บุคคลเช่นไร...ไม่สมควรดูดวง

บุคคลที่ไม่เหมาะจะดูดวง มีด้วยกันหลายประเภท ซึ่งหลายประเภทที่ว่านี้ เพื่อนๆก็ลอง พิจารณาดูเอานะครับว่า จริงอย่างนั้นหรือไม่ และมีประเภทไหนอีกบ้าง

เผื่อบางคนที่จักอยู่ในประเภทเหล่านี้ จะได้ไม่ต้องเสียเงิน เสียทอง เสียเวลาในการที่จะดูดวง เพราะ ดูไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมา

1.คนที่เชื่อมั่นในตัวเอง มากเกินไป คือ คิดว่า ตนเองเก่งและมันต้องเป็นอย่างนั้น พอหมอบอกว่า มันเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ ก็บอกว่า ไม่ใช่นะ มันต้องอย่างนี้ เพราะ คิดว่า ตนเองนะเก่ง ต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ได้ เป็นต้น

ยกตัวอย่าง พอถามว่า ธุรกิจของผมจะเป็นอย่างไร หมอบอกว่า ธุรกิจคุณ ไม่ค่อยดี จะขาดทุน เพราะ การบริหารจัดการไม่ดี

เขาก็บอกว่า ไม่จริง....เพราะ เขาได้กำไรอยู่นะ ลูกค้า ก็มีเยอะ ทีไหนได้ หลังจากนั้น เพียงไม่ถึงเดือน ปรากฎว่า ขาดทุนไป 10 กว่าล้าน เพราะโดนลูกน้องโกง

ที่นี่ถึงจะเชื่อ มาบอกให้ช่วย มันก็สายไปแล้ว เพราะตอนแรกบอกแล้วว่า จะขาดทุน เพราะ บริหารจัดการไม่ดี กลับไม่เชื่อเพราะ คิดว่าตนเองเก่ง ที่แท้ โดนลูกน้องโกง อย่างนี้เป็นต้น

2.ดูหมอ เพราะต้องการลองของ มีเยอะครับ พวกนี้เป็นประเภทที่เป็นลักษณะ ไม่เชื่อเป็นทุนเดิม ภาวะจิตจึงปฏิเสธตลอด ไม่ว่าจะพูดอะไร จริงแท้ ขนาดไหน ก็ไม่เชื่อ เพราะเขาตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่เชื่อ

คนประเภทนี้คงไม่ต้องยกตัวอย่างอะไรมาก เอาแบบที่คุณเองก็เคยแล้วกัน สมมุติว่า ลูกคุณไปมีเรื่องกับคนอื่นมา พอมีเรื่องมา เรื่องมาถึงคุณ คุณก็จะเชื่อลูกคุณ ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ลูกคุณนิสัยอย่างไร แต่ต้องการจะเชื่อลูกคุณ เพราะ จะเชื่ออย่างนี้ใครจะทำไม เป็นต้น

3.ไม่ยอมรับความจริง คนประเภทนี้ ต้องทำใจครับ เพราะคนพวกนี้ เวลาอยู่ต่อหน้าหมอ ไม่กล้าเถียงครับ เพราะ มันเรื่องจริง แต่พอลับหลัง ไม่เคยพูดถึงใครในเรื่องดีๆเลย แต่ชอบพูดลับหลัง สะตอ อ่ะครับ ภาษาบ้านๆ เขาเรียกอย่างนั้น

ยกตัวอย่าง คนหนึ่ง ถามว่า ดิฉันจะมีลูกเมื่อไหร่ เราก็บอกไปว่า อีกไม่เกิน 5 ปี เขากลับบอกว่า ตอบอย่างนี้ใครก็ตอบได้ มันเป็นเรื่องของอนาคต พิสูจน์ไม่ได้ (พูดลับหลังนะครับ ต่อหน้าไม่พูดอย่างนี้)

แล้วผมถามหน่อย ไอ้ที่ถามมา มันไม่ใช่อนาคตหรือครับ งง ครับ กับคนประเภทนี้ (ทั้งๆที่เขาเองก็ คุมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แล้วมันจะมีได้ไง จริงไหมครับ) แต่ดูเขาถามสิครับ คุณว่า.........ไหม

แล้วอีกคำถามหนึ่ง เขาถามเรื่องการเงิน เราก็ตอบไปว่า การเงินไม่ค่อยดี เงินไม่ค่อยพอใช้ รายจ่ายมากกว่า...รายรับ ต่อหน้า เขายอมรับนะครับ แต่ลับหลังไปพูดบอกว่า หมอไม่แม่น

เขาไปพูดว่า เงินเดือนของเขากับสามีเขา รวมกันเกือบ 5 หมื่น ทำไมจะไม่พอ แล้วคิดดูครับว่า ต่อให้เงินเดือน 1 แสนบาท แต่มีรายจ่าย มากกว่ารายรับ ก็แสดงว่า มันไม่พอถูกไหมครับ รับมา 1 แสน ใช้หนี้ไปเกือบหมด ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามา อย่างนี้เขาเรียกว่า เงินไม่พอจริงไหมครับ

4.จะเอาให้ได้ดังใจ คือ ดูแล้วจะให้แก้ไขให้แบบเดี๋ยวนั้น ตอนนั้นให้หมดเคราะห์เวรกรรมกันเลย คนประเภทนี้มีเยอะเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่า ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ไม่ใช่เอายางลบ มาลบได้ที่ไหนล่ะครับ เคราะห์กรรมมันไม่ใช่หมึกที่เขียนในกระดาษที่ไหนกัน

ยังมีอีกเยอะครับ เอาไว้ให้เพื่อนๆ ลองนั่งนึกดูก้อแล้วกันครับว่า มีประเภทไหนอีก เพื่อจะได้เป็นวิทยาทานให้กับคนพวกนี้ เผื่อชีวิตเขาจะดีขึ้น และไม่เสียเวลามานั่ง ตะแบง กับคนอื่นอีก

 

ประเภท...เพิ่มเติมครับ

5.ต้องตอบตามใจ คือ ต้องการให้หมอตอบคำถามแบบตามใจของเขา เพื่ออะไร เพื่อให้เขารู้สึกสบายใจ ยกตัวอย่าง หมอค่ะ แฟนของหนู ตอนนี้เขาคิดยังกับหนู ยังรักหนูอยู่ไหม.....หมอก็บอกว่า..

หมอ " เขาเริ่มเบื่อๆหนูอ่ะน่ะ "
คนดู ไม่จริงค่ะ ไม่จริง.......
หมอ จริง...เขาเบื่อ ในภาพเห็นเลยว่า ผู้ชายนั้นอยู่ในความมืด คือ ไม่รักเขา
คนดู ไม่ค่ะ เขารักค่ะ.......

เขาเถียงอยู่อย่างนั้น จน.....หมอต้องบอกว่า เอางี้....นะ หนูค่อยมาดูใหม่แล้วกันนะ เอาไว้ให้พร้อมที่จะรับความจริงก่อน เป็นอันว่า ดูกันไม่ได้

พอตกเย็น เธอโทรมาใหม่........

หมอ ฮาโหล.......หวัดดีครับ
คนดู คุณหมอค่่ะ หนูขอโทษ คือ ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้โทรมาหานาน..แล้วค่ะ พอหนูวางสายจากคุณหมอแล้ว เขาก็โทรมา แต่เขาไม่ได้ถามเหมือนก่อน เขาแค่อยากรู้ว่า เป็นอย่างไรบ้างเท่านั้นเอง

** เป็นอันว่า ไม่เห็นโรงศพ ก็ไม่หลั่งน้ำตา เห็นไหมครับ อยากจะให้หมอตอบตามที่ตนเอง ต้องการ อย่างนี้คงดูกับหมอดูลำบาก

*** หากจะดูหมอ ต้องทำใจว่า เขาจะต้องตอบตามที่เห็น ไม่ใช่ให้เขาตอบตามใจตัวเอง อย่างนั้น มันไม่เป็นประโยชน์กับตัวผู้ดูเลย เสียเงิน เสียเวลาป่าวๆ

6.คนที่ไม่มีสติ คือ ยังไม่มีสติสมบูรณ์ ในขณะนั้น ยังไม่ควรดูดวงกับใครทั้งสิ้น เพราะ ยังไม่พร้อมที่จะพิจารณาว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด การดูดวง ไม่ใช่ต้องเชื่อเสียทั้งหมด แต่เราต้องพิจารณาด้วยว่า สิ่งไหนสมควรเชื่อ สิ่งไหนไม่สมควรเชื่อ

**ไม่งั้น ท่านจะตกเป็นเหยื่อได้

7.คนที่ชอบโกหก คนบางคนชอบที่จะโกหกเป็นอาจิน ขนาดดูดวง ยังมาโกหก อย่างนี้ ไม่มีประโยชน์เพราะ นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังไม่เป็นผลดีแก่ตนเอง เนื่องจาก การทำเช่นนั้น จะส่งผลให้การทำนายเปลี่ยนไป ผลที่ออกมาก็จะเปลี่ยนไป เวลาไปปฏิบัติ ก็จะเปลี่ยนไป

ยกตัวอย่าง หมอตรวจดูแล้ว ถามว่า คุณไปทำแท้งมาใช่ไหม เขาก็ไม่ตอบ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ อย่างนี้ไม่ควร เพราะ การที่ไปทำแท้งมา วิญญาณเด็ก มักจะตามเขาอยู่ หากไม่รีบทำบางอย่าง ก็จะประสบแต่เรื่องเดือดร้อน อยู่เรื่อยไป บางครั้งถึงขนาดว่า แท้งลูกอยู่อย่างนั้น จะมีลูกใหม่ก็ไม่ได้ เพราะ เด็กคนที่เขาทำแท้ง ไม่ยอมและอิจฉา

*เพราะฉะนั้น อย่าโกหกครับ มีอะไรต้องบอกไป รับไปตามจริง ไม่งั้น หมอเขาอาจจะไม่แก้ให้ แล้วผลร้ายจะตกที่คุณเอง

8. กลัวเสียเงิน เสียเวลา บางคนมีเคราะห์หนักและเคราะห์นั้นเข้ามาใกล้ตัว บางครั้งต้องรีบผ่อนหนักให้เป็นเบา คือ ต้องหาวิธีการที่จะสร้างกรรมดี ที่ให้ผลเร็ว เพื่อให้ส่งผลก่อน ที่ตนเองจะต้องรับวิบากกรรม

แต่ด้วยความขี้เกียจและเสียดายเงิน เสียดายเวลา จึงไม่รีบทำ หรือทำก็ทำเพียงแค่ทำ ไม่ได้ตั้งใจทำ

หรืออย่างให้รีบไปไหว้พระพรหม (สมมุติ) บอกให้ไปไหว้เลย ก็ไม่ไป อ้างนั่นอ้างนี่ พอสุดท้าย ไม่ได้ไป เช้ามาโดนรถชน แล้วมาบอกว่า หมอไม่ช่วย

**กรณีนี้ ช่วยไม่ได้ บางอย่างต้องช่วยตนเอง เคยฟังเพลงนี้ไหมครับ

" คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ "

** บางครั้งเวลาไปทำบุญ เพื่อให้พ้นเคราะห์ หากจิตมันไม่ถึง บุญที่ได้มันก็ไม่ส่ง มันก็ไม่จบ เข้าใจนะครับ
__________________

 

ผมว่านะครับ เชื่อก็ช่าง ไม่เชื่อก็ช่าง บอกไปแล้ว ไม่ได้จ้างให้มาเชื่อ ถ้าเห็นโรงศพแล้ว จะรู้สึก แม้แต่พระพุทธเจ้ายังทรงวางเฉย เพราะว่าเป็นบัวใต้น้ำ มองไม่เห็นธรรมะครับ เราก็บอกไปตามหน้าที่ พอเค้าเห็นโรงศพแล้ว คราวนี้แทบก้มหัวเชื่อเราเลย คนแบบนี้ต้องเห็นโรงศพก่อนจิงๆ ถึงจะหลั่งน้ำตา

 

เรื่องแบบนี้นานาจิตตังครับ

 

การดูดวงมันก็เท่านั้นล่ะคับ ในแง่ดีคือช่วยให้สบายใจได้บ้าง แต่ยังไงก็ไม่ใช้ทางออกของการแก้ปัญหา เอาเข้าจิงๆก็ล้วนเป้นไปตามกรรม หมอดูเวลาทายถูกก็ดีไป ทายไม่ถูกก็เฉยๆ ผมไม่ได้ว่าการดูดวงมันไม่ดี แต่ถ้ามันดีและทำให้พ้นทุกข์ได้จริงพระพุทธเจ้าก็คงสอนวิชาดูดวงไว้ในพระไตรปิฏกแล้ว

 

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ วิชาโหราศาสตร์นี้มีมานมากนะครับสมัยบาบืโลนเท่าที่ผมลองศึกษาดู ยกตัวอย่างตอนที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระเยาว์ ท่านโกณทัญญะเป็นผู้ทำนายว่าท่านจะทรงออกบวชเป็นศาสดาเอกของโลก เราจะว่าเป็นวิชาที่งมงายไม่ได้ แต่อยู่ที่คนนำไปใช้จะไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน หรือช่วยซ้ำเติม แต่ผมว่าดีนะครับทำให้เราไม่ประมาท เมื่อรู้ว่าดวงไม่ดีก็รีบทำกรรมดีเสริม เหมือนว่าเราดูข่าวพยากรณ์อากาศ ถ้ามีฝนตกก็พกร่มก่อนออกจากบ้าน ตอนนี้ผมได้ซื้อหนังสือเรื่อง"อ่านดวง ชนะกรรม" มาศึกษาดู อ่านแล้วก็สนุกดีครับแต่บางเรื่องๆ ก็งงๆ อยู่เหมือกัน

 

การดูดวงก็เพื่อเป็นสติคอยเตือนตนเอง ให้มีความคิดที่รอบคอบในการดำเนินชีวิต ไม่ประมาท

 

แนะนำครับว่า....

ลองหาอ่านเรื่อง กรรม12 ในพระไตรปิฎก ครับ มันจะทำให้เรารู้ว่า แท้ที่จริง กรรมนั้นให้ผลอย่างไรบ้าง และให้ผลตอนไหน อย่างไหนให้ผลก่อนกันครับ

** พระเกจิ ด้านปริยัติ บางท่านก็เขียนเรื่อง กรรม12 ครับ อย่าง ท่านพุทธทาส และ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

เพราะ นักเขียนบางท่าน ใช้ลักษณะ ธรรมปฏิรูป ครับ เชื่อถือได้หรือไม่ ต้องนำมาเทียบเคียงกับ พระไตรปิฎกครับ

ศาสตร์เรื่อง โหราศาสตร์นั้น กว่าจะได้มาเป็นหลักอย่างที่เราเรียนกัน ต้องศึกษาและเก็บสถิติ นานมากครับ นานนับร้อย นับพันปีครับ

 

อนุโมทนากับกระทู้สาระดีๆครับ อ่านแล้วถูกต้องเลยครับ สธุๆ

 

ถูกครับ..........

พระพุทธเจ้าทรง เปรียบเทียบ การดูดวง ว่าเป็น อวิชชา ครับ จึงทรงห้าม..พระภิกษุ ที่เป็นสาวกของท่าน ไม่ให้ทำการดูดวง หรือพยากรณ์ครับ ย้ำครับว่า ทรงห้าม สาวกของท่าน....

พระองค์ทรงเปรียบว่า เป็นการหากินโดยมิจฉาชีพครับ

** มันต่างกันตรงที่คำว่า ดูดวง กับ พยากรณ์ และคำว่า ตำรา กับ มองเห็น

มันต่างกันตรง......ใช้วิชา กับ ใช้จิต ครับ

*** พระพุทธองค์ ทรงพยากรณ์ โดยใช้จิต ไม่ได้ใช้ตำรา แต่ไม่ใช่ไม่นำมาประกอบเสียเลยทีเดียว

**ท่านเรียนมาหมดทุกศาสตร์ ไม่เว้นแม้แต่การ ดูดวงดาว แต่พอท่าน สำเร็จ อนุตรสัมมาสัมโพธิ์ญาณ ท่านก็มี ปัญญาญาณ และตาทิพย์ที่จะมองเห็น อดีต-ปัจจุบันและอนาคต ครับ

การที่ท่านเคย บอกกับภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน....อานนท์ อย่างนั้น อย่างนี้ นั่นก็คือ การพยากรณ์ครับ

 

กรรมคือ......อะไร

กรรม แปลว่า การกระทำ แบ่งเป็น 3 คือ

1. กรรมดี หรือ กุศล ที่เราเรียกว่า บุญ มีผลคือ ความสบายใจ

2. กรรมชั่ว หรือ อกุศล ที่เราเรียกว่า บาป มีผลคือ ความไม่สบายใจ ความเดือดร้อนใจ เป็นต้น

3. อัพยากฤษ แปลว่า กลางๆ คือ ไม่มีผลเป็น กุศล หรือ อกุศล เช่น การยืน เดิน นั่งนอน แบบเฉยๆ ไม่มีการกระทำใดๆ แม้แต่การกระทำของจิต

ทุกอย่างล้วนตกในรูปของ กิเลส-กรรม-วิบาก ครับ มันเป็นห่วงโซ่ ที่เป็นวงจร

ต่อเนื่องครับ เมื่อ สิ่งนั้นมี สิ่งนั้นจึงมี เมื่อสิ่งนั้นดับ สิ่งนั้นจึงดับคับ


*บางครั้ง มนุษย์เรา ย่อมรู้ว่า ทุกสิ่งตกอยู่ในกฎเหล่านี้ แต่ทุกคนก็ปฏิเสธความอยากไม่ได้ครับ

** ความอยากมีอิทธิพลมาก ไม่ใช่เพียงแต่แค่ อยากในทางที่ไม่ดีเท่านั้น มันเหมือนกับคำว่า กรรม คือ มีทั้งฝ่ายที่เป็น กุศลและอกุศล ในความอยากนั้นครับ เช่น.....

- อยากไปนิพพาน ถามว่า มีกิเลส......ไหม คนนี้ ตอบได้เลยว่า มีและมากไปด้วยกิเลส แต่เป็นกิเลสฝ่ายดีครับ

*** บางครั้ง ต่อให้เก่งแค่ไหน หากอยากรู้อะไร โดยเฉพาะ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ตนเองไม่รู้และไม่สามารถรู้ รวมไปถึงคนอื่นๆทั่วไปดด้วย ยิ่งอยากรู้และกลัว

ทำไม...ถึงอยากรู้ เพราะ กลัว

เพราะคนเรา กลัวที่สุด คือ สิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ความมืด และ อนาคต

ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนอยากรู้ จึงได้เกิดเป็น ศาสตร์ แห่งการ...อยากรู้เกิดขึ้นไงครับ

***ต้องเข้าใจนะครับว่า บางครั้ง สมมุติว่า มีอะไรที่บ้านคุณ เช่น มีความรู้สึกว่า มีวิญญาณ กำลัง วนเวียนอยู่ที่บ้าน ถามว่า จะมีความสุขในบ้านหลังนั้นได้ไหม

ย่อมไม่ได้ เพราะ เกิดความกลัว ความสงสัย และความระแวง ชีวิตย่อมไม่เกิดสุข

แต่หากล่วงรู้ ในสิ่งนั้นๆและรู้ว่า มันเป็นผลดีหรือผลเสียกับเราและครอบครัว ที่พักอยู่ในที่นั้น ย่อมดีกว่าและสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง


*** แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ต้องมีวิจารณาญาณ ในการดูด้วย เช่น เลือกหมอดู หรือนักพยากรณ์ที่เก่ง และถูกกับเรื่องนั้นๆจริงๆ

****เช่น ดูเรื่อง ผี วิญาณ เทพ จิตใจคน คุณก็ต้องใช้ หมอดูที่เขา สามารถสื่อจิตได้ สามารถใช้จิตได้ ไม่ใช่คำนวนตัวเลข

เพราะ อะไร ไม่ใช่เขาดูไม่ได้ แต่.......ๆๆๆๆ เขาติดต่อไม่ได้ คือ เขาพูดคุยไม่ได้ สักถามกับ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้

เมื่อไม่ได้ ก็ได้แค่ เดาว่า เขาต้องการอะไร แค่นั้น ไม่มีการรับประกันได้ว่า เขาชอบหรือ ต้องการอย่างนั้นจริงๆ เรื่องมันถึง ไม่จบ

 

วิดิโอ เกี่ยวกับ........

วิดิโอ เกี่ยวกับ การดูดวงครับ หากท่านรับชมจากทาง ด้านล่างนี้ ไม่ได้ กรุณาคลิก ที่นี่ เพื่อรับชม

[BIGVDO]<object width="445" height="364"><param name="movie" value="http://www.youtube-nocookie.com/v/R1vdinxZtRM&hl=en_US&fs=1&border=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube-nocookie.com/v/R1vdinxZtRM&hl=en_US&fs=1&border=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="445" height="364"></embed></object>/BIGVDO]​

 

การบูชาเจ้าที่....

การบูชาเจ้าที่......หากรับชมไม่ได้ใครคลิก.......[ame="http://www.youtube.com/watch?v=CIDhXGGyYTs&feature=related"]ที่นี่[/ame]

 

เห็นด้วยนะครับ พวกเรื่องมากเนี่ย หมอดูบางคนเคยบ่นให้ฟังว่า จะดูให้แม่นและดูแร้วให้ถูกใจด้วยนี่คงเป็นไปได้ยากครับ บางคนดูดวงเพื่อแก้ปัญหาชีวิต บางคนดูดวงเพื่ออยากระบาย บางคน ................สำหรับผม ดวง 40 การกระทำ 60 เชื่อว่าการกระทำสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตให้ดีขึ้นหรือแย่ลงได้ แต่ผมก้ยังชอบดูดวงครับ อิอิอิ

 

ขอบคุณครับ

คุณเป็นคนที่มีไฟในเรื่องความคิดและหาทางออกด้วยตนเอง ถึงจะมีทุกข์คุณก็คิดว่า สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง

*คุณมีพลังออร่า ที่เป็นสีแดง คือ ความคิดที่จะทำอะไรต่อมิอะไรให้ประสบความสำเร็จอยู่ตลอดเวลา แต่บางอย่าง วิบากกรรม ยังคงมีอยู่ เลยอาจจะไม่ได้ดังใจหวังหนัก

***อดทนรอเรื่อง ที่ยังไม่สำเร็จดังหวัง อีกนิดนะครับ อีก 5 ปี จะดีกว่านี้

**ให้คุณระลึกนึกถึง พระพุทธเจ้า ตลอดเวลา จะทำให้สิ่งไม่ดี ไม่สามารถเข้ามากล่ำกลายคุณได้ อย่างช้าไม่เกิน 5 ปี จะดีขึ้นครับ

 

อ่านกระทู้นี้แล้วโดนจังเลยค่ะ เจอเยอะมากกับหลายๆข้อ ตัวเราเป็นคนเชื่อเรื่องดวงและการปฏิบัติ แต่ที่บ้านโดยเฉพาะพี่ชายจะไม่เชื่อเรื่องดวงเลยว่าเรางมงายอีก แต่ก็ดีอย่างเรื่องที่เราปฏิบัติที่บ้านจะไม่ว่าและไม่กวนเวลานั่งสมาธิ

ฟังหมอแซมพูดแล้วโดนใจมาก ชอบการพูดตรงไปตรงมาตรงประเด็นของหมอแซมมากเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสอยากจะขอเข้าไปขอคำปรึกษาสักครั้ง ^^

 

กระทู้นี้ดีจังค่ะเพิ่งรู้นะว่า..หมอดูเขาไม่ชอบดูให้คนประเภทนี้..ต่อไปคง

catt24ไม่ไปดูกับใครแล้วอ่ะ..

 

แล้วแต่คนนะครับ...

เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่า เขาจะเสียเงินหรือไม่ มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ......

มันไม่เกิดประโยชน์ ทั้ง 2 ฝ่าย มีแต่ผลเสีย มากกว่า

จึงนำมาบอกเล่าให้ฟังครับ ยังมีอีกหลายกรณีนะครับ เพื่อนๆเห็นว่า มีกรณีไหนบ้าง ก็ขอเชิญ บอกกล่าว เป็น ธรรมทาน ให้คนอื่นด้วยครับ

 

ประกาศปรับราคา ค่าพยากรณ์ของหมอแซม จากเดิม 300,500,1,000 บาท

** สิ้นเดือน พ.ค. นี้ หมอแซม หรือ แซม เดอะซิกส์เซนส์ ประกาศปรับราคา ค่าพยากรณ์ ตามที่ได้ประกาศไว้ เป็น ราคาใหม่ (ที่จริง คือ ราคาเดิม ที่เราดูตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที) คือ 1,000 บาท ครับ

www.samsixthsense.com และรับชมได้ที่นี่....คลิกเลย

 

ได้ความรู้เพิ่มเติมมากเลยครับ

ขออนุโมทนาบุญ สาธุครับ