ขอความช่วยเหลือครับผมโดนคุณไสย์ 2

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย nine_hmon, 17 ตุลาคม 2006.

  1. nine_hmon

    nine_hmon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +80
    จากที่ได้มีท่านผู้ใจบุญมาให้ความกระจ่างแก่ผมทำให้ผมได้รู้ว่า นรก สวรรค์มีจริงๆ ที่ผ่านมาผมได้โทรไปขอคำชี้แนะจากหลายท่าน ขอเอ่ยชื่อท่านผู้ที่ผมขอคำชี้แนะนะครับ คุณ ดังตฤณ. คุณ เธียรไท และท่านที่ผมได้เอ่ยชื่อด้วยนะครับ และผมได้นำพระคาถาที่ท่านผู้ใจบุญนำมาบอกกล่าว นำไปปฏิบัติ แต่ก่อนอื่นนั้น ผมขอบอกก่อนนะครับว่า ก่อนหน้านั้นผมไม่ทราบว่าต้องปฏิบัติอย่างไรผมก็คิดอะไรได้ผมก็ทำตามความคิดผม เช่น ผมเอาน้ำมนต์ที่วัดพิชญาติการามมา ทั้งดิ่มทั้งอาบเองที่ห้องพักแต่ไม่ทราบหรอกว่าต้องท่องคาถาอะไรบ้าง ทั้งไปเอาน้ำมนต์ที่วัดพระแก้ว ทั้งดื่มทั้งอาบเหมือนกัน แต่ก็ได้ผลนิดหน่อย ต่อมาก็สวดมนต์ ท่องคาถาที่อยู่ในหนังสือสวดมนต์ทั่วๆ ไปก็ไม่ค่อยดีขึ้นตอนแรกนั้นผมสัทธา สมเด็จพุฒตาจารย์โตมากครับ ผมก็อ่านพระคาถาชินบัญชรหลังสวดมนต์ ทั้งอิติปิโส 8 บท ก็ดีขึ้นตามลำดับแต่ก็ยังโดนอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ตอนแรกๆนั้นทรมานมากเพราะม่มีผู้ที่จะให้คำชี้แนะได้ มีกระทั่งนั่งรถเมล์ไตอนกลางคืนไปเรื่อยพอสิ้นระยะ ก็ต่อรถสายอื่นต่อจนเกือบเช้าเราะไม่อยากอยู่ห้องเพราะอาการหนักกว่าเดิมจนเกือบโดนปล้นดีที่ไหวตัวทัน ตอมารู้ว่าคนที่ทำผมนั้น(ผมได้ยินเสียงคนทำตลอดเวลา)หลอกผมให้ผมพูดกับเค้ามากๆ ยิ่งพูดมากจะโดนหนัก ผมไม่สามารถอธิบายใครได้เพราะผมอยู่ในโลกที่ไม่มีใครคิดว่าคุณไสย์จะยังมีอยู่จนกระทั่งมีปากเสียงกับพ่อแม่ ท่านคิดว่าผมเป็นโรคทางสมอง แฟนผมก็เข้าใจผมแต่เธอก็ไม่ทราบว่าจะช่วยได้อย่างไร วันหนึ่งทนไหวเลย มานั่งร้านอินเตอร์เน็ท เลยพบกับเว็บลังจิต ก็ทำให้รู้อะไรหลายๆอย่าง จากคนที่เพิ่งเริ่มเข้าวัด (ครั้งแรกที่ วัดพิชญาติการาม ตอนวัดเกิดท่านแม่ชีพอดี เมื่อวันเกิดของท่านแม่ชีที่ผ่านมา)มีน้องคนหนึ่ง พาเข้าวัด จากคนที่ใจร้อนมาก ไม่พอใจอะไรก็ชักสีหน้าๆม่พอใจ ก็เริ่มจะดีขึ้นโดยน้องคนนั้น ชื่อ เอ้ น้องเค้าพยายามหา ไฟล์หนังที่เล่าว่า นรกเป็นอย่างไร สวรรค์เป็นอย่างไร และเพลงพระคาถาชินบัญชร และพระคาถาอื่นๆ ผมก็เปิดฟังทั้งวันทั้งคืน ก็คิดเอาเองว่าน่าจะใช้ได้ถ้าแบบนี้ ก็ดีขึ้น บ้างครั้งเค้าทำอะไรได้น้อยลง ถ้าผมสวดมนต์ เช้าเย็นและตั้งแต่ได้เข้าเว็บนี้ก็นำให้ผมคิดอยากจะบวชตลอดชีวิตเสียแล้ว เพราะว่าคนที่ไม่เจอคงไม่เข้าใจว่าไอ้ที่คิดว่าไมเกร็นที่ทรมานแล้วกินยาแก้ปวดเข้าไป 2-3 เม็ดนั้นไม่ระคายเลยยิ่งพูดตามยิ่งเจ็บ ถ้าเค้าหยุดก็หาย 2-3 วิเจ็บ 5 วิต่อมาหายแต่ก็ได้ยินเค้าคุยกันว่ากำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่ท่านผู้ที่กำลังอ่านครับจวบจนวันนี้ผมรู้แล้วว่าพระพุทธเจ้านั้นมีจริง มารนั้นมีจริง กิเลสนั้นยากมากที่จะ แยกออกจากจิตใจที่บริสุทธ์ กล่าวมาเสียนานเลยนะครับ ขอเล่าต่ออีกนิดนะครับว่า ตอนนี้ผมได้ใช้พระคาถา สัมปจิตฉามิแล้วอาการดีขึ้น อาการจะเป็นอย่างนี้นะครับ คือมันจะปวดหัว แต่ถ้าตั้งสติดีๆนั้นการปวดหัวไม่ใช่ปวดของจริงเหมือนมีใครคิดให้ว่าปวดหัว วูบที่หน้าอก คล้ายๆกับแน่นหน้าอกแว็บเดียว หลังจากนั้น จะถูกนักถ้าไม่กลั้นหายใจไว้ถ้ารู้สึกเหมือน วูบๆที่หน้าอก ถ้าโดนเข้าไป จะทำให้เหมือนมีอะไรมายึดหัวไม่ให้หมุนไปทางใหนถ้านั่งสมาธิโดนหนักคือถ้าจิตกำลังเผลอจะโดน คล้ายกับเค้าหลอกทางจิตว่ากำลังดึงหน้าผมไปถ้ายอมตัวจะแข็งๆ แต่ถ้าลุกออกเดิน ก็จะยังรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรดึงขาไว้เดินไม่สะดวก เดินไปใหนถ้าเห็นผู้หญิงไม่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ให้คิดต่ำๆอย่างเดียว ถ้าจิดเพลอแค่นิดเดียว เค้าก็พูดว่า มึงคิดลามกกูคิดให้มึง สาธุ มก็จะปวดหัวแบบมึนๆ บางครั้งก็ได้กลิ่น ฟอร์มาลีน กลิ่นร่มผ้าที่อับๆไม่ต้องบอกนะครับ แล้วก็พูดว่ามึงได้กลิ่น นี้มั้ยถ้าคล้อยคามเป็นอันเสร็จทรมานต่อมากขึ้น
    เมื่อคืนนี้ผมได้ท่องพระคาถา สัมปจิตฉามิ ตอนที่เค้าเผลอ ทำให้รู้สึกมึนหัวมากและเหมือนมีอะไรพยายามออกจากจิตผมแต่ผมก็ไม่ทราบว่าคืออะไรเท่าที่ได้ยินเหมือนเค้าจะโดนของเค้าเอง แต่ตอนนี้ผมไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อไปเพราะ ผมทดลองแล้วว่าทุกคั้งที่ผมจะคิดจะพูดจะเหมือนมีอะไรส่งออกไปก่อนแล้วผมก็ค่อยนึกคำพูดนั้นทำให้ทุกครั้งที่จะพูดจะคิดเค้าจะรู้ก่อนแล้วพูดให้ทับคำพูดผม แล้ว สาธุ อีกอย่างถ้าผมมีอาการเจ็บตรงใหนถ้าจิตจดจ่ออยู่ที่ตรงนั้นถ้าเค้าพูดว่า สาธุ ผมก็จะเจ็บได้ทุกวันเช่นเป็นสิว สิวหายแล้วก็ยังเจ็บอยู่ได้ที่ตรงที่มีสิวถ้ารู้สึก วูบๆ เหมือนแน่นหน้าอก แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกวันผลัดเปลี่ยนเวรยามกันทำเพราะว่าเค้ากลัวที่ของที่ทำผมไว้จะหลุดตอนนอนก็ไม่วายยังให้ฝันลามก ได้ยินว่าถ้าลามกจะทำให้ ติด คำว่าติดของเค้านั้นคงหมายถึงทำให้ผมเจ็บ ผมปวดหัว ปวดหู และมีเสียงวี้แหลม ตลอดที่โดนมา ผมก็อยากให้หายก่อนลงทะเบียนก่อน ในไม่กี่วันนี้เพราะถ้าผมเห็นอะไรเค้าก็เห็นด้วยผมลอง คิดโกหกดู แล้วจริงอย่างที่ผมคิดว่าเค้าอ่านจากจิดผม ผมเห็น เลข 1 เค้าก็คงรับรู้ว่าเป็นเลข 1ละที่สำคัญมี pass word ในการลงทะเบียนถ้ารู้ก็เข้าไปทำให้ผมต้องจบโดยปริยาย ขอความกรุณาด้วยนะครับ......hmon
     
  2. สี่จุด

    สี่จุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +3,659
    น่าเห็นใจมากนะ ขอให้คิดดี ทำดี คิดถึงพระพุทธคุณ ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองให้คุณหลุดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายด้วย
     
  3. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    385
    ค่าพลัง:
    +1,287
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นอุปาทานหรือเปล่าครับ





    [​IMG]
     
  4. นายจั๊บ

    นายจั๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,110
    อืม น่าเห็นใจนะครับ ถ้าเป็นความจริงดังที่พูด ลองตั้งใจบูชาพระ สวดบทนี้ดูนะครับ

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • RW2614x1234.jpg
      RW2614x1234.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.7 KB
      เปิดดู:
      269
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด
    แล้วไปพบจิตแพทย์ เล่าอาการให้ฟังอย่างละเอียด
    แพทย์ทั้งสองโรค ย่อมมีทางรักษาคุณให้หายขาดได้นะขอรับ
     
  6. hauntez

    hauntez Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +44
    อาราธนาแล้วจะกันได้มากโดยต้องทำ เช้า-เย็น ทุกวัน

    ก.) ตามหนังสือสมบัติพ้อให้หน้า 59
    ถ้ามีวัตถุมงคลหลวงพ่อจะดีมากแล้วอาราธนาดังนี้
    1. คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อ เป็นที่สุด
    2. ตั้งนะโมสามจบ สวดอิติปิโส สามห้อง 1 จบ
    3. อารธนาให้พระคุ้มครอง และกำจัดปัดเป่าคุณไสย์
    4. ท่องคาถา อิธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่มะอะอุนี้เถิด
    5. กลืนน้ำลายสามครั้ง

    ข.) ตามหนังสือสมบัติพ่อให้หน้า 200
    คิดถึงสมเด็จพระพุทธเรวัตตะ แล้วท่องคาถา "สัมปะจิตฉามิ" บ่อยๆ ถ้าท่องทุกลมหายใจเข้าออกได้จะดีมาก

    ค.)
    น้ำมนต์วัดท่าซุง ทั้งกินทั้งอาบ บูชามาขวดเดียว (ขวดละห้าบาท) เอามาเติมอย่างถูกวิธีจะใช้ได้ตลอดไป

    ง.) สมบัติพ่อให้หน้า 161
    กินน้ำมันชาตรีวัดท่าซุง บูชามาขวดเดียว เอามาเติมอย่างถูกวิธีจะใช้ได้ตลอด

    ลองทำตามที่ว่ามาทุกข้าเลยนะ ก-ง

    ข้อให้พ้นจากทุกข์โดยเร็ว
     
  7. hauntez

    hauntez Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +44
    ขอเตือนอีกนิดนะครับ

    ไม่ควรไปรักษากับร่างทรงนะครับ แล้วก็จะรักษากับใครให้ระวัง เขาฝากของไปด้วย แล้วต้องวิงไปหาให้เข้าแก้ให้อยู่ร่ำไป บางรายเสียเงินเป็นแสน

    อีกนิดนะครับ อ.ไก่ คนเมืองบัวช่วยได้นะครับ เคยให้ อ.ไก่ ทำน้ำมนต์ให้แฟนน้องสาวที่โดนคุณไสย์มากิน กินครบสามวันเกิดอาการของถูกขับออก คืออวกออกมา เยอะมาก แต่ตองทำใจว่าการแก้ต้องใช้เวลา

    ขอให้พ้นทุกเร็วๆนะครับ
     
  8. ปิยะฉัตร

    ปิยะฉัตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +10
    1. ตั้งนะโม 3 จบ
    2. สวดไตรสรณะคมณ์
    3. สวด พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
    4. อาราธนาศีล 5
    5. นึกถึงพระพุทธเจ้า พระคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์
    6. ตั้งจิตและสติให้เข้มแข็ง ให้มีพลังอำนาจเหนือกว่า

    รักษาศีล 5 ไว้ให้สม่ำเสมอ ยิ่งอารธนาศีลกับพระที่ปฏิบัติดีได้ยิ่งดีมากเลย

    ทำทุกวันติดต่อกันไปเรื่อยๆ พยายามบอกตัวเองเสมอๆ ว่าเราเป็นผู้รักษาศีล ขออำนาจอานิสงส์นี้ช่วยคุ้มครองเราด้วย...ขอให้หลุดพ้นโดยเร็วนะครับ.
     
  9. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    มนต์บทไหนก็ช่วยคุณตลอดไปไม่ได้
    .......................................


    วิญญาณที่ตามล้างอาคาตคุณเช่นนี้ ให้คุณคิดไว้ว่าคุณนั้น
    เคยก่อกรรมกับเขาไว้มาก ถ้ายังคิดแต่จะหนีกรรม หนีไม่พ้นดอก
    จงยืดอกรับกรรม ทำบุญอุทุศส่วนกุศลไปให้เขา



    บอกเขา จุดธูปถึงเขาว่า "เรานี้ล่วงเกินท่าน ขอโหสิกรรม ด้วย
    การทำบุญให้ท่านทุกวัน" ท่านจะต้องทำทุกวัน ทำให้เขาเห็นว่า
    ท่านสำนึกจริงๆ จนกว่าเขาจะอ่อนใจ เชื่อว่าท่านสำนึกผิดแล้ว
    อย่าคิดแต่จะช่วยตัวเองให้รอด ท่านทำเขาไว้ก่อนมาก จงสำนึก
    ผิด แล้วทำบุญให้เขา


    ท่านจะหายได้ถ้าสำนึกผิด ขออโหสิกรรม และทำบุญให้เขาเห็นจริงๆ
    เขาเองก็ไม่อยากอาคาตคุณนักหรอก แต่ชาติที่แล้วดันจ้องอาคาต
    วิญญาณก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ไปสู่ที่ชอบๆ เสียที ทั้งคู่นั่นแล

    สาธุ....................................................................
     
  10. Pan&R

    Pan&R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +320
    เรียน คุณ HMON<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เพิ่งได้มาเห็นกระทู้ของคุณค่ะ พยายามตอบ แต่พอจะโพส โทรศัพท์ก็เสียทันที และจะต้องรออีกหลายวัน ถึงจะใช้ได้อีก มันก็แปลกเหมือนกันนะคะ แต่ยังไง ถ้าช้าหรือเร็ว ก็จะต้องตอบคุณจนได้แหละ ขอให้กำลังใจและยืนยันว่า คนที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงนั้น เรื่องแบบนี้ แก้ไขไม่ยากหรอกค่ะ ขอเรียนว่า ตัวเองเป็นคนที่ตอบเฉพาะเรื่องที่ตัวเองรู้ ถ้าไม่รู้ ก็จะไม่ตอบ เพราะจะทำให้ผู้ที่กำลังมีปัญหา หลงทางไปใหญ่ เสียกำลังใจและเสียเวลา นอกจากจะไม่ได้กุศลแล้วจะเป็นโทษแก่ตัวเองเปล่า ๆ ฉะนั้น ถ้าคุณทำตามที่แนะนำได้ คุณจะหมดปัญหาแน่นอน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขออนุญาตแนะนำตามประสบการณ์ที่หลวงพ่อเคยสอนในสถานการณ์ต่าง ๆ นะคะ<o:p></o:p>
    พระคาถาที่ขับผี คุณไสย คุณคน และสิ่งอัปมงคลที่เรียกว่าเสนียดจัญไร อัปรีย์จัญไร ให้ภาวนาได้ 2 อย่างค่ะ คือ “นะ โม พุทธา ยะ” และ "สัมประจิตฉามิ" แต่มีเคล็ดลับค่ะ คือ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    1. ยอมรับในคุณและอานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ คุณต้องมีความมั่นคงของจิตในการเคารพและเชื่อในบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยกำลังใจที่หนักแน่นก็คือ เชื่อมั่นว่า บารมีพระพุทธเจ้า ประมาณมิได้ มีกำลังเหนือสิ่งอื่นใด และไม่มีอะไรจะต้านทานพระบารมีแห่งพระองค์ได้ ฉะนั้น การพึ่งบารมีพระพุทธเจ้า ผี (รวมทั้งเทวดาที่เป็นมิจฉาทิษฐิ)สิ่งอัปมงคล คุณไสย เสนียดจัญไร อัปรีจัญไร อยู่ไมได้ เพราะแพ้พ่ายต่อพระบารมีและพระบริสุทธิคุณ คุณจงกำหนดจิต ขออาราธนาบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือ ทุก ๆ พระองค์ ให้ทรงประทับอยู่เหนือศีรษะของคุณ ให้ชัดเจนแจ่มใส ทำความรู้สึกว่า พระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่นี่ และคุณอยู่กับพระองค์ท่านจริง ๆ แล้วภาวนา เลือกพระคาถาบทใดบทหนึ่งนะคะ “นะ โม พุทธา ยะ” หมายถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ หรือ “สัมประติจฉามิ” คาถาขับไล่โดยเฉพาะ ภาวนาไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องจับลมหายใจ โดยตั้งใจว่า ตายเป็นตาย เราจะไปอยู่นิพพานกับพระพุทธเจ้า แล้วปล่อยวางในร่างกาย มันจะเกิดอาการอะไร ก็ไม่สนใจ ภาวนาลูกเดียว จนรู้สึกได้ว่า “หลุด” จิตจะบอกคุณเอง (คิดดูเถอะนะคะ ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาประทับอยู่เหนือศีรษะคุณและคุณภาวนา คุณคิดว่า สิ่งที่เป็นเดียรฉานจะอยู่ได้ไหมเล่า?) <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เวลาทางวัดมีเหตุใด ๆ ครูฝึก(มโนมยิทธิ)ก็จะอาราธนาบทนี้เข้าไปแก้ไขปัญหาค่ะ ขอยืนยันว่า ครูฝึกฯไม่ได้เรียนวิชาขับไล่ผี หรือคุณไสย และไม่มีความรู้ในเดียรฉานวิชาเหล่านี้ เพราะหลวงพ่อท่านสอนด้านพระกรรมฐาน และสอนให้ พึ่งบารมีพระพุทธเจ้า ที่ยิ่งใหญ่มาก อะไร ๆ ก็อยู่ไม่ได้ หลุดหมดค่ะ ครูฝึกท่านหนึ่ง เคยสอนคนที่มีเจ้ากรรมนายเวรขวาง บังไม่ให้เธอฝึกมโนมยิทธิ แต่ครูฝึกก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าสงเคราะห์ จนเธอผู้นั้นฝึกไปได้สำเร็จ แล้วเจ้ากรรมนายเวรก็เลยย้อนมาให้โทษครูฝึกแทน เธอก็ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า “นะ โม พุทธา ยะ ไง” เธอจึงไปนอนท่อง ท่องไปดิ้นไปซักพัก แล้วก็เรียบร้อยค่ะ หลุดไปเลย หมดปัญหา <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทีนี้ ถ้ากำลังใจอ่อนแอ คือมีความไม่แน่ใจ กลัว หรือหวาดระแวง ก็จะไม่ชนะหรอกนะคะ ต่อให้มีของดีแค่ไหน ก็แพ้ค่ะ เพราะใจมันแพ้ เสียแล้วน่ะซิ นั่นคือไม่ยอมรับคุณแห่งพระพุทธเจ้า แต่ไปยอมรับอำนาจคุณไสย ก็จะแพ้อย่างหมดท่าไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ให้ขออาราธนาบารมีท่านช่วยสงเคราะห์คุณด้านกำลังใจด้วย ว่าให้คุณจงมีกำลังใจที่เข้มแข็ง รู้เท่าทันเหตุการณ์ และรู้เท่าทันในอารมณ์ ไม่หวั่นไหวต่อเดียรฉานวิชาเหล่านี้ คุณจึงจะชนะได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    2. ไม่ยอมรับในไสยศาสตร์ว่ามีจริง คือ คุณไสย มันเป็นอย่างไร ช่างมัน คุณต้องไม่ให้ความสนใจ และไม่เชื่อในกำลังของคุณไสย เพราะคุณได้มอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนี่ ร่างกายของคุณมีไว้เพื่อปฏิบัติความดีตามรอยพระพุทธบาท และตามทางสายพระนิพพาน คุณต้องไม่ยอมรับว่าคุณไสยมีกำลังเหนือเรา หรือ เหนือครูบาอาจารย์ของเรา ถ้าเรายังมีใจยอมรับมัน รับประกันได้ว่า ถึงมันออกก็เข้ามาใหม่ได้ ดังนั้น จงตั้งใจรักษาศีล 5 ตลอดชีวิต และปฏิบัติตนเพื่อให้เข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้ จะได้ไม่ต้องเจอกับเดียรฉานวิชาอีก ไม่ต้องไปบวชก็ได้ค่ะ จงรู้เท่าทันว่า ของที่เป็นของต่ำ ของสกปรก จะมีอำนาจเหนือคุณพระพุทธเจ้าไม่ได้ ต้องคิดแบบนี้ คุณสังเกตดูซิ ว่า คนที่ไม่เชื่อในเรื่องผีเอามาก ๆ คน ๆ นั้นก็มักจะไม่เจอผี และคนที่แข็งมาก ๆ และไม่เชื่ออะไรเลย คน ๆ นั้นก็ไม่โดนคุณไสยเหมือนกัน คนที่โดนผีหลอกบ่อย ๆ หรือ โดนคุณไสย คือคนที่กำลังใจธรรมดา ๆ และอ่อน ๆ เท่านั้นหละค่ะ นั่นเป็นเคล็ด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    3. วิธีป้องกัน คือ ตื่นนอน ทุก ๆ วัน ให้จับภาพพระให้แจ่มใส แล้วภาวนาพระคาถาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องกัน เช่น ทำใจให้สบาย ๆ แล้วภาวนา"พุท-โธ นะโมพุทธายะ เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมัขขา สัมประติจฉามิ สัมประจิตฉามิ" แล้วกลืนน้ำลาย 1 หน ให้ทำ 3 ครั้ง ทำอย่างนี้ให้เป็นปกติ คาถาที่ว่านี้ คือ ป้องกัน และส่งคืนผู้กระทำ และจงมั่นใจว่า สิ่งใด ๆ ที่เป็นอัปมงคลที่ส่งมา เราไม่ขอรับ ขอคืนแก่ผู้กระทำ เพราะบารมีแห่งองค์สมเด็จฯ เป็นผู้ส่งคืน ไม่ใช่เรา ฉะนั้น ต้องมั่นใจว่า มันไม่ตกมาถึงเรา หลวงพ่อท่านเคยบอกว่า การทำแบบนี้สำคัญมาก ทุกคนควรทำ เพราะยามที่มีโรคระบาด หรือรังสีต่าง ๆ ก็กันได้หมด นะคะ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ถ้ากำลังใจไม่เข้มข้น (คือไม่เชื่อ/ไม่มั่นใจในบารมีพระพุทธเจ้า) คุณก็ไม่ชนะ กำลังใจต้องเข้มแข็ง และทำตามที่บอก รบประกันว่า รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งค่ะ เพราะพบมามากแล้วค่ะ แต่เชื่อเถอะว่า รบครั้งเดียวก็เกินพอแล้วค่ะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่แพ้ คนที่ไม่มั่นใจในพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะแพ้<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    4. การเยียวยา ทีนี้ จงเข้าใจด้วยว่า เมื่อของมันหลุดไปแล้วก็จริง แต่อาการบางอย่างมันอาจไม่หายไปทั้งหมดในทีเดียว ก็เหมือนคนป่วย ต้องมีระยะเวลาฟื้นตัวบ้าง จึงอย่าไปเข้าใจว่า ของยังอยู่ จะทำให้เสียกำลังใจ ห้ามคิดว่า โดนอีกรึเปล่า? หรือ ยังอยู่รึเปล่า? โดยเด็ดขาด เพราะอาการต่าง ๆ สามารถเยียวยาได้ ด้วยการขออาราธนา “มีดหมอชาตรี” ของวัดท่าซุง รักษาให้หายได้ค่ะ (ถ้าคุณไม่มีให้ขอยืมของลูกศิษย์หลวงพ่อ คนใดคนหนึ่ง) โดยตั้งนะโมฯ 3 จบ แล้วท่องพระคาถากำกับฯ ตั้งใจอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้าทุก ๆ พระองค์ ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 พระองค์ แล้วจี้ไปในจุดต่าง ๆ ภาวนาไปด้วย ดื่มน้ำมนต์ล้างด้วยยิ่งดีค่ะ (ของวัดท่าซุงก็ได้ค่ะ) ขณะที่ทำ จงรู้ด้วยว่า พระพุทธเจ้า พรหม หรือ เทวดา ท่านจะมารักษา ไม่ใช่ตัวคุณ ดังนั้น กำลังใจของคุณก็จะมีความสำคัญอีกน่ะแหละว่า จะหายหรือไม่หาย อยู่ที่คุณมีกำลังใจมั่นคงในคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขนาดไหน ถ้ามีมโนมยิทธิ คุณจะรู้ได้ว่าท่านมารักษา ค่ะ “มีดหมอชาตรี” นี้ มีอานภาพมาก หลาย ๆ คนพบว่า เวลาคนถูกผีเข้า แค่หยิบมีดหมอออกมาก็เผ่นกันหมดแล้ว ยังไม่ต้องลงมือทำอะไรเลยค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เรื่องน้ำมนต์ให้ดูตัวอย่างพระอานนท์ ตามที่หลวงพ่อท่านเทศน์ นะคะ เล่าย่อ ๆ คือ เมื่อคราวที่องค์สมเด็จพระทศพล ไปสงเคราะห์เมืองที่ฝนแล้งมานาน แม้พระราชา จะทรงศีล ทำอย่างไร ฝนก็ไม่ตก จนต้องอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทรงโปรด เมื่อเสด็จไปถึง ทรงบอกพระอานนท์ให้เอาน้ำมนต์ไปรดให้ทั่วเมือง พระอานนท์รับพระบัญชาแล้วก็ตักน้ำใส่บาตร ตั้งใจขออาราธนาบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าให้น้ำนี้เป็นน้ำมนต์ แล้วก็รดไปทั่ว ปรากฏว่า ผีร้ายต่าง ๆ อยู่ไมได้ต่างหนีกันกระเจิงจนกำแพงเมืองพังไปด้านหนึ่ง แล้วฝนก็ตกหนักชำระสิ่งต่าง ๆ ไปหมด<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    พระอานนท์ท่านกำลังใจมั่นคงอย่างไร คุณก็ต้องทำอย่างนั้น คือ อาจเอาพระสมเด็จองค์ปฐม หรือ พระคำข้าว พระหางหมาก แล้วแต่นะคะ ใส่ลงไปในน้ำ ตั้งใจ ตั้งนะโม และพระคาถา "อิทธิ ฤทธิฯลฯ" แล้วอธิษฐานให้ชะล้างสิ่งอุปมงคลให้หมดจากร่างกายและจิตใจ และให้ฟื้นฟู ให้มีสุขภาพกายและใจแข็งแรงเหมือนเดิมค่ะ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เอาละ ขอเป็นกำลังใจให้คุณ HMON นะคะ ขออาราธนาบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย คุณครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่ปานและหลวงพ่อ พระราชพรหมญาณ เป็นที่สุด และเทพเจ้าทั่วสากลพิภพ จงช่วยให้คุณหลุดพ้นจากมนต์ดำนี้โดยง่ายนะคะ จงรู้ว่า ทุกคนที่อ่านกระทู้นี้ ล้วนส่งกำลังใจให้คุณ แต่จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเองด้วยนะคะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ไสยศาสตร์แก้ไขง่ายกว่าผี หรือ เทวดาเยอะ เพราะหลุดแล้วหลุดเลย แต่ผี หรือ เทวดาที่มีฤทธิ์ แม้จะอยู่ห่างเราอย่างมากและ เข้ามาใกล้เราอีกไม่ได้ แต่ก็สามารถใช้ฤทธิ์หรืออำนาจทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าอยู่กับเราได้ ดังนั้น การแก้ปัญหาทุกอย่างต้องอาศัยกำลังใจที่เข้มแข็งเท่านั้นและยึดมั่นในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ มีหลวงปู่ปานและหลวงพ่อพระราชพรหมญาณเป็นที่สุด ค่ะ การได้มโนมยิทธิจึงดีที่สุด เพราะคุณจะเห็นว่า ท่านทุก ๆ พระองค์ที่เรานึกถึงจะอยู่ใกล้เราและเป็นที่พึ่งของเราจริง ๆ จะช่วยให้เราอบอุ่นใจ คลายความกังวลลงได้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นี่แหละ เราท่านทั้งหลาย จงรู้ว่า พวกเรามีบุญที่เกิดมาแล้วได้พบพระพุทธศาสนาและพบพระพุทธเจ้า เราจงรู้ว่า อัปมาโน พุทธโธ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณมิได้ พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าประมาณมิได้ พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้าประมาณมิได้ ถ้าเราเอาจิตนึกถึงท่านบ่อย ๆ จิตเราก็จะสะอาด ปราศจากกิเลศ (ในขณะที่คิดถึงท่าน) และท่านเป็นที่พึ่งอันประเสริฐเหนือสิ่งอื่นใด ฉะนั้น ใครมีปัญหาอะไร จงยึดพระองค์เป็นที่พึ่งค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  11. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    1.ขอให้อาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยปกปักรักษากาย วาจา ใจ ของท่านไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น
    2. ถือศีลเป็นปกติอย่างน้อย ศีล 5 พยายามทำให้ได้
    3. อาราธนายันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อฤาษี ให้คุ้มครองตั้งแต่ศรีษะ จรดปลายเท้า ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น
    4. ฝึกมโนยิทธิ ตามแนวของหลวงพ่อฤาษี
     
  12. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    • อุปปาตะสันติ
    • บทสวดสงบเหตุร้าย
    • นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
    • ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีแด<WBR>่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์น<WBR>ั้น
    • คันถารัมภะ
    • (คำเริ่มต้นคัมภีร์)
    • (ก) สุทุททะโส อะยัง ธัมโม โลกัตถัง ชินะเทสิโต มะหาสันติกะโร โลเก สัพพะสัมปัตติทายะโก.
    • ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก เป็นธรรมที่เห็นได้ยากยิ่ง สำหรับธรรมที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็น ธรรมที่สามารถกระทำความสงบอ<WBR>ันประเสริฐ และสามารถประทานซึ่งสมบัติทั<WBR>้งปวง
    • (ข) สัพพุปปาตูปะสะมะโณ ภูตะยักขะนิวาระโณ อะกาละมัจจ<WBR>ุสะมะโณ โสกะโรคะวินาสะโน.
    • เป็นเครื่องสงบเหตุร้ายทั้งปวง เป็นเครื่องป้องกันอมนุษย์และย<WBR>ักษ์ เป็นเครื่องระงับความตายก<WBR>่อนกำหนดเวลา เป็นเครื่อง ขจัดความเศร<WBR>้าโศกและโรค
    • (ค) ปะระจักกะปะมัททะโน รัญโญ วิชะยะวัฑฒะโน สัพพานิฏฐะหะโร สันโต ธัมมัง วักขามิ ภูตะโต.
    • เป็นเครื่องย่ำยีกำลังของข้าศึก เป็นเครื่องจำเริญชัยชนะแด<WBR>่พระราชา เป็นเครื่องนำสิ่งที่ไม่น<WBR>่าปรารถนาทั้งปวงออกไป เป็น ธรรมอันประเสริฐ ข้าพเจ้า (พระสีละวังสะมหาเถระ) จักแสดงคุณธรรมเช่นนั้น ตามสภาพที่เป็นจริง
    • (ฆ) วัตถุตตะยัสสะ โย ยัตถะ สังวัณเณติ คุณุตตะเม ตัสสะ ตัตถะ สุขาโรคฺยะ- โสตถิโย โหนติ สัพพะทา.
    • ณ ที่ใด มีผู้กล่าววาจาสรรเสริญพระคุณอ<WBR>ันประเสริฐของพระรัตนตรัย ด้วยจิตที่เลื่อมใส ณ ที่นั้น ความสุข ความสบาย และความสวัสดี ย่อมมีแก่ผู้นั้นตลอดกาลทุกเมื่อ
    • (พระพุทธเจ้าในอดีต ๒๘ พระองค์)
    • (ในสารมัณฑกัป ๔ พระองค์)
    • ๑. ตัณหังกะโร มะหาวีโร สัพพะโลกานุกัมปะโก วันตะส<WBR>ังสาระคะมะโน สัพพะกามะทะโท สะทา.
    • พระตัณหังกร สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แกล้วกล้ามาก ผู้อนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง ผู้คลายตัณหาอันเป็นเหตุท่องเที<WBR>่ยวไปในสังสารวัฏได้แล้ว ผู้ประทานสิ่งที่น่าปรารถนาทั<WBR>้งปวงให้ ในกาลทุกเมื่อ
    • ๒. สัพพาภิภู สัพพะวิทู สัพพะเทวะคะรุตตะโม สัพพาสะวะปะ<WBR>ริกขีโณ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ผู้ทรงครอบงำธรรมทั้งปวง ทรงรู้แจ้งธรรมทั้งปวง ทรงเป็นครูผู้ยอดเยี่ยมของมนุษย<WBR>์และเทวดาทั้งปวง ทรงสิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๓. วะระลักขะณะสัมปันโน เมธังกะโร มะหามุนิ ชุตินธะโร มะหาสิรี สุวัณณะคิริสันนิโภ.
    • พระจอมมุนีพระนามว่า เมธังกร ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยพระลักษณะอ<WBR>ันเลิศ ผู้ทรงไว้ซึ่งพระรัศมี ผู้ทรงมีพระสิริยิ่งใหญ่ รุ่งเรืองดุจสุวรรณคีรี
    • ๔. ทิพพะรูโป มะหากาโย มะหานาโถ มะหัพพะโล มะหาการุณิโก สัตถา มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • ผู้ทรงมีพระรูปเพียงดังท<WBR>้าวมหาพรหม มีพระวรกายอันประกอบด้วยมหาปุร<WBR>ิสลักษณะ ทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐม<WBR>ีพระกำลังมาก ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงเป็นพระศาสดา โปรดประทานความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๕. มะหาโมหะตะมัง หันตฺวา โย นาโถ สะระณังกะโร เทวาเทวะมะนุสสานัง โลกานัญจะ หิตังกะโร.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สรณังกร ทรงเป็นที่พึ่ง ทรงกำจัดความมืดมนคืออวิชชาได<WBR>้แล้ว ทรงกระทำประโยชน์เกื้อกูลแก่ส<WBR>ัตว์โลก กล่าวคือเหล่าทวยเทพ อสูร และมนุษย์ทั้งหลาย
    • ๖. พฺยามัปปะภาภิรุจิโต นิโคฺรธะปะริมัณฑะโล นิโคฺรธะป<WBR>ักกะพิมโพฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สรณังกร พระองค์นั้น ผู้ทรงรุ่งเรืองด้วยพระรัศมีแผ<WBR>่ออกไปหนึ่งวาโดยรอบ ผู้ทรงมีพระวรกายเป็นปริมณฑลด<WBR>ุจต้นนิโครธ (ความสูงของกายเท่ากับความยาวของ<WBR>วา) ผู้ทรงมีพระโอฏฐ์แดงเรื่อด<WBR>ุจผลตำลึงสุก ที่ต้นนิโครธ (นิสสยะฉบับพม่า แปลว่า ดุจผลนิโครธสุก) โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗. อะสีติระตะนุพเพโธ ทีปังกะโร มะหามุนิ ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ ฐาเน ทฺวาทะสะ โยชะเน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ทีปังกร มีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นพระมหามุนี พระรัศมีของพระองค์แผ่ออกไปในที<WBR>่สิบสองโยชน์
    • ๘. วัสสัสสะตะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก วินายะโก โลกาโลกะกะโร สัตถา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ในโลกหนึ<WBR>่งแสนปี ทรงนำเวไนยสัตว์สู่พระนิพพาน ทรงเป็นพระศาสดาผู้ประทานแสงสว<WBR>่างแก่โลก โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (ในสารกัป ๑ พระองค์)
    • ๙. อัฏฐาสีติหัตถุพเพโธ โกณฑัญโญ นามะ นายะโก สัพพะธัมเมหิ อะสะโม สัพพะปาระมิตาคะโม.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โกณฑัญญะ มีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงเป็นผู้นำ ทรงเป็นผู้ไม่มีบุคคลเสมอด<WBR>้วยธรรมทั้งปวง ทรงถึงความเป็นผู้มีบารมีทั้งปวง
    • ๑๐. วัสสัสสะตะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน โมเจตุ โส สัพพะภะยา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ทรงเป็นพระผู้แสวงหาคุณอันยิ<WBR>่งใหญ่ มีพระชนมายุหนึ่งแสนปี ขอพระองค์โปรดเปลื้องพวกข<WBR>้าพระองค์ ให้พ้นจากภัยทั้งปวง โปรดประทานความสวัสดีแก่พวกข<WBR>้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (ในสารมัณฑกัป ๔ พระองค์)
    • ๑๑. อัฏฐาสีติระตะนานิ อัจจุคคะโต ชุตินธะโร มังคะโล นามะ สัมพุทโธ นะวุติสะหัสสายุโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า มังคละ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงไว้ซึ่งพระรัศมี ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี
    • ๑๒. ฉัพพัณณะรังสิโย ทะสะ- สะหัสสะโลกะธาตุโย ผะรันตา ตัสสะ ฉาเทนติ เอสะ โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระฉัพพรรณรังสีของพระองค์ แผ่ปกคลุมโลกธาตุหนึ่งหมื่น ขอพระองค์โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๑๓. นะวุติระตะนุพเพโธ สุมะโน นามะ นายะโก กัญจะนาจะละสังกาโส นะวุติสะหัสสายุโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุมนะ ทรงมีพระวรกายสูงเก้าสิบศอก ทรงเป็นผู้นำ ทรงเป็นผู้เปรียบประดุจสุวรรณค<WBR>ีรี ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี
    • ๑๔. อุเปโต พุทธะคุเณหิ สัพพะสัตตะหิเตสะโก กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ สุขัง สะทา.
    • ทรงประกอบด้วยพระพุทธคุณทั้งหลาย ทรงแสวงหาความเกื้อกูลแก่เหล่าส<WBR>ัตว์โลกทั้งปวง โปรดประทานความสงบร่มเย็น ความไม่มีโรค และความสุข แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕. อะสีติระตะนุพเพโธ สัฏฐีสะหัสสะอายุโก เรวะโต นามะ สัมพุทโธ สัพพะโลกุตตะโร มุนิ.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เรวตะ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงมีพระชนมายุหกหมื่นปี ทรงประเสริฐกว่าสัตว์โลกทั้งปวง ทรงรู้แจ้งโลกทั้งปวง
    • ๑๖. ตัสสะ สะรีเร นิพพัตตา ปะภามาลา อะนุตตะรา ผะรันตา โยชะเน นิจจัง สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แสงแห่งพระรัศมีอันไม่มีที่เปร<WBR>ียบ อันเกิดแต่พระวรกายของพระองค์ แผ่ไปตลอดแนวหนึ่งโยชน์เป็นนิจ โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗. โสภิโต นามะ สัมพุทโธ นะวุติสะหัสสายุโก สังสาระสาคะเ<WBR>ร สัตเต พะหู โมเจติ ทุกขะโต.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โสภิตะ ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี ทรงเปลื้องสัตว์โลกเป็นจำนวนมาก จากทุกข์ในห้วงมหาสมุทร คือ สังสารวัฏ
    • ๑๘. อัฏฐะปัญญาสะระตะนัง อัจจุคคะโต มะหามุนิ โอภาเสติ ทิสา สัพพา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระองค์ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงเป็นพระมหามุนีผู้ประเสริฐ ทรงยังทิศทั้งปวงให้สว่างไสว โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • (ในวรกัป ๓ พระองค์)
    • ๑๙. อะโนมะทัสสี สัมพุทโธ เตชัสสี ทุระติกกะโม อัฏฐะปัณณาสะระตะโน โอภาเสนโต สะเทวะเก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ผู้อันศัตรูไม่สามารถกล้ำกรายได้ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงกระทำมนุษย์โลกพร้อมทั<WBR>้งเทวโลกให้สว่างไสวอยู่
    • ๒๐. นิพพานะปาปะโก โลเก วัสสัสสะตะสะหัสสายุ กะโรตุ โน มะหาสันติง สุขิตา จะ มะยัง สะทา.
    • พระองค์ทรงยังสัตว์โลกให้ถ<WBR>ึงพระนิพพาน ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี โปรดประทานความสงบร่มเย็น แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด อนึ่งขอให้พวกข้าพระองค์ จงเป็นผู้มีความสุข ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๒๑. ปะทุโม นามะ สัมพุทโธ โลกะเชฏโฐ นะราสะโภ อัฏฐะปัญญาสะระตะโน อาทิจโจวะ วิโรจะติ.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมะ ทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าเหล่าส<WBR>ัตว์โลกทั้งปวง ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงรุ่งโรจน์ประดุจพระอาทิตย์
    • ๒๒. วัสสัสสะตะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน โสปิ พุทโธ การุณิโก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระมหากรุณา ขอทรงโปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๓. อัฏฐาสีติระตะนุพเพโธ นาระโท สัพพะกามะโท นิรันตะรัง ทิวารัตติง โยชะนัง ผะระเต ปะภา.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า นารทะ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงประทานสิ่งที่น่าชอบใจทั้งปวง พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปสู่ที<WBR>่หนึ่งโยชน์ ตลอดวันและคืนเป็นนิจ
    • ๒๔. นะวุติวัสสะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก วินายะโก โมเจติ ทุกขะโต สัตเต โสปิ โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระองค์ทรงแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก ให้หลุดพ้นจากวัฏฏทุกข์ ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • (ในสารกัป ๑ พระองค์)
    • ๒๕. อัฏฐะปัณณาสะระตะโน ปะทุมุตตะโร มะหามุนิ ตัสสะ ปากะติกา รังสี ผะรันติ ทฺวาทะสะ โยชะเน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก พระรัศมีอันมีอยู่โดยธรรมชาต<WBR>ิของพระองค์ แผ่ไปถึงสิบสองโยชน์
    • ๒๖. วัสสัสสะตะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเกมะตันทะโท โมเจติ พันธะนา สัตเต โสปิ ปาเลตุ โน สะทา.
    • พระองค์ทรงประทานอมฤตธรรม คือ พระนิพพาน ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ<WBR>่งแสนปี ทรงเปลื้องหมู่สัตว์โลก ให้พ้นจากกิเลสเครื่องผูกมัด ขอพระองค์โปรดคุ้มครองพวกข<WBR>้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (ในมัณฑกัป ๒ พระองค์)
    • ๒๗. อัฏฐาสีติระตะนานิ อัจจุคคะโต มะหามุนิ สุเมโธ นามะ สัมพุทโธ นะวุติสะหัสสายุโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงเป็นพระมหามุนีผู้ประเสริฐ ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี
    • ๒๘. ตัสสะ ปากะติกา รังสี ผะรันติ โยชะนัง สะทา ปาเลตุ โน สะทา พุทโธ ภะเยหิ วิวิเธหิ จะ.
    • พระรัศมีอันมีอยู่โดยปกต<WBR>ิของพระองค์ แผ่ไปตลอดหนึ่งโยชน์ในกาลทุกเมื<WBR>่อ ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ นั้น โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ ให้พ้นจากภัยต่าง ๆ
    • ๒๙. ปัญญาสะระตะนุพเพโธ สุชาโต นามะ นายะโก เหมะวัณโณ มะหาวีโร มะหาตะมะวิโนทะโน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุชาตะ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบศอก ทรงเป็นผู้นำ ทรงมีพระฉวีประดุจทอง ทรงเป็นผู้แกล้วกล้ายิ่ง ทรงบรรเทาความมืด คือ โมหะ
    • ๓๐. นะวุติวัสสะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน โสปิ พุทโธ การุณิโก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุชาตะ แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี ทรงมีพระมหากรุณา โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (ในวรกัป ๓ พระองค์)
    • ๓๑. อะสีติระตะนุพเพโธ ปิยะทัสสี มะหามุนิ นะวุติวัสสะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลกัคคะนายะโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกสู่พระน<WBR>ิพพาน ทรงดำรงพระชนม์อยู่ตลอดเก้าหมื<WBR>่นปี
    • ๓๒. โสปิ สัพพะคุณูเปโต สัพพะโลกะสุขัปปะโท สัพพะโทสัง วินาเสนโต สัพพัง โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี แม้นั้น ผู้ทรงประกอบด้วยคุณทั้งปวง ทรงให้ความสุขแก่โลกทั้งปวง ทรงกำจัดโทษทั้งปวง โปรดประทานความสวัสดีทั้งปวง แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๓๓. อะสีติระตะนุพเพโธ อัตถะทัสสี นะราสะโภ วัสสัสสะตะสะหัสสานิ โลเก อัฏฐาสิ นายะโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นนระผู้ประเสริฐ ทรงเป็นผู้นำ ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ<WBR>่งแสนปี
    • ๓๔. ตัสสะ ปากะติกา รังสี ผะรันติ โยชะนัง สะทา นิรันตะรัง ทิวารัตติง นาโถ โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระรัศมีอันมีอยู่โดยปกต<WBR>ิของพระองค์ แผ่ไปได้หนึ่งโยชน์ตลอดกลางว<WBR>ันและกลางคืน ในกาลทุกเมื่อเป็นนิจ พระองค์ผู้เป็นที่พึ่ง โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๓๕. ธัมมะทัสสี จะ สัมพุทโธ อะสีติหัตถะมุคคะโต อะติโรจะติ เตเชนะ สะเทวาสุระมานุเส.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ธัมมทัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงรุ่งโรจน์ด้วยพระเดชานุภาพยิ<WBR>่งกว่าโลก ซึ่งประกอบด้วยเหล่าทวยเทพ อสูร และมนุษย์ทั้งหลาย
    • ๓๖. วัสสัสสะตะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก มะหายะโส สัพพะสัตเต ปะโมเจติ ภะยา รักขะตุ โน สะทา.
    • พระองค์ผู้ทรงมีชื่อเสียงและบร<WBR>ิวารอันยิ่งใหญ่ ดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ<WBR>่งแสนปี ทรงเปลื้องสัตว์ทั้งปวงจากภัย โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ให้พ<WBR>้นจากภัย ในกาลทั้งปวงเถิด
    • (ในสารกัป ๑ พระองค์)
    • ๓๗. สิทธัตโถ นามะ สัมพุทโธ สัฏฐิระตะนะมุคคะโต ติภะเว โสตถิชะนะโก สะตัสสะหัสสะ อายุโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงยังความสวัสดีให้เกิดขึ<WBR>้นในภพทั้งสาม ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี
    • ๓๘. สังสาระสาคะรา โลเก สันตาเรตฺวา สะเทวะเก นิพพาเปสิ จะ โส สัตถา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพระศาสดาพระนามว่า สิทธัตถะ นั้น ผู้ทรงยังหมู่มนุษย์พร้อมทั<WBR>้งเหล่าทวยเทพ ให้ข้ามพ้นจากห้วงมหาสมุทร คือสังสารวัฏ และให้ถึงพระนิพพาน โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (ในมัณฑกัป ๒ พระองค์)
    • ๓๙. สัฏฐิระตะนะมุพเพโธ ติสโส โลกัคคะนายะโก อะนูปะโม อะสะทิโส อะตุโล อุตตะโม ชิโน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ติสสะ ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงเป็นบุคคลผู้นำชั้นเลิศของโลก ไม่มีบุคคลเทียบเท่า ไม่มีบุคคลเสมอเหมือน ไม่มีบุคคลเปรียบปาน ทรงเป็นผู้สูงสุด ทรงเป็นผู้ชนะมารทั้งปวง
    • ๔๐. วัสสัสสะตะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน อาโรคฺยัญจะ มะหาสุขัง โหตุ โน ตัสสะ เตชะสา.
    • ด้วยพระเดชานุภาพของพระพุทธเจ้า พระนามว่า ติสสะ พระองค์นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี ขอความไม่มีโรค และความสุขอันประเสริฐ จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๔๑. อัฎฐะปัณณาสะระตะโน ผุสโส โลกัคคะนายะโก ชะนัมพุชัง วิโพเธนโต นิพพาเปนโต สะเทวะเก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงเป็นบุคคลผู้นำชั้นเลิศของโลก ทรงยังดอกบัวคือหมู่ชนให้เบิกบาน ทรงยังหมู่มนุษย์ พร้อมทั้งเหล่าทวยเทพ ให้ถึงพระนิพพาน
    • ๔๒. นะวุติวัสสะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก มะหายะโส อุทธะรันโต พะหู สัตเต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระองค์ทรงมีชื่อเสียงและบร<WBR>ิวารอันยิ่งใหญ่ ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดเก<WBR>้าหมื่นปี ผู้ทรงนำสัตว์โลกจำนวนมากออกจากส<WBR>ังสารวัฏ โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (ในสารกัป ๑ พระองค์)
    • ๔๓. อะสีติระตะนุพเพโธ วิปัสสี โลกะนายะโก ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ สะมันตา สัตตะ โยชะเน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นผู้นำของสัตว์โลก พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปตลอดเจ<WBR>็ดโยชน์โดยรอบ
    • ๔๔. โสปิ เทวะมะนุสสานัง พันธะนา ปะริโมจะยิ อะสีติสะหัสสายุโก นาโถ โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุแปดหมื่นปี ทรงเป็นที่พึ่ง ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์ทั<WBR>้งหลาย จากเครื่องผูกคือกิเลส โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • (ในมัณฑกัป ๒ พระองค์)
    • ๔๕. สัตตะตีหัตถะมุพเพโธ สิขี นาเมสะ นายะโก ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ สะมันตา โยชะนัตตะเย.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ทรงมีพระวรกายสูงเจ็ดสิบศอก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั<WBR>้นพระนามว่า สิขี ทรงเป็นผู้นำ พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปตลอดสามโ<WBR>ยชน์โดยรอบ
    • ๔๖. โสปิ อะตุลฺโย สัมพุทโธ สัตตะตีสะหัสสายุโก กะโรตุ โน มะหาสันติง สุขิตา จะ มะยัง สะทา.
    • ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี แม้นั้น ผู้ทรงไม่มีผู้เปรียบ ทรงมีพระชนมายุเจ็ดหมื่นปี โปรดประทานความสงบอัน ประเสริฐ แก่พวกข้าพระองค์ อนึ่ง ขอพวกข้าพระองค์ จงเป็นผู้ถึงความสุข ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๔๗. เวสสะภู นามะ สัมพุทโธ เหมะรูปะสะมูปะโม สัฏฐีระตะนะม<WBR>ุพเพโธ สัฏฐี จะ สะหัสสายุโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เวสสภู ผู้มีพระฉวีประดุจทอง ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงมีพระชนมายุหกหมื่น ปี
    • ๔๘. พฺรัหฺมะเทวะมะนุสเสหิ นาคาสุระทิเชหิ วา ปูชิโตปิ สะทา นาโถ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า เวสสภู แม้นั้น ผู้อันหมู่พรหม เทวดา มนุษย์ นาค อสูร และครุฑพากันบูชาแล้ว ทรงเป็นที่พึ่ง โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ในภัททกัปนี้ ๕ พระองค์
    • (ผ่านไปแล้ว ๓ พระองค์)
    • ๔๙. ตาฬีสะระตะนุพเพโธ กะกุสันโธ มะหามุนิ ตัสสะ กายา นิจฉะรันติ ปะภา ทฺวาทะสะ โยชะเน.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ ทรงมีพระวรกายสูงสี่สิบศอก ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ พระรัศมีจากพระวรกายของพระองค์ แผ่ซ่านไปสิบสองโยชน์
    • ๕๐. จัตตาฬีสะสะหัสสานิ ตัสสะ อายุ อะนุตตะโร กะโรตุ โส สะทา นาโถ อายุง สุขัง พะลัญจะ โน.
    • ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุสี่หมื่นปี ทรงเป็นผู้ไม่มีใครเปรียบ ทรงเป็นที่พึ่ง โปรดประทานอายุ ความสุข และกำลังแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๕๑. โกนาคะมะนะ สัมพุทโธ ติงสะหัตถะสะมุคคะโต ติงสะว<WBR>ัสสะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน.
    • พระ โกนาคมมะ สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระวรกายสูงสามสิบศอก ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงมีพระชนมายุสามหมื่นปี
    • ๕๒. ธัมมามะเตนะ ตัปเปตา เทวะสังฆัง สุราละเย มะหีตะเล จะ ชะนะตัง สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ทรงยังหมู่ทวยเทพบนสวรรค์ และหมู่มนุษย์บนพื้นโลก ให้อิ่มเอิบด้วยอมตธรรม คือพระนิพพาน โปรดประทานความ สวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๕๓. กัสสะโป นามะ สัมพุทโธ ธัมมะราชา ปะภังกะโร วีสะตีหัตถะมุพเพโธ วีสัสสะหัสสะอายุโก.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ผู้ทรงเป็นพระธรรมราชา ทรงมีพระรัศมี ทรงมีพระวรกายสูงยี่สิบศอก ทรงมีพระชนมายุสองหมื่นปี
    • ๕๔. อะนูปะโมสะมะสะโม เทวะสัตถา อะนุตตะโร กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
    • พระองค์ไม่มีผู้เปรียบปานเสมอเหม<WBR>ือน ทรงเป็นศาสดาของเหล่าทวยเทพ ทรงเป็นผู้ยอดเยี่ยม โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (พระพุทธเจ้าในปัจจุบัน ๑ พระองค์)
    • ๕๕. อัฏฐาระสะหัตถุพเพโธ โคตะโม สักกะยะวัฑฒะโน สัพพัญญู สัพพะติละโก สัพพะโลกะสุขัปปะโท.
    • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ ทรงมีพระวรกายสูงสิบแปดศอก ทรงเป็นผู้เชิดชูศากยวงศ์ ทรงตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ทรงเป็นผู้โดดเด่นกว่าชนทั้งปวง ทรงประทานความสุขให้แก่สัตว์โลก (ในคัมภีร์พุทธวงศ์แสดงไว้ว่า ทรงมีพระวรกายสูง ๑๖ ศอก)
    • ๕๖. สัมพุทโธ สัพพะธัมมานัง ภะเคหิ ภาคฺยะวา ยุโต วิชชาจะระณะสัมปันโน โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • ขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ ผู้ตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ทรงประกอบด้วยบุญ ทรงมีพระบารมีอันสูงสุด ทรงเพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ โปรดประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๕๗. อัพภาตีตา จะ สัมพุทธา อะเนกะสะตะโกฏิโย สัพพะโลกะมะภ<WBR>ิญญายะ สัพพะสัตตานุกัมปิโน.
    • อนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย หลายร้อยโกฏิซึ่งเสด็จล่วงล<WBR>ับไปแล้ว ทรงประจักษ์โลกทั้งปวงด้วยพระญาณ<WBR>แล้ว จึงทรงอนุเคราะห์เหล่าสรรพสัตว์
    • ๕๘. สัพพะเวระภะยาตีตา สัพพะโลกะสุขัปปะทา สัพพะโทสัง วินาเสนตา สัพพะโสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ทรงล่วงพ้นเวรและภัยทั้งปวง ทรงประทานความสุขแก่สรรพสัตว์ ทรงกำจัดโทษทั้งปวง ขอทรงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • (พระพุทธเจ้าในอนาคต ๑ พระองค์)
    • ๕๙. อะนาคะเต จะ สัมพุทโธ เมตเตยโย เทวะปูชิโต มะหิทธิโก มะหาเทโว มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • ก็ในอนาคต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เมตเตยยะ ทรงเป็นผู้ที่หมู่ทวยเทพบูชาแล้ว ทรงมีฤทธิ์มาก ทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาทั<WBR>้งปวง โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • (พระปัจเจกพุทธเจ้า)
    • ๖๐. สัพเพ ปัจเจกะสัมพุทธา นิโรธะฌานะโกวิทา นิราละยา นิราสังกา อัปปะเมยยา มะเหสะโย.
    • พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งปวง ทรงปรีชาญาณในนิโรธสมาบัต<WBR>ิและฌานสมาบัติ ทรงปราศจากความกำหนัดยินดี หมดความรังเกียจ ทรงคุณอันหาประมาณมิได้ ทรงแสวงหาคุณอันประเสริฐ
    • ๖๑. ทูเรปิ วิเนยเย ทิสฺวา สัมปัตตา ตังขะเณนะ เต สันทิฏฐิกะผะเล กัตฺวา สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
    • พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล<WBR>่านี้ เห็นหมู่เวไนยสัตว์แม้ในที่ไกล ก็ทรงเสด็จไปช่วยเหลือสัตว์เหล<WBR>่านั้น ให้ได้รับประโยชน์โดยพลัน โปรดประทานความสงบ แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (นวโลกุตตรธรรม ๙ และปริยัติธรรม ๑)
    • ๖๒. สฺวากขาตะตาทิสัมปันโน ธัมโม สะปะริยัตติโก สังสาระสาคะรา โลเก ตาเรติ ชินะโคจะโร.
    • พระธรรม พร้อมทั้งปริยัติที่สมบูรณ์ด<WBR>้วยคุณ มีความเป็นธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป<WBR>็นต้น เป็นอารมณ์ของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุยังสัตว์โลกให้ข้ามพ<WBR>้นสาครคือ สังสารวัฏ
    • ๖๓. กิเลสะชาละวิทธังสี วิสุทโธ พุทธะเสวิโต นิพพานะคะมะโน สันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพระธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่ง อันมีปกติทำลายข่ายคือกิเลส เป็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเจร<WBR>ิญแล้ว เป็นธรรมอันประเสริฐอันยังสัตว<WBR>์ให้ถึงพระนิพพาน โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (พระสังฆรัตนะ)
    • ๖๔. สีลาทิคุณะสัมปันโน สังโฆ มัคคะผะเล ฐิโต ชิตินทฺริโย ชิตะปาโป ทักขิเณยโย อะนุตตะโร.
    • พรสงฆ์ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณมีศีลเป<WBR>็นต้น ดำรงอยู่ในมรรคและผล ชนะอินทรีย์แล้ว ชนะบาปแล้ว เป็นทักขิเณยยบุคคลผู้ยอดเยี่ยม
    • ๖๕. อะนาสะโว ปะริสุทโธ นิราสาโส ภะวาภะเว นิพพานะโคจะโร สันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอพรอริยสงฆ์ผู้ไม่มีอาสวะ ผู้บริสุทธิ์ ผู้หมดความปรารถนาในภพน้อยภพใหญ่ ผู้มีจิตจดจ่อในพระนิพพาน เป็นสัตบุรุษ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ องค์)
    • ๖๖. อัญญาตะโกณฑัญญัตเถโร รัตตัญญูนัง อัคโค อะหุ ธัมมะจักกาภิสะมะโย สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอัญญาโกณฑัญญะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าภิกษุผู้รู<WBR>้ราตรี ผู้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยพระธ<WBR>ัมมจักกัปปวัตตนสูตร ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๖๗. วัปปัตเถโร มะหาปัญโญ มะหาตะมะวิโนทะโน มะหาสันติกะโร โลเก มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระวัปปะเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้กำจัดความมืดคือโมหะ ผู้กระทำความสงบอันประเสริฐในโลก ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๖๘. ภัททิโย ภัททะสีโล จะ ทักขิเณยโย อะนุตตะโร โลกัตถะจะริโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระภัททิยเถระ ผู้มีศีลงาม ผู้เป็นทักขิเณยยบุคคลผู้ยอดเยี<WBR>่ยม ผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่โลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๖๙. มะหานาโม มะหาปัญโญ มะหาธัมมะวิทู สุโต มะหาขีณาสะโว เถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระมหานามะเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ ผู้มีชื่อเสียง เป็นพระขีณาสพผู้ประเสริฐ ขอจงประทานความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๗๐. อัสสะชิตเถโร มะหาปัญโญ ชิตะมาโร ชิตินทฺริโย ชิตะปัจจัตถิโก โลเก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอัสสชิเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้ชนะมาร ผู้ชนะอินทรีย์ ผู้ชนะศัตรูในโลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗๑. อะนุปุพพิกะถัง สุตฺวา ยะโส เอกัคคะมานะโส อัคคะธัมมะมะน<WBR>ุปปัตโต โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • พระยสะเถระ ผู้ฟังอนุปุพพิกถาแล้ว มีจิตตั้งมั่นบรรลุพระอรหัตผล อันเป็นธรรมอันเลิศ ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๗๒. จัตฺวาธิกา จะ ปัญญาสะ เถรา คิหิสะหายะกา ปัตฺวานะ ปะระมัง สันติง สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • และพระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ ๕๔ รูป ผู้เคยเป็นสหายของพระยสะ เมื่อครั้งยังเป็นผู้ครองเรือน บรรลุแล้วซึ่งพระนิพพานอ<WBR>ันประเสริฐ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗๓. เย ติงสะ ภัททะวัคคิยา รูเปนาตุละวัณณิโน ขีณาสะวา วะสีภูตา เต กะโรนตุ อะนามะยัง.
    • พระภัททวัคคีย์ผู้เป็นเถระสามส<WBR>ิบองค์ ผู้มีรูปทรงและผิวพรรณอันหาใครเป<WBR>รียบปานมิได้ สิ้นอาสวะแล้ว เป็นผู้ชนะตน มีความชำนาญในการเข้าฌาน ขอจงประทานความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๗๔. อุรุเวละกัสสะโปปิ มะหาปะริสานะมุตตะโม ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้ พระอุรุเวลกัสสปะ ผู้เป็นเลิศในตำแหน่งแห่งภิกษุผ<WBR>ู้มีบริษัทมาก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗๕. โย นะทีกัสสะปัตเถโร ปุญญักเขตโต อะนุตตะโร สะสังโฆ สีละสัมปันโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้พระเถระนามว่า นทีกัสสปะ ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ ผู้มีภิกษุเป็นศิษย์ ๓๐๐ เป็นบริวาร ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗๖. ธัมมะปัชชะลิโต สันโต โย เถโร คะยากัสสะโป สังยุตโต ภะวะนิสฺเนเห สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า คยากัสสปะ ผู้รุ่งเรืองด้วยธรรม ผู้สงบ ผู้เข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นที่ปราศจากภวตัณหา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗๗. โลกะนาถัง ฐะเปตฺวานะ ปัญญะวันตานะ ปาณินัง ปัญญายะ สาริปุตตัสสะ กะลัง นาคฆะติ โสฬะสิง.
    • ในบรรดาสรรพสัตว์ผู้มีปัญญาทั<WBR>้งหลาย เว้นพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ<WBR>่งของโลกแล้ว สัตว์ใด ๆ ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่สิบหกแห่งป<WBR>ัญญาของพระสารีบุตร
    • ๗๘. สาริปุตโต มะหาปัญโญ ปะฐะโม อัคคะสาวะโก ธัมมะเสนาปะตี เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ขอ พระสาริปุตตะ ผู้มีปัญญามาก ผู้เป็นอัครสาวกองค์ที่หนึ่ง ผู้เป็นธรรมเสนาบดี ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เลิศทางปัญญา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๗๙. ปาทังคุลิกะมัตเตนะ เวชะยันตะปะกัมปะโน ปะฐะวิง มะหะติง สัพพัง สะมัตโถ ปะริวัตติตุง.
    • พระมหาเถระใด ผู้สามารถยังเวชยันต์ปราสาท (ปราสาทของพระอินทร์) ให้หวั่นไหวแม้ด้วยเพียงหัวแม<WBR>่เท้านั้น ผู้สามารถพลิกแผ่นดินผืนใหญ่ทั<WBR>้งหมดได้
    • ๘๐. โมคคัลลาโน มะหาเถโร ทุติโย อัคคะสาวะโก อิทธิมันตานัง โส อัคโค สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระมหาเถระนั้นนามว่า โมคคัลลานะ ผู้เป็นพระอัครสาวกองค์ที่สอง เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ม<WBR>ีฤทธิ์ทั้งหลาย ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๘๑. มะหากัสสะปัตเถโรปิ อุตตัตตะกะนะกันนิโภ ธุตะคุณ<WBR>ัคคะนิกขิตโต ตะติโย สัตถุสาวะโก.
    • พระมหาเถระนามว่า กัสสปะ ผู้มีผิวพรรณอันงดงามดุจเนื<WBR>้อทองคำอันบริสุทธิ์ ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นผู้เลิศ ในทางธุดงค์คุณ เป็นพระอัครสาวกองค์ที่สามของพระ<WBR>ศาสดา
    • ๘๒. อะรัญญะวาสาภิระโต ปังสุกูละธะโร มุนิ สุคะตัสสาสะนะธะโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • เป็นผู้ยินดียิ่งในการอยู่ป่า ผู้ทรงผ้าบังสุกุล เป็นมุนีผู้รู้โลกทั้งภายในและภา<WBR>ยนอก ผู้ทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระสุคต ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๘๓. อาปัตติอะนาปัตติยา สะเตกิจฉายะ โกวิโท วินะเย อัคคะนิกขิตโต อุปาลิ สัตถุวัณณิโต.
    • พระอุบาลีเถระ ผู้ฉลาดในอาบัติและมิใช่อาบัติ และในอาบัติที่เยียวยาได้และเย<WBR>ียวยาไม่ได้ ผู้อันพระศาสดาทรงแต่งตั้งให้ เป็นผู้เลิศในทางทรงพระวินัย
    • ๘๔. วินะเย ปาระมิปปัตโต วินะยัคโคจะโร มุนิ กะโรตุ โน มะหาสันติง โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • ผู้อันพระศาสดาทรงยกย่อง ให้เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นผู้เล<WBR>ิศในทางทรงจำพระวินัย ผู้สำรวมกาย วาจา และใจ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้า และขอให้ความสวัสดี ความไม่มีโรค จงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๘๕. อะนุรุทธะมะหาเถโร ทิพพะจักขูนะมุตตะโม ญาติเสฏโฐ ภะคะวะโต โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • พระอนุรุทธมหาเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ม<WBR>ีตาทิพย์ เป็นพระประยูรญาติผู้ประเสร<WBR>ิฐของพระผู้มีพระภาค ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๘๖. อุจจากุลิกานัง อัคโค ภัททิโย สุสะมาหิโต กาฬิโคธายะ ปุตโต จะ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระภัททิยะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุ ผู้มีตระกูลสูง เป็นผู้มีจิตอันตั้งมั่น เป็นบุตรของนางกาฬิโคธา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๘๗. อานันโท พุทธุปัฏฐาโก สังคีติสาธุสัมมะโต พะหุสสุโต ธัมมะธะโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอานันทะเถระ (ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า) ผู้ยังการทำสังคายนาให้สำเร็จ ผู้เป็นพหูสูต ผู้ทรงธรรม ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๘๘. กิมิโล สิริสัมปันโน มะหาสุขะสะมัปปิโต มะหาข<WBR>ีณาสะโว ชาโต มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระกิมพิละเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ เพียบพร้อมด้วยบรมสุข เป็นพระขีณาสพผู้ประเสริฐ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๘๙. คะรุวาสัง วะสิตฺวานะ ปะสันโน พุทธะสาสะเน ภะคุ จาระหะตัง ปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระภคุเถระ ผู้เลื่อมใส และอยู่ด้วยความเคารพในคำสอนของพ<WBR>ระพุทธเจ้า ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๐. กุลัปปะสาทะชะนะโก กาฬุทายี มะหิทธิโก เอตะทัคคัฏฐิโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระกาฬุทายีเถระ ผู้มีฤทธิ์มาก เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้ทำให้คนเลื่อมใส ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๑. เสฏโฐ ธัมมะกะถิกานัง ติณณัง เวทานะ ปาระคู ปุณโณ มันตานิยา ปุตโต เถโร โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระปุณณะเถระ ผู้เป็นบุตรของนางมันตานี เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้เป<WBR>็นธรรมกถึก ผู้จบไตรเพท ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๙๒. ภาระทฺวาโช มะหาเถโร สีหะนาทานะมุตตะโม ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระ(ปิณโฑล)ภารทวาชะมหาเถระ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว<WBR>้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้บรรลือสีหนาท ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๓. สังขิตตะภาสิตะมัตถัง วิตถาเรนะ วิชานะโก กัจจาโน ภะวะนิสฺเนโห เถโร โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระกัจจายนะเถระ ผู้สามารถอธิบายเนื้อความที<WBR>่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยสังเขปให<WBR>้พิสดาร ผู้ปราศจากความสิเนหาในภพ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๙๔. ละกุณฏะภัททิโย เถโร มัญชุสสะรานะมุตตะโม ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระลกุณฏกภัททิยะเถระ ผู้อันพระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภ<WBR>ิกษุผู้มีเสียงไพเราะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๕. อะระณะวิหารินัง อัคโค ทักขิเณยโย อะนุตตะโร สุภูติ ภูตะทะมะโน เถโร โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสุภูติเถระ เป็นผู้แสดงธรรมแก่สัตว์ตามพ<WBR>ุทธดำรัส เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้อย<WBR>ู่ด้วยธรรมอันปราศจากข้าศึก และเลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ควรร<WBR>ับทักษิณาทาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๙๖. อะรัญญะวาสินัง อัคโค เรวะโต ขะทิระวะนิโย วิเวกาภิระโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเรวตะ ผู้อาศัยอยู่ในป่าไม้สีเสียด ผู้ยินดีในความวิเวก เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ม<WBR>ีปกติอยู่ในป่า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๗. ฌายีนัง อุตตะโม เถโร กังขาเรวะตะนามะโก สะมาธิฌานะก<WBR>ุสะโล สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า กังขาเรวตะ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ม<WBR>ีปกติยินดีในการเข้าฌาน เป็นผู้ฉลาดในสมาธิและฌาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๘. โสโณ จะ โกฬิวีโสปิ อารัทธะวีริยานะมุตตะโม ปะหิต<WBR>ัตโต สะทา เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
    • แม้ พระโสณโกฬิวีสะเถระ เป็นผู้มีจิตดิ่งไปในนิพพาน เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้ปรารภความเพียร ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๙๙. กัลยาณะวากกะระณานัง โสโณ กุฏิกัณโณปิ จะ อัคโคติ วัณณิโต เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
    • แม้ พระโสณกุฏิกัณณะเถระ ผู้อันพระศาสดาทรงสรรเสริญว่าเป<WBR>็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้กล<WBR>่าววาจาไพเราะ (สาธยายธรรมด้วยเสียงอันไพเราะ) ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๐๐. ลาภีนะมุตตะโม เถโร สีวะลิ อิติ วิสสุโต โส ระโต ปัจจะยาทิมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า พระสีวลิ ผู้มีความสันโดษในปัจจัยสี่ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ม<WBR>ีลาภ ขอจงประทานความสวัสดีแก่ข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๐๑. สัทธาธิมุตตานัง อัคโค วักกะลิ อิติ นามะโก ปาโมชชะพะหุโล เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า พระวักกลิ เป็นผู้มากด้วยความปราโมทย์ เป็นเลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีศร<WBR>ัทธา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๐๒. ราหุโล พุทธะปุตโตปิ สิกขากามานะมุตตะโม ทายาโท สัพพะธัมเมสุ มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • แม้พระเถระนามว่า ราหุละ ผู้เป็นพุทธบุตร ผู้เป็นทายาทในธรรมทั้งปวง เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มุ<WBR>่งต่อการศึกษา ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๐๓. สัทธายะ ปัพพะชิตฺวานะ รัฏฐะปาโล ปะรักกะมี เอตะทัคเค ฐิโตเยวะ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า รัฏฐะปาละ ผู้มีความเพียรยิ่ง เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้บวชด้วยศรัทธา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๐๔. กุณฑะธาโน มะหาเถโร สะลากัง ปะฐะมัง คะโต ฐะปิโตเยวะ ฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระกุณฑธานะมหาเถระ ผู้ถึงซึ่งความเป็นที่หนึ<WBR>่งในการจับสลาก จึงดำรงอยู่ในตำแหน่งที่เลิศกว<WBR>่าบรรดาภิกษุผู้ร่วมจับสลาก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๐๕. ปะฏิภาณะวันตานัมปิ อัคโคติ พุทธะวัณณิโต วังคีโส อะระหา เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอรหันต์นามว่า วังคีสะเถระ ผู้ประเสริฐ เป็นผู้ได้รับการยกย่องจากพระพ<WBR>ุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ม<WBR>ีปฏิภาณกวี ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๐๖. สะมันตะปาสาทิกานัง อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต อุปะเสโน วังคันตะปุตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอุปเสนวังคันตบุตรเถระ พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู<WBR>้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีบริษ<WBR>ัทอันน่าเลื่อมใส ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๐๗. ทัพโพ มัลละปุตโต เถโร เสนาสะนะปัญญาปะโก ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระทัพพมัลละบุตรเถระ พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งที<WBR>่เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้จ<WBR>ัดแจงเสนาสนะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๐๘. ปิลินทะวัจฉะสะมะโณ เทวะตานัง ปิโย อะหุ ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • พระปิลินทวัจฉะเถระ พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งที<WBR>่เลิศกว่าบรรดาภิกษุทั้งหลาย ที่เป็นที่รักของเหล่าเทวดา ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด
    • ๑๐๙. พาหิโยทารุจีริโย ขิปปาภิญญานะมุตตะโม กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
    • พระพาหิยทารุจีริยะเถระ เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ตรัสรู้เร็ว ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๐. กุมาระกัสสะปัตเถโร จิตตะกะถีนะมุตตะโม มิจฉาวิต<WBR>ักกุปัจเฉโท สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระกุมารกัสสปะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้แสดงธรรมได้อย่างวิจิตร ผู้สามารถละมิจฉาวิตกได้ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๑. ปะฏิสัมภิทาปัตตานัง อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต โกฏฐิโต อะระหา เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอรหันต์นามว่า โกฏฐิตะเถระ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ได<WBR>้ปฏิสัมภิทา ๔ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๒. อัปปาพาโธ มะหาเถโร อัปปาพาธานะมุตตะโม พากุโล อะระหาชาโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระพากุละเถระ ผู้เป็นพระอรหันต์ เพราะเหตุที่เป็นผู้มีอาพาธน้อย จึงเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้มีอาพาธน้อย ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๑๓. ปุพเพนิวาสะเวทีนัง อัคโคติ พุทธะวัณณิโต โสภิโต นามะ โส เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า โสภิตะ ผู้อันพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้ระลึกชาติในปางก่อนได้ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๔. มะหากัปปินัตเถโรปิ ภิกขุโอวาทะโก อะหุ กุสะโล โอวาทะทาเน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้ พระมหากัปปินะเถระ เป็นผู้ให้โอวาทภิกษุ เป็นผู้เลิศในการให้โอวาท ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๕. ภิกขุโนวาทะกานัคโค นันทะโก อิติ วิสสุโต ปาเลตุ โน สะทา เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า นันทกะ เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ให้โอวาทแก่นางภ<WBR>ิกษุณี โปรดรักษาพวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๖. อินทฺริเยสุ คุตตะทฺวาโร อัคคัฏฐาเน ฐิโต อะหุ นันทัตเถโร วะสิปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระนันทะเถระ ผู้ได้วสี (ความชำนาญในการเข้า-ออกฌานสมาบ<WBR>ัติ) เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู<WBR>้สำรวมอินทรีย์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๑๗. เตโชธาตุกุสะลานัง อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต สาคะโต นามะ โส เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า สาคตะ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว<WBR>้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ฉลาดในเตโชธาตุ (เตโชกสิณ คือ กรรมฐานที่เพ่งไฟเป็นอารมณ์) ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๑๘. สัญญาวิวัฏฏะกุสะโล ปะธาโน ภาวะนาระโต พุทธะสิสโส มะหาปันโถ มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระมหาปันถกะเถระ ผู้ชำนาญในสัญญาวิวัฏฏะ (ได้แก่ วิปัสสนา) เป็นผู้มีความเพียร มีความยินดีในภาวนา เป็นศิษย์ของพระศาสดา ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด
    • ๑๑๙. จูฬปันถะกัตเถโรปิ มะโนมะยาภินิมมิโต ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้ พระจูฬปันถกะเถระ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว<WBR>้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้นิรมิตกายได้มาก และในตำแหน่งผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ฉลาดในเจโตวิวัฏฏะ (คือฉลาดในฌานสมาบัติ) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๒๐. ปะฏิภาเณยยะกานัง ตุ อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต ราโธ เถโร มะหาโสตถิง กะโรตุ โน อะนามะยัง
    • พระราธะเถระ ผู้อันพระพุทธเจ้าตั้งไว<WBR>้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้มีปฏิภาณในคำสอน ขอจงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๒๑. ลูขะจีวะระธะรานัง ภิกขูนัง อุตตะโม อะหุ โมฆะราชะมะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระโมฆราชะมหาเถระ เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ทรงจีวรที่เศร<WBR>้าหมอง (คือผ้าเก่า ผ้าเนื้อหยาบ สีเศร้าหมอง) ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๒๒. วิมะโล วิมะลัปปัญโญ สุรูโป สุสะมาหิโต ระโช นะ ลิมปะติ ขันเธ มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระวิมละเถระ ผู้มีปัญญาปราศจากมลทิน ผู้มีรูปงาม ผู้มีจิตตั้งมั่น กิเลสเพียงดังธุลีไม่ฉาบทาขันธ<WBR>์ห้าของท่าน ขอจงประทานซึ่งความสงบอันยิ<WBR>่งใหญ่ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๒๓. ธัมมะปาโล มะหาปาโล มะหาธัมมะธะโร ยะติ มะหาขีณาสะโว โลเก มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า ธัมมปาละ ผู้รักษาธรรมอันประเสริฐ ผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมอันประเสริฐ ผู้เป็นพระมหาขีณาสพในโลก ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๒๔. จักขุปาโล มะหาเถโร ปะธาโน สีละสังวุโต ปะหิตัตโต มะหากาโย มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระจักขุปาละมหาเถระ ผู้มีความเพียร ผู้สำรวมแล้วในศีล ผู้มีจิตดิ่งไปในนิพพาน ผู้มีรูปกายอันประเสริฐ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๒๕. สัพพะเวระภะยาตีโต นาระโท อาสะวักขะโย มะหาสันติกะโร โลเก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระนารทะเถระ ผู้ก้าวล่วงเวรและภัยทั้งปวงแล้ว สิ้นอาสวะแล้ว กระทำความสงบอันประเสริฐในโลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๒๖. พุทธะปูชายะ นิระโต ชินะภัตติปะรายะโน สัทธ<WBR>ัมมะสะวะโน เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสัทธัมมสวนะเถระ ผู้ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้า มีความภักดีในพระพุทธเจ้าเป็นอย<WBR>่างยิ่ง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๒๗. ปัจฉิมะภะวะสัมปัตโต โคตะโม ภาวะนาระโต ราคักขะยะมะนุปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระโคตมะเถระ ผู้เข้าถึงภพสุดท้ายแล้ว ยินดีในภาวนาถึงความสิ้นไปแห<WBR>่งราคะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๒๘. เสนาสะเนสุ สัปปายัง ลัทธา ฌานัง สะมาระภิ โคธิโก พุทธะฌายันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระโคธิกะเถระ เมื่อเพ่งความตรัสรู้ ได้เสนาสนะที่สัปปายะแล้ว จึงได้บำเพ็ญฌาน ท่านเป็นผู้ที่พระพุทธเจ<WBR>้าทรงทำฌาปนกิจให้ในเวลาปริน<WBR>ิพพาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๒๙. พุทเธ ปะสันนะมานะโส สุพาหุ อัญชะลีกะโต ขีณาสะโว วะสีภูโต มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระสุพาหุ ผู้มีใจเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เคยกระทำอัญชลีมาแล้ว ๙๔ กัป เป็นพระอรหันต์ผู้มีความชำนาญในฌ<WBR>านสมาบัติ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๓๐. วิปัสสะนายะ ปะสุโต วัลลิโย สุสะมาหิโต สะโต ฌายี วะเนวาสี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระวัลลิยะเถระ ผู้ขวนขวายในวิปัสสนากรรมฐาน มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว มีสติ ได้ฌาน มีปกติอยู่ป่า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๓๑. อุตติโย วินะยะธะโร อะติกกันโต นะรามะเร ธาเรนโต อันติมัง เทหัง สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอุตติยะเถระ ผู้ทรงพระวินัย ผู้เป็นจอมแห่งหมู่มนุษย<WBR>์และทวยเทพ ผู้ทรงร่างกายอันมีในที่สุด (คือสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีการเกิดต่อไปอีก) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๓๒. วิมะโล วิระโชชัลโล ชาโต ปัณฑะระเกตุนา พิมพิสารัทธะโช เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระวิมลโกณฑัญญะเถระ ผู้บังเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าพ<WBR>ิมพิสาร ผู้มีวัตรปฏิบัติอันขาวสะอาด ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๓๓. รัมมารัญเญ วะสิตฺวานะ ภาเวนโต กุสะลัง พะหุง โยคักเขมะมะนุปปัตโต สะภิโย สันติง กะโรตุ โน.
    • พระสภิยะเถระ ผู้อยู่ในป่าอันน่ารื่นรมย์ เจริญกุศลเป็นเอนก บรรลุพระนิพพานอันเป็นที่สิ<WBR>้นไปแห่งโยคะ (คือกิเลสอันเป็นเครื่องผูกสัตว<WBR>์ไว้ในสังสารวัฏ) ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๓๔. ปุพเพนิวาสัง ชานันโต ทิพพะจักขุวิโสธะโน นาค<WBR>ิโตระหะตัง ปัตโต โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • พระนาคิตะเถระ ผู้ระลึกชาติในปางก่อนได้ ผู้มีทิพจักษุอันบริสุทธิ์ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๓๕. ปาติโมกขะมะนุปปัตโต วิชะโยรัญญะโคจะโร ลาภาลาภี ตะถาสังสี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระวิชยะมหาเถระ ผู้เข้าถึงปาติโมกข์สังวรศีล ผู้มีป่าเป็นที่โคจร ผู้มีปกติกล่าวสรรเสริญ ตามที่ตนได้ปัจจัยมา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๓๖. ตัณหาชะฏัง วิชะเฏตฺวา วัฑเฒตฺวานะ วิปัสสะนัง สังฆะรักขิโต มะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระสังฆรักขิตะมหาเถระ ผู้ถางรกชัฏคือตัณหา ยังวิปัสสนาให้เจริญ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๓๗. อรัญญะวาสาภิระโต ภะวะเนตติสะมูหะโต ธัมมานัง ปาระมิปปัตโต อุตตะโร ปาตุ โน ภะยา.
    • พระอุตตระเถระ ผู้ยินดียิ่งในการอยู่ป่า ผู้ถอนตัณหา อันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว บรรลุถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งหลายคือ มรรค ผล นิพพาน ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้า ให้พ้นจากภัยเถิด
    • ๑๓๘. ปุพเพ ปุญญานิ กัตฺวานะ ปุพพะโยคัง สะมาระภิ อุสะโภระหะตัง ปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอุสภะเถระ ผู้กระทำบุญทั้งหลายไว้ในกาลก<WBR>่อนแล้ว ปรารภกรรมฐานอันเป็นส่วนเบื้องต<WBR>้นแห่งอริยมรรค บรรลุความเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๓๙. สะมาปัตติสะมาปันโน ฉะฬะภิญโญ มะหิทธิโก สิวะโก พุทธะฌายันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสิวกะเถระ ผู้ถึงพร้อมด้วยสมาบัติ มีอภิญญาหก มีฤทธิ์มาก เป็นผู้พิจารณาตัณหา ดังที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๔๐. สัตตาริยะธะโน เถโร ธะนิโย ธัมมะสาคะโร วันตะสังสาระคะมะโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระธนิยะเถระ ผู้มีอริยทรัพย์เจ็ดประการ ผู้เป็นดุจทะเลแห่งธรรม ผู้สำรอกกิเลส อันเป็นเหตุท่องเที่ยวในสังสารว<WBR>ัฏได้แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๔๑. ปัญจักขันเธ ปะริญญายะ ภาวะยิตฺวานะ นิพพุติง ปัตตฺวานะ ปะระมัง สันติง โปสิโย ปาตุ โน ภะยา.
    • พระโปสิยะเถระ ผู้กำหนดรู้เบญจขันธ์แล้ว เสวยอรหัตผลสมาบัติ เข้าถึงพระนิพพานอันประเสริฐ ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภ<WBR>ัยเถิด
    • ๑๔๒. อุปะนิสสะยะสัมปันโน อุชชะโย พุทธะมามะโก โลกัตถะปะสุโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอุชชยะเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยธรรมอันเป็นเหต<WBR>ุออกจากวัฏฏะ ผู้นับถือพระพุทธเจ้าเป็นอย่างย<WBR>ิ่ง ผู้ขวนขวายประโยชน์เพื่อชาวโลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๔๓. พุทธัปปะสาทะสัมปันโน ปัพพะชี ชินะสาสะเน สัญชะโย นามะ โส เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า สัญชยะ ผู้ถึงพร้อมด้วยความเลื่อมใสในพร<WBR>ะพุทธเจ้า บวชแล้วในศาสนาของพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๔๔. มารัญชะโย มะหาเถโร รามะเณยโย มะหิทธิโก นิพพานะนินนะจิตโต โส สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระมหาเถระนามว่า มารัญชยะ ผู้มีฤทธิ์มาก และพระมหาเถระนามว่า รามะเณยยะ เป็นผู้มีจิตดิ่งสู่พระนิพพาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๔๕. อุโภ ปาปัญจะ ปุญญัญจะ วีติวัตโต อะนาสะโว วีรัตเถโรระหัปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระวีระเถระ ผู้ข้ามพ้นบาปและบุญทั้งสองประกา<WBR>รแล้ว ผู้ไม่มีอาสวะ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๔๖. ปุณณะมาสะมะหาเถโร ปังสุกูละธะโร ยะติ ปุพพะกิจจะวิธิง กัตฺวา มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระปุณณมาสะมหาเถระ เป็นผู้ทรงผ้าบังสุกุล กระทำบุพพกิจเบื้องต้นแล้ว ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๔๗. ปัญจะฉินโน ปัญจะชะโห ปัญจะจุตตะริภาวะโน ปัญจะส<WBR>ังคาติโค เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระปัญจสังคาติคเถระ ผู้ข้ามพ้นกิเลสเป็นเครื่องข้อง (นิวรณ์) ๕ อย่าง ผู้ตัดโอรัมภาคิยะสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องต่ำ) ๕ อย่างได้แล้ว ผู้ละอุทธัมภาคิยะสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องสูง) ๕ อย่างได้แล้ว ผู้เจริญอินทรีย์ ๕ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๔๘. ปุพเพ ราคัง วิจาเรนโต ชินะภัตติปะรายะโน เพลัฏฐะสีโส วังสะธะโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเพลัฏฐสีสะเถระ ผู้เคยจัดแจงการบูชายัญในกาลที<WBR>่ตนเป็นฤษี ผู้ถวายความภักดีต่อพระพุทธเจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งวงศ์แห่งอริยะ (วงศ์แห่งอริยะคือสันโดษในจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยินดีในการภาวนา) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๔๙. ปัญจุปปันนานิ อะภะโย นิกันติ นัตถิ ชีวิเต อะชิโต โส มะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระมหาเถระนามว่า อชิตะ ผู้ไม่มีความกลัวภัย ๕ อย่าง (ราชภัย โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย) ที่กำลังเกิดขึ้น ผู้ไม่มีความเยื่อใยในชีวิต ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๕๐. วิวัฏฏะนิสสะเย ปุญเญ กัตฺวา สัมพุทธะภัตติมา กุลลัตเถโรระห<WBR>ัปปัตโต มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระกุลละเถระ ผู้มีความภักดีในพระสัมมาสัมพ<WBR>ุทธเจ้า ผู้ได้กระทำบุญบารมี อันมีนิพพานเป็นที่รองรับ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๕๑. วิปัสสี ธัมมะทายาโท เถโร นิโคฺรธะนามะโก นิพพานาคะมะส<WBR>ันทิฏโฐ สะทา สันติง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า นิโครธะ ผู้มีปกติเจริญวิปัสสนา ผู้เป็นธรรมทายาท เป็นผู้ได้ประจักษ์แจ้งธรรมที<WBR>่เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕๒. ติสโส วิชชา อะนุปปัตโต สุคันโธ นามะ โสระหา สัพพะปาปะปะริกขีโณ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอรหันต์นามว่า สุคันธะ ได้บรรลุวิชชาสาม เป็นผู้หมดสิ้นจากบาปทั้งปวง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕๓. นันทิโย สัทธาสัมปันโน ชิตะกเลโส มะหาเถโร อะภิญญาปาระมิปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระนันทิยะมหาเถระ ผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ผู้ชนะกิเลสทั้งปวง ผู้ถึงที่สุดแห่งอภิญญา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕๔. กิเลสา ฌาปิตา เยนะ ชิตะธัมมะระเตนะ โส กัมมาระปุตตะวิมะโล สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระรูปใดเป็นบุตรของนายช่างทอง เป็นผู้ยินดีในธรรมอันเป็นเครื<WBR>่องพิชิตมาร ชนะกิเลสด้วยมรรคญาณแล้ว พระเถระนั้นนามว่า วิมละ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕๕. เทวะโลกะมะนุสเสสุ อะนุภุตฺวา วิภูติโย ติสสัตเถโร มะหาภูโต มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระติสสะเถระ เสวยสมบัติในเทวโลกและมนุษย<WBR>์โลกแล้ว สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๕๖. สุวิมุตโต มะหานาโค ตีหิ วังเกหิ มุตตะโก สุมังคะโล มะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน.
    • พระสุมังคละมหาเถระ ผู้หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ พ้นแล้วจากความคดกาย วาจา ใจทั้งสาม ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๕๗. นิรัคคะโฬ นิราสาโส มะละขีละวิโสธะโน วิเวกาภิระโต คุตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระมหาเถระนามว่า คุตตะ ผู้ปราศจากลิ่มคืออวิชชา ผู้ปราศจากกิเลสคือความอยาก ผู้ชำระมลทินได้ทั้งหมด ผู้ยินดีในความวิเวก โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕๘. ปะวิเวกะมะนุปปัตโต คิริมานันทะนามะโก ภาเวนโต กุสะเล ธัมเม สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระนามว่า คิริมานันทะ เจริญกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ได้บรรลุวิเวก ๓ แล้ว (กายวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๕๙. พุทธะสาสะนะมารัทโธ สะมิทธิ ภาวะนาระโต สะมิทธิคุณะสัมปันโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสมิทธิเถระ ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ<WBR>้าผู้ยินดีในภาวนา ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณ อันเป็นเหตุแห่งความสำเร็จ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๐. อาราธิตะชิโน สันโต โชติตเถโร มะหาระหา วิมุตโต สัพพะสังสารา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระโชติตเถระ ผู้ชนะตัณหา อันเป็นเหตุให้ยินดีได้แล้ว เป็นผู้สงบ เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ หลุดพ้นแล้วจากสังสาระทั้งปวง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๑. เสนาสะนานิ ปันตานิ เสวันโต ฌานะมาระภิ ฉะฬะภิญโญ มะหาจุนโท สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระมหาจุนทะเถระ อาศัยเสนาสนะอันสงัดอยู่ เข้าฌาน ได้อภิญญา ๖ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๒. ฉันนัตเถโร สะหะชาโต สุณันโต ชินะสาสะนัง โยคักเขมะมะนุปป<WBR>ัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระฉันนะเถระ ผู้เป็นสหชาตกับพระพุทธเจ้า เมื่อเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระพ<WBR>ุทธเจ้า ได้บรรลุธรรมอันเป็นแดนเกษมจากโย<WBR>คะ (คือพระนิพพาน) แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๓. เมฆิโย พุทธุปปัฏฐาโก ชินะภัตติปะรายะโน มิจฉาวิตักก<WBR>ุปัจเฉโท สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเมฆิยะเถระ ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ผู้มีความภักดี ในพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ตัดมิจฉาวิตกคือความดำริผิดได<WBR>้แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๔. อุปะวาโณ มะหาเถโร มะหากาโย มะหาระหา มะหิทธิโก มะหาเตโช สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอุปวาณะ ผู้เป็นมหาเถระ มีร่างกายใหญ่ เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๑๖๕. สังกิจโจ โจระทะมะโน สัพพะสังโยชะนักขะโย ปาเลตุ โน สัพพะภะยา โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
    • พระสังกิจจะเถระ ผู้ฝึกโจรห้าร้อย สิ้นสังโยชน์คือกิเลส เครื่องผูกสัตว์ไว้ในสังสารว<WBR>ัฏแล้ว ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภ<WBR>ัยทั้งปวง ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๑๖๖. ปัญหะพฺยากะระเณ เฉโก เมตตาฌานะระโต ยะติ โสปาโกปายะสัมปันโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระโสปากะเถระ เป็นภิกษุผู้ฉลาดในการทูลตอบป<WBR>ัญหาของพระพุทธเจ้า ผู้ยินดีในฌานอันประกอบด้วยเมตตา ผู้ถึงพร้อมด้วยอุบาย เพื่อให้ได้มรรคผล ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๗. เขตตะสัมปัตติสัมปัตโต วัฑฒะมาโนวะ โสตถินา สุมะโน อะระหา ชาโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสุมนะเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยกาลเวลา อันสมควรที่จะบรรลุธรรม ผู้เจริญเติบโตด้วยความสุข เป็นพระอรหันต์แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๘. ปิโย เทวะมะนุสสานัง สานุตเถโร พะหุสสุโต เมตตาฌายี ตะโมฆาตี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสานุเถระ ผู้เป็นที่รักของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ผู้เป็นพหูสูต ผู้มีปกติเข้าฌานประกอบด้วยเมตตา ผู้ทำลายความมืดคือโมหะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๖๙. โย จะ ปุพเพ กะตัง ปาปัง กุสะเลนะ ปิธียะติ อังคุลิมาโล โส เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถระใด ได้เคยทำบาปมาก่อน เป็นผู้ตัดบาปอกุศลได้ด้วยอร<WBR>ิยมรรค พระเถระนั้นนามว่า องคุลีมาละ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๐. วิปัสสะนาธุรา เยปิ เถรา สะมะถะยานิกา ขีณาสะวา มะหาเตชา มะหาตะมะวิโนทะนา.
    • พระเถระแม้เหล่าใด ผู้สิ้นอาสวะ ผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ผู้ขจัดความมืดมิดคือโมหะ ผู้เจริญวิปัสสนาเป็นธุระก็ดี พระเถระเหล่าใด ผู้เป็นสมถยานิกะก็ดี
    • ๑๗๑. ฌานิกาฌานิกา เยปิ ธัมมาภิสะมะยาทะโย สัพเพ โสตถิง สะทา เทนตุ ชะยามาโรคฺยะมายุ โน.
    • และพระเถระเหล่าใด ผู้ได้ฌานและไม่ได้ฌานก็ดี พระเถระเหล่าใด ผู้ถูกกำหนดด้วยการบรรลุอริยส<WBR>ัจธรรมก็ดี ขอพระเถระทั้งปวง ที่กล่าวมาแล้วนี้ จงประทานความสวัสดี ชัยชนะ ความไม่มีโรค และอายุ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (พระเถรีชั้นผู้ใหญ่ ๑๓ รูป)
    • ๑๗๒. รัตตัญญูนัง ภิกขุนีนัง โคตะมี ชินะมาตุจฉา ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระโคตมีเถรี ผู้เป็นพระน้านางของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษ<WBR>ุณีผู้รู้ราตรี ขอพระเถรี ได้โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๓. มะหาปัญญานะมัคคัฏฐา เขมาเถรีติ ปากะฏา สาวิกา พุทธะเสฏฐัสสะ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • พระพุทธสาวิกาผู้ประเสริฐสุด ปรากฎนามว่า พระเขมาเถรี ผู้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีปัญญามาก ขอพระเถรีจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๔. เถรี อุปปะละวัณณา จะ อิทธิมันตีนะมุตตะมา สาวิกา พุทธะเสฏฐัสสะ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระอุบลวรรณาเถรี เป็นพุทธสาวิกาผู้ประเสริฐสุด เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีฤทธิ์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๕. วินะยัทธะรีนัง อัคคา ปะฏาจาราติ วิสสุตา ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถรีผู้ปรากฏชื่อว่า พระปฏาจารา พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน<WBR>่งผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ทรงพระวินัย ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๖. ธัมมักกะถิกะปะวะรา ธัมมะทินนาติ นามิกา ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถรีผู้มีนามว่า ธัมมทินนา พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้เป็นธรรมกถ<WBR>ึก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๗. ฌายิกานัง ภิกขุนีนัง นันทาเถรีติ นาเมสา อัคคัฏฐาเน ฐิตา อะหุ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระสาวิกานามว่า นันทาเถรี เป็นผู้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้เล<WBR>ิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีฌาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๘. อารัทธะวีริยานัง อัคคา โสณาเถรีตินามิกา ฐะปิตา ตัตถะ ฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถรีนามว่า โสณา พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน<WBR>่งผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณี ผู้ปรารภความเพียร ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๗๙. ทิพพะจักขุกานัง อัคคา พะกุลา อิติ วิสสุตา วิสุทธะนะยะนา สาปิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระเถรีผู้ปรากฏชื่อว่า พกุลา เป็นผู้มีจักษุอันบริสุทธิ์ เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษ<WBR>ุณีผู้มีตาทิพย์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๘๐. กุณฑะละเกสี ภิกขุนี ขิปปาภิญญานะมุตตะมา ฐะปิตาเยวะ ฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • ภิกษุณีชื่อว่า กุณฑละเกสี พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้แล<WBR>้วในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ตรัสรู้เร็ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๘๑. เถรี ภัททะกาปิลานี ปุพพะชาติมะนุสสะรี ตาสังเยวะ ภิกขุนีนัง อัคคา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระภัททกาปิลานีเถรี ผู้ระลึกถึงชาติในปางก่อนได้ เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ระลึกชาต<WBR>ิปางก่อนได้ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด.
    • ๑๘๒. เถรี ตุ ภัททะกัจจานา มะหาภิญญานะมุตตะมา ชิเนนะ สุขะทุกขัง สา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • พระภัททกัจจานาเถรี (พระนางยโสธรา) ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นคู่บารม<WBR>ีกับพระชินเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระนางไว<WBR>้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีอภิญญาอ<WBR>ันพิเศษ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๘๓. ลูขะจีวะระธารีนัง อัคคา กิสาปิ โคตะมี ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้ พระกิสาโคตมี พระศาสดาตั้งไว้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ทรงจีวรเศร<WBR>้าหมอง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๘๔. สิงคาละมาตา ภิกขุนี สัทธาธิมุตตานะมุตตะมา กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ สุขัง สะทา.
    • พระสิงคาลมาตาภิกษุณี เป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งเหล่าภ<WBR>ิกษุณีผู้มากด้วยศรัทธา ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และความสุข แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๘๕. อัญญา ภิกขุนิโย สัพพา นานาคุณะธะรา พะหู ปาเลนตุ โน สัพพะภะยา โสกะโรคาทิสัมภะวา.
    • พระภิกษุณีเหล่าอื่นทั้งปวงเป<WBR>็นจำนวนมาก ผู้ทรงคุณธรรมต่าง ๆ กัน ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภ<WBR>ัยทั้งปวงอันเกิดจากความเศร้าโศก และโรคเป็นต้น
    • ๑๘๖. โสตาปันนาทะโย เสกขา สัทธาปัญญาสีลาทิกา ภาคะโส กเลสะทะหะนา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • พระภิกษุณีทั้งหลาย ผู้เป็นพระเสขบุคคลมีพระโสดาบ<WBR>ันเป็นต้น เป็นผู้ยิ่งยวดด้วยศรัทธา ปัญญา และศีล เป็นผู้เผากิเลสได้เป็นบางส่วน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (พญานาค)
    • ๑๘๗. สุมะโน สุมะนะจะโล อะระวาเฬระปัตตะโก จัมเปยโย มุจะลินโท จะ กัมพะโล ภุชะคิสสะโร.
    • สุมนะนาคราช สุมนจละนาคราช อรวาฬะนาคราช เอฬปัตตกะนาคราช จัมเปยยะนาคราช มุจลินทะนาคราช กัมพละนาคราช ผู้เป็นใหญ่แห่งนาคราช
    • ๑๘๘. กาละนาโค มะหากาโฬ สังขะปาโล มะโหทะโร มะณิกัณโฐ มะณิอักขิ นันทะนาโคปะนันทะโก.
    • กาละนาคราช มหากาฬะนาคราช สังขปาละนาคราช มโหทระนาคราช มณิกัณฐะนาคราช มณิอักขินาคราช นันทะนาคราช อุปนันทะนาคราช
    • ๑๘๙. วะรุโณ ธะตะรัฏโฐ จะ กุงคุวิโลปะลาละโก จิตฺระนาโค มะหาวีโร ฉัพฺยาปุตโต จะ วาสุกี.
    • วรุณะนาคราช ธตรัฏฐะนาคราช กุงคุวิละนาคราช อปลาลกะนาคราช จิตระนาคราช มหาวีระนาคราช ฉัพยาปุตตะนาคราช วาสุกีนาคราช
    • ๑๙๐. กัณหาโคตะโม ภุชะคินโท อัคคิธูมะสิโข ตะถา จูโฬทะโร อะหิจฉัตโต นาคา เอราปะถาทะโย.
    • กัณหาโคตมะนาคราช นาคผู้เป็นจอมนาค อัคคิสิขะนาคราช ธูมะสิขะนาคราช อหิจฉัตตะนาคราช จูโฬทระนาคราช พญานาคทั้งหลาย มีเอราปะถะนาคราชเป็นต้น
    • ๑๙๑. อาสีวิสา โฆระวิสา เย สัพเพ นะยะนาวุธา ชะลัฏฐา วา ถะลัฏฐา วาปัพพะเตยยา นะทีจะรา
    • กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง อายุมาโรคิยัง สะทา.
    • หมู่นาคราชทั้งปวงเหล่าใด เป็นนาคราชมีพิษร้ายแรง (คือพิษแล่นไปเร็ว) มีพิษน่าสพึงกล้ว มีนัยน์ตาเป็นอาวุธ ดำรงอยู่ในน้ำ ดำรงอยู่บนบก ดำรงอยู่ที่ภูเขา หรือว่าเที่ยวไปในนที ขอนาคราชทั้งปวงเหล่านั้น จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ ความมีอายุ และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (เปรต)
    • ๑๙๒. นิชฌามะตัณหิกา เปตา อุสุสัตติ จะ โลมะกา มังสะปิณฑาทะโย เปตา เปตา เวมานิกาทะโย
    • ปาเลนตุ โน สัพพะภะยา สะทา เต สุขิโน สะทา.
    • นิชฌามตัณหิกะเปรต อุสุโลมกะเปรต สัตติโลมกะเปรต มังสปิณฑะเปรตเป็นต้น เวมานิกะเปรตเป็นต้น ขอเปรตทั้งหลายเหล่านั้นจงม<WBR>ีความสุขในกาลทุกเมื่อ จงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภ<WBR>ัยทั้งปวง ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (อสูร)
    • ๑๙๓. เย ปะหาราทะสัมพะระพะลฺยาสุระคะณา จะ เย เวปะจิตตาสุระคะณาจันทาส<WBR>ุระคะณาทะโย.
    • หมู่อสูรเหล่าใด คือ หมู่ปหาราทะอสูร หมู่สัมพระอสูร หมู่พลิอสูร หมู่เวปจิตตะอสูร หมู่จันทะอสูรเป็นต้น
    • ๑๙๔. สัพเพ เตปิ มะหาเตชา ภูตะยักขะนิวาระณา กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
    • แม้หมู่อสูรเหล่านั้นทั้งปวง มีเดชมาก ผู้สามารถป้องกันภูตและยักษ์ ขอจงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (เทวดา)
    • ๑๙๕. เย ยักขา สัตตะสะหัสสา ภุมมา กาปิละวัตถุกา อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน.
    • ยักษ์ผู้เป็นภุมมเทวดาเจ็ดพ<WBR>ันตนเหล่าใด อยู่ในเมืองกบิลพัสดุ์ มีฤทธิ์ มีความเจริญรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวารมาก
    • ๑๙๖. สัพเพ ติสะระณา ยักขา มะเหสักขา ชุตินธะรา กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
    • ยักษ์(เทวดา)ทั้งปวง ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีศักดิ์ใหญ่ผู้ทรงไว้ซึ่งความร<WBR>ุ่งเรือง ขอยักษ์เหล่านั้น จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๙๗. ฉะสะหัสสา เหมะวะตา ยักขา นานัตตะวัณณิโน พุทธะปูชายะ นิระตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ยักษ์(เทวดา)หกพันตน อยู่ที่เขาเหมวตา มีผิวพรรณวรรณะต่าง ๆ กัน ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๙๘. สาตาคิรา ติสะหัสสา ยักขา นีลาทิวัณณิโน นานาปะภายะ สัมปันนา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ยักษ์(เทวดา)สามพันตน อยู่ที่เขาสาตาคีรี มีผิวพรรณ วรรณะสีเขียวเป็นต้น ผู้สมบูรณ์ด้วยรัศมีต่าง ๆ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๑๙๙. เวสสามิตตา ปัญจะสะตา ยักขา นานัตตะวัณณิโน อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน
    • โมทะมานา อะภิกกามุง สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ยักษ์(เทวดา)ห้าร้อยตน อยู่ที่เขาเวสสามิตตะมีผ<WBR>ิวพรรณวรรณะต่าง ๆ กัน มีฤทธิ์ มีความรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวาร บันเทิงอยู่ มาชุมนุมกัน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๐๐. กุมภีโร ราชะคะหิโก เวปุลลัสสะ นิเวสะนัง ภิยโย นัง สะตะสะหัสสัง ยักขานัง ปะยิรุปาสะติ
    • โส ยักเขหิ ปะริวาโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • เทวดาชื่อว่า กุมภีระ อยู่ในพระนครราชคฤห์ วิมานของท้าวเธอนั้น ได้แก่ยอดเขาเวปุลละ ท้าวเธอนั้น เป็นผู้อันหมู่ยักษ์หลายแสนตนเข<WBR>้ามาปรนนิบัติรับใช้ ขอท้าวกุมภีระผู้มียักษ์เป็นบร<WBR>ิวารนั้น จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๐๑. ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ คันธัพพานัง อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
    • ท้าวมหาราชนามว่า ธตรัฏฐะ ปกครองอยู่ในทิศบูรพา เป็นอธิบดีของพวกคนธรรพ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
    • ๒๐๒. ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา โส ราชา สะหะ ปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมาก ขอท้าวธตรัฏฐะกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๐๓. ทักขิณัญจะ ทิสัง ราชา วิรุฬโห ตัง ปะสาสะติ กุมภัณฑานัง อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
    • ท้าวมหาราชนามว่า วิรุฬหกะ ปกครองอยู่ในทิศทักษิณ เป็นอธิบดีของพวกกุมภัณฑ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
    • ๒๐๔. ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา วิรุฬโห สะหะ ปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมาก ขอท้าววิรุฬหกะกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๐๕. ปัจฉิมัญจะ ทิสัง ราชา วิรูปักโข ปะสาสะติ นาคานัญจะ อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
    • ท้าวมหาราชนามว่า วิรูปักขะ ปกครองอยู่ในทิศปัจฉิมเป็นอธิบด<WBR>ีของพวกนาค ท้าวเธอมีบริวารมาก
    • ๒๐๖. ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา วิรูปักโข สะปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมากขอท้าววิรูปักขะกับบ<WBR>ุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๐๗. อุตตะรัญจะ ทิสัง ราชา กุเวโร ตัง ปะสาสะติ ยักขานัญจะ อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
    • ท้าวมหาราชนามว่า กุเวระ ปกครองอยู่ในทิศอุดร เป็นอธิบดีของพวกยักษ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
    • ๒๐๘. ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา กุเวโร สะหะ ปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมากนามว่า อินทะ มีกำลังมาก ขอท้าวกุเวระกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๐๙. ปุริมัง ทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง.
    • ท้าวธตรัฏฐะ ประจำอยู่ในทิศบูรพา ท้าววิรุฬหกะ ประจำอยู่ในทิศทักษิณ ท้าววิรูปักขะ ประจำอยู่ในทิศปัจฉิม ท้าวกุเวระ ประจำอยู่ในทิศอุดร
    • ๒๑๐. จัตตาโร เต มะหาราชา สะมันตา จะตุโร ทิสา ทัททัฬหะมานา อัฏฐังสุ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ท้าวมหาราชทั้งสี่ ผู้รุ่งเรืองดุจประทีป ประจำอยู่ในทิศทั้งสี่โดยรอบ ขอท้าวเธอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๑๑. เตสัง มายาวิโน ทาสา อาคุง วัญจะนิกา สะฐา มายา กุเฏณฑุ วิเฏณฑุ วิตุจจะ วิตุโฏ สะหะ.
    • พวกบ่าวของท้าวมหาราชทั้งสี่เหล<WBR>่านั้น ล้วนเป็นผู้มีมายาหลอกลวงเจ้าเล<WBR>่ห์ ได้แก่บ่าว ชื่อกุเฏณฑุก็ดี ชื่อวิเฏณฑุก็ดี ชื่อวิตุจจะก็ดี ชื่อวิตุฏะก็ดี
    • ๒๑๒. จันทะโน กามะเสฏโฐ จะ กินนุฆัณฑุ นิฆัณฑุ จะ ปะนาโท โอปะมัญโญ จะ เทวะสูโต จะ มาตะลิ.
    • ชื่อจันทนะก็ดี ชื่อกามเสฏฐะก็ดี ชื่อกินนุฆัณฑุก็ดี ชื่อนิฆัณฑุและปนาทะเทวดาก็ดี ชื่อโอปมัญญะเทวดาก็ดี เทพสารถีชื่อว่ามาตลิก็ดี ต่างก็มาแล้วสู่ที่ชุมนุม
    • ๒๑๓. จิตตะเสโน จะ คันธัพโพ นะโฬราชา ชะเนสะโภ วะโร ปัญจะสิโข เจวะ ติมพะรู สูริยะวัจฉะสา.
    • เทพคนธรรพ์ชื่อว่าจิตตะเสนะ ชื่อว่านโฬราชะ ชื่อว่าชเนสภะ ชื่อว่าปัญจสิขะ (ผู้ปรารถนาให้ได้นางสุริยว<WBR>ัจฉสาเทพธิดา) ชื่อว่าติมพรู ชื่อว่าสุริยวัจฉสาเทพธิดา (ผู้เป็นบุตรีของท้าวติมพรู)
    • ๒๑๔. เอเต จัญเญ จะ ราชาโน คันธัพพา จะ มะหัพพะลา โมทะมานา สะทา โสตถิง โน กะโรนตุ อะนามะยัง.
    • ขอพระราชาทั้งหลาย เทพคนธรรพ์เหล่านี้ และเทพเหล่าอื่น ผู้มีกองกำลังมหาศาล บันเทิงอยู่ จงประทานความสวัสดีและความไม่ม<WBR>ีโรค แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๑๕. มะหันตา นาคะสา นาคา เวสาลา สะหะ ตัจฉะกา กัมพะลัสสะตะรา จาปิ เมรุปาทะสิตา พะลา.
    • เหล่านาคผู้อาศัยอยู่ในสระน้ำชื<WBR>่อว่า นาคสะ จำนวนมาก พร้อมกับบริวารของท้าวตัจฉกะ และนาคผู้อาศัยอยู่ในนครเวสาลี และกัมพละนาคราช อัสสตระนาคราช ผู้มีพละกำลังผู้อาศัยอยู่ที่เช<WBR>ิงเขาสุเมรุ
    • ๒๑๖. ยามุนา ธะตะรัฏฐา จะ สัพเพ นาคา ยะสัสสิโน เอราวะโณ มะหานาโค โน กะโรนตุ อะนามะยัง.
    • นาคผู้อยู่ในแม่น้ำยมุนา และนาคชื่อว่าธตรัฏฐะ และนาคทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีบริวารเป็นจำนวนมาก และท้าวเอราวัณผู้มีชื่อว<WBR>่ามหานาค จงประทานความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๑๗. มะหิทธิกา สุปัณณา เย นาคะราเช มะหัพพะเล คะเหตฺวา ชินะเขตเตวะ ปักขันทิงสุ นะเภ พะลา
    • เต พุทธะสะระณา สัพเพ โสตถิง กะโรนตุ โน สะทา.
    • ครุฑเหล่าใด เป็นผู้มีฤทธิ์เดช ผู้ทรงพลัง จับนาคราชผู้ทรงพลังในแดนที<WBR>่ตนชนะนั่นเทียว แล้วบินไปในท้องฟ้า ครุฑทั้งปวงเหล่านั้น เป็นผู้นับถือพระพุทธเจ้าว่าเป<WBR>็นที่พึ่ง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๑๘. ปะฐัพฺยาโป จะ เตโช จะ วาโย เทวา มะหิทธิกา อุปะจาเรนะ นิพพัตตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • เทวดาชื่อว่า ปฐวี อาโป เตโช และวาโย ผู้มีฤทธิ์มาก บังเกิดด้วยอุปจารฌานของตน ๆ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๑๙. วะรุณา วาระณา เทวา โสโม จะ ยะสะสา สะหะ เมตตาการุณิกา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • วรุณะเทพ วารณาเทพ โสมะเทพ พร้อมทั้งยะสะเทพ เมตตาเทพ กรุณาเทพ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๒๐. ปัณณาสะโยชะนายาเม วิมาเน ระตะนามะเย ฐิโต ตะเม วิหันตฺวานะ สูริโย โสตถิง กะโรตุ โน.
    • สุริยะเทพบุตร ผู้อาศัยอยู่ในสุริยะวิมาน ที่สำเร็จด้วยรัตนะซึ่งม<WBR>ีความยาวห้าสิบโยชน์ ขอจงทำลายความมืด แล้วประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๒๑. จันโท สีตะกะโร โลเก ปะภายุชชะลิโตทะโย มะหันธะการะว<WBR>ิทธังสี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
    • จันทะเทพบุตร ผู้ประทานความร่มเย็นแก่ชาวโลก ส่องสว่างปรากฏขึ้น ด้วยรัศมี มีปกติทำลายความมืดมน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๒๒. เวณฑุ จะ สะหะสี เทวา อะสะมา จะ ทุเว ยะมา จันทัสสูปะนิสา เทวา เทวา สูริยะนิสสิตา
    • พุทธัสสะ มามะกา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • เวณฑุเทพ สหสีเทพ อสมะเทพ ยมะเทพทั้งสอง เทพผู้อาศัยจันทะเทพบุตร เทพผู้อาศัยสุริยะเทพบุตร และเทพทั้งหลายทั้งปวง ผู้นับถือพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๒๓. นักขัตตานิ ปุรักขัตฺวา เทวา มันทะวะลาหะกา สักโก ปุรินทะโท เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • เทพทั้งหลาย ผู้พึ่งพาอาศัยนักษัตร(ดวงดาว) วลาหกะเทพทั้งหลายผู้ยังให้บ<WBR>ังเกิดลม ท้าวสักกะผู้เคยให้ทานมาก่อน ผู้ได้รับการยกย่อง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๒๔. มะหันตา สะหะภู เทวา ชะละมัคคิสิขาริวะ อะริฏฐะกา จะ โรชา จะ อุมมาปุปผะนิภาสิโน.
    • สหภูเทพผู้ประเสริฐ ผู้รุ่งเรืองดุจเปลวไฟ (หรือชลมัคคิเทพ สิขาริจเทพ) อริฏฐะเทพ โรชะเทพ ผู้มีรัศมีเช่นกับดอกอุมมา คือ ดอกผักตบ
    • ๒๒๕. วะรุณา สะหะธัมมา จะ อัจจุตา จะ อะเนชะกา สูเลยยะรุจิรา เทวา เทวา วาสะวะเนสิโน
    • ทะเสเต ทะสะธา กายา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • วรุณะเทพ สหธัมมะเทพ อัจจุตะเทพ อเนชกะเทพ สูเลยยะเทพ รุจิราเทพ วาสวเนสีเทพ ขอเหล่าทวยเทพสิบจำพวกเหล่านี้ จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๒๖. สะมานา มะหาสะมานา มานุสา มานุสุตตะมา ขิฑฑาปะโทสิกา เทวา เทวา มะโนปะโทสิกา.
    • สมานะเทพ มหาสมานะเทพ มานุสะเทพ มานุสุตตมะเทพ ขิฑฑาปโทสิกะเทพ มโนปโทสิกะเทพ
    • ๒๒๗. อะถาปิ หะระโย เทวา เทวา โลหิตะวาสิโน ปาระคา มะหาปาระคา สัพเพ เทวา ยะสัสสิโน
    • ทะเสเต ทะสะธา กายา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • อนึ่ง หริเทพ โลหิตวาสีเทพ ปารคะเทพ มหาปารคะเทพ เทพทั้งปวงล้วนมีบริวาร ขอเหล่าทวยเทพทั้งสิบจำพวกเหล<WBR>่านี้ จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๒๘. สุกกา กะรัมภา อะรุณา อาคุง เวฆะนะสา สะหะ โอทาตะคัยหา ปาโมกขา อาคุง เทวา วิจักขะณา.
    • สุกกะเทพ กรัมภะเทพ อรุณะเทพ มาแล้วพร้อมกับเวฆนสะเทพ โอทาตคัยหะเทพผู้เป็นใหญ่ และวิจักขณะเทพก็มา
    • ๒๒๙. สะทามัตตา หาระคะชา มิสสะกา จะ ยะสัสสิโน ถะนะยัง อาคะปัชชุนโน โย ทิสาสวะภิวัสสะติ.
    • สทามัตตะเทพ หาระคะชะเทพ มิสสะกะเทพ ผู้มีบริวารก็มา ปัชชุนะเทพ ผู้ทำให้ฝนตกทั่วทิศก็มา
    • ๒๓๐. ทะเสเต ทะสะธา กายา สัพเพ นานัตตะวัณณิโน อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน
    • โมทะมานา ชินะทานา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • เหล่าเทวดาสิบจำพวกเหล่านี้ทั<WBR>้งปวง ล้วนมีรัศมีต่าง ๆ กัน มีฤทธิ์ มีความรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวาร บันเทิงอยู่ ผู้ประทานชัยชนะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๓๑. โลกะธาตุสะหัสเสสุ ทะสะสเววะ สะมันตะโต เทวาทะโย ปาณะคะณา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ในหมื่นโลกธาตุโดยรอบนั่นเทียว ขอหมู่สัตว์มีเทวาเป็นต้น จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
    • ๒๓๒. เขมิยา กัฏฐะกายา จะ โชตินามา มะหิทธิกา ลัมพีตะกา ลามะเสฏฐา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเขมิยะเทพ กัฏฐกายะเทพ โชติเทพ ผู้มีฤทธิ์มาก ลัมพีตกะเทพ ลามเสฏฐะเทพ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๓๓. ชะลัฏฐา จะ ถะลัฏฐัญเญ เทวากาสัฏฐะกาทะโย ยักขะคันธ<WBR>ัพพะกุมภัณฑา ปิสาจา เย มะโหระคา
    • เมตตะจิตตา จะ สัพเพ เต โสตถิง ผาสุง กะโรนตุ โน.
    • เทพเหล่าอื่นอันมี เทพที่อยู่ในน้ำ เทพที่อยู่บนบก เทพที่อยู่ในอากาศเป็นต้น และยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ปีศาจ และนาคราชทั้งปวง ขอจงมีจิตเมตตา ประทานความสวัสดีและความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๓๔. ตาวติงสา จะ เย เทวา ยามา เทวา มะหิทธิกา ตุสิตา จะ มะหาเทวา นิมมานะระติโนมะรา.
    • ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามาผู้ทรงฤทธิ์ ทวยเทพชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี.
    • ๒๓๕. วะสะวัตตีสุ ระติโน สัพเพ เทวา สะวาสะวา พุทธะปูชายะ นิระตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ทวยเทพชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี ขอทวยเทพทั้งปวงดังที่กล่าวมานี้ พร้อมทั้งท้าววาสวะ (พระอินทร์) ผู้มีความยินดี ในการบูชาพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (พรหม)
    • ๒๓๖. พฺรัหฺมาโน ปาริสัชชา จะ เย จะ พฺรัหฺมะปุโรหิตา มะหาพฺรัหฺมา จะ สัพเพ เต ปะฐะมัชฌานะสัณฐิโน.
    • พรหมผู้ดำรงอยู่ในปฐมฌานเหล่านี<WBR>้คือ ปาริสัชชาพรหม ปุโรหิตาพรหม และ มหาพรหมาพรหม.
    • ๒๓๗. เมตตาวิหาริโน สันตา สัมพุทธัสสะ ปะรายะนา กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง เสกขาเสกขะปุถุชชะนา.
    • ขอพรหมทั้งปวงเหล่านั้น ผู้มีปกติอยู่ด้วยเมตตา ผู้สงบ ผู้มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ผู้เป็นทั้งเสกขะ พระอรหันต์ และปุถุชน จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๓๘. ปะริตตาภัปปะมาณาภา พฺรัหฺมา จาภัสสะรา ตะถา พุทธะปูชายะ นิระตา ทุติยัชฌานะสัณฐิโน.
    • พรหมผู้ดำรงอยู่ในทุติยฌาน ผู้ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ<WBR>้าเหล่านี้คือ ปริตตาภาพรหม อัปปมาณาภาพรหม และ อาภัสสราพรหม
    • ๒๓๙. เมตตาการุณิกา สัพเพ สัพพะสัตตะหิเตสิโน กะโรนตุ โน มะหาสันติง โสตถิมาโรคฺยะมายุวัง.
    • ขอพรหมทั้งปวง ผู้มีปกติเมตตา กรุณา แสวงหาความเกื้อกูล ให้แก่สัตว์ทั้งปวง จงประทานความสงบอันประเสริฐ ความสวัสดี ความไม่มีโรค และความมีอายุ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๔๐. ปะริตตะสุภาพฺรัหฺมาโน อัปปะมาณะสุภา จะ เย สุภะกิณหา จะ พฺรัหฺมาโน ตะติยัชฌานะสัณฐิโน.
    • พรหมผู้ดำรงอยู่ในตติยฌาน เหล่านี้คือ ปริตตสุภาพรหม อัปปมาณสุภาพรหม และ สุภกิณหาพรหม
    • ๒๔๑. ปะภายะ ผะระณา โลเก พุทธะฌานะระตา สะทา อะหิงสา สัพพะสัตเตสุ สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
    • ขอพรหมทั้งหลายเหล่านั้น ผู้แผ่รัศมีไปในโลก ผู้ยินดีในพุทธฌาน ผู้ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ทั<WBR>้งปวง จงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๔๒. เวหัปผะลาปิ พฺรัหฺมาโน จะตุตถัชฌานะสัณฐิโน เสกขะปุถ<WBR>ุชชะนาเสกขา สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
    • พรหมผู้ดำรงอยู่ในจตุตถฌาน ผู้เป็นเสกขะ ปุถุชน และอเสกขะคือ เวหัปผลาพรหม ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๔๓. สัมปัตติยา นะ หายันติ พฺรัหฺมาโน ชินะสาวะกา อะวิหานามะกา สัพเพ สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
    • พรหมทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระพ<WBR>ุทธเจ้า ย่อมไม่เสื่อมจากฌานสมาบัติ เพราะเหตุนั้นจึงได้ชื่อว่า อวิหาพรหม ขออวิหาพรหมทั้งปวงเหล่านั้น จงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๔๔. อะตัปปา นามะ พฺรัหฺมาโน จะตุตถัชฌานะสัณฐิโน พฺรัหฺมะว<WBR>ิหาริกา สัพเพ โสตถิง ผาสุง กะโรนตุ โน.
    • ขอ อตัปปาพรหม ทั้งปวง ผู้มีพรหมวิหาร ดำรงอยู่ในจตุตถฌาน จงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๔๕. สุทัสสา นามะ พฺรัหฺมาโน- ภิรูปา ฌานะโภคิโน อะปุนาคะมะนา กาเม สันติง ผาสุง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าพรหมชื่อว่า สุทัสสา ผู้มีรูปงาม ผู้เสวยฌาน ผู้ไม่กลับมาในกามภูมิอีก จงประทานความสงบ และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
    • ๒๔๖. พฺรัหฺมะวิหาระสัมปันนา ชินะภัตติปะรายะนา พฺรัหฺมาโน สุทัสสี นามะ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าพรหมชื่อว่า สุทัสสี ผู้สมบูรณ์ด้วยพรหมวิหาร ผู้มีความนับถือพระพุทธเจ้าว<WBR>่าเป็นสรณะ จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๔๗. อะกะนิฏฐา จะ พฺรัหฺมาโน เชฏฐา สัพพะคุเณหิ จะ ปะหีนะภะวะนิสเนหา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าพรหมผู้เจริญที่สุดด้วยค<WBR>ุณทั้งปวง ชื่อว่า อกนิฏฐา ผู้ละความสิเน่หาในภพได้แล้ว จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๔๘. ปะฐะมารูปะพฺรัหฺมาโน สัพพะรูปะวิราคิโน ชินะภัตต<WBR>ิระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๑ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความกำหนัดในรูป ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๔๙. ทุติยารูปะพฺรัหฺมาโน เหฏฐาฌานะวิราคิโน ชินะภัตต<WBR>ิระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าอรูปพรหม ชั้นที่ ๒ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต<WBR>่ำ ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๕๐. ตะติยารูปะพฺรัหฺมาโน เหฏฐาฌานะวิราคิโน ชินะภัตต<WBR>ิระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๓ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต<WBR>่ำ ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๕๑. จะตุตถารูปะพฺรัหฺมาโน เหฏฐาฌานะวิราคิโน ชินะภัตต<WBR>ิระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๔ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต<WBR>่ำ ยินดีในการภักดีในพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (บุคคลประเภทรวม)
    • ๒๕๒. เวเทเหปะระโคยาเน ชัมพุทีเป กุรุมหิ จะ เทวะยักขะปิสาเจหิ สัทธิง วิชชาธะราทะโย.
    • ขอเหล่าวิทยาธร กับเทวดา ยักษ์ และปีศาจ ในวิเทหะทวีป อปรโคยานะทวีป ชมพูทวีป และอุตตรกุรุทวีป
    • ๒๕๓. อากาสัฏฐา จะ พฺรัหฺมาโน ชะลัฏฐา จันตะลิกขะชา ทวิปะทาทะโย เย สัตตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
    • อากาสัฏฐเทวดา และพรหม สัตว์ทั้งหลายมีสัตว์ ๒ เท้า เป็นต้น ผู้ดำรงอยู่ในน้ำ ผู้เกิดในอากาศ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • (อานุภาพแห่งพระรัตนตรัย)
    • ๒๕๔. มาระเสนะวิฆาตัสสะ ชินัสสะ สุขะฌายิโน เตโชพะเลนะ มะหะตา สะทา มังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ของพระชินเจ้า ผู้ทรงขจัดมาร และเสนามาร ผู้เสวยสุขในฌาน ด้วยพลังเดชอันยิ่งใหญ่ ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๕๕. นานาคุณะวิจิตตัสสะ รูปะกายัสสะ สัตถุโน สัพพะเทวะมะนุสสานัง มาระพันธะวิโมจิโน
    • เมตตาพะเลนะ มะหะตา สะทา มังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาอันยิ<WBR>่งใหญ่ ของพระศาสดาผู้ทรงมีพระวรกายอ<WBR>ันงามวิจิตรด้วยคุณต่าง ๆ ผู้ทรงปลดเปลื้องเหล่าทวยเทพ และมนุษย์ทั้งปวง ให้หลุดพ้นจากบ่วงแห่งมาร ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๕๖. สัพพัญญุตาทิกายัสสะ ธัมมะกายัสสะ สัตถุโน จักขาทยะโคจะรัสสาปิ โคจะรัสเสวะ ภูริยา
    • เตโชพะเลนะ มะหะตา สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ แห่งพระธรรมกาย คือ หมู่ธรรม มีพระสัพพัญญุตญาณเป็นต้น ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันไม่ใช่อารมณ์ของจักษุเป็นต้น แต่เป็นอารมณ์ของปัญญาเท่านั้น ขอสรรพมงคล จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๒๕๗. รูปะกายะสะทิสัสสะ นิมมิตัสสะ มะเหสิโน ธัมมัสสะ วัตตุโน สัคเค เทวานัง สุคะตา ปะติ
    • เตโชพะเลนะ มะหะตา สะทา มังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ<WBR>่ของพระพุทธปฏิมาที่ทรงเนรมิตขึ<WBR>้น ให้เหมือนรูปจริง แทนพระพุทธองค์ ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เมื่อทรงแสดงอภิธรรมแก่เหล<WBR>่าทวยเทพในชั้นดาวดึงส์ ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
    • ๒๕๘. สิกขิตฺวา มานุเส เทเว โมจะยิตฺวา สะเทวะเก สังขาเร ปะชะหันตัสสะ นิพพุตัสสะ มะเหสิโน
    • มะหันเตนานุภาเวนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยพระอานุภาพอันยิ่งใหญ<WBR>่ของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงฝึกเหล่ามนุษย์และเทวดา ให้หลุดพ้นจากบ่วงมาร ผู้ทรงละสังขารดับขันธ์ปรินิพพาน ขอสรรพมงคล จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
    • ๒๕๙. จะตุราสีติสะหัสสะ- ธัมมักขันธัสสะ เตชะสา นะวังคะสาสะนัสสาปิ นะวะโลกุตตะรัสสะ จะ
    • สัพพะปาปะปะวาเหนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยพระเดชานุภาพของพระธรรม แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ด้วยพระเดชานุภาพแห่งนวังคสัตถ<WBR>ุศาสน์ และด้วยพระเดชานุภาพแห่งนวโลก<WBR>ุตตรธรรม อันนำบาปทั้งปวงออกไป ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค<WBR>์เถิด
    • ๒๖๐. มะหะโตริยะสังฆัสสะ ปุญญักเขตตัสสะ ตาทิโน ปะหีนะสัพพะปาปัสสะ สีลาทิกขันธะธาริโน
    • มะหาเตชานุภาเวนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ของพระอริยสงฆ์ผู้ประเสริฐ ผู้เป็นเนื้อนาบุญ ผู้ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม ผู้ละบาปทั้งปวง ผู้ทรงไว้ซึ่งคุณมีศีลเป็นต้น ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถ<WBR>ิด
    • (อานุภาพของเทวดาต่าง ๆ )
    • ๒๖๑. ปาตาเล ภูตะลากาเส เทวะยักขะปิสาจะกา วิชชาธะรา จะ คันธัพพา นาคะกุมภัณฑะรักขะสา
    • สัพเพสะมานุภาเวนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
    • ด้วยอานุภาพแห่งหมู่เทวดา ยักษ์ ปีศาจ และวิทยาธร คนธรรพ์ นาค กุมภัณฑ์ และรากษส ผู้อาศัยอยู่ในบาดาลก็ดี บนพื้นดินก็ดี ในอากาศก็ดี ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถ<WBR>ิด
    • (อานุภาพของอุปปาตะสันติ )
    • ๒๖๒. อิจเจวะมุปปาตะสันติง โย วะเทยยะ สุเณยยะ วา วิเชยยะ สัพพะปาปานิ วุทธัตตัญจะ ภะวิสสะติ.
    • ผู้ใดสวด หรือฟังคัมภีร์ อุปปาตะสันติ อันกล่าวแล้วด้วยประการฉะนี้ จะพึงชนะบาปทั้งปวง และจักเจริญด้วยคุณ ๕ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
    • ๒๖๓. โสตถิกาโม ละเภ โสตถิง สุขะกาโม สุขัง ละเภ อายุกาโม ละเภยยายุง ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง.
    • ผู้ใดปรารถนาความสวัสดี พึงได้ความสวัสดี ผู้ปรารถนาความสุข พึงได้ความสุข ผู้ปรารถนาอายุ พึงได้อายุ ผู้ประสงค์บุตร พึงได้บุตร
    • ๒๖๔. นะ ตัสสะ โรคา พาเธนติ วาตะปิตตาทิสัมภะวา อะกาละมะระณ<WBR>ัง นัตถิ นะ เทโว วิสะโมสะเร.
    • โรคที่เกิดจากลม จากดีเป็นต้น ย่อมไม่เบียดเบียนบุคคลนั้น ความตายในกาลอันไม่สมควร ย่อมไม่มีแก่บุคคลนั้น มิจฉาเทวดาย่อมไม่รังแกต่าง ๆ นา ๆ
    • ๒๖๕. นะ จุปปาตะภะยัง ตัสสะ โนปิ ปัตตะภะยัง ตะถา นัสสันติ ทุนนิมิตตานิ ปาปะกัมมัฏฐิตานิ จะ
    • ทีฆะมายุ มะหาโสตถิง อาโรคฺยัญจะ สะทา ภะเว.
    • เคราะห์ร้ายและภัยย่อมไม่มีแก<WBR>่เขา นิมิตร้ายและสิ่งที่ตั้งขึ<WBR>้นเพราะบาปกรรมย่อมพินาศไป ความมีอายุยืน ความสวัสดี อันประเสริฐ และความไม่มีโรคจะพึงมีแก่เขา ในกาลทุกเมื่อ
    • ๒๖๖. โย สุตฺวาปิ มะหาสันติง สังคามัง ปะวิเส นะโร วิชะเย เวริโน สัพเพ นะ สัตเถหยะภิภูยะเต.
    • ผู้ใดฟังคัมภีร์อุปปาตะสันติอ<WBR>ันประเสริฐแล้ว พึงเข้าไปสู่สมรภูมิ บุคคลนั้นอันศาสตราไม่กล้ำกราย ย่อมชนะข้าศึกทั้งมวล
    • ๒๖๗. สัพพะทา ละภะเต ปีติง วิปัตติง นาวะคาหะติ โรเคหิ นาภิภูยะเต สะวัตถูหิ วิวัฑฒะเต.
    • เขาย่อมได้ซึ่งความอิ่มใจในกาลท<WBR>ุกเมื่อ ความวิบัติ ย่อมไม่มากล้ำกราย ย่อมไร้โรคา ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ศฤงคาร
    • ๒๖๘. ยัตฺระ เทเส วะโกวะกา พาฬหะกา รักขะสาทะโย อุปปาตะสันติโฆเสนะ สัพเพ ตัตถะ สะมันติ เต.
    • สัตว์ร้ายน้อยใหญ่ และรากษสเป็นต้น ผู้อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรทั<WBR>้งหลายทั้งปวง ย่อมสงบด้วยเสียงแห่งการสวดคาถาอ<WBR>ุปปาตะสันติ
    • ๒๖๙. ยะมุททิสสะ วะเท สันติง สะชีวัญจาปยะชีวิตัง โส มุจจะเต มะหาทุกขา ปัปโปติ สุคะติง สะทา.
    • บุคคลสวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ อุทิศให้ผู้ใดที่มีชีวิตอยู่หร<WBR>ือไม่มีชีวิตอยู่ บุคคลนั้นย่อมพ้นจากมหันตทุกข์ ย่อมเข้าถึงสุคติภพ ในกาลทุกเมื่อ
    • ๒๗๐. เทวัฏฐาเน นะคะเร วา นิจจะมุปปาตะสันติยา ปาละกา เทวะราชาโน เตชะสิรีวิวัฑฒะนา.
    • ท้าวเทวราชทั้งหลายผู้ปกปักร<WBR>ักษาเนืองนิจ ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ หรือในพระนคร เป็นผู้เจริญด้วยเดชและสิร<WBR>ิมงคลด้วยคัมภีร์อุปปาตะสันตินี้
    • ๒๗๑. ปะฐัพฺยาปาทิสัญชาตา อุปปาตา จันตะลิกขะชา อินทาทิชะนิต<WBR>ุปปาตา ปาปะกัมมะสะมุฏฐิตา
    • สัพพุปปาตา วินัสสันติ เตชะสุปปาตะสันติยาติ.
    • เหตุร้ายอันเกิดจากแผ่นดินไหว และน้ำท่วมเป็นต้น เหตุร้ายที่เกิดจากฟากฟ้า เหตุร้ายอันเกิดจากจันทร<WBR>ุปราคาเป็นต้น เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากบาปกรรม เหตุร้ายทั้งปวงเหล่านั้นจักพ<WBR>ินาศไป ด้วยเดชแห่งอุปปาตะสันติ
    • อุปปาตะสันติ นิฏฐิตา.
    • จบอุปปาตะสันติ
    • มนต์สำหรับระงับเหตุร้ายทั้งปวง
    • ประวัติคัมภีร์อุปปาตะสันติ
    • "อุปปาตะสันติ" ทางเมืองเหนือเรียกว่า "มหาสันติงหลวง" แปลว่า บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบสิ่งที่กระทบกระเท<WBR>ือน
    • คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล<WBR>้านนาไทย แต่งโดยพระมหามังคละสีละวังสะ พระเถระนักปราชญ์ของชาวเชียงใหม<WBR>่รูปหนึ่ง ในสมัยของพระเจ้าสิริธรรมจักกว<WBR>ัตติลกราชาธิราช (พระเจ้าติโลกราช) รัชกาลที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังราย ระหว่างพ.ศ. ๑๙๘๕-๒๐๓๐ เป็นคาถาล้วนจำนวน ๒๗๑ คาถาจัดเข้าในหนังสือประเภท "เชียงใหม่คันถะ"
    • คัมภีร์นี้เป็นที่รู้จักกันแพร<WBR>่หลาย ในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณกาล ทั้งพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้าน พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อกลับความร้ายให้กลายเป<WBR>็นความดี มีคำเล่าว่า สมัยที่ท่านแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอ<WBR>ันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเท<WBR>ือนอยู่เสมอ พระมหาเถระสีละวังสะจึงให<WBR>้พระสงฆ์สามเณรและประชาชนพาก<WBR>ันสวด และฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งมวลที่เก<WBR>ิดขึ้นในบ้านเมือง
    • ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใส นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชน นับถือว่าพระคัมภีร์อุปปาตะสันต<WBR>ินี้มีความศักดิ์สิทธ์มาก พากันนิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง แพร่หลายไปทั่วประเทศพม่าในสมัย ๕๐๐ ปีที่ล่วงแล้ว ในงานพิธีสืบชะตา งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น
    • เนื้อความในอุปปาตะสันติคาถานั้น สรุปได้ว่า …
    • เป็นธรรมที่กระทำความสงบอันยิ<WBR>่งใหญ่
    • เป็นธรรมเครื่องสงบเหตุร้ายทั<WBR>้งปวง
    • เป็นธรรมเครื่องป้องกันอมนุษย์ และยักษ์
    • เป็นธรรมเครื่องพ้นจากความตายก<WBR>่อนกำหนดเวลา
    • เป็นธรรมเครื่องย่ำยีกำลังของข<WBR>้าศึก
    • เป็นธรรมเครื่องจำเริญชัยชนะแด<WBR>่พระราชา
    • เป็นธรรมเครื่องนำสิ่งที่ไม่น<WBR>่าปรารถนาทั้งปวงออกไป
    • อุปปาตะสันติคาถาเป็นบทสวดอย<WBR>่างพิสดาร ท่านจึงกล่าวพระนามของพระพุทธเจ<WBR>้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งที่มีมาในอดีต ในปัจจุบัน และจักมีมาในอนาคต รวมตลอดไปจนถึงท่านที่ทรงคุณ ทรงอำนาจ ทรงฤทธิ์ ในทางที่ดีอื่นๆ เช่น เทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ นาค คนธรรพ์ ครุฑ อสูรเป็นต้น เพื่อขอความเป็นมงคล ความสงบ ความสวัสดี ความไม่มีโรค ชัยชนะ และอายุ รวมทั้งขอให้ท่านคุ้มครองให้พ<WBR>้นจากเหตุเภทภัยนานัปการ อันจะบังเกิดขึ้นในกาลทุกเมื่อ
    • คัมภีร์อุปปาตะสันติเป็นคัมภีร<WBR>์ของไทย แต่ต้นฉบับได้จากเมืองไทยไปอยู<WBR>่เมืองพม่าเสียนาน จนแทบกล่าวได้ว่าคนไทยในสมัยหล<WBR>ังๆ นี้ ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยได้ยิน แม้แต่ชื่อของคัมภีร์นี้
    • แต่บัดนี้ เป็นที่โสมนัสยินดียิ่ง ที่เจ้าคุณธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตะปัญโญ) ป.ธ.๙ วัดมหาโพธาราม ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ท่านได้ชำระคัมภีร์นี้เป<WBR>็นภาษาบาลีอักษรไทย เพื่อความสะดวกแก่ผู้อ่านที่ไม<WBR>่สันทัดบาลี โดยได้ต้นฉบับภาษาบาลีอักษรพม่า จากท่านพระอาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระอัครมหาบัณฑิต แห่งวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง
    • นับว่า เป็นการนำคัมภีร์ของล้านนาไทยโบร<WBR>าณ กลับคืนมาสู่เมืองไทย ให้ชาวไทยในยุคปัจจุบันได้รู้จัก ได้ศึกษา ได้สวด ได้ฟัง ให้เกิดประโยชน์ทางสันติ เพื่อความสงบระงับจากภัยพิบัติท<WBR>ั้งปวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก<WBR>่ชาวล้านนา ชาวไทย ตลอดจนชาวโลกทั้งมวล
    • ข้อแนะนำการอ่านบาลีอักษรไทย
    • ในภาษาบาลี บางคำใช้อ่านควบหรืออ่านกล้ำ คือออกเสียงครึ่งควบพยัญชนะ ๒ ตัว เช่นคำว่า …
    • กัตฺวา อ่านว่า กัต-ตฺวา ไม่ควรอ่านว่า กัต-ตะ-วา
    • ฉะนั้น ในการพิมพ์บาลีอักษรไทย จึงจำเป็นต้องใส่จุดข้างใต<WBR>้ของพยัญชนะที่จะอ่านออกเสียงกล<WBR>้ำ เพื่อรักษารูปศัพท์ และความหมายของบาลีไว้ เพื่อให้เป็นที่สังเกตุ เช่น …
    • คาถา คำ อ่านว่า ไม่ควรอ่านว่า
    • ๕ หันตฺวา หัน-ตฺวา หัน-ตะ-วา
    • ๑๔ อาโรคฺยัญจะ อาโร-คฺยัญจะ อาโร-คะ-ยัญจะ
    • ๒๔ ฐัตฺวา ฐัต-ตฺวา ฐัต-ตะ-วา
    • ๖๔ ชิตินทฺริโย ชิติน-ทฺริโย ชิติน-ทะริโย
    • ๗๑ โสตถฺยา โสต-ถฺยา โสต-ถะยา
    • ๘๖ อสิตฺวานะ อสิ-ตฺวานะ อสิ-ตะวานะ
    • ๒๑๗ คะเหตฺวา คะเหต-ตฺวา คะเหต-ตะวา
    • แม้ในศัพท์อื่นๆ ก็ขอให้ทราบโดยนัยเดียวกันนี้
     
  13. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    ขอให้พรและบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วและได้รับแล้วตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน จนเป็นปัจจัยให้ท่านทั้งหลายพบสุขอันสูงสุด ไปถึงซึ่งพระนิพพาน ทุกท่านทุกคนเทอญ */|\*
     
  14. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072

    [​IMG]
     
  15. nine_hmon

    nine_hmon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +80
    ขอขอบคุณท่านผู้ที่ตอบกระทู้นะครับ

    ก่อนหน้านี้ผมได้ไปหาพระรูปหนึ่งซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัด บางเลนเจริญ จ.นนท์ ตอนแรกที่ได้เข้าไปหาท่านมีน้องคนหนึ่งแนะนำมานะครับ ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำด้วยนะครับว่าผมไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเพราะว่าไม่ทราบว่าจะแต่งขึ้นมาทำไมเพราะต้องจ่ายเงินมานั่งเล่นเน็ท ตอนนั้นปรึกษาใครก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครเชื่อถือ พอไปหาท่านบอกท่านว่าผมโดนของ ท่านนั่งหลับตาแล้วผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างมาะทะตัวผมเหมือนมีอะไรมาอัดสักพักท่านลืมตาแล้วบอกว่าได้ยินเสียงแหลมๆที่หูดังวี้ๆๆๆๆๆตลอดใช่มั้ยผมแทบกระโดดเพราะช่วงนั้นไม่ทราบว่าจะมีใครเข้าใจว่าที่ผมทุกอยู่นั้นใครช่วยแก้ให้บ้างแล้วท่านพรมน้ำมนต์พอโดนน้ำมนต์เท่านั้นแหละร้อนมากครับน้ำมนต์ที่หล่นลงบนตัวผมนั้นร้อนทีเดียวผมไม่กล้าที่จะบอกว่านี่คืออะไรนะครับให้คิดว่าผมอุปาทานไปเองก็แล้วกันและท่านให้ของบางอย่างมาบูชาพอกลับมาถึงห้องผมก็ทำสายคอจากด้ายเย็บผ้าเพราะยังไม่ได้ไปซื้อสายคอผมอาจจะอุปาทานไปเอง ได้ผลครับอาการที่เกิดลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นมาผมไม่ถอดเลยแม้กระทั่งเปลี่ยนสายคอใหม่ก็พยายามให้ของที่ท่านให้มายังห้อยที่คออยู่แต่อาการก็ยังทรงตัวมานานมากผมไปหาท่านอีกครั้งหนึ่งเพราะช่วงนั้นจิตตกลงมากคือถ้าจิตตกคือจะรู้ว่าเค้าพูดอะไรแล้วเราคล้อยตามเมื่อไรโดนหนัก ผมไปหาท่านเพื่อบังสกุลเป็นบังสกุลตาย 1 ครั้งอาการดีขึ้นแล้วหลังจากนั้นก็ได้ไปอาบน้ำมนต์ 1 ครั้งแล้วอาการก็ดีขึ้นและก็ทรงตัวอยู่นาน ผมไม่ทุกร้อนเท่าไรถ้าเค้าไม่มาให้ผมคิดลามกเพราะทรมานมากที่เล่าไปแล้ว ก็เลยมาโพสครั้งที่ผ่านมาอีก 1 ครั้งก็มีท่านคนหนึ่งมาตอบว่าให้ไปหาท่านพระอาจารย์วราห์ ที่วัดโพธิ์ทอง แถวสุขสวัสดิ์26 ผมไปหาถึง 2 ครั้งครั้งแรกไปถึงตอนเที่ยงๆ แต่ท่านให้มาตามบัตรซึ่งจะต้องจองก่อน ท่านดูดวงให้ผมท่านบอกว่า เป็นเคราะห์กรรมของผมเองไกล้จะหมดแล้ว และท่านว่า พระท่านช่วยเกือบหมดแล้วผมก็ไม่ทราบว่าพระที่ผมไปหาครั้งแรกหรือเปล่าซึ่งท่านก็ช่วยผมมาเยอะเหมือนกันและที่สำคัญท่านก็เคยบอกว่าเค้าทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมก็อย่างว่าแหละครับตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนแบบนี้เลย
    ตอนนี้บางทีก็นั่งให้เค้าทำคิดว่าทำได้ก็ทำไปคิดว่าถ้าเป็นกรรมจริงก็คงหนีไม่พ้นก็คงต้องแอ่นอกรับทำไงได้ก็ทำไว้กับผู้อื่นก็ต้องรับกรรมไปแก้ไขไม่ได้ หลังจากที่ผมโดนผมจึงคิดว่า การทำความดีนั้นทำยากแต่ผมที่ได้ รู้สึกดีเสมอ แต่ทำชั่วนั้นทำง่ายแต่ผลที่ได้ทรมานที่สุดเท่ากับกรรมที่ทำและจากที่ได้เจอมานั้นผมชอบนั่งสมาธิมากเพราะว่ารู้สึกสุขแบบแปลกๆแบบว่าใจเย็นทั้งวันใครทำอะไรก็เฉยไม่ทุกข์ร้อนชอบมากอยากนั่งทั้งวันทั้งคืนเลยแต่ก็คนที่ทำผมขัดขวางตลอดผมเคยพูดกับแฟนผมว่าเรามีอะไรกันไม่มีความสุขเท่านั่งสมาธิไม่ใช่ผมจะเอาเรื่องไม่ดีมาเล่านะครับแต่ที่อยากจะบอกท่านที่ได้เข้ามาอ่านว่าความสุขที่แท้จริงนั้นผมเจอแล้วครับแต่ไม่ทราบว่าต้องทำไงต่อเท่าที่ผ่านมาก็ดาวน์โหลดธรรมะจากเว็ปนี้ทั้งเทศนาของพระและพระคาถาไปฟังไปปฏิบัติก็รู้สึกดีมากครับอย่างน้อยๆเว็ปนี้ก็ทำให้ผมรู้ว่าอินเตอร์เน็ทไมใช่มีแต่ภาพโป๊ะหนังโป๊ะเท่านั้น ทำให้ผมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รู้ว่าความดีความชั่วนั้นมีจริงจากที่เมื่อก่อนแม่ด่าตลอดทะเลอะกับแม่ประจำทำให้แม่ร้องให้ก็บ่อย คิดแค่ว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ แต่ตอนนี้สวรรค์ไม่มีนรกอยู่บนดินทรมานกินยาก็ไม่หาย ลองเอาหัวปักบนที่นอนเอาเท้าชี้ขึ้นข้างบนก็ไม่หาย ที่ทำได้และเป็นยาที่จะแก้ไขได้คือธรรมะ แต่อาการนั้นไม่เหมือนยาปัจจุบันที่กินแล้วหายปวดหายไข้ทันทีอาการค่อยหายลงเรื่อย เพราะส่วนหนึ่งตอนนี้ผมก็ทำบุญเรื่อยสวดมนต์ตามที่ท่านๆทั้งหลายได้กรุณาบอกผมมา แปลกนะครับความดีนั้นทำแล้วค่อยเป็นค่อยไป แต่จะอยู่นาน และความชั่วนั้นทำแล้วชั่วและก็ช่วได้ใจจริงๆ (อาจจะไม่ถูกต้องผมก็คิดว่าเป็นแบบนี้)ถ้าอยากรู้ความจริงว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่นั้นโทรไปถามแม่ผมได้เลยนะครับ และขอขอบคุณถึงท่านที่ได้จัดทำเว็ปนี้ด้วยนะครับ.........และที่เล่ามานั้นก็แค่ไม่อยากให้ผู้อื่นต้องมาเจอแบบผมเพราะมันทรมานไม่เจอเองไม่ร้หรอกครับว่าทรมานแค่ใหนบอกใครก็ไม่มีใครเข้าใจหาว่าเป็นโรคประสาทร..........ขอบคุณที่ท่านเข้ามาตอบและช่วยเหลือนะครับ............หม่อน
     
  16. Pan&R

    Pan&R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +320
    คุณหม่อนคะ พี่แนะนำให้ไปฝึกกรรมฐานที่ซอยสายลม คือการฝึกแบบ "มโนมยิทธิ" ค่ะ การฝึกแบบนี้ จะมีครูแนะนำ

    มโนมยิทธิ แปลว่า มีฤทธิ์ทางใจ เมื่อฝึกแล้ว จิตของคุณจะสามารถท่องไปพบเห็น นรก สวรรค์ พรหม และนิพพานได้ จะทำให้คุณพ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ได้ด้วย
    ชวนภรรยาไปด้วยกันก็ได้นะคะ

    สำหรับสถานที่ เค้าโพสไว้ที่เว็บนี้หลายกระทู้ ลองดูนะคะ
     
  17. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ลองมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมกำหนดดูเวทนาต่างๆทีเกิดขึ้นในกายดูสิครับ ตามดูไปจนกว่าความรู้สึกต่างๆจะดับไปเอง ไม่ว่าจะเจ็บจะปวดหรืออึดอัดอะไรก็ตาม คุณก็มีสติกำหนดรู้ตามดูเวทนาเหล่านี้ให้ตลอดสาย พอทำต่อเนื่องถึงจุดหนึ่งอาการต่างๆเหล่านี้จะค่อยๆสลายไปหรือไม่ก็หลุดออกไปจากกายคุณเองครับ (แล้วก็ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมบ่อยๆจะช่วยป้องกันอะไรไม่ดีมาเข้าตัวได้ครับ)
     
  18. ท่าข้าม

    ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +2,513
    ขอให้คุณหายจากความทุกข์ร้อนไวๆ ท่าข้ามเอาใจช่วย และขอให้คุณลองทำตามที่คุณ pan&r แนะนำท่าข้ามเชื่อว่าคุณจะหายแน่ๆ ผีไหนๆก็สู้คุณพระพุทธเจ้าไม่ได้แต่คุณต้องทำใจให้เชื่อมั่นในพระองค์ให้มั่นคงให้ได้นะ ท่าข้ามเคยโดนผีหวงที่(ณ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง)มาดึงผมเพราะเขาโกรธที่ไปนอนห้องเขา ท่าข้ามกลัวสวดมนต์บทไหนเขาก็ไม่ไป(เพราะจิตมันยังกลัวอยู่) สุดท้ายนึกถึงหลวงพ่อฤาษีได้ท่านบอกว่า ผีตัวไหนก็กลัวพระพุทธเจ้า ท่าข้ามเป่าพุทโธออกไป พุทโธแรกเขาไม่ยอมปล่อยมือ(แถมยังโผล่หน้าสุดแสนน่ากลัวและโกรธแค้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน) แต่พอพุทโธที่สองท่าข้ามรวมพลังจิตนึกถึงพระพุทธเจ้าลืมความกลัวแต่มีจิตตั้งมั่นในพระพุทธเจ้าแล้วเป่าพุทโธออกไป ผีตัวนั้นก็ปล่อยมือและหายไปเลย (เรื่องผีหลอกใครไม่เจอเองไม่รู้หรอกว่ามันน่ากลัว) เวลาคุณไปไหน คุณควรนึกถึงพระพุทธรูป(เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า)ในท่านประทับอยู่บนศรีษะหรือในอกของคุณก็ได้ แล้วกำหนดจิตแผ่เมตตาออกไปรอบๆทิศแบบไม่มีประมาณ นึกขอให้สรรพสัตว์ทั้งมวลที่ใช่ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมีความสุขพ้นทุกข์ ท่าข้ามเชื่อว่าแม้ผีที่เข้ามาเกาะคุณอยู่จะโดนใครสั่งมา แต่ถ้าเขาโมทนาบุญของคุณได้เดี๊ยวเขาก็ไป (จริงๆเขาต้องไปตั้งแต่ตอนที่คุณอัญเชิญบารมีพระพุทธเจ้าประทับอยู่เหนือศรีษะหรือในอกแล้วเพราะเขาต้องกลัวพระพุทธเจ้าที่ท่านเสด็จประทับคุ้มครองคุณอยู่ แต่ที่สำคัญให้จำไว้ว่า ต้องเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าจริงๆว่าท่านช่วยคุณได้แน่ๆ ท่าข้ามขอแผ่เมตตาให้คุณหายจากความทุกข์ไวๆขอบารมีพระพุทธเจ้าคุ้มครองคุณในทุกหนแห่งที่คุณอยู่นะ ขอให้โชคดีบุญรักษาพระคุ้มครองจ้ะ
     
  19. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ ท่องไว้เป็นประจำ มีสติรู้ตัวพร้อมอยู่เสมอ

    แล้วหมั่นแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ขอให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ ทุกวันเป็นประจำ

    ทรงจิตให้มีพรหมวิหาร 4 อยู่เสมอๆ

    คิดว่าคงช่วยได้บ้างนะครับ
     
  20. พุทธธรรมจักร

    พุทธธรรมจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +159
    สวัสดีครับ.......
    ก่อนอื่นขอโมทนากับทุกท่านที่ช่วยตอบและแก้ไขปัญหาให้กับคุณ HMON.....ผมก็มีแนวคิดหรือ ข้อปฏิบัติที่จะหลุดพ้น.....ตรงนี้มาเพื่อพิจารณา..(ผิด..ถูกอย่างไรก็กรุณาวิเคราะห์ พินิจ พิจารณาด้วย)...ซึ่งขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านหรือนำไปใช้ ก่อน......จะเป็นการดีครับ(กลัวจะเข้าทำนอง.....ของเรื่องตาบอดคลำช้าง)....ผมว่าคงมีกรรมเก่าผูกติดกันมาละครับ....ก่อนอื่นต้องใจเย็นๆ...พยายามตั้งสติ..สัมปชัญญะ..ให้ดี..(ได้แบบสติปัฏฐานสี่เลยยิ่งดี)...ทุกอย่างมีเกิดก็ต้องมีดับ...(สูญสิ้นสลายไป..เกิดขึ้น...ตั้งอยู่..ดับไป..).ตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า....ปกติผมว่า(ตามความเข้าใจของผม)ถ้าไม่มีกรรมต่อกัน..คงทำอะไรกัน ไม่ได้....ต้องพยายามยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น....คิดหวังในทางหรือสิ่งที่ดีงาม...นึกถึงบุญกุศล...บุญบารมีที่เราเคยได้สร้างสมมาแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน..นึกถึงบุญบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน...คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์...(รวมถึงทั้งที่เรา....ไปขอพึ่งบุญบารมีของท่านมาด้วย) และผู้มีพระคุณทุกๆท่านทุกๆพระองค์.....(กล่าวเพิ่มเติมได้...ตามที่เราต้องการหรือเห็นสมควร) ขอช่วยปกป้องคุ้มครองรักษา.......ให้หลุด...ให้พ้น....ให้หาย....ขอช่วยป้องกันภัยอันตรายต่างๆ......(ก็กล่าวว่าไปตามที่เราต้องการ....) ก็ว่าบ่อยๆ เท่าที่เรานึกได้(หรือจะจดบันทึก..พกติดตัวไว้คอยท่องหรืออ่านตลอดก็ได้..รวมถึงทั้งพระคาถา..บทสวดมนต์ต่างๆที่เขาแนะนำมา..ตามที่พิจารณาว่าเห็นสมควร).....ถ้าสติสัมปชัญญะเราดี...กำลังใจดี..สามารถภาวนาไว้ตลอดเวลาก็จะเป็นการดีมาก...ทั้งคาถาที่ใช้หรือคำภาวนาต่างๆ(ที่เพื่อนสมาชิกในเว็ปแนะนำ)......ที่สำคัญเราพยาม...อย่าตกอกตกใจ...หรือเสียกำลังใจไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..อย่าท้อแท้...ให้ตัดท้อออกเหลือแต่แท้อย่างเดียว...สู้..(ด้วยความดี..บุญกุศล..ปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)..ต้องสู้ถึงจะชนะ...ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม...ทำดีย่อมได้ดีทำชั่วย่อมได้ชั่ว.....ทุกคนเกิดมาตายทุกคนไม่ว่าช้าหรือเร็ว...เด็กหนุ่ม..ละอ่อน..คนแก่...(พิจารณาตามหลักธรรมคำสอนฯทั้งในเรื่องของอนุสติอันมีมรณานุสสติ..เป็นต้น)..ที่ติดไปได้ตอนวายชนน์นั้นก็คือ....ต้นผลบุญกุศลที่เราได้ทำได้สร้างขึ้นมา....ทำใจให้ว่าง..ปล่อยวาง...ให้นิ่งในความดี...ในธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...(ตลอดเวลา..เป็นไปได้อย่าให้เผลอ...ให้พยายามนึกถึงรูปองค์พระ...เป็นแก้วใส...อยู่ภายในตัวเรา...ประเภทไปไหนไปด้วยกัน...ขึ้นเขาลงห้วย..เข้าห้องน้ำห้องส้วมก็ไปด้วยกัน) ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย..(พยามให้เข้าถึงจิตถึงใจ... ถ้าเป็นไปได้....และก็อยากจะให้เป็นไป....คือปฏิบัติไปจนกว่าจะตายกันเลย...)..และในการบริกรรมอธิษฐานต่างๆดังกล่าวในเบื้องต้น..และคำภาวนา...(ถ้า...อยากเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้น..บางทีจิตมันควบคุมยาก...ก็อาราธนาองค์พระ...เครื่อง..หรือวัตถุมงคล...ขึ้นแขวนคอ..หรือพกติดตัวไว้ตลอดเวลาก็ดีเหมือนกัน)....แล้วก็..แนะนำให้ปฏิบัติสมาธิ..ภาวนา...ถือศีล ๕ เป็นอย่างน้อย......พยายามทำใจ.....ให้อภัยกับทุกสิ่ง..ทุกอย่างที่เกิดขึ้น.....(พยายามอย่าอาฆาตหมาดร้าย.....เท่าที่จะทำได้....ถือหลักพรหมวิหาร ๔ เข้าไว้)..อโหสิกรรมให้ได้ก็จะเป็นการดี...แผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย....เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทุกคน...รวมถึงทั้งเจ้ากรรมนายเวรด้วย...(ก็ขอให้แผ่ทุกครั้ง...ที่ปฏิบัติสมาธิ..เจริญภาวนา...หรือไหว้พระสวดมนต์)รวมถึงทั้งบุคคลที่คิดปองรายหรือทำไม่ดีกับเรา.....(อาจจะทำยากสักหน่อย...แต่ก็ขอแนะนำพยายามให้ทำ)..และควรไปทำบุญให้มากๆเข้าไว้..ไม่ว่าบุญอะไรๆๆ.....ทั้งทำทาน..ถือศีล..เจริญสมาธิภาวนา...ปล่อยนก...ปล่อยปลา...สัตว์ที่จะถูกฆ่า..ฯลฯ..แล้วก็อุทิศส่วนบุญกุศลนี้ไปให้เขา...(หรือกรวดน้ำ)....อฐิษฐานกำกับเพิ่มเติมด้วยยิ่งดี...เช่นขออย่าจองเวรจองกรรมกันเลย..จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด.....อย่างนี้เป็นต้น....หนักก็จะเป็นเบา...เบาก็หายได้....หรือดีไม่ดีจิตเราสูงขึ้น(มีภูมิธรรม...บารมีสูงขึ้นตามที่เราได้ประพฤติดีประพฤติชอบตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)ร้ายก็กลายเป็นดี...เราอาจได้.....เพชรในโคลนตม....ก็.......เป็นได้...คือเราได้ปฏิบัติสมาธิ..ประพฤติธรรม...จนจิตใจ...แจ่มใส....แข็งแกร่งต่อกิเลส..อาสวะ..กิเลสมารทั้งหลายก็หลุดไปๆๆๆ.....เกาะไม่ติด..(เข้าทำนองเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส) มันเหมือนน้ำกับน้ำมันมันเข้ากันไม่ได้.....จิตที่ละเอียด..กับจิตที่หยาบ...มันก็ไม่เจอกัน..เข้าทำนองคนละพวก.....ประเภทคนละคลื่น....(คลื่นวิทยุ...โทรทัศน์นะ...เดี๋ยวจะเข้าใจว่าเป็นคลื่นทะเล)สิ่งที่ไม่ดีงามต่างๆ..ที่เกิดขึ้นกับตัวเราก็ค่อยๆหลุดไป....เข้าทำนองเกาะไม่ติด...ถึงติดก็ลื่นหลุด...เผอๆ...หรืออาจจะไม่เผอ...เจอจะๆๆๆๆ...เข้ากับธรรมะการปฏิบัติที่ทำให้ตัวเราเองสามารถหลุดพ้นจากวัฏฏสงสารเลยก็เป็นได้.....เรื่องพวกนี้ก็ไม่มายุ่งเกี่ยวกับเราอีก..(เนื่องจากคนเราเวียนว่ายตายเกิดมาจนนับไม่ถ้วน....ทุกๆคนก็เจอ...กฏแห่งกรรมมาสนองเหมือนๆกัน).อย่างน้อย(คิดว่าน่าจะเป็นอย่างมาก...มากกว่า)ก็เป็นปัจจัยให้เราพบหนทางแห่งมรรคผลนิพพาน....หรือหนทางแห่งความสงบ....เกิด ศีล สมาธิ ปัญญา...และวิมุตติ....อันนำไปสู่ทางแก้ปัญหาทั้งปัจจุบันและแบบถาวร....ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่เราต้องฝึกจิต..ใจ...ของเราเป็นหลัก......ที่สำคัญต้องควบคุมจิต..สติ..สัมปชัญญะของเราไม่ให้ไหลไปสู่ที่ต่ำ....(ของต่ำ....มันจะไหลเข้าหากัน...เอง) ถ้าจิตใจเราสูง....ของต่ำกว่ามันก็ไหลมาหากันไม่ได้.....เราฝึกจิตสูงขึ้นไปอีก...ของต่ำกว่าภายในกายในจิตของเราก็ไหลออกด้วย(ของทั้งเก่าของเดิม...ของใหม่ด้วย)....ผลที่ได้ก็ไม่มีประมาณ...เขียนหรือพิมพ์มา...รู้สึกเข้าทำนองน้ำท่วมทุ่ง.....กลัวว่าน้ำจะท่วมออกจอคอมพิวเตอร์..ของ...คนอ่าน...(ค่อนข้างหวัดไม่ค่อยดี...เนื่องจากเป็นหวัด..เลยง่วงๆ มึน..ๆ)..สุดท้ายนี้ (เออ..มีอีกอย่าง...ถ้าคุณฝึกปฏิบัติสมาธิได้ในระดับ...ไว้ใจได้แล้ว...ให้คุณนึกถึงความใสของจิตคุณ...ทุกอย่างว่างหมด...เพ่งออกไป.....ให้สิ่งไม่ดีนั้น..ว่างหรือละลายหายไปในอากาศ........) ก็ขอ...อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน..พระธรรม...พระอริยะสงฆ์ทุกๆท่านทุกๆพระองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลโลก..ช่วยดลบันดาลให้คุณ HMON จงพ้นทุกข์จากโรคภัย เคราะห์ร้ายต่างๆและปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้วข้างต้นแล้วนั้น ณ ปัจจุบันนี้โดยฉับพลัน ด้วยเทอญ..........<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...