กำหนดจิตไว้ที่นิ้วมือ แล้วไม่มีความรู้สึกที่นิ้ว ผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย boyza007, 24 สิงหาคม 2010.

  1. boyza007

    boyza007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +23
    ปกติแล้ว ขณะที่ผมกำลังเข้าสู้ฌาน 3 ร่างกายของผม ตั้งแต่ขา มาจนถึงคอ ไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนมีแต่หัวลอยเด่นอยู่ จึงได้เกิดความสงสัยว่าทำไมความรู้สึกในร่างกายส่วนต่างๆ หายไป (ผมไม่สามารถขึ้น ฌาน 4 ได้ เพราะยึดติดในอาการตัวแข็งตัวชา)

    เมื่อวานได้มีโอกาสกำหนดจิตไว้ที่นิ้วมือ ขณะนั่งอยู่บนรถ
    ผ่านไป 10 นาที นิ้วมือข้างที่กำหนดจิต มีอาการชา ลักษณะเดียวกับขณะที่เข้าฌาน 3 คือไม่มีความรู้สึกใดๆเลย ลามจากนิ้ว มาถึงข้อมือ

    ผมจึงเกิดความสงสัยว่า

    1. ขณะที่เข้าฌาน 3 จิตผมเพ่งไปที่หน้าผาก เมื่อจิตรวมที่หน้าผาก ทำให้จิตไม่ไปเกาะความรู้สึกที่ร่างกายส่วนอื่นๆ มาเกาะที่หน้าผากแทน ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า

    2. แล้วการที่ผมเพ่งจิตไปที่นิ้วมือ ทำไมความรู้สึกที่นิ้วมือ ถึงหายไปแบบเดียวกับอาการในฌาน 3

    3. อาการชา ไม่มีความรู้สึก ที่นิ้วมือ อธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้ไหม เช่น Oxygen ไม่ถูกส่งไปกับเส้นเลือดที่นิ้วมือ หรือ ระบบประสาทส่วนรับความรู้สึกของนิ้วมือหยุดการทำงานลงชั่วคราว

    ขอบพระคุณทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2010
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อันนี้ ของกล่าวว่า ถูกเฉพาะส่วนที่ เอาจิตไปเกาะหน้าผาก มันย่อมลืมส่วนอื่น
    เหตุผลคือ จิตรู้อารมณ์ได้ที่ละอย่าง เมื่อเอาจิตไปเกาะที่มือ แนบเข้าไป
    เพ่งเข้าไป มันก็ต้องลืมส่วนอื่นเป็นธรรมดา หรือ ตอนนั้นจิตไหลไปคิด มันก็
    ลืมกาย ตอนนั้นจิตไหลไปในรส มันก็ลืมลิ้น --- ดังนั้น การเห็นสภาวะธรรม
    แบบนี้ ให้ทำความรู้ไปเลยว่า "จิตมันรู้ได้ทีละอารมณ์" ซึ่งหากฝึกสติการับรู้
    ให้ไวขึ้น จนสันตติขาด ก็จะเห็นช้อสรุปเรื่องจิต "จิตมันรู้ได้ทีละอารมณ์" ได้
    ชัดเจน

    ส่วน

    อันนี้ขอรวบมาตรงที่

    โดยขอให้สังเกตว่า คุณเห็นอาการบางอย่างลามมาที่ข้อมือ ตรงนี้เป็นตัวชี้ว่า
    แท้จริงแล้ว คุณไม่ได้เพ่งที่นิ้วมือแต่อย่างไร หากเป็นเพราะ สนใจอยู่กับอาการ
    ชาเป็นสังขารที่เผลอยึดว่าเป็นของๆตน กล่าวคือ เกิดอุปทานเข้าจับ "อาการชา"
    ว่าคือหนทางของการรู้ เห็นอาการชาคือหนทางของการแล่นไปในสมาธิ เลยทำ
    ให้สนใจอาการเวทนากายบางอย่างเข้า

    อาการ "ชา" ที่เกิดจากระบบประสาทนั้น จะมีอยู่โดยปรกติ โดยเป็นอาการชา
    เพราะกระแสของเส้นประสาทก็ได้(มีเลือดเลี้ยงปรกติ) หรือ ชาเพราะอาการเส้น
    ประสาทขาดเลือดก็ได้(แต่อย่างหลังนี้ให้ความชาได้ชัดกว่า) และกรณีที่เรานั่ง
    บนรถ มันจะมีความเย็นปะทะที่ข้อศอก และแขน หรือบางที เราก็นั่งเบียดหรือ
    ตะเข็บใต้วงแขนของเสื้อมันเข้าไปขัด ทับเส้นเลือดใต้วงแขน หรือ บางทีก็สบัก
    โดนกดจากพนักพิง เหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลให้เกิด อาการชาตามแขนได้หมด

    พออาการชามันเกิดตามปรกติของมันแล้ว เราเอาจิต เข้าไปรู้ มันจึงรู้ได้

    ตรงนี้ ขออย่าตกใจอะไร ขอให้ผลิกเป็นความรู้ "จิตมันเป็นธาตุรู้" จึงสามารถ
    ทำการรู้สิ่งที่เป็นอาการ32ได้ ซึ่งหากจะฝึกจริงๆ ขณะนั่งบนรถ หากเห็นอาการ
    ชาในกายได้แล้ว จิตละเอียดพอที่จะมาเห็นแล้ว ลองนมสิการ ธาตุกรรมฐานคือ
    ระลึกความรู้สึก "เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว" เพราะเป็นอารมณ์ที่ปรากฏ
    ได้มากขณะนั่งรถ เห็นได้แล้วพิจารณาซ้ำลงไปถึงกายนี้เป็นเพียง ธาตุ4 ดิน น้ำ
    ลม ไฟ มาประชุมกัน แปรปรวนไปตลอดเวลา(ฝึกการเห็นไตรลักษณ์ไปด้วย)
    ตรงนี้จะทำให้ง่ายกว่า เพราะเหมาะกับ กาละ และ เทศะ ในการปฏิบัติ ไม่ต้อง
    พะวงเรื่อง "ฌาณ" และไม่หลับเลยป้าย ที่สำคัญ ทำให้ จิตพิจารณาขาดจากขันธ5
    ได้ ซึ่งการที่เราพิจารณาจิตให้ขาดจากขันธ์5ได้เนืองๆนั้น เป็นหัวใจอย่างหนึ่งที่
    จะต้องทำกิจศึกษาให้ได้ก่อน เพราะจะเอื้อต่อการทำ ฌาณ ได้มาก
     
  3. boyza007

    boyza007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +23
    ขอบพระคุณท่านเอกวีร์มากครับ ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...