ภรรยาผมปฎิบัติธรรมแล้ว เธอไม่อยากมีชีวิตคู่ต่อไปแล้วครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Bless_me, 25 กรกฎาคม 2010.

  1. Bless_me

    Bless_me Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +93
    ผมแต่งงานมาได้ 3 ปีแล้ว แฟนสนใจในเรื่องธรรมมะมาก จนหลังๆมีไปนั่งสมาธิ

    วิปัสณาบ้าง วันหนึ่งเธอเดินมาบอกผมว่า เธอปฎิบัติจนตอนนี้เธอไม่อยากทาง

    เรื่องกามราคะอีกต่อไปแล้วครับ แฟนอธิบายมาหลายเรื่อง แต่ผมก็ไม่เข้าใจหรอก

    เพราะไม่เคยปฎิบัติหนะครับ วันๆทำแต่งาน

    ผมก็เลยงง แล้วจะยังงัยดีครับเนี่ย แฟนบอกให้ผมไปหาความสุขเอานอกบ้านได้

    แต่ผมก็ไม่อยากนอกใจแฟน ผิดศีลข้อสามอีก

    ควรทำอย่างไรดีครับ ไม่อยากให้ชีวิตคู่จบลงแบบนี้เลย ผมยังอยากมีลูกด้วยนะครับ

    รบกวน ใครชี้ทางสว่างทีครับ กลุ้มใจมากๆ
     
  2. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    การปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียนรู้ธรรมชาติทางจิต
    การพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นด้วยวิธีการทางจิตล้วนๆ

    ดังนั้นเราต้องแยกจิตและกายของจากกัน จิตส่วนจิตกายส่วนกาย
    เมื่อแยกแล้วก็จะรู้ว่า บางอย่างจิตบังคับกายได้ แต่บางอย่างจิตก็
    ไม่สามารถบังคับกายได้ซึ่งมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ อาทิเช่น
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย

    กายในทางธรรมนั้น ประกอบด้วยธาตุสี่ ธาตุทั้งหมดนี้จะต้องสมดุลย์กัน
    เมื่อขาดหรือเกิน ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่างๆกัน ซึ่งเราต้องปรับให้กายเกิด
    การสมดุลย์ เรื่องต่างเหล่านี้เป็นเรื่องของการคงอยู่ของสภาพตามธรรมชาติ

    เรื่องที่พอสังเกตุได้ว่า เมื่อร่างกายเกิดการขาดสมดุลย์ก็คือ ความหิว
    แล้วยังมีอีกเรื่องที่ คนส่วนใหญ่คิดไม่ถึงก็คือ การมีเพศสัมพันธ์

    การมีเพศสัมพันธ์ของผู้ครองเรือน มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของราคะ
    มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มันถึงเวลาของการมีเผ่าพันธุ์
    อย่างเรื่องภรรยาของคุณ เมื่อถึงเวลาร่างกายก็จะทำหน้าที่ของมันเอง
    เช่นพร้อมที่จะผสมของรังไข่ มันก็เหมือนกับเวลาหิวก็ต้องกินข้าว
    เวลาเจ็บป่วยก็ต้องกินยา

    ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมต้องเข้าใจธรรมชาติด้วย จะต้องทำให้เรา
    กลมกลืนไปกลับธรรมชาติ อย่าฝืนอย่าข่มสิ่งที่เป็นธรรมชาติให้ผิด
    หรือเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

    เรื่องของภรรยาคุณ ตราบใดที่ยังครองเรือนหรือมีประจำเดือนอยู่
    มันก็ยังมีความต้องการอยู่ มันเป็นเรื่องทางกาย ไม่เกี่ยวกับใจ
    แต่ถ้าภรรยาอยู่กับคุณแต่ไปคิดถึงคนอื่น หรือถึงวัยหมดประจำเดือน
    แล้วยังมีความต้องการอยู่ นั้นแหล่ะครับมันเป็นกามราคะ
     
  3. Bless_me

    Bless_me Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +93
    แล้วผมควรทำอย่างไรดี ลองคุยกันแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยครับ

    ก็ไม่รู้ว่าจะคึยกับเค้ายังงัย เพราะผมก็ไม่ทราบเรื่องสิ่งที่เธอบอกมา

    ไม่รู้ว่าถือศีลข้อไหน หรือไม่รักผมแล้วหรือเปล่า

    เป็นปัญหาที่ไปปรึกษาใครไม่ได้จริงๆ กลุ้มจริงๆ
     
  4. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    คุยกันด้วยความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน ถ้าจำเป็นก็คงต้องแยกทางกันด้วยดี เธอก็สามารถเลือกทางเดินทางพุทธภูมิของเธอ คุณเองซึ่งยังติดในโลกก็สามารถเลือกทางเดินของคุณได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เมื่อมีลาภ เสื่อมลาภได้ เมื่อมียศ เสื่อมยศได้ เมื่อมีสรรเสริญ ย่อมมีนินทาได้ และเมื่อมีสุข ย่อมมีทุกข์ได้ ขอเป็นกำลังใจครับ
     
  5. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ไม่เห็นด้วยกับคุณบุญพิชิตนะ
    ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมต้องเข้าใจธรรมชาติด้วย จะต้องทำให้เรา
    กลมกลืนไปกลับธรรมชาติ อย่าฝืนอย่าข่มสิ่งที่เป็นธรรมชาติให้ผิด
    หรือเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

    ต้องเข้าใจธรรมชาติ ถูกต้อง

    แต่จะต้องกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ไม่ถูกนะ กลมกลืนไปกับธรรมชาติก็คล้อยตามกิเลสไปเลยไงหละ ง่ายชะมัด ธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้นหรอ

    อย่าฝืนอย่าข่มสิ่งที่เป็นธรรมชาติให้ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ไม่ถูก ธรรมชาติของมนุษย์มีอะไร จะปล่อยไปไม่ฝืนไม่ข่ม ก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องปฏิบัติธรรมสิ เพราะธรรมดาการปฏิบัติธรรมก็คือการฝืนธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้วธรรมชาติของมนุษย์มีกิเลสตัณหา รัก โลภ โกรธ หลง เราปฏิบัติก็เพื่อลดละเลิกสิ่งเหล่านี้ แล้วอย่างนี้ไม่เรียกฝืนธรรมชาติหรือ
    การปฏิบัติธรรม การทำความเพียรเป็นการฝืนธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว
    หรือว่าการชำเรืองตามดู ตามรู้ความคิด แบบสักแต่ว่ารู้เฉยๆนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์หรือ ถ้าเป็นธรรมขาติของมนุษย์นะ ก็แปลว่าทุกคนทำกันได้ตั้งแต่เกิดแล้ว ของที่ทำได้ตั้งแต่เกิดนี่มันแปลกตรงไหน นี่สินะที่เขาว่าธรรมะเป็นธรรมชาติหนะ
     
  6. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    มีคนเปรยๆว่าทำความเพียรทั้งวันมันทุกข์
    ก็มีผู้ปราถนาพุทธภูมิหน่อหนึ่งแย้งว่าเฮ้ย คุณ..ทำความเพียรเป็นทุกข์หรือ ประมาณว่าเขาทำความเพียรเป็นสุขว่างั้นเถอะ

    แล้วก็ดันยกตัวอย่างการทำความเพียรของท่านที่เขาเสร็จกิจแล้วมาให้ดูอีก
    ก็เลยเข้าใจเขามากขึ้นนะว่าเขาไม่เข้าใจ ว่าระหว่างคนที่ปฏิบัติยังไม่เสร็จกิจยังต้องต้องใช้ความเพียรอยู่ กับคนที่ปฏิบัติจนเสร็จกิจไปแล้วมันต่างกันยังไง

    ขึ้นชื่อว่าความเพียรก็คือความพยายาม คำว่าพยายามมันให้ความร้สึกว่า ง่ายๆ สบายๆหรือ
    มันไม่มีสุขหรอกมันจะสุขก็ต่อเมื่อผลของความเพียรพยายามนั้นมันสำเร็จ ไอ้ที่กำลังทำความเพียรแล้วมีความสุขอะนะ กิเลสเอาไปกินทั้งนั้น
    เขาถึงต้องมีวิปัสนูกิเลส10เอาไว้ให้ศึกษา จะได้คอยระวังตัวเองกันได้ ไม่ให้กิเลสเอาไปกินเสีย
    ขออำภัยที่ไม่เกี่ยวกับกระทู้


     
  7. aronn

    aronn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +47
    ทางที่ดี คุณควรจะตามเขาไปลองปฏิบัติดูบ้างนะ จะได้เข้าใจเขา
    เมื่อเข้าใจเขาแล้วก็จะคุยกันง่ายขึ้น
    เวลานี้เหมือนคนยืนคนละฝั่งน้ำตะโกนคุยกัน ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง
    ลองข้ามฟากไปยืนฝั่งเดียวกันก่อนสิ จะคุยกันง่ายขึ้น
     
  8. Bless_me

    Bless_me Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +93
    เรื่องการไปปฎิบัติตามกับภรรยาเพื่อจะได้รู้นั้น ก็คิดนะครับ
    แต่ตอนนี้คิดว่าคงยังไม่ใช่เวลา ภาระหน้าที่การงานยังเยอะอยู่
    หนี้สิน พ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู ทำให้วางยังไม่ได้ และเข้าใจตัวเองว่ายังมี
    กิเลสอยู่เยอะ คิดไว้ว่า หมดภาระทุกอย่าง วางได้ แัละวางใจในชีวิต
    ก็อยากไปปฎิบัติธรรมนะครับ แต่ตอนนี้ก็ได้แต่อ่านหนังสือ รักษาศีล ไหว้พระไปก่อน

    ตอนนี้ก็คิดแล้วว่า ถ้ามันสุดความสามารถของเราจริงๆ ก็คงต้องปล่อยเค้าไป แยกทางกันไป น่าจะดีกว่าครับ

    ขอบคุณทุกท่านมากครับ
     
  9. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ผมขออนุญาตแนะนำว่า ขอให้คุณนิ่งๆ ไว้ก่อน ดูไปสักพักใหญ่ๆ นะครับ ในช่วงนี้คุณก็ควรศึกษาธรรมะจริงๆจังๆ ถามจากเธอก็ได้ ว่าเธอเรียนสำนักไหน ขอศึกษาจากตำราปฏิบัติของเธอ จะได้เข้าใจสิ่งที่เป็นไปดียิ่งขึ้นครับ อีกประการ เรื่องที่เกิดเป็นเช่นนี้ ก็ยังไม่แน่ครับ ช่วงนี้เธออาจจะมีกำลังสมาธิข่มอยู่จึงไม่รู้สึกอะไรเลย การที่จะละกามราคะได้เด็ดขาดนั้น เป็นระดับพระอนาคามี ซึ่งถ้าเธอบรรลุถึงระดับนั้นจริง ก็คงได้แต่อนุโมทนาละครับ แล้วก็ต้องระวังเพราะการล่วงเกินพระอริยเจ้านั้นเป็นบาปหนักครับ รอดูไปสักพักใหญ่ๆ ก่อนครับ ยังไม่ต้องตัดสินใจอะไรครับ
     
  10. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ถ้าท่านเข้าใจธรรมชาติ ท่านก็คงไม่แย้งผมมา ท่าน2ชาติ
    ท่านไม่มองลงไปที่ปัจจุบันของคุณbless_meกับภรรยา
    ทั้งสองยังครองเรือนเป็นผัวเมียกันอยู่ และพึ่งอยู่กินกันได้แค่3ปี
    ลูกเต้าก็ยังไม่มี

    การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งดีครับ แต่มันต้องเป็นขั้นเป็นตอน
    ถ้าทำแบบภรรยาคุณbless มันไม่ใช่ครับ มันต้องค่อยเป็นค่อยไป
    อย่าลืมว่าต้องมีศีลก่อนที่จะมีสมาธิ มันต้องทำความเข้าใจกับอีก
    ฝ่ายก่อน ไม่ใช่นึกจะไม่ยุ่งกันก็ไม่ให้ยุ่ง แบบนี้เข้าเข้าค่ายหลอกลวง
    ทำให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อน เพราะต้องการมีลูกมีครอบครัวมั้ยครับ
    คนเราแต่งงานกันก็เพื่อดำรงเผ่าพันธ์ ข้อนี้เป็นที่รู้กัน
    ไม่มีที่ไหนหรอกครับ แต่งงานหรือมีผัวเพื่อมาเลิกเรื่องกาม

    ท่าน2ชาติ...เข้าใจ คำว่ามนุษย์ดีพอแค่ไหนครับ
    ท่านกำลังเอาการปฏิบัติให้หลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บและตาย
    มาปนกับการเป็นอยู่ของมนุษย์ธรรมดาๆ ที่เวียนว่ายในสังสารวัฏ

    ถ้าเราดูให้ดีแล้ว คนที่ไม่ได้ปฏิบัติ แต่อยู่ในศีลธรรม ยังคงต้องเวียน
    ว่ายตายเกิด นี้แหล่ะครับเป็นธรรมชาติที่แท้จริง

    แต่คนที่มุ่งไปทางปฏิบัติ คนพวกนี้มุ่งหวังที่จะหลุดพ้น สิ่งที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์

    .....สรุปง่ายๆเลยว่า ภรรยาคุณbless แกทำอะไรผิดกาละเทศะ
    แกอยู่แบบคู่ผัวตัวเมีย แต่แกจะไม่ให้สามียุ่งเกี่ยวกับแก ดูแล้วมันผิด
    ที่ผิดทาง ผมเลยบอกว่าแกทำผิดธรรมชาติ

    ......ท่าน2ชาติที่แย้งมาผมว่า ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
    ผมกำลังอธิบายหลักการความเป็นอยู่ของมนุษย์ แต่ท่านดันเอา
    วิธีการปฏิบัติมาแย้งมันดูมั่วๆยังไงชอบกลนะครับ
    แยกแยะซิครับ
     
  11. zetsubo

    zetsubo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +751
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ปรึกษาพระอาจารย์ของเธอเลยค่ะ

    55555

    No comment,but this is crazy!!!!!!!
     
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่าน2ชาติครับ จะขึ้นรถลงเรือ ดูจุดหมายด้วยครับว่าจะไปที่ไหน
    พวกผมกับเจ้าของกระทู้อยู่เหนือกัน ท่านดันไปขึ้นรถที่ขนส่งสายใต้
    แล้วมันจะเจอกันหรือครับ

    .....ท่านจขกทกำลังไม่เข้าใจและกลุ้มใจ เรื่องภรรยาไปปฏิบัติธรรม
    แต่ท่านดันเอาวิธีปฏิบัติมากล่าวนี้น่ะ แบบนี้เรียกว่า .....
    "พูดไปพูดมา สามวาสองศอกหรือเปล่า" จขกทไม่รู้เรื่องกับท่านหรอก

    ตัวผมรู้และเข้าใจดีว่า ท่านกำลังพูดจาประชดประชันคนอื่นอยู่
    แต่เห็นว่า ....มันผิดที่ผิดทางครับ
     
  13. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +1,699

    โดยปกติคนปฏิบัติธรรมจะเข้าใจว่าหน้าที่ทางโลกด้วย เอาธรรมมาแก้ความทุกข์ทางโลก ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาเพิ่ม เพราะหน้าที่นั่นแหละคือธรรมะ

    การแก้ปัญหากับคนที่เรารักอยากให้เห็นเป็นความสำคัญและเอ็นดูต่อกัน มันอาจจะเป็นได้ที่เธอไปปฏิบัติแล้วเห็นว่ากามราคะนั้นเป็นของหยาบไม่ควรมี นั่นเพราะเธอยังไม่เข้าใจว่าการทำด้วยรักนั้นมันเกินความหยาบไปอีก คุณไม่ควรผิดศีลหรือทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตค่ะ เพราะเธอก็ไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีไม่งามแต่อย่างใด แบบนี้ก็น่าจะลดทอนความกลุ้มใจไปได้มาก

    แต่สามารถสอบอารมณ์ของเธอได้ว่าปฏิบัติไปถึงขั้นไหนกันแน่
    ถ้าเราเป็นคุณ เราคงจะตามไปดูที่เธอปฏิบัติ ว่าเป็นอย่างไรก่อน
    แกล้งพูดถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ดูว่าเธอมีอาการเป็นอย่างไร หรือไม่ก็หายหน้าหายตาไปบ่อยๆ (ไปเข้าวัดอื่นๆ ก็ได้) เพื่อดูปฏิกิริยาของแฟน

    คุณเคยได้ยินคำว่า ของที่เรายิ่งวิ่งไล่มันยิ่งวิ่งหนีไหม แต่ถ้าเราไม่สนใจมันมันนั่นแหละที่จะเข้ามาหาเราเอง

    ไม่อยากให้คุณซีเรียสนะ แฟนไปปฏิบัติธรรม เราก็ปฏิบัติไปด้วยด้วยการรักษาใจของเรานี่แหละ อย่าให้อารมณ์สร้างปัญหาให้เรามากขึ้น แต่ให้ใช้ปัญญาในการแก้สถานการณ์

    เธออาจจะยังเด็ก ชีวิตคู่ยังต้องเจอมรสุมอีกมาก ยังต้องเจอปัญหาอีกมาก หากไม่ช่วยกันฝ่าฟัน ยามอีกคนล้มอีกคนช่วย ต่างแต่จะเรียกร้องให้อีกคนต้องช่วยตนตลอด ไม่มีความรักเป็นตัวรักษากัน แบบนี้ไปมีคู่อีกกี่คน มันก็ยากที่จะรอด

    :boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2010
  14. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    เรื่องรัก ผมว่าภรรยาคุณยังรักคุณอยู่ แต่เธออาจจะเข้าใจไปว่า
    ความรักทำให้เกิดทุกข์ และเหมาเอาไปว่ามันเป็นกิเลส
    ผมว่ามันเป็นการเข้าใจผิด ซึ่งมักจะเกิดกับผู้ที่เริ่มปฏิบัติใหม่

    การปฏิบัติมันมีขั้นตอน มันต้องเริ่มจากหนึ่ง แต่ของภรรยาคุณ
    ยังครองเรือนอยู่ เห็นความรักเป็นทุกข์เป็นกิเลส ผมว่าเธอทำอะไรข้าม
    ขั้นประเภทสุดโต่งนะครับ คุณลองไปอธิบายให้แกฟังว่า ความรักเป็นทั้ง
    กุศลและอกุศล ถ้าเราเข้าใจ เราก็ยังปฏิบัติธรรมไปพร้อมกับการครองเรือนได้
    ขั้นตอนที่เห็นความรักเป็นกิเลส มันเป็นระดับพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์

    สรุปถ้าภรรยาคุณไม่เข้าใจอีก มันก็เป็นหน้าที่คุณแล้วล่ะครับ
    ที่ต้องเข้าใจ ความหมายก็คือต้องปล่อยเธอไปตามทางครับ
    ต้องแยกกันอยู่ เพื่อความสบายใจของคุณเอง อย่าไปทะเลาะวิวาท
    เป็นอันขาด เพราะเราจะเป็นผู้ผิดในสายตาคนอื่น

    อย่างไรก็ดีคุณก็สบายใจได้ ในเรื่องมือที่สาม ภรรยาไม่ได้นอกใจ
    คิดเสียว่าเสียสละ คอยรับอนิสงค์อย่างเดียวครับ
     
  15. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    รู้และเข้าใจดีแล้วคุณจะยุ่งในโพสที่ไม่เกี่ยวกับคุณไปทำไมครับ
    ผมลงท้ายไปแล้วไม่ใช่หรือว่า ขออำภัยที่ไม่เกี่ยวกับกระทู้
    แต่เอาเถอะตามสบายครับ
     
  16. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    ปัญหาของคุณกับของผม ตรงกันข้ามกัน

    ของผม เมื่อปฏิบัติมาถึงจุดหนึ่ง จิตใจไม่เอา

    เรื่องเพศสัมพันธ์เลย(ไม่ใช่ตายด้านนะ)

    คือจิตมันไม่ชอบ ความรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งหยาบๆ

    (ขออภัยทุกท่านด้วยนะ รู้สึกอย่างนี้จริงๆ)

    แต่ผมโชคดีที่อายุ พอสมควรแล้ว และแฟน

    ก็เข้ามาปฏิบัติในทางธรรม ถึงแม้จะไม่เท่ากับผม

    แต่ก็เข้าใจกัน ทำงานเลี้ยงลูก และปฏิบัติธรรมด้วยกัน

    ที่เขียนอธิบายให้ฟัง ก็เพื่อสื่อให้ทราบว่า ถ้าจิตใจ

    ของแฟนคุณไม่ต้องการเรื่องเหล่านี้แล้ว ไปฝืนใจเขายาก..


    และที่คุณบุญพิชิต บอกว่า ใครประพฤติอย่างนี้ผิดธรรมชาติ

    ผมก็ยอมรับว่าพวกผมผิดธรรมชาติ .... ทำอย่างไร ได้

    เพราะจิตใจมันไม่เอาเสียแล้ว มันไม่เหมือนมนุษย์ส่วนใหญ่เขา

    จิตใจมันมุ่งปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นอย่างเดียว ...เพราะเห็นทุกข์เต็มจิตใจ

    อนุโมทนาครับ...



    หมายเหตุ ผมเป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง เหมือนทุกๆท่าน เพียงแต่ผมเจริญสติในชีวิต
    ประจำวัน กิเลสต่างๆ(โลภ โกรธ หลง)เกิดขึ้น ก็ฝึกให้มีสติระลึกรู้ เมื่อทำบ่อยๆเข้า
    กิเลสแรงๆ เช่น โกรธ หรือราคะ เมื่อเกิดก็จะรู้ บางครั้งไม่รุ้ทันทีในตอนที่เกิด แต่จิตปรุง
    กิเลสได้ไม่นานเราก็จะรู้ ทำให้ความรู้สึกทางกามไม่กำเริบ หรือกำเริบน้อย
    (ไม่ใช่ไม่มีความรู้สึก แบบพระอนาคามี ยังคงมีอยู่ เพียงแต่ตั้งอยู่ได้ไม่นาน)
    นานวันเข้าจิตใจก็เริ่มเห็นได้ว่า ความสุขจากการปฏิบัติ และยึดพระพุทธ พระธรรม
    พระสงฆ์ เป็นสรณะ มันเย็นใจสบายใจ และละเมียดละไมกว่าความสุขทางกามเยอาะ ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2010
  17. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ยินดีด้วยคนค่ะ.........
     
  18. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ที่นี้พูดตรงกับกระทู้บ้าง คงไม่พูดยาว เพราะเรื่องแบบนี้ปัจจัยมันมีแยะ
    ขอให้คุณทำความเข้าใจ ธรรมชาติของผู้ปฏิบัติธรรมที่อาจจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายเรื่องกามารมณ์ได้ ว่ามันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่จะเป็นอย่างนั้น
    แต่ รับรองได้อย่างหนึ่งแน่ๆคือ ถ้าแฟนคุณยังไม่บรรลุธรรมถึงขั้น พระอนาคามี ยังไงๆ ก็ยังตัดกามารมณ์ไม่ได้เด็ดขาดหรอกครับ
    (เว้นแต่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องหมายถึง เรื่องโลกๆ)

    ที่จริงแต่แรกก็จะบอกว่าอย่างนี้ แต่ก็คิดว่าไม่เอาดีกว่าเพราะปัจจัยมันแยะ คือจะบอกว่าลองท้าแฟนคุณดูหนังคนรักกันดูสิ บอกเธอว่าคุณอยากรู้ว่าเธอไม่มีตัณหาข้อนี้แล้วจริงๆหรือ ขอให้เธอลองทั้งภาพ เสียง สัมผัส ถ้ายังเฉยๆอยู่ได้ ไม่หลบหนี คุณก็คงต้องเตรียมทำใจแล้วหละครับ อิอิ

    แต่งงๆนิดหน่อยว่า ตกลงแฟนไม่อยากมีชีวิตคู่ด้วยหรือครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2010
  19. aronn

    aronn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +47
    แต่ตอนนี้คิดว่าคงยังไม่ใช่เวลา ภาระหน้าที่การงานยังเยอะอยู่
    หนี้สิน พ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู ทำให้วางยังไม่ได้ และเข้าใจตัวเองว่ายังมี
    กิเลสอยู่เยอะ คิดไว้ว่า หมดภาระทุกอย่าง วางได้ แัละวางใจในชีวิต
    ก็อยากไปปฎิบัติธรรมนะครับ แต่ตอนนี้ก็ได้แต่อ่านหนังสือ รักษาศีล ไหว้พระไปก่อน
    *****************

    ถ้าคุณคิดแบบนี้ จะเป็นอย่างที่หลวงพ่อหลายองค์ท่านว่า คือกว่าจะมีเวลาก็ตายก่อน
    การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องเข้าวัด การเข้าวัดคือการเริ่มต้น เมื่อรู้วิธีแล้วคุณจะปฏิบัติได้ทุกที่ ทุกเวลา ลองคุยกับเขาดูก่อน ให้เขาแนะนำ แล้วคุณจะเข้าใจ
     
  20. neltharion

    neltharion เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอให้คุณตอนนี้อยู่นิ่งๆก่อน รอดูเวลา เพราะอารมณ์ของมนุษย์มันก็ไม่เที่ยง ถ้ายังไม่สามารถตัดอารมณ์ในเรื่องกามราคะได้อย่างเด็ดขาด (คุณสมบัติของพระอนาคามี)ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ให้คุณสังเกตดูอารมณ์ของเธอว่าความรักในสิ่งของต่างๆ หรือความโกรธของเธอมีมากแค่ไหน(พระอนาคามีย่อมตัดเรื่องความโกรธได้ด้วย) ถ้าภรรยาคุณยังมีอารมณ์เหล่านี้ เหลืออยู่ คุณก็ไม่ควรไปโน้มน้าวหรือชักนำเธอ ว่าชีวิตคู่ครองเป็นของดี การมีลูกเป็นของดี เพราะตัวคุณนั้นจะเป็นบาปเปล่าๆ เพราะไปขัดขวางการปฎิบัติธรรม(การที่มนุษย์จะได้รู้แจ้งในธรรมเป็นของยาก)
    การที่ภรรยาคุณประพฤติตนแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี คุณควรอนุโมทนา ไม่ใช่ขัดขวางเธอ(เคยมีคำพูดทางโลกบอกว่า การที่เรารักใครสักคนคือการเห็นคนนั้นมีความสุข) ถ้าคุณคิดว่าอยากให้เธอมีความสุข ก็ไม่ควรโกรธหรือตัดพ้อว่าเธอ
    การปฎิบัติของคุณตอนนี้แนะนำว่า ให้อยู่นิ่งๆดูปฎิกิริยาของเธอไปก่อนหลายๆเดือน(ไม่ใช่2-3อาทิตย์ มันเร็วเกินไป คุณแต่งงานกับเธอมา 3 ปี แล้วใช้เวลาตัดสินเธอแค่นิดเดียวถือว่าไม่เหมาะสม) ถ้าคุณเห็นว่าภรรยาคุณมีอารมณ์แน่วแน่ทางธรรม มีทางเลือกให้คุณ
    1. ในกรณีที่คุณยังรักเธออยู่ คุณลองคิดว่าอยู่กับเธอแบบเพื่อนได้ไหมละ อยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกันเวลาเดือดร้อน แต่ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลย (ผู้ที่บรรลุพระอรหัน ไม่จำเป็นต้องบวช เป็นฆราวาสก็สำเร็จมรรคผลได้)
    2. ในกรณีที่คุณอยากมีลูก หรือพ่อแม่คุณอยากได้หลานไว้สืบสกุล คุณก็ต้องตัดสินใจปล่อยเธอไปคือเลิกกับเธอ อย่าทำผิดศีลข้อ 3 (ถ้าคุณทำผิดศีลชีวิตคุณจะไม่มีความสุข) แต่วิธีนี้ไม่อยากแนะนำ เพราะการที่คุณได้คู่ครองที่ดีในทางธรรมด้วยเป็นสิ่งที่หาได้ยากเหมือนกัน
    สรุป อยากให้คุณรอดูการปฎิบัติของเธอไปก่อน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คุณไปศึกษากับเธอบ้าง เพื่อที่ว่า เมื่อความคิดหรือแนวทางเหมือนกัน การตัดสินใจอะไรก็ตามก็จะง่ายขึ้น หรือแม้แต่การมีลูกให้คุณ แต่หลังจากนั้นครองตัวพรหมจรรย์
    ชั่วชีวิต(ในกรณีที่เธอยังไม่ได้สำเร็จพระอนาคามีนะ) ขอให้โชคดี<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...