ลาพุทธภูมิ โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 3 กันยายน 2010.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]

    การลาพุทธภูมิของหลวงพ่อมีหลายสาเหตุ
    สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือต้องการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ ปี
    อีกสาเหตุหนึ่งคือท่านเห็นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร

    การเจริญพระกรรมฐานที่เราศึกษากัน พวกเรามาเจริญกรรมฐานที่นี่แล้วไปฟังที่อื่นไม่รู้เรื่องน่ะ
    อย่าว่าท่านนะ อย่าไปว่าสำนักนั้นสอนไม่ดี เพราะเราไม่ได้ตามกันมา คือ จะต้องตามกันจึงจะพูดรู้เรื่อง
    คนที่เขาศรัทธาในสำนักอื่นก็เหมือนกัน มาสำนักเราเขาอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้ติดตามกันมา
    ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี เขาก็ดีเหมือนกัน
    คนที่จะพูดให้คนทุกประเภทรู้เรื่องได้น่ะ มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว
    แต่สำหรับพวกสาวกนี่ต้องอาศัยเป็นคนที่ติดตามกันมาแต่ในอดีตชาติ
    ทำบุญร่วมกันมาแบบนี้แหละ
    ฉันก็เกิดเป็นพระเรี่ยไรญาติโยมอยู่ตลอดเวลายังงี้ มันน่าเกิดทุกชาตินะ แต่มันไม่ยังงั้นน่ะซิ
    บางชาติก็พาพวกไปรบกับเขาสนุกสนาน ไอ้ฉันก็หัวโจกผู้หยงผู้หญิงก็คว้าดาบเข้าฟันกับเขา
    ตีกับเขา โอ๊! สนุก! เผลอ ๆ ก็ลงนรกกันสนุกเสียที
    แต่คิดว่าพวกเรานี่คงจะไม่ลงนรกมาประมาณ ๑,๐๐๐ ชาติแล้วนะ
    แล้วอย่ากลับไปอีกเลย ถ้าหัวหน้าไม่ลงลูกน้องก็ไม่ลงหรอก ใช่ไหม...

    ความจริงอาตมาไม่รู้เอง มีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อคราว พ.ศ. ๒๔๙๗
    ปีนั้นนั่งนึก ๆ ดู เอ..ไอ้กูนี่ตายแล้วจะไปไหนดีหว่า...มานั่งคิดบัญชีตั้งแต่เกิดมา
    มันทำบาปมากกว่าทำบุญ รู้ตัวว่าทำบาปมาเยอะ แต่การทำบาปก็เป็นสาธารณประโยชน์
    ถึงเป็นสาธรณประโยชน์ก็จริง แต่ไอ้การฆ่าเขานี่มันก็บาป ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโจรเป็นผู้ร้าย
    ก็มานั่งคิดว่าน่ากลัวจะไปนรกเล่นสบาย ๆ นั่งเลือกเอาสักขุม ขุมไหนก็ช่างมันเถอะ!
    รำพึงดูว่าจะเปลื้องตัวเองให้พ้นนรกจะทำยังไง การเจริญพระกรรมฐานน่ะจริง เจริญมาตั้งแต่วันบวช
    แต่ก็เกรงกำลังใจว่าเวลาตาย ถ้าจิตเราเสียนิดหนึ่งอาจจะไปนรก
    พอคิดถึงตอนนี้ก็มีเสียงไม่แว่วหรอก ดังชัด! เสียงถามว่า "จะไปขุมไหนดีล่ะ?"
    เสียงจากข้างบน ถ้ามาจากข้างล่างล่ะยุ่งแน่ เสียงเพราะนะ
    เหมือนเสียงเด็กก็ไม่ใช่ เป็นเสียงเด็กกับเสียงผู้หญิงบวกกัน
    เสียงประเภทนี้มาจาก ๒ แห่ง คือ จากพรหมหรือจากนิพพาน
    แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าจะเป็นเสียงพรหม ถามว่า "จะไปขุมไหนดี ตัดสินใจแล้วหรือยัง?"
    ตอบไปว่า "ยังหาที่เลือกไม่ได้" แล้วเสียงนั้นก็ตอบมาบอกว่า
    "จะไปได้ยังไงในเมื่อท่านไม่ไปมา ๑,๐๐๐ ชาติแล้ว..."
    เราเลยนึกว่าแกโกหกน่ะซิ! ๑,๐๐๐ ชาติถอยหลังไป โอ้โฮ! ขนาดหนักเลย
    ฆ่านับหัวไม่ถ้วน รบทัพจับศึกนี่ฆ่ากันมาเท่าไหร่ ก็ถามว่า
    "มันจะแน่ได้ยังไง ไม่ตกนรก ๑,๐๐๐ ชาติ"
    แกบอกว่า "ถอยหลังไปดูซิ! ทุกชาติเล่นฌานสมาบัติ รบก็รบกัน
    เวลาเลิกจากรบก็ทำบุญสุนทาน สร้างวัดสร้างวาให้ทาน เจริญกรรมฐาน
    ก็ใช้กำลังฌานหนีนรกมาทุกชาติ แล้วทำไมชาตินี้จึงจะไปล่ะ?"

    เอ..ชักครึ้ม ๆ ค่อยยังชั่วหน่อย ก็เลยร้องถามไป "ถ้าฉันตายเวลานี้ไปอยู่ที่ไหน?"
    อีตอนนั้นความจริงยังไม่ถอนจาก "พุทธภูมิ"
    เขาเลยตอบว่า "ชาตินี้ก็เลือกเอาซิ! อยากจะไปอยู่พรหมหรืออยู่ดุสิต?"
    ก็เลยนั่งนึกนอนนึกจะไปไหนดีหว่า .. จะไปอยู่ชั้นดุสิต ผู้หญิงมากนี่ ดูท่าจะไม่ไหว
    เพราะอีตอนนั้นข้าง ๆ วัดแกทะเลาะกันเรื่อย พูดกันแค่คนละคำเราก็แย่แล้ว
    ถ้าจะไปอยู่พรหมก็นานเกินไป เลยคิดว่า เอ้า! อยู่ไหนก็ช่างมันเถอะ! ใช้ได้..
    ถ้าเขาพูดกันมากนัก เราทำเฉย ๆ เสียมันก็หมดเรื่อง..

    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลายปีนะ ปีนั้นนั่งอยู่คนเดียว
    พระเขาไปหากินผีกันหมด เขานิมนต์ไปมาติกาบังสุกุลหมดวัด
    ฉันมันเป็นคนขี้เกียจนี่ ถ้าไม่มาป้อนถึงวัดก็ไม่ค่อยจะเอาหรอก
    แล้วก็เป็นห่วงถ้าไปกันหมดเดี๋ยวขโมยลักวัด เลยนั่งอยู่คนเดียว
    ประมาณสัก ๔ โมงเช้า ลองนึกดู เออ..ไอ้กูมันเกิดมาเป็นคนมากี่ชาติหนอ
    แล้วเป็นสัตว์มากี่ชาติ นึกเท่านี้ก็มีเสียงกังวานมา เสียงเพราะมาก
    เสียงผู้หญิงบวกผู้ชายเหมือนกัน แต่กังวานมากนี่เป็นเสียงจากนิพพาน
    แต่ฟังชัดมากเหมือนกับเราคุยกันใกล้ ๆ บอกว่า "คุณอยากจะรู้หรือว่าเกิดเป็นคนกี่ชาติ? เกิดเป็นสัตว์กี่ชาติ?"
    ก็เลยตอบว่า "พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าอยากจะทราบ" ท่านก็บอกว่า "ดูข้างหน้านี่ซิ!" ก็มองไปข้างหน้า
    ไอ้ชาติที่เกิดเป็นคนนี่นอนเรียงกันยาวสัก ๑๐ กว้าง ๑๐ นี่นะเรียงขึ้นไป มันเลยเขาพลองตั้ง ๒ เท่า
    ส่วนภาพเสดงชาติที่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นอีก ๔ เท่า จากสัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่สูงเท่า ๆ กันแหละ
    คิดเฉลี่ยแล้วเป็นสัตว์มากกว่าเป็นคนมาก แหม...เรามีบุญเยอะ
    ท่านก็เลยบอกว่า "นี่แค่สัตว์กับคนนะ นรกยังไม่ได้คิด" แหม..ขนาดนรกยังไม่ได้คิด
    ท่านก็เลยบอกว่า"เราทิ้งอัตภาพมาขนาดนี้แล้ว ร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์
    ขณะที่เราเกิดเราก็คิดว่าเราไม่ตาย แต่ทุกชาติเราก็ตาย ทำไมชาตินี้เราจะห่วงใยอะไรต่อไปอีกรึ
    ยังคิดว่าเราจะเกิดต่อไปรึ เห็นไหม.. แต่ละอัตภาพที่เกิดมาน่ะมันก็เต็มไปด้วยความทุกข์
    แล้วการเกิดแต่ละชาติมันไม่ใช่เป็นมนุษย์เสมอไป ไปเป็นสัตว์เดรัจฉานจากสัตว์เล็กไปถึงสัตว์ใหญ่ก็มี
    บางคราวเกิดเป็นเทวดาก็มี เป็นพรหมก็มี เป็นสัตว์นรกก็มี แต่ไอ้เทวดากับพรหมน่ะมันน้อยกว่า
    สัตว์นรกและสัตว์เดรัจฉาน แล้วคุณจะหวังเกิดมาทำไมล่ะ .. ?"

    เราก็นั่งตาปริบ ๆ ไอ้เราก็ไม่อยากจะเกิด แต่มันก็เกิดจะไปว่ายังไงมัน เลยถามท่านว่า "ถ้าอย่างนั้นล่ะ! จะไม่เกิดได้ไหม?"
    ท่านบอกว่า "ไม่เห็นมันยากนี่" แน่ะ! พูดกับคนไม่ยากนี่ พูดกับคนที่ไม่รู้จักเกิดก็ "ไม่ยาก!" ถามว่า "ไม่ยากจะทำยังไง?"
    ไอ้ที่ทำอยู่นี่ก็เพื่อความไม่เกิด แต่ว่ากำลังใจยังไม่ได้ตัดสินแน่นอนนัก ยังมีจังหวะห่วงหน้าห่วงหลัง
    มีจุดหนึ่งที่คิดว่าเราต้องการสงเคราะห์ประชาชนให้มีความสุข เพราะอาศัยพุทธภูมิเป็นสำคัญ
    จิตอีกดวงหนึ่งคิดว่าทำบาปขึ้นมานี่ เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานเสียดีกว่า
    ท่านบอก "อย่าให้มันแย่งกันซิ! เอาด้านใดด้านหนึ่ง" ถามว่า "ถ้าด้านใดด้านหนึ่งใช้เวลานานไหม?"
    ท่านบอก "ไม่นาน" ถามว่า "เท่าไหร่?"
    ท่านก็ตอบ แต่จะไม่บอกนะว่าท่านบอกว่าไง ท่านก็กะเวลาให้ อ๋อ! เรื่องเล็ก ๆ
    แต่ว่าต้องเป็นนักเรียนทุน พอเรียนจบแล้วต้องทำงานใช้หนี้ ๑๒ ปี ก็ทำตามท่านรู้สึกว่าง่าย
    ที่ง่ายเพราะอะไร เพราะว่าอันดับต้นที่บวชใหม่ ๆ เล่นสมาบัติ ๔ ถึงสมาบัติ ๘
    พอถึงสมาบัติ ๘ อาศัยที่ปรารถนาพุทธภูมิ มันก็ยั้งตัวอยู่แค่นั้น ก็ฟัดกันเรื่องสาธารณประโยชน์
    "พุทธภูมิ" นี่ห่วงคนอื่นมากกว่าห่วงตัว ตัวเองจะมีกินหรือไม่มีกินไม่สำคัญ ขอให้สาธารณชนเขามีความสุข
    จิตใจมันขยายไปแบบนั้นนะ ไอ้ที่นอนก็เป็นเสื่อขาด ๆ เก่า ๆ ของใหม่ไม่มีในกุฏิ เวลานี้ที่วัดมีของดี ๆ มาก
    ชาวบ้านเขาจัดให้ ถ้าชาวบ้านเขาให้ชนิดไม่จำกัดล่ะหมด แจกเรียบ!!!...

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2010
  2. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    หลวงพ่อฤาษีหลังลาพุทธภูมิ
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
    ผมขอสรุปข้อๆ มีความสำคัญดังนี้

    1. ท่านเหนื่อยมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มอยู่ สมัยตอนบวชใหม่ๆ ท่านก็ต้องทำงานหนักด้านก่อสร้าง ร่วมกับเพื่อนสนิทของท่าน2องค์ (ท่านฤาษีองค์เล็กและท่านฤาษีองค์ขาว) มาโดยตลอด แต่ท่านใช้วิธีเอากายทำงานทางโลก เอาจิตทำงานทางธรรมเป็นพระกรรมฐาน ท่านสามารถทำได้พร้อมกันโดยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    (ข้อนี้ฟังท่านพูดสอนแล้ว รู้สึกอายท่าน เพราะส่วนมากพวกเราใช้เวลาท่องเที่ยว กินและนอนเสียเป็นส่วนใหญ่ หากเกิดตายไปในระหว่างนั้น มีหวังเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะตายในอารมณ์หลงโมหะจริต)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    2.ท่านว่าพุทธภูมิต้องเหนื่อย ยิ่งลาแล้วยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม เพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาตามทวงหนัก (ในข้อนี้มีความจริงอยู่ว่า ท่านบำเพ็ญวิริยะธิกะ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 16 อสงไขย กำแสนกัป ท่านบำเพ็ญมาเหลืออีก 7 ชาติสุดท้ายแล้ว เข้าขั้นปรมัตถบารมี เพราะเหลืออีก 10 ชาติสุดท้าย จัดเป็นปรมัตบารมี แต่ท่านตัดสินใจลาพุทธภูมิในชาติปัจจุบันนี้ดังนั้นกรรมชั่วต่างๆ ที่ท่านทำไว้ในอดีต ก็จะรวมตัวกันตามทวงท่านในชาติสุดท้าย กรรมจึงหนักเป็น 7 เท่า พวกเราซึ่งอธิฐานขอเป็นสาวกของท่าน ก็ขอลาตามท่าน ผลของกรรมชั่วที่พวกเราทำไว้รวมตัว ทวงพวกเราหนักเป็น 7 เท่าเช่นกัน ไม่มีใครได้รับการยกเว้น คิดถึงจุดนี้แล้วรู้สึกหนาวๆร้อนๆ แต่ก็ต้องทนให้ได้แบบท่านซึ่งเป็นเป็นผู้นำ เพราะเป็นชาติสุดท้ายแล้วกรุณากลับไปอ่านคำสอนของสมเด็จปฐม ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ 3 เรื่องอุบายการละสักกายทิฏฐิ ความไม่ประมาท และความไม่ประมาณ และความตาย กับความเจ็บไข้โดยเฉพาะใน หน้าที่ 26 ข้อที่ 9 แล้วท่านจะเข้าใจได้ดี
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    3.การเจริญกรรมฐานก็หนัก เพราะต้องเร่งรัดตนเองมากกว่าสาวกปกติ

    (ในข้อนี้จะเห็นได้จากหลักฐาน คำสอนของท่านซึ่งมีอยู่ในเทปธรรมะท่านเป็นพันๆม้วน บรรดาศิษย์ของท่านก็เมตตาถ่ายทอดถอดออกเป็นหนังสือธรรมะของหลวงพ่อ แจกพวกเรามาตลอด 15 ปี ที่ผ่านมาก็หลายสิบเล่มแล้วก็ยังไม่หมด)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    4.พวกพุทธจริต ก็คือพวกที่ลาพุทธภูมินั้นเอง ดังนั้นการจบกิจก็ต้องเรียนรุ้หมด ตามจริตของตนจึงจะผ่านได้ เพราะฉะนั้นเอ็งและหมอห้ามบ่นเรื่องเหนื่อย แล้วหนักในการปฏิบัติเพราะเราเสือกเลือกกันมาเองกันทั้งนั้น อยากไปทางลัดก็ต้องเร่งรัดกันอย่างนี้แหละ


    (ในข้อนี้พวกเราเกือบทุกคนล้วนเคยปรารถนาพุทธภูมิกันมาก่อนทั้งสิ้น เมื่อลาพุทธภูมิจึงมีพุทธจริต จัดเป้นพวกฉลาด มีปัญญาจึงไม่มีใครอยากจะเกิดมามีร่างกายให้พบกับทุกข์ โทษและภัยการเกิดอีก หลักสูตรมีอยู่พร้อมแล้วอยู่ที่ความเพียรของแต่ละคน ใครเพียรมากพักน้อยก็จบเร็ว ใครเพียรน้อยก็จบช้า ขอย้ำอีกครั้งให้อ่านคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม ที่เขียนไว้ในข้อที่ 2 ในเรื่องนี้แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดมรรคผล)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    5.ทั้งหมดล้วนเป็นกฎของกรรม ซึ่งเราทำเอาไว้เอง ถ้าเราไม่ยอมรับผมกรรมตามนี้ ก็ยากที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ (ข้อนี้ชัดเจนอยู่แล้ว)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    6.พุทธภูมิมีงาน3ลำดับ คืองานศึกษา งานโยธาและก่อสร้าง งานสอนพระกรรมฐานซึ่งหนักที่สุด เพราะมีบริวารมาก เป็นกรรมที่ร่วมกันมา ศิษย์จึงมากตอนเร่งรัดบารมีต้องมาเหนื่อยและหนักด้านโยธาจนกว่าจะตาย


    (ในข้อนี้ท่านจะเน้นงานสอนกรรมฐานซึ่งหนักที่สุด ก่อนท่านจะทิ้งเปลือกหรือ ขันธ์ 5 ที่ท่านอาศัยชั่วคราวไปพระนิพพาน ท่านได้มอบหมายหน้าที่ตอบปัญหากับผมไว้ ให้ผมทำหน้าที่แทนท่าน เมื่อท่านไม่อยู่ ท่านเคยเล่าให้ผมฟังเป็นการส่วนตัวว่า พอท่านกลับจากซอยสายลมถึงวัด วันแรกท่านหมดแรง นอนแผ่หลาทุกทีกรรมนี้ขณะนี้มาอยู่กับผมแล้ว ก็การตอบแทนพระคุณของพระพุทธองค์ และของหลวงพ่อท่านอันหาค่ามิได้ ผมไม่ขอเขียนรายละเอียด ผู้ใดสงสัยกรุณากลับไปอ่านเรื่องอารมณ์อีโก้ ซึ่งสมเด็จองค์ปัจจุบันตรัสสอนไว้อีกครั้งแล้วท่านจะเข้าใจดี)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    7.ขนาดจบกิจพระศาสนาแล้ว งานยิ่งหนักขึ้น เพราะท่านมีลูก หลานบริวารมาก การถวายเงินก็เข้ามามาก ทำให้ก่อสร้างยิ่งมาก เพื่อเป็นวิหารทาน อันเป็นบันไดให้เขาไปสู่สวรรค์ (ทานัง สักกะโส ปานัง ทานเป็นบันไดให้สู้สวรรค์ ) เป็นกำลังใจขั้นต้นของการปฏิบัติบูชาในศาสนา ขั้นต่อไปก็รักษาศีลและเจริญภาวนาตามทลำดับ ตามกำลังใจของแต่ละคน เพื่อก้าวเข้าสู่พระนิพพาน (ในข้อนี้ยังมีผู้ไม่เข้าใจอยู่มาก ทำให้สงสัยว่าหลวงพ่อก็อายุมากแล้ว กิจที่จะต้องตัดกิเลส-ตัณหา-อุปาหานและอกุศลกรรมก็ไม่มีแล้ว ทำท่านถึงยังเหนื่อยเรื่องสร้างวัดอยู่อีก


    ผมขออธิบายว่า เงินที่ถวายเข้ามา บางคนเน้น สร้างนี่ แต่บางคนก็ไม่เน้น หลวงพ่อท่านฉลาดจึงเอาเงินที่ถวายท่านส่วนใหญ่สร้างเป็นวิหารทาน เพราะเป็นบุญสูงสุดในวัตถุทาน ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ขออธิบายย่อๆว่า อานิสงส์ผมบุญจากการถวายสังฆทาน 100 ครั้ง ยังสู้ถวายวิหารทานครั้งเดียวยังไม่ได้ วิหารเป็นบุญสูงสุดในวัตถุทาน อันเป็นอริยทรัพย์ที่พวกเราเอาติดตัว (ติดใจ)ไปได้ พวกเราโชคดี มีวิมารที่สวยงามผิดธรรมดา มิใช่มีวิมานงดงาม ซึ่งแปลว่าไม่สวย ไม่งาม ไม่ได้เรื่อง ไม่น่าดู วิมานพวกเราทุกคนจึงประดับหรือสร้างด้วยเพชร 7ประการบ้าง 9 ประการบ้าง มิใช่สร้างด้วยทองคำหรืออย่างอื่น รายละเอียดยังมีมาก ขอเขียนย่อๆ เพียงแค่นี้
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    จึงขอสรุปว่าหลวงพ่อท่านเหนื่อยเพื่อพวกเราโดยตรง ขอให้เข้าใจไว้ด้วย เพราะบุญทั้งหลายเต็มแล้วสำหรับท่าน จะทำบุญอีกเท่าไหร่ก็ไม่เพิ่มยิ่งไปกว่านั้น และประการสำคัญพระอรหันต์ทุกท่านไม่ประมาท แม้ท่านจะจบกิจแล้ว บุญเต็มแล้ว ท่านก็ไม่ประมาท ตราบใดที่มีชีวิตหรือร่างกายยังทรงอยู่ ท่านก็เว้นจาการทำบุญ ทำทาน ทำความดีตลอดเวลา ขอให้พวกเราซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน จงเอาท่านเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติธรรมเพื่อไปสู่ความหลุดพ้น องค์สมเด็จท่านเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติธรรมเพื่อหลุดพ้น องค์เด็จท่านตรัสไว้ชัดเจน ตามเอกสารที่แจกให้ท่านไปแล้ว

    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน


    [​IMG]

    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กันยายน 2010
  3. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    อภิวาทวันทา
    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...
    อนุโมทามิ
     
  4. yommatood

    yommatood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +1,298
    "พุทธภูมิ" นี่ห่วงคนอื่นมากกว่าห่วงตัว ตัวเองจะมีกินหรือไม่มีกินไม่สำคัญ ขอให้สาธารณชนเขามีความสุข

    อนุโมทนาสาธุ
     
  5. ณัฐ ณัฐปพน

    ณัฐ ณัฐปพน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +48
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ



    แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว ;k05
     
  6. thol

    thol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +837
    อนุโมทนาสาธุครับ
    ขอให้ความสุขอยู่คู่กับคนไทยตลอดไปครับ
     
  7. wiputpongs

    wiputpongs Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +28
    ขออนุโมทนาสาธุ....ครับ

    ขออนุโมทนาสาธุ....ครับ
    ขออนุโมทนาสาธุ....ครับ
    ขออนุโมทนาสาธุ....ครับ
     
  8. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,407
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,420
    เ้กิดแล้วเป็นทุกข์ ชาตินี้ตามหลวงพ่อไปพระนิพพานดีกว่าครับ สาธุ สาธุ
     
  9. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    อนุโมทนาบุญจากการให้ธรรมเป็นทานครั้งนี้ด้วยครับ

    โชคดีแล้วที่ชาตินี้เกิดมาได้พบเจอธรรมะของหลวงพ่อ(ไม่เคยเจอหลวงพ่อตอนมีชีวิต)

    สิ่งที่หลวงพ่อทิ้งไว้มีค่ายิ่งนัก ลูกคนนี้จะขอเดินตามทางที่พ่อสอนไว้ครับ สาธุ
     
  10. บูชาพุทธ

    บูชาพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +858
    ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกันค่ะ ยังไงก็จะพยายามให้ดีที่สุด
     
  11. aumking

    aumking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +814
    อนุโมทนาสาธุครับ

    ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่ขอเกิดอีกแล้ว

    ไม่ขอทุกข์อีกแล้ว ไม่ขอสุขอีกแล้ว ไม่เอาทุกสิ่งทุกอย่างอีกแล้ว

    ทิ้งให้หมด
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043

แชร์หน้านี้

Loading...