ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ผงะเขมรมุสลิมขนสารทำระเบิด 1 กิโลกรัมไปนราฯ​

​

ทหารพรานจับหนุ่มเขมร ลอบขนปุ๋ยยูเรีย 1 กก. ข้ามแดนอรัญฯ จ.สระแก้ว มุ่งหน้าสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อ้างจะเอาไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้...

เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2553 พ.อ.วสุ เจียมสุข ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา สั่งการให้ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ประสานกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องนำกำลังตั้งจุดตรวจค้น บริเวณจุดตรวจร่วม ทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบกลุ่มชาวเขมรมุสลิม 4 กลุ่ม รวมจำนวน 70 คน แยกเป็นชาย 49 คน หญิง 19 คน เด็กชาย 2 คน จึงสอบถามข้อมูล

เบื้องต้นทั้งหมดระบุว่า มาจาก จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา จะไปเยี่ยมญาติและไปท่องเที่ยว อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และประเทศมาเลเซีย แต่เนื่องจากในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งชาวเขมรมุสลิมจะเดินทางไปยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น

ทั้งนี้ ในกระเป๋าเสื้อผ้าของนายเกา เวียนนี อายุ 24 ปี พูชา เจ้าหน้าที่พบปุ๋ยยูเรียชนิดเม็ดสีขาว น้ำหนัก 1 กิโลกรัม บรรจุในถุงพลาสติกสีชมพูห่อทับด้วยถุงพลาสติกสีฟ้า แล้วพันทับด้วยเทปกาวสีน้ำตาลและสีดำ นอก จากนั้น ยังมีโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง แบตเตอรี่สำรอง 2 ก้อน และอุปกรณ์ชาร์ตแบตเตอรี่อีก 2 ชุด อยู่ในกระเป๋ากางเกงของ นายเกาข้างละ 1 เครื่อง จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ บก.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา เนื่องจากปุ๋ยยูเรียถูกห้ามนำเข้าประเทศและสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

สอบสวนนายเกาให้การว่า จะเดินทางไปเยี่ยมญาติและท่องเที่ยวที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ส่วนปุ๋ยยูเรียจะนำไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก ดำเนินการตามกฎหมาย

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

*** จารึกความจริงในอดีต...คนไทยบูรณะปราสาทหินในเขมร ****

ในจารึก...วัดศรีชุม
มีประวัติ คนไทยผู้หนึ่ง ไปบูรณะ
พระธาตุหลวง ขอมเรียก พระธม
กลางนครพระกฤษณ์

--------------------------------

คำอ่านจารึกวัดศรีชุม (หลักที่ ๒)
...............................ชำรุด................................
...............................ชำรุด................................
...............................สมเด็จพระ........................เป็น............................
.....................เมื่อสมเด็จพระ...................ศรี.................
..............มหา....................ศรีศัทธาราชจุลามณศรีรัตนลังกาทีปมหาสามิเป็นเจ้า..............................มาสถิตคือ เจ้าเมืองจา.......เมืองลำพงเถิง.........สมเด็จหา...........ที่นั้นก่อพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์มีสาม........นั้น............ในนครสระหลวงสองแคว ปู่ชื่อพระยาศรีนาวนัมถม.....เป็นพ่อ.............สร้างในนครสองอัน อันหนึ่งชื่อนครสุโขทัย อันหนึ่งชื่อนครศรีสัชนาลัย ...พระ...........นั้น................เป็นขุนยี่ขุนนางนัก............................เมืองชเลียง.................พ่อขุนนาวนัมถม...............................................เบื้องไนรฺฤดีเถิงฉอดสองหมื่น........สี่พยาม.............เบื้องหัวนอนสองแสนพยาม..........เบื้องตีนนอนถึง.......พ่อขุนนัมถมดาย....เมืองสุโขทัย.................................อัน...........................งวงรู้วังช้างแกล้วหาญ..............หัวช้างด้วยอีแดงพะเลิง.........พ่อขุนนัมถม.......กให้เขา......แก่ท่านแล............สอง.................จัก.........กนม....ลูกพ่อขุนศรีนาวนัมถม ผู้หนึ่งชื่อพระยาผาเมืองเป็นขุนในเมืองราด.....................ลงแสนช้างหมากรอบบ้านเมืองออกหลวงหลายแก่กม เมื่อก่อนพ่อขุนบางกลางกลางทาวเป็นเจ้าเมืองบางยางให้เอา....พลพ่อขุนผาเมืองเจ้าเจ้าเมืองราด พาพ่อขุนผาเมืองผดาจกันและกัน พ่อขุนบางกลางทาวได้เมืองศรีสัชนาลัย.......พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราดเอาพลมา.....บางขลง...เวนบางขลงแก่พ่อขุนผาเมือง แล้วพ่อขุนผาเมืองเอาพลเม้อเมืองราดเมืองสากอได.......ศรีสัชนาลัย สุโขทัย ขอมสมาดโขลญลำพงรบ....แล้วพ่อขุนบางกลางทาวไป...........พอพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราดมา....ให้ประชุมพล พ่อขุนบางหลางทาวและพ่อขุนผาเมืองขี่ช้าง......พระยาผสบกัน.....ตินให้ขี่ด้วยกันเหนือหัวช้าง ประคนแล้วพ่อขุนบางกลางทาวและขอมสมาดโขลญลำพงรบกัน พ่อขุนบางกลางทาวให้บอกแก่พ่อขุนผาเมือง พ่อขุนผาเมือง......ขอมสมาดโขลญลำ
พง....พายพง พ่อขุนผาเมืองจึงยังเมืองสุโขทัยเข้าได้ เวนเมืองแก่พ่อขุนบางกลางทาว พ่อขุนบางกลางทาวมิสู้เข้าเพื่อเกรงแก่มิตรสหาย พ่อขุนผาเมืองจึงเอาพลออก พ่อขุนกลางทาวจึงเข้าเมือง พ่อขุนผาเมืองจึงอภิเสกพ่อขุนบางกลางทาวเจ้าเมืองสุโขทัย ให้ทั้งชื่อตนแก่พระสหายเรียกชื่อศรีอินทรบดินทราทิตย์ นามเดิมกมรเตงอัญผาเมือง เมื่อก่อนผีฟ้าเจ้าเมืองสรีโสธรปุระ ให้ลูกสาวชื่อนางสิขรมหาเทวีกับขันไชยศรี ให้นามเกียรติแก่พ่อขุนผาเมือง เหียมพ่อขุนบางกลางทาวได้ชื่อสรีอินทรบดินทราทิตย์เพื่อพ่อขุนผาเมืองเอาชื่อตนให้แก่พระสหาย...เมืองสุโขทัยเพื่อนั้น พ่อขุนศรีอินทรบดินทราทิตย์และพ่อขุนผาเมืองเอาพลตบกันพาทั่ว....แต่เมื่อเพรงเตรลาคลาทุกแห่งทุพาย ต่างคนต่างเมื้อบ้านเมื้อเมืองดังเก่า ลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ผู้หนึ่ง ชื่อพ่อขุนรามราชปราชญ์รู้ธรรม ก่อพระศรีรัตนธาตุอันหนึ่งในศรีสัชนาลัย หลานพ่อขุนศรีทราทิตย์ผู้หนึ่งชื่อธรรมราชาพ่.รู้บุญรู้ธรรมมีปรีชาแก่กมบ่มิกล่าวถีเลย พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราดนั้น ให้สร้างเจดีย์มีคุณแก่ฝูงท้าวพระยา เป็นอาจารย์พรนธิบาลแก่ฝูงกษัตราธิราชทั้งหลาย....ในศรีสัชนาลัย....ทุกแห่งให้เป็น....พายลูนบูนหลังทั้งหลายยอมให้..สรร เลิกโอยทาน....ครูหนักหนาแก่กม มีหลานพ่อขุนผาเมืองผู้หนึ่งชื่อสมเด็จพระมหาศรีสรัทธาราชจุลามุนีศรีลังกาทีปมหาสามิเป็นเจ้า พระมหาเถรศรีสรัธาราชจุลามุนีหลานพ่อขุนผาเมืองนั้น ผู้เชื่อมักกระทำบุญกระทำธรรม มักโอยทานทุกเมื่อ บ่คิดแค้นจักให้แก่ท่าน...สะอาดงามหนักหนา จึงโอยทานบิณฑบาตโอยทาน บ่มิขาดสักอันโอย...คาบแล...ฉันทุกวันดังอัน...มักจำศีลภาวนาอยู่กลางป่ากลางดงหลงอดฉันให้......ลูกหมากรากไม้มีวัดปริบัติดุจเยี่ยงสิงหลทุกอัน นักกเมรเทศแสวงหาปรีชาสุ.....เทศรู้ทุกภาษา มักกระทำเพียรพยายามกลาง บ่ยืนกลางคืนบ่อยู่เหียมปรารถนาโพธิสมภาร.....ปลูกพระศรีมหาโพธิกระทำพุทธปฏิมาทุกแห่งทุกพาย เลิกศาสนาพระมหา.....อันตรธาน บ่ให้ฉิบ บ่ให้หายสักแห่ง พระมหาเถรศรีศรีสรัธาจุลามุนีนั้นผู้เชื่อ......ก็ดี บ่มิเคียดตอบขสานติไมตรีรู้ปรานีคน สัตว์ทั้งหลายโปรดสรายบ่ให้ล้มบ่ให้ตาย....ดังอันรู้คุณท่านเสงี่ยมมรรยาทอาจสั่งสอนตน สั่งสอนคนทั้งหลายให้รู้ละอาย รู้กลัวบาป กลัวผิดต่อผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อแม่ครู อุปัชฌาย์ มิตรสหายทั้งหลาย พระมหาเถรศรีสรัธาราชมุนีนั้นกล้า....ด้วยแก่กม
........( ๘-๙ บรรทัดนี้ขออนุญาตข้ามไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร)...........
สมเด็จพระมหาเถร.........ฝูง......เป็นคฤหัสถ์...เมื่อนั้น เจ้า....พิศเสมอราชสีห์มีกำลัง...หนักหนาแก่กม ต่อหัวช้างด้วยขุนจัง ขุนจังนั้นขี่ช้างสรายเป็นสารสูงใหญ่หนักหนาแก่กม น้ำมัน...กำลังตกและขี่มาด้วยเร็วหนักหนา ขุนจัง...ทายพระยาคำแหง........พระยาคำแหงพระราม......จักแลกหมอนแพรแทน.....ดังอันเจ้าศรีสรัธาราชจุลามุนีนั้นเจ็บใจต่างพ่อตนหนักหนา เสมือนดังเอาค้อนตีหางนาคราชนั้น....ช้างชื่อ.....ชั้นขับแล......แม่ช้างแลช้างสรายลงมันขำเชิง..... ช้างสรายเอางวงมันคลำนำลาง.....อันย้อยถูกหัวเจ้าศรีสรัธาราชจุลามุนี.....หน้าปักปิ่น..กจอบ...ถูกรูน้ำมัน ช้างสรายนั้นเดินเจ็บหนักหนาคนห่นดิน ก็ยังช่วยแห่งช้างสรายนั้นจึงยักเพลียกมุดป่าพงหนี เจ้าศรีสรัธาราชจุลามุนีจึงขับแม่ช้างไล่ตามตีบ่ย้าด้านหาญเร้า....วานงวงวิ่งหนีตกป่าแขม เงือดคำรบสองคาบสามคาบเข้าทั้ง....นั้นวิ่งหนีเลย ช้างนั้นตามบ่อย่าจึงได้ช้างสรายนั้นให้มาและสมเด็จธรรมราชา...เมืองสุโขทัย.นี้ท่าน...ว่าดังฤๅ
........( ๑๐ บรรทัดนี้ขออนุญาตข้ามไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร)...........
เจ้าศรีสรัธาราชจุลามุนีนั้น บัดเข้าบุญเข้าบาป บัดหัวบัดให้ บัดได้บัดเสีย บัดได้สุข บัดได้ทุกข์ เวียน...กลับไปมาเข็ญใจในสงสารนี้หลายซ้ำแก่กม.......มาถึงยี่สิบเก้าเข้าสามสิบทรงมีราชกุมารภัจผู้หนึ่ง............หนักหนาเห็นสงสารภพนี้ อนิตอนาตบ่มิเที่ยง จึงคำ..................................มาถึงสามสิบเอ็ดปีมีศรัทธาหนักหนา ซือผู้ใดปรารถนาเอาหัว........โอยทานเมื่อนั้น ขึงขนนิมล้างเครื่องอาวุธทั้งหลายอันเป็นต้นว่า.....................เห็น......................สนูฝันหุงจังหันในป่า...........เวียนเหม.....................จึงสละพ้นละเหย้าเรือน แต่งเรือนผาด้วยผ้าแดงผ้าเหลือง ผ้าดำผ้าเขียวผ้าขาว.เหลือ....สาเอาห่ปไดจึงไตรกรยาทานสํส..................
ศรีสรัธาราชจุลามุนีจึงยอสองมือบังคมพบให้มองดูแท้ใสงายเส.....................เป็นเจ้ามีศรัทธาโอยทานตนที่นั้นไว้ตน.ที่นั้น...........................รอยทำยอดที่นั้นเป็นปาฏิหาริย์ได้สามเดือนเป็นอัศจรรย์.............ทั้งหลายสกลใน........เขาที่นั้น.....รัตนธาตุ....คีวาธาตุพระ.....พระทันตธาตุพระธาตุ.........กลางหาว ชาวสิงหลเห็นแก่ตามีศรัทธาลง......จุลามุนีไว้เหนือจอมเขา......ทำบุญชาวพระ...บูชา....................อันหนึ่ง.ฉลักด้วย.......แห่งเทนูรา.................คาไปก่อ........พระเจดีย์ใน.....คืนมาฉัพพรรณรังสี....
...............................ชำรุด................................
...............................ชำรุด................................
............พระศรีราชจุลามุนี..........................................................................
...............................ชำรุด................................
...................................มณีรัตนปัด.................ราคไพ..............การประพาส.......................................แต่งแง่ลูกสาวสองคนใส่ทองทองปลายแขนแหวน...........หนักหนา โอยทานให้แก่ท่านผู้มาขอและออก..............ปรารถนาเป็นพระพุทธ.......จึงภิเนกษกรมออกจากรัตนภูมิสพายบาตร.............ทั้งหลาย.......ดงเตร่หาพระศรีรัตนมหาธาตุ ปรารถนาเพื่อจักทำกุศล......แก่สัพพัญยุตญาณอิงใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ จึงแสวงหาปลูก........นครสุโขทัยบางฉลังศรีสัชนาลัยใคร่ใจจักให้เป็นธรรมบูราลางแห่ง........พระศรีรัตนมหาธาตุปลูกเนาวรัตนพระศรีมหาโพธิ สร้างพิหารอาวาสอันอัดพี........ลางแห่ง....แลมากระทำมหาสพาน ปลูกดอกไม้ต้นใหญ่หลายพรรณแก่.................พระศรีมหาโพธิไว้คนแต่งเฝ้ารักษาหลายครัวมีทั้งสวนหมากสวนพลูไว้นากร.......ทุกพรรณทั้งหลาย
........( ๗-๘ บรรทัดนี้ขออนุญาตข้ามไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร)...........
สมเด็จพระมหาเถรศรีสรัธาราชจุลามุนี เป็นเจ้า........เจ้าเราเลือกให้ กระทำพระมหาธาตุหลวง ขึ้นพระมหาธาตุด้วยสูงเก้าสิบห้าวาไม่.....เหนือพระธาตุหลวง ไสสองอ้อมสามอ้อม ศรีสรัธาราชจุลามุนีเป็นเจ้าพยายามให้......แล้วจึงก่อ.....ขึ้นเจ็ดวาสทายปูนแล้วบริบูรณ์พระธาตุหลวงก่อใหม่เก่าด้วยสูงได้ร้อยสองวา ขอมเรียกพระธมนั้นแล สถิตเคริงกลางนครพระกฤษณ์ เมื่อจักสทายปูนในกลางป่า.....อันทำปูนยากหนักหนาทำปูนมิได้ พระศรีราชจุลามุนีเป็นเจ้าจึงอธิษฐานว่าดังนี้..................กูแล้ยังจักได้แก่สัพพัญญุตญาณเป็นพระพุทธจริงว่าไซร้ จุ่งให้พบปูน.....อธิษฐานบัดแปรแห่งนั้น ดายกลายพบสังปูนอันหนึ่งทายาทหนักหนา เอามาสทายพระธาตุก่อใหม่ เก่าแล้วเอามาต่อพระพุทธรูปหินอันหักอันพังบริบูรณ์แล้วปูนก่อยังเหลือเลย พระมหาธาตุหลวงนั้นกระทะทำปาฏิหาริย์อัศจรรย์หนักหนา และมีพระธาตุอันใหญ่ล้อมหลายแก่กม ฉลองมหาพิหารใหญ่ด้วยอิฐเสร็จบริบูรณ์แล้วจึงไปสา...หาเอาพระพุทธรูปหินเก่าแตกมาบูชาด้วย ด้วย ไกลชั่วสองสามคืนเอามาประดิษฐานไว้ในมหาพิหาร ลางแห่งได้คอได้ตน ลางแห่งได้ผลได้แขนได้อก ลางแห่งได้หัว ตกไกลแลสี่คนหาบเอามาจึงได้ ลางแห่งได้แข้งได้ขาลางแห่งได้มือได้ตีนญ่อมพระหินอันใหญ่ ชักมาด้วยล้อด้วยเกวียน เข็นเจ้ามาในมหาพิหารเอามาต่อติดประกิดด้วยปูน มีรูปโฉมพรรณอันงามพิจิตรดังอินทรนิรมิต เอามาประกิดชิดชนเป็นตนพระพุทธรูปอันใหญ่อันถ่าวอัน....งามหนักหนา เอาไว้เต็มมหาพิหารเรียงหลายกองช่องงามหนักหนาแก่กม.....ในมัชฌิมประเทศในปาตลีบุตรนครใกล้ฝั่งน้ำอโนมานที พระศรีรัตนมหาธาตุเป็นเจ้าชื่อสรีธาญกดกา พระกฤษณ์พระเจ้าหากประดิษฐาน พระกฤษณ์นั้นคือ ตนพระมหาสามีศรีสรัธราชจุลามุนีศรีรัตนลังกาทีปเป็นเจ้า คือตนพระรามพระนารายณ์เทพจยุติหากท่องเที่ยวในสงสารภพอันโทลเกิดไปมาแล เมดไตโย....โคตโมคาถานี้มีแห่งมหานิทานแล
........( ๗-๘ บรรทัดนี้ขออนุญาตข้ามไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร)...........
กูมีศรัทธาพยายาม.....อิฐประกิดเข้าจทายปูนมีถ่องถ้วน เมื่อทาปูนแต่ยอดแก่กมถึงดินสูงใหญ่ขาวงาม ดังเขาไกลาสทาต่อตีนมือต่อทั้งตนพระพุทธรูปหลายแห่ง ทำหอนั่งก่อเล่นเป็นตนพระพุทธรูปหินงามแก่กม กูหากใช้ตนกูกระทำการบุญสมภารวันเดียวยี่สิบแปดการ พระมหาธาตุเป็นเจ้าจึงเสด็จปาฏิหาริย์หนักหนาดังน้ำมหาสมุทร ระลอกดังฝนตกห่าใหญ่รัศมีลางอันดังพันสะจรวจสวายสูภาลูกาบุสปธารา รัศมีลางอันเลื่อมดังดวงดาวค่ำ เลื่อมดังน้ำทองไหลจรัสไปทุกแห่ง รัศมีลางอันขาวดัง...รัตนดังดอกพุดเห็นแก่ตาดาษทั่วจักรวาล พระเกศธาตุเสด็จปาฏิหาริย์....ดังสายฟ้าแลบ ดังแถวน้ำแล่นในกลางหาวอัศจรรย์ สิ่งหนึ่งเห็นตะวัน....ออกเขียวดังสุงเผาหม้อเผาไห พระคีวาธาตุเสด็จจากเจดีย์ทองพุ่งขึ้นไปยัง....เห็นดังตะวันสองอันเรืองใสงามหนักหนาแพ้พระอาทิตย์....ดูพระคีวาธาตุ...เป็นกลองเงินอันใหญ่รอบนั้นด้วยกว้าง แสงจรัสโอภานล....ควรแลว่ามีฉัพรรณรังสี เหลือง, แดง, ดำ, เขียว, ขาว, ภาว. จรัสส่องในโลกธาตุทุกแห่งปาฏิหาริย์แต่แดดอุ่นถึงสองชั้นฉายจกใกล้เที่ยง ชาวสิงหลห้าบ้านข้ามน้ำคงคาพายมาสาธุการ เสียงร้องมี่โกลาหลหนักหนา เขาอาราธนาพระบมีเสด็จลงมา เขาให้กูอาราธนาพระจึงลงมาประทักษิณรอบพระเจดีย์ทอง แล้วผยองขึ้นเมื้อเลา กูมีศรัทธาหนักหนากูจึงทอดตน กูโอยทานให้ชีวิตขาดว่าจักสทำศาสนาในลังกาทวีป จักฟังคำพระเป็นเจ้าทุกอันแล พระเป็นเจ้าจึงมาฉวัดรอบสุวรรณเจดีย์ รัศมีกระเลียกงามหนักหนา....ดังกงเกวียนแก้ว แล้วพระคีวาธาตุจึงเสด็จเข้าในโกศทอง ฝูงพระธาตุ....จึงเข้ามาสู่พระเจดีย์ ดังผึ้งพา..เข้ามาสู่รังนั้นแล กูจึงลุกขึ้นอัญชุลี...ลองมา....มาพระศรีรัตนมหาธาตุเจ้ากู ลูกหนึ่งมีพรรณงามดังทองรัศมีเท่าลูกหมาก....เสด็จมาแต่กลางหาวลงมาฉวัดเฉวียนรอบตนท่านแลจึงเสด็จขึ้นอยู่เหนือหัว และพระรัตนธาตุจึงเสด็จมาอยู่กึ่งหน้าผากพระศรีสรัธาราชจุลามุนีศรีรัตนลังกาทวีป จึงยอสองมือรับเอาและไหว้พระเกศธาตุ เส้นหนึ่งเลื่อมงามคว้างแต่บนสพัดเหนือหัวพระศรีสรัธาราชจุลามุนี ญีนศรัทธาน้ำตาถั่งตกหนักหนาบูชาทั้งตน อกเข่าซองทั้งหลายบ่มีว่าถีเลย ชาวสิงหลทั้งหลายเห็นอัศจรรย์ดังอันเขาจึงชันทอดตนไหว้สนนทพัดเบญจางค์นอนพกชัง ตีนพระศรีสรัธาราชจุลามุนี คนทั้งหลายไหว้............เต็มแผ่นดิน อุปมาดังเรียงท่อนอ้อยไว้มากดามดาสเต็มที่สถานนั้นแล เขาจึงขึ้นบังคม ลางคนว่าราชกุมารมหาสามีหน่อพุทธางจริงแลนะ เขาจึงเอาน้ำมาล้างตีนพระมหาสามีสุมเอาน้ำกิน ขุดเอาดินที่พระมหาสามีศรีสรัธาราชจุลามุนี เหยียบที่ใดย่อตีนที่นั้น ขุดเอาดินที่นั้นอันคันเอาไปไหว้บูชา รุ่งนั้นพระมหาธาตุสองลูกเรือง...ดังดาวคอยเสด็จไปกลางหาวก่อน พระศรีสรัธาราชจุลามุนี จึงข้ามน้ำคงคาไป .....ชั่วคืนหนึ่ง พระเจ้าเสด็จเข้าในโกศส่งแล้วเมื่อรุ่งจึงเสด็จออกอยู่บัดแมง ให้คนทั้งหลายเห็นศรัทธาสาธุการแลจึงเสด็จคืน เรืองเท่ากงจักรกลิ้งไปกลางหาวสู่...เจดีย์ทองที่เก่า รัศมีถูกซ่านต้องพรายเรืองงามซึ่งแสงพระอาทิตย์ เมื่อพุ่งขึ้น พระเป็นเจ้าที่นั้นปาฏิหาริย์ได้สามสิบเอ็ดวัน เหียมพระเป็นเจ้าปาฏิหาริย์ ดังอันเพื่อจักให้สำแดงแก่คนทั้งหลาย ให้ไปช่วยญธรรมในลังกาทวีป เป็นมหากุศลใหญ่ ให้ปรากฏแก่พุทธศาส ลางแห่งไปถึงอรัญญิกนอกเมืองกำพไล ชาวสิงหลจึงประดับธชปฏากทีปธูปคนธมาลา เขาจึง.....พระมหา...ธาตุด้วยยศบริวารมากมายหลายหลวงหลายอันไปถัดมหา.....เถร.......เถรมีหมู่สงฆ์เถรอันทรงธุดงคศีลา พระมหาสามี.......สี........ถัดฝูงอมาตยราชเสนาอุบาสกอุบาสิกา บมิอาจคณนาเลย...............สารท.....ทองเอาพระมหาทันตธาตุมีพระ....หนักหนาใส่....สามี....พระมหาสามีศรีรัตนะลังกาทวีป.......เทายอด........อารยไมตรี......สมาธิคงตนใตตน......ศรีรัตน......ราทบุรมหานครแห่ง.........ศรีรัตนธาตุได้.........พุทธรุปมูนิยาวพรรณ.....แสนห้าหมื่น......รบมิอาจคณนาได้
--------------------------------------------------------

คำแปลจารึกวัดป่ามะม่วง (หลักที่ ๔)
ด้านที่ ๑
(๑) มหาศักราช ๑๒๖๙ ศกกุน พระบาทกัมรเดงอัญ ฦๅไทยราช
(๒) เป็นพระราชนัดดา ของพระบาทกัมรเดงอัญ ศรีรามราช
(๓) เสด็จนำพลพยุหเสนาทั้งหลาย ออกมาจากเมืองศรีสัชชนาลัยมา
บรรทัดที่ (๔) – (๑๑) ขออนุญาตเว้นไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร
(๑๒) อภิเษก แล้วถวายพระนามว่า พระบาทกัมรเดงอัญศรีสุริยพงศ์
(๑๓) รามมหาธรรมราชาธิราช เสวย...
บรรทัดที่ (๑๔) – (๕๖) ขออนุญาตเว้นไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร
ด้านที่ ๒
บรรทัดที่ (๑) – (๙) ขออนุญาตเว้นไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร
(๑๐) ....เสด็จเสวยราชสมบัติใน
(๑๑) ศรีสัชชนาลัยสุโขทัยได้ ๒๒ ปี ลุมหาศักราช ๑๒๘๓ ศกฉลู สมเด็จ
(๑๒) บพิตรให้ราชบัณฑิต ไปอาราธนา มหาสามีสังฆราช อันกอบด้วยศีล
(๑๓) ทรงเรียนพระไตรปิฎกจบ อันสถิตอยู่ในลังกาทวีป ซึ่งมีศีลาจาร
บรรทัดที่ (๑๔) – (๔๓) ขออนุญาตเว้นไปนะครับ-ศรีวรุณะอิสโร
(๔๔) เมื่อจะทรงผนวชขอศีลนั้นพระบาทกัมรเดงอัญ ศรี
(๔๕) สุรียพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช เสด็จยืนขึ้น
(๔๖) ยกพระหัตถ์อัญชลีนมัสการพระสุพรรณปฏิมากร และพระไตรปิฏก
(๔๗) ที่เก็บไว้บนพระราชมณเฑียร กับมหาสังฆสามิราช
(๔๘) ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า ผลบุญที่อาตมาบรรพชาอุปสมบทต่อพระศาสนา
(๔๙) พระพุทธเจ้าเป็นคราวนี้ อาตมาไม่ปรารถนา จักรพรรดิสมบัติ
(๕๐) อินทรสมบัติ พรหมสมบัติ ปรารถนาเป็น
(๕๑) องค์พระพุทธเจ้านำสัตว์ทั้งหลายข้ามไตรภพนี้เทอญ. อธิษฐานดังนี้
(๕๒) แล้วจึงรับไตรสรณคม ขณะนั้นแผ่นดินนี้
(๕๓) ไหวทั่วทุกทิศ ครั้นทรงอธิษฐานผนวชแล้วเสร็จ
(๕๔) ลงจากพระมหาสุวรรณเหมปราสาท ทรงพระราชดำเนินไป
(๕๕) ป่ามะม่วง ขณะประดิษฐานฝ่าพระบาทลงยังพื้นธรณี ปัถพีก็
(๕๖) หวั่นไหวใหญ่ ยิ่งทั่วทุกทิศ
ด้านที่ ๓
(ด้านนี้ชำรุดมากเหลือที่จะอ่านได้ความ)
ด้านที่ ๔
(๑) ....เรือ เดินเท้าขึ้นบนถนนไปถึง
(๒) ..........เสด็จ ทำ
(๓) ....เมื่อนั้นยังมีเหตุการณ์ดังนั้นที่เป็นอัศจรรย์
(๔) .....ประดิษฐาน ศิลาจารึกนี้ เพื่อให้คน
(๕) ....งาม บุญบาปรีบทำบุญ
(๖) .....มีประมาททุกคนเลย แผ่นดิน
(๗) ....ดังนี้ เวลานี้มีเหตุการณ์ บุญธรรมต่าง ๆ
(๘) คราวก่อนเรายังไม่เคยเห็นดังนี้....เราได้ฟังท่าน
(๙) เล่าในทางธรรม เวลานี้เราทราบการบุญชัดเจน
(๑๐) .....ที่จริงคนทั้งหลายควรจะพยายาม.....
(๑๑) ทุกคน ส่วนบาปกรรมทั้งหลายไม่ควรทำเลย
(๑๒) อนึ่งพระสังฆราชมหาเถรเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎก มาแต่ลังกาทวีปสถิตอยู่
(๑๓) ...สีโทลโดยทักษิณป่ามะม่วงไว้พระคาถา
(๑๔) สรรเสริญพระเกียรติยศซึ่งเสด็จทรงพระผนวช
(๑๕) แล้วจารึกลงไว้ในเสาศิลา ในระหว่างพัทธสีมา ณ ป่ามะม่วง
(๑๖) โดยประจิมทิศเมืองสุโขทัยนี้

008219 - �����Ѻ㹨��֡�Ѵ��ժ��-�������ǧ���觷���ѡ����ѵ���ʵ���������������

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

 

ทั่วไทยมีฝน เตือนชาวเรือ ระวังคลื่นแรง​

​

ลักษณะอากาศวันนี้(2 ก.ค.)ประเทศไทยมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในระยะนี้ คลื่นลมทะเลอันดามัน-อ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงชาวเรือระมัดระวังในระยะนี้.....

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 2 ก.ค.เมื่อเวลา 04:00 น.ว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีฝนหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดแพร่อุตรดิตถ์ พิษณุโลก ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดหนองคาย นครพนม เลย สกลนครชัยภูมิ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์และอุบลราชธานีอุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และ สตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2553

บึ้มทหาร-ชรบ. ดับ 5 ศพ ป่วนใต้รายวัน​

​

โจรใต้แฝงตัวในป่ารกทึบริมทาง ก่อนกดระเบิดบึ้มทหารพรานที่รือเสาะตายยกคันพร้อม ชรบ. 5 ศพ ก่อนขโมยปืนหนี 4 กระบอกหลบหนีลอยนวล ขณะที่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังไล่ล่าตัวอย่างใกล้ชิด.....

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 1 ก.ค.ร.ต.อ.ไพรัช เกียรติเจริญศิริ ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดพัฒนาสันติ ที่ 3015 กรมทหารพรานที่ 45 เสียชีวิต บนถนนในหมู่บ้านบอมิ หมู่ 7 ต.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สามารถ วิชัยขัทคะ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่ในสภาพพังยับเยิน และมีศพผู้เสียชีวิตนอนอยู่ภายในห้องโดยสารและบนถนน ซึ่งอยู่ห่างจากหลุมระเบิด ลึก 2 ฟุต กว้าง 3 เมตร จำนวน 5 ราย ซึ่งถูกอนุภาพของระเบิดจนร่างกายแหลกเหลว ประกอบด้วย 1.จ.ส.อ.เกียรติชัย แย้มทัพ อายุ 46 ปี หัวหน้าชุด 2.อส.ทพ.ภาสกร ซุ่มประการ อายุ 30 ปี 3.อส.ทพ.การิม แก้วสลัม อายุ 22 ปี 4.นายอับดุลรอแม แวกะจิ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสโลว์ หมู่ 7 ต.รือเสาะ และ 5.นายรุสมัน มะมิง อายุ 28 ปี ซึ่งเป็น ชรบ.บ้านสโลว์ หมู่ 7 ต.รือเสาะ

จากการ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ จ.ส.อ.เกียรติชัย หัวหน้าชุด ได้นำกำลังรวม 3 นาย โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ.อีก 2 คน นั่งรถยนต์กระบะ เพื่อเดินทางเข้าไปสังเกตการณ์กลุ่มผู้ไม่หวังดีที่แฝงตัวเคลื่อนไหวภายใน หมู่บ้านจุดเกิดเหตุ และระหว่างที่ จ.ส.อ.เกียรชัย และพวกนั่งรถยนต์อยู่นั้นผ่านที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิง หนัก 20 ก.ก.แล้วนำไปฝังไว้กลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นขณะขับรถยนต์ขับผ่าน จนรถยนต์ได้กระเด็นพลิกคว่ำ จากนั้นคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่ จ.ส.อ.เกียรติชัย และพวก จนชีวิตเสียทั้งหมด แล้วคนร้ายได้วิ่งออกจากป่าหยิบอาวุธปืน เอส.เค.ของเจ้าหน้าที่หลบหนีไปด้วย 4 กระบอก

ล่าสุด พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 ได้ระดมกำลัง จำนวน 30 นาย ออกติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายไปอย่างกระชั้นชิดแล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ผีพนันบอลโลก ออกล่ามิเตอร์น้ำใช้หนี้​

​

ผีพนันบอลโลก อาละวาดหนัก เที่ยวออกตระเวณขโมยมิเตอร์น้ำ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ไปแล้วกว่า 120 เครื่อง ชี้ราคาครบชุดต่อหลังคาเรือนสูงถึง 2,700 บาท...

นายจำรูญ ตันทวุธ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขานครราชสีมา เปิดเผยถึงการลักลอบขโมยเครื่องมาตรวัดน้ำ หรือ มิเตอร์น้ำ ที่เป็นทองเหลืองทั้งหมดช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก พบว่ามีเครื่องมิเตอร์น้ำหน้าบ้านเรือนประชาชน หายทุกวัน ทั้งที่ เมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่าน จะไม่ค่อยปรากฏว่ามีการสูญหาย แต่อย่างใด

โดยช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการสูญหายทั้งสิ้นกว่า 100 เครื่อง ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2553 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีการสูญหายไปแล้วกว่า 120 เครื่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีประชาชน ทยอยมาแจ้งให้ทางการประปาทราบถึงวันละ 10 กว่าราย ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันฟุตบอลโลกอย่างแน่นอน

โดยมิเตอร์น้ำ ที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด อยู่ในพื้นที่ ต.บ้านโพธิ์ , ต.บ้านมะค่า อ.เมืองฯ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่หายอยู่บ่อยๆ ก็อยู่ในพื้นที่ที่อยู่ตามชนบท เพราะในช่วงเวลากลางคืนจะมืดและเงียบ อีกทั้งการที่ มิเตอร์น้ำ ตั้งอยู่นอกตัวบ้านทำให้เป็นจุดอ่อนถูกลักขโมยไปได้ง่าย

สำหรับมูลค่าความเสียหาย รวมทั้งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ความเดือดร้อนของการประปาทั้งมิเตอร์น้ำ และน้ำประปาที่ถูกไหลทิ้งตลอดทั้งคืนจนกว่าพนักงานจะไปพบหรือชาวบ้านมาแจ้งนั้น นายจำรูญฯกล่าวว่า ชุดมิเตอร์น้ำหนึ่งเครื่อง ซึ่งเป็นมิเตอร์ทองเหลืองน้ำหนักประมาณเกือบ 1 กิโลกรัม ประกอบด้วย ประตูน้ำ 1 ตัวราคา 130 บาทมีจำนวน 2 ตัว ก็คือ 260 บาท , เช็ควาล์วตัวละ 130 บาทเช่นเดียวกัน , ตัวมิเตอร์น้ำตัวละ 890 บาท และขาตั้งครบชุดอีกกว่า 400 บาท รวมทั้งหมดประมาณ 1,500 บาท ต่อหนึ่งหลังคาเรือน

จากนั้นจะต้องนำมิเตอร์ไปติดตั้งให้ใหม่โดยต้องใช้แบบพลาสติกแทนทั้งหมด ประกอบด้วย ชุดเช็ควาล์ว ราคา 450 บาท , ชุดมิเตอร์ 680 บาท และชุดขาตั้ง รวมประมาณ 1,200 บาท ความสูญเสียที่เราจะต้องเสียทั้งมิเตอร์ทองเหลืองที่หายไป 1,500 บาท และชุดมิเตอร์พลาสติกที่ต้องนำไปติดตั้งทดแทน 1,200 บาท สรุปรวมแล้วประมาณ 2,700 บาทต่อราย ต่อหลังคาเรือน ที่ถูกโจรกรรมไป

ทั้งนี้ คนร้ายที่ก่อเหตุ มักจะขโมยไม่ซ้ำพื้นที่ และจะหมุนเวียนขโมยไปเรื่อยๆ ส่วนทองเหลืองที่ถูกขโมย ก็จะนำไปขายให้ร้านค้าของเก่าหรือร้านรับซื้อเศษเหล็ก จากนั้นเขาก็จะเอาไปหลอมใหม่หล่อเป็นพระ และรูปสัตว์ทองเหลืองต่างๆ , ทองเหลืองรูปนักกีฬากำลังเตะฟุตบอล หรือถือลูกฟุตบอลต่างๆ เป็นต้น

สำหรับโทษของการขโมยมิเตอร์น้ำ นั้น ถือเป็นคดีอาญา ในข้อคดีลักทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ส่วนจะหนักหรือเบาก็อยู่ข้อกฎหมายหรือที่ดุลยพินิจของศาล ซึ่งจะต้องมีดำเนินคดีถึงให้ถึงที่สุด

ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ยังไม่พบหมูป่วยตายในนครสวรรค์
​

​

ฟาร์มหมูนครสวรรค์วางมาตรการเข้มโรงเลี้ยงหมูหลังพบมีหมูป่วยตายเป็น จำนวนมากทางภาคอีสาน เจ้าของฟาร์มเผยหากพบว่าหมูป่วยจะแยกออกทันที....

หลังจากมีข่าวว่าหมูที่จังหวัด หนองคายได้ป่วยด้วยอาการซึม ขาไม่มีแรง เอาแต่นอนไม่กินอาหาร ตัวแดง หายใจขัด ถ่ายเหลว ปัสสาวะเป็นเลือดแล้วก็ตายไปแล้วกว่าครึ่งร้อยตัวนั้นวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ เข้าไปสำรวจที่ฟาร์มหมูในอำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่มีโรงเลี้ยงหมู 3 โรง และหมูอีกนับพันตัว โดยจากการเปิดเผยของนางวริษา อินทร์เม่น เจ้าของฟาร์มหมูได้บอกว่าหลังจากทราบข่าวว่ามีหมูป่วยตายเป็นจำนวนมากนั้น ที่ฟาร์มจึงได้วางมาตรการเข้มขึ้นโดยห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในโรงเลี้ยงหมู โดยเด็ดขาด และฉีดยาฆ่าเชื้อทุก 3 วัน

พร้อมทั้งให้พนักงานฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งก่อนจะเข้าไปทำความสะอาดในฟาร์ม ส่วนอาการหมูป่วยขณะนี้พบมีอยู่3 ตัว ซึ่งมีอาการป่วยซึมเศร้าเนื่องจากอากาศเปลี่ยนจึงได้แยกหมูทั้ง 3 ตัวไปกักไว้อีกเล้าเพื่อรักษาและรอดูอาการ ส่วนลักษณะอาการที่ป่วยและตายอย่างที่จังหวัดหนองคายตอนนี้ยังไม่พบว่ามีใน ฟาร์มแห่งนี้แต่อย่างใด

ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

======================================


2 ก.ค. 53

ปีเห่งการเตรียมตัว

ในปีหน้า--------ตกเลขเด็ด-----สิบเอ็ดสอง
ผมเฝ้ามอง------ภัยพิบัติ--------แรงจัดขึ้น
ถ้าท่านเชื่อ------ต้องรีบหา------แหล่งพาพึง
ช่วยออกทุน-----สร้างที่พัก------ที่หลบภัย

เวลาหมด-------หมดเวลา------เงินตราขาด
ไม่สามารถ------นำมาใช้-------เกิดดอกผล
เร่งจัดหา-------ของจำเป็น------สำหรับตน
หมดกังวล------เรื่องที่พัก-------ที่ปลอดภัย

ถ้าไม่เชื่อ----------ท่านไม่ต้อง------ทำอะไร
ให้เตรียมใจ--------รับเหตุการณ์------ที่เกิดขึ้น
พร้อมครอบครัว----เพื่อนรัก----------ที่ใจถึง
ช่วยกันดึง----------ช่วยกันรั้ง--------ยามภัยมา

ส่วนผู้ที่----------คิดจะซื้อ-------อยู่ที่สูง
ผมขอจูง---------หาซื้อที่--------ใกล้พระบาท
จะแคล้วคลาด----ไม่ประมาท------มารจะมา
วิ่งเข้าหา---------เข้าพักพิง-------แค่ชั่วคราว

คนส่วนใหญ่------มีตัวติด----------ตัวเสียดาย
ไม่ยอมคาย------ให้ออกจาก-------ดวงจิตตน
เมื่อคนชวน------ให้หลบภัย--------มักสับสน
ชีวิตตน----------และครอบครัว----ไม่ห่วงใย

มัวแต่ห่วง------ปราสาททราย-------ที่ตัวสร้าง
ไม่เคยถาม-----ใจตัวเอง------------สร้างเพื่อใคร?
เมื่อน้ำมา------ปราสาททราย-------ก็ทลาย
ชีวิตหาย-------พร้อมครอบครัว-----และตัวเอง

ส่วนผู้ที่----------มีกำลัง----------ทั้งสินทรัพย์
โปรดเถิดครับ-----อย่ากอดไว้------ไร้เหตุผล
นำมาช่วย--------กลุ่มของตน------เพื่อรวมพล
จะได้ผล---------เมื่อภัยมา--------จะมีกิน

เงินเก็บไว้------มันก็เหมือน-------เศษกระดาษ
ไม่สามารถ-----นำมาใช้----------ให้เกิดผล
สู้เอามา--------เข้าช่วยเหลือ-----นำผู้คน
อีกทั้งตน-------และครอบครัว-----ให้ปลอดภัย

ส่วนผู้ที่--------มีกุศล--------นำดวงจิต
ที่ช่วยคิด------ช่วยทำ--------นำผู้คน
ก็ขอให้--------บุญกุศล-------ช่วยนำตน
ให้มีผล--------นำดวงจิต-----นิพพานเทอญ



องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
;aa59

คอยติดตามชม อติกานต์ หนุนภักดี (จิ๊บ พิธีกรช่องยูบีซี)
จะออกรายการ วู๊ดดี้ เกิดมาคุย ทางทีวีช่อง 9 ทุกคืนวันอาทิตย์
เวลา 22.31น. เกี่ยวกับคำสั่งฟ้าเรื่องภัยพิบัติ เร็วๆนี้
​

======================================

ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

เกิดแผ่นดินไหวบริเวณชายฝั่งอินโดนีเซีย



จาการ์ตา 2 ก.ค. - เจ้าหน้าที่ศูนย์แผ่นดินไหว กล่าวว่า เกิดแผ่นดินไหวปานกลางขนาด 5.7 ริกเตอร์ บริเวณชายฝั่งของอินโดนีเซีย ในวันนี้ แต่ไม่มีประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ

ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองอัมบนราว 212 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ทะเลบันดาราว 35 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 01.57 น. วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนแนววงแหวนไฟ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อของเปลือกโลกที่มักเกิดภูเขาไฟปะทุและแผ่นดินไหวบ่อย ครั้ง.- สำนักข่าวไทย

เฮอริเคนอเล็กซ์อ่อนกำลังลงแล้ว

สหรัฐฯ 2 ก.ค. - เฮอริเคนอเล็กซ์เริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว หลังพัดถล่มพื้นที่ชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน

อิทธิพลของเฮอริเคนอเล็กซ์ซึ่งล่าสุดได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมอย่างรุนแรงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก มีชาวบ้านถูกกระแสน้ำพัดเสียชีวิต 1 คน และคนงานอีก 2 คน เสียชีวิตจากการถูกกำแพงถล่มทับ นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีก 1 คน

พายุอเล็กซ์ส่งผลให้ประชาชนในเมืองซิวดัดวิกโตเรีย เกือบ 250,000 คน ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ การสื่อสารถูกตัดขาด โรงเรียนต้องปิดทำการ คลื่นลมแรงยังทำให้คราบน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกถูกพัดเข้าสู่ชายฝั่งมากขึ้น ขณะที่ปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันต้องหยุดชะงักชั่วคราว เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า พายุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกกว่า 26 เปอร์เซ็นต์.- สำนักข่าวไทย

 

เตือนธารน้ำแข็งอินโดฯ-มหาสมุทรแปซิฟิกจะละลายหมดในไม่กี่ปี

อินโดนีเซีย 2 ก.ค. - นักวิทยาศาสตร์เตือนธารน้ำแข็งแห่งสุดท้ายในอินโดนีเซียและในมหาสมุทรแปซิฟิกจะละลายหมดไปภายในไม่กี่ปีนี้

ลอนนี่ ทอมสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งชั้นนำของโลก เตือนธารน้ำแข็งแห่งสุดท้ายในอินโดนีเซียและในมหาสมุทรแปซิฟิกจะละลายหมดไปภายในไม่กี่ปีนี้เนื่องจากมีการละลายอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนเข้าขั้นวิกฤต

ทอมสัน ใช้เวลาหลายปีรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งทางภาคตะวันออกของอินโดนีเซีย ซึ่ง ทอมสัน ถึงกับออกปากว่าเคยรู้สึกได้ถึงการละลายของธารน้ำแข็งในอินโดนีเซียบริเวณที่เขาไปตั้งแคมป์ นอกจากนี้ ภาพถ่ายดาวเทียมก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าธารน้ำแข็งในอินโดนีเซียกำลังละลายลงอย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">กทม.เผยฝนหนักผิดปกติ 150 มม.น้ำท่วมกลางดึก 30 จุด



สำนักข่าวไทย 2 ก.ค. - นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร ว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน ปริมาณฝนเฉลี่ย 120-150 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าตกหนักผิดปกติ ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง 02.00 น. มีฝนตกหนักมากและทำให้ถนนสายหลักมีน้ำท่วมขังกว่า 30 จุด ระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 20-25 เซนติเมตร ตนได้ออกมาอำนวยการการระบายน้ำตลอดทั้งคืนกระทั่งน้ำลดเกือบหมด แต่ในช่วงเช้าเวลา 05.00-06.30 น. มีฝนตกหนักอีกระลอกหนึ่ง ทำให้กลับมามีน้ำท่วมอีกหลายจุด รวมทั้งที่บริเวณแยกเกษตร-งามวงศ์วาน บริเวณถนนรัชดาภิเษกหน้าศาลอาญา และบริเวณถนนศรีอยุธยา โดยได้เร่งระบายน้ำและอำนวยความสะดวกในการจราจรแล้ว ในการปฏิบัติงานระบายน้ำตลอดทั้งคืนทั้งบุคลากรและเครื่องจักรทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีเครื่องสูบน้ำใดเสียหายหรือหยุดทำงาน พบอุปสรรคในการระบายน้ำเล็กน้อย เช่น ไฟฟ้าดับ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังเร่งเดินเครื่องสูบระบายน้ำอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเร่งผลักดันระบายน้ำจากคลองสายต่าง ๆ ที่เริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยไม่มีปัจจัยเรื่องน้ำเหนือหรือน้ำหนุนแต่อย่างใด ทั้งนี้จากการตรวจสอบกับเรดาร์สภาพอากาศ พบว่ายังจะมีฝนจากอ่าวไทยผ่านพื้นที่ กทม.ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และยังคงเป็นห่วงจะเกิดน้ำท่วมหากมีฝนตกลงมาในปริมาณมากกว่าปกติอีก.-สำนักข่าวไทย

ที่มา MCOT - NEWS


</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">




</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** คืนดีต่อกัน...คือต้องทบทวนความจริงของตนเอง ****

การเอาชนะกันด้วยสงคราม...ไม่มีวันจบสิ้น
ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ

การเด็ดหัวผู้นำ...ก็ไม่มีวันจบสิ้น
เมื่อลูกหลานเขาแข็งแรง เขากับกลับมาทวงคืนอีก
ผลัดกันไป ผลัดกันมา ไม่จบสิ้น

การมองแต่เรื่องผิดๆ ของผู้อื่น....
จะสร้างเวรกรรมต่อกัน ส่งผลไม่รู้จบสิ้น

การมองความผิดพลาดของตนเอง
ยอมรับความผิดพลาดในอดีต
การรับผิดชอบ การกระทำในอดีตของตน
แล้วกล่าวขอขมาต่อเขาก่อน ให้สัจจะที่ดีต่อกันตลอดไป
...เป็นหนทางออกที่ดีที่สุด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓

 

*** ถ้าเราเป็นผู้นำ ****

เราจะประกาศว่า...เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
เราจะหาทางนำคุณทักษิณกลับเข้าประเทศด้วยความปลอดภัย
เราจะมองความดีของเขา เอาความดีไปลบล้างความผิดพลาด
เราจะลบล้างความคิด ในการแตกแยกของประชาชนให้สำเร็จ
เราจะทำ เพื่อคืนความสามัคคีความสงบให้คนในชาติ
เพราะถ้าไม่ทำ บ้านเมืองก็จะแตกแยกในที่สุด
แล้วเพื่อนบ้าน เขาจะมาทวงดินแดน

ผู้นำ เป็นผู้มีอำนาจที่จะนำแล้ว จึงทำได้เลย
- " หนุมาน ผูนำสาร "

 

อนุโมทนาสาธุครับ เอทำไมเมื่อก่อนไม่ค่อยมีข่าวแผ่นดินยุบตัวเลยครับ เพิ่งจะมีติดๆกันช่วงนี้นี่แหล่ะ จะบอกว่าข้างล่างเป็นธารน้ำก็ไม่น่าจะใช่ทั้งหมด ดูคล้ายๆตอนนี้ที่ตรงไหนๆก็มีสิทธิยุบตัวได้ คงไม่ปกติแล้วกระมัง

 

วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16:39 น. ข่าวสดออนไลน์


ชี้วิกฤตการเมืองส่งผลเด็กมีพฤติกรรมรุนแรง

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่รัฐสภา คณะอนุกรรมาธิการสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามรัฐ ธรรมนูญ วุฒิสภา ได้มีการจัดเสวนาเรื่อง “เด็ก: ควรเรียน รู้อะไรจากวิกฤตทางการเมือง” โดยนายอนุศักดิ์ คงมาลัย ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า พฤติกรรมความ รุนแรงกรณีนักเรียนชั้นม. 5 โรงเรียนวิทยานุสรณ์ ก่อเหตุเผาหอสมุดโรงเรียน ซึ่งเกิดจากความเครียดจากการกดดันทางการเรียน และการเลียนแบบพฤติกรรมความรุนแรงทางการเมืองที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า เด็กไทยกำลังเผชิญปัญหาความสามารถด้านการบริหารอารมณ์ จนกลายเป็นจุดอ่อนต่อความอดกลั้นเมื่อเผชิญปัญหาและการหาทางออกด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังพบว่า ค่านิยมของเด็กไทยในยุคปัจจุบันที่เกิดจากการเลียนแบบทางสังคมที่สำคัญ 5 ด้าน เชื่อพรหมลิขิต ติดยา บ้าแบรนด์เนม ติดเกม กลัวผี ซึ่ง ค่านิยมเหล่านี้มาจากเพื่อน สังคมรอบข้าง การโฆษณาชวนเชื่อ สื่อมวลชน ผู้นำทางความคิด ขณะที่ระบบการศึกษาไทยที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้ตามความคาดหวังที่ตั้งกันเอา ไว้ ปรับตัวไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และมีเพียงมาตรฐานเดียวในการวัดความเก่งของเด็ก ดังนั้นสิ่งที่เด็กควรเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้นในสังคมคือ การเรียนรู้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมด้วยตนเองอย่างรู้เท่าทัน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ และเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ข้าราชการ และทุกภาคส่วนตระหนักในการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในการเฝ้าระวังเด็ก ในภาวะที่สังคมสับสน โดยจำเป็นต้องใช้กลไกที่ใกล้ตัวที่สุดในการเฝ้าระวังกับปัญหา ได้แก่ เครือข่ายเพื่อนร่วมชั้นเรียน เครือข่ายผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา

นายธนากร คมกริช หัวหน้าโครงการเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า เด็กควรเรียนรู้ความเป็นจริง เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของสังคม โดยทุกระบบในสังคมต้องทำหน้าที่ฝึกสอนให้เด็กได้เรียนรู้ กลับพบว่า หน้าที่ในการอบรมเด็กกลับถูกผลักภาระไว้ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ระบบโรงเรียนกลับมุ่งเน้นในเชิงวิชาการ จึงเห็นด้วยที่ผู้ปกครองต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลลูก ไม่ควรฝากภาระและอนาคตให้กับโรงเรียน โดยต้องมีระบบกลไกทางสังคมที่ช่วยให้ระบบครอบครัวมีความเข้มแข็ง มีทักษะและความรู้ความเข้าใจในการแนะนำลูกของตนเอง ซึ่งการสร้างระบบเครือข่ายผู้ปกครองสามารถทำได้ โดยโรงเรียนต้องเปิดพื้นที่ให้กลุ่มพ่อแม่ได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของความเป็นผู้ปกครอง เช่น มีห้องให้ผู้ปกครองได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และการให้คำปรึกษาการเลี้ยงดูลูก เพื่อให้เครือข่ายครอบครัวมีส่วนในการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเด็กในโรงเรียนมากขึ้น

ชี้ฝนถล่มกรุงหนักสุดในรอบหลายปี

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ก.ค. นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ (สนน.) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาตั้งแต่ช่วงเวลา 02.00 - 06.00 น.ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น วัดได้เฉลี่ย 152 มิลลิเมตร (มม.) ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณเกินอัตราที่จะรับไหว คือ 60 มม.ต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักดังกล่าว ทำให้พื้นที่จุดอ่อนซึ่งมีพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถ.เพชรบุรี ถ.ศรีอยุธยา ช่วงวังสวนผักกาด ถ.พหลโยธิน ช่วงสนามเป้า ถ.จันทน์ เป็นต้น เกิดปัญหาน้ำท่วมขังสูงประมาณ 15 เซนติเมตร ซึ่ง สนน.ได้ระดมอุปกรณ์ระบายน้ำ เช่น เครื่องสูบน้ำ ดำเนินการสูบน้ำในคลองที่ใกล้เคียงออกเพื่อรองรับน้ำที่จะเข้ามา พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทั้งนี้ ปริมาณน้ำฝนดังกล่าวถือว่ามากกว่าในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นฤดูฝนจะมีปริมาณเฉลี่ย 30 - 80 มิลลิเมตรเท่านั้น

นายสัญญา กล่าวอีกว่า สำหรับในพื้นที่ กทม.ที่เป็นชุมชนหรือหมู่บ้านหลายแห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและเสี่ยงน้ำท่วมนั้น เจ้าหน้าที่ สนน.เตรียมอุปกรณ์ไว้ช่วยเหลือ แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอ ขอแนะนำให้หมู่บ้านหรือชุมชนเตรียมระบบป้องกัน เช่น ขุดลอกท่อระบายน้ำของหมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงเร่งสร้างระบบระบายน้ำที่เชื่อมต่อกับระบบระบายน้ำของ กทม.ให้เร็วที่สุด

ด้านบก.จร. (02) รายงานสรุปจุดที่มีน้ำท่วมขังหลังจากที่ฝนตกตลอดคืนที่ผ่านมายันเช้าวันนี้ ซึ่งส่งผลกระทบสภาพการจราจรเป็นวงกว้าง ทำให้คน กทม.ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ประกอบด้วย 1.ถนนศรีอยุธยาจากหน้าวังสวนผักกาดถึงแยกพญาไทน้ำท่วมถึงขอบทางเท้า 2.ถนนรัชดาตั้งแต่แยกเชิงทางลงลาดพร้าวถึงหน้าศาลอาญา 3.รัชดาซอย 30 ถึงแยกรัชดาลาดพร้าว 4.ถนนศรีนครินทร์จากแยกศรีอุดมทั้งขาเข้า-ออก ถึงแยกศรีนุช 5.ถนนงามวงศ์วานจากปากซอยชินเขต 1 เป็นทางยาวประมาณ 100 เมตร 6.หน้าตลาดพงษ์เพชร น้ำท่วมขังเสมอฟุตบาท 7.ถนนพระราม 4 ขาออกตั้งแต่หัวลำโพงถึงถนนอังรีดูนังต์ น้ำท่วมขังเป็นช่วงๆ สูงประมาณครึ่งล้อรถ

รัฐบาลชี้ไม่กระทบ เขมรจัดงานวันโกรธแค้นไทย

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
วันที่ 2 ก.ค. ที่จ.กาญจนบุรี นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อนุญาตให้องค์กรภาคเอกชน หรือ เอ็นจีโอ ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จัดงานวันแห่งความโกรธแค้นไทยในวันที่ 15 ก.ค. นี้ โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาให้จัดการดังกล่าว ว่าคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรและไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับประเทศไทยเพราะเป็นกิจการภายในประเทศและหน่วยงานที่จัดก็เป็นภาคเอกชน

ในอดีต กัมพูชาเคยจัดงานลักษณะนี้มาแล้ว คืองานเฉลิมฉลองที่ศาลโลกตัดสินใหักัมพูชาได้ครอบครองปราสาทพระวิหารและงานฉลองที่งค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์สื่อของกัมพูชารายงานเมื่อ 30 มิ.ย. ว่าองค์กรภาคเอกชน กัมพูชา วอตช์ด็อก เคาน์ซิล (ซีดับเบิลยูซี) มีแผนจะรวมตัวกันที่วัดโบทม วันที่ 15 ก.ค. เพื่อแสดงความโกรธแค้นที่ไทย “รุกราน” ปราสาทพระวิหารเมื่อ 2 ปีก่อนในวันที่ 15 ก.ค. 2551 โดยครั้งนั้น ไทยส่งทหารเข้าไปประชิดชายแดนใกล้กับปราสาทพระวิหาร เพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากยูเนสโก ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

นายร็อง ชุน.ติช โซเตีย ประธานซีดับเบิลยูซี ระบุว่าวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้เพื่อแสดงให้ประเทศไทยรู้ว่าชาวกัมพูชาไม่พอใจต่อการรุกรานอาณาเขตประเทศกัมพูชา ซึ่งองค์กรภาคเอกชนที่ร่วมจัดงานต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยเสียก่อน

หมึกทายผล

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>ดาวดังอีกดวงในมหกรรมฟุตบอลโลก... เจ้าหมึกเสี่ยงทายผู้ชนะ

มีนามว่า "พอล" อาศัยอยู่สวนน้ำทะเลในโอเบอร์เฮาเซ่น ฝั่งตะวันตกของเยอรมนี

ช่วงฟุตบอลโลกเปิดฉาก เจ้าหน้าที่นำเจ้าหมึกพอลมาเสี่ยงทายผลที่ทีมอินทรีเหล็กลงดวลแข้ง โดยมี 2 กล่องให้มันเลือกลงไปนอน

ปรากฏว่า 4 นัดที่ผ่านมาทายถูกหมด และนัดล่าสุดที่จะดวลกับอาร์เจนตินา เจ้าหมึกก็เข้าข้าง "เยอรมัน" อีกครั้ง

...อันนี้ยังไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่มันคงรู้ว่า เลือกข้างไหนแล้วไม่กลายเป็น "หมึกย่าง" นั่นล่ะ!!

น่าจะจับมาให้ทายว่าจะเกิด 7749 วันไหนนะ กายเป็นหมึกย่างแน่

โฮ่งช่วยชีวิตเด็กหญิงช็อกเบาหวาน



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>เดลี่เมล์รายงานว่า เมื่อ 29 มิ.ย. เจ้าเชอร์ลีย์ สุนัขพันธุ์โกลเดน ลาบราดอร์ ใช้ความสามารถในการดมกลิ่นที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ช่วยชีวิตเด็กหญิงรีเบกก้า ฟาร์ราร์ วัย 6 ขวบ ในเมืองนอร์ธแฮมป์ตันของอังกฤษ ให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชไว้ได้ในจังหวะที่เด็กหญิง ซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวานกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ในวันหยุดที่เมืองคอร์นวอลล์โดยไม่รู้ตัวว่าใกล้จะช็อกถึงตาย

ฟาร์ราร์ ป่วยเป็นโรคเบาหวานและไม่รู้สึกตัวว่าระดับน้ำตาลในเลือดกำลังลดลงซึ่งอาจนำไปสู่อาการโคม่าหรือถึงขั้นเสียชีวิต ครอบครัวของรีเบกเก้าได้เจ้าเชอร์ลีย์มาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน มันเป็นสุนัข 1 ใน 8 ตัวเท่านั้นในเมืองนี้ที่ได้รับการฝึกให้ตรวจหาภาวะน้ำตาลตกของผู้ป่วยและเตือนครอบครัว เหตุเกิดระหว่างที่เด็กๆ เต้นรำกันอย่างสนุก แคลร์ อายุ 39 ปี แม่ของฟาร์ราร์เห็นลูกสาวแข็งแรงดี ไม่ได้หน้าซีดเซียวซึ่งปกติเป็นสัญญาณของภาวะน้ำตาลตก ก็ไม่ได้เอะใจ แต่จู่ๆ สุนัขตรงไปยังที่ตั้งกระเป๋ายาของรีเบกก้าและคาบชุดตรวจน้ำตาลไปให้แคลร์ ทำให้ฟาร์ราร์พ้นขีดอันตรายมาได้

ลูกไม่เข้า

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ว่ากันว่า ในวงการฟุตบอลโลกจะพูดถึงกันไปอีกนาน จากนัดที่สองมหาอำนาจลูกหนัง เยอรมัน-อังกฤษ มาพบกันเมื่อวันอาทิตย์

เกิดเหตุกรรมการ-ไลน์แมน ไม่ให้ประตูที่แฟรงก์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ทีมสิงโตคำรามยิงข้ามเส้นประตูเข้าไปแล้ว ทั้งๆ ที่เห็นจะจะ

แต่ไหนๆ มันก็เกิดขึ้นแล้ว บ่นไปก็เท่านั้น แฟนบอลเลยประชดแกมขำขัน ทำเส้นประตูให้ใหม่ เดลี่เมล์รายงานว่าฮิตอยู่ในเว็บตอนนี้

...แต่วงเล็บว่า ถ้าบางคนดูแล้วไม่ขำ ขออภัยมา ณ ที่นี้ !!

 

*** เมตตาตัวเดียว ****

พอขาดตัวเมตตา ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นในชีวิต

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เฮอริเคนอเล็กซ์อ่อนกำลังลงหลังข้ามฝั่งเม็กซิโก

มาตาโมรอส 2 ก.ค. - เฮอริเคนอเล็กซ์อ่อนกำลังลงหลังเคลื่อนผ่านพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโกเมื่อวานนี้ และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน หลังทำให้การกำจัดคราบน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกต้องล่าช้า

ฝนที่ตกอย่างหนักยังคงเป็นอันตรายต่อพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก และทางใต้ของรัฐเท็กซัส ซึ่งศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (เอ็นเอชซี) สำนักงานไมอามีได้พยากรณ์ว่าอาจเป็นไปได้ที่จะเกิดทอร์นาโดหลายลูก

ภาพทางโทรทัศน์ถ่ายทอดให้เห็นแม่น้ำไหลท่วมฝั่ง ต้นไม้โค่นล้ม ไฟสัญญาณจราจรหักพัง และรถยนต์ที่ลอยอยู่ในน้ำ โดยนายลูอิส คาร์ลอส นายกเทศมนตรีของรัฐนวยโวเลอออง กล่าวว่า มีชาวเม็กซิโก 1 คนจมน้ำเสียชีวิตในเมืองมอนเทอเรย์ ทางเหนือของเม็กซิโก คนงาน 2 คน ถูกผนังร่วงทับจนเสียชีวิต และอีกคนสูญหาย แต่นายคาร์ลอสกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นอาจไม่เชื่อมโยงกับเฮอริเคนอเล็กซ์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนอย่างน้อย 11 คนเสียชีวิต เมื่อพายุพัดผ่านคาบสมุทรยูกาตังของเม็กซิโก นิการากัว กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ และเฮอริเคนอเล็กซ์อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนหลังจากขึ้นฝั่งเมื่อวันพุธ ซึ่งทำให้ประชาชนเกือบ 250,000 คน ของเมืองซิวดัดวิกโตเรีย เมืองเอกของรัฐตาเมาลีปัส ต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำและไฟฟ้า และการติดต่อสื่อสารได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง. - สำนักข่าวไทย


แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งวานูอาตู ไม่มีรายงานความเสียหาย

ซิดนีย์ 2 ก.ค.-ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล ขนาด 6.4 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งวานูอาตูในมหาสมุทรแปซิฟิกในวันนี้

แผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางห่างจากเกาะซานโตไปทางตะวันตกเฉียงเหนือค่อนไปทางเหนือ 222 กม. และลึกลงไปใต้ดินราว 35 กม. ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกในรัฐฮาวายของสหรัฐเปิดเผยว่า ไม่มีอันตรายจากคลื่นยักษ์สึนามิ แต่เตือนว่า แผ่นดินไหวขนาดดังกล่าวอาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิตามแนวชายฝั่งในระยะไม่เกิน 200-300 กม. ตำรวจในกรุงพอร์ตวิลาเปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายใด ๆ หรือระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง แต่พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเกิดแผ่นดินไหว ตั้งอยู่ห่างไกลและยากแก่การติดต่อสื่อสาร.-สำนักข่าวไทย

ที่มา MCOT - NEWS

 

ยูเครน-น้ำท่วมภาคตะวันตกและภาคใต้​

​

กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของยูเครน แถลงว่า เมืองและหมู่บ้านประมาณ 100 แห่ง ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งเป็นผลของอุทกภัยเลวร้ายทางภาคตะวันตก ขณะนี้ยังมีบ้านเรือนอีก 1,071 หลังจมอยู่ใต้น้ำ

กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน เปิดเผยอีกว่าแหล่งน้ำสำคัญทั้งหมดในภาคตะวันตกถูกปนเปื้อน และประชาชนในเขตเชอร์นีฟซีกำลังเผชิญกับการขาดแคลนน้ำจืดอย่างรุนแรง รถบรรทุกน้ำหลายสิบคันถูกส่งไปยังเขตดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อาจจะเกิดภัยพิบัติทางนิเวศวิทยาขึ้น หลังน้ำท่วมฉับพลันได้พัดพาที่เก็บสารพิษ และสุสานหลายแห่งพังเสียหาย

ฝนที่ตกหนักยังทำให้เกิดแผ่นดินถล่มขึ้นหลายครั้ง และในบางเขตน้ำท่วมได้ไหล่บ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรจนมิด สร้างความเสียหายยับเยินให้กับพืชผลทางการเกษตรและคร่าชีวิตปศุสัตว์ไปเป็นจำนวนมาก

ฝนตกหนักยังส่งผลกระทบต่อเขตเคอร์สันทางภาคใต้ ทำให้หลายเมืองไม่มีไฟฟ้าและแก๊สใช้ -นักอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่า อาจจะมีฝนตกหนักและลูกเห็บตกทั่วประเทศยูเครนในช่วงสุดสัปดาห์

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อินโดนีเซีย-ธารน้ำแข็งสุดท้ายใกล้ละลาย​

​

ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งของโลกออกโรงเตือนว่า ธารน้ำแข็งที่ยังคงเหลืออยู่ในอินโดนีเซียอาจจะละลายหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นาย Loonie Thompson นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งชั้นนำของโลก กล่าวในงานสัมมนาที่กรุงจาการ์ต้า ว่า ธารน้ำแข็ง Puncak Jaya ที่ยังคงเหลืออยู่ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย กำลังละลายอย่างรวดเร็ว และว่าสถานการณ์ของธารน้ำแข็งกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต นอกจากนี้ยังเตือนว่า ธารน้ำแข็งนี้จะละลายหายไปจนหมด ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย

ทั้งนี้นายThompson ใช้เวลาหลายปี ในการเตรียมการในการเดินทางไปยังธารน้ำแข็งซึ่งอยู่ห่างไกล เพื่อเก็บข้อมูลธารน้ำแข็งซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน จากการสังเกตการณ์พบว่า ธารน้ำแข็ง ที่สูง 4,884 เมตร ถูกฝนที่ตกลงมาชะล้างในช่วงบ่ายทุกวันของการเก็บข้อมูลตลอด 13 วัน หากคิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยต่อปี คาดว่าน้ำแข็งจะละลาย 7 เมตรต่อปี และว่าน้ำแข็งของธารน้ำแข็งดังกล่าว ละลายไปแล้ว 80 เปอร์เซนต์ นับตั้งแต่ ปี 1936

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ร้อนจัดทั่วยุโรป​

​

คลื่นความร้อนที่แผ่กระจายทั่วยุโรปตอนบนเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ฝรั่งเศส เยอรมนี และ สเปน มีอากาศร้อนอบอ้าว ขณะที่เขตตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรปถูกคลื่นความร้อนพาดผ่าน

เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาฝรั่งเศส ทำนายว่า อุณหภูมิในกรุงปารีส นครหลวงของฝรั่งเศส จะพุ่งสูงขึ้นถึงประมาณ 35 อาศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าระดับอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงฤดูร้อนถึงประมาณ 10 องศาเซลเซียส ชาวกรุงปารีสพากันสวมเสื้อผ้าบางๆ หันไปดื่มน้ำขวดและรับประทานไอศครีม ทำให้เกิดบรรยากาศการพักผ่อนก่อนกำหนดขึ้นในกรุงปารีส ที่มีประชากรกว่า 10 ล้านคน ในวันที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมาของปีนี้

นักท่องเที่ยวและชาวกรุงปารีส พากันออกมานอนอาบแดดท่ามกลางแสงแดดจ้า-อีริก แบสเซอกัน ชาวกรุงปารีส กล่าวว่า หลายคนมีความสุขที่สิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอมานานมาถึง มันเยี่ยมจริงๆ แม้บางคนจะไม่มีความสุขกับสภาพอากาศเช่นนี้ แต่สำหรับเขามันเยี่ยมมาก

มักนุส นักท่องเที่ยวชาวสแกนดิเนเวียน กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่อากาศไม่หนาวมากสำหรับการเดินเที่ยวชมเมือง เขาเดินทางมาพักผ่อนที่นี่เพียงสัปดาห์เดียว สภาพอากาศเช่นนี้จึงเหมาะมากสำหรับการเดินทางเที่ยวชมเมือง ความร้อนนำประชาชนจำนวนมากมานอนอาบแดดตามสองฟากฝั่งแม่น้ำแซง ขณะที่นักท่องเที่ยวก็พากันไปนั่งหย่อนเท้าลงในน้ำพุสาธารณะต่างๆ ทั่วกรุงปารีส เพื่อคลายร้อน

ในเมืองท่ามาร์กเซย ริมชายฝั่งทางตอนใต้ อุณหภูมิไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป เนื่องจากมีลมทะเลพัดมาช่วยบรรเทาความร้อน ริมชายฝั่งจึงกลายเป็นจุดรวมตัวยอดนิยมของประชาชนที่ต้องการจะคลายร้อน และประชาชนมารวมตัวกันใต้เต้นท์พิเศษที่ตั้งขึ้นบนท่าเรือ ที่มีละอองน้ำโปรยปรายลงมาจากข้างบนเพื่อช่วยคลายร้อน

ในเยอรมนี ประเทศเพื่อนบ้าน อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นกว่า 30 องศาเซลเซียสทั่วประเทศ ชาวเมืองโคโลญจ์ ทางตะวันตก ต้องหนีร้อนมาพึ่งทะเลสาบที่อยู่ข้างบ้าน ที่ทะเลสาบอาเชเนอร์ ไวเฮอร์ ของเมืองโคโลญจ์ ประชาชน 2 ถึง 3 คนมานั่งหย่อนหัวแม่เท้าลงไปในน้ำที่เต็มไปด้วยสาหร่ายที่ดำมืดของทะเลสาบ ขณะที่คนส่วนใหญ่เข้าไปหลบอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เพื่อคลายร้อน

ในย่านใจกลางเมือง นักท่องเที่ยวดูเหมือนจะไม่ยี่หระกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ยังคงเดินหน้าถ่ายภาพมหาวิหารโคโลญจ์ วัตถุอันเป็นที่หมายสำคัญของนครที่มีประชากรกว่า 1 ล้านคนแห่งนี้ ขณะเดียวกัน ชาวเมืองบางส่วนก็แอบมางีบหลับใต้ต้นไม้ ส่วนสาวใหญ่ชุดบิกินีคนนี้ก็มาอาศัยน้ำพุสาธารณะแห่งนี้คลายร้อน

ขณะที่เยอรมันร้อนอบอ้าว ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน ต้องเผชิญกับอากาศร้อนแทบสุก เพราะอุณหภูมิที่นี่เพิ่มสูงขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียส ในวันแรกของฤดูพักผ่อนฤดูร้อนอย่างเป็นทางการของประเทศ ประชาชนหลายพันคนในเมืองอัลเมเรีย ของจังหวัดอันดาลูเซีย พากันมุ่งหน้าสู่ชายหาดของเมืองเพื่อหนีร้อน เมืองนี้มีประชากรกว่า 188,000 คน

หน่วยอุตุนิยมวิทยาสเปน ออกคำเตือนรหัสเหลืองให้ประชาชนระวังสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว สำหรับ 8 จังหวัด ซึ่งรวมถึงอันดาลูเซีย กัสตียา ลา มันชา มาดริด และกาลีเซีย

ในกรุงมาดริด นครหลวงของสเปน ที่มีประชากรกว่า 5.6 ล้านคน ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวพากันไปหลบร้อนกันที่สวนสาธารณะเรตีโร ในย่านธุรกิจของกรุงมาดริด โดยบางคนมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบที่เปิดให้มีการพายเรือบด ขณะที่คนอื่นๆไปหาที่หลบร้อนใต้ร่มไทร บางคนหันไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากน้ำพุ ที่น้ำในนั้นดื่มได้

ไมค์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจากกรุงลอนดอน กล่าวว่า เขามาพักผ่อนในช่วงวันหยุดสัปดาห์ที่นี่ อากาศดีมากไม่ร้อนจนเกินไป วันนี้อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

เรียนคุณ หนุมาน ผู้นำสารครับ
ขออนุญาติ ครับ จะไม่กล่าวถึงก็ได้ แต่ไม่อยากเอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง เป็นครั้งที่สองที่ผมอ่านเจอ ครั้งแรกพูดถึงความดีและน่าสงสาร ครั้งนี้พูดเรื่องเหมือนให้ลืมๆๆกันไปเพื่อความสงบ ทำให้การเขียนของคุณผมต้องวิเคราะห์มากว่าจะให้คุณกับใครจริงๆ ไม่อยากให้เอา ความดี โดยไม่ดูความชั่วความไม่ถูกต้อง โดยเอาคำว่าเมตตา มาพูด โดยไม่ดูที่มา หรือเจตนา หรือความประพฤติ ถ้าคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม จะดีกว่าครับ หรือกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาก็ดีนะ อาจไม่ได้เรียบเรียงให้ดี เขียนไปเรื่อยเปื่อยครับ หวังว่าไม่ว่ากันไม่อยากให้เลือกฝ่ายไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็น

 

ดีคือดี...ขั่วคือชั่ว...ชัดเจนอยู่แล้วไม่มีอะไรอยู่ตรงกลางระหว่างดี-ชั่ว ส่วนเมตตาก็ช่วยคำจุนโลกแต่คนชั่วมักขาดเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกจึงเกิดการเบียดเบียนระหว่างเพื่อนร่วมโลก เห็นได้จากทุกสังคมแม้แต่สังคมโลกก็เห็นๆกันอยู่..คนชั่วชอบเบียดเบียนชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำให้สังคมวุ่นวายฯ

 

เขมรย้ายหมุดเขตแดนไทย เข้ามาตลอดแนวชายแดนจนถึงจังหวัดตราด ​

​

เนื่องด้วยได้ข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ถึงการเคลื่อนย้ายหลักมุดจากสันเขาพนมดงรัก มาไว้ยังสันเขื่อนห้วยเมฆา จ.สุรินทร์ ระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร

ซึ่งชี้ให้เห็นว่าชาวกัมพูชาได้ลุกล้ำเข้ามาตั้งชุมชนในราชอาณาจักรไทยจริง ตั้งแต่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ถึง เกาะกรูด จ.ตราด ประกอบด้วยพี่น้องในพื้นที่ถูกผลักดันออกจากที่ทำกินของตนเอง หมุดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่หลายจังหวัด มีการเคลื่อนย้ายกินดินแดนเข้ามายังฝั่งประเทศไทย ซึ่งที่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ จะทราบดีว่าหมุดเขตดินแดนตำแหน่งเดิมอยู่ที่ใดแต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งบางจุดเคลื่อนย้ายเข้ามายังฝั่งประเทศไทย ถึง 12 กม.ตามตลอดแนวชายแดนจากศรีสะเกษ สุรินทร์ จนถึง จ.ตราด

กรณีการปักปันเขตแดน ไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว ตั้งแต่ อ.ตาพระยา ถึง อ.อรัญประเทศ ยังมีปัญหาหลักเขตที่ 45 และ 47 เนื่องจากหลักเขตที่ 45 เคลื่อนย้ายจากที่เดิม ส่วนหลักเขตที่ 47 ถูกทำลายทิ้งไม่พบร่องรอย

นายสมบูรณ์ เงินทอง อายุ 80 ปี ชาวบ้านโนนหมกมุ่น กล่าวว่า อยู่บ้านโนนหมากมุ่นกว่า 60 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็นป่าดงดิบ และได้ช่วยฝรั่งทำหลักเขตแดน หลักเขต 43-44 ยังอยู่ที่เดิม ส่วนหลักเขตที่ 45 อยู่ห่างจากถนนศรีเพ็ญไปทางตะวันออก ประมาณ 30 เมตร ซึ่งเขมรอ้างว่าคนไทยเคลื่อนย้ายลึกเข้าไปในฝั่งกัมพูชา ราว 300 เมตร เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2549 คณะกรรมการปักปันเขตแดน ไทย- กัมพูชา สำรวจและยอมรับว่าเคลื่อนย้ายจริง โดยย้ายหลักเขตจากจุดเดิมไปทางทิศตะวันออกถนนศรีเพ็ญ ราว 30 เมตร

ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงปักหมุดใหม่ที่พิกัดเดิม คือ หลักเขตที่ 45 อยู่ทางด้านทิศตะวันตกถนนศรีเพ็ญ ข้ามเข้ามาฝั่งไทยท้ายบ้านโนนหมากมุ่นราว 250 เมตร คณะกรรมการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับ จึงปักหมุดไว้ และจะขุดหลักเขตที่ 45 มาฝังที่ใหม่ ส่วนหลักเขตที่ 47 อยู่ที่ชมรมบ้านหนองจาน เป็นหมู่บ้านที่ชาวกัมพูชาเข้ามาขอพักพิงชั่วคราวสมัยเกิดสงคราม แต่เมื่อสงครามสงบ ชาวกัมพูชาไม่ยอมย้ายออกพร้อมทำลายหลักเขตทิ้ง โดยหลักเขตที่ 47 อยู่ห่างจากถนนศรีเพ็ญไปทางตะวันออก ประมาณ 1 กิโลเมตร

นายสมศักดิ์ คำสุขสวัสดิ์ ผู้ใหญ่บ้านกุดผือ หมู่ 4 ต.โนนหมากมุ่น กล่าวว่า หลักเขตที่ 45 คนไทยและเจ้าของที่ดินยอมรับว่าเคลื่อนย้ายหลักเขตจริง และฝ่ายไทยยอมกลับไปฝังหลักเขตที่จุดเดิม ส่วนหลักเขตที่ 47 ที่บ้านชมรมหนองจาน กัมพูชาจะยอมรับและยอมถอนออกจากพื้นที่หรือไม่ เมื่อฝ่ายไทยยอมแต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอม หรือไทยจะยอมเสียเปรียบ

โพสต์โดยคุณ 741 วันที่ 17 พฤศจิกายน, 2552, 04:42:38

ที่มา http://www.udon108.com/board/index.php?topic=18788.0

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ

แฉนายพลไทยสมคบ พล.ท.เขมร ร่นหลักหมุดกินแดนไทย 12.5 ก.ม.

 

เรื่องเล่าของคนเป็นมะเร็ง ..........
พี่สาว ว่า ครูบาอาจารย์บอกให้ร่างกายเราเป็นดอกไม้บูชาพระรัตนตรัย มันจะเป็นอะไรก้ตามเราถวายพระพุทธองค์แล้ว ให้ปล่อยวางมันเสีย หายก็หาย ตายก็ตาย

 

๑.สุดยอดเลยครับท่านหนุมานชาญสมร นับว่านายของท่านตีโจทย์แตก และนอกจากท่าน ทำหน้าที่สื่อสาร แล้วท่านยังเป็นทหารเอกแห่งองค์ราม ด้วยความว่องไวชาญฉลาดปราดเปรียวสมแล้วที่ท่านเป็นสายบุตรแห่งกระแสลม สมแล้วที่องค์รามได้ไว้วางใจเป็นพิเศษ.

๒. เรื่องน้ำจากทางช้างเผือกเข้ามาเติมเต็มกับโลกมนุษย์นั้น ก็เป็นเรื่องสารที่ลึกลับ และเป็นจริงตลอดกาล ถึงแม้นจะมีการขโมยน้ำจากโลกนี้ไป แต่ก็ยังอยู่ในการดูแลแห่งพระแม่คงคงบนสร้วงสรรค์จักรวาฬนี้ตลอดมา จวบอดีตจนปัจจุบัน และอนาคตกาลเบื้องหน้า.

๓. เรื่อง ร.๘ ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ในปัจจุบันนี้ หวังว่านายของท่านหนุมานย่อมรู้ดี แต่มิอาจแพร่งพราย ทั้งนี้เนื่องด้วยทั้งสองภารดาต่างร่วมสายโลหิดเดียวกัน หนึ่งย่างหนึ่งถอย หนึ่งเหยียบหนึ่งยก แต่ในดวงจิตร่วมประสานหนึ่งเดียว เป็นกำลังที่เหล่าเทพเทวาเข้าร่วมผนึก จนทำให้ประเทศไทยเราผ่านวิกฤติในทุกครั้งที่ผ่านมา .... นายของท่านหนุมานฯ คงรู้ดีนะ แต่มิอาจเผยแพร่ความจริงนี้ออกสู่สาธารณชน ได้รับทราบ.