น้ำมนต์เป็นไสยศาสตร์ ?

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ น้ำพระพุทธมนต์ครับ

 

โอ้ววววววว ฟังแล้วโดนจริงๆๆ ๐..๐

 

น้ำพระพุทธมนต์ มีผล

วัตถุมงคลทั้งหลายก็มีผล

จะไม่ยึดถือเลยก็ได้ตามจริตศรัทธา
แต่ฐานจิตยังไม่มั่นคง อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า
ก็ต้องพึงพาไปก่อน

บางคนที่จิตเข้มแข็งแล้ว ไม่ต้องพึ่งสิ่งเหล่านี้เพราะมีดีอยู่ในตนเองแล้ว
พระสงฆ์เองท่านอาจไม่ได้ใช้เพราะมีมนต์อยู่ในตนเองแล้ว

ญาติโยมยังต้องพึงพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
แม้กระทั่งเทวานุภาพอยู่

หลวงปู่ฤาษีเองท่านยังอาราธนาท้าวเวสสุวรรณ/ท้าวจตุโลกบาลมาในงานบุญต่างๆประจำ
เพื่อมาช่วยอำนวยการงานต่างๆ ให้สำเร็จ สมัยสร้างวัดท่าซุง

บรรดาเทพพรหมต่างๆ ล้วนยังต้องสร้างบารมีเพื่อให้ภพภูมิตนสูงขึ้นทั้งนั้น

 

เอาประสบการณ์จริงมาเล่าค่ะ เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน พาคุณแม่ไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่ามีก้อนเนื้อขนาดค่อนข้างใหญ่ที่บริเวณช่องท้องแถวๆตับ ครั้งแรกคุณหมอคลำเจอ และยืนยันชัดเจนจากเครื่อง MRT ช่วงนั้นคุณป้าอรสา บ้านของท่านอยู่แถวรามคำแหง(ปัจจุบัน ท่านจากโลกนี้ไปหลายปีแล้วค่ะ) ท่านเป็นสื่อรับญาณจากองค์มหาโพธิสัตว์กวนอิม ทำน้ำมนต์แจกฟรีช่วยเหลือคนเจ็บป่วย แต่ละวันมีคนไปรอคิวมากมายเป็นร้อยๆคน ดิฉันไปเข้าคิวขอมาให้คุณแม่ 2-3 ครั้ง ปรากฏว่าหลังจากนั้น อีก 2 เดือนต่อมาก้อนเนื้อหายไปหมด (ตรวจซ้ำจากเครื่องตรวจเดิม) โดยไม่กลับคืนมาอีก ซึ่งดิฉันก็ระลึกจดจำเมตตาคุณของทั้งคุณป้าอรสา และท่านพระแม่โพธิสัตว์กวนอิมมาจนบัดนี้

 

ให้พิจารณา
คำแปลคำให้พรของพระนั้นท่านให้เทวดามาช่วยรักษาด้วยการอิงอาศัยอานุภาพบารมีของพระรัตนตรัย

ภวตุสัพพมังคลัง รักขันตุสัพพเทวตา สัพพพุทธานุภาเวนะ สัพพธัมมานุภาเวนะ สัพพสังฆานุภาเวนะ สะทาโสตถีภวันตุเต

แปลได้ดังนี้

ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน ขอเทวดารักษาท่าน ขอพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพจงมีแด่ท่าน

ท่านให้เทวดามาช่วย ไม่ได้ให้พระพุทธเจ้ามาช่วย

พระพุทธเจ้ามาช่วยใครไม่ได้หรอกได้แต่บอกชี้ทางสว่างให้แล้วเดินเอง

ส่วนเทพพรหม ที่ยังสร้างทานบารมีอยู่จะมาเกื้อหนุนท่าน เมื่อท่านมีบุญอยู่หรืออาศัยพระรัตนตรัยอยู่ หากไกลพระ เทวดาจะมาช่วยก็จะลำบาก เพราะส่วนใหญ่เทพพรหม องค์ใหญ่ๆที่มีบารมีมากๆ จะอยู่ใกล้รักษาพระพุทธรูปคู่บ้านเมือง เช่นหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อพระพุทธชินราช หรือหลวงพ่อพระพุทธเมตตา ที่เมืองคยา อินเดียเป็นต้น
ข้อมูลนี้ครูบาอาจารย์ท่านบอกมาอีกที

 

ท่านอาจารย์ ท่านเคาะโดนกิเลสดีจริงๆเลย

 

เค้าพูดกันมานักต่อนักแล้วว่า "พุทธกับไสย ย่อมอาศัยกัน" นัยยะมันมาจาก ศาสนาพุทธผสมกับศาสนาพราหมณ์ ก็คือ......... "พุทธพราหมณ์" นั่นเอง

ไสยศาสตร์เกิดในคำภีร์พระเวทย์ของศาสนาพราหมณ์
*อายุประมาณ ๒,๐๐๐ ปีก่อนพ.ศ. ส่วนศาสนาพุทธเกิด ๔๕ ปี ก่อน พ.ศ.*

ซึ่งต่อมาศาสนาพุทธก็แยกตัวออกมาจากศาสนาพราหมณ์ ก็เลยมีการผสมกันของวัฒนธรรมต่างๆ การสวดมนต์ การทำพิธีบูชา หรือทำน้ำมนต์นั้นก็ถือเป็นของพราหมณ์ ในคำภีร์พระเวทย์ ในหมวดไสยศาสตร์แทบทั้งสิ้น

จึงไม่แปลกที่การทำน้ำมนต์จะเรียกว่า เป็นไสยศาสตร์แต่เป็นพิธีกรรมของศาสนาพุทธ กลายเป็น "พุทธไสยเวทย์" ก็ได้ ศาสนาพุทธแยกออกจากศาสนาพราหมณ์ไม่ได้ฉันใด ไสยศาสตร์กับศาสนาพุทธก็ย่อมอาศัยกันฉันนั้น

"พุทธกับไสย ย่อมอาศัยกัน" จึงเป็นปรัชญาที่เข้าใจศาสนาพุทธกับไสยศาสตร์มากที่สุด

ผมมีประสบการณ์ด้านไสยศาสตร์มาเกือบสิบปี อ่านเรื่องราวของผมได้ที่ puthsaiyavej.bloggang.com
Puthsaiyavej@hotmail.com ::::MSN