เคล็ดลับ วิชาดูจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย wisarn, 15 พฤศจิกายน 2005.

  1. changtai

    changtai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +298
    สาธุ ดีแท้ ประเสริฐแท้ นี้ละของจริงนี้ละของแท้ๆจริงแท้แน่นอน ถึงพระนฤพานแท้ ถ้าไม่ทิ้งการปฏิบัติถึงแน่ๆ ของแท้จริงๆ
     
  2. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    (verygood) ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้มากค่ะ
     
  3. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    สติควบคุมจิต
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤศจิกายน 2548 11:25 น.

    ปุจฉา เมื่อไรจะรู้ปรมัตถ์

    ขออนุญาตถามค่ะ มีธรรมเทศนาตอนหนึ่งว่าอาจารย์ท่านหนึ่งทดสอบลูกศิษย์ให้ขึ้นบันไดหลายขั้น แล้วถามว่าขั้นที่ 37 มีอะไรตอบไม่ได้ก็กลับไปฝึกใหม่ ตามมหาสติปัฏฐาน ท่านให้ฝึกจิตให้รู้ในกาย..เวทนา.. จิต..ธรรมให้ตั้งสติ อยู่ในฐานกาย ขึ้น บันไดก็ให้รู้กายที่ไหวไป รู้สึกตึงไหว ที่กายล่าง สัมผัสแข็ง ก็ปรากฏที่ปลาย ของกาย สูงขึ้นๆ ก็อาจมีเวทนาที่กาย แต่นี่ให้รู้สิ่งปรากฏรอบนอกกายว่ามีอะไร เห็นอะไร อย่างตอนหนึ่งของเซ็น ก็ให้รู้ว่าถอดรองเท้าข้างไหนของ ประตู นั่นเหมือนถามว่าสัญญาขันธ์เก็บข้อมูลได้ดีแค่ไหน แล้วเมื่อไรจะรู้ปรมัตถ์ถ้ามัวแต่กำหนดสมมติบัญญัติรอบกาย?


    วิสัชนา

    "ฟังคำถามของคุณแล้วน่าจะเป็นผู้คงแก่เรียนและคงจะรู้มากไม่ใช่ น้อย ช่างน่าสรรเสริญจริง อาตมาเป็น ผู้ศึกษามาน้อย ได้แต่เข้าใจเอาเองว่า วิถีแห่งพุทธะนั้นเป็นวิถีแห่งความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ในวิถีงาน วิถีพูด วิถีคิด วิถีจิต วิถีชีวิต ต้องรู้รอบ ทั้งสมมติบัญญัติและปรมัตถ์สัจจะ นั่นถึงจะสมกับคำว่า ปัญญาคือแสงสว่างในโลกจักมีประโยชน์อะไรเล่าถ้าปัญญานั้นมีเอาไว้ส่องดูแต่ตัวของเรา แต่รอบข้างกายมิได้รู้เลยว่าอะไรได้เปลี่ยนแปลงไป ดังคำพูดที่ว่า ทัพพีคนแกง หาได้รู้รสแกงที่คนไม่"

    ปุจฉา วิถีแห่งพุทธิธรรม

    การสวดมนต์ไหว้พระ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องจุดธูป 3 ดอก, 9 ดอก ในเมื่อจุดประสงค์ของการปฏิบัติคือการเดินตามรอยพระบาทพระพุทธองค์สู่นิพานเหตุใดผู้ปฏิบัติบางคนจึงติดอยู่กับพิธีกรรมหากเราไม่ติดอยู่ กับพิธีกรรม เช่นการจุดธูปจุดเทียนแต่เราตั้งมั่นในการฝึกจิตดัดใจกาย เราจะเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์ ได้เท่ากับผู้ที่จุดธูปจุดเทียนหรือไม่


    วิสัชนา

    "ก็ถูกทั้งสองวิธี คุณ วิถีแห่งการเข้าไปสู่ พุทธิภาวะ พุทธิธรรม หรือวิถีแห่งธรรมแต่ละคนมีวิถีของตนไม่เหมือนกัน คือแตกต่างกัน บางคนก็ชอบนิยมที่จะเจริญพระพุทธมนต์บทมากๆ ยาวๆ เพื่อทำให้จิตสงบ บางคนก็ชอบที่จะไม่อยากเจริญพระพุทธมนต์ชอบที่จะนั่งนิ่งๆ เงียบๆ และทำจิตให้ผ่อนคลายปล่อยวาง สบายๆอยู่กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บางคนก็ชอบที่จะมีพิธีกรรมและพิธีการ จุดธูป จุดเทียน แต่งชุดขาว บูชาพระรัตนตรัย รักษาศีล แล้วจึงจะมาเจริญภาวนา ถามว่าแต่ละวิถีผิดไหม ก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าเขาทำแล้วไม่มีใคร เดือดร้อน ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบอะไรก็ทำในสิ่งที่คุณชอบ ทำแล้วคุณ ไม่เดือดร้อน คนร่วมกระทำกับคุณก็ไม่เดือดร้อน ผู้ดูเขากระทำ ดูเรากระทำก็ไม่เดือดร้อนก็จงทำไปเถอะถ้าคุณมั่นใจว่าการกระทำอันนั้นเพื่อยังให้เกิดความฉลาด สะอาด สว่าง สงบ"

    ปุจฉา สติควบคุมจิต

    หลวงปู่สอนไว้ว่าให้ใช้สติควบคุมจิต เหมือนประตูหน้าต่าง แสดงว่า อารมณ์ต่างๆ เช่น โทสะ โมหะ จะต้องเกิดขึ้นก่อนแล้วสติค่อย กำกับทีหลัง มีข้อยกเว้นสำหรับพระอรหันต์ที่ยังอยู่ในสังคมไม่ใช่อยู่ในป่า (สมมติว่ามี) หรือไม่ คือ จิตจะไม่เกิด อารมณ์ต่างๆ ที่ไม่ดีเลย หรือว่า มีอารมณ์เหมือนกันแต่สติตามได้ทันตลอดเวลา



    วิสัชนา

    "ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า โทสะนั้นมีอยู่เดิม แต่บุคคลผู้รับ โทสะหามีไม่ โมหะนั้นมีอยู่เดิมบุคคล ผู้รับโมหะนั้นหามีไม่ ราคะนั้นมีอยู่เดิม แต่บุคคลผู้รับราคะนั้นมีอยู่ไม่ เมื่อโทสะ โมหะ ราคะ มันมีอยู่เดิมแล้ว เราไม่มี ก็คือตัวเราจริงๆ ไม่มี แต่ที่เราเข้าไปรับมัน ก็เพราะเราไปปรุงแต่งว่าตัวเรามีแล้วเรารับมันเข้ามาใช้ประโยชน์ ราคะ โทสะ โมหะ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลกเดิมก่อนที่คุณจะเกิด ทีนี้เมื่อมันมีอยู่เดิม คุณเกิดมาหน้าที่ของคุณก็คือเพียงแค่ระวังอย่าให้ไปเปื้อน อย่าให้ไปแปดเปื้อน อย่าให้มันมีอำนาจมาทำให้จิตวิญญาณของคุณขุ่นมัวเท่านั้นเอง สติก็เป็นตัวกางกั้น สติทำหน้าที่หรือมีหน้าที่ที่จะเปิดปิดประตูแห่งใจคุณว่า อะไรควรรับ อะไรไม่ควรรับ นี่เรียกว่า ราคะ โทสะ โมหะ ที่เป็นทุน เดิมของโลกมีอยู่แล้ว ส่วนราคะ โทสะ โมหะที่เป็นทุนเดิมของกรรม หรือพิธีกรรม หรือจิตวิญญาณของคุณ ที่ เป็นทุนเดิมเรียกว่า โลภมูลจิต โทสมูลจิต โมหมูลจิต ก็คือคุณเกิด มาจาก ราคะ โทสะ โมหะ ที่เป็นมูลเดิมของจิตวิญญาณคุณที่สั่งสมอบรมมาแต่อดีตชาติ ที่เรียกว่าอนุสัย เมื่อสั่งสมอบรมมาแต่เก่าก่อนแล้วสิ่งเหล่านี่ หน้าที่ของคุณ เกิดเป็นคน ต้องชำระล้าง ละตัดให้หลุด อย่าปล่อยให้มันมาฉุดเราอยู่ รวมๆ ก็คือ ราคะ โทสะ โมหะ มีทั้งภายใน ก็คือจิตเดิมของคุณมีมาเก่า และมีทั้งภายนอกก็คือมีอยู่ในโลกนี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ประตูหน้าต่างมีเอาไว้สำหรับป้องกันพายุข้างนอก แต่ไม้กวาด ผ้าขี้ริ้ว ผ้าเช็ดถู มีสำหรับไว้ป้องกันฝุ่นละอองภายใน ถ้า คุณมีสองสิ่งนี้ได้ก็ถือว่าคุณมี สติ สมาธิ และปัญญา จะกำจัดสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์ของจิตคุณทั้งภายในและภายนอกได้ ส่วนคำถามที่ถามว่า พระอรหันต์ เป็นผู้ที่เจริญ ซึ่งสติ สมาธิ และปัญญาแล้ว ก็คือมี ทั้งประตูหน้าต่าง และเครื่องกำจัดภายใน ที่สมบูรณ์ที่ไม่มีรูรั่ว ที่สามารถ ป้องกัน ราคะ โทสะ โมหะ หรือภัยพิบัติจากข้างนอกได้แล้ว แล้วก็มีเครื่องดูดฝุ่น มีทั้งผ้าเช็ดพื้น มีทั้งไม้กวาดอันสมบูรณ์ แล้วก็มีพนักงานที่พร้อมที่จะทำลายสิ่งที่เป็นภายในที่เรียกว่าฝุ่นละอองนั้น หมดไปเรียบร้อยแล้ว รวมๆ ก็คือพระอรหันต์ไม่มีมลพิษทั้งภายใน หมดแล้ว ภายนอกก็ไม่มีอำนาจเหนือ ท่านแล้ว พระอรหันต์ไม่ใช่ไม่มีมลพิษแต่ภายนอก ภายนอกไม่มีสิทธิ์ พระอรหันต์นี่ไม่สามารถที่จะไปทำลายโทสะ โมหะ ราคะ ของโลกได้ ก็บอกแล้วว่ามันมีอยู่แล้วเป็น ทุนเดิม ถ้าจะทำลายก็ต้องวางระเบิดเวลาเผาผลาญโลก หรือไม่ก็ทำลายโลกไป ก็ไม่แน่ใจว่าโลกนี้มันระเบิดแล้วจะหมด ราคะ โทสะ โมหะ หรือไม่ เพราะฉะนั้นพระอรหันต์เป็น ผู้หมดจากกิเลสทั้งภายในและไม่ปล่อย ให้ภายนอกมามีอำนาจเหนือท่าน ราคะ โทสะ โมหะ ข้างนอกมีอยู่ แต่ไม่ทำให้ท่านต้องเดือดร้อนเท่านั้นเอง"

    http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9480000161320
    __________________
    ความรักและความเมตตาปรานีจะช่วยให้ชีวิตของท่านมีความอบอุ่น... ...เพราะความรักหรือความเมตตาปรานี มีคุณสมบัติพิเศษที่จะดึงดูดความรักและความปรานีกลับคืนมาสู่ผู้ให้

    มหาตมะคานธี
     
  4. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    385
    ค่าพลัง:
    +1,287
    ได้แนวทางปฏิบัติที่ดีมาก ขออนุโมทนาในกุศลบุญนี้กับทุกท่านที่นำเนื้อหาสาระมาให้เราได้อ่าน ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมทุกๆคน สาธุ
     
  5. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    ในการเดินวิชชาธรรมกายเพื่อเข้าสู่มรรคผล
    มีขั้นตอนการรู้เห็นอริยสัจจ์4

    แบบเดียวกัน 1.เห็นทุกข์ สมุทัย ในทุกดวงทุกกาย
    2. เห็นแล้ว หยุด การปรุง ของ เห็น จำ คิด รู้
    3. เข้าสู่กลาง ทุกกายใจ สุดหยาบสุดละเอียด
    4.เห็น สมุทัย ที่เข้ามาทางอายตนะ 6 (จากภายนอก) แล้ว อาสวะภายใน คือ ปฏิฆานุสัย กามราคานุสัย อวิชชานุสัย ( มีภายใน)

    เมื่อเห็นสองอย่างดังนี้
    ก็ทำให้เกิดเจตสิกจิตที่ขยายหยาบออกมาเป็น

    กามตัณหา ภาวตัณหา วิภาวตัณหา ดับไป


    /เปรียบเทียบทางหลวงปู่ดุลย์------ ท่านเรียก จิตปรุงกิเลส
    และ กิเลสปรุงจิต

    5. เห็นแล้วละอนุสัย กับ ตัณหา ,กิเลส บ่อยๆ
    โดยการพิศดารละไปทุกสุดกาย-ใจ สุดหยาบ สุดละเอียด

    อยู่เนื่องๆ จนกว่า จะเป็น สมุทเฉทประหาร เข้าสู่อริยมรรค อริยผล
     
  6. ผู้มีความสนใจ

    ผู้มีความสนใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +24
    ซาบซึ้งมากครับขออนุโมทนาด้วย
    ข้อความของคุณเป็นข้อแนะนำที่ดีทีเดียวครับ
     
  7. มโหสถผู้เจริญ

    มโหสถผู้เจริญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +851
    โอ้เหลือเชื่อ...ตอนที่อ่านกระทูไหม่ๆไม่ค่อยสนใจเท่าไรเนื่องจากโง่อยู่..แต่มาวันนี้ผมรู้แล้วว่าท่านชี้ทางสว่างจิงๆ ท่าน วิสารไอที...ขอคาระวะด้วยใจจิง..แต่พึงระวังเอาไว้นะ ผู้ที่สำเร็จนิพพานในขณะเป็นปถุชนธรรมดจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 7วัน มิฉะนั้นท่านต้องบวช ..เนื่องจากท่านจักต้องทำประโยชน์ต่อจึงขอเตือนด้วยความจริงใจ..
     
  8. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ใครอ่านจบแล้วลองเข้าไปที่นี่นะครับ โหลด mp3 ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช (ปัจจุบันท่านอยู่ที่สวนสันติธรรม ศรีราชา) มาฟังซ้ำๆจะทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น กระจ่างชัดเจนทีเดียว ขอให้ทุกท่านก้าวหน้าในธรรมครับ

    http://www.wimutti.net/pramote/

    ลองโหลดมาฟังดูนะครับ สำหรับผู้ที่ยังงง สงสัยในวิธีการปฏิบัติอยู่


    ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆครับที่แนะนำแสงสว่างให้ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  9. supermans007

    supermans007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    มีเรื่องอยู่ว่าผมนั่ง พอง ยุบ สัก20 นาทีแล้วผมก็มีการแปลกๆๆตัวสั่นมากเลยแล้วเหมือนชักหัวฟาดพื้นเลยแล้วก็รู้สึกตัวนั่งหันหน้าหาหิ้งพระ พอเกิดอาการนี้ขึนก็หมุนหันข้างให้ไม่รู้เป้นไรแต่ก็รู้สึกโล่งและเบาไปหมดเลย ผมหายใจแรงมากและเร็วมากด้วย มันคืออะไรใครตอบผมได้บ้างคราบ อ่อ คนที่สอนผมนะ
    ลูกศิษย์ หลวงพ่อ ชาญ ชาโน นะ ใครบอกได้บ้างคราบ สงเคราะห์หน่อยคราบ
    supermans007@hotmail.com
     
  10. NuJanBaBor

    NuJanBaBor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,861
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ
     
  11. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    ขอบคุณมากๆครับ^^
     
  12. nussuw

    nussuw Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +52
    สาธุ

    เมือ่ก่อนทุกข์ใจเรื่องที่ตัวเองชอบคิดแต่ในเรื่องไม่ดี เศร้าหมองทำอย่างไรก็แก้ปัญหาไม่ได้ รู้สึกทุกข์เพราะกลัวตกนรกแต่ เมื่อได้อ่านคำสอนของท่านในหนังสือสีเขียวเล่มบางๆ ทำให้รู้สึกโล่งและเบาใจ เพราะเมื่อเราไปยึดกับความคิดนั้นจะทำให้ทุกข์กังวล แต่เมื่อเฝ้าดูความคิดว่าจะมีจะเป็นอย่างไรจะค่อยๆ รู้จักตัวเองจากความคิด ความคิดมันก็มีเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ทุกข์เท่าเมื่อก่อน
     
  13. Dodo_ate

    Dodo_ate Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +74
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    http://www.wimutti.net/pramote/
    ลองเข้าไปโหลดเอกสารหรือFile mp3 มาอ่านมาฟังนะครับ
     
  14. รัตนประทีปกร

    รัตนประทีปกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +121
    อยากให้บรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อจะได้ค้นพบเพชรเม็ดงาม จะได้มาเป็นครูอาจารย์วิปัสสนาต่อไป จะได้มีผู้นำดีๆแยะๆโลกนี้จะได้มีสันติสุข (การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทานทั้งปวง อนุโมทนา สาธุ กับทุกท่านครับ ขอให้สมดั่งตั้งใจทุกท่านครับด้วยบารมีพระรัตนตรัย
     
  15. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    รูปลักษณะสภาวะทั้งหลายทั้งปวง เป็นเพียงพฤติภาพแห่งดวงจิตของบุคคล


    - - - - - - - - - -

    ข้อความทำนองนี้จะปรากฏมากมาย ในพระธรรมเทศนาของท่านมิลาเรปะ เป็นข้อเท็จจริงในธรรมชาติที่พิสูจน์ได้โดยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่การใช้วิธีตั้งข้อสังเกตง่ายๆของผู้ไม่รู้หนังสือ ก็ยังอาจสามารถพิสูจน์สัจจธรรมข้อนี้ได้ ผลลัพธ์ก็คือทำให้รู้เท่าทัน รูปลักษณะสภาวะทั้งหลายทั้งปวง ว่าล้วนไม่ได้มีตัวตนของมันเองดำรงอยู่จริง

    - - - - - - - - - -

    ในมุมมองของอนิจจัง เมื่อเรากระทบสัมผัสด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย อย่างใดอย่างหนึ่ง รูปลักษณะสภาวะในภายนอกซึ่งล้วนปราศจากตัวตนของมันเองได้ผันแปรไปแล้ว ดังนั้นการที่เรายังกำหนดความหมายหรือคุณค่าใดๆของรูปลักษณะสภาวะนั้นอยู่ต่อไป ก็นับว่าเป็นเรื่องของพฤติภาพภายในจิตใจซึ่งมีรูปแบบของการสั่งสมอวิชชาไว้หลากหลายนัยยะของแต่ละปัจเจกบุคคลเองล้วนๆ ที่เนื่องอยู่กับการกระทบสัมผัสนั้นๆ

    - - - - - - - - - -

    ในมุมมองของอนัตตา หรือความไม่มีตัวตนของมันเอง เช่นการที่เราเห็นก้อนเมฆเป็นสิ่งที่หมายถึงได้ แต่ถ้าเข้าไปพิจารณาองค์ประกอบของก้อนเมฆอย่างใกล้ชิด จะเห็นกลุ่มละอองน้ำ และเงาที่เกิดจากละอองเหล่านั้นบดบังแสงอาทิตย์ เราย่อมไม่เห็นก้อนเมฆแต่อย่างใด ภาพรวมออกมาเป็นก้อนเมฆปรากฏให้เห็นได้ในระยะไกลเท่านั้น แน่นอนที่สุดว่าเราไม่อาจพูดได้ว่าสิ่งที่หมายถึงภายในจิตใจ อันคือก้อนเมฆนั้น ว่ามีตัวตนของมันเองอยู่จริง ดังนั้นเราสามารถพูดได้ว่าเป็นเพียงพฤติภาพในดวงจิตของบุคคล หรือการที่เราเห็นดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่ในฟากฟ้า และเป็นสิ่งที่หมายถึงได้ แต่เราสามารถจินตนาการได้ว่า

    - - - - - - - - - -

    สิ่งที่เราหมายถึงได้ภายในจิตใจนี้ มิได้มีอยู่จริงตามที่เห็น เพราะเพียงแต่เราเริ่มออกเดินทางค้นหาดวงจันทร์หรือสิ่งที่เราเห็นนี้ เราย่อมพบได้ว่าการเห็น หรือสิ่งที่หมายถึงของเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือพูดได้ว่าเราไม่สามารถหาพบสิ่งที่หมายถึงได้นั่นเอง เพราะโดยที่แท้แล้ว เป็นเพียงพฤติภาพในดวงจิตของบุคคล ตัวอย่างของใกล้ตัว เช่นผ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่หมายถึงได้ เมื่อพิจารณาดูถึงองค์ประกอบย่อย เราเห็นแต่เส้นด้ายเรียงตัวเบียดชิดกันสนิท ไม่เห็นมีแม้แต่อะตอมเดียวของผ้า ถ้าเราพิจารณาองค์ประกอบย่อยของเส้นด้ายลึกลงไป เราย่อมพบความว่างเปล่าของด้าย ในทำนองเดียวกับที่เราพบความว่างเปล่าของผ้ามาแล้ว เพราะโดยที่แท้แล้ว เป็นเพียงพฤติภาพในดวงจิตของบุคคล

    - - - - - - - - - -

    สรรพสิ่งเป็นเพียงพฤติภาพในดวงจิตของบุคคล ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปหลงปรุงแต่งกำหนดหมายคุณค่าใดๆ(อวิชชาความไม่รู้ที่ทำให้เกิดการสังขารปรุงแต่ง)จนเกิดความยึดมั่นถือมั่น(อุปาทาน) ผู้ที่รู้แจ้งตระหนักชัดในสัจจธรรมข้อนี้ได้โดยไม่ต้องนึกคิดตรึกตรองด้วยเหตผล(อบรมโพธิปักขิยธรรมจนเกิดสัมมาญาณทัศนะ) ย่อมไม่ปล่อยให้พฤติภาพของดวงจิตหลงกำหนดหมายปรุงแต่งในจิตใจหลังการกระทบสัมผัสแม้เพียงชั่วขณะเดียว ซึ่งย่อมหมายถึงการที่ผู้นั้นสามารถระงับอวิชชาที่ทำให้เกิดสังขาร จนทำให้ รู้ หรือวิญญาณดับ อันทำให้ รู้ กับ สิ่งที่รู้ หรือนามรูป หยั่งลงไม่ได้

    - - - - - - - - - -

    เมื่อนามรูปดับ อายตนะหรือทวารรับรู้ก็ไม่ทำงานในวิถีที่เป็นเครื่องมือของอวิชชาอีกต่อไป อวิชชาสัมผัสจึงดับ เมื่อผัสสะด้วยโมหะดับ ความรักหรือชังย่อมดับลงได้อย่างเด็ดขาด นั่นคือเวทนาดับ ด้วยความรักความชังไม่มีเป้าหมายที่จะหยั่งลงไปได้ใน สิ่งที่รู้ ใดๆ เพราะนามรูปหยั่งลงไม่ๆได้ด้วยวิปัสสนาญาณรู้แจ้งตระหนักชัดว่ารูปลักษณะสภาวะทั้งปวงล้วนปราศจากตัวตนของมันเองเป็นอนัตตา และไม่ได้ดำรงอยู่แม้ขณะเดียวเพราะมีธรรมชาติที่ผันแปรเป็นอนิจจังอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นหรือโลภะมูลจิต ซึ่งเกิดจากความรักความพอใจหรือความอยากให้พ้นๆไปหรือโทสะมูลจิตซึ่งเกิดจากความชัง ย่อมไม่สามารถเกิดได้ นั่นคือตัณหาหรือเหตุแห่งทุกข์ไม่เกิด ความทนได้ยากย่อมไม่เกิด นั่นหมายความว่าทุกข์ดับ สำเร็จประโยชน์แห่งการลุถึงความเป็นจริงของพระอริยเจ้าทั้งสี่ประการ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค...

    - - - - - - - - - -

    (i)​

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. Anice

    Anice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +751
    อนุโมทนาค่ะ
    เป็นประโยชน์สำหรับผู้เริ่มปฏิบัติ ได้ความรู้และแนวทาง รวมทั้งมีกำลังใจจะเพียรฝึกหัดทำต่อไป
     
  17. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    แนวทางการปฏิบัติธรรม ของอุบาสิกา กี นานายน


    ผู้ปฏิบัติควรศึกษาให้เข้าใจเป็นลำดับไป ดังนี้

    การศึกษาที่เรียนรู้ได้ง่าย ทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกาล ทุกขณะได้ผลทันที ไม่ต้องรอรับผลข้างหน้า ก็คือ ศึกษาในห้องเรียน กล่าวคือในร่างกายยาววา หนาคืบ มีสัญญาใจครอง ในร่างกายนี้มีสิ่งที่น่าเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นหยาบจนถึงขั้นละเอียด

    ขั้นของการศึกษา

    ก.เบื้องต้นให้รู้ว่า กายนี้ประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ส่วนใหญ่ได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนย่อย ได้แก่ ส่วนที่จับติดอยู่กับส่วนใหญ่ เป็นต้นว่า สี กลิ่นลักษณะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีลักษณะไม่คงทน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เต็มไปด้วยของปฏิกูล พิจารณาให้ลึกจะเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นแก่นสารมีแต่สภาพธรรมล้วนๆ ไม่มีภาวะที่ควรเรียกว่า
     
  18. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    สายธารแห่งอารมณ์

    ตัดตอน มาจาก สายธารแห่งอารมณ์ / แดนมหามงคล - มหาอุบาสิกา บงกช สิทธิผล

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]สติ [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]มีไว้ระงับ บังคับกาย วาจา [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ปัญญาธรรม[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] มีไว้พิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญเหตุผลทั้งปวง และแก้ปัญหาให้กับชีวิต จิตใจประจำวัน [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ธาตุรู้ [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]มีไว้ดูความคิด ดูอารมณ์เกิด ดับ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]กาย[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ก็มีหน้าที่ มีกรอบ ขอบเขต ในการทำกิจกรรม [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]วาจา[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ก็มีหน้าที่ พูดไปอย่างมีเหตุมี มีศีลเป็นกรอบ พูดอยู่ในขอบเขตตามภาษาและฐานะทั้งทางโลกและทางธรรม [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]พลังจิต[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ที่เพียรฝึกให้ดี จะเฉลียวฉลาด อาจหาญ คมกล้า ในการแก้ปัญหาให้แด่ตน และทุกคนในครอบครัวได้ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ส่วนชีวิต ร่างกาย ขันธ์ห้า[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] เป็นภาระหนักมหาศาล เพราะเป็นกองโรคาทั้งตัว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เป็นก้อนทุกข์เคลื่อนที่จนนาทีสุดท้าย เมื่อถึงวันสิ้นลมหายใจ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่แสนโหด ในเรื่องขันธ์ห้าจึงหมดไป [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ สติ..บังคับ สั่งระงับกาย วาจาได้ แต่สั่งระงับความคิดไม่ได้ ยามมีอารมณ์นึกคิด [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]จิตลอยล่องและท่องเที่ยวไปในอดีต อนาคต มีนิมิตต่างๆในใจ ไม่มีอำนาจใดๆมาหักห้ามได้เลย จะเกิดเอง ตั้งอยู่เองและก็ดับเอง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ธาตุรู้ มีหน้าที่เพียงดู...รู้..รู้..รู้..รู้อาการเกิดดับเท่านั้น [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ห้ามไม่ให้เกิด...ไม่ได้ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ห้ามไม่ให้ดับ...ไม่ได้ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ทุกๆ อารมณ์ไม่ว่าจะเป็นเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา หรือจะเป็นอารมณ์ที่โลภ โกรธ หลง กิน กาม เกียรติ หรือจะเกิดปีติ ยินดี ยินร้าย ดีใจ เสียใจ เศร้าหมอง เบิกบาน อารมณ์ที่มากมายหลากหลายเหลือล้น ที่เกิดผุดๆ โผล่ๆ ผ่านเข้ามาเป็นลักษณะความคิด..ก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้มีกำหนดการที่จะมาทำพิธีคิด..คิดไม่ทัน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]อารมณ์ทั้งปวง เกิดเอง มาเอง ตั้งอยู่เอง แล้วก็ดับหายไปเอง วุ่นเอง ว่างเอง เป็นดัง สายธารแห่งอารมณ์ อุปมาเสมือนหนึ่ง เป็นแม่คงคา แม่น้ำสายธารใหญ๋แห่งอารมณ์ทางดวงใจ มีหน้าที่ไหล..พัด..ผุด..ผ่าน..เยือกเย็น..หยั่งลึก ถึงก้นบึ้งแห่งเมืองบาดาล ไม่มีกำลังใดๆ จะกางกั้นและต้านทานได้ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ถ้าจะมานั่งเคร่งเครียด ตั้งหลักสู้รบกับอารมณ์..ก็เหนื่อยเปล่า นอกจากให้เพียร เรียนรู้ ดูเห็น ให้เท่าทันในอาการเกิดดับ ผุดขึ้น แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น นี้เป็นหน้าที่ตามรอยทางของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ถ้าเราไปคิดจะยก แบก หาบ หิ้ว เอาอารมณ์ทั้งปวง โดยสตัฟฟ์ อารมณ์ที่ยินดี พอใจ ถูกใจ ไว้ให้เป็นของเราอยู่ตราบนานแสนนาน..ก็ทำไม่ได้ เป็นธรรมชาติจิต ธรรมชาติอารมณ์ และเป็นธรรมชาติของกระแสผลแห่งกรรมที่เราสร้างมา ก็จักแสดงผลเป็น อารมณ์แห่งสัญญา [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]สัญญาอารมณ์..ที่คอยไหลผัดผ่านให้เห็นในขณะปัจจุบันจิต เป็นต้นทุนและหุ้นส่วนในชีวิตประจำวัน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]สัญญาอารมณ์..จะแสดงฤทธิ์เดชเภทภัยน้อยใหญ่ปานใด ก็ขึ้นอยู่กับเหตุแห่งกรรม ที่เราได้กระทำมา ทั้งดีและชั่ว ทั้งบุญและบาป ทั้งหยาบและละเอียด บันดาลให้เห็นเป็นไปตามผลของกรรม [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]หน้าที่ที่ดีที่สุด ในทุกขณะจิตของเราในวันนี้ คือ ตั้งจิตรวมพลังสติ เพียรรู้ พิจารณา ดูการเกิดเห็นการดับสลับกันไป ถ้าเราเพียรพิจารณาดูอย่างเป็นผู้รู้ยิ่ง ก็จักยิ้ม อิ่มเย็นได้จริง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]อารมณ์ ที่เกิดดับนี้ จะตามไปเกิดดับ ทุกขณะจิต ห้ามไม่ได้ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC].. [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ห้ามอารมณ์ไม่ให้เกิด... ก็เหนื่อยเปล่า [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ห้ามอารมณ์ไม่ให้ดับ... ก็เหนื่อยตาย.. [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ณ วันนี้ ถ้าเราต้องการพันทุกข์ทางใจ เป็นไททางจิต เป็นอิสระต่อสภาวะอารมณ์ที่พัดผ่านเข้ามาสู่ภายในอย่างมากมายมหาศาล ให้ดูดังภาพเงาประจำชีวิตที่เฝ้าตามติด ด้วยความว่าง โปร่ง เบา ไม่เอาตัวมาแบกหนัก [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เงาทิพย์ ท่านติดตาม เฝ้าดู รู้เจ้าของ คือชีวิต คิดทำอะไร ที่ใดๆ จะขาดทุน มีกำไรหรือไม่เพียงใด .. [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เงาท่านตามได้ ดูเป็นทุกมุมมอง ดูเจ้าของอย่างรู้กรรม ท่านรู้และดูอย่างสงบเงียบ ไร้เสียง ไร้กลิ่น ไร้การปรุงแต่ง เงาทิพย์ ติดตามเฝ้าดู อย่างไม่ผวา ไม่สะดุ้งกลัว ในทุกที่ ทุกสถาน ในทุกเหตุการณ์ของผัสสะ ท่านรู้ ดูแบบเบาบาง จึงสว่าง ว่างจริง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]หรือ จะดูแม่น้ำสายใหญ่ บางวัน บางครั้ง บางโอกาสก็จักมี เศษ ซาก ขยะมูลฝอย มากน้อย พัด โผล่ โชว์เด่นผ่านมา บ้างก็มีกองขยะ ซากศพ ทั้งคนและสัตว์ ที่เน่าเปื่อยนานา อีกทั้งซาก หมู หมา กา ไก่ ไหลมา ...ก็เพื่อไหลผ่านไป และผ่านไป.. [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ผ่านไปตลอดเวลา ดูแม่น้ำสายใหญ่ ก็มิได้หวั่นไหว หรือสนใจ มิได้ให้ความสำคัญมั่นหมาย ในแห่งสรรพชีวิต และซากแห่งสรรพสิ่ง ที่ไหลมา ไหลมา เพื่อผ่านไปในที่สุดแต่อย่างใด [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]แม่คงคาท่านยังคงทำหน้าที่ประดุจดั่ง และเสมือนหนึ่ง เป็นผู้มีญาณบารมีธรรม เมตตา อุเบกขา อุเบกขา..ดุจมีตาทิพย์ สงบเย็นเห็นสกุลธรรมต่อผัสสะที่ผ่านมา เพื่อผ่านไป ว่าวันนี้มีอาสวะ ขยะมาร หรือ สภาวะอารมณ์ ทั้งฝ่ายบุญ ฝ่ายบาป ทั้งหยาบและละเอียด ไหลมาเพื่อผ่านไป ล้วนแต่เป็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]แม่คงคา ไม่มีหน้าที่เก็บและกักตุน ขยะน้อยใหญ่ ที่ไหลพัดผ่าน ไว้ในมหาอาณาจักรแห่งสายธารเลยฉันใด มหาปัญญา มหาปฎิปทาของเผ่าพันธ์บัณฑิตพิชิตชัยทั้งหลาย ท่านก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นในสัญญาและอารมณ์ ที่เกิดดับทั้งปวงฉันนั้น [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ต้องฝึกจิต ..ให้หย่าขาด [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ไม่ให้อารมณ์..มาเป็นของเรา ไม่ให้เรา..เป็นของอารมณ์ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ไม่ยึดมั่นอารมณ์..เป็นเรา เรา..ก็ไม่เป็นของอารมณ์ [/FONT]

    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  19. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +1,411
    <a href="<A href="http://www.thaiadpoint.com/tap6/html/landing.php?ref_id=264127"><img">http://www.thaiadpoint.com/tap6/html/landing.php?ref_id=264127"><img border=0 src="<A href="http://www.thaiadpoint.com/tap6/banner/tap6-468.gif"></a">http://www.thaiadpoint.com/tap6/banner/tap6-468.gif"></a>
     
  20. -๑ไร้IดีeJสา๑-

    -๑ไร้IดีeJสา๑- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,436
    ขออนุโมทนาด้วยครับ ไม่คิดว่าจะได้มาพบพวกพี่ๆ
    ที่ปฏิบัติธรรมตามวิธีของหลวงปู่ดูลย์ เช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...