท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไปแล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานที่ละช่วง ๆ ละประมาณ 1 เมตรเศษ ระหว่างคาน จะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง และเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2523 พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐได้รับนิมนต์ไปกรุงเทพฯ และได้ประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตก ถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ 59 ปี 9 เดือน 18 วัน 38 พรรษา ​

<DT>

​

<DD>

ปีพุทธศักราช 2513 ได้ปรับปรุงการสร้างสะพานใน ชั้นที่ 5 โดยทำทางเดินให้เสมอกันและ ขยายให้กว้างขึ้น ​

<DD>

ปีพุทธศักราช 2517 ได้ปรับปรุงสะพานในชั้นที่ 6 และทำสะพานในชั้นที่ 4 ให้อยู่ในสภาพที่ ใช้การได้ดี ​

<DD>

ปีพุทธศักราช 2519 ได้จัดทำนบกั้นน้ำในเขตวัดและจัดทำถังน้ำบนภูเขาในชั้นที่ 5 และกุฎิ พระภิกษุ สามเณร กุฎิแม่ชี บนชะง่อนเขาในชั้นที่ 5 เพื่อให้ญาติโยมได้พักอาศัยด้วย ​

<DD>

ปีพุทธศักราช 2523 ได้จัดทำถนนรอบภูเขา 3 ลูก คือ ภูทอกน้อย ภูทอกใหญ่ และภูสิงห์น้อยเพื่อ เป็นการกั้นเขตแดนวัด
ศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ​

<DD>

วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือภูทอก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดหนองคาย 186 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวง จังหวัด หมายเลข 212 หนองคาย - บึงกาฬ - ศรีวิไล เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอนพระปริญัติธรรม แผนกธรรม ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2525 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคาย ที่มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางไปท่องเที่ยว เป็นจำนวนมาก ​

<DD>

นอกจากนั้นยังมีเจดีย์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ สร้างด้วยคอนกรีต เสริมเหล็กประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2529 ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า </SPAN></B>ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ

การขึ้นภูทอกนั้นเริ่มก่อสร้างบันไดไม้สำหรับไต่ขึ้นไปในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม บันไดทั้ง 7 ชั้น แตกต่างกันดังนี้
ชั้นที่ 1-2 เป็นบันไดสู่ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน สุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยกสองทาง ทางซ้ายมือเป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านหลืบหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์ ทางขวามือเป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4
ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ สลับกัน เรียกว่า​

 

บรรยากาศวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก )
สิ่งมหัศจรรบย์ที่สุดในบรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย
เป็นวัดของท่านพระอาจารย์จวน (พระผู้เป็นอรหันต์สร้าง )
วิศวะยังยอมแพ้ในการก่อสร้างว่าท่านพระอาจารย์จวนสร้างบรรไดเวียนวนไปมารอบภูทอก 7 ชั้น ได้อย่างไงแปลกเหลือเกิน นั้นเป็นแค่เพียงแค่สมาธิธรรม บารมีอภิญญาท่านในการก่อสร้าง
คนธรรมดาก่อสร้างไม่ได้แน่นอน "
----------------------------------------------------------

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
พ.ศ. ๒๔๖๓ - พ.ศ. ๒๕๒๓

วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) หมู่ที่ 6 ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย

 

สนใจไปนั่งภาวนาปฏิบัตฺธรรมได้ ที่บนภูทอก
ควรสอบถามก่อน ในบางครั้งวัดภูทอกจะปิดห้ามขึ้น ก็มีดังนั้นเราคสรสอบถามล่วงหน้าก่อนไป
เช่นในฤดูฝน ท่านเจ้าอาวาสพระอาจารย์แยง สุขกาโม ท่านจะห้ามขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะกลัวลื่น

สาธุครูบาอาจารย์ที่ท่านได้สร้างให้อนุชนรุ่นหลังได้ขึ้นมาชม มาปฏิบัติธรรม
------------------------------------------------------------

 

โมทนาสาธุ

 

อยากไปบ้างจัง

 

คงจะน่าอยู่ สงบ สอาด

 

ขอกราบระลึกถึงคุณพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุ

(bb-flower [ขอกราบระลึกถึงคุณพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุ

" บรรยากาศวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก )​

สิ่งมหัศจรรบย์ที่สุดในบรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย
เป็นวัดของท่านพระอาจารย์จวน (พระผู้เป็นอรหันต์สร้าง )
วิศวะยังยอมแพ้ในการก่อสร้างว่าท่านพระอาจารย์จวนสร้างบรรไดเวียนวนไปมารอบภูทอก 7 ชั้น ได้อย่างไงแปลกเหลือเกิน นั้นเป็นแค่เพียงแค่สมาธิธรรม บารมีอภิญญาท่านในการก่อสร้าง
คนธรรมดาก่อสร้างไม่ได้แน่นอน "
----------------------------------------------------------​

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
พ.ศ. ๒๔๖๓ - พ.ศ. ๒๕๒๓ ​

วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) หมู่ที่ 6 ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย​

​

อัศจรรย์ภาพนี้ท่านอาจารย์จวน มานั่งตรงนีได้อย่างไร ในขณะที่ตรงนี้ไม่มีบรรไดปีนป่ายขึ้นเลย สูงชันมาก
--------------------------------------------------------​

​

ภาพนี้ก็อัศจรรย์เหมือนกันท่านมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร​

ท่านเป็นพระป่าสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น ในยุคก่อนโน้น มรณภาพไปนานแล้ว ( ท่านตกเครื่องบิน ถ้าท่านจะเหาะท่านก็เหาะได้แต่เป็นธรรดาของการตาย ท่านเคยบอกล่วงหน้า )
----------------------------------------------------------​

​

ภายหลังมรณภาพจากที่ท่านตกเครื่องบิน ที่ทุ่งรังสิต จ.ประทุมธานี ขณะที่กำลังมาจากไปเจริญพุทธมนต์ในพระบรมมหาราชวัง
ภายหลังประชุมเพลิงอัฐิท่านได้แปรเป็นพระธาตุ
----------------------------------------------------------​

[/quote]

 

ขอกราบระลึกถึงคุณพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุ

(bb-flower [ขอกราบระลึกถึงคุณพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุquote=แดนโลกธาตุ;330916]

" บรรยากาศวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก )​

สิ่งมหัศจรรบย์ที่สุดในบรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย
เป็นวัดของท่านพระอาจารย์จวน (พระผู้เป็นอรหันต์สร้าง )
วิศวะยังยอมแพ้ในการก่อสร้างว่าท่านพระอาจารย์จวนสร้างบรรไดเวียนวนไปมารอบภูทอก 7 ชั้น ได้อย่างไงแปลกเหลือเกิน นั้นเป็นแค่เพียงแค่สมาธิธรรม บารมีอภิญญาท่านในการก่อสร้าง
คนธรรมดาก่อสร้างไม่ได้แน่นอน "
----------------------------------------------------------​

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
พ.ศ. ๒๔๖๓ - พ.ศ. ๒๕๒๓ ​

วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) หมู่ที่ 6 ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย​

​

อัศจรรย์ภาพนี้ท่านอาจารย์จวน มานั่งตรงนีได้อย่างไร ในขณะที่ตรงนี้ไม่มีบรรไดปีนป่ายขึ้นเลย สูงชันมาก
--------------------------------------------------------​

​

ภาพนี้ก็อัศจรรย์เหมือนกันท่านมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร​

ท่านเป็นพระป่าสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น ในยุคก่อนโน้น มรณภาพไปนานแล้ว ( ท่านตกเครื่องบิน ถ้าท่านจะเหาะท่านก็เหาะได้แต่เป็นธรรดาของการตาย ท่านเคยบอกล่วงหน้า )
----------------------------------------------------------​

​

ภายหลังมรณภาพจากที่ท่านตกเครื่องบิน ที่ทุ่งรังสิต จ.ประทุมธานี ขณะที่กำลังมาจากไปเจริญพุทธมนต์ในพระบรมมหาราชวัง
ภายหลังประชุมเพลิงอัฐิท่านได้แปรเป็นพระธาตุ
----------------------------------------------------------​

[/quote]

 

ขอกราบระลึกถึงคุณพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และขออนุโมทนาบุญด้วยและซาบซึ้งถึงจิตใจบุญกุศลทุกท่านที่มี สาธุ

 

ขอบคุณค่ะคุณแดนโลกธาตุ ติดตามจนจบ มีทั้งรูปและคำบรรยาย ภาพวัด ดอกไม้ วิธีการเข้าวัดครบถ้วน หวังว่าตัวเองมีโอกาสจะได้ไปบ้างนะคะ

 

ขอขอบคุณที่นำรูปมาให้ดูนะครับ อนุโมธนาบุญด้วยครับ

 

สาธุ

ท่านพระอาจารย์จวนท่านนั่งริมผา เท่ห์มากๆเลยเจ้าค่ะ

 

เคยไปร่วมอกค่ายพัฒนาจิตของชมรมพุทธศาสน์ ของมหาลัย ที่วัดแห่งนี้ รู้สึกสงบ และน่าทึ่งมากๆ เเพราะเป็นลักษณะ ภูเขา และมีไม้ต่อกันล้อมรอบเพื่อเป็นบันไดสูงขึ้น จนถึงที่สุดของภูเขานั้น มองจากข้างบนลงข้างล่างรู้สึกเสียวๆมันค่อนข้างสูงเหมือนกัน มหัศจรรย์ใจตรงที่ ท่านสร้างได้ยังไง ไม้ๆหลายชิ้นต่อไปขึ้นไป มีที่จะผุบ้างเวลาเดินต้องระวัง เหมือนกัน เพราะป้ายก็ห้ามส่งเสียงดังรบกวน เพราะพระท่านอาจจะนั่งสมาธิอยู่ จะทำให้ได้บาปกันกลับบ้าน อิอิ และก็ได้พักที่นั่น 1 คืน ก่อนกลับและร่วมทำบุญตอนเช้าท่านก็เมตตาสอน และ บอกว่า "คนเราเดี๋ยวนี้ มันชอบกินขี้กันอยู่ มันก็ยังแย่งขี้กัน ขนม หรือของกินอะไร ให้ปลามันเถิด ไม่ต้องเอากลับบ้าน นะ" ได้รับฟังตอนแรกก็งง.....หลังมาเริ่มเข้าใจ เสร้จก็กราบลาท่านกลับบ้าน อิอิ...ละก็...อิอิ