พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างพระเจดีย์ 9 ชั้น ซื้อที่ดิน40000 ไร่ ณ วัดหนองแวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    น้อมถวายบุญทั้งหมดบูชาพระรัตนตรัย พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้
     
  2. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ผมนามแฝงว่าพงษ์ครับแต่ผมชื่อเล่นชื่อlotteนะคร้าบ

    เชิญเข้าไปทำบุญรายการบุญทั้งหมดข้างล่างได้ในเวบไซด์ข้างล่างนี้ครับ
    http://www.praruttanatri.com/xmb/forumdisplay.php?fid=2
    http://www.praruttanatri.com/xmb/for...p?fid=2&page=1
    http://www.praruttanatri.com/xmb/for...p?fid=2&page=2

    http://www.praruttanatri.com/xmb/for...p?fid=2&page=3

    ขอเชิญร่วมถวายความรู้แด่พระภิกษุสงฆ์-สามเณร (ด่วน) ศิลาราม 2 26 8-8-2006 at 04:32 PM
    by ศิลาราม

    ขอเชิญทอดผ้าป่า 84000กองสร้างพระร้อยองค์สร้างวัดอีก12ที่รวมมูลค่าเกือบ100ล้านบาท พงษ์ 0 19 6-8-2006 at 11:30 AM
    by พงษ์

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ศิลาราม 2 22 3-8-2006 at 08:23 PM
    by ศิลาราม




    เชิญสร้างหลวงพ่อฤาษีและหลวงปู่ปาน8ศอกและร่วมสร้างวัดโบสถ์10กว่าที่ปิดทองพระประธาน พงษ์ 0 110 8-5-2006 at 09:21 AM
    by พงษ์

    เชิญปิดทององปฐมสี่ศอกสร้างโบสถ์สร้างวัดสร้างอาคารปริยัติสร้างพระ500องค์ พงษ์ 0 97 5-5-2006 at 09:32 AM
    by พงษ์

    ทำบุญสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ปานและรูปหลวงพ่อฤาษีฯ8ศอก ลูกแม่น้ำตาปี 1 111 3-5-2006 at 11:51 AM
    by ลูกแม่น้ำตาปี

    เชิญสร้างเจดีย์300ล้านและวิหารองค์ปฐมบุญปิดทองและสร้างวัดอีกหลายที่ พงษ์ 0 83 3-5-2006 at 09:12 AM
    by พงษ์

    ขอเชิญบูชา3พระอรหันต์เอตทัคคะด้านโชคลาภราคา99บาทองค์ใหญ่มากท่านใดบูชาร่ำรวยมหาศาล พงษ์ 0 123 3-5-2006 at 08:30 AM
    by พงษ์

    มีหน่วยงาน5หน่วยงานแจกเงินหลายหมื่นล้านแก่วัดหรือท่านใดที่ต้องการขอเพื่อไปทำประโยชน์สร้างสิ่งต่างๆให้แก่วัด พงษ์ 0 57 3-5-2006 at 08:28 AM
    by พงษ์

    แจกซีดีธรรมะหลายหมื่นแผ่นและช่วยเหลือคนเกือบทั้งประเทศไม่ให้ตกนรกและบทสวดคาถาใหญ่สุดในโลก พงษ์ 0 162 2-5-2006 at 10:29 AM
    by พงษ์

    โครงการทอดผ้าป่ามหากุศลร่วมสบทบทุนสร้างพระโครงการทอดผ้าป่ามหากุศลร่วมสบทบทุนสร้างพระตามเจตนาของเทวสภาเพื่อป้องกันภัยพิบัติโลก พงษ์ 0 109 2-5-2006 at 09:49 AM
    by พงษ์

    เทวสภากับพุทธองค์ทั้งหมดประชุมกันให้สร้างองค์ปฐมสร้างเจ้าแม่กวนอิมปู่โตปู่ทวดโลกอุดรปู่ดู่อุปคุตร.5ฯลฯ พงษ์ 0 111 1-5-2006 at 09:33 AM
    by พงษ์

    ขอเชิญสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก ใหญ่สุดในโลก พงษ์ 0 94 30-4-2006 at 08:48 AM
    by พงษ์

    ขอเชิญร่วมสร้างพระพุทธมหานวมินทร์หน้าตัก1ไร่9วาใหญ่สุดในโลกและพิมพ์หนังสือธรรมะ3หมื่นเล่มและสร้างพระประธานชำระหนี้สงฆ์กับอาจา... พงษ์ 0 92 28-4-2006 at 09:09 AM
    by พงษ์

    ร่วมทำบุญบูรณะพระอุโบสถวัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) โมฆบุรุษ 7 429 27-4-2006 at 06:23 PM
    by คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

    หลวงตามหาบัวฯ และเป็นประธานเททองหล่อรูปเหมือน ก 2 145 27-4-2006 at 06:22 PM
    by คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

    กำหนดการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายท่านพ่อลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม สมุทรปราการ วันที่ 24-26 เมษายน 2549 ก 1 63 27-4-2006 at 06:22 PM
    by คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

    ขอเชิญสร้างเจดีย์สร้างถนนสร้างวัดสร้างพระประธาน10กว่าองค์และงานบุญอีก12งานคับ พงษ์ 0 67 27-4-2006 at 08:37 AM
    by พงษ์

    สร้างเจดีย์พุทธองค์200ล้านและสร้างพระ88888และสร้างสมเด็จองค์ปฐม4ศอก80องค์พระ9นิ้ว500องค์ พงษ์ 0 100 25-4-2006 at 09:31 AM
    by พงษ์

    ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมกันสร้าง ฉัตร ทองพญา 0 91 23-4-2006 at 01:03 PM
    by ทองพญา

    ขอความเมตตาเป็นเจ้าภาพบวชเณรวัดบ่อเงินบ่อทอง แดนนิพพาน 13 242 21-4-2006 at 10:40 PM
    by คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

    * ขอเชิญร่วมทำบุญจัดพิมพ์
     
  3. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    สรุปคือในหลวงท่านก็ได้ถวาย 13 องค์ คุณโตก็ได้ถวาย 13 องค์ กระผมและผู้ร่วมโมทนาก็ได้ถวาย 13 องค์ เป็นพระบรมธาตุที่สมบูรณ์ลงตัวทุกอย่างๆบังเอิญกับพระธุคตังคเจดีย์พอดี บุญของพระฯประมาณไม่ได้จริงๆ แม้คำจำกัดความว่า"ประมาณไม่ได้" ก็ใช่จะบ่งบอกถึงพุทธคุณทั้งหมดนั้นได้
    ขออารธนาบารมีพระทุกพระองค์ กอปรกับบุญกุศลที่ทุกท่านได้ร่วมสร้างพระธุตังคเจดีย์ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขออานิสงส์แห่งคุณของการธุดงควัตรทั้ง13ประการที่พระทุกองค์ได้สำเร็จแล้ว จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร วจีทวาร มโนทวาร ของทุกๆท่านตลอดไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
    [b-wai] :cool: [b-wai] :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2006
  4. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

     
  5. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (rose) :cool: (rose) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐิน สร้างซุ้มประตู (ประตูโขง) ถวายภัตตาหาร ณ วัดพุทธคามนิคมฯ(โนนหัวเขื่อน) ต.ภูดิน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
    (kiss) (*) (^) น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเพื่อพระนิพพานในชาตินี้..(^) (^) (^) (^) (^) (^) (^) (^) (^) นิพพานังปรมังสุขขัง[b-wai] (^) (555) (^) [b-wai] (^)[b-hi]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2006
  6. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    :cool: (rose) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐินสร้างวัดป่ารัง ต.ลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์
    (rose) (kiss) (rose) น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเพื่อพระนิพพานในชาตินี้..(rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) .....
    (b-love2u)(kiss) [b-hi](kiss) (b-smile) (kiss) (b-love2u) <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2006
  7. จิตว่าง

    จิตว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +3,098
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    กราบขอขมาคุณพระรัตนตรัยและทุกๆท่าน อันที่จริงแล้วหลวงพ่อฯและทุกท่านก็ไม่ได้ลาพุทธภูมิเลย ท่านปฏิกิจของพุทธภูมิจนลมหายใจสุดท้าย และตลอดไปแม้เข้านิพพานแล้ว ตื้นตันใจค่ะที่ได้เกิดมาพบท่าน ไม่กล้าบอกว่าว่าเราก็
    เป็นลูกท่าน อายค่ะอายในความดีที่มีน้อยเกินของตัวเอง ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกท่านเลย ขอบารมีพระคุ้มครองทุกๆท่านค่ะ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  8. nisau

    nisau เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +2,878
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ อ่านแล้วรู้สึกรักหลวงพ่อมากขึ้นมากค่ะ มีหลายอย่างที่ท่านทำให้เรา สงเคราะห์เราโดยตลอด โดยที่เราคิดไม่ถึงอีกมากค่ะ อ่านที่ไรน้ำตาจะไหลทุกทีค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อฯเป็นอย่างสูงแทบเท้าเจ้าค่ะ ลูกจะพยายามปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ในชาตินี้เจ้าค่ะ
    จะไปกราบหลวงพ่อที่พระนิพานให้ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะค่ะ
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  9. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​
    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมขอขมาต่อองค์พระประทีปแก้วรัตนมณีโชติ ๓ ประการ น้อมอารธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระองค์ปฐม เป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นที่สุด ข้าพเจ้าขอกราบขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวเกี่ยวองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ทั้ง ๒๘ พระองค์มาร้อยเรียงให้ทุกท่านได้สดับตรับฟัง แล้วน้อมนำเรื่องมงคลมาสู่ชีวิต และถวายบุญกุศลทั้งหมดบูชาองค์พระทุกองค์ สาธุ.....สาธุ.....สาธุ........

    หลังจากองค์สมเด็จพระพุทธนารทะ ได้ดับขันธ์ปรินิพพานในสารกัปป์แล้ว จะเข้าสู่สุญญกัปป์กินเวลาประมาณอสงไขยหนึ่ง หลังจากนั้นจะมีสมเด็จพระประทีปแก้วมาตรัสรู้ในสารกัปป์ ๑ พระองค์ อันได้แก่

    ๑๓.องค์สมเด็จพระพุทธปทุมุตระ - ผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์
    สถานที่ประสูติ หงสวดีนคร
    ประสูติในตระกูลกษัตริย์
    พระพุทธบิดา พระนามว่า พระเจ้าอานันทมหาราช
    พระพุทธมารดา พระนามว่า พระนางสุชาดาราชเทวี
    พระอัครมเหสี พระนามว่า พระนางสุละทัคคเทวี
    พระราชโอรส พระนามว่า พระอุตตรราชกุมาร
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองฆราวาสอยู่ ๙๐,๐๐๐ ปี
    พาหนะที่ทรงออกบรรพชา ปราสาทที่ลอยไปในอากาศ
    รัตนบัลลังก์ที่ประทับนั่งวันตรัสรู้ กว้าง-ยาว-สูง ๓๘ ศอก
    ไม้ศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ชื่อว่า ต้นสาละ หรือต้นรัง
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๗ วัน
    วันที่ตรัสรู้ วันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขปุณณมี
    พระอัครสาวก ได้แก่ พระเทวลเถรและพระสุชาติเถร
    พระอุปัฏฐาก ได้แก่ พระสุมนเถร
    พระอัครสาวิกา ได้แก่ พระอมิตตาเถรี และพระอสมาเถรี
    อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า อมิตตะ และติสสะ มหาอุบาสก
    อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นางหัตถา และนางสุจิตตา มหาอุบาสิกา
    พระวรกายสูง ๕๘ ศอก
    พระรัศมีแผ่ออกโดยรอบพระวรกาย กว้างไกล ๑๒ โยชน์
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี
    อายุพระศาสนา ๓๐,๐๐๐ กัลป์

    ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงพุทธานุสติกรรมฐาน และเผยแพร่พุทธประวัติอันงามของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ จงดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข สมหวัง สมปราถนาทุก ๆประการ</O:p
    <O:p
    <O:pขออภิญญาเต็มกำลังและการบรรลุธรรมจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและทุกท่านและมีพระนิพพานเป็นที่สุดในชาติปัจจุบันนี้เถิด</O:p
    สาธุ..... สาธุ.... สาธุ.....</O:p
     
  10. DEAR_CPE

    DEAR_CPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,082
    ขอโมทนาบุญทุกอย่างร่วมกับทุกท่านที่บูชาแล้วซึ่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอถวายผลบุญทั้งหลายนี้ เพื่อบูชาคุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และด้วยเหตุบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าและทุกท่านจงดับสิ้นแล้วด้วยวัฎสงสารสมบัติ เข้าสู่พระนิพพานโดยสวัสดิภาพในปัจจุบันชาติด้วยเถิด สาธุ
     
  11. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    :cool: ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐินสร้างวัดใหม่เกตุงาม ต.บ้านปึก อ.เมือง จ.ชลบุรี

    :cool: เก็บขยะทั่วชาดหาดอ่างศิลา บำเพ็ญบุญเป็นสาธารณะประโยนช์ เพื่อบูชาคุณพระฯ

    (glass) น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อพระนิพพานในชาตินี้(สุดท้าย) นิพพานัง ปรมัง สุขขัง (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (b-love2u) (b-2love) (b-glass) [b-hi]
     
  12. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    กิจหลังลาพุทธภูมิฯ

    [b-wai] [​IMG][b-wai]
    ก็มาถึงตอนสุดท้ายของกระทู้กันแล้วนะครับ จะเป็นตอนสรุปบอกเล่าเรื่องราวต่างๆหลังจากที่หลวงพ่อฯได้ลาพุทธภูมิ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านทำอะไรหรือ
    เกิดอะไรขึ้นบ้าง ตลอดจนบุคคลหรือคณะบุคคลที่ลาพุทธภูมิตามหลวงพ่อฯ หรือที่ยังไม่ลาท่านกำลังยังกิจอันใด ถวายพระฯเพื่อความเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นแห่งพระศาสนาตลอดไป
    ปล.หากท่านใดมีเรื่องราวเกี่ยวกับการนี้ที่กำลังดำเนินอยู่ก็ดี หรือรู้ก็ดี ประสงค์จะเผยแผ่เป็นธรรมทาน หรือให้ร่วมด้วยช่วยกันก็โพสกันมานะครับ ยินดีรับใช้ครับ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  13. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทะบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงปกป้องคุ้มครองท่านให้เจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ตราบเท่าเข้าสู่
    พระนิพพานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  14. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงดล
    บันดาลให้ความปรารถนาของท่าน จงสัมฤทธิ์ผลด้วยบุญที่ได้บูชาแล้วซึ่งคุณพระพุทธ พระรรม พระสงฆ์ อันไม่มีประมาณนี้ด้วยเทอญฯ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  15. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    :cool: ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐินสร้างบ่อน้ำ กุฎิสงฆ์ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ณ วัดศรีธรรมโชติ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา

    (*) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (*)

    น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อนิพพานในชาติปัจจุบันนี้..

    (f) (f) (f) (f) (f)

    (*) (b-love2u) (b-love2u) (b-love2u) (*)

    (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) ​
     
  16. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ทศชาติชาดก

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    น้อมกราบขอขมาองค์พระประทีปแก้วมณีโชติ ๓ ประการ ขอน้อมอารธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาติ นำเรื่องราวการบำเพ็ญเพียรของสมเด็จพระองค์ปัจจุบันเพื่อก้าวสู่ทศบารมีเต็ม ๑๐ ประการ เพื่อเป็นธรรมทานแก่ท่านผู้เจริญทั้งหลายจะได้สดับตรับฟังและร่วมโมทนาบุญกุศลอันไม่มีประมาณ เหล่านี้

    พระเจ้าสิบชาติ

    :cool: พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์
    (ครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเตมีย์พระพุทธเจ้าของเราทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีขั้นสูงสุดคือ ทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ว่าจะออกบวชให้ได้ตั้งแต่มีพระชนมายุยังน้อย)

    [​IMG]
    (i) จุติจากสวรรค์
    พระองค์ทรงเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้ากาสีกับพระนางจันทาเทวีแห่งเมืองพาราณสี เดิมทีพระองค์ทั้งสองไม่มีพระโอรสหรือพระธิดาด้วยกัน จึงเป็นที่วิตกของชาวเมือง พระนางจันทาเทวีจึงได้ตั้งสัตยาธิษฐาน

    "ขอผลแห่งการรักษาพระอุโบสถศีลอันบริสุทธิ์ ดลบันดาลให้ข้าได้มีพระราชโอรสเถิด"

    ต่อมาไม่นาน อำนาจศีลและแรงอธิษฐานของพระนางก็ส่งผลให้เทพบุตรสำคัญองค์หนึ่งในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์มาจุติในพระครรถ์ของพระนาง เมื่อครบกำหนดทศมาส (๑๐ เดือน) พระโอรสก็ถือกำเนิดพร้อมปรากฏการณ์อัศจรรย์

    (i) ระลึกชาติได้
    เมื่อมีพระชนมายุได้ ๑ เดือน พระกุมารก็ระลึกชาติได้ขณะบรรทมอยู่บนตักของพระบิดาซึ่งกำลังพิพากษาความผิดของโจร ๔ คน โดยให้โจรคันที่ ๑ ตัดสินให้เฆี่ยนด้วยหวาย โจรคนที่ ๒ ตัดสินให้คุมขัง โจรคนที่ ๓ ทรงตัดสินให้ประหารชีวิต โจรคนที่ ๔ ให้เสียบหลาวทั้งเป็นและปักประจาน พระกุมารระลึกชาติได้ว่า ชาติหนึ่งในอดีตพระองค์เคยเกิดเป็นกษัตริย์ครองเมืองนี้อยู่ ๒๐ ปี ตัดสินประหารชีวิตของผู้คนมาไม่น้อย ตายแล้วบาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดในนรกนานถึง ๘๐,๐๐๐ ปี พระกุมารคิดได้ว่า

    " หากเป็นฆราวาสต่อไปก็ต้องทำบาปอย่างเก่าอีกเพราะตำแหน่งหน้าที่บังคับให้ทำ แล้วผลบาปก็จะส่งให้ตกนรกอีก ซึ่งไม่มีทุกข์ใดจะร้ายกว่าทุกข์ทรมานในนรก"

    จึงเดือดร้อนพระทัยอยากจะหาทางพ้นไปจากตำแหน่งกษัตริย์นับแต่เวลานั้น

    (i) เทพธิดาบอกอุบาย
    เทพธิดานางหนึ่ง เคยเป็นมารดาของพระกุมารมาแต่อดีตชาติ ยังคงติดตามรักษาพระกุมารอยู่ ทราบความคิดของพระกุมาร จึงเข้าไปกระซิบบอกอุบายอันจะช่วยให้พ้นไปจากตำแหน่งกษัตริย์ นั่นคือ "ให้ทำเป็นเด็กพิการง่อยเปลี้ย หูหนวก เป็นใบ้" นับแต่นั้นมา พระกุมารก็มีอาการผิดปกติ ไม่แสดงอาการตอบโต้ใด ๆ ทางประสาทสัมผัส พระเจ้ากาสีเมื่อทราบว่าพระโอรสมีอาการผิดไปเช่นนั้นก็ไม่สบายพระทัย ให้รักษาพระอาการของพระโอรส แต่ไม่เป็นผล จึงทรงรับสั่งให้ทดลองด้วยวิธีต่าง ๆ

    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑ ขวบ ทดลองด้วยการให้นมผิดเวลา หรือให้อดเป็นวัน ๆ
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๒ ขวบ ทดลองด้วยการให้เด็ก ๕๐๐ คนนั่งกินขนมอวด
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๓ ขวบ ทดลองด้วยการให้เด็ก ๕๐๐ คนนั่งกินผลไม้อวด
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๔ ขวบ ทดลองด้วยการให้เด็ก ๕๐๐ คนนั่งเล่นของเล่นอวด
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๕ ขวบ ทดลองด้วยการให้เด็ก ๕๐๐ คนนั่งกินอาหารอวด
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๖ ขวบ ทดลองด้วยการให้จุดไฟเผาที่ประทับ
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๗ ขวบ ทดลองด้วยการปล่อยช้างตกมันมาไล่
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๘ ขวบ ทดลองด้วยการปล่อยงูมาพัน
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๙ ขวบ ทดลองด้วยการให้เล่นมหรสพให้ดู
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๐ ขวบ ทดลองด้วยการให้เพชฌฆาตควงดาบแสดงท่าจะฟัน
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๑ ขวบ ทดลองด้วยการให้เกิดเสียงดังในห้องบรรทม
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๒ ขวบ ทดลองด้วยการให้เกิดแสงสว่างอย่างเฉียบพลันในที่มืดที่พระกุมารทรงบรรทมอยู่
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๓ ขวบ ทดลองด้วยการเอาน้ำอ้อยทาตัวแล้วปล่อยให้แมลงวันเกาะ
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๔ ขวบ ทดลองด้วยการให้นอนจมอยู่กับอุจาระ
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๕ ขวบ ทดลองด้วยการให้นอนบนความร้อน
    เมื่อพระกุมารมีอายุ ๑๖ ขวบ ทดลองด้วยการให้หญิงรุ่นสาวเข้าไปเล้าโลม

    วิธีการทดลองทั้ง ๑๖ อย่างนั้น ทำอย่างละปีและทำอย่างต่อเนื่อง พระกุมารทรงทุกข์ทรมานมากจากวิธีทดลองทั้งหมดนั้น พระบิดาพระมารดาก็หาได้ทุกข์ทรมานน้อยไปกว่าพระกุมารไม่

    (i) น้ำตาพระมารดา
    เมื่อเห็นเป็นดังนั้น บรรดาโหรหลวงจึงเปลี่ยนคำทำนายใหม่ว่า พระกุมารเป็นตัวเสนียดจัญไร หากเลี้ยงไว้จะเกิดอาเพศ ๓ อย่าง คือ พระเจ้าแผ่นดินจะต้องสวรรคต พระมเหษีจะต้องสวรรคต ราชบัลลังค์จะถูกโค่น ดังนั้นทางออกจึงมีอยู่ทางเดียว คือ ฝังทั้งเป็น
    พระเจ้ากาสีทรงสะเทือนพระทัยมาก แต่ก็จำยอมให้ทำตามที่โหรหลงเสนอเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ฝ่ายพระนางจันทาเทวีตกพระทัยแทบสิ้นสติรีบเสด็จไปเฝ้าขอยับยั้งไม่ให้ทำตามที่โหรทำนาย แต่ก็ถูกปฏิเสธ พระนางจึงขอต่อรองให้รอเวลา ๗ ปี แต่ก็ถูกปฏิเสธ ในที่สุดก็ตรัสอนุญาติให้รอเวลาได้ ๗ วัน พระนางทำทุกวิถีทางแต่ก็ไม่เป็นผล จนถึงวันที่ ๗ นายสุนันทสารถีขึ้นมาอัญเชิญพระกุมารลงไปประทับรถม้าแต่เช้าตรู่เพื่อนำไปฝังทั้งเป็นนอกเมือง พระมารดาทรงร่ำไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด พระกุมารเองก็สุดแสนจะสะเทือนพระทัยจนเทบจะทนต่อไปอีกไม่ได้ด้วยเกรงว่าพระมารดาจะสิ้นพระชนม์ชีพ แต่พระกุมารก็เตือนสติและเตือนพระองค์ได้ทัน ก่อนที่รถม้าจะวิ่งออกนอกประตูเมืองไป

    (i) ความจริงปรากฏ
    หลังจากพ้นประตูเมืองแล้วพระกุมารก็ดีพระทัยว่า " บัดนี้ความปราถนาของเราสำเร็จแล้ว " ขณะที่นายสุนันทสารถีกำลังขุดหลุมง่วนอยู่นั้น พระองค์ก็เสด็จลุกขึ้นประทับนั่งเอาพระหัตถ์ทั้ง ๒ ลูบกัน จากนั้นทรงนวดพระบาทอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นแล้วก็เสด็จลงจากรถทรงเดินไปมาอยู่ ๒-๓ รอบ เพื่อทรงทดลองกำลังขา จากนั้นพระองค์ได้ตั้งสัตยาธิษฐาน

    "ถ้าข้าพเจ้าจะสามารถสำเร็จแล้วซึ่งพระโพธิญาณในอนาคตกาล ขอให้สามารถยกรถที่ประทับนี้ขั้นได้ด้วยมือเดียวเถิด"

    ทรงยกราชรถขึ้นกวัดแกว่งได้อย่างง่ายดาย นายสุนันทสารถี เมื่อทราบว่าผู้ที่มาเยือนอยู่นั่นคือ พระกุมารเตมีย์ ก็ดีใจแล้วกราบทูลให้เสด็จกลับไปหาพระบิดาพระมารดาพร้อมกันตน แต่พระองค์ปฏิเสธ เมื่อนายสุนันทสารีแน่ใจแล้วว่าพระองค์ไม่ได้ห่วงใยในราชสมบัติแล้ว จึงทูลขอบวชตาม แต่พระองค์ทรงให้กลับพระนคร ส่วนพระองค์ทรงอธิษฐานขอบวชเป็นฤาษี โดยพระอินทร์ได้เนรมิตอาศรมให้เป็นที่ประทับ

    (i) ดีใจกันทั่วหน้า
    เมื่อพระบิดาพระมารดาและพวกชาวเมืองได้ทราบความจริง จึงรีบสั่งให้เจ้าหน้าที่จัดขบวนเสด็จให้พร้อมสรรพ ทรงรับสั่งให้เชิญชวนชาวเมืองออกเดินทางไปเยี่ยมพระกุมารด้วยกัน ทั้งสองพระองค์มิได้มีพระทัยห่วงใยราชสมบัติเลยแม้แต่น้อย ทรงคิดถึงแต่พระโอรสเท่านั้น ทรงมีพระทัยเบิกบาน และเมื่อได้พบกันแล้ว พระฤาษีเตมีย์ก็กล่าวธรรมให้ฟัง จนทุกคนรวมทั้งพระบิดาพระมารดาเกิดความเลื่อมใสขอบวชอยู่ด้วยซึ่งพระฤาษีเตมีย์ก็อนุญาต ฤาษี ฤาษิณีบวชใหม่ทั้งหมดนั้นบวชแล้วไม่นานก็ได้บรรลุฌาณสมาบัติ และเมื่อมรณภาพจากโลกนี้ก็ไปเกิดเป็นพรหมอยู่ในพรหมโลก สิ้นระยะเวลาหนึ่ง

    ขอน้อมจิตกราบโมทนาบุญกุศลอันบุคคลทั่วไปทำได้ยากยิ่งนั้น ขอธรรมและฌาณสมาบัติที่พระองค์บรรลุแล้วจงปรากฏแก่กายและจิตของข้าพเจ้าและทุกท่านด้วยเถิด สาธุ...สาธุ...สาธุ...


     
  17. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​
    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมขอขมาต่อองค์พระประทีปแก้วรัตนมณีโชติ ๓ ประการ น้อมอารธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระองค์ปฐม เป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นที่สุด ข้าพเจ้าขอกราบขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวเกี่ยวองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ทั้ง ๒๘ พระองค์มาร้อยเรียงให้ทุกท่านได้สดับตรับฟัง แล้วน้อมนำเรื่องมงคลมาสู่ชีวิต และถวายบุญกุศลทั้งหมดบูชาองค์พระทุกองค์ สาธุ.....สาธุ.....สาธุ........

    หลังจากองค์สมเด็จพระพุทธปทุมุตระ ได้ดับขันธ์ปรินิพพานในสารกัปป์แล้ว จะเข้าสู่สุญญกัปป์กินเวลาประมาณ ๗๐,๐๐๐ กัปป์ หลังจากนั้นจะมีสมเด็จพระประทีปแก้วมาตรัสรู้ในมัณฑกัปป์ ๒ พระองค์ อันได้แก่

    ๑๔.องค์สมเด็จพระพุทธสุเมธะ - ผู้หาบุคคลเปรียบมิได้
    สถานที่ประสูติ สุหัสสนนคร
    ประสูติในตระกูลกษัตริย์
    พระพุทธบิดา พระนามว่า สุทัสสนมหาราช
    พระพุทธมารดา พระนามว่า พระนางสุทัตตาราชเทวี
    พระอัครมเหสี พระนามว่า พระนางสุมนาเทวี
    พระราชโอรส พระนามว่า พระปุนัพพราชกุมาร
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองฆราวาสอยู่ ๙,๐๐๐ ปี
    พาหนะที่ทรงออกบรรพชา ช้างพระที่นั่ง
    รัตนบัลลังก์ที่ประทับนั่งวันตรัสรู้ กว้าง-ยาว-สูง ๒๐ ศอก
    ไม้ศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ชื่อว่า ต้นมหานิมพะ (ไม้สะเดา)
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๘ เดือน
    วันที่ตรัสรู้ วันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขปุณณมี
    พระอัครสาวก ได้แก่ พระสุมนเถรและพระสัพพกามเถร
    พระอุปัฏฐาก ได้แก่ พระสาครเถร
    พระอัครสาวิกา ได้แก่ พระรามาเถรี และพระสุรมาเถรี
    อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า อุรุเวฬ และยสวา มหาอุบาสก
    อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นางยสา และนางสิริมา มหาอุบาสิกา
    พระวรกายสูง ๘๘ ศอก
    พระรัศมีแผ่ออกโดยรอบพระวรกาย กว้างไกล ๑ โยชน์
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี

    ๑๕.องค์สมเด็จพระพุทธสุชาตะ - ผู้เลิศกว่าสัตว์โลกทั้งปวง
    สถานที่ประสูติ สุมังคลนคร
    ประสูติในตระกูลกษัตริย์
    พระพุทธบิดา พระนามว่า พระเจ้าอุคคตราช
    พระพุทธมารดา พระนามว่า พระนางปภาวดีราชเทวี
    พระอัครมเหสี พระนามว่า พระนางสิรินันทาเทวี
    พระราชโอรส พระนามว่า พระอุปเสนราชกุมาร
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองฆราวาสอยู่ ๙,๐๐๐ ปี
    พาหนะที่ทรงออกบรรพชา ม้าพระที่นั่ง ชื่อ หังสวาสภราชา
    รัตนบัลลังก์ที่ประทับนั่งวันตรัสรู้ กว้าง-ยาว-สูง ๓๓ ศอก
    ไม้ศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ชื่อว่า ไม้มหาเวฬุ (ไม้ไผ่ใหญ่)
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๙ เดือน
    วันที่ตรัสรู้ วันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขปุณณมี
    พระอัครสาวก ได้แก่ พระสุสุทัสสนเถร และพระสุเทวเถร
    พระอุปัฏฐาก ได้แก่ พระนารทเถร
    พระอัครสาวิกา ได้แก่ พระนาคาเถรี และพระนาคส
    อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า สุทัตต และจิตต มหาอุบาสก
    อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นางยสุภัททา และนางปทุม มหาอุบาสิกา
    พระวรกายสูง ๕๐ ศอก
    พระรัศมีแผ่ออกโดยรอบพระวรกาย กว้างไกลประมาณมิได้
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี


    ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงพุทธานุสติกรรมฐาน และเผยแพร่พุทธประวัติอันงามของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ จงดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข สมหวัง สมปราถนาทุก ๆประการ</O:p
    <O:p
    <O:pขออภิญญาเต็มกำลังและการบรรลุธรรมจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและทุกท่านและมีพระนิพพานเป็นที่สุดในชาติปัจจุบันนี้เถิด</O:p
    สาธุ..... สาธุ.... สาธุ.....</O:p
     
  18. puckinee

    puckinee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างค่ะ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขอบารมีพระคุ้มครองทุกคนนะค่ะ ขอผลบุญทั้งหมดนี้จงส่งผลแด่บุพพการีครูบาอาจารย์ญาติสนิทมิตรสหายและทุกๆคนให้เป็นสุขสมหวังตลอดไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานค่ะ
    (verygood) (f) (verygood) (f) (verygood)
     
  19. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ทศชาติชาดก

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    น้อมกราบขอขมาองค์พระประทีปแก้วมณีโชติ ๓ ประการ ขอน้อมอารธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาติ นำเรื่องราวการบำเพ็ญเพียรของสมเด็จพระองค์ปัจจุบันเพื่อก้าวสู่ทศบารมีเต็ม ๑๐ ประการ เพื่อเป็นธรรมทานแก่ท่านผู้เจริญทั้งหลายจะได้สดับตรับฟังและร่วมโมทนาบุญกุศลอันไม่มีประมาณ เหล่านี้

    พระเจ้าสิบชาติ

    :cool: พระชาติที่ ๒ พระมหาชนก

    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top align=middle><TD>
    ณ เมืองมิถิลาแห่งรัฐวิเทหะ พระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า พระเจ้ามหาชนก ทรงมีพระโอรสสององค์ คือ เจ้าอริฏฐชนก และ เจ้าโปลชนก เจ้าอริฏฐชนกทรงเป็นอุปราช ส่วนเจ้าโปลชนกทรง เป็นเสนาบดี เมื่อพระราชบิดาสวรรคต เจ้าอริฏฐชนกผู้เป็นอุปราช ก็ได้ครองบ้านเมืองต่อมา เจ้าโปลชนกทรงเป็นอุปราช ทรงเอาใจใส่ดูแลบ้านเมืองช่วยเหลือพระเชษฐาอย่างดียิ่ง มีอำมาตย์คนหนึ่งไม่พอใจพระเจ้าโปลชนก จึงหาอุบายให้ พระราชาอริฏฐชนกระแวงพระอนุชา โดยทูลพระราชาว่า เจ้าโปลชนกคิดขบถ จะปลงพระชนม์พระราชา พระราชาทรงเชื่อคำ อำมาตย์ จึงให้จับเจ้าโปลชนกไปขังไว้ เจ้าโปลชนกเสด็จหนี ไปจากที่คุมขังได้หลบไปอยู่ที่ชายแดนเมืองมิถิลา เจ้าโปลชนก ทรงคิดว่า เมื่อครั้งที่ยังเป็นอุปราชนั้น มิได้เคยคิดร้ายต่อพระราชา ผู้เป็นพี่เลย แต่ก็ยังถูกระแวงจนต้องหนีมา ถ้าพระราชาทรงรู้ว่า อยู่ที่ไหนก็คงให้ทหารมาจับไปอีกจนได้ บัดนี้ผู้คนมากมาย ที่ชายแดนที่เห็นใจ และพร้อมที่จะเข้าเป็นพวกด้วย ควรที่จะรวบรวมผู้คนไปโจมตีเมืองมิถิลาเสียก่อนจึงจะดีกว่า เมื่อคิดดังนั้นแล้ว เจ้าโปลชนกก็พาสมัครพรรคพวกยกเป็น กองทัพไปล้อมเมืองมิถิลา บรรดาทหารแห่งเมืองมิถิลาพากัน เข้ากับเจ้าโปลชนกอีกเป็นจำนวนมาก เพราะเห็นว่าเจ้าโปลชนก เป็นผู้ซื่อสัตย ์และมีความสามารถ แต่กลับถูกพระราชาระแวง และจับไปขังไว้โดยไม่ยุติธรรม ครั้นเมื่อเจ้าโปลชนกมีผู้คนไพร่พลเข้าสมทบด้วยเป็นจำนวน มากมายเช่นนี้ พระเจ้าอริฏฐชนกทรงเห็นว่า ไม่มีทางจะเอาชนะ ได้ จึงตรัสสั่งพระมเหสีซึ่งกำลังทรงครรภ์แก่ ให้ทรงหลบหนี เอาตัวรอด ส่วนพระองค์เองทรงออกทำสงคราม และสิ้นพระชนม์ ในสนามรบ เจ้าโปลชนกจึงทรงได้เป็นกษัตริย์ ครองเมืองมิถิลาสืบต่อมา ฝ่ายพระมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนก เสด็จหนีออกจาก เมืองมา ตั้งพระทัยจะเสด็จไปอยู่เมือง กาลจัมปากะ แต่กำลังทรงครรภ์แก่ เดินทางไม่ไหว ด้วยเดชานุภาพ แห่งพระโพธิสัตว์ซึ่งอยู่ในพระครรภ์ พระอินทร์จึงเสด็จมาช่วย ทรงแปลงกายเป็นชายชราขับเกวียนมาที่ศาลาที่ พระนางพักอยู่ และถามขึ้นว่า
    "มีใครจะไปเมืองกาลจัมปากะบ้าง" พระนางดีพระทัยรีบตอบว่า "ลุงจ๋า ฉันจะไปจ๊ะ" พระอินทร์แปลงจึงรับพระนางขึ้นเกวียน พาเดินทางไป เมืองกาลจัมปากะ ด้วยอานุภาพเทวดา แม้ระยะทาง ไกลถึง 60 โยชน์ เกวียนนั้นก็เดินทางไปถึงเมืองในชั่ววันเดียว พระมเหสีเสด็จไปนั่งพักอยู่ในศาลาแห่งหนึ่งในเมืองนั้น บังเอิญมีพราหมณ์ทิศาปาโมกข์ผู้หนึ่งเดินผ่าน มาเห็น พระนางเข้า ก็เกิดความเอ็นดูสงสาร จึงเข้าไปไต่ถาม พระนางก็ตอบว่าหนีมาจากเมืองมิถิลา และไม่มีญาติพี่น้องอยู่ ที่เมืองนี้เลย พราหมาณ์ทิศาปาโมกข์จึงรับพระนางไปอยู่ด้วย ที่บ้านของตน อุปการะเลี้ยงดูพระนางเหมือนเป็นน้องสาว ไม่นานนัก พระนางก็ประสูติพระโอรส ทรงตั้งพระนามว่า มหาชนกกุมาร ซึ่งเป็นพระนามของพระอัยกา ของพระกุมาร มหาชนกกุมารทรงเติบโตขึ้นในเมืองกาลจัมปากะ มีเพื่อนเล่นเด็กๆ วัยเดียวกันเป็นจำนวนมาก วันหนึ่ง มหาชนกกุมารโกรธกับเพื่อนเล่น จึงลากเด็กคนนั้นไปด้วย กำลังมหาศาล เด็กก็ร้องไห้บอกกับคนอื่นๆ ว่า ลูกหญิงม่าย รังแกเอา มหาชนกกุมารได้ยินก็แปลกพระทัยจึงไปถาม พระมารดาว่า "ทำไมเพื่อนๆ พูด ว่า ลูกเป็นลูกแม่ม่าย พ่อของลูกไปไหน" พระมารดาตอบว่า "ก็ท่านพราหมณ์ทิศา ปาโมกข์นั่นแหล่ะเป็น พ่อของลูก" เมื่อมหาชนกกุมารไป บอกเพื่อนเล่นทั้งหลาย เด็กเหล่านั้นก็หัวเราะเยาะ บอกว่า "ไม่จริง ท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ไม่ใช่พ่อของเจ้า" มหาชนกก็กลับมาทูลพระมารดา อ้อนวอนให้บอกความจริง พระมารดาขัดไม่ได้ จึงตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระโอรสทรงทราบ เมื่อพระกุมารทราบว่าพระองค์ทรงมี ความเป็นมาอย่างไร ก็ทรงตั้งพระทัยว่าจะร่ำเรียนวิชาการเพื่อให้มีความรู้ความสามารถ จะได้เสด็จไปเอาราชสมบัติเมืองมิถิลาคืนมา ครั้นมหาชนกกุมารร่ำเรียนวิชาในสำนักพราหมณ์จนเติบใหญ่ พระชนม์ได้ 16 พรรษาจึงทูลพระมารดาว่า "หม่อมฉันจะเดินทาง ไปค้าขาย เมื่อมีทรัพย์สินมากพอแล้ว จะได้คิดอ่าน เอาบ้านเมืองคืนมา" พระมารดาทรงนำเอาทรัพย์สินมีค่ามาจากมิถิลา 3 สิ่ง คือ แก้วมณี แก้วมุกดา และแก้ววิเชียร อันมี ราคามหาศาล จึงประทานแก้วนั้นให้พระมหาชนกเพื่อนำไปซื้อสินค้า พระมหาชนกทรงจัดซื้อสินค้าบรรทุกลงเรือร่วมไปกับ พ่อค้าชาวสุวรรณภูมิ ในระหว่างทาง เกิดพายุใหญ่ โหมกระหน่ำ คลื่นซัดจนเรือจวนจะแตก บรรดาพ่อค้าและลูกเรือพากัน ตระหนกตกใจ บวงสรวง อ้อน วอนเทพยดาขอให้รอดชีวิต ฝ่ายมหาชนกกุมาร เมื่อทรงทราบว่าเรือจะจมแน่แล้ว ก็เสวยอาหารจน อิ่มหนำ ทรงนำผ้ามาชุบน้ำมันจนชุ่ม แล้วนุ่งผ้านั้นอย่างแน่นหนา ครั้นเมื่อเรือจมลง เหล่าพ่อค้ากลาสี เรือทั้งปวงก็จมน้ำ กลายเป็นอาหารของสัตว์น้ำไปหมด แต่พระมหาชนกทรงมีกำลังจากอาหารที่เสวย มีผ้าชุบน้ำมัน ช่วยไล่สัตว์น้ำ และช่วยให้ลอยตัวอยู่ในน้ำได้ดี จึงทรงแหวกว่าย อยู่ในทะเลได้นานถึง 7 วัน ฝ่ายนางมณีเมขลา เทพธิดาผู้รักษามหาสมุทร เห็นพระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่เช่นนั้น จึงลองพระทัย พระมหาชนก "ใครหนอ ว่ายน้ำอยู่ได้ถึง 7 วัน ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นฝั่ง จะทนว่ายไปทำไมกัน" พระมหาชนกทรงตอบว่า "ความเพียรย่อมมีประโยชน์ แม้จะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็จะว่ายไปจนกว่าจะถึง ฝั่งเข้าสักวันหนึ่ง" นางมณีเมขลากล่าวว่า "มหาสมุทรนี้กว้างใหญ่นัก ท่านจะพยายามว่ายสักเท่าไรก็คงไม่ถึงฝั่ง ท่านคงจะ ตายเสียก่อนเป็นแน่" พระมหาชนกตรัสตอบว่า "คนที่ทำความเพียรนั้น แม้จะต้องตายไปในขณะกำลังทำ ความเพียรพยายามอยู่ ก็จะไม่มีผู้ใดมาตำหนิติเตียนได้ เพราะได้ทำหน้าที่เต็มกำลังแล้ว " นางมณีเมขลาถามต่อว่า "การทำความพยายามโดยมองไม่เห็น ทางบรรลุเป้าหมายนั้น มีแต่ความยากลำบาก อาจถึงตายได้ จะต้องเพียรพยายามไปทำไมกัน" พระมหาชนกตรัสตอบว่า "แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เรา กำลังกระทำนั้นอาจไม่สำเร็จก็ตาม ถ้าไม่เพียรพยายามแต่กลับหมดมานะเสียแต่ต้นมือ ย่อมได้รับ ผลร้ายของความเกียจคร้านอย่างแน่นอน ย่อมไม่มีวัน บรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการ บุคคลควรตั้งความเพียรพยายาม แม้การนั้นอาจไม่สำเร็จก็ตาม เพราะเรามีความพยายาม ไม่ละความตั้งใจ เราจึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ในทะเลนี้ เมื่อคนอื่นได้ตายกันไปหมดแล้ว เราจะพยายามสุดกำลัง เ พื่อไปให้ถึงฝั่งให้จงได้" นางมณีเมขลาได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยสรรเสริญความเพียร ของมหาชนกกุมาร และช่วยอุ้มพามหาชนกกุมาร ไปจนถึงฝั่งเมืองมิถิลา วางพระองค์ไว้ที่ศาลาในสวนแห่งหนึ่ง ในเมืองมิถิลา พระราชาโปลชนกไม่มีพระโอรส ทรงมีแต่ พระธิดาผู้ฉลาดเฉลียวเป็นอย่างยิ่ง พระนามว่า เจ้าหญิงสิวลี ครั้นเมื่อพระองค์ประชวรหนักใกล้จะสวรรคต บรรดาเสนา ทั้งปวงจึงทูลถามขึ้นว่า เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วราชสมบัติ ควรจะตกเป็นของผู้ใด ในเมื่อไม่ทรงมีพระโอรส พระเจ้าโปลชนก ตรัสสั่งเสนาว่า "ท่านทั้งหลายจงมอบ ราชสมบัติให้แก่ผู้มีความสามารถดังต่อไปนี้ ประการแรก เป็นผู้ที่ทำให้พระราชธิดาของเราพอพระทัยได้ ประการที่สอง สามารถรู้ว่าด้านไหนเป็นด้านหัวนอนของ บัลลังก์รูปสี่เหลี่ยม ประการที่สาม สามารถยกธนูใหญ่ ซึ่งต้องใช้แรงคนธรรมดา ถึงพันคนจึงจะยกขึ้นได้ ประการที่สี่ สามารถชี้บอกขุมทรัพย์มหาศาลทั้ง 13 แห่งได้" แล้วจึงตรัสบอกปัญหาของขุมทรัพย์ทั้ง 13 แห่ง แก่เหล่าอำมาตย์ เช่น ขุมทรัพย์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ขุมทรัพย์ที่ดวงอาทิตย์ตก ขุมทรัพย์ที่อยู่ภายใน ขุมทรัพย์ที่อยู่ภายนอก ขุมทรัพย์ที่ไม่ใช่ภายในและภายนอก ขุมทรัพย์ที่ปลายไม้ ขุมทรัพย์ที่ปลายงา ขุมทรัพย์ที่ปลายหาง เป็นต้น เมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์ บรรดาเสนาบดี ทหาร พลเรือน และประชาราษฎร์ทั้งหลายต่างพยายามที่จะ เป็นผู้สืบราชสมบัติ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เจ้าหญิงสีวลีพอพระทัยได้ เพราะล้วนแต่พยายามเอาพระทัยเจ้าหญิงมากเกินไป จนเสียลักษณะของผู้ที่จะปกครองบ้านเมือง ไม่มีผู้ใดสามารถยก มหาธนูใหญ่ได้ ไม่มีผู้ใดรู้ทิศหัวนอนของบัลลังก์สี่เหลี่ยม และไม่มีผู้ใดไขปริศนาขุมทรัพย์ได้ ในที่สุดบรรดาเสนาข้าราชบริพารจึงควรตั้งพิธีเสี่ยงราชรถ เพื่อหาตัวบุคคลผู้มีบุญญาธิการสมควรครองเมือง บุษยราชรถเสี่ยงทายนั้นก็แล่นออกจากพระราชวัง ตรงไปที่สวน แล้วหยุดอยู่หน้าศาลาที่ พระมหาชนกทรงนอนอยู่ ปุโรหิตที่ตามราชรถจึงให้ประโคมดนตรีขึ้น พระมหาชนกได้ยินเสียงประโคม จึงลืมพระเนตรขึ้น เห็นราชรถ ก็ทรงดำริว่า คงเป็นราชรถเสี่ยงทาย พระราชาผู้มีบุญเป็นแน่ แต่ก็มิได้แสดงอาการอย่างใดกลับบรรทมต่อไป ปุโรหิตเห็นดังนั้น ก็คิดว่า บุรุษผู้นี้เป็นผู้มีสติปัญญา ไม่ตื่นเต้นตกใจกับสิ่งใดโดยง่าย จึงเข้าไปตรวจดูพระบาทพระมหาชนก เห็นลักษณะต้องตาม คำโบราณว่าเป็นผู้มีบุญ จึงให้ประโคมดนตรีขึ้นอีกครั้ง แล้วเข้าไปทูลอัญเชิญ พระมหาชนกให้ทรงเป็นพระราชาเมืองมิถิลา พระมหาชนกตรัสถามว่า พระราชาไปไหนเสีย ปุโรหิตก็กราบทูลว่า พระราชาสวรรคต ไม่มีพระโอรสมี แต่พระธิดาคือเจ้าหญิงสิวลี แต่องค์เดียว พระมหาชนกจึงทรงรับเป็นกษัตริย์ครองมิถิลา ฝ่ายเจ้าหญิงสิวลีได้ทรงทราบว่า พระมหาชนกได้ราชสมบัติ ก็ประสงค์จะทดลองว่า พระมหาชนก สมควรเป็นกษัตริย์หรือไม่ จึงให้ราชบุรุษไปทูลเชิญเสด็จมาที่ปราสาทของพระองค์ พระมหาชนกก็เฉยเสีย มิได้ไปตามคำทูล เจ้าหญิงให้คนไปทูล ถึง 3 ครั้ง พระมหาชนกก็ไม่สนพระทัย จนถึงเวลาหนึ่งก็ เสด็จไปที่ปราสาทของเจ้าหญิงเอง โดยไม่ทรงบอกล่วงหน้า เจ้าหญิงตกพระทัยรีบเสด็จมาต้อนรับเชิญ ไปประทับบนบัลลังก์ พระมหาชนกจึงตรัสถามอำมาตย์ว่าพระราชาที่สิ้นพระชนม์ ตรัสสั่งอะไรไว้บ้าง อำมาตย์ก็ทูลตอบ พระมหาชนกจึงตรัสสั่งว่า ข้อที่ 1 "ที่ว่าทำให้เจ้าหญิงพอพระทัย เจ้าหญิงได้ แสดงแล้วว่าพอพระทัยเราจึงได้เสด็จมาต้อนรับเรา" ข้อที่ 2 เรื่องปริศนาทิศหัวนอนบัลลังก์นั้น พระมหาชนกทรง คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอดเข็มทองคำที่กลัดผ้าโพกพระเศียรออก ส่งให้เจ้าหญิงให้วางเข็มทองคำไว้ เจ้าหญิงทรงรับเข็มไปวางไว้ บนบัลลังก์สี่เหลี่ยม พระมหาชนกจึงทรงชี้บอกว่าตรงที่เข็มวาง อยู่นั้นแหละคือทิศหัวนอนของบัลลังก์ โดยสังเกต จากการที่ เจ้าหญิงทรงวางเข็มทองคำ จากพระเศียรไว้ ข้อที่ 3 นั้นก็ตรัสสั่งให้นำมหาธนูมา ทรงยกขึ้นและน้าวอย่าง ง่ายดาย ข้อที่ 4 เมื่ออำมาตย์กราบทูลถึงปัญหาของขุมทรัพย์ทั้ง 13 แห่ง พระมหาชนกทรงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ ตรัสบอกคำแก้ปริศนา ขุมทรัพย์ทั้ง 13 แห่งได้หมด เมื่อสั่งให้คนไปขุดดู ก็พบขุมทรัพย์ ตามที่ตรัสบอกไว้ทุกแห่ง ผู้คนจึงพากันสรรเสริญปัญญาของ พระมหาชนกกันทั่วทุกแห่งหน พระมหาชนกโปรดให้เชิญพระมารดาและพราหมณ์ ทิศาปาโมกข์จากเมืองกาลจัมปากะ ทรงอุปถัมภ์ บำรุงให้สุขสบาย ตลอดมา จากนั้นทรงสร้างโรงทานใหญ่ 6 ทิศในเมืองมิถิลา ทรงบริจาคมหาทานเป็นประจำ เมืองมิถิลาจึงมีแต่ความผาสุก สมบูรณ์ เพราะพระราชาทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ต่อมาพระนางสิวลีประสูติพระโอรส ทรงนามว่า ทีฆาวุกุมาร เมื่อเจริญวัยขึ้น พระบิดาโปรดให้ดำรง ตำแหน่งอุปราช อยู่มาวันหนึ่ง พระราชามหาชนกเสด็จอุทยานทอดพระเนตร เห็นมะม่วงต้นหนึ่งกิ่งหัก ใบไม้ร่วง อีกต้นมีใบแน่นหนา ร่มเย็นเขียวชอุ่ม จึงตรัสถาม อำมาตย์กราบทูลว่าต้นมะม่วง ที่มีกิ่งหักนั้น เป็นเพราะรสมีผลอร่อย ผู้คนจึงพากันสอยบ้าง เด็ดกิ่งและขว้างปาเพื่อเอาบ้าง จนมีสภาพเช่นนั้น ส่วนอีกต้น ไม่มีผล จึงไม่มีคนสนใจ ใบและกิ่งจึงสมบูรณ์เรียบร้อยดี พระราชาได้ฟังก็ทรงคิดว่า ราชสมบัติ เปรียบเหมือน ต้นไม้มีผลอาจถูกทำลาย แม้ไม่ถูกทำลายก็ต้องคอย ระแวดระวังรักษา เกิดความกังวล เราจะทำตนเป็นผู้ ไม่มีกังวลเหมือนต้นไม้ไม่มีผล เราจะออกบรรพชา สละราชสมบัติเสีย มิให้เกิดกังวล พระราชาเสด็จกลับมาปราสาท ปลงพระเกศาพระมัสสุ ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ครองอัฏฐบริขารครบถ้วน แล้วเสด็จออกจากมหาปราสาทไป ครั้นพระนางสิวลีทรงทราบ ก็รีบติดตามมา ทรงอ้อนวอนให้ พระราชาเสด็จกลับ พระองค์ก็ไม่ยินยอม พระนางสิวลีจึงทำอุบายให้อำมาตย์ เผาโรงเรือนเก่าๆ และ กองหญ้า กองใบไม้ เพื่อให้พระราชา เข้าพระทัยว่าไฟไหม้พระคลังจะได้เสด็จกลับ พระราชาตรัสว่า พระองค์เป็นผู้ไม่มีสมบัติแล้ว สมบัติที่แม้จริงของพระองค์ คือความสุขสงบจากการบรรพชานั้นยังคงอยู่กับพระองค์ ไม่มีผู้ใดทำลายได้ พระนางสิวลีทรงทำอุบายสักเท่าไร พระราชาก็มิได้สนพระทัย และตรัสให้ประชาชนอภิเษก พระทีฆาวุราชกุมารขึ้นเป็นกษัตริย์ เพื่อปกครองมิถิลาต่อไป พระนางสิวลีไม่ทรงละความเพียร พยายามติดตาม พระมหาชนกต่อไปอีก วันรุ่งขึ้นมีสุนัขคาบเนื้อที่เจ้าของเผลอ วิ่งหนีมาพบผู้คนเข้าก็ตกใจทิ้งชิ้นเนื้อไว้ พระมหาชนกคิดว่า ก้อนเนื้อนี้เป็นของไม่มีเจ้าของ สมควรที่จะเป็นอาหารของเราได้ จึงเสวยก้อนเนื้อนั้น พระนางสิวลีทรงเห็นดังนั้น ก็เสียพระทัย อย่างยิ่ง ที่พระสวามีเสวยเนื้อที่สุนัขทิ้งแล้ว แต่พระมหาชนกว่า นี่แหล่ะเป็นอาหารพิเศษ ต่อมาทั้งสองพระองค์ทรงพบเด็กหญิงสวมกำไลข้อมือ ข้างหนึ่งมีกำไลสองอัน อีกข้างมีอันเดียว พระราชาตรัสถามว่า "ทำไมกำไลข้างที่มีสองอันจึงมีเสียงดัง" เด็กหญิงตอบว่า "เพราะกำไลสองอันนั้น กระทบกันจึงเกิดเสียงดัง ส่วนที่มี ข้างเดียวนั้นไม่ได้กระทบกับอะไรจึงไม่มีเสียง" พระราชาจึง ตรัสแนะให้ พระนางคิดพิจารณาถ้อยคำของเด็กหญิง กำไลนั้นเปรียบเหมือนคนที่อยู่สองคน ย่อมกระทบกระทั่งกัน ถ้าอยู่คนเดียวก็จะสงบสุข แต่พระนางสิวลียังคงติดตาม พระราชาไปอีก จนมาพบนายช่างทำลูกศร นายช่างทูลตอบ คำถามพระราชาว่า "การที่ต้องหลับตาข้างหนึ่งเวลาดัด ลูกศรนั้น ก็เพราะถ้าลืมตาสอง ข้างจะไม่เห็นว่าข้างไหนคด ข้างไหนตรง เหมือนคนอยู่สองคนก็จะขัดแย้งกัน ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่ขัดแย้ง กับใคร" พระราชาตรัสเตือนพระนางสิวลีอีกครั้งหนึ่งว่า พระองค์ประสงค์จะเดินทางไปตามลำพัง เพื่อแสวงหา ความสงบไม่ประสงค์จะมีเรื่องขัดแย้งกระทบกระทั่ง หรือความไม่สงบอันเกิดจากการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น อีกต่อไป พระนางสิวลีได้ฟังพระวาจาดังนั้นก็น้อยพระทัยจึงตรัสว่า "ต่อไปนี้หม่อมฉันหมดวาสนาจะได้อยู่ร่วมกับ พระองค์อีกแล้ว" พระราชาจึงเสด็จไปสู่ป่าใหญ่แต่ลำพังเพื่อบำเพ็ญสมาบัติ มิได้กลับมาสู่พระนครอีก ส่วนพระนางสิวลี เสด็จกลับเข้าสู่ พระราชวัง อภิเษกพระทีฆาวุกุมารขึ้นเป็นพระราชา แล้วพระนางโปรดให้สร้างเจดีย์ขึ้นในที่ต่างๆ เพื่อรำลึกถึง พระราชามหาชนก ผู้ทรงมีพระสติปัญญา และที่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด คือ ทรงมีความ เพียรพยายามเป็นเลิศ มิได้เคยเสื่อมถอย จากความเพียร ทรงตั้งพระทัยที่จะกระทำการโดยเต็มกำลัง ความสามารถ เพราะทรงยึดมั่นว่า บุคคลควรตั้งความเพียรพยายามไม่ว่ากิจการนั้น จะยากสักเพียงใด ก็ตาม คนมีปัญญาแม้ได้รับทุกข์ ก็จะไม่สิ้นหวัง ไม่สิ้นความเพียรที่จะพาตนให้พ้นจากความทุกข์นั้นให้ ได้ในที่สุด
    </TD></TR><TR vAlign=top align=middle><TD>
    </TD></TR><TR vAlign=top align=middle><TD>
    คติธรรม : บำเพ็ญวิริยบารมี
    เกิดเป็นคนควรมีความพากเพียรให้ถึงที่สุด เพื่อให้ถึงแก่สิ่งที่มุ่งหวัง เพียรสุดกำลังจนชีวิตหาไม่ก็จงเพียร แล้วความสำเร็จจะมาเยือน​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอน้อมจิตกราบโมทนาบุญกุศลอันบุคคลทั่วไปทำได้ยากยิ่งนั้น ขอธรรมและฌาณสมาบัติที่พระองค์บรรลุแล้วจงปรากฏแก่กายและจิตของข้าพเจ้าและทุกท่านด้วยเถิด สาธุ...สาธุ...สาธุ...
     
  20. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    :cool: ถวายปัจจัย แผ่นเงิน ร่วมสร้างพระปางวันพุธ ,วันศุกร์ สูง ประมาณ 2 เมตร และ พระแม่กวนอิม 24 กร หน้าตักประมาณ 40 นิ้ว ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย ณ วัดป่าธรรมชาติ จ.เชียงใหม่

    :cool: ถวายปัจจัย แผ่นเงิน ร่วมสร้างพระพุทธสิหิง หน้าตัก 18 นิ้ว ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย ณ หอพระหน้าอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี

    :cool: ถวายปัจจัย แผ่นเงิน ร่วมสร้างพระแม่กวนอิม หน้าตักประมาณ 40 นิ้ว ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา (เจ้าภาพไม่มาเลยไม่รู้ถวายวัดไหนเลย)

    :cool: ถวายแผ่นเงิน ร่วมสร้างพระประธาน 6 องค์ ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา โรงหล่อพระหล่อเองครับ

    :cool: ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐิน สร้างวัดสังกะสี จ.ชลบุรี

    :cool: ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐิน สร้างวัดเมืองใหม่ จ.ชลบุรี

    :cool: ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างหอสวดมนต์ ณ วัดโป่งพรานอินทร์ ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรบุรี

    :cool: ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐินสร้างโบสถ์ วิหาร อาคารเรียน กุฎิสามเณร ณ วัดบ้านขุน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่

    :cool: ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมบูชากัณเทศน์ ณ วัดเนิน จ.ชลบุรี
    (f)น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อนิพพานในชาติปัจจุบันนี้..(f) ​

    (*) (b-love2u) (rose) (bb-flower (rose) (b-love2u) (*) ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...